ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1427 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 28521 - 28540 จากข้อมูลทั้งหมด 124003 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28521 | ร่างเอกสารแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) ว่าด้วยผลการประชุมหารือประจำปี ครั้งที่ 5 ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย | กต | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างเอกสารแถลงข่าวร่วม (Joint Press Statement) ว่าด้วยผลการประชุมหารือประจำปี ครั้งที่ ๕ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยร่างเอกสารแถลงข่าวร่วมฯ มีเนื้อหาสาระเช่นเดียวกับเอกสารแถลงข่าวร่วมที่ประเทศไทยจัดทำกับประเทศต่าง ๆ ครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับความร่วมมือที่ไทยกับมาเลเซียประสงค์จะดำเนินการร่วมกันในระยะต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารแถลงข่าวร่วมฯ ในส่วนที่สอดคล้องกับนโยบายและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
||||||||||||||||||
28522 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหาร ระดับสูง (นายเอนก สีหามาตย์ และนางวิไล วิทยานารถไพศาล) | วธ | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายเอนก สีหามาตย์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นางวิไล วิทยานารถไพศาล ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||
28523 | การแต่งตั้งคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม เพิ่มเติม (จำนวน 4 ราย 1. นายพรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ฯลฯ) | สธ | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖) และให้มีวาระเท่ากับระยะเวลาที่เหลืออยู่ของคณะกรรมการที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ดังนี้ ๑.๑ นายพรเทพ ศิริวนารังสรรค์ ๑.๒ นายสมชัย นิจพานิช ๑.๓ นายสมชัย โกวิทเจริญกุล ๑.๔ นายนิพนธ์ โพธิ์พัฒนชัย ๒. ให้คณะกรรมการองค์การเภสัชกรรมมีจำนวนเกินกว่าสิบเอ็ดคนแต่ไม่เกินสิบห้าคน ตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘ มาตรา ๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||
28524 | ร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลมาเลเซียและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนาของภาคเอกชนในพื้นที่ชายแดน | กต | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลมาเลเซียและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือด้านการพัฒนาของภาคเอกชนในพื้นที่ชายแดน (Memorandum of Understanding on the Proposed Development by the Private Sector in the Joint Border Areas) มีวัตถุประสงค์เพื่อริเริ่มและส่งเสริมโครงการความร่วมมือด้านเทคนิคและวิชาการ (technical cooperation) ในการส่งเสริมข้อเสนอด้านการพัฒนาโดยภาคเอกชนในพื้นที่ ซึ่งสาขาความร่วมมือที่ประสงค์ให้เกิดในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนใน ๔ สาขา ได้แก่ อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ อุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมยางพารา และอุตสาหกรรมหนัก ๑.๒ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศสามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับการดำเนินความร่วมมือทางเศรษฐกิจและวิชาการระหว่างไทยกับมาเลเซีย ควรดำเนินการตามข้อผูกพันของกรอบความตกลงต่าง ๆ ภายใต้ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจฯ ที่อาจจะเกิดขึ้น เห็นควรบริหารจัดการโดยคำนึงถึงความพร้อมในด้านแหล่งทุนและทรัพยากรของทั้งสองประเทศ รวมทั้งปรับปรุงสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ใน Paragraph 2 : Areas of Co-operation ให้เพิ่มเติมในข้อ (b) Power Industry and Alternative Energy ในข้อ (c) Rubber and Oil Palm และในข้อ (d) Heavy Industries and SMEs เนื่องจากสาขาพลังงานทางเลือก ปาล์มน้ำมัน และ SMEs เป็นสาขาที่มีศักยภาพสูง ประกอบกับประชาชนในพื้นที่ชายแดนให้ความสนใจและการยอมรับมากกว่าอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และใน Paragraph 4 : Joint Committee โดยที่กลไกภาครัฐที่ดำเนินงานความร่วมมือในพื้นที่ชายแดนระหว่างไทย-มาเลเซีย มีกรอบคณะกรรมการว่าด้วยยุทธศาสตร์ร่วมในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซีย (JDS) อยู่แล้ว ดังนั้น Joint Committee ภายใต้บันทึกความเข้าใจฯ นี้ควรเป็นบทบาทของภาคเอกชนที่จะเป็นหลักในการประสานความเชื่อมโยงและผลักดันการดำเนินงานกิจกรรมในสาขาความร่วมมือที่ได้กำหนดร่วมกันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ เห็นควรเพิ่มเติมประเด็นในสาขาความร่วมมือด้านการพัฒนาในการขับเคลื่อนการผลิตธุรกิจและอุตสาหกรรมฮาลาล เนื่องจากสภาพพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีลักษณะพิเศษทางด้านเศรษฐกิจ สังคม ประเพณีและวัฒนธรรมที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญต่อการขับเคลื่อนกระบวนการผลิตและการดำเนินธุรกิจฮาลาล และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพธุรกิจและสินค้าฮาลาลแห่งชาติ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
