ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1426 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 28501 - 28520 จากข้อมูลทั้งหมด 124003 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28501 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2556 | ทส | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ปรับปรุงเพิ่มเติมข้อความ นิยาม “อุตสาหกรรมเหล็ก หรือเหล็กกล้า” ในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติ และแนวทางการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และมอบให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำประกาศกระทรวงฯ ให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามดังกล่าว พร้อมกับให้นำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาลงนามต่อไป ๒. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านการพัฒนาโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการโรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ ๒ ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยให้ กฟผ. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมฯ รวมทั้งให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณา ตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28502 | รายงานสรุปผลการประชุมประจำปี 2555 เรื่อง อนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว | นร11 | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รายงานสรุปผลการประชุมประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เรื่อง อนาคตประเทศไทยบนเส้นทางสีเขียว เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๖ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี สมาชิกรัฐสภา สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ องค์กรพัฒนาเอกชน ภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้นำชุมชน ผู้แทนจากภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน และประชาชน สาระสำคัญของการประชุมฯ ได้มีการอภิปรายเรื่อง “แนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมสีเขียว” โดยผู้ทรงคุณวุฒิ และการระดมความคิดเห็นจากประชาชนในทุกภาคส่วนเกี่ยวกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อการพัฒนาสู่สังคมสีเขียวทั้งภายนอกประเทศและภายในประเทศที่สำคัญ รวมทั้งการกำหนดแนวทางขับเคลื่อนการพัฒนาสู่สังคมสีเขียวในแต่ละมิติ แบ่งเป็น ๗ กลุ่มย่อย ได้แก่ กลุ่มที่ ๑ อนาคตเกษตรกรไทยสู่การเติบโตสีเขียว กลุ่มที่ ๒ อุตสาหกรรมสะอาด : วิถีใหม่ของอุตสาหกรรมอนาคต กลุ่มที่ ๓ มุ่งสร้างสรรค์การท่องเที่ยวสีเขียว เพื่อการพัฒนาอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน กลุ่มที่ ๔ การพัฒนาระบบขนส่งและพลังงาน เพื่อระบบเศรษฐกิจสีเขียว กลุ่มที่ ๕ เส้นทางสู่นวัตกรรมสีเขียว กลุ่มที่ ๖ สังคมสีเขียว : นวัตกรรมทางสังคมสู่การพัฒนาที่ทั่วถึงและยั่งยืน และกลุ่มที่ ๗ การรับมือภัยพิบัติภายใต้การเติบโตสีเขียว ๒. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการขับเคลื่อนประเด็นการพัฒนาประเทศสู่สังคมสีเขียวให้เชื่อมโยงและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy) และยุทธศาสตร์การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนปี ๒๕๕๘ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28503 | การจัดสรรเงินรางวัลและสิ่งจูงใจของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา และการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการ ของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | สผ | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบหลักการและแนวทางการจัดสรรเงินรางวัลและสิ่งจูงใจของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา และการเบิกจ่ายค่าตอบแทนพิเศษตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ตามที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลขานุการคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภาเสนอ สรุปได้ว่า ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาใช้เงินเหลือจ่ายที่ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาได้ดำเนินงานบรรลุวัตถุประสงค์แล้วมีเงินเหลือจ่ายอย่างแท้จริง รวมทั้งไม่มีหนี้ค่าสาธารณูปโภคค้างชำระและมีงบประมาณเพียงพอสำหรับชดเชยค่างานสิ่งก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ซึ่งส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประกอบด้วย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้รับอนุมัติให้กันเงินงบประมาณเพื่อจ่ายเป็นค่าตอบแทนพิเศษตามโครงการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภากันเงินไว้ จำนวน ๑๔,๕๐๐,๐๐๐ บาท และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรกันเงินไว้ จำนวน ๙,๓๗๓,๐๒๐ บาท เพื่อเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษ โดยให้เร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในวันทำการสุดท้ายของเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ และต่อมากระทรวงการคลังได้มีหนังสือแจ้งไปยังส่วนราชการอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี กรณีไม่มีหนี้ผูกพันสามารถขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จนถึงสิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ได้ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการกำหนดสัดส่วนในการจ่ายเงินรางวัลสำหรับผู้ปฏิบัติงานมากกว่าผู้บริหาร รวมทั้งแนวทางการดำเนินงานในปีต่อ ๆ ไป ให้ดำเนินการในหลักการเดียวกับส่วนราชการในสังกัดฝ่ายบริหารต่อไป ให้คณะกรรมการข้าราชการรัฐสภาทราบด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28504 | ผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ 1/2556 | นร11 | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรรมการและเลขานุการ กยอ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบสรุปผลการศึกษาดูงาน “การสร้างสรรค์มูลค่าจากรถไฟความเร็วสูง” ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ ประเทศญี่ปุ่น ของ กยอ. ๑.๑ ผลการศึกษาดูงานพบว่า ปัจจัยแห่งความสำเร็จของการสร้างสรรค์มูลค่าเพิ่มจากกิจการรถไฟในประเทศญี่ปุ่นที่สำคัญ ได้แก่ การปฏิรูปและการพัฒนากิจการรถไฟให้มีประสิทธิภาพควรต้องสร้างความเข้าใจกับผู้มีส่วนได้เสียและผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างค่อยเป็นค่อยไปและต่อเนื่อง การออกแบบบริการ (Service Design) ควรต้องทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้บริการในพื้นที่/ชุมชนที่แตกต่างกันและสร้างกิจกรรมที่ตอบสนองวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงของประชาชนผู้ใช้บริการได้อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นเป็นปัจจัยสำคัญในการสนับสนุนการสร้างมูลค่าเพิ่มจากกิจการรถไฟ ๑.๒ กยอ. มีความเห็นเพิ่มเติมว่า ควรมีการพิจารณาแนวทางการพัฒนาการรถไฟของประเทศญี่ปุ่นมาปรับใช้กับการปฏิรูปการรถไฟของประเทศไทย โดยมีการวางแผนในการดำเนินการอย่างรอบคอบและมีการสื่อสารทำความเข้าใจกับสหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด รวมทั้งใช้แนวทางที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในการบริหารกิจกรรม ๒. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าของกองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย ๒.๑ ผลการดำเนินการระหว่างวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๕-๗ มกราคม ๒๕๕๖ บริษัทประกันภัย จำนวน ๕๒ บริษัท ได้มีการจำหน่ายกรมธรรม์ประกันภัย จำนวน ๕๙๑,๑๖๗ ฉบับ โดยมีทุนประกันภัยพิบัติรวม ๖๒,๙๘๕ ล้านบาท เบี้ยประกันภัยรวม ๔๕๐ ล้านบาท ทุนประกันภัยต่อตามสัดส่วนกองทุนฯ รวม ๔๗,๘๖๔ ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยต่อรวม ๓๕๙ ล้านบาท ๒.๒ สัดส่วนการรับประกันภัยแบ่งตามกลุ่มผู้เอาประกันภัย กลุ่มบ้านและที่อยู่อาศัยมีสัดส่วนของการรับประกันภัยสูงสุดถึงร้อยละ ๙๑ รองลงมาคือ SMEs ร้อยละ ๘ และอุตสาหกรรม ร้อยละ ๑ กลุ่มบ้านอยู่อาศัยมีสัดส่วนของทุนประกันภัยต่อสูงสุดถึงร้อยละ ๕๕ อุตสาหกรรม ร้อยละ ๓๐ และ SMEs ร้อยละ ๑๕ และอุตสาหกรรมมีสัดส่วนของเบี้ยประกันภัยต่อสูงสุดถึงร้อยละ ๔๓ รองลงมาคือ บ้านและที่อยู่อาศัยร้อยละ ๓๗ และ SMEs ร้อยละ ๒๐ ๒.๓ โครงการจัดจ้างนายหน้า (ที่ปรึกษา) ประกันภัยต่อ โดยจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาประกันภัยต่อ ๒ บริษัท คือ Aon (Aon Benfield) และ Marsh (Guy Carpenter) ขณะนี้บริษัทประกันภัยอยู่ระหว่างการทำสัญญาการทำประกันภัยต่อโดยจะแล้วเสร็จภายใน ๒ เดือนข้างหน้า และบางบริษัทประสงค์จะขอปรับสัดส่วนการรับความเสี่ยงภัยไว้เอง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลของสมาคมประกันวินาศภัยไทยให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ และจะนำข้อมูลส่งให้กองทุนฯ รวบรวมให้บริษัทที่ปรึกษาพิจารณาแนวทางการทำประกันภัยต่อของกองทุนฯ ต่อไป ๓. ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรมของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) โดยผลการสำรวจสถานะผู้ประกอบการในนิคม/เขต/สวนอุตสาหกรรม ณ วันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๖ มีผู้ประกอบการที่เปิดดำเนินการเต็มกำลังการผลิต จำนวน ๔๘๙ ราย เปิดดำเนินการบางส่วน จำนวน ๒๑๐ ราย และยังไม่ได้เปิดดำเนินการ จำนวน ๑๔๐ ราย จากจำนวนผู้ประกอบการทั้งสิ้น ๘๓๙ ราย หรือคิดเป็นผู้ประกอบการที่เปิดดำเนินการแล้ว ร้อยละ ๘๓.