ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1422 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 28421 - 28440 จากข้อมูลทั้งหมด 124003 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28421 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ และนายโชคดี ปรโลกานนท์) | กษ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน ๒ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอ ดังนี้
๑. นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์) แทนหม่อมหลวงสุภสิทธิ์ ชุมพล ซึ่งขอลาออก ๒. นายโชคดี ปรโลกานนท์ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเกษตร) แทนนายณรงค์ หุตานุวัตร ซึ่งมีอายุครบ ๗๐ ปีบริบูรณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
28422 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) (นายสมชาย ใบม่วง) | ทก | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสมชาย ใบม่วง ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28423 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงพาณิชย์) (นายวุฒิชัย ดวงรัตน์ และนายสุรศักดิ์ เรียงเครือ) | พณ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงพาณิชย์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นายวุฒิชัย ดวงรัตน์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
|||||||||||||||||||||||||||
28424 | รายงานผลการจัดนิทรรศการ Thailand 2020 ก้าวไกล เชื่อมไทยสู่โลก นิทรรศการการลงทุนของประชาชน เพื่อประชาชน | คค | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการจัดนิทรรศการ Thailand 2020 ก้าวใหม่ เชื่อมไทยสู่โลก นิทรรศการการลงทุนของประชาชน เพื่อประชาชน ระหว่างวันที่ ๘-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ แจ้งวัฒนะ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้ขยายเวลาการจัดนิทรรศการดังกล่าวออกไปจนถึงวันเสาร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เนื้อหาสาระของนิทรรศการ สื่อสารให้ผู้เข้าชมนิทรรศการรับทราบถึงแผนการลงทุนด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศภายใต้หัวข้อ ลงทุนทำไม? ลงทุนอย่างไร? ลงทุนแล้วได้อะไร? โดยจัดแสดงทั้งในรูปของมัลติวิชั่น บอร์ดนิทรรศการที่นำเสนอเนื้อหาโครงการต่าง ๆ ทางด้านการขนส่งทางบก การขนส่งทางน้ำ การขนส่งทางอากาศ และระบบราง ตลอดจนการก่อสร้างด่านศุลกากรบริเวณชายแดนที่สำคัญ ๆ เป็นต้น ๑.๒ กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วยการเสวนาหัวข้อ “ยุทธศาสตร์การลงทุนเพื่ออนาคตประเทศ” และการบรรยายหัวข้อ “การให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ” การเสวนาเรื่อง การประเมินราคาที่ดิน และการบริหารที่ราชพัสดุสำหรับโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ จัดโดยกระทรวงการคลัง รวมทั้งการสัมมนาเรื่อง “การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ๒ ล้านล้าน...ประเทศชาติและประชาชนได้อะไร?” และการจัดกิจกรรมเวทีกลางในรูปแบบของความบันเทิง ซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการลงทุนของประเทศที่สื่อสารให้ผู้ร่วมกิจกรรมเข้าใจง่าย ให้ความรู้ และสามารถสร้างการมีส่วนร่วมของผู้เข้าชมนิทรรศการได้เป็นอย่างดี จัดโดยกระทรวงคมนาคม ๑.๓ จำนวนและประเภทผู้เข้าชมนิทรรศการและการสัมมนา มีผู้เข้าชมนิทรรศการไม่ต่ำกว่า ๑๐,๐๐๐ คนทุกวัน ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นักวิชาการ สื่อมวลชน ผู้ประกอบการ นักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป และจากการประเมินผลเบื้องต้นจากแบบสอบถาม ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่แสดงการมีส่วนร่วม โดยให้ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ เช่น การดำเนินงานของรัฐบาลในลักษณะนี้ควรดำเนินการมานานแล้ว เพื่อให้ทันกับการพัฒนาประเทศเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การดำเนินการควรดำเนินการเป็นขั้นตอนอย่างเป็นระบบ เพื่อจะได้ติดตาม ตรวจสอบได้โดยง่าย และให้คำนึงถึงความโปร่งใสในการดำเนินงาน โดยมีข้อห่วงใยว่ารัฐบาลมุ่งแต่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแต่อย่าละเลยการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรด้วย เป็นต้น ๒. ให้หัวหน้าส่วนราชการและบุคคลที่เกี่ยวข้องของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับการลงทุนตามแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ เข้าชมนิทรรศการดังกล่าวเพื่อให้มีความเข้าใจและได้รับข้อมูลต่าง ๆ ที่ครบถ้วนถูกต้องตรงกัน ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) เชิญชวนภาคเอกชนเพิ่มเติม และกระทรวงมหาดไทยเชิญชวนบุคลากรของจังหวัดและของส่วนราชการส่วนท้องถิ่นเข้าร่วมชมนิทรรศการด้วย เพื่อจะได้ให้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง เป็นประโยชน์และสามารถดำเนินงานต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
