ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1678 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 33541 - 33560 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
33541 | ขออนุมัติคณะรัฐมนตรีใช้เงินกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร ตามโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกร | กษ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการสงเคราะห์เกษตรกร ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ ที่เห็นชอบให้จัดสรรเงินจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ยืม จำนวน ๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยไม่เสียดอกเบี้ย กำหนดชำระคืนภายใน ๕ ปี เพื่อดำเนินการโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกร และเงินจ่ายขาดสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน จำนวน ๖,๖๖๒,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมส่งเสริมสหกรณ์) รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรกำหนดรายละเอียดการดำเนินโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนากลุ่มเกษตรกร โดยเฉพาะขั้นตอนการพิจารณาจัดสรรเงินให้แก่กลุ่มเกษตรกรต้องครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายและการติดตามเร่งรัดการชำระหนี้ให้ครบถ้วน หากกลุ่มเป้าหมายยังมีหนี้คงค้างชำระโครงการฯ เดิมอยู่ ก็เร่งรัดติดตามให้ชำระหนี้ให้ครบถ้วนก่อนการพิจารณาให้กู้ยืมตามโครงการฯ รวมถึงกำกับการใช้จ่ายเงินให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่าย เพื่อให้การใช้จ่ายเงินเกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
33542 | การช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย (เพิ่มเติม) | พณ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย ครั้งที่ ๓ ระหว่างเดือนกันยายน - ธันวาคม ๒๕๕๓ มีผู้ยื่นคำขอกู้ จำนวน ๑,๔๑๖ ราย วงเงิน ๔,๓๐๘.๑๘ ล้านบาท ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) อนุมัติสินเชื่อให้แก่ผู้ที่ยื่นคำขอกู้ จำนวน ๑,๐๓๐ ราย วงเงิน ๒,๙๗๙.๓๗ ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินกู้แล้ว จำนวน ๖๗๕ ราย วงเงิน ๑,๙๘๘.๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. อนุมัติวงเงินสินเชื่อ (เพิ่มเติม) จำนวน ๒,๐๐๐ ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสภาพคล่องเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ และเพื่อเป็นเงินลงทุน และเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มธุรกิจแฟรนไชส์ ธุรกิจขายตรง รวมทั้งผู้ที่ต้องการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยหลักเกณฑ์เงื่อนไขอื่น ๆ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๒ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๓. เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทยเพิ่มเติม ได้แก่ นายกสมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์ นายกสมาคมธุรกิจแฟรนไชส์และเอ็สเอ็มอีไทย นายกสมาคมแฟรนไชส์ไทย และนายกสมาคมการขายตรงไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๔. การชดเชยในกรณีต่าง ๆ ให้แก่ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๕. อนุมัติให้ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการช่วยเหลือด้านการเงินแก่ผู้ประกอบธุรกิจโลจิสติกส์ไทย จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๔ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายอลงกรณ์ พลบุตร) เสนอเพิ่มเติม ๖. ให้กระทรวงการคลังเร่งรัดจัดทำรายงานผลการดำเนินการเกี่ยวกับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสถาบันการเงิน วงเงินรวม ๒๕,๐๐๐ ล้านบาท เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
33543 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ ในประเทศไทย) | กค | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย โดยกำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่เป็นนักแสดงภาพยนตร์ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศ และได้รับเงินได้พึงประเมินจากการแสดงภาพยนตร์ในราชอาณาจักรโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และได้รับอนุญาตให้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักรจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร มีสาระสำคัญคือ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับผู้มีเงินได้เป็นนักแสดงภาพยนตร์ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศและได้รับเงินได้พึงประเมินจากการแสดงภาพยนตร์ในราชอาณาจักรไทยโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และได้รับอนุญาตให้สร้างภาพยนตร์ต่างประเทศในราชอาณาจักรจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ทั้งนี้ สำหรับเงินได้พึงประเมินที่ได้รับตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์มาตรการดังกล่าวให้ธุรกิจถ่ายทำภาพยนตร์และนักลงทุนต่างประเทศได้รับทราบอย่างทั่วถึงโดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการ เมื่อร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีผลใช้บังคับแล้ว ๔. ให้กระทรวงการคลังรับข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาที่เห็นควรให้มีมาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย เนื่องจากจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้มีการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย และเป็นการส่งเสริมศักยภาพของประเทศไทยในการแข่งขันกับต่างประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33544 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปากน้ำโพ ตำบลบึงเสนาท และตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... | คค | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปากน้ำโพ ตำบลบึงเสนาท และตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลปากน้ำโพ ตำบลบึงเสนาท และตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อขยายทางหลวงชนบทสาย ข บางส่วน ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองนครสวรรค์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
33545 | ความเห็นและข้อเสนอแนะ เรื่อง ข้อสังเกตบางประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมาย ว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า - รัฐวิสาหกิจและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ กฟผ., ปตท., บ. การบินไทยฯ, บขส., กสท., บ. ที โอ ทีฯ, ปณท., อสมท., องค์การเภสัชฯ, บ. ไทยออยล์ฯ, บ. บางจากปิโตรเลียมฯ, บ. ไออาร์พีซีฯ, บ. เอสโซ่ฯ และ บ. เชลล์ฯ, บ. ทรูฯ, บ. ทีทีแอนด์ทีฯ, บ. แอ๊ดวานซ์ฯ, บ. การบินกรุงเทพฯ, ธ. กรุงเทพฯ, ธ. กสิกรไทยฯ, ธ. ไทยพาณิชย์ฯ, ธุรกิจการสื่อสารฯ, ธุรกิจการบิน, ธุรกิจพลังงาน | ยธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะ เรื่อง ข้อสังเกตบางประเด็นเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า เพื่อพิจารณาประกอบการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. ๒๕๔๒ ตามที่คณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ ดังนี้
๑. มาตรการทางกฎหมาย โดยสนับสนุนให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการเกี่ยวกับการพัฒนากฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า ได้แก่ ๑.๑ การกำหนดขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า ๑.๒ พิจารณาทบทวนที่มาและองค์ประกอบของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ๑.๓ บทกำหนดโทษ ๒. มาตรการคู่ขนาน โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงาน ดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ พิจารณาปรับปรุงและพัฒนากฎหมายว่าด้วยธุรกิจพลังงานในลำดับต่อไป ๒.๒ พิจารณาสนับสนุนแนวทางการขับเคลื่อน เผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐวิสาหกิจสาขาพลังงานปิโตรเคมีซึ่งเป็นธุรกิจกึ่งผูกขาดให้เชื่อมโยงกับประเด็นการปฏิรูปประเทศไทยคู่ขนานไปพร้อมกัน ๒.๓ พิจารณาแก้ไขกฎหมาย หรือกฎระเบียบราชการที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นกรรมการในบริษัทกึ่งรัฐวิสาหกิจที่ไม่ทำให้เกิดผลประโยชน์ขัดแย้งส่วนตัวหรือขององค์กรกับผลประโยชน์สาธารณะ |
|||||||||||||||||||||||||||
33546 | ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับโครงการปรับปรุงซ่อมแซมอาคารที่ทำการสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน | กต | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับค่าปรับปรุงซ่อมแซมสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ในวงเงินทั้งสิ้น ๑๔,๔๑๔,๘๖๘ ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ตามเหตุผลและความจำเป็นที่ กต. เสนอ สำหรับงบประมาณที่ขาดอยู่ จำนวน ๑,๔๖๐,๗๐๙ ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือคิดเป็นเงินไทย ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน (๑ ดอลลาร์นิวซีแลนด์เท่ากับ ๒๓.