ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1428 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 28541 - 28560 จากข้อมูลทั้งหมด 124004 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
28541 | ผลกระทบของมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 19 เรื่อง ผลประโยชน์ของพนักงานต่อธนาคารออมสิน | กค | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ธนาคารออมสินนำค่าใช้จ่ายในอดีตที่ต้องตั้งทยอยรับรู้ตามมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ ๑๙ เรื่อง ผลประโยชน์ของพนักงานธนาคารออมสิน มาบวกกลับในกำไรสุทธิเพื่อคำนวณโบนัส สำหรับใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน และการจัดสรรโบนัสพนักงาน และโบนัสคณะกรรมการธนาคารออมสิน ทั้งนี้ ในการดำเนินการตามหลักการดังกล่าว ธนาคารออมสินจะต้องมีกำไรสุทธิหน้างบการเงินที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรองเพียงพอในการจ่ายเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน โบนัสพนักงาน และโบนัสกรรมการธนาคารออมสิน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารออมสิน) รับความเห็นและข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินการต้องไม่ก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างรัฐวิสาหกิจที่เหลืออีก ๕๖ แห่ง และไม่ก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำในการกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจในภาพรวม รวมทั้งไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่ออัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงและภาระงบประมาณ และเมื่อธนาคารออมสินดำเนินการเรื่องนี้ครบระยะเวลา ๕ ปี แล้ว ธนาคารออมสินควรต้องพิจารณาทบทวนแนวทางการดำเนินการของธนาคารออมสินในระยะต่อไปให้เหมาะสม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
28542 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสำมะโนการเกษตร พ.ศ. ... | ทก | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการสำมะโนการเกษตร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้มีการสำมะโนการเกษตร ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เห็นควรแก้ไขความในข้อ ๒ ของร่างกฎกระทรวงฯ จาก "๓) เป็นเจ้าของที่ดินที่ใช้ทำการเกษตรเป็นผู้เช่า หรือทำการเกษตรในที่ดินของผู้อื่น หรือในที่สาธารณะ/ป่าสงวนโดยไม่คำนึงถึงว่าจะได้รับความยินยอมหรือถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่" เป็น "๓) เป็นเจ้าของที่ดินที่ใช้ทำการเกษตรเป็นผู้เช่า หรือทำการเกษตรในที่ดินของผู้อื่น หรือในที่สาธารณะ/ป่าสงวนโดยไม่คำนึงถึงกรรมสิทธิ์ในการครอบครองแต่อย่างใด" เพื่อให้สอดคล้องกับข้อ ๒ วรรคสาม "ครัวเรือนที่ทำการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง (รวมเพาะพันธุ์)"...ครอบครองพื้นที่น้ำจำนวนหนึ่งโดยไม่คำนึงถึงกรรมสิทธิ์ในการครอบครองแต่อย่างใด..." และควรแก้ไขความในข้อ ๕ จาก "...ซึ่งอยู่ในเขตท้องที่ตามข้อ ๓..." เป็น "...ซึ่งอยู่ในเขตท้องที่ตามข้อ ๔..." รวมทั้งความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เห็นควรแก้ไขข้อความในร่างกฎกระทรวงฯ ข้อ ๒ จาก "๓) เป็นเจ้าของที่ดินที่ใช้ทำการเกษตรเป็นผู้เช่า หรือทำการเกษตรในที่ดินของผู้อื่น หรือในที่สาธารณะ/ป่าสงวนโดยไม่คำนึงถึงว่าจะได้รับความยินยอมหรือถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่..." เป็น "๓) เป็นเจ้าของที่ดินที่ใช้ทำการเกษตรเป็นผู้เช่า หรือทำการเกษตรในที่ดินของผู้อื่น หรือในที่ดินของรัฐ เนื่องจาก "ที่ดินของรัฐ" หมายความว่า ที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินทุกประเภท เช่น ที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่สงวนหวงห้ามของรัฐ ที่สาธารณประโยชน์ และที่ราชพัสดุ เป็นต้น" เพื่อให้มีความหมายที่ครอบคลุมมากขึ้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดเก็บข้อมูลผู้ประกอบการทางการเกษตร โดยแยกประเภทครัวเรือน และธุรกิจหรือนิติบุคคล เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์บทบาทของหน่วยเศรษฐกิจรายสถาบัน และเพิ่มเติมขอบเขตการสำรวจให้ครอบคลุมกิจกรรมทางการเกษตรมากขึ้น โดยเฉพาะกิจกรรมการบริการทางการเกษตร เช่น การรับจ้างไถด้วยรถแทรกเตอร์ การเก็บเกี่ยวพืชผล เพื่อให้ข้อมูลสำมะโนการเกษตรมีครบถ้วนสมบูรณ์ ประเภทและพื้นที่การใช้ปุ๋ยและสารปราบศัตรูพืชในไร่นาของครัวเรือนเกษตรกร ที่จำแนกระหว่างการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพ และ/หรือ การใช้ปุ๋ยเคมี การใช้สารปราบศัตรูพืชจากสารชีวภาพ และ/หรือ สารเคมี ของครัวเรือนเกษตรกร เพื่อให้ทราบถึงข้อมูลการปรับตัวของเกษตรกรมาสู่การทำเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรกรรมที่ยั่งยืนในปัจจุบัน รวมทั้งการทำประมงน้ำจืดที่ครอบคลุมจำนวนครัวเรือนเกษตรกรและขนาดของการจับสัตว์น้ำในบริเวณแหล่งน้ำสำคัญตามธรรมชาติ เพื่อทราบข้อมูลครัวเรือนเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์จากการจับสัตว์น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติที่สำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||