๓๑ ทั้งนี้ ให้ กนอ. รายงานความคืบหน้าให้ กยอ. ทราบต่อไป ๔. ที่ประชุมรับทราบการแต่งตั้งนายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นที่ปรึกษา กยอ. และมอบหมายฝ่ายเลขานุการ กยอ. รับไปดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28505 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวเยาวพร ปิยมาพรชัย) | นร12 | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวเยาวพร ปิยมาพรชัย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ (นักพัฒนาระบบราชการทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28506 | รายงานผลการอนุญาตให้เหยื่อจากการค้ามนุษย์เข้ามาในราชอาณาจักรตามมติคณะรัฐมนตรี | มท | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการอนุญาตให้นายธนกร ใส้เชอร์ หรือแซ่หวาง เหยื่อจากการค้ามนุษย์เข้ามาในราชอาณาจักรไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขอความร่วมมือกระทรวงมหาดไทยดำเนินการตรวจพิสูจน์สถานะบุคคลและหลักฐานทางทะเบียนของนายธนกร ใส้เชอร์ หรือแซ่หวาง บุคคลบนพื้นที่สูงที่ยังไม่มีบัตรประจำตัวแต่มีถิ่นพำนักในประเทศไทยตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ในต่างประเทศ และขอหนังสืออนุญาตให้บุคคลดังกล่าวเดินทางกลับเข้ามาในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๓๙ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อใช้ประกอบการประสานให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการช่วยเหลือบุคคลดังกล่าวเดินทางกลับประเทศไทย ๒. กระทรวงมหาดไทยได้ตรวจพิสูจน์สถานะบุคคลและหลักฐานทางทะเบียนของนายธนกรฯ โดยยืนยันได้ว่านายธนกรฯ เคยมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักรไทยจริง ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงพิจารณาอนุญาตให้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรได้ ตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๔๘ [เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้ความช่วยเหลือเหยื่อจากการค้ามนุษย์ที่มิได้มีสัญชาติไทย (ข้อ ๓.๓.)] ๓. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ให้ความช่วยเหลือนายธนกรฯ ซึ่งเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๕ โดยมอบให้นักสังคมสงเคราะห์ประจำศูนย์บริการจุดเดียว กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ รับตัวสอบข้อเท็จจริงประสานนำไปสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ และได้นำไปสเก็ตภาพคนร้าย รวมทั้งส่งตรวจหาอายุที่แท้จริงที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ทราบผลว่ามีอายุประมาณ ๑๕-๑๖ ปี และได้ส่งเข้ารับการคุ้มครองที่สถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพชายจังหวัดปทุมธานี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพชายจังหวัดเชียงราย ตามลำดับ ซึ่งในระหว่างที่นายธนกรฯ อยู่ในความดูแลของสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพชายจังหวัดเชียงราย นั้น เจ้าหน้าที่ของสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพชายจังหวัดเชียงราย จะนำไปตรวจสุขภาพกายและสุขภาพจิต โดยประสานนักสังคมสงเคราะห์ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ให้ดำเนินการตามช่องทาง OSCC (ศูนย์คุ้มครองเด็กและสตรี) และช่วยเหลือด้านการศึกษานอกระบบ ประสานการเรียนรู้เพิ่มเติมด้านภาษาและดนตรี การติดตามการช่วยเหลือทางทะเบียนราษฎร์ การฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจ จัดหางานให้ทำและการปรับความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับครอบครัว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28507 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 และการประชุมที่เกี่ยวข้องในปี 2558 | กต | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (Asia Cooperation Dialogue Summit-ACD Summit) ครั้งที่ ๒ และการประชุมที่เกี่ยวข้องในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ (ค.ศ. ๒๐๑๕) ระหว่างวันที่ ๘-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๘ ๑.๒ ให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการและคณะทำงานต่าง ๆ ประกอบด้วยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อเตรียมการสำหรับเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม ACD Summit ครั้งที่ ๒ และการประชุมที่เกี่ยวข้องในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการจัดการประชุม ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28508 | การบริจาคเงินอุดหนุนกระบวนการบาหลี | กต | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนกระบวนการบาหลีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานสนับสนุนระดับภูมิภาค (Regional Suport Office : RSO) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ งบเงินอุดหนุน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการขอกันเงินไว้เบิกจ่ายเหลื่อมปีและได้รับการอนุมัติจากกรมบัญชีกลางแล้ว ๑.