28425 | ร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร04 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28426 | ร่างพระราชบัญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร04 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28427 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติความร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๑ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๒๒ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28428 | การจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีในช่วงเดือนมีนาคม - เมษายน 2556 | นร04 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ๒๕๕๖ จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ ณ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ในวันอังคารที่ ๑๙ และวันอังคารที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๖ และการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดฉะเชิงเทรา ในวันเสาร์ที่ ๓๐-วันอาทิตย์ที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๕๖ ส่วนในเดือนเมษายน ๒๕๕๖ เนื่องจากมีวันหยุดราชการสำคัญและวันหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์หลายวัน จึงจะมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเฉพาะในวันอังคารที่ ๙, ๒๓ และ ๓๐ เมษายน ๒๕๕๖ เท่านั้น ดังนั้น หากหน่วยงานของรัฐมีเรื่องใดเร่งด่วนที่จำเป็นจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีมติก่อนวันอังคารที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๕๖ ก็ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องเร่งดำเนินการจัดทำเรื่องส่งไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีให้ทันเวลาต่อการประชุมที่กำหนดในเดือนเมษายนดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28429 | ผลการเยือนราชอาณาจักรสวีเดน ราชอาณาจักรเบลเยียม และสหภาพยุโรป | นร04 | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอผลการเยือนราชอาณาจักรสวีเดน และราชอาณาจักรเบลเยียม ระหว่างวันที่ ๔-๗ มีนาคม ๒๕๕๖ โดยมีผลการเยือนสรุปได้ ดังนี้
๑. ราชอาณาจักรสวีเดน ๑.๑ นายกรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ล ที่ ๑๖ กุสตาฟ และสมเด็จพระราชินีซิลเวียแห่งสวีเดน นอกจากนี้ ได้พบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีสวีเดน และร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลว่าด้วยความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายในการต่อต้านอาชญากรรมที่จัดตั้งในลักษณะองค์กรการลักลอบการค้ายาเสพติด วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทและสารตั้งต้น การค้ามนุษย์ การก่อการร้าย และอาชญากรรมร้ายแรงอื่น ๆ และแผนปฏิบัติการร่วมไทย-สวีเดน ฉบับที่ ๒ ซึ่งจะเป็นกรอบในการกำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศต่อไปในระยะ ๕ ปีข้างหน้า ๑.๒ นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมซิมไบโอซิตี้ ซึ่งเป็นเมืองที่ใช้พลังงานสะอาด (ก๊าซธรรมชาติ) ที่ผลิตได้จากขยะมูลฝอย โดยให้ประชาชนคัดแยกขยะของเสีย แล้วส่งผ่านท่อขยะแต่ละประเภทตรงไปยังโรงงานเพื่อผลิตเป็นก๊าซธรรมชาติ ทำให้สามารถนำขยะทั้งหมดของเมืองกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีก (recycle) สูงถึงร้อยละ ๙๙ นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบก่อสร้างอาคารและที่พักอาศัยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมทั้งรถยนต์ก็ใช้ก๊าซธรรมชาติ กระทรวงพลังงานจึงควรนำเอากรณีซิมไบโอซิตี้ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการเกี่ยวกับการใช้พลังงานทดแทนต่อไป สำหรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสร้างเสริมการมีระเบียบวินัยของประชาชน ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างเสริมความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการทิ้ง การคัดแยกขยะของเสีย การรักษาสิ่งแวดล้อม และการใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทนที่เป็นพลังงานสะอาดให้แก่ประชาชน โดยควรเริ่มให้ความรู้และปลูกฝังความมีระเบียบวินัยในการรักษาสิ่งแวดล้อมตั้งแต่วัยเด็ก ๒. ราชอาณาจักรเบลเยียม ๒.