28543 | การแต่งตั้งข้าราชการ (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นางสาวอัจฉรา โกศัลวัฒน์) | นร10 | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนางสาวอัจฉรา โกศัลวัฒน์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาระบบราชการ (นักทรัพยากรบุคคลทรงคุณวุฒิ) สำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28544 | มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2555 เรื่อง การจัดการปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ | สช | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบมติคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๖ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๕ เรื่อง การแก้ปัญหาหมอกควันที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยให้นำมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษจากหมอกควันภาคเหนือตอนบนปี ๒๕๕๖ และการดำเนินการตามมาตรการป้องกันไฟป่าและหมอกควันประจำปี ๒๕๕๖ เพิ่มเติม ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๖ และ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๖ พิจารณาประกอบเพื่อให้สอดคล้องกัน และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไป ๑.๒ รับทราบการประสานความร่วมมือด้านงบประมาณของรองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (นายประดิษฐ สินธวณรงค์) กับสำนักงานกองทุนสิ่งแวดล้อม และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ในการจัดการปัญหาหมอกควันที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมติคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๕๖ ไปพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ภายใต้กฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรสร้างแนวกันไฟโดยปลูกพืชที่เหมาะสม เช่น พืชที่อุ้มน้ำมาก ๆ เพื่อลดความรุนแรงของไฟป่า การถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านสุขภาพทั้งการป้องกันปัญหาทางสุขภาพที่เกิดจากหมอกควันและการรักษาเมื่อเกิดปัญหาทางสุขภาพที่เกิดจากหมอกควัน การสำรวจและวิจัยอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ทราบข้อมูลสาเหตุปัญหาที่แท้จริงในระดับพื้นที่ และการประสานความร่วมมือกับท้องถิ่นซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลระดับพื้นที่ที่ประสบปัญหาและมีความสามารถในการสร้างความมีส่วนร่วมและเป็นที่ยอมรับของชุมชนเพื่อให้เกิดการจัดการปัญหาไฟป่าและหมอกควันที่ยั่งยืน สำหรับมาตรการลดการเผาและการไม่ให้มีการเผา โดยเน้นการควบคุมปราบปรามอย่างเข้มงวด อาจกระทบต่อบางพื้นที่และป่าบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องใช้วิธี “ชิงเผา” เพื่อกำจัดเชื้อเพลิงและป้องกันการลุกลามของไฟป่าอย่างรุนแรง จึงเห็นควรมุ่งเน้นการบริหารจัดการช่วงเวลาในการเผา และวิธีการใช้ไฟให้สอดคล้องกับระบบนิเวศน์ของแต่ละพื้นที่ รวมทั้งควรเร่งศึกษาวิจัยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีทดแทนการเผาที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เพื่อชักจูงให้เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างสมัครใจ ไปประกอบการพิจารณาต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
28545 | ขออนุมัติเช่ารถประจำตำแหน่ง | กษ | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเพื่อเช่ารถยนต์ประจำตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๑ คัน และผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน ๒ คัน รวม ๓ คัน ในวงเงิน ๖,๓๕๐,๔๐๐ บาท โดยให้ก่อหนี้ผูกพันตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ถึงปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มาเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวตามระยะเวลาการเช่า และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-พ.ศ. ๒๕๖๑ ให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28546 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการงดเว้นไม่เรียกเก็บภาษีสุราสำหรับสุรากลั่นชนิดสุราสามทับที่นำไปทำการแปลงสภาพเพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... | กค | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการงดเว้นไม่เรียกเก็บภาษีสุราสำหรับสุรากลั่นชนิดสุราสามทับที่นำไปทำการแปลงสภาพเพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้งดเว้นไม่เรียกเก็บภาษีสุราสำหรับสุรากลั่นชนิดสุราสามทับที่นำไปทำการแปลงสภาพเพื่อส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ตามวิธีการที่อธิบดีกำหนด ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