๕๐ บาท) จำนวน ๓๔,๓๒๖,๗๐๐ บาท ให้เบิกจ่ายงบประมาณจากงบรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ ในกรณีที่อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ส่งเงินเพิ่มขึ้นจากที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ ให้ กต. ขอรับจัดสรรงบประมาณงบกลางให้ได้เพียงพอที่จะสามารถชำระเงินส่วนที่เพิ่มขึ้นได้ โดยให้ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33547 | การแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายการแข่งขันทางการค้า (นายจีรศักดิ์ พงษ์พิษณุพิจิตร์) | พณ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายการแข่งขันทางการค้า โดยมีอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธานกรรมการ ผู้อำนวยการกองนิติการ กรมการค้าภายใน เป็นกรรมการและเลขานุการ และกรรมการอื่นอีก ๙ คน รวมกรรมการทั้งสิ้น ๑๑ คน มีอำนาจหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ข้อจำกัด ปัญหาและอุปสรรคในการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้า และอำนาจหน้าที่อื่นอีก ๔ ประการ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ เมษายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33548 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปักหลักเขตควบคุมทางน้ำ พ.ศ. .... | คค | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการปักหลักเขตควบคุมทางน้ำ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญคือ ๑.๑ กำหนดให้การปักหลักเขตควบคุมทางน้ำริมที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือที่ดินที่มีสิทธิครอบครอง ให้เจ้าหน้าที่ปักหลักเขตควบคุมทางน้ำคู่กับหลักเขตที่ดิน หรือปักชิดแนวเขตที่ดินและให้เจ้าหน้าที่ทำบันทึกไว้เป็นหลักฐานพร้อมแผนที่สังเขปแสดงขอบเขตการปักตามแบบที่กรมเจ้าท่ากำหนด ๑.๒ กำหนดหลักเกณฑ์การปักหลักเขตควบคุมทางน้ำริมที่ดินมือเปล่า การปักหลักเขตควบคุมทางน้ำริมที่ดินที่มีที่งอกริมตลิ่ง และการปักหลักเขตควบคุมทางน้ำในกรณีที่ดินริมทางน้ำสาธารณะเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์ กรณีที่ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงหรือขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุ โดยให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการปักหลักเขตควบคุมทางน้ำในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือที่ดินที่มีสิทธิครอบครองตามข้อ ๒ มาใช้บังคับ ๑.๓ กำหนดให้กรณีที่ดินริมทางน้ำสาธารณะถูกน้ำกัดเซาะ ก่อนจะดำเนินการปักหลักเขตควบคุมทางน้ำ ให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนพิสูจน์สิทธิก่อน ในกรณีที่ตรวจสอบพบว่ายังคงมีการครอบครองหรือแสดงสิทธิหวงกันอยู่ ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการปักหลักเขตควบคุมทางน้ำตามแนวกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือสิทธิครอบครองที่ดินนั้น โดยให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการปักหลักเขตควบคุมทางน้ำในที่ดินที่มีกรรมสิทธิ์หรือที่ดินที่มีสิทธิครอบครองตามข้อ ๒ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับการปักหลักเขตควบคุมทางน้ำควรกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการระวังเขต และการแจ้งสิทธิ์ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบล่วงหน้าก่อนที่จะมีการปักหลักเขตควบคุมทางน้ำเพื่อความโปร่งใสและเพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมทั้งการปักหลักเขตควบคุมทางน้ำที่เป็นพื้นที่ต่อเนื่องจากพื้นที่ป่าชายเลน ควรมีการพิจารณาวิธีปักหลักเขตให้ชัดเจน โดยก่อนการปักหลักเขตควบคุมทางน้ำควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อตรวจสอบแนวเขตที่ดินก่อนว่าอยู่ในเขตป่าชายเลนหรือไม่ นอกจากนี้ ในการกำหนดขอบเขตทางน้ำสาธารณะที่ติดกับที่ดินสาธารณประโยชน์ทั้งที่มีและไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงควรให้นายอำเภอร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันตามมาตรา ๑๒๒ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. ๒๔๕๗ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ ตรวจสอบก่อนการปักหลักเขต และยังคงต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายที่ดินและระเบียบกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องด้วย ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
33549 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเกาหลีและหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเวียดนาม | รถ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเกาหลีและหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเวียดนาม มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ใช้ประกาศราชบัณฑิตยสถาน เรื่อง หลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเกาหลีและหลักเกณฑ์การทับศัพท์ภาษาเวียดนาม ลงวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๕๔ เป็นมาตรฐานของทางราชการ ตามที่ราชบัณฑิตยสถานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
33550 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | คค | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างถนนขุมทอง - ลำต้อยติ่งกับทางหลวงชนบท สป. ๑๐๐๖ เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
