ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1424 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 28461 - 28480 จากข้อมูลทั้งหมด 124003 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28461 | ร่างกฎกระทรวง กำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง กำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง กำหนดท่าหรือที่ สนามบินศุลกากร ทางอนุมัติ ด่านพรมแดน และด่านศุลกากร พ.ศ. ๒๕๕๓ เพื่อกำหนดให้สนามบินนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นสนามบินศุลกากร ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
28462 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย - มาเลเซีย ครั้งที่ 51 | กห | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบบันทึกการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ ๕๑ เมื่อวันที่ ๑๐-๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ โดยสาระสำคัญของบันทึกการประชุมฯ ประกอบด้วย รายงานความก้าวหน้าของคณะกรรมการระดับสูง ไทย-มาเลเซีย ความเห็นของประธานร่วมฝ่ายมาเลเซีย ความเห็นของประธานร่วมฝ่ายไทย และงานมอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ ๕๑ โดยในส่วนของความเห็นของประธานร่วมฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความเห็นของประธานร่วมฝ่ายมาเลเซีย ๑.๑ ปัจจุบันมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนซึ่งเป็นปัญหาร่วมกัน เช่น การลักลอบขนของผิดกฎหมาย การค้าอาวุธ การค้ายาเสพติด และการค้ามนุษย์ แม้ว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจะมีการควบคุมและกวดขัน เช่น การปฏิบัติการลาดตระเวนร่วม แต่การกระทำสิ่งที่ผิดกฎหมายเหล่านี้ก็ยังคงปรากฏอยู่ ดังนั้น คณะกรรมการระดับสูงและคณะทำงานของทั้งสองประเทศควรจะมีการศึกษาประสิทธิผลของการทำงานร่วมกันที่ผ่านมาเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการควบคุมสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ตามแนวชายแดนให้ลดลง ๑.๒ ปัจจุบันกองกำลังรักษาความมั่นคงของทั้งสองประเทศมีการประสานงานและปฏิบัติภารกิจตามแนวชายแดนร่วมกัน โดยมีจุดตรวจร่วมอยู่ที่บ้านดีดะ อำเภอบันนังสตาร์ และบ้านดินเสมอ อำเภอธารโต จังหวัดยะลา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับจุดตรวจของมาเลเซียบริเวณป่าสงวนแห่งชาติ ฮูลู มูดา ณ จุดตรวจร่วมนี้ถึงแม้ว่าผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายได้มีการเข้าไปพบปะเยี่ยมเยือนการปฏิบัติงาน แต่ขาดการนำเสนอสู่สาธารณชน ดังนั้น จึงมีข้อเสนอแนะว่าการพบปะเยี่ยมเยือนควรจะกระทำให้บ่อยขึ้นและมีการนำเสนอต่อสาธารณชนผ่านสื่อของทั้งสองประเทศ ๑.๓ ผลการฝึกร่วม/ผสม ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ ๑ ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีและเป็นการขยายความร่วมมือของกองทัพทั้งสองประเทศ ๑.๔ ตามที่คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-มาเลเซียมีข้อเสนอให้มีการเฉลิมฉลองการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ ๑๐๐ ในปี ๒๕๕๖ นั้น ขอแนะนำให้มีการเผยแพร่ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์เป็นพิเศษ เพื่อนำเสนอกิจกรรมต่าง ๆ ที่ดำเนินงานร่วมกันให้เห็นเด่นชัด ดังนั้น จึงขอให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-มาเลเซีย ดำเนินการวางแผนและนำเสนอในโอกาสต่อไป ๒. ความเห็นของประธานร่วมฝ่ายไทย ๒.๑ เห็นด้วยที่จะให้คณะกรรมการระดับสูง ไทย-มาเลเซีย และคณะทำงานชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-มาเลเซีย ไปพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้การปฏิบัติการร่วมมีประสิทธิภาพ สามารถยับยั้งการกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณพื้นที่ชายแดน และเห็นด้วยที่จะให้สื่อทั้งสองประเทศได้เพิ่มการประชาสัมพันธ์ถึงความร่วมมือและการเยี่ยมเยือนของผู้บังคับบัญชาทั้งสองฝ่ายต่อไป ๒.๒ สำหรับการฝึกร่วม/ผสม ไทย-มาเลเซีย ต้องการที่จะเห็นความต่อเนื่อง และขยายขอบเขตไปสู่ประเทศสมาชิกในกลุ่มอาเซียนในอนาคต รวมทั้งปรารถนาที่จะเห็นความก้าวหน้าในการจัดทำ TOR/SOP ของการฝึกร่วม/ผสม ให้เห็นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ๒.๓ สนับสนุนข้อเสนอของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-มาเลเซีย เรื่องการเฉลิมฉลองการครบรอบการประชุมครั้งที่ ๑๐๐ ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่มีมายาวนานโดยเฉพาะความยากลำบากที่ได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาโจรคอมมิวนิสต์มาลายาจนประสบความสำเร็จ ๓. ประธานร่วมฝ่ายไทยแจ้งว่า ประเทศไทยมีความยินดีที่จะขอเชิญมาเลเซียเป็นเจ้าภาพร่วมการฝึกช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (HA/DR) ของอาเซียน ในปี ๒๕๕๗ ที่ประเทศไทย โดยจะเชิญประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียนเข้าร่วมด้วย เพื่อให้การดำเนินการฝึกดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๔. การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-มาเลเซีย ครั้งที่ ๕๒ จะจัดที่กรุงเทพมหานคร ประมาณเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