28547 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา ในท้องที่ตำบลปงดอน และตำบลทุ่งผึ้ง อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
28548 | รายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2550 | กค | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอรายงานการเงินแผ่นดินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรองแล้ว และให้นำเสนอสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาทราบต่อไป ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน และงบรายได้และค่าใช้จ่าย สรุปได้ ดังนี้
๑. งบแสดงฐานะการเงิน ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้แก่ ๑.๑ สินทรัพย์ จำนวน ๔,๗๐๔,๔๓๓.๑๖ ล้านบาท ประกอบด้วย สินทรัพย์หมุนเวียน จำนวน ๑๖๒,๙๓๙.๕๔ ล้านบาท และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน จำนวน ๔,๕๔๑,๔๙๓.๖๒ ล้านบาท ๑.๒ หนี้สิน จำนวน ๒,๒๔๘,๐๕๔.๓๐ ล้านบาท ๑.๓ สินทรัพย์สุทธิ หรือส่วนทุน จำนวน ๒,๔๕๖,๓๗๘.๘๖ ล้านบาท ๒. งบรายได้และค่าใช้จ่าย ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ ได้แก่ ๒.๑ รายได้ จำนวน ๑,๖๑๗,๗๙๔.๑๙ ล้านบาท ๒.๒ ค่าใช้จ่าย จำนวน ๑,๕๓๒,๕๒๑.๑๗ ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||||||||
28549 | การค้ำประกันเงินกู้โครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้ง ปี 2547 | กค | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการค้ำประกันเงินกู้โครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้ง ปี ๒๕๔๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบและจัดทำข้อมูลโครงการที่เกี่ยวกับสินค้าเกษตรชนิดต่าง ๆ ที่คาดว่าอาจจะเป็นหนี้สูญ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป สำหรับผลการดำเนินการค้ำประกันเงินกู้โครงการฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนสำนักงบประมาณ และผู้แทนองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ เพื่อพิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไขและรายละเอียดต่าง ๆ ของโครงการรับซื้อลำไยสดเพื่อแปรรูปและการตลาดลำไยอบแห้งปี ๒๕๔๗ ที่ประชุมมีมติ ๑.๑ เห็นชอบแนวทางการบริหารและจัดการการปรับโครงสร้างหนี้โครงการฯ เพื่อชำระหนี้สินให้แล้วเสร็จภายใน ๔ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ๑.๒ เห็นชอบให้ อ.ต.ก. ขยายระยะเวลาการกู้เงินกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในอัตราต่ำสุดของเงินฝากประจำ ๖ เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ ๔ ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) เฉลี่ย บวกร้อยละ ๑.๓๕ ต่อปี หรือต่ำกว่า ๑.๓ เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการค้ำประกัน เป็นระยะเวลา ๔ ปี ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๙ ตามประมาณการการชำระหนี้ที่สำนักงบประมาณจะจัดสรรเงินงบประมาณให้สำหรับโครงการฯ จนเสร็จสิ้น ๑.๔ ให้กระทรวงการคลังเจรจาเงื่อนไขการกู้เงินกับธนาคารกรุงไทยฯ เพื่อนำเสนอกระทรวงการคลังลงนามแก้ไขสัญญากู้เงินต่อไป ๒. กระทรวงการคลังได้เจรจาต่อรองเงื่อนไขการขยายระยะเวลาการชำระหนี้และการค้ำประกันเงินกู้สำหรับโครงการฯ กับธนาคารกรุงไทยฯ และได้พิจารณาเห็นชอบการขยายระยะเวลาการค้ำประกันโครงการฯ แล้ว ๓. อ.ต.ก. ได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับธนาคารกรุงไทยฯ เพื่อขยายระยะเวลาการชำระหนี้และปรับอัตราดอกเบี้ย ตามเงื่อนไขดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ ในส่วนของการค้ำประกัน กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการดำเนินการเสนอลงนามในสัญญาค้ำประกัน |
|||||||||||||||||||||||||||