๑ นายกรัฐมนตรีได้เข้าเฝ้าฯ เจ้าชายฟิลิป มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรเบลเยียม ซึ่งในระหว่างวันที่ ๑๗-๒๒ มีนาคม ๒๕๕๖ นี้ เจ้าชายฟิลิป มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรเบลเยียม และเจ้าหญิงมาทิลด์ พระชายา จะเสด็จเยือนประเทศไทย โดยจะมีคณะผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลและคณะนักธุรกิจสาขาต่าง ๆ ของเบลเยียมตามเสด็จ ซึ่งเป็นโอกาสอันดีในการส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน รวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นในศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วย ๒.๒ นายกรัฐมนตรีได้หารือร่วมกับนายโฮเซ มานูเอล บาร์โรซู ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเกี่ยวกับความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป และความร่วมมือทางการค้า และได้รับมอบสิทธิบัตรแสดงการขึ้นทะเบียนรับรองต้นกำเนิดสินค้าทางภูมิศาสตร์ (GI) ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ของไทย โดยจะมีสินค้าไทยอีกสองชนิด คือ กาแฟดอยช้างและกาแฟดอยตุงที่ได้รับการสนับสนุนให้ขึ้นทะเบียนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28430 | การปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ | นร | 12/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) รายงานว่า บริษัท Fitch Ratings (Fitch) ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ณ วันที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๖ โดยได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ของรัฐบาล รวมทั้งระดับเพดานอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยสูงขึ้นจากเดิม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าต่างประเทศมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพและการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลมากยิ่งขึ้น ๒. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า ต่างประเทศให้ความชื่นชมประเทศไทยที่แม้จะประสบกับวิกฤตมหาอุทกภัย แต่ยังสามารถดำเนินการให้อัตราการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของปี พ.ศ. ๒๕๕๕ อยู่ที่ร้อยละ ๖.๔ ซึ่งสูงกว่าที่ประมาณการไว้ที่ร้อยละ ๕.๕ จึงขอขอบคุณรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันดำเนินการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจของประเทศให้ได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดี และขอความร่วมมือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ช่วยกันเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อให้นโยบายและแผนงานสำคัญของรัฐบาลในเรื่องต่าง ๆ เช่น การดำเนินโครงการลงทุนเพื่อวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ (๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง (๒.๒ ล้านล้านบาท) เป็นต้น บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศักยภาพในการแข่งขันของประเทศให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
|
|||||||||||||||||||||||||||
28431 | ขออนุมัติผ่อนผันการปฏิบัติและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ | มท | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผ่อนผันการปฏิบัติและเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ แผนงานป้องกัน เตือนภัย แก้ไขและฟื้นฟูความเสียหายจากภัยพิบัติ โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำและริมทะเลทั่วประเทศ งบลงทุน รายการเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองบางกอกน้อย บริเวณวัดแก้วฟ้า ตำบลบางขนุน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ความยาว ๑๒๐ เมตร จากวงเงินรวมเผื่อเหลือเผื่อขาดที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อหนี้ผูกพัน ๑๕,๒๐๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๑๕,๘๐๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๒,๑๗๕,๐๐๐ บาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๕,๔๓๗,๕๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๘,๑๘๗,๕๐๐ บาท ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28432 | ขอความเห็นชอบการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานผู้ได้รับเงินเดือนเต็มขั้นสูงของระดับหรือตำแหน่ง | คค | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบการจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานและลูกจ้างสถาบันการบินพลเรือนที่มีเงินเดือนเต็มขั้นสูงของระดับหรือตำแหน่งตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ กรณีได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีอยู่ในเกณฑ์หนึ่งขั้น ให้เบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๒ ของเงินเดือนเต็มขั้นสูงของระดับหรือตำแหน่ง ๑.