28463 | ผลการพิจารณาคำร้อง (กรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายทุนผู้เลี้ยงหอยแครงกับกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านอ่าวปัตตานี) | สม | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตามรายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ ๑๐๕๒/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เรื่อง สิทธิในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิชุมชน กรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างนายทุนผู้เลี้ยงหอยแครงกับกลุ่มประมงพื้นบ้าน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ สรุปข้อเสนอแนะเชิงนโยบายได้ ดังนี้ ๑.๑ คณะรัฐมนตรี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในการเข้าถึงหรือการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยยึดหลักความได้สัดส่วนระหว่างประโยชน์สาธารณะกับประโยชน์ของบุคคล ๑.๒ คณะรัฐมนตรี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายในการกำกับ ควบคุม และตรวจสอบการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ๑.๓ คณะรัฐมนตรี โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องในการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติที่เสื่อมโทรม และบำรุงรักษาให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ โดยการมีส่วนร่วมของประชาชนและชุมชนในท้องที่ หรือที่ได้รับหรืออาจจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ๑.๔ ในการพิจารณาอนุญาตให้ทำการประมงในผืนน้ำอันเป็นที่สาธารณประโยชน์ จะต้องนำความเห็นที่ได้จากการจัดรับฟังความคิดเห็นของชุมชนและผู้ที่ได้รับหรืออาจจะได้รับผลกระทบจากการอนุญาต มาเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการพิจารณา โดยจะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดด้วย ๑.๕ ควรจัดเวทีเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นของชุมชนและผู้ที่ได้รับหรืออาจจะได้รับผลกระทบจากการดำเนินการใด ๆ ต่อทรัพยากรและพื้นที่ชายฝั่งและริมทะเล โดยคำนึงถึงวิถีชีวิตของชุมชนท้องถิ่นและภูมิปัญญาชาวบ้านด้วย ๒. ให้หน่วยงานรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตามข้อ ๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน โดยให้อยู่ในกรอบของกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายข้อ ๑.๑-๑.๓ และข้อเสนอเพิ่มเติมของรองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ว่า การแก้ปัญหากรณีความขัดแย้งในการทำประมงในพื้นที่สาธารณประโยชน์ ควรมีการจัดตั้งคณะกรรมการ โดยมีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางในการใช้พื้นที่สาธารณประโยชน์สำหรับการเลี้ยงหอยแครงและการประมงพื้นบ้านให้เกิดความสมดุลภายใต้หลักเกณฑ์ที่ชัดเจน โดยให้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน เป็นธรรม และเกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.๒ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายข้อ ๑.๔ และข้อ ๑.๕ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
28464 | การปรับปรุงกรอบวงเงินลงทุนของแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550 - 2554) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๓ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับปรุงกรอบวงเงินลงทุนของแผนพัฒนาระบบไฟฟ้า ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๔) ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จากเงินลงทุนเดิม จำนวน ๖๗,๑๒๐.๐๐ ล้านบาท เป็น จำนวน ๙๐,๙๘๒.๔๑ ล้านบาท ประกอบด้วย การลงทุนของ กฟภ. จำนวน ๘๙,๖๒๒.๙๑ ล้านบาท และการลงทุนด้านการพัฒนาพลังงานทดแทนของบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในกรอบวงเงิน ๑,๓๕๙.๕๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ๒. ให้ กฟภ. รับข้อสังเกตของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปรับเลื่อนโครงการ/แผนงานของ กฟภ. ที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม จำนวน ๒ โครงการ/แผนงาน ได้แก่ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งจ่ายไฟ และแผนงานการจ่ายไฟด้วยพลังงานทดแทนบนอาคารสำนักงาน และแผนงานติดตั้งโคมไฟถนน รวมทั้งแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาและลงทุนด้านพลังงานหมุนเวียน ๕ ปี ของบริษัท พีอีเอฯ ซึ่งมีแผนที่จะลงทุนในช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ไปรวมในแผนพัฒนาระบบไฟฟ้า ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ และพิจารณาวางแผนการลงทุนให้มีความสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อม ชุมชน และการพัฒนาประเทศบนเส้นทางสีเขียว (Green Growth) และการสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว การจัดหาแหล่งเงินทุน