ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1791 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 35801 - 35820 จากข้อมูลทั้งหมด 124240 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
35801 | ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐตุรกี | วท | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า ความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิทยา ศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐตุรกี ไม่เข้าข่ายประเภทหนัง สือสัญญาตามมาตรา 190 วรรคสองของรัฐธรรมนูญฯ 2. อนุมัติการแจ้งของฝ่ายไทยเพื่อให้ความตกลงฯ มีผลบังคับใช้
|
|||||||||||||||||||||
35802 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินค่าก่อสร้างอาคารเรียนแบบ 324 ล. ตอกเข็ม จำนวน 3 หลัง | ศธ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณค่าก่อสร้างอาคารเรียนแบบ 324 ล.ตอก เข็ม จำนวน 3 หลัง ของโรงเรียน 3 แห่ง ดังนี้ 1.1 โรงเรียนสารวิทยา จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขต 2 จากเดิมวงเงิน 19,309,000 บาท เพิ่มเป็น 22,370,000 บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน จากเดิมผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2553-2554 เป็นผูกพันงบ ประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2553-2555 1.2 โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จังหวัดอุบลราชธานี เขต 1 จากเดิมวงเงิน 19,309,000 บาท เพิ่ม เป็น 21,400,000 บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน จากเดิมผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2553-2554 เป็น ผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2553-2555 1.3 โรงเรียนรัษฎา จังหวัดตรัง เขต 2 จากเดิมวงเงิน 19,309,000 บาท เพิ่มเป็น 22,000,000 บาท และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพัน จากเดิมผูกพันงบประมาณปี พ.ศ. 2553-2554 เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. 2553- 2555 2. ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
35803 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการการก่อสร้างอาคารแม่แบบการปฏิบัติการผู้ป่วยโรคติดต่อ สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค | สธ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้เพิ่มวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างอาคารแม่
แบบปฏิบัติการผู้ป่วยโรคติดต่อของสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค จากเดิม 364,770,000.00 บาท เป็น 365,818,705.00 บาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
35804 | การรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการดำเนินงานของคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน | กษ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและ
สหกรณ์รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การดำเนินงานของคณะกรรมการช่วยเหลือเกษตร กรและผู้ยากจน สรุปได้ดังนี้ 1. การอนุมัติเงินกู้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 (ตุลาคม 2552-มีนาคม 2553) กองทุนหมุนเวียนเพื่อการกู้ยืมแก่เกษตรกรและผู้ยากจนได้อนุมัติเงินกู้ให้เกษตรกรและผู้ยากจนจำนวน 604 ราย จำนวนเงินที่อนุมัติ 185,472,876 บาท จำนวนที่ดินที่ช่วยไถ่ถอนหรือซื้อคืน 5,413-1-00.3 ไร่ และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 กองทุนหมุนเวียนฯ ได้อนุมัติเงินกู้จำนวน 22,396 ราย จำนวนเงิน 3,249,376,965.63 บาท จำนวนที่ดินที่ขอไถ่ถอนหรือซื้อคืน 234,279-3-97.2 ไร่ สำหรับการรับชำระหนี้ ในช่วงเดือนตุลาคม 2552-มีนาคม 2553 กองทุนหมุนเวียนฯ ได้รับชำระหนี้ต้นเงินคืนจำนวนเงิน 79.41 ล้าน บาท และดอกเบี้ยจำนวนเงิน 38.85 ล้านบาท และ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2553 กองทุนหมุนเวียนฯ มียอดหนี้ต้น เงินกู้คงเหลือจำนวน 1,490.40 ล้านบาท เป็นหนี้ปกติจำนวนเงิน 914.42 ล้านบาท และหนี้ค้างชำระจำนวน 575.98 ล้านบาท 2. สถานะการเงินในช่วง 6 เดือนแรก (ตุลาคม 2552-มีนาคม 2553) กองทุนหมุนเวียนฯ มีรายรับ ทั้งสิ้นจำนวน 123,551,292.24 บาท และรายจ่ายทั้งสิ้นจำนวน 229,859,510.68 บาท และ ณ วันที่ 31 มีนา คม 2553 กองทุนหมุนเวียนฯ มียอดเงินคงเหลือรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 456,598,768.41 บาท
|
|||||||||||||||||||||