28550 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ 2556 ของไตรมาส 1 | ทก | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์บริการข้อมูลภาครัฐเพื่อประชาชน (Government Contact Center : GCC 1111) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของไตรมาส ๑ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินงานด้านการใช้บริการ ๑.๑ สถิติการใช้บริการ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไตรมาส ๑ มีจำนวน ๑,๕๕๑,๔๗๗ ครั้ง ลดลงจากไตรมาส ๑ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑,๕๕๕,๑๒๑ ครั้ง หรือคิดเป็นร้อยละ ๕๐.๐๖ เนื่องจากในไตรมาส ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้เกิดเหตุการณ์อุทกภัย ซึ่ง GCC 1111 ได้รับมอบหมายภารกิจพิเศษให้เป็น Call Center ของศูนย์ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของรัฐบาล (ศปภ.) ให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์อุทกภัย ระดับน้ำ เส้นทางจราจร รับแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือจากผู้ประสบอุทกภัย จึงทำให้มีจำนวนการใช้บริการมากกว่าในสถานการณ์ปกติ ๑.๒ สัดส่วนการใช้บริการแยกตามประเภท ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไตรมาส ๑ โดยเรียงจากมากที่สุด ได้แก่ บริการสอบถามข้อมูลทั่วไป (Q&A) ร้อยละ ๘๐.๗๓ บริการสอบถามข้อมูลเพื่อการติดต่อหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน (Contact Information) ร้อยละ ๑๓.๘๕ และบริการรับเรื่องร้องเรียน (Complain) ร้อยละ ๒.๗๔ ซึ่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวสามารถจัดเป็นหมวดต่าง ๆ ได้แก่ หมวดสังคมและสวัสดิการ ร้อยละ ๖๐.๗๖ หมวดการร้องเรียนกล่าวโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร้อยละ ๑๔.๙๕ หมวดการเมือง-การปกครอง ร้อยละ ๑๑.๑๒ หมวดเศรษฐกิจ ร้อยละ ๗.๖๒ หมวดทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยละ ๓.๓๗ และหมวดกฎหมาย ร้อยละ ๒.๑๘ ๒. ผลการดำเนินงานด้านคุณภาพบริการ ๒.๑ มาตรฐานคุณภาพการให้บริการ ได้บริหารจัดการควบคุมคุณภาพการให้บริการให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไตรมาส ๑ มีจำนวนสายเรียกเข้าทั้งหมด จำนวน ๑,๕๕๑,๔๗๗ ครั้ง สามารถให้บริการได้ จำนวน ๑,๕๒๑,๖๙๐ ครั้ง หรือร้อยละ ๙๘.๐๘ ๒.๒ การพัฒนาคุณภาพพนักงานรับสาย ได้พัฒนาคุณภาพของพนักงานรับสายเพื่อเพิ่มองค์ความรู้และทักษะการให้บริการ โดยจัดอบรมหลักสูตรเพิ่มเติม อาทิ หลักสูตรจิตวิทยาในการทำงาน หลักสูตรทัศนคติในการให้บริการงาน Call Center หลักสูตรองค์ความรู้ของกระทรวงต่าง ๆ หลักสูตรการจับประเด็นเพื่อการให้บริการที่ดี ๒.๓ การสนับสนุนโครงการตามนโยบายของรัฐบาล และส่วนงานภาครัฐได้รับภารกิจต่อเนื่องในการสนับสนุนโครงการพิเศษตามนโยบายของรัฐบาล โดยเป็นศูนย์ข้อมูลสถานการณ์ภัยพิบัติแห่งชาติ เพื่อรองรับสถานการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ผ่านเลขหมาย ๑๑๑๑ กด ๕ ให้บริการข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของโครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ผ่านเลขหมาย ๑๑๑๑ กด ๖ และให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับโครงการจัดการเรียนการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์พกพา (Tablet) ให้แก่นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และประชาชนทั่วไป รวมถึงการรับเรื่องร้องเรียนและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ผ่านเลขหมาย ๑๑๑๑ กด ๘ นอกจากนี้ ยังให้บริการข้อมูลโครงการอื่น ๆ ของรัฐบาล เช่น โครงการพักชำระหนี้เกษตรกรรายย่อย และประชาชนผู้มีรายได้น้อย โครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก โครงการกองทุนตั้งตัวได้ ฯลฯ ๒.๔ กิจกรรมสนับสนุนและประชาสัมพันธ์ ได้จัดกิจกรรมเพื่อสร้างสัมพันธ์กับประชาชนและส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การเข้าร่วมจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์ในงาน “OPEN HOUSE TOT ACADEMY” ณ สถาบันวิชาการทีโอที จังหวัดนนทบุรี และการเข้าร่วมกิจกรรมงานเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ บริเวณชุมสายโทรศัพท์ลาดหญ้า รวมทั้งการประชาสัมพันธ์โครงการของภาครัฐผ่านทาง Social Network คือ Facebook และ Twitter ได้แก่ การประชาสัมพันธ์ข้อมูลโครงการจัดการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์พกพา โครงการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี และข้อมูลสถานการณ์น้ำท่วม ภัยแล้ง เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||
28551 | การเป็นเจ้าภาพการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 19 แผนงาน IMT - GT | นร11 | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) เสนอ ดังนี้