โดยพิจารณาทางเลือกในการลงทุนอื่นนอกเหนือจากการกู้เงินเพื่อการลงทุนตามขั้นตอนปกติ เช่น การระดมเงินทุนจากภาคเอกชน และการระดมทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) เป็นต้น เพื่อลดสัดส่วนหนี้สาธารณะของประเทศ การกำกับดูแลการดำเนินงานของบริษัท พีอีเอฯ ในเรื่องการร่วมทุน โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้กำกับดูแลตามหลักเกณฑ์การจัดตั้ง/ร่วมทุนและกำกับดูแลบริษัทในเครือของรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งกฎหมายและระเบียบอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานร่วมทุนของบริษัทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การทบทวนแผนการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบไฟฟ้าในช่วงครึ่งระยะเวลาดำเนินการตามแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าฯ (Midterm Review) เพื่อให้มีความสอดคล้องและทันกับสถานการณ์การลงทุนในช่วงเวลานั้น ๆ การให้ความสำคัญในการติดตามประเมินผลการลงทุนโครงการต่าง ๆ และหาแนวทางการแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการดำเนินโครงการในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งทำให้การดำเนินโครงการมีความล่าช้า โดยเฉพาะโครงการที่มีวงเงินลงทุนสูง เพื่อให้สามารถวางแผนและดำเนินการลงทุนตามแผนพัฒนาระบบไฟฟ้าในระยะต่อไปได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
28465 | การลงนามในเอกสารโครงการ ASEAN-German Project on ASEAN Biocontrol (ABC) for Sustainable Agrifood Systems | กษ | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างความตกลง Implementation Agreement สำหรับโครงการ ASEAN-German Project on ASEAN Biocontrol (ABC) for Sustainable Agrifood Systems มีวัตถุประสงค์เพื่อให้อาเซียนได้พัฒนานโยบายและยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องในระดับภูมิภาคเพื่อจัดการการเกษตรและการผลิตอาหารที่ยั่งยืน และเพื่อให้ประเทศสมาชิกอาเซียนได้พัฒนาแนวทางการปฏิบัติการ (Guidelines) สำหรับการขึ้นทะเบียนการค้า และการใช้ผลิตภัณฑ์ชีวภาพสำหรับการกำจัดศัตรูพืช ๑.๒ อนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ ๑.๓ ให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ว่า รัฐบาลไทยเห็นชอบร่างความตกลงฯ และให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนลงนามในร่างความตกลงฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด ที่เห็นควรให้กรมวิชาการเกษตร และคณะกรรมการ Biocontrol Task Force ประสานการดำเนินโครงการฯ ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ภายใต้คณะกรรมการพัฒนาการเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ เพื่อให้การขับเคลื่อนการใช้ชีวภัณฑ์ในการกำจัดศัตรูพืชและการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ขยายผลในวงกว้างมากขึ้น ส่วนกรณีการเกิดข้อพิพาทจากข้อตกลงและคู่สัญญาไม่สามารถเจรจาหาข้อยุติได้โดยฉันท์มิตร ร่างความตกลงฯ ข้อ ๑๐ กำหนดให้ระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายแม่แบบแห่งคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ (UNCITRAL) เรื่อง การอนุญาโตตุลาการ นั้น โดยที่ร่างความตกลงนี้เป็นข้อตกลงระหว่างองค์กรของรัฐบาล กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หรือหน่วยงานผู้ดำเนินโครงการอาจพิจารณากลไกการระงับข้อพิพาทอย่างอื่นที่เหมาะสมแทนการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
28466 | ขออนุมัติจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งการปรึกษาหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินี | กต | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งการปรึกษาหารือทวิภาคีระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือแห่งสาธารณรัฐอิเควทอเรียลกินี (Memorandum of Understanding on the Establishment of Bilateral Consultations between the Ministry of Foreign Affairs of the Kingdom of Thailand and the Ministry of Foreign Affairs and Cooperation of the Republic of Equatorial Guinea) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกรอบการปรึกษาหารืออย่างเป็นทางการเป็นประจำ เพื่อทบทวนความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือด้านการเมือง เศรษฐกิจ การพาณิชย์ วิชาการ วัฒนธรรมและกงสุล อันจะนำมาซึ่งการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยและอิเควทอเรียลกินีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ๔. ให้จัดทำร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นภาษาสเปน ตามข้อเสนอของฝ่ายอิเควทอเรียลกินี โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ |
|||||||||||||||||||||||||||