35805 | เลื่อนและแต่งตั้งข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ระดับ 11 และระดับ 10 (จำนวน 4 ราย 1. นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ฯลฯ) | มท | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งระดับ 11 จำนวน
1 ราย และระดับ 10 จำนวน 3 ราย รวม 4 ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่ กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ 1. นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 11 ปลัดกรุงเทพมหานคร สำนักงานปลัด กรุงเทพมหานคร 2. นายพูลพันธ์ ไกรเสริม ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 10 รองปลัดกรุงเทพมหานคร สำนักงาน ปลัดกรุงเทพมหานคร 3. นายกระมล โอฬาระวัต ดำรงตำแหน่งนักบริหาร 10 ผู้อำนวยการสำนัก สำนักเทศกิจ 4. นางศิริลักษณ์ สักกวัตร ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการ 10 สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร
|
|||||||||||||||||||||
35806 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอัครวัฒน์ อัศวเหม) | กค | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายอัครวัฒน์ อัศวเหม ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี
ว่าการกระทรวงการคลัง ปฏิบัติราชการประจำรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายมั่น พัธโนทัย) ตามที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
35807 | มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ และนายมั่น พัธโนทัย) | กค | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติมอบหมายเป็นหลักการให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้รักษาราช
การแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือมีแต่ ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ ตามลำดับ ดังนี้ 1. นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง 2. นายมั่น พัธโนทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลง
|
|||||||||||||||||||||
35808 | รายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครงการ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 16 กรกฎาคม 2553 | กค | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการไทยเข้มแข็ง (รายโครง
การ) ประจำสัปดาห์ ข้อมูล ณ วันที่ 16 กรกฎาคม 2553 สรุปได้ดังนี้ 1. อนุมัติแล้ว จำนวน 41,832 โครงการ วงเงิน 349,960.44 ล้านบาท 2. การจัดสรร 2.1 รอจัดสรร จำนวน 4,093 โครงการ วงเงิน 32,834.01 ล้านบาท 2.2 จัดสรรแล้ว จำนวน 37,739 โครงการ วงเงิน 310,587.72 ล้านบาท 3. การจัดซื้อจัดจ้าง 3.1 ยอดจัดสรรที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดซื้อ 3.1.1 ทั้งหมด จำนวน 7,370 โครงการ วงเงิน 31,404.18 ล้านบาท 3.1.2 ยังไม่เกิน 15 วันทำการ จำนวน 185 โครงการ วงเงิน 10,988.90 ล้านบาท 3.1.3 เกิน 15 วันทำการ จำนวน 7,185 โครงการ วงเงิน 20,415.28 ล้านบาท 4. ยอดจัดสรรที่จัดซื้อแล้ว จำนวน 30,369 โครงการ วงเงิน 279,183.54 ล้านบาท 5. มูลค่าจัดซื้อตามสัญญา จำนวน 30,369 โครงการ วงเงิน 256,383.31 ล้านบาท 6. การดำเนินการ 6.1 ยังไม่เริ่มเบิกจ่าย จำนวน 2,154 โครงการ วงเงิน 63,301.86 ล้านบาท 6.2 เบิกจ่ายแล้วบางส่วน (ยังไม่เสร็จ) จำนวน 26,890 โครงการ วงเงิน 166,316.68 ล้านบาท 6.3 เสร็จสมบูรณ์แล้ว จำนวน 1,325 โครงการ วงเงิน 26,764.77 ล้านบาท 6.4 เบิกจ่ายทั้งหมด จำนวน 28,215 โครงการ วงเงิน 193,081.45 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
35809 | ขอขยายเวลาการดำเนินโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา | ศธ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ขยายเวลาในการดำเนินการจัดทำคุณลักษณะครุภัณฑ์เฉพาะการจัดซื้อและการขอรับ การจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณตามโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของสำนักงานคณะ กรรมการการอาชีวศึกษา ในส่วนของรายการที่มีความพร้อมในการขอรับการจัดสรรเงินจากสำนักงบประมาณ ออกไปจนถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ 2. ในส่วนของรายการที่ยังไม่อาจขอรับการจัดสรรเงินภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จาก สำนักงบประมาณได้ ให้กระทรวงศึกษาธิการ (สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) นำเอกสารขอรับการ จัดสรรเสนอให้คณะกรรมการกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พิจารณา อีกครั้งหนึ่งเป็นกรณีเร่งด่วน ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