๒ อนุมัติการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนกระบวนการบาหลีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ RSO ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ งบเงินอุดหนุนซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้รับอนุมติจัดสรรแล้ว ๑.๓ อนุมัติในหลักการให้เบิกจ่ายเงินอุดหนุนกระบวนการบาหลีเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ RSO ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๑๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่ต้องเสนอเรื่องให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก หากไม่มีการเปลี่ยนหรือคำนวณอัตราการบริจาคใหม่ ๒. สำหรับงบประมาณในการดำเนินการ ให้กระทรวงการต่างประเทศเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงสิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ รายการเงินอุดหนุนองค์การระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก และเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28509 | ข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ | กต | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบต่อการดำเนินการตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๐๘๗ (ค.ศ. ๒๐๑๓) เกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ รวมทั้งรายชื่อบุคคลที่ถูกห้ามการเดินทางและอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม และรายชื่อคณะบุคคลที่ถูกอายัดทรัพย์สินเพิ่มเติม ๒. ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องของไทย ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการคลัง กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ การท่าเรือแห่งประเทศไทย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว และปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้เป็นไปตามรายชื่อล่าสุด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28510 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลกระโสบ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... | มท | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลกระโสบ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลกระโสบ อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี บางส่วน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28511 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... | มท | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลเกาะพะงัน และตำบลบ้านใต้ อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28512 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... | มท | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดสุรินทร์ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28513 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. .... | มท | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมจังหวัดลำปาง พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้ผังเมืองรวม ในท้องที่จังหวัดลำปาง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา และการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28514 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเยาวชนและกีฬาระหว่างไทยกับมาเลเซีย | กก | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเยาวชนและกีฬาระหว่างไทยกับมาเลเซีย ทั้งนี้ หากก่อนการลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง สำหรับสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ ได้แก่ ๑.๑.๑ คู่ภาคีจะส่งเสริม กระชับ และพัฒนาความร่วมมือด้านเยาวชนและกีฬา ๑.๑.๒ แลกเปลี่ยนโครงการสำหรับเยาวชน เจ้าหน้าที่ และผู้ฝึกสอน ตลอดจนสนับสนุนกีฬาของทั้งสองประเทศ เช่น อุปกรณ์กีฬา การฝึกสอนกีฬา การพัฒนาเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์การกีฬา ๑.๑.๓ คู่ภาคีจะตัดสินใจร่วมกันในการดำเนินกิจกรรมตามความตกลง ๑.๑.๔ คู่ภาคีจะตัดสินใจร่วมกันในการจัดการด้านการเงินตามงบประมาณที่มี ๑.๑.๕ ภาคีจะดำเนินการตามความเหมาะสมหรือหารือในด้านสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่มีผลต่อสิทธิและประโยชน์ของภาคีตามการคุ้มครองแห่งชาติ ประโยชน์ด้านสาธารณะหรือแห่งชาติ หรือคำสั่งสาธารณะ การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและความมั่นคง และเอกสารลับ ข้อสนเทศและข้อมูล ๑.