28467 | แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นางอังคณา ไชยมนัส) | กค | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนางอังคณา ไชยมนัส ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28468 | สถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมกราคม 2556 และแนวโน้มปี 2556 | นร | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๖ และแนวโน้มปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ๑.๑ การใช้จ่ายภาคครัวเรือน ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ขยายตัวร้อยละ ๖.๘ สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มและการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคซึ่งขยายตัวร้อยละ ๑๗.๑ และ ๓๒.๒ ตามลำดับ ในขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ อยู่ที่ระดับ ๗๒.๑ ๑.๒ การลงทุนภาคเอกชน ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ขยายตัวร้อยละ ๒๒.๐ โดยปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศและการนำเข้าสินค้าทุนขยายตัวต่อเนื่องตามการขยายตัวของการลงทุนใหม่ เช่นเดียวกับพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างที่ขยายตัวร้อยละ ๑.๑ ในขณะที่ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ ๓๖.๕ ๑.๓ การส่งออกสินค้า ในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ มีมูลค่า ๑๗,๙๒๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ ๑๕.๖ โดยการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะการส่งออกยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเกษตรสำคัญ ๆ ที่ขยายตัวได้ดี ประกอบด้วย ข้าว และผลไม้ ในขณะที่มูลค่าการส่งออกทองคำและยางพารายังคงหดตัว ตลาดส่งออกขยายตัวได้ดีในทุกตลาด โดยตลาดหลักที่ขยายตัว ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป ๑.๔ การผลิตภาคอุตสาหกรรม ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ขยายตัวร้อยละ ๑๐.๑ อุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัวประกอบด้วย อาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอ ยานยนต์ เครื่องหนัง และแผงวงจรรวม ในขณะที่อุตสาหกรรมเสื้อผ้าสำเร็จรูปหดตัวต่อเนื่องร้อยละ ๑๖.๑ และอุตสาหกรรมปิโตรเลียมหดตัวร้อยละ ๑๐.๕ อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่เฉลี่ยร้อยละ ๖๗.๐ ๑.๕ การผลิตภาคเกษตรกรรม ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรเดือนมกราคม ๒๕๕๖ ขยายตัวร้อยละ ๐.๘ ในขณะที่ราคาสินค้าเกษตรลดลงร้อยละ ๓.๘ ส่งผลให้รายได้เกษตรกรลดลงร้อยละ ๓.๐ โดยราคาสินค้าเกษตรสำคัญที่ลดลง ประกอบด้วย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง อ้อย และปศุสัตว์ ส่วนราคาข้าวเปลือกและกุ้งขาว เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๖ และ ๑๒.๐ ตามลำดับ ๑.๖ ภาคการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ มีจำนวน ๒.๒ ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒.๕ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีสัดส่วนสูงสุด คือ นักท่องเที่ยวจากจีน มีสัดส่วนร้อยละ ๑๓.๘ รองลงมา คือ มาเลเซีย รัสเซีย และญี่ปุ่น โดยมีสัดส่วนร้อยละ ๙.๕ ๘.๙ และร้อยละ ๖.๑ ตามลำดับ ๑.๗ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนมกราคม ๒๕๕๖ และการว่างงานในเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล ๑.๘ สถานการณ์ด้านการคลัง การจัดเก็บรายได้และการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น ในขณะที่หนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ อยู่ที่ร้อยละ ๔๔.๐ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ๑.๙ สถานการณ์ด้านการเงิน สินเชื่อขยายตัวในอัตราเร่งขึ้น ในขณะที่เงินฝากชะลอตัว ทำให้สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากของธนาคารพาณิชย์ตึงตัวขึ้นเล็กน้อย อัตราดอกเบี้ยนโยบายทรงตัว เงินบาทแข็งค่าตามการไหลเข้าสุทธิของเงินทุนจากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๕-๕.๕ โดยอุปสงค์ภายในประเทศยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวในเกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภาคการส่งออกเริ่มฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศได้มากขึ้น โดยคาดว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๑๑.๐ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๓.๕ และร้อยละ ๘.๙ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๒.๕-๓.๕ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๐.๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องส่วนเกินในระบบการเงินโลกและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกคาดว่าจะส่งผลให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียและสร้างแรงกดดันต่อการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||