35810 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 8/2553 | นร | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ในการประชุม
ครั้งที่ 8/2553 เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2553 ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติ กรรมการและเลขานุการ รศก. เสนอ โดยที่ประชุมคณะกรรมการ รศก. มีมติ ดังนี้ 1. รับทราบรายงานสถานการณ์การส่งเสริมการลงทุน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลง ทุน กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนรับข้อสังเกตของ คณะกรรมการ รศก. เกี่ยวกับการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างของไทยที่ไปลงทุนในต่างประเทศยังมี ปัญหาด้านสินเชื่อเนื่องจากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินและต้นทุนของสินเชื่อสูงกว่าของต่างประเทศ ส่วนการวิเคราะห์การลงทุน ควรวิเคราะห์ในเชิงผลิตภาพการผลิตของแรงงาน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของเทคโน โลยี โดยในระยะยาวควรมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของแรงงานไทยและเทคโนโลยีที่พัฒนาผลิตภาพการผลิตของ อุตสาหกรรมไทย นอกจากนี้ ควรส่งเสริมให้มีการลงทุนในอุตสาหกรรมที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติในการผลิต (Resource-Based Industry) เช่น อุตสาหกรรมอาหาร สินค้าเกษตร บริการ เทคโนโลยีชีวภาพ และยา เป็นต้น รวมทั้งควรเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ โดยเร่งแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ได้แก่ แพทย์ผู้เชี่ยว ชาญเฉพาะด้านที่ยังไม่มีเพียงพอ และการใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ไปพิจารณา ดำเนินการ พร้อมทั้งจัดทำสรุปภาวการณ์ลงทุนของนักลงทุนไทยในต่างประเทศ และรายงานคณะกรรมการ รศก. ในคราวต่อไป 2. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ตามที่ฝ่ายเลขานุการเสนอ และมอบ หมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของคณะกรรมการ รศก. ที่เห็นควรให้กระทรวงคมนาคมเร่งพิจารณา ปรับรูปแบบโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบการบริหารจัดการขน ส่งสินค้าและบริการของประเทศ (กบส.) ในการประชุมครั้งที่ 1/2553 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2553 ให้เกิด ความชัดเจนในการประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจให้กับประชาชน และให้ความสำคัญกับการลงทุนในโครงการ ที่สนับสนุนยุทธศาสตร์การขนส่งเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐ กิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS) และการลงทุนที่จะช่วยสนับสนุนการเป็น ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) เป็นต้น และความเห็นของฝ่ายเลขานุการที่ เห็นควรเร่งรัดการดำเนินโครงการลงทุนสำคัญในสาขาขนส่งที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ดำเนินการโครงการ แล้ว อาทิ โครงการก่อสร้างทางคู่ ช่วงแหลมฉบัง-ศรีราชา-แหลมฉบัง โดยเร่งรัดการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน เดือนมีนาคม 2 554 เพื่อเพิ่มความจุในเส้นทางรถไฟสายตะวันออกให้สามารถรองรับปริมาณการขนส่งตู้สินค้า ทางรถไฟไปยังท่าเรือแหลมฉบังได้เพิ่มมากขึ้น โครงการลงทุนภายใต้แผนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของ การรถไฟแห่งประเทศไทย (เพิ่มเติม) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 ที่มีความพร้อมและ สามารถดำเนินการได้ทันที จำนวน 11 ราย ให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทยติดตามเร่งรัด การดำเนินการลงทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ รวมทั้งเร่งรัดการปรับโครงสร้างการรถไฟแห่งประเทศ ไทยให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 เป็นต้น สำหรับการดำเนินโครงการลงทุนสำคัญ ที่อยู่ระหว่างการจัดเตรียมโครงการเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอน ควรให้ความสำคัญกับ กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตั้งแต่เริ่มโครงการเพื่อให้เกิดความยอมรับของประชาชนในพื้นที่ และดำเนิน การตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ไปประกอบการพิจารณาเร่งรัดการดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
35811 | ผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 9/2553 | นร | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (รศก.) ครั้งที่ 9/2553 เมื่อวัน