28525 | ขอส่งคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี (คำสั่ง นร ที่ 55/2556) | นร04 | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๕๕/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในการกำกับดูแลการดำเนินกิจการของสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||
28526 | องค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย - อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี 2556 | กต | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติองค์ประกอบคณะกรรมการฝ่ายไทยในคณะกรรมการบริหารมูลนิธิการศึกษาไทย-อเมริกัน (ฟุลไบรท์) ประจำปี ๒๕๕๖ โดยคงไว้เป็นชุดเดียวกับองค์ประกอบในปี ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายมนัสพาสน์ ชูโต ประธานกรรมการ อดีตเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ๒. อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ หรือผู้แทน กรรมการ ๓. ผู้อำนวยการสำนักงานความร่วมมือ กรรมการ เพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ หรือผู้แทน ๔. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ กรรมการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๕. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรรมการ ๖. ผู้แทนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรรมการ ๗. นายกสมาคมฟุลไบรท์ไทย กรรมการ
|
||||||||||||||||||
28527 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์) | อก | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายณัฐพล ณัฏฐสมบูรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||
28528 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายสุระ เตชะทัต และนายพิพัฒน์ เลิศกิตติสุข) | วธ | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖) ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุระ เตชะทัต เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ๒. นายพิพัฒน์ เลิศกิตติสุข เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
|
||||||||||||||||||
28529 | ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... | คค | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดทำร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... และให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางและเครื่องมือสำหรับประสานการดำเนินงานร่วมกันอย่างมีบูรณาการ สอดคล้องตามบทบาทภารกิจหน้าที่ในขั้นตอนต่อไป ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยยุทธศาสตร์ฯ ประกอบด้วย ๑.๑ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสินค้าทางถนนสู่การขนส่งที่มีต้นทุนต่ำกว่า (Modal Shift & Multimodal) โดยมีแนวทางในการดำเนินการพัฒนา/ปรับปรุงโครงข่ายทางรถไฟที่มีอยู่ในปัจจุบัน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนให้มีการขนส่งสินค้าทางลำน้ำและชายฝั่ง พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ วงเงินจำนวน ๑,๐๗๖,๕๔๒ ล้านบาท ๑.๒ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนส่งไปสู่เมืองศูนย์กลางของภูมิภาคทั่วประเทศ และเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน (Connectivity) โดยมีแนวทางในการดำเนินการพัฒนาประตูการค้าหลักและประตูการค้าชายแดน (Gateway) และพัฒนาโครงข่ายเชื่อมต่อภูมิภาค (Regional Connectivity) วงเงินจำนวน ๑,๗๙๓,๐๐๔ ล้านบาท ๑.๓ การพัฒนาและปรับปรุงระบบขนส่งเพื่อยกระดับความคล่องตัว (Mobility) โดยมีแนวทางในการดำเนินการพัฒนาระบบขนส่งในเขตเมือง (Urban) และพัฒนาโครงข่ายขนส่งเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจหลักภายในประเทศ (Intercity) วงเงินจำนวน ๑,๓๗๖,๐๑๐ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงคมนาคมเพิ่มเติมข้อมูลให้ครอบคลุมถึงการบริหารจัดการโลจิสติกส์ที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว เที่ยงตรงและแม่นยำ รวมทั้งการกำหนดจุดเชื่อมต่อของระบบการคมนาคมขนส่งในภาพรวมด้วย และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยราชการที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้มีการจัดสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานให้เจียดจ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการจัดนิทรรศการ เรื่อง การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศไทยเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน โดยให้นำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน ครบถ้วน เช่น แนวทางการบริหารจัดการความเป็นไปได้และความเหมาะสมคุ้มค่าในทางเศรษฐกิจและการลงทุน เป็นต้น ทั้งนี้ ให้มีกิจกรรมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดจัดทำร่างพระราชบัญญัติให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งของประเทศ พ.ศ. .... ให้แล้วเสร็จ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในวันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๕๖ เพื่อจะได้นำเสนอรัฐสภาตามขั้นตอนต่อไปให้ทันก่อนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ |
||||||||||||||||||
28530 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (ว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์) | กก | 27/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งว่าที่ร้อยตรี อานุภาพ เกษรสุวรรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
||||||||||||||||||
28531 | แผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2556 - 2559) | สธ | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบแผนแม่บทพัฒนาส้วมสาธารณะไทย ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๙) และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนแม่บทฯ ไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายความสำเร็จที่กำหนดไว้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยแผนแม่บทฯ มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาส้วมครัวเรือนให้เหมาะสมในการรองรับต่อการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ เพื่อให้ประเทศไทยมีส้วมสาธารณะได้มาตรฐาน สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยมีพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะที่ถูกสุขลักษณะ รวมทั้งเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีการจัดการสิ่งปฏิกูลอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ๑.๒ เป้าหมายความสำเร็จ ครัวเรือนไทยใช้ส้วมแบบ “ส้วมนั่งราบ” ร้อยละ ๙๐ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ สถานบริการสาธารณะและสถานที่สาธารณะมีบริการ “ส้วมนั่งราบ” อย่างน้อย ๑ ที่ ร้อยละ ๑๐ ของกลุ่มเป้าหมายภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ประเทศไทยมีส้วมสาธารณะที่สะอาด เพียงพอ ปลอดภัย ร้อยละ ๙๐ ของกลุ่มเป้าหมายภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ คนไทยมีพฤติกรรมการใช้ส้วมสาธารณะถูกสุขลักษณะ ร้อยละ ๙๐ ของผู้ใช้บริการในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ รวมทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีการจัดการสิ่งปฏิกูลอย่างถูกหลักสุขาภิบาล ร้อยละ ๕๐ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑.๓ กลุ่มเป้าหมาย ส้วมครัวเรือน และส้วมสาธารณะในสถานบริการสาธารณะและสถานที่สาธารณะ ๑๒ ประเภท ได้แก่ แหล่งท่องเที่ยว ร้านจำหน่ายอาหาร ตลาดสด สถานีขนส่งทางบกและทางอากาศ สถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง สถานศึกษา โรงพยาบาล สถานที่ราชการ สวนสาธารณะ ศาสนสถาน ส้วมสาธารณะริมทาง และห้างสรรพสินค้า/ศูนย์การค้า/ดิสเคานต์สโตร์ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกรุงเทพมหานคร ที่เห็นควรแบ่งกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มครัวเรือนและกลุ่มสาธารณะให้ชัดเจน โดยส้วมครัวเรือน ใช้มาตรการรณรงค์และจูงใจให้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้ส้วมนั่งราบ โดยภาครัฐให้ความช่วยเหลือในการจัดหาส้วมนั่งราบเฉพาะกลุ่มคนจน และมีปัญหาข้อเข่าเสื่อมเท่านั้น ส้วมสาธารณะเอกชน สร้างแรงจูงใจโดยให้รางวัลและสร้างความตระหนักให้ผู้ใช้บริการมีจิตสำนึกในเรื่องการรักษาความสะอาด ส้วมสาธารณะของราชการส่วนท้องถิ่น รณรงค์ในเรื่องความเป็นเจ้าของและสร้างความตระหนักให้ส้วมสะอาดเป็นภาพลักษณ์ของชุมชนเพื่อเป็นต้นแบบและขยายผลไปยังพื้นที่อื่น ๆ และส้วมสาธารณะสังกัดส่วนราชการอื่น ควรเน้นรูปแบบการดูแลที่มีประสิทธิภาพและสามารถประหยัดต้นทุนแก่องค์กร รวมทั้งให้ความสำคัญกับบทบาทของภาครัฐในการสร้างนวัตกรรมสำหรับกำจัดสิ่งปฏิกูลให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีประสิทธิภาพและได้มาตรฐานตามหลักสุขาภิบาล อีกทั้งสามารถสร้างประโยชน์คืนกลับสู่ชุมชน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) รับไปดำเนินการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (workshop) ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทางและซักซ้อมความเข้าใจในการนำแผนแม่บทฯ ไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผล ทั้งนี้ ให้เน้นในเรื่องความสะอาดถูกสุขลักษณะ มีจำนวนเพียงพอ และปลอดภัยควบคู่กับการพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบของส้วมให้ได้มาตรฐาน รวมทั้งให้ส่งเสริมพฤติกรรมและการเรียนรู้วิธีการใช้ส้วมที่ถูกสุขลักษณะตั้งแต่ในโรงเรียนด้วย |
||||||||||||||||||