๑. รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการตามผลการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ ๑๘ แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle : IMT-GT) ที่ได้ให้ความสำคัญต่อประเด็นการพัฒนาหลักของรัฐมนตรี IMT-GT ของไทย โดย ๑.๑ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานร่วมในการประชุมทางไกล (Video Conference) เพื่อขับเคลื่อนโครงการสำคัญตามที่ผู้นำได้สั่งการในระหว่างการประชุมระดับผู้นำ ครั้งที่ ๖ โดยเฉพาะโครงการเพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงในอนุภูมิภาค IMT-GT และการเชื่อมโยงกับอาเซียน อาทิ การพัฒนาด่านศุลกากร การศึกษาความเหมาะสมการก่อสร้างทางพิเศษระหว่างเมืองหาดใหญ่-สะเดา การออกแบบรายละเอียดการก่อสร้างสะพานแห่งใหม่ข้ามแม่น้ำโกลกที่อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส-เมืองเปิงกาลันกุโบร์ รัฐกลันตัน และสะพานแห่งที่สองระหว่างเมืองรันเตาปันยัง รัฐกลันตัน-อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส รวมทั้งการวางแผนบูรณาการพัฒนาเศรษฐกิจเชื่อมโยงสายการผลิตข้ามแดน โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับกระทรวงมหาดไทยจัดประชุมทางไกลเพื่อชี้แจงแนวทางการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ ๑๔ จังหวัดภาคใต้ภายใต้แผนงาน IMT-GT เมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๖ ณ ห้องประชุมกระทรวงมหาดไทยไปยังห้องประชุมในศาลากลางจังหวัด ๑๔ จังหวัดภาคใต้ ๑.๒ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมกับสำนักงานวางแผนเศรษฐกิจมาเลเซีย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ มีกำหนดการร่วมสำรวจพื้นที่โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย และหารือเพื่อยกร่างแผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกัน ระหว่างวันที่ ๓๐ มกราคม-๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ และมีกำหนดการสัมมนาสามคลัสเตอร์ภาคใต้ เพื่อให้ทุกคลัสเตอร์เสนอรายงานการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนารายคลัสเตอร์/จังหวัด แผนกลยุทธ์และแผนการลงทุนระดับพื้นที่ที่สอดรับกับการร่วมเป็นพื้นที่อนุภูมิภาคความร่วมมือระหว่างประเทศ ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ๑.๓ การขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนงานระยะห้าปีแผนที่สอง (Implementation Blueprint) ปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๙ ประเทศไทย โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม IMT-GT Focus Group ในระหว่างวันที่ ๔-๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ณ กรุงเทพฯ เพื่อให้สามประเทศบรรลุข้อสรุปด้านกรอบการดำเนินการเป็นประธานสาขา และกรอบระยะเวลาการเป็นประธานของคณะทำงาน ๖ สาขา ได้แก่ สาขาการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม สาขาการค้าและการลงทุน สาขาการท่องเที่ยว สาขาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สาขาผลิตภัณฑ์และบริการฮาลาล และสาขาการเกษตร อุตสาหกรรมการเกษตรและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกรอบการประชุมของมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัดภายใต้แผนงาน IMT-GT พร้อมทั้งจัดประชุมหารือระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ครั้งพิเศษ เพื่อรับรองผลการประชุม IMT-GT Focus Group และพิจารณาร่างรายงานของรัฐมนตรี IMT-GT ต่อผู้นำ ร่างคำแถลงการณ์ร่วมของผู้นำ ในการประชุมระดับผู้นำครั้งที่ ๗ แผนงาน IMT-GT และการเตรียมการการลงนามความตกลงการจัดตั้งศูนย์ประสานความร่วมมืออนุภูมิภาค IMT-GT (Centre for Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle Subregional Cooperation : CIMT) ๒. เห็นชอบในการมอบหมายสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักและประสานหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเตรียมการในการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมระดับรัฐมนตรี แผนงาน IMT-GT (IMT-GT Ministerial Meeting) ครั้งที่ ๑๙ การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส แผนงาน IMT-GT (IMT-GT Senior Officials’ Meeting) ครั้งที่ ๒๐ และการประชุมระดับมุขมนตรีและผู้ว่าราชการจังหวัด แผนงาน IMT-GT (IMT-GT Chief Ministers’ and Governors’ Forum) ครั้งที่ ๑๐ ในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ๒๕๕๖ ณ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ดังต่อไปนี้ ๒.๑ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมด้านสารัตถะ ได้แก่ ความก้าวหน้าการดำเนินการในแผนหมุนเวียนรอบที่หนึ่งระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๖ และแผนงานโครงการในแผนหมุนเวียนรอบที่สองระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ๒.๓ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมด้านสถานที่ประชุม รวมทั้งนิทรรศการ และการเผยแพร่ข้อมูลของ ๑๔ จังหวัดภาคใต้ อย่างเหมาะสม ๒.๔ เตรียมการด้านงบประมาณการจัดประชุมระหว่างประเทศ โดยให้จัดทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณ ภายในกรอบวงเงินงบประมาณ ๓,๕๒๖,๐๐๐ บาท |