๒ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้ผู้ลงนามในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ระหว่างการประชุมหารือประจำปี (Annual Consultation) ครั้งที่ ๕ ระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยกับมาเลเซีย ในวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณ เมืองปุตราจายา สำหรับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการดังกล่าว ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาขอรับการจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28515 | ขอขยายระยะเวลาและวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | นร09 | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาขยายระยะเวลาและวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณจากที่ได้รับอนุมัติไว้เดิม เป็นรายการค่าเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา จำนวน ๑ คัน วงเงิน ๒,๖๒๖,๘๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ที่ได้จัดสรรไว้แล้ว จำนวน ๓๐๖,๔๖๐ บาท สำหรับงบประมาณในส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๒,๓๒๐,๓๔๐ บาท ซึ่งผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้สอดคล้องกับค่าเช่าตามสัญญาต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28516 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และผลการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามข้อสังเกตที่เห็นว่าสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาควรกำหนดรูปแบบในการร่างกฎหมายเกี่ยวกับการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการยกฐานะหน่วยงานเดิม และการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ให้มีมาตรฐานเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาร่างกฎหมาย และให้แจ้งสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28517 | ขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา เครื่องที่ 3 - 4 | พน | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งเห็นชอบการขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา เครื่องที่ ๓-๔ จากเดิม กำหนดแล้วเสร็จประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๕ เป็น กำหนดดำเนินงานตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๕๗-กันยายน ๒๕๖๐ โดยใช้กรอบวงเงินเดิมที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเคยได้รับอนุมัติโครงการฯ สำหรับเครื่องที่ ๑-๒ และเครื่องที่ ๓-๔ ไปแล้ว เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๗ จำนวน ๒๑,๘๐๐ ล้านบาท เพื่อเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในช่วงที่มีความต้องการไฟฟ้าสูง (Peak Period) ตามข้อเสนอของกระทรวงพลังงาน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28518 | การประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 (CITES CoP16) และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการอนุวัติอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) | ทส | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบความก้าวหน้าในการจัดเตรียมการจัดการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ (The16th meeting of the Conference of the Parties to CITES : CITES CoP16) โดยกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๓-๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพมหานคร วัตถุประสงค์ของการประชุมฯ เพื่อพิจารณาเปลี่ยนแปลงชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ป่าในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาฯ และพิจารณาปรับปรุงแก้ไขระเบียบในการควบคุมการค้าซึ่งชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ป่าในบัญชีแนบท้ายอนุสัญญาฯ ซึ่งในการประชุมฯ อาจมีการลงมติรับรองมติที่ประชุม (Resolutions) และข้อตัดสินใจ (Decisions) ต่าง ๆ รวมทั้งข้อเสนอ (Proposals) ขอเปลี่ยนแปลงบัญชีอนุสัญญาฯ ๑.๒ เห็นชอบในหลักการ (ร่าง) กรอบข้อคิดเห็นของประเทศไทยต่อวาระการประชุมภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ (CITES CoP16) ทั้งวาระการประชุมที่เกี่ยวกับกฎระเบียบในการดำเนินงานให้เป็นไปตามอนุสัญญา CITES (Working Documents) และวาระการประชุมเกี่ยวกับข้อเสนอต่าง ๆ (Proposals) รวมทั้ง (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการอนุวัติอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) ทั้งนี้ หากมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากข้อคิดเห็นที่กำหนดไว้แล้วและไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อประเทศไทยให้เป็นดุลพินิจของหัวหน้าคณะผู้แทนไทยตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สามารถใช้ได้ตามความจำเป็นและเหมาะสม ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับ (ร่าง) กรอบข้อคิดเห็นฯ ในวาระที่ ๒๘ และ ๒๙ เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายระดับชาติและการบังคับใช้กฎหมายเพื่อใช้อนุวัติตามอนุสัญญา