28532 | การลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคไทยฯ | มท | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยมอบหมายให้ควบคุมกำกับดูแลงานกองการต่างประเทศ (สำนักงานศูนย์ดำเนินการเกี่ยวกับผู้อพยพ) เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding : MOU) กับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (The Office of the United Nations High Commissioner for Refugees : UNHCR) ประจำประเทศไทย เพื่อร่วมกันดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบและบุคคลในความห่วงใย (Person of Concern : POC) ของ UNHCR ต่อไป ๑.๒ เพื่อให้การปฏิบัติงานดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับในปีต่อไป หากสารัตถะของบันทึกความเข้าใจ (MOU) ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากบันทึกความเข้าใจตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๔๘ [เรื่อง การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในการแก้ไขปัญหาผู้หนีภัยการสู้รบจากพม่าและบุคคลในความห่วงใย (POC) ของ UNHCR กับ UNHCR] กระทรวงมหาดไทยเห็นควรอนุมัติในหลักการให้สำนักงานศูนย์ดำเนินการเกี่ยวกับผู้อพยพเป็นผู้ลงนาม โดยนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบในภายหลัง ๒. อนุมัติให้ใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการ สำหรับการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากบันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับนี้ได้ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง และกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นควรระมัดระวังมิให้ความร่วมมือที่ได้รับจาก UNHCR เป็นแรงจูงใจให้มีการเพิ่มจำนวนผู้ลี้ภัยในราชอาณาจักร และโดยที่ร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนของภาคผนวก A มีการเพิ่มเติมรายละเอียดในสามวรรคสุดท้ายของข้อ 1 Project Overview 1.1 Operational context และมีการเปลี่ยนแปลงชื่อหน่วยงานในวรรคสองและวรรคสามของข้อ 4 Related Inputs and Projects กระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยราชการเจ้าของเรื่องควรพิจารณาด้วยว่า มีความถูกต้องตรงตามข้อเท็จจริงหรือไม่ เนื่องจากการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ จะถือเป็นการยอมรับภาคผนวกและเอกสารแนบท้ายอย่างเป็นทางการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
28533 | รัฐบาลสหภาพคอโมโรสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายมะฮ์มูด มุฮัมมัด อะบูด (Mr. Mahmoud Mohamed Aboud)] | กต | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายมะฮ์มูด มุฮัมมัด อะบูด (Mr. Mahmoud Mohamed Aboud) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสหภาพคอโมโรสประจำประเทศไทยคนแรก โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงปักกิ่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||
28534 | การแต่งตั้งข้าราชการ (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายสุรพล รัตนไชย) | ศธ | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุรพล รัตนไชย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านระบบบริหารจัดการศึกษา (นักวิชาการศึกษาทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||
28535 | ร่างพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. .... | กษ | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรปรับปรุงเกี่ยวกับการกำหนดให้กรณีการนำที่ราชพัสดุไปใช้ในการจัดรูปที่ดิน เมื่อกระทรวงการคลังได้ให้ความยินยอมแล้ว ให้กรมชลประทานมีอำนาจนำไปใช้ในการจัดรูปที่ดินได้ และให้พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตสำรวจการจัดรูปที่ดินตามมาตรา ๓๖ มีผลเป็นการถอนสภาพการเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินดังกล่าว โดยมิต้องดำเนินการถอนสภาพตามกฎหมายว่าด้วยที่ราชพัสดุ และเห็นควรปรับปรุงแก้ไขร่างมาตรา ๖ องค์ประกอบของคณะกรรมการจัดรูปที่ดินกลาง ในส่วนของกรรมการอื่นไม่เกินเจ็ดคนซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แต่งตั้ง โดยกำหนดคุณสมบัติของกรรมการให้ชัดเจนเพื่อให้ได้กรรมการที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่สอดคล้องกับอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติฯ ส่วนการดำเนินโครงการชลประทานขนาดกลางและขนาดใหญ่ในอนาคต ควรดำเนินโครงการจัดรูปที่ดินเต็มรูปแบบเพื่อเกษตรกรรม รวมทั้งพิจารณาเรื่องการจัดทำโซนนิ่งภาคเกษตรหรือการจัดทำเขตเศรษฐกิจด้านการเกษตร และกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนพร้อมกันในคราวเดียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตทางการเกษตรและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรควบคู่ไปกับการคุ้มครองพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการผลิตทางการเกษตร นอกจากนี้ การจัดระบบน้ำเพื่อเกษตรกรรมโดยภาคประชาชน ควรคำนึงถึงความสอดคล้องกับระบบการบริหารจัดการน้ำในภาพรวมของประเทศ หากมีประเด็นใดที่ขัดแย้งก็สมควรปรับให้สอดคล้องด้วย เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการวบรวมกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ในที่ดินและกรรมสิทธิ์ที่ดิน เช่น กฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ ที่ราชพัสดุ ผังเมือง เกษตรกรรม ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของส่วนราชการต่าง ๆ มาพิจารณาว่ามีความซ้ำซ้อนกันอย่างไร และเสนอแนะแนวทางแก้ไขเพื่อวางแผนการใช้ที่ดินในภาพรวมทั้งหมดของประเทศให้สามารถนำที่ดินทั้งหมดมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด ทั้งในด้านการอนุรักษ์ เกษตรกรรม ที่อยู่อาศัย คมนาคม และความมั่นคง เป็นต้น แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป |
||||||||||||||||||
28536 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลเกาะจันทร์ ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... | กษ | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลเกาะจันทร์ ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลโคกเพลาะ ตำบลวัดหลวง ตำบลหัวถนน ตำบลหนองปรือ ตำบลไร่หลักทอง ตำบลหนองเหียง ตำบลบ้านช้าง ตำบลวังหิน ตำบลนาเริก อำเภอพนัสนิคม และตำบลเกาะจันทร์ ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ จังหวัดชลบุรี เพื่อประโยชน์แก่การชลประทาน ในการก่อสร้างคลองส่งน้ำและคลองระบายน้ำ พร้อมอาคารประกอบฝั่งขวา ตามโครงการอ่างเก็บน้ำคลองหลวง ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
28537 | ขอถอนร่างกฎกระทรวงการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการขอต่ออายุ และการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. .... | คค | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงคมนาคมถอนร่างกฎกระทรวงการขอและการออกใบอนุญาตขับรถ และการขอต่ออายุ และการอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาตขับรถ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจำหน่ายเรื่องออกจากสารบบต่อไป
|
||||||||||||||||||
28538 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี พ.ศ. .... | คค | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘๑ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๘๑ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ในท้องที่อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี อำเภอพุทธมณฑล อำเภอนครชัยศรี อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี อำเภอท่ามะกา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจ และเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
28539 | ขอแต่งตั้งอนุกรรมการเพิ่มเติมภายใต้คณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่างไทย - เมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง | นร11 | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแต่งตั้งอนุกรรมการเพิ่มเติมภายใต้คณะกรรมการประสานงานร่วมระหว่างไทย-เมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เสนอ ดังนี้
๑. คณะอนุกรรมการร่วมฯ ฝ่ายไทย สาขาโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้าง ๑.๑ นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ที่ปรึกษากฎหมายผู้ทรงคุณวุฒิของประธานที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี ๑.๒ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๑.๓ ผู้แทนการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ๒. คณะอนุกรรมการร่วมฯ ฝ่ายไทย สาขาอุตสาหกรรมเฉพาะด้านและการพัฒนาธุรกิจ ๒.๑ ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์ ๓. คณะอนุกรรมการร่วมฯ ฝ่ายไทย สาขากฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ๓.๑ นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ที่ปรึกษากฎหมายผู้ทรงคุณวุฒิของประธานที่ปรึกษานโยบายนายกรัฐมนตรี ๔. คณะอนุกรรมการร่วมฯ ฝ่ายไทย สาขาการเงิน ๔.๑ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ๔.๒ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
|
||||||||||||||||||
28540 | ผลกระทบของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 19 เรื่อง ผลประโยชน์ของพนักงานต่อธนาคารออมสิน | กค | 19/02/2556 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ธนาคารออมสินนำค่าใช้จ่ายในอดีตที่ต้องตั้งทยอยรับรู้ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ ๑๙ เรื่อง ผลประโยชน์ของพนักงานธนาคารออมสิน มาบวกกลับในกำไรสุทธิเพื่อคำนวณโบนัส สำหรับใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน และการจัดสรรโบนัสพนักงาน และโบนัสคณะกรรมการธนาคารออมสิน ทั้งนี้ ในการดำเนินการตามหลักการดังกล่าว ธนาคารออมสินจะต้องมีกำไรสุทธิหน้างบการเงินที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรองเพียงพอในการจ่ายเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน โบนัสพนักงาน และโบนัสกรรมการธนาคารออมสิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการต้องไม่ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างรัฐวิสาหกิจที่เหลืออีก ๕๖ แห่ง และไม่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจในภาพรวม รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่ออัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงและภาระงบประมาณ และเมื่อธนาคารออมสินดำเนินการเรื่องนี้ครบระยะเวลา ๕ ปี แล้ว ธนาคารออมสินควรต้องพิจารณาทบทวนแนวทางการดำเนินการของธนาคารออมสินในระยะต่อไปให้เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....