28469 | ขอเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงและชมนิทรรศการ "THAILAND 2020 ก้าวใหม่เชื่อมไทยสู่โลก" | นร | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการจัดนิทรรศการ “THAILAND 2020 ก้าวใหม่เชื่อมไทยสู่โลก” ในวันที่ ๘-๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น ๒ อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) เสนอ และเรียนเชิญรัฐมนตรีทุกท่าน หัวหน้าส่วนราชการทั้งในระดับกระทรวงและกรม รวมทั้งผู้บริหารรัฐวิสาหกิจทุกแห่งเข้าร่วมงานเลี้ยงเปิดนิทรรศการดังกล่าว ซี่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นประธาน ในวันศุกร์ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๘.๐๐ น.
|
|||||||||||||||||||||||||||
28470 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งพิจารณาร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. .... ของคณะรัฐมนตรี โดยให้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป รวมทั้งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๙ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๒๐ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ ๗ มีนาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28471 | ร่างพระราชบัญญัติความผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. .... | นร04 | 05/03/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติความรับผิดทางแพ่งเพื่อความเสียหายจากมลพิษน้ำมัน พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||||||||
28472 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | นร04 | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันอังคารที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ของคณะรัฐมนตรี โดยให้เสนอร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๔ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๑๗ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพุธที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ และครั้งที่ ๑๘ (สมัยสามัญนิติบัญญัติ) วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. .... ออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
|||||||||||||||||||||||||||
28473 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. .... | นร04 | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงสาธารณสุขถอนร่างพระราชบัญญัติการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. .... ออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
|
|||||||||||||||||||||||||||
28474 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... | นร | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันอังคารที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28475 | การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 5 มีนาคม 2556 | นร | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอว่า เนื่องจากนายกรัฐมนตรีมีภารกิจต้องเดินทางไปเยือนราชอาณาจักรสวีเดน ราชอาณาจักรเบลเยี่ยม และสหภาพยุโรป ระหว่างวันที่ ๔-๗ มีนาคม ๒๕๕๖ ดังนั้น ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๖ รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) จะทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมแทน ทั้งนี้ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๖๗/๒๕๕๕ ลงวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน
|
|||||||||||||||||||||||||||
28476 | ผลการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีและเขตบริหารพิเศษฮ่องกง | นร04 | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีรายงานเกี่ยวกับการเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเข้าร่วมในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดี ปัก กึน-ฮเย (Park Geun-Hye) ซึ่งเป็นผู้นำสตรีคนแรกของเกาหลีใต้ และเดินทางเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงตามคำเชิญของผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการเยือนสาธารณรัฐเกาหลี ๑.๑ การหารือกับประธานาธิบดี ปัก กึน-ฮเย เกี่ยวกับพัฒนาความสัมพันธ์ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ระหว่างไทย-สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้ริเริ่มไว้ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี อี มยอง-บัก (Lee Myung-bak) โดยมุ่งส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน รวมทั้งจะขยายความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้นทั้งในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาธารณสุข และการศึกษา ๑.๒ การหารือเกี่ยวกับการพัฒนาบทบาทสตรีในภูมิภาคและให้ความสำคัญกับเด็ก สตรี และผู้สูงอายุ โดยให้กลุ่มคนเหล่านี้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข มีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมทั้งผลักดันให้สตรีได้มีโอกาสและบทบาทในการพัฒนาประเทศมากยิ่งขึ้น ๑.๓ นายกรัฐมนตรีได้เรียนเชิญประธานาธิบดี ปัก กึน-ฮเย มาเยือนประเทศไทยและเข้าร่วมประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ ๒. ผลการเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ๒.