|||||||||||||||||||||||||||
28552 | การประเมินผลโครงการความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านของ สพพ. | กค | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ผลการร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและทางวิชาการแก่ประเทศเพื่อนบ้านของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) โดย ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ สพพ. ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินและทางวิชาการแก่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน คิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น ๑๐,๖๘๓.๗๐ ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน รวม ๑๘ โครงการ วงเงิน ๑๐,๕๔๗.๘๐ ล้านบาท และโครงการให้ความช่วยเหลือทางวิชาการ รวม ๒๐ โครงการ วงเงิน ๑๓๕.๙๐ ล้านบาท โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ มีโครงการที่แล้วเสร็จและครบกำหนดเวลาที่สามารถประเมินผลโครงการได้ จำนวน ๔ โครงการ คือ ๑.๑.๑ โครงการเชื่อมโยงคมนาคมระหว่างไทย-เมียนมาร์ จากเมียวดี-เชิงเขาตะนาวศรี (โครงการถนนเมียวดี) สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ๑.๑.๒ โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดหนองคาย-ท่านาแล้ง (โครงการรถไฟท่านาแล้ง) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ๑.๑.๓ โครงการปรับปรุงสนามบินระหว่างประเทศวัดไต (โครงการสนามบินวัดไต) สปป.ลาว ๑.๑.๔ โครงการก่อสร้างร่องระบายน้ำฮ่องวัดไต (โครงการร่องระบายน้ำฮ่องวัดไต) สปป.ลาว ๑.๒ ผลการประเมินโครงการความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านที่แล้วเสร็จทั้ง ๔ โครงการ พบว่า อยู่ในระดับดี-ดีมาก โดยทุกโครงการสอดคล้องกับความต้องการของประเทศเพื่อนบ้าน และนโยบายของไทยในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาค นอกจากนี้ ทุกโครงการก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางตรงและทางอ้อมแก่ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และผู้ใช้ประโยชน์จากโครงการ ๑.๓ ข้อเสนอแนวทางเชิงนโยบายในการร่วมมือเพื่อพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้านของ สพพ. ในอนาคต เพื่อใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานต่อไป ๑.๓.๑ ยุทธศาสตร์การร่วมมือเพื่อการพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้านของ สพพ. ยังคงให้ความสำคัญกับ ๓ ด้านหลัก คือ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในการเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และภูมิภาค (Connectivity) การสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการขยายตัวทางด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว และการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (Relationship) ๑.๓.๒ การร่วมมือเพื่อการพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้านบริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน จะนำรูปแบบการพัฒนาโครงการเชื่อมโยงคมนาคมระหว่างไทย-เมียนมาร์ จากเมียวดี-เชิงเขาตะนาวศรี ซึ่งพัฒนาโครงข่ายถนน เพื่อเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งระหว่างกัน (Connectivity) มาเป็นแนวทางในการพัฒนาพื้นที่บริเวณชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อพัฒนาเป็นประตูการค้า (Gateway) สนับสนุนและส่งเสริมให้มีการขยายตัวทางด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และประเพณีระหว่างกัน ๑.๓.๓ การร่วมมือเพื่อการพัฒนาโดยการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและทางวิชาการแก่ประเทศเพื่อนบ้านของประเทศไทย โดย สพพ. เป็นโอกาสหนึ่งที่สินค้าและบริการจากประเทศไทยสามารถกระจายไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นการขยายกำลังการผลิตของประเทศไทยอีกทางหนึ่ง จึงสมควรให้หน่วยงานต่างๆ ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการไทยได้รับความสะดวกและรวดเร็วในพิธีการทางด้านการค้าระหว่างประเทศและการขนส่งสินค้าข้ามแดน ๒. ให้ สพพ. รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพิจารณาให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ควรให้ความสำคัญกับแผนงาน/โครงการซึ่งจะดำเนินการตามแนวระเบียงเศรษฐกิจต่าง ๆ และตามแนวชายแดนของประเทศเพื่อนบ้าน (Regional Investment Forum : RIF) ภายใต้กรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS) เป็นลำดับแรก และดำเนินการสำรวจและออกแบบรายละเอียดการก่อสร้าง พร้อมทั้งประมาณการวงเงินค่าใช้จ่ายและแหล่งเงินของโครงการแล้วเสร็จ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