ควรจะวิเคราะห์ผลกระทบที่จะมีต่อประเทศไทยให้ชัดเจนยิ่งขึ้น รวมทั้งในวาระที่ ๕๓ เรื่องช้างที่มีการพาดพิงถึงประเทศไทย ควรจะให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประสานข้อมูลกับหน่วยงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการลักลอบนำเข้าสินค้าผิดกฎหมาย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร เป็นต้น เพื่อให้มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการบริหารจัดการในเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ สามารถนำไปชี้แจงกรณีมีข้อซักถามในที่ประชุมได้อย่างครบถ้วน สำหรับ (ร่าง) แถลงการณ์ฯ ในส่วนของบทสรุปของแถลงการณ์ฯ ควรกล่าวถึงผลที่จะได้รับจากการดำเนินการตามอนุสัญญาฯ ที่จะมีต่อทรัพยากรของอาเซียนโดยภาพรวมให้มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28519 | แผนพัฒนาจังหวัด แผนพัฒนากลุ่มจังหวัด 4 ปี (พ.ศ. 2557 - 2560) | นร12 | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการแผนพัฒนาจังหวัด จำนวน ๗๖ จังหวัด ที่มุ่งการพัฒนาจังหวัดแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทุกมิติ ในด้านเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและความมั่นคง เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างโอกาสและอาชีพซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนในจังหวัด และแผนพัฒนากลุ่มจังหวัด ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐) จำนวน ๑๘ กลุ่มจังหวัด ที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของกลุ่มจังหวัดและนำไปสู่การกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนและสร้างรายได้ให้กลุ่มจังหวัด ตามมติคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) ในการประชุมเมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่เลขาธิการ ก.พ.ร. กรรมการและเลขานุการ ก.น.จ. เสนอ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัดประสานกับส่วนราชการต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลโครงการภายใต้แผนปฏิบัติราชการประจำปีของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดไปประกอบการพิจารณาในการจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ของส่วนราชการ ไปดำเนินการด้วย และให้สำนักงาน ก.พ.ร. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาทบทวนและเร่งปรับแผนพัฒนาจังหวัดและแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดให้เชื่อมโยงและสอดคล้องกับแผนการบริหารจัดการน้ำที่ได้ดำเนินการตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๕ และแผนเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ที่ได้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง พ.ศ. .... เมื่อได้มีการดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวแล้ว รวมทั้งให้สอดคล้องกับแผนการกำหนดเขตสินค้าเกษตร (Zoning) ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
28520 | การจัดทำแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรสวีเดน | กต | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างแผนปฏิบัติการร่วมระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรสวีเดน ฉบับที่ ๒ (ปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐) เพื่อเป็นกรอบแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์และความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ที่ทั้งสองประเทศมีความสนใจร่วมกันภายในระยะเวลา ๕ ปี คือ ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ จัดทำขึ้นเป็นภาษาอังกฤษเพื่อลงนาม โดยเนื้อหาของแผนปฏิบัติการร่วมฯ แบ่งออกเป็น ๗ หมวด ได้แก่ การเสริมสร้างความสัมพันธ์ทวิภาคี การส่งเสริมความเข้าใจระหว่างกัน การขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจทวิภาคี การขยายความร่วมมือทวิภาคีในสาขาที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน (เกษตรกรรมและป่าไม้ ความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศ การออกแบบ การศึกษา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พลังงานและสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การท่องเที่ยวและกีฬา สุขภาพและการดูแลผู้สูงอายุ) การฟื้นฟู/บูรณะหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติสึนามิ ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระดับภูมิภาค และการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นระหว่างประเทศ ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามแผนปฏิบัติการร่วมฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างแผนปฏิบัติการร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
.....