๑ การหารือกับนายเหลียง จุ้นอิง (Leung Chun-ying) ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกงเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาความร่วมมือและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านต่าง ๆ ระหว่างกัน รวมทั้งการส่งเสริมให้ด้านการค้า การลงทุน โดยเฉพาะการค้าพืชเกษตร เช่น ข้าว ผลไม้ ตลอดจนการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสุขภาพ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศรับไปประสานงานกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาในรายละเอียดของความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการต่อไป ๒.๒ การศึกษาดูงานที่ Hong Kong Station ซึ่งเป็นสถานีรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียบพร้อมในด้านต่าง ๆ สำหรับผู้มาใช้บริการ และเป็นสถานีที่เชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนอื่น ๆ เช่น รถไฟและรถโดยสาร รวมทั้งเป็นเส้นทางด่วนไปยังสนามบินซึ่งมีเคาน์เตอร์ของสายการบินต่าง ๆ สำหรับผู้ที่จะเดินทางโดยเครื่องบินสามารถ check in ได้ล่วงหน้า โดยให้กระทรวงคมนาคมนำรูปแบบการบริหารจัดการของ Hong Kong Station ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประยุกต์ใช้กับการบริหารจัดการสถานีขนส่งมวลชนของไทย เช่น กรณี airport rail link ให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป ๒.๓ การหารือกับกลุ่มสมาคมท่องเที่ยวเกี่ยวกับการที่นักท่องเที่ยวชาวฮ่องกงที่มีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยขอให้แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในกรุงเทพมหานครและเมืองใหญ่ ๆ รวมทั้งหากประเทศไทยมีการจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ ขอให้แจ้งไปยังบริษัทท่องเที่ยวของฮ่องกงล่วงหน้าเพื่อจะได้เตรียมรายการท่องเที่ยวให้เหมาะสม โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณากำหนดทิศทางรองรับการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวฮ่องกง สำหรับการดำเนินโครงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ (มูลค่า ๒.๒ ล้านล้านบาท) ให้มีการพัฒนาเส้นทางที่รองรับการเดินทางของนักท่องเที่ยวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||
28477 | ร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | นร09 | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติเทศบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะที่ ๑) พิจารณาเห็นว่า การรับหลักการร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับดังกล่าว จะไม่เป็นผลดีต่อการบริหารราชการแผ่นดินในระยะยาว ทั้งยังอาจขัดต่อนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการกระจายอำนาจและการให้ท้องถิ่นสามารถปกครองตนเองได้ เป็นการสมควรที่คณะรัฐมนตรีจะพิจารณามอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยไปดำเนินการปรับปรุงพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ฯ เสียใหม่ ในแนวทางที่ให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านมีฐานะเป็นผู้ช่วยเหลือนายอำเภอ และตัดอำนาจใด ๆ ที่จะซ้ำซ้อนกับอำนาจหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออก รวมตลอดทั้งพิจารณาบทบัญญัติต่าง ๆ ที่ปรากฏในพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ฯ ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ หรือไม่เหมาะสมกับสภาพการณ์ปัจจุบัน หรือไม่อาจบังคับใช้ได้ในปัจจุบัน หรือที่หมดความจำเป็นให้เหมาะสมต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับรายงานผลการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปศึกษาให้ได้ข้อยุติเพื่อดำเนินการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีความเหมาะสมต่อไป แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||||||||
28478 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... | มท | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลหินลาด อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก บางส่วน ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
28479 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลท้องเนียน อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | มท | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ในท้องที่ตำบลท้องเนียน อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลท้องเนียน อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
28480 | ร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลท่าแค อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... | มท | 27/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลท่าแค อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ บังคับในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลท่าแค อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง ความปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....