28553 | การจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเก็บกักน้ำของเขื่อนภูมิพล ปี 2554 | พน | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการจ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการเก็บกักน้ำของเขื่อนภูมิพล ปี ๒๕๕๔ โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้จ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว จำนวน ๒๙๐ ราย เป็นเงิน ๒๒๔.๕๕๒ ล้านบาท ยังคงเหลือค้างจ่าย จำนวน ๒๘๘ ราย คิดเป็นเงิน ๑๙๗.๔๑๔ ล้านบาท ซึ่ง กฟผ. จะเร่งจ่ายให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๑ ของปี ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28554 | บรรจุผู้ไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีกลับเข้ารับราชการ (กระทรวงยุติธรรม) (นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร) | ยธ | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้นายพสิษฐ์ อัศววัฒนาพร ซึ่งได้ออกจากราชการเพื่อไปปฏิบัติงานตามมติคณะรัฐมนตรีในตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย สำนักงานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านกฎหมาย (นิติกรทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นตำแหน่งประเภทเดิม ระดับเดิม และสายงานเดิมก่อนออกจากราชการเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
28555 | การจัดทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงบูดาเปสต์ | พณ | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๘ รายการค่าเช่าอาคารที่ทำการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงบูดาเปสต์ โดยมีวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาสัญญาเช่าทั้งสิ้น ๒,๙๔๒,๙๐๐ บาท หรือเท่ากับ ๗๑,๗๗๕.๓๖ ยูโร คิดอัตราแลกเปลี่ยน ๑ ยูโร เท่ากับ ๔๑ บาท หรือไม่เกินวงเงินผูกพันตลอดระยะเวลาเช่าตามสกุลเงินท้องถิ่น กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยน โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จำนวน ๒๐,๙๓๔.๔๘ ยูโร หรือเท่ากับ ๘๕๘,๔๐๐ บาท ส่วนงบประมาณที่เหลือให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ตามความจำเป็นต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||
28556 | การลงนามข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทย - เขตบริหารพิเศษฮ่องกง | พณ | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทย-เขตบริหารพิเศษฮ่องกง โดยร่างข้อตกลงฯ มีสาระสำคัญครอบคลุมสาขาความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านต่าง ๆ ได้แก่ การอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้าสินค้า การอำนวยความสะดวกและการส่งเสริมการค้าบริการ การอำนวยความสะดวกและการส่งเสริมการลงทุน การแลกเปลี่ยนข้อมูลและความร่วมมือในการดำเนินการตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการค้า การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ความร่วมมือด้านโลจิสติกส์และการขนส่ง ความร่วมมือและการส่งเสริมการท่องเที่ยว การส่งเสริมการพัฒนาและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ R&D ความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการพัฒนาศักยภาพ ความร่วมมือด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา การอำนวยความสะดวกและส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาเศรษฐกิจสร้างสรรค์ และความร่วมมือในสาขาอื่นๆ ที่เห็นชอบร่วมกัน ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในร่างข้อตกลงฯ หรือหากติดภารกิจ ให้มอบหมายผู้อื่นลงนามแทนต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปรับแก้ถ้อยคำในร่างข้อตกลงฯ ใน Paragraph I (OBJECTIVE AND PRINCIPLE) วรรคแรก โดยแก้ไข “This arrangement” เป็น “This Arrangement” และโดยที่ Paragraph I (OBJECTIVE AND PRINCIPLE) ของร่างข้อตกลงฯ ระบุว่าข้อตกลงฉบับนี้ไม่มีเจตนาจะก่อให้เกิดความผูกพันทางกฎหมายระหว่างคู่ภาคี ("This arrangement is not intended to create any binding legal relations between the Participants.") ร่างข้อตกลงฯ จึงไม่เป็นสนธิสัญญาภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศและไม่เข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญฯ รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ควรใช้ประโยชน์จากความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทยกับฮ่องกงในการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะในสาขาที่ฮ่องกงมีศักยภาพ เช่น สาขาโลจิสติกส์และการขนส่ง และสาขาบริการทางการเงิน เป็นต้น และจะเป็นช่องทางสำคัญให้ไทยสามารถหยิบยกปัญหาอุปสรรค ด้านการค้าการลงทุนระหว่างกันขึ้นหารือและติดตามผลได้อย่างต่อเนื่อง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
28557 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลท่าน้าว ตำบลนาปัง อำเภอภูเพียง และตำบลกองควาย ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน พ.ศ. .... | มท | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลท่าน้าว ตำบลนาปัง อำเภอภูเพียง และตำบลกองควาย ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณห้ามก่อสร้าง ดัดแปลง หรือเปลี่ยนการใช้อาคารบางชนิดหรือบางประเภท ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลท่าน้าว ตำบลนาปัง อำเภอภูเพียง และตำบลกองควาย ตำบลดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เพื่อประโยชน์ในด้านการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง และการสถาปัตยกรรม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
28558 | การช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม และการจัดทำโครงการ "ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง" ประจำปี 2556 ของกองทัพบก | กห | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งของศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กระทรวงกลาโหม และการจัดทำโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี ๒๕๕๖ ของกองทัพบก ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงกลาโหม โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย และศูนย์บรรเทาสาธารณภัยเหล่าทัพ ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยและสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่ โดย ๑.๑ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยโรงงานวัตถุระเบิด กรมการอุตสาหกรรมทหาร ศูนย์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร แจกจ่ายน้ำ ๕๒๘,๐๐๐ ลิตร ให้แก่ราษฎรในพื้นที่จังหวัดชัยนาท ๑.๒ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการกองทัพไทย โดยสำนักงานทหารพัฒนา หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา แจกจ่ายน้ำ ๒๔,๐๐๐ ลิตร ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดสกลนคร สำนักงานทหารพัฒนาภาค ๒ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา แจกจ่ายน้ำ ๑,๒๑๙,๐๐๐ ลิตร ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี สกลนคร นครพนม และหนองคาย สำนักงานทหารพัฒนาภาค ๕ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา แจกจ่ายน้ำ ๖๔๘,๐๐๐ ลิตร ให้แก่ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิและอำนาจเจริญ ๑.๓ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพบก โดยกองทัพภาคที่ ๒ แจกจ่ายน้ำ ๑,๗๑๕,๐๐๐ ลิตร ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และนครพนม กองทัพภาคที่ ๓ แจกจ่ายน้ำ ๘๑๔,๐๐๐ ลิตร ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดพิจิตร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และนครสวรรค์ รวมทั้งแจกจ่ายน้ำดื่ม ๓๐๐ ขวด ให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ๑.๔ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ โดยศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด เปิดศูนย์ช่วยเหลือภัยแล้ง โดยจัดกำลังพล พร้อมรถบรรทุก ให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราด ๑.๕ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพอากาศ ได้จัดกิจกรรมปล่อยคาราวานรถบรรทุกน้ำ และรถผลิตน้ำดื่มแบบลากจูง ณ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ กองทัพอากาศ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งในพื้นที่รับผิดชอบ ๒. การดำเนินโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี ๒๕๕๖ ๒.๑ หน่วยงานที่เข้าร่วมโครงการฯ ประกอบด้วย กรมทรัพยากรน้ำบาดาล การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การประปาส่วนภูมิภาค และกองทัพบก ๒.๒ พื้นที่เป้าหมายของโครงการฯ ได้แก่ พื้นที่ห่างไกล และทุรกันดาร ที่ประสบภัยแล้งทั่วประเทศ โดยจ่ายน้ำในพื้นที่ที่เป็นศูนย์รวมของหมู่บ้าน เช่น วัด โรงเรียน สถานีอนามัย และสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ๒