33551 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พ.ศ. .... | นร | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ
๑. ให้ยกเลิกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ พ.ศ. ๒๕๔๗ ๒. กำหนดให้มีกลไก ๓ ระดับ ดังนี้ ๒.๑ ระดับนโยบาย คือ คณะกรรมการนโยบายและอำนวยการพัฒนาเพื่อเสริมความมั่นคงของชาติ (นพช.) โดยมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ แผนแม่บท และมาตรการในการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงของชาติ ๒.๒ ระดับภาค คือ คณะกรรมการพัฒนาเพื่อความมั่นคงในระดับพื้นที่ในเขตกองทัพภาคที่ ๑ - ๔ /เขตทัพเรือภาคที่ ๑ - ๓ /เขตกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด โดยมีแม่ทัพภาคที่ ๑ - ๔ /ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ ๑ - ๓ /ผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เป็นประธาน แล้วแต่กรณี เพื่อจัดทำแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดนระดับภาคและประสานการทำงานร่วมกับจังหวัด ๒.๓ ระดับจังหวัด คือ คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.บ.จ.) ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน เพื่อจัดทำแผนงานด้านความมั่นคงในแผนพัฒนาจังหวัด
|
|||||||||||||||||||||||||||
33552 | แจ้งผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีนายพงษ์พัฒน์ คำแคว่น ฟ้องนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมต่อศาลปกครองสูงสุด | ยธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอผลคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขดำที่ ฟ.๑๔/๒๕๕๑ หมายเลขแดงที่ ฟ.๕/๒๕๕๔ ระหว่างนายพงษ์พัฒน์ คำแคว่น ผู้ฟ้องคดีนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ผู้ถูกฟ้องคดี โดยศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
33553 | รายงานผลความคืบหน้าการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2553 เรื่อง ขออนุมัติจัดตั้งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และอนุมัติเงินทุนจดทะเบียนในการจัดตั้งบริษัทลูก เพื่อให้บริการโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง ของการรถไฟแห่งประเทศไทย และขอรับจัดสรรเงินกู้จำนวน 1,860 ล้านบาท เพื่อมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนบริหารงานภายในบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด | คค | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. เห็นชอบการจัดสรรเงินกู้ จำนวน ๑,๘๖๐ ล้านบาท ให้แก่บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด เพื่อมาใช้เป็นทุนหมุนเวียนบริหารงานภายในบริษัทฯ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนการดำเนินการโครงการ Airport Rail Link โดยให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นในการกู้เงินแทนบริษัทฯ ทั้งนี้ ให้รัฐบาล (กระทรวงการคลัง) เข้าไปร่วมถือหุ้นในบริษัทฯ ตามภาระการชดเชยที่สำนักงบประมาณจัดสรรเงินงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในการกู้เงินในแต่ละปีทันที ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๓. ส่วนข้อเสนอการแปลงหนี้สินที่มีอยู่กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จำนวน ๗,๐๓๕ ล้านบาท ให้เป็นทุนของบริษัทฯ นั้น ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ ร.ฟ.ท. และบริษัทฯ ร่วมกันหารือเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับการรับภาระการลงทุนของโครงการ Airport Rail Link ทั้งในส่วนโครงสร้างพื้นฐานและระบบการเดินรถให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๕๒ ซึ่งกำหนดให้รัฐบาลเป็นผู้รับภาระการลงทุนเฉพาะในส่วนโครงสร้างพื้นฐานของโครงการ Airport Rail Link และนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยเร็วต่อไป ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๔. ให้กระทรวงคมนาคม ร.ฟ.ท. และบริษัทฯ รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการเร่งรัดแก้ไขปัญหาการให้บริการและให้ความสำคัญกับการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ของพื้นที่ในบริเวณสถานีและการส่งเสริมการขายบัตรโดยสารในรูปแบบต่าง ๆ รวมไปถึงให้มีข้อตกลงร่วมระหว่างบริษัทฯ ร.ฟ.ท. และกระทรวงการคลัง ในกรณีที่บริษัทฯ มีฐานะการเงินดีขึ้นและมีเงินสดปลายงวดคงเหลือในกิจการเพียงพอ จะต้องนำเงินสดดังกล่าวมาชำระหนี้สินที่มีอยู่ให้แก่ ร.ฟ.ท. และหนี้ที่จะเกิดขึ้นจากการกู้เงินของกระทรวงการคลังในครั้งนี้เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ นอกจากนี้ ควรพิจารณาปรับแผนการใช้ประโยชน์จากขบวนรถ Express Line ไปเสริมขบวนรถ City Line เพื่อให้การบริหารจัดการเดินรถที่มีอยู่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และให้บริษัทฯ หาพันธมิตรร่วมทุนและพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจและความเข้มแข็งทางการเงินเพื่อให้สามารถพึ่งพาตัวเองได้โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้รับความเห็นของคณะรัฐมนตรีไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วยว่า การดำเนินโครงการเกี่ยวกับระบบขนส่งทางรถไฟ ภาครัฐจะเป็นผู้รับผิดชอบเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น ส่วนการบำรุงรักษา (maintenance) โครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวรวมทั้งระบบรางเป็นความรับผิดชอบของ ร.ฟ.ท. และบริษัทที่เกี่ยวข้อง |