ที่ 19 กรกฎาคม 2553 ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องแนวทางการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมตามแผนแม่บท เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552-2556 ของกระทรวงเทคโนโลยีสาร สนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงการคลัง และเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาแนวทางการพัฒนาอุตสาห กรรมโทรคมนาคมตามแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552- 2556 โดยมีนายจุติ ไกรกฤษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นประธานคณะทำ งานเพื่อศึกษารูปแบบและความเป็นไปได้ในการดำเนินการที่จะนำไปสู่การแข่งขันในกิจการโทรคมนาคมที่เป็นธรรม และเสมอภาคในรูปแบบเดียวกัน และมีองค์กรกำกับดูแลองค์กรเดียวกัน โดยให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารเป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลัก และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 1 เดือน เพื่อใช้ประกอบการหา รือกับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ต่อไป ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ รศก. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
35812 | การบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 | กค | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบแนวทางการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารโครงการตามแผน ปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 พ.ศ. 2552 ในการดำเนินการจัดหาพัสดุของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทย เข้มแข็ง 2555 2. อนุมัติการขยายระยะเวลาในการลงนามในสัญญาและระยะเวลาการดำเนินโครงการของสำนักงาน คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 3,084.20 ล้านบาท โดยหน่วยงานจะต้องลง นามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2553 3. อนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 โดย ให้หน่วยงานส่งข้อมูลให้สำนักงบประมาณพิจารณา เพื่อขอจัดสรรเงินซึ่งรวมถึงแผนการปฏิบัติงานและแผนการ ใช้จ่ายเงินให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ หลังจากคณะรัฐมนตรีอนุมัติการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครง การ และสำนักงบประมาณจะดำเนินการอนุมัติภายใน 15 วันทำการ โดยหลังจากได้รับอนุมัติแล้วหน่วยงานจะ ต้องลงนามในสัญญาให้แล้วเสร็จภายใน 15 วันทำการ 4. รับทราบการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ ที่เป็นลักษณะแก้ไขข้อมูลคลาดเคลื่อน เช่น พิมพ์ ผิดตกหล่น ปรับปรุงชื่อพื้นที่ให้ถูกตามเขตปกครอง ที่สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติและรายงานคณะกรรม การกลั่นกรองและบริหารโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ม 2555 ทราบแล้ว 5. รับทราบการอนุมัติปรับปรุงแผนการดำเนินงานโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
35813 | การประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2553/54 | พณ | 20/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. เห็นชอบให้ดำเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกรตามหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตร กรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ปี 2553/54 และดำเนินการขึ้นทะเบียนเกษตรกรในการดำเนินโครงการประกันรายได้เกษตร กรผู้ปลูกพืชชนิดอื่นปี 2553/54 เช่นเดียวกับมันสำปะหลังด้วย ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี) ประธานกรรมการนโยบายมันสำปะหลังเสนอ 2. สำหรับการขึ้นทะเบียนเกษตรกร นั้น ให้ดำเนินการขึ้นทะเบียนให้ครอบคลุมถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและ ข้าวโพดด้วย โดยวิธีการและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการให้กรมส่งเสริมการเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงใน รายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
35814 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำมันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ลำไยแห้ง พริกไทย และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน พ.ศ. .... | พณ | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การนำมันฝรั่ง หอมหัวใหญ่