๒ กรณีได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีอยู่ในเกณฑ์หนึ่งขั้นครึ่ง ให้เบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๔ ของเงินเดือนเต็มขั้นสูงของระดับหรือตำแหน่ง (โดยมีสัดส่วนของผู้ที่ได้รับเป็นจำนวนร้อยละ ๒๕ ของผู้ที่มีเงินเดือนเต็มขั้น) ๑.๓ กรณีได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีอยู่ในเกณฑ์สองขั้น ให้เบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษในอัตราร้อยละ ๖ ของเงินเดือนเต็มขั้นสูงของระดับหรือตำแหน่ง (โดยมีสัดส่วนของผู้ที่ได้รับเป็นจำนวนร้อยละ ๑๐ ของผู้ที่มีเงินเดือนเต็มขั้น) ๑.๔ กรณีได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปีอยู่ในเกณฑ์ครึ่งขั้นหรือไม่ได้รับการประเมินให้เลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี ให้เบิกจ่ายเงินเดือนในอัตราขั้นสูงของระดับหรือตำแหน่งตามเดิม ทั้งนี้ การจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษนี้ ไม่ถือเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง มีลักษณะเป็นการจ่ายชั่วคราว รวมทั้งไม่เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์อื่น ๆ แก่พนักงานและลูกจ้าง ๒. ให้สถาบันการบินพลเรือนรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับผลประกอบการของสถาบันการบินพลเรือนซึ่งมีแนวโน้มของรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่ายลดลง เพราะมีจำนวนนักศึกษาลดลง ในขณะที่ยังคงมีรายจ่ายอยู่ในปริมาณสูง จึงเห็นควรมีแผนการควบคุมค่าใช้จ่ายและจัดทำแผนธุรกิจเชิงรุกเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อฐานะการเงินขององค์กรในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
28433 | รายงานการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา เรื่อง การศึกษาและติดตามการเชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน | สว | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา เรื่อง การศึกษาและติดตามการเชื่อมโยงเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะกับผลการดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะตามรายงานที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุมิสภาทราบต่อไป โดยมีประเด็นสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การให้จังหวัดชายแดนได้พิจารณาความเหมาะสมในการเปิดจุดผ่านแดน ๒. การจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาด่านชายแดนที่มีอยู่กับประเทศเพื่อนบ้านให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการด่านชายแดนในลักษณะที่เป็นการให้บริการ ณ ที่เดียว (One stop Service) ๓. การพิจารณายกเลิกประกาศและกฎระเบียบของบางหน่วยงานที่อาจเป็นปัญหาอุปสรรคต่อการค้าชายแดนไทย โดยปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับความเป็นจริงและสถานการณ์ในปัจจุบัน ๔. การให้ความรู้และความเข้าใจในเรื่องกฎหมาย ระเบียบ และนโยบายของแต่ละหน่วยงานแก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยปฏิบัติงานต่าง ๆ ในพื้นที่ ให้มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงบทบาทภารกิจและหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน ๕. การให้ทางจังหวัด ซึ่งปัจจุบันได้บริหารราชการแบบบูรณาการ (Chief Executive officer : CEO) เช่น การพิจารณาดำเนินการขอถอนสภาพป่าในพื้นที่ที่เป็นจุดผ่านแดนถาวรหรือจุดผ่อนปรนทางการค้า ๖. การเร่งดำเนินการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน ให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงหรือยกเลิกกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่มีลักษณะเป็นการกีดกันสินค้าไทยภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (AFTA) ๗. การขยายถนนให้มีขนาดเหมาะสมและสอดรับกันเพื่อเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุ่น) และอินเดีย ๘. การพัฒนาท่าเรือในอินโดจีนจะต้องเร่งพัฒนาท่าเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกในการจัดเก็บและกระจายสินค้า รวมทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษในจังหวัดที่มีศักยภาพอย่างจริงจัง ๙. การเชื่อมโยงโครงข่ายเส้นทางรถไฟในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ๑๐. การให้จังหวัดใดที่ได้พิจารณาความเหมาะสมในการเปิดจุดผ่านแดน หรือยกระดับด่านเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวร หากเห็นว่าพื้นที่ใดมีศักยภาพในการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในการรองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ๑๑. การพัฒนาด่านชายแดนให้มีมาตรฐานเดียวกันและมีการบริหารจัดการแบบ (One Stop Service) โดยการพัฒนาระบบข้อมูลระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอดจนการนำเอาพิกัดระบบฮาโมไนซ์อาเซียนมากำหนดพิกัดศุลกากรและรหัสสถิติสินค้า เพื่อให้การเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์มีความรวดเร็วและสะดวกในการเข้าถึงข้อมูล และยกเลิกประกาศและกฎระเบียบของหน่วยงานที่เป็นปัญหาและอุปสรรคต่อการค้าขายชายแดน ๑๒. การแสวงหาแหล่งวัตถุดิบและปัจจัยการผลิตที่มีคุณภาพมากขึ้น และมีราคาที่ต่ำกว่าที่มีอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเพื่อการขยายประโยชน์จากการเชื่อมโยงในภูมิภาคต่อไป ๑๓. ภาคธุรกิจควรมีข้อมูลเชิงลึกด้านการตลาด เช่น รสนิยมของผู้บริโภค ช่องทางการจัดจำหน่าย นโยบายของรัฐ กฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ในประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น ๑๔. ภาคธุรกิจของไทยควรศึกษาและพัฒนาเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ เช่น การเลือกจุดผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนที่ต่ำสุดและได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งในบางธุรกิจอาจจำเป็นต้องย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีแหล่งวัตถุดิบ หรือมีแรงงานที่ถูกกว่า รวมไปถึงการใช้ประโยชน์ของประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม (CLMV) ในสถานะ Least Developed Countries : LCDs เป็นต้น ๑๕. ภาครัฐต้องคำนึงถึงศักยภาพและใช้ประโยชน์จากทำเลที่ตั้งของไทยที่เป็นศูนย์กลางของอาเซียน โดยการสร้างการเชื่อมโยงและพัฒนาระบบการขนส่งคมนาคมให้ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว และคงทน ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านและพัฒนาการเชื่อมโยงอย่างมีประสิทธิภาพ ๑๖. การผลิตสินค้าของไทยต้องเน้นการใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมและเกษตรแปรรูป นอกจากนี้รัฐบาลควรส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา และการออกแบบสินค้าให้มากขึ้น ๑๗. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่เพียงพอและเพิ่มศักยภาพให้แก่ประเทศ โดยเฉพาะการคมนาคมทางรถไฟระบบทางคู่ และระบบการเดินรถที่รวดเร็วตรงเวลามากขึ้น รวมไปถึงส่งเสริมการใช้ระบบรถไฟเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าจากนิคมอุตสาหกรรมมายังท่าเรือน้ำลึกเพื่อขนส่งต่อไปยังตลาดต่างประเทศ ๑๘. ธุรกิจไทยจำเป็นต้องปรับตัวควบคุมต้นทุนและสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะลดการเน้นธุรกิจที่ใช้แรงงานในสัดส่วนสูงหันมาพัฒนามาเป็นธุรกิจที่เน้นความรู้เข้มข้นหรือใช้เทคโนโลยีในการผลิตมากขึ้น ๑๙. การใช้แรงงานไทยจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนใหม่หรือฝึกฝนทักษะเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้สามารถแข่งขันด้านแรงงานและพัฒนาสินค้าและบริการให้มีมูลค่าและประสิทธิภาพเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงภาครัฐต้องจัดการดูแลอาชีพที่ขาดแคลนโดยการให้ข้อมูลแก่แรงงานรุ่นใหม่ให้เรียนสาขาที่ตลาดแรงงานมีความต้องการสูง ๒๐. ธุรกิจไทยต้องพยายามรักษาฐานมูลค่าเดิม โดยเน้นหลัก "ความคุ้มค่า" หรือ "Value for Money" อาศัยคุณภาพ รูปแบบ และความเชื่อถือได้ หรือ Reliability เป็นหลัก โดยราคายุติธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||
28434 | ผลการประกวดราคางานโยธา สัญญาที่ 6 (งานระบบราง) โครงการรถไฟฟ้า สายสีม่วง ช่วงบางใหญ่ - บางซื่อ ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประกวดราคางานโยธา สัญญาที่ ๖ (งานระบบราง) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ โดยบริษัท อิตาเลียน-ไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด จำนวน ๓,๕๘๕ ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าวงเงินเดิม จำนวน ๕๓ ล้านบาท (วงเงินเดิม ๓,๖๓๘ ล้านบาท) ที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติไว้แล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งพิจารณาผลการคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนผู้ใช้บริการ และค่าใช้จ่ายบริหารจัดการและให้บริการของโครงการที่เหมาะสมและไม่เป็นภาระทางการเงินของภาครัฐในระยะยาว ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
28435 | ร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยวิธีการในการจัดการน้ำตาลทรายที่ไม่ได้คุณภาพ พ.ศ. .... | อก | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยวิธีการในการจัดการน้ำตาลทรายที่ไม่ได้คุณภาพ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. ให้ยกเลิกระเบียบคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย ว่าด้วยวิธีการในการจัดการน้ำตาลทรายที่ไม่ได้คุณภาพ พ.ศ. ๒๕๔๔ ลงวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๔ ๒. กำหนดนิยามของคำวา “น้ำตาลทราย” “น้ำตาลทรายที่ได้คุณภาพ” “น้ำตาลทรายที่ไม่ได้คุณภาพ” “น้ำตาลทรายเสื่อมคุณภาพ” “โรงงานน้ำตาลทราย” และ “การปรับปรุงคุณภาพ” ๓. กำหนดวิธีการดำเนินการในการจัดการน้ำตาลทรายที่ไม่ได้คุณภาพในขณะทำการผลิตและที่เสื่อมสภาพภายหลังการผลิต ๔. กำหนดอัตราค่าสูญเสียในการปรับปรุงคุณภาพน้ำตาลทราย โดยให้ค่าใช้จ่ายและความสูญเสียในการปรับปรุงคุณภาพตกเป็นภาระแก่โรงงานน้ำตาลทราย โดยน้ำตาลทรายดิบ อัตราค่าสูญเสียร้อยละ ๑ น้ำตาลทรายขาว อัตราค่าสูญเสียร้อยละ ๔ และน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ อัตราค่าสูญเสียร้อยละ ๓ |
|||||||||||||||||||||||||||
28436 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 132) พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... | พณ | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๓๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๓๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ และให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า ปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง การแก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรของสินค้าที่มีมาตรการนำเข้าตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ให้เป็นไปตามพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร (ฉบับที่ ๕) พ.ศ. ๒๕๕๕ พ.ศ. .... ซึ่งแก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรของเลื่อยโซ่ รวมทั้งส่วนประกอบและอุปกรณ์ประกอบของเลื่อยโซ่ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๓๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรี (คณะที่ ๔) หากร่างประกาศฯ ฉบับนี้ประกาศใช้บังคับก่อน เห็นควรแก้ไขพิกัดอัตราศุลกากรตามร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง ยกเลิกประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ๑๓๒) พ.ศ. ๒๕๔๑ พ.ศ. .... ให้สอดคล้องกัน ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||||||||
28437 | ผลการพิจารณาเปลี่ยนแปลงรายการในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย | นร07 | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผลการพิจารณาเปลี่ยนแปลงรายการในการให้ความช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย ของสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการที่ได้อนุมัติไว้เดิม จำนวน ๖ รายการ เป็นเงิน ๔.๖๖๔๖ ล้านบาท และดำเนินการรายการใหม่ เพื่อทดแทนรายการเดิมที่ขอยกเลิกการดำเนินการ จำนวน ๑๓ รายการ งบประมาณ ๒๘.๔๙๐๖ ล้านบาท เพื่อจะได้จัดสรรงบประมาณในส่วนที่ยังไม่ได้จัดสรรให้ต่อไป ตามที่สำนักงบประมารและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28438 | การดำเนินการโครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ ที่มีไฟฟ้าใช้แล้ว (เกาะมุกด์ เกาะสุกร และเกาะลิบง จังหวัดตรัง) | มท | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ (ฝ่ายการเกษตร และการท่องเที่ยว) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) ในขณะนั้น เป็นประธานกรรมการ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ผ่อนผันการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ และเห็นชอบการขอผ่อนผันการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๓๔ วันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ เรื่อง ป่าชายเลนในการดำเนินการโครงการก่อสร้างระบบจำหน่ายด้วยสายเคเบิลใต้น้ำไปยังเกาะต่าง ๆ ที่มีไฟฟ้าใช้แล้ว (เกาะมุกด์ เกาะสุกร และเกาะลิบง จังหวัดตรัง) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับบริการด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานที่จะช่วยให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการมีไฟฟ้าใช้และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ ๒. ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามรายงานการศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Initial Environmental Examination : IEE) อย่างเคร่งครัด เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยเฉพาะแหล่งหญ้าทะเล รวมทั้งระบบนิเวศป่าชายเลนในพื้นที่ |
|||||||||||||||||||||||||||
28439 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการวางหลักทรัพย์ จำนวนและมูลค่าของหลักทรัพย์ และกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ผู้ได้รับใบอนุญาต ประกอบการขนส่งจะต้องรับผิดชอบเนื่องจากการขนส่ง พ.ศ. .... | คค | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ที่เห็นชอบและอนุมัติในหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการวางหลักทรัพย์ จำนวนและมูลค่าของหลักทรัพย์ และกำหนดอัตราค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งต้องรับผิดชอบ พ.ศ. .... ของกระทรวงคมนาคม ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔๖ (พ.ศ. ๒๕๓๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ ๒. กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและระยะเวลาการยื่นคำขอวางหลักทรัพย์สำหรับการชดใช้ค่าเสียหายที่เป็นค่าใช้จ่ายเบื้องต้นสำหรับประกันความเสียหายอันเกิดแก่ชีวิตหรือร่างกายของบุคคลภายนอกตามแบบที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดต่อนายทะเบียน กรณีวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาลไทยหรือทั้งสองอย่างรวมกันให้ยื่นต่อนายทะเบียนผู้ออกใบอนุญาตประกอบการขนส่ง กรณีวางหลักทรัพย์เป็นสัญญาประกันภัยและกรมธรรม์ประกันภัยให้ยื่นต่อนายทะเบียนผู้รับดำเนินการทางทะเบียน ๓. กำหนดจำนวนหรือมูลค่าของหลักทรัพย์ โดยผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งประจำทาง ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งไม่ประจำทาง และผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคล ต้องวางหลักทรัพย์มีจำนวนหรือมูลค่าสามหมื่นห้าพันบาทสำหรับรถคันที่หนึ่ง และคันละห้าร้อยบาทสำหรับรถคันต่อ ๆ ไป แต่เมื่อรวมกันแล้วทั้งหมดไม่เกินสามแสนบาท ส่วนผู้ได้รับอนุญาตประกอบการขนส่งโดยรถขนาดเล็กต้องวางหลักทรัพย์มีจำนวนหรือมูลค่าสามหมื่นห้าพันบาทสำหรับรถคันที่หนึ่ง และคันละสองร้อยบาทสำหรับรถคันต่อ ๆ ไป แต่เมื่อรวมกันแล้วทั้งหมดไม่เกินสองแสนบาท ๔. กำหนดให้ในกรณีที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งใช้สัญญาประกันภัยและกรมธรรม์ประกันภัยวางเป็นหลักทรัพย์สัญญาประกันภัยและกรมธรรม์ประกันภัยต้องมีระยะเวลาความคุ้มครองสิ้นสุดอย่างน้อยในวันสิ้นอายุภาษีประจำปีของปีถัดไป และจำนวนเงินเอาประกันภัยสำหรับความเสียหายแก่ชีวิตและร่างกายของบุคคลภายนอกเนื่องจากการขนส่งโดยรถของตนแต่ละครั้งอย่างน้อยต้องไม่ต่ำกว่าจำนวนเงินที่กำหนดไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ๕. กำหนดค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งจะต้องจ่ายให้แก่ผู้เสียหาย หรือทายาทในกรณีวางหลักทรัพย์เป็นเงินสดหรือพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือทั้งสองอย่างรวมกัน โดยผู้เสียหายมิได้ถึงแก่ความตาย ให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ระหว่างการรักษาพยาบาลตามจำนวนเงินที่ผู้เสียหายได้แสดงหลักฐานการใช้จ่ายไปจริง แต่ไม่เกินหนึ่งหมื่นห้าพันบาท ส่วนผู้เสียหายถึงแก่ความตายในทันที ให้จ่ายค่าปลงศพแก่ทายาทจำนวนสามหมื่นห้าพันบาท สำหรับผู้เสียหายมิได้ถึงแก่ความตายในทันที ให้จ่ายค่ารักษาพยาบาล รวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ระหว่างการรักษาพยาบาลตามจำนวนเงินที่ผู้เสียหายได้แสดงหลักฐานการใช้จ่ายไปจริง แต่ไม่เกินหนึ่งหมื่นห้าพันบาท และค่าปลงศพจำนวนสามหมื่นห้าพันบาท ทั้งนี้ การวางหลักทรัพย์เป็นสัญญาประกันภัยและกรมธรรม์ประกันภัย ค่าใช้จ่ายเบื้องต้นให้เป็นไปตามความคุ้มครองที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ประกันภัย
|
|||||||||||||||||||||||||||
28440 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างความตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา | วท | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลงเกี่ยวกับความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และวิชาการระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดรายละเอียดความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการในอนาคต และอนุมัติให้มีการลงนามในร่างความตกลงฯ ทั้งนี้ หากก่อนการลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในประเด็นเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวและอาจนำมาซึ่งความขัดแย้ง ดังนั้น ในการจัดสรรสิทธิและการรักษาความลับจึงควรดำเนินการตามภาคผนวกในข้อตกลงฯ อย่างเคร่งครัด เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ทั้งนี้ อนุมัติให้ใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อพิพาทได้ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชน) |
.....