|||||||||||||||||||||||||||
33554 | การต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมของบริษัท ซิโน-ยู.เอส. ปิโตรเลียม อิงค์ และคณะผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 1/2526/23 แปลงสำรวจบนบก หมายเลข NC | พน | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อระยะเวลาผลิตปิโตรเลียมให้แก่บริษัท ซิโน - ยู.เอส. ปิโตรเลียม อิงค์ และคณะผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๖/๒๓ แปลงสำรวจบนบกหมายเลข NC ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ผลิตจำนวน ๑๑.๒๔ ตารางกิโลเมตร เป็นเวลา ๑๐ ปี โดยอาศัยความตามมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. ๒๕๑๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และข้อกำหนดในสัมปทานปิโตรเลียม โดยให้กระทรวงพลังงานออกเป็นสัมปทานปิโตรเลียมเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๔) ของสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๑/๒๕๒๖/๒๓ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33555 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการส่งเสริมและสาธิตการลดการใช้พลังงานในอาคารธุรกิจในประเทศไทย | พน | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยโครงการส่งเสริมและสาธิตการลดการใช้พลังงานในอาคารธุรกิจในประเทศไทย (Model Project for Reducing Energy Consumption in a Commercial Building in Thailand) ระหว่างกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานกับองค์การพัฒนาพลังงานใหม่และเทคโนโลยีอุตสาหกรรม (New Energy and Industrial Technology Development Organization) หรือ NEDO ๑.๒ อนุมัติให้อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงถ้อยคำที่ไม่กระทบต่อเนื้อหาสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ให้อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานสามารถเปลี่ยนแปลงถ้อยคำดังกล่าวได้ ๑.๓ เห็นชอบในหลักการให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานเป็นผู้รับโอนกรรมสิทธิ์อุปกรณ์ของโครงการฯ จาก NEDO เมื่อการดำเนินโครงการเสร็จสิ้นลง ทั้งนี้ เมื่อได้รับโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานโอนกรรมสิทธิ์ดังกล่าวให้แก่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท กรุงเทพฯ (Amari Watergate Bangkok) ต่อไปได้ ๒. สำหรับการโอนกรรมสิทธิ์ของอุปกรณ์ของโครงการให้แก่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกทฯ นั้น ให้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานนำเรื่องเสนอคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุพิจารณาอนุมัติยกเว้นหรือผ่อนผันการไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อ ๑๕๗ (๓) เพื่อให้โอนกรรมสิทธิ์ในอุปกรณ์ของโครงการให้แก่โรงแรมอมารี วอเตอร์เกทฯ ได้ ตามข้อ ๑๒ (๒) แห่งระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามแนวทางที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๔ เรื่อง การลงนามบันทึกความเข้าใจของโครงการต้นแบบเตาหลอมประสิทธิภาพสูงที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม (The Model Project for An Environmentally Conscious High - Efficiency Arc Furnace) ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการเก็บรักษาและดูแลอุปกรณ์ในช่วงระยะเวลา ๕ ปี นับแต่วันที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ ให้กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงานปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และให้โรงแรมอมารี วอเตอร์เกทฯ เป็นผู้รับผิดชอบภาระภาษีอากรที่เกิดจากการนำเข้าอุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อดำเนินโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
33556 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ 84) พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... (ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอาวุธต่อสาธารณรัฐเซียร์ราลีโอน) | พณ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๘๔) พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการส่งสินค้าออกไปนอกราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๘๔) พ.ศ. ๒๕๔๑ ที่กำหนดให้สินค้าอาวุธทุกประเภท ยานพาหนะทหาร อุปกรณ์เกี่ยวกับทหารและอะไหล่ที่เกี่ยวข้องทุกชนิดที่จะส่งออกไปยังสาธารณรัฐเซียร์ราลีโอน เป็นสินค้าต้องห้ามในการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
33557 | รายงานการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ | พณ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ (Pan - Beibu Gulf Economic Cooperation : PBG) โดยคณะผู้เชี่ยวชาญ (Joint Expert Group : JEG) ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญจากประเทศสมาชิก สำนักเลขาธิการอาเซียน และธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย ได้ดำเนินการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับกรอบความร่วมมือฯ และได้จัดทำรายงานศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดทำความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างมณฑลและเขตปกครองตนเองของจีนรอบอ่าวเป่ยปู้ (กวางสี กวางตุ้ง และไหหลำ) สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การจัดทำความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์ระบบขนส่งทางทะเลและชายฝั่ง กระตุ้นการเชื่อมโยงอุตสาหกรรม แรงงาน ทรัพยากรทางทะเล พัฒนาอุตสาหกรรมชายฝั่ง และกระตุ้นการพัฒนาเมืองชายฝั่งไปสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและเครือข่ายโลจิสติกส์ระหว่างกัน เพื่อรองรับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน โดยการพัฒนาความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมือฯ ควรใช้แนวทางความร่วมมือภายใต้กรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคแม่น้ำโขง (GMS) เป็นต้นแบบ ๒. สาขาความร่วมมือที่ประเทศสมาชิกควรให้ความสนใจในลำดับแรก ได้แก่ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานพาณิชยนาวีและโลจิสติกส์ การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การเกษตร การท่องเที่ยว การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพและความร่วมมือด้านอุตสาหกรรม ๓. ในการผลักดันความร่วมมือภายใต้ PBG คณะผู้เชี่ยวชาญเสนอแนะให้ประเทศสมาชิกมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแต่ละประเทศจัดทำแผนยุทธศาสตร์สนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายใต้ PBG จัดตั้งกลไกประสานงานเพิ่มช่องทางสนับสนุนทางการเงิน จัดลำดับความสำคัญของโครงการความร่วมมือ ส่งเสริมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเพิ่มประสิทธิภาพระบบเครือข่ายข้อมูลสารสนเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33558 | ร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... | ยธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการปฏิรูปกฎหมาย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายว่าด้วยค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ตามที่สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอ โดยค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายอื่นของคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย เห็นควรกำหนดให้ได้รับในอัตราเดียวกับหน่วยงานตามรัฐธรรมนูญ เช่น ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประธานกรรมการและคณะกรรมการการเลือกตั้งผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ประธานกรรมการและกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประธานกรรมการและกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน โดยให้ประธานกรรมการได้รับค่าตอบแทนในอัตราไม่เกินเดือนละ ๖๔,๐๐๐ บาท รองประธานกรรมการและกรรมการที่ปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลาในอัตราไม่เกินเดือนละ ๖๒,๐๐๐ บาท สำหรับเงินประจำตำแหน่งให้เป็นไปตามร่างพระราชกฤษฎีกาที่เสนอ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และส่งร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรแก้ไขความในร่างพระราชกฤษฎีกาฯ มาตรา ๕ วรรคแรก เป็นดังนี้ “มาตรา ๕ ให้คณะกรรมการได้รับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขในการจ่ายเงินให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง” ทั้งนี้ เพื่อให้การกำหนดค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นไปอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับฐานะการคลังของประเทศ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ สำหรับงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ให้ใช้จ่ายจากงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่นายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการแล้ว จำนวน ๔๒,๕๗๕,๑๐๐ บาท และให้สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมายเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
33559 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (นางสาวนวพร เรืองสกุล) | สธ | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวนวพร เรืองสกุล เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข แทน นายสมชัย สัจจพงษ์ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระเนื่องจากลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ เมษายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข ประธานกรรมการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
33560 | ผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย - อิหร่าน ครั้งที่ 8 | กต | 12/04/2554 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องรับผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย - อิหร่าน ครั้งที่ ๘ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ณ กรุงเทพมหานคร ไปพิจารณาดำเนินการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ตามกรอบอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานต่อไป สำหรับผลการประชุมฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมเห็นพ้องให้หน่วยงานภาครัฐของทั้งสองฝ่ายควรส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนเข้าร่วมการประชุม สัมมนา และการจัดนิทรรศการด้านการค้าการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และการส่งเสริมการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ รวมทั้งสินค้าประเภทสินค้าก่อสร้าง อัญมณี เครื่องประดับ อะไหล่ยานยนต์ และอาหาร และเห็นพ้องที่จะเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างธนาคารและสถาบันการเงินเพื่อเป็นพื้นฐานในการเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างสองประเทศ ในการนี้ฝ่ายอิหร่านได้แสดงความพร้อมที่จะส่งออกน้ำมันดิบ CNG NGV และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีมายังไทย และประสงค์ที่จะริเริ่มความร่วมมือด้านการประกันภัย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าควรเร่งรัดเพื่อให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการไปรษณีย์ โทรคมนาคม และเทคโนโลยีสารสนเทศโดยเร็ว ๒. ที่ประชุมได้เน้นย้ำความสำคัญของความร่วมมือเพื่อเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวจากทั้งสองประเทศ โดยฝ่ายไทยได้เสนอให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมโรงแรม ส่วนฝ่ายอิหร่านได้ชักชวนให้ไทยไปลงทุนด้านการท่องเที่ยวในอิหร่านเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งตอบรับข้อเสนอของไทยในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในอิหร่าน และการจัดโครงการ Road Show และ Familiarization Trip ๓. ที่ประชุมเห็นพ้องที่จะกระชับความร่วมมือด้านการศึกษาผ่านการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกระทรวงศึกษาธิการของทั้งสองประเทศ โดยฝ่ายไทยได้เสนอให้มีความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยไทยและอิหร่านในสาขาศิลปะและวัฒนธรรม รวมทั้งแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือเพื่อให้บันทึกความเข้าใจระหว่างมหาวิทยาลัยไทยและมหาวิทยาลัยอิหร่านที่มีอยู่มีผลเป็นรูปธรรม ๔. ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนการเยือนของสื่อมวลชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยฝ่ายอิหร่านเสนอให้มีการพัฒนาความร่วมมือระหว่างสื่อมวลชนตามร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย และ The Islamic Republic of Iran Broadcasting (IRIB) ๕. ที่ประชุมเห็นพ้องให้มีการกระชับความร่วมมือด้านวิชาการโดยเฉพาะการประมง และการพัฒนาสิ่งแวดล้อม โดยฝ่ายไทยได้เสนอประเด็นความร่วมมือใหม่ในสาขาธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี การพัฒนาที่ดิน และการจัดการน้ำ โดยเน้นการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญ การฝึกอบรมทางวิชาการ และการแลกเปลี่ยนการศึกษาดูงาน ๖. ที่ประชุมเห็นพ้องให้มีการเร่งรัดการพิจารณาและดำเนินการเพื่อให้มีการลงนามความตกลงและบันทึกความเข้าใจที่สำคัญ ได้แก่ ความตกลงทางการค้า บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุข บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในสาขาการกำหนดมาตรฐานระบบการวัดและชั่งน้ำหนัก การฝึกอบรม การให้บริการห้องทดสอบ และการออกใบรับรองมาตรฐาน ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในด้านศุลกากร แผนปฏิบัติการโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมไทย - อิหร่าน และความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนระหว่างไทยกับอิหร่าน |
.....