กระเทียม ลำไยแห้ง พริกไทย และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ เข้ามาในราชอาณาจักรตามความตกลงเขตการค้าเสรี อาเซียน พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติ ที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างประกาศฯ มีสาระสำคัญดังนี้ 1. ให้มันฝรั่ง หอมหัวใหญ่ กระเทียม ลำไยแห้ง พริกไทย และเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ ซึ่งมีถิ่นกำเนิดและ ส่งตรงมาจากประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน เป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองไปแสดงต่อกรมศุลกากรในการนำเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อประกอบการใช้สิทธิ พิเศษทางด้านภาษีศุลกากร 2. การนำเข้าสินค้าตามข้อ 1 ที่จะได้รับสิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากรตามประกาศนี้ จะต้องปฏิบัติ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขเกี่ยวกับด่านศุลกากรในการนำเข้าและช่วงเวลาในการนำเข้าสำหรับสินค้าแต่ละรายการ 3. การขอและการออกหนังสือรับรองตามข้อ 2 ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดี กรมการค้าต่างประเทศกำหนด 4. ให้สินค้าที่นำเข้าตามประกาศนี้ได้รับยกเว้นไม่ต้องปฏิบัติตามมาตรการอื่นที่มิใช่มาตรการทางภาษี ที่ออกตามกฎหมายว่าด้วยการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า
|
|||||||||||||||||||||
35815 | การพิจารณาให้ความเห็นชอบร่างเอกสารสำคัญที่จะมีการลงนามหรือรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 43 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | กต | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ 1.1 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมลงนามหรือรับรองเอกสารสำคัญ รวม 6 ฉบับ ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 43 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 19-23 กรกฎาคม 2553 ที่กรุงฮานอย ดังนี้ 1.1.1 ร่างแผนปฏิบัติการฮานอยเพื่อดำเนินการให้บรรลุตามถ้อยแถลงวิสัยทัศน์ของการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก 1.1.2 ร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะผู้ทรงคุณวุฒิอาเซียน-สหรัฐอเมริกา 1.1.3 ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูนระหว่างอาเซียนกับแคนาดา 1.1.4 ร่างสารขยายจำนวนภาคีในสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 1.1.5 ร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่ครอบคลุมทุกด้านระหว่างอาเซียนและนิวซีแลนด์ 1.1.6 ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อปฏิบัติตามร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่ครอบคลุมทุกด้านระหว่างอาเซียนและนิวซีแลนด์ ค.ศ. 2010-2015 1.2 หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารสำคัญดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก 2. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับข้อคิดเห็นเพิ่มเติมของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อร่างเอกสารสำคัญทั้ง 6 ฉบับ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ดังนี้ 2.1 ร่างแผนปฏิบัติการฮานอยเพื่อดำเนินการให้บรรลุตามถ้อยแถลงฯ ควรสนับสนุนการพัฒนายุทธศาสตร์และกลไกทางกฎหมายเรื่องการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเพิ่มเติมเรื่องการจัดทำข้อมูลกลางเก็บรวบรวมข้อมูลของผู้ก่อการร้ายที่ทันสมัย เพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงข้อมูลของสมาชิก 2.2 ร่างขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะผู้ทรงคุณวุฒิฯ ควรเพิ่มขอบเขตการทำงานของคณะผู้ทรงคุณวุฒิให้มีการเสนอแนวทางการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของประเทศสมาชิก โดยเฉพาะเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และพลังงาน 2.3 ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของปฏิญญาร่วมฯ ควรเน้นความสำคัญทางด้านพลังงาน โดยเฉพาะความร่วมมือทางด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล แนวทางปฏิบัติที่ดี และเทคโนโลยีการผลิตคาร์บอนต่ำ 2.4 ร่างสารขยายจำนวนภาคีในสนธิสัญญามิตรภาพฯ ให้รับแคนาดาเข้าเป็นภาคีสัญญาฯ เนื่องจากแคนาดาถือเป็นหนึ่งในคู่เจรจาของอาเซียนที่มีบทบาทสำคัญในเวทีระหว่างประเทศ 2.5 ร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนฯ ควรให้ความสำคัญกับการสร้างความยืดหยุ่นและอิทธิพลทางเศรษฐกิจโดยเพิ่มความร่วมมือในเรื่องการพัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพขององค์กรทางด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ และหน่วยงานวางแผนระดับประเทศให้มีความพร้อมในเรื่องการค้า การเปิดเสรีการลงทุน และการปฏิรูปโครงสร้าง 2.6 ร่างแผนปฏิบัติการเพื่อปฏิบัติตามร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนฯ ควรเพิ่มความร่วมมือในการพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรร่วมกัน โดยถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีการเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยในกรอบความร่วมมือทางการเกษตร |
|||||||||||||||||||||
35816 | ขอต่ออายุเงินกู้ระยะสั้น | พน | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต่ออายุสัญญาเงินกู้ระยะสั้นแบบ
CREDIT LINE เพื่อรองรับการบริหารสภาพคล่องของ กฟผ. ในวงเงิน 10,000 ล้านบาท ระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2553 ภายใต้เงื่อนไขเดิม ประกอบด้วย กู้เบิกเกินบัญชี ตั๋วสัญญาใช้เงิน การทำ TRUST RECEIPT (T/R) และการทำสัญญากู้เงินเมื่อทวงถาม (CALL LOAN) โดยให้พิจารณาทำสัญญาเงินกู้กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ และ /หรือธนาคารพาณิชย์อื่นตามที่ธนาคารแต่ละแห่งเสนอ ในรูปแบบที่มีต้นทุนต่ำที่สุดตามอัตราดอกเบี้ยตลาด โดย กระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยจากการกู้เงินดังกล่าว ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ |
|||||||||||||||||||||
35817 | รายงานผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ (วันที่ 14 และ 29 มิถุนายน 2553) | พณ | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. รับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอผลการดำเนินการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ โดยการประชุมหารือระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับหน่วยงานภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับสถานการณ์ราคาไข่ไก่และแนวทางบรรเทาผลกระทบด้านประชาชนผู้บริโภาค ซึ่งมีผลการประชุมหารือสรุปได้ดังนี้ 1.1 ด้านการผลิต สมาคม สหกรณ์ และบริษัทผู้เลี้ยงไก่ไข่ ให้ความร่วมมือตรึงราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์มไว้ที่ฟองละ 2.80 บาท เพื่อมิให้ราคาขายส่งขายปลีกสูงขึ้น 1.2 ด้านการตลาด ได้ขอความร่วมมือสมาคมผู้ผลิต ผู้ค้า และส่งออกไข่ไก่ และบริษัทผู้เลี้ยงไก่ไข่รายใหญ่ ผู้เลี้ยงไก่ไข่ และผู้ประกอบการค้าไข่ไก่จัดหาไข่ไก่จำหน่ายตรงให้แก่ผู้บริโภคผ่านช่องทางการจำหน่าย เช่น ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เป็นต้น รวมทั้งขอความร่วมมือตลาดสดกำกับดูแลผู้ค้าไข่ไก่ในตลาดให้กำหนดราคาขายปลีกไข่ไก่ตามเกณฑ์การค้าที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค 1.3 การนำกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกำหนดราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มาดำเนินการแก้ไขปัญหา 2. คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ราคาไข่ไก่ในปัจจุบันมีราคาแพง ขณะที่ผู้ประกอบการเกี่ยวกับไข่ไก่เรียกร้องขอเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดความหลากหลายและมีการแข่งขันอย่างเสรี เพื่อให้มีไข่ไก่และผลิตภัณฑ์จากไก่ไข่ที่มีคุณภาพในปริมาณที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคและในระดับราคาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดังนั้น บทบาทและแนวทางในการดำเนินการของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ พ.ศ. 2549 จึงต้องปรับเปลี่ยนไปจากเดิมให้ตอบสนองต่อการแก้ไขปัญหาในปัจจุบัน ในขณะเดียวกันหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมปศุสัตว์ก็ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้ถูกต้องเป็นไปตามข้อกฎหมาย และระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาในทิศทางเดียวกัน จึงมอบหมาย ดังนี้ 2.1 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์รับแนวทางดังกล่าวไปชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่ฯ เพื่อจะได้พิจารณาบทบาทของคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่ฯ ให้เหมาะสมและขอความร่วมมือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาราคาไข่ไก่ให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่เป็นธรรมทั้งฝ่ายผู้ประกอบการและผู้บริโภค 2.2 ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมปศุสัตว์) ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
35818 | การชดเชยรายได้เกษตรกรเพิ่มเติมช่วงเกษตรกรจำหน่ายข้าวเปลือกได้ในราคาต่ำในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2553 | พณ | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติการจ่ายเงินชดเชยรายได้เกษตรกรเพิ่มเติมตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ครั้งที่ 9/ 2553 เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2553 ที่เห็นชอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรจ่ายเงินชดเชยราย ได้เกษตรกรโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2552/2553 ช่วงวันที่ 8-28 กุมภาพันธ์ 2553 เพิ่มเติม ปริมาณรวมประมาณ 44,735 ตัน วงเงินรวมทั้งสิ้น 12.336 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ โดยให้เบิกจ่าย เงินจากโครงการประกันรายได้ให้เกษตรกรตามโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 ตามความเห็นของ สำนักงบประมาณ 2. ให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรม การพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้คณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติระดับจังหวัดตรวจสอบ ให้การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปอย่างรัดกุมถูกต้องตรงตามวัตถุประสงค์ของการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรและหลัก เกณฑ์โครงการประกันรายได้เกษตรกร ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
35819 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ | กก | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติในหลักการมาตรการช่วยเหลือด้านสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวขนาดกลาง และขนาดย่อม ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้ใช้วงเงินกู้ที่เหลือจากโครงการช่วยเหลือด้านการ เงินแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาภายในประเทศ (ตามมติคณะ รัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2552) หากวงเงินกู้ดังกล่าวเหลือไม่เพียงพอ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำ เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อขอเพิ่มวงเงินกู้เพิ่มเติมต่อไป 2. ในส่วนของค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นเงินอุดหนุนค่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-กันยายน 2553 ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนิน งานโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและปัญหา ภายในประเทศ ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณไปแล้ว จำนวน 102.5 ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ 3. เนื่องจากการตรวจสอบประวัติทางการเงิน (Credit Bureau) เป็นดุลพินิจของธนาคาร จึงมอบหมาย ให้กระทรวงการคลังขอความร่วมมือจาก ธพว. ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงิน โดยขอให้พิจารณาใช้กระแสเงิน สด (Cash Flow) ประกอบการพิจารณาแทนการตรวจสอบประวัติทางการเงิน (Credit Bureau) เพียงอย่างเดียว 4. ให้กระทรวงการคลังประสานกับธนาคารออมสินเพื่อพิจารณาจัดทำโครงการช่วยเหลือผู้ประกอบการ รายย่อยที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศ 5. สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่พักแรมขนาดใหญ่ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับไป พิจารณาระบุสถาบันการเงินของรัฐที่จะขอรับการสนับสนุนทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการดังกล่าวแล้วให้นำเสนอ คณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
35820 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุข พ.ศ. .... | สธ | 13/07/2553 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสาธารณสุข พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วย วิชาชีพการสาธารณสุข ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา 2. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นว่า การจัดสรรเงินอุดหนุนจากงบ ประมาณแผ่นดินควรพิจารณาจากความเหมาะสมตามความจำเป็นในแต่ละปีและเป็นไปตามกระบวนการและวิธีการจัด ทำงบประมาณรายจ่ายตามที่กฎหมายกำหนด และควรระวังมิให้มีการจำกัดสิทธิของประชาชนหรือองค์กรภาคเอกชน ในการที่จะช่วยพัฒนาการสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมจากการที่ต้องขึ้นทะเบียนและขอรับใบอนุญาต รวมทั้งควรมีบท บัญญัติส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขได้มีโอกาสเป็น ผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพการสาธารณสุข ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานด้านนิติ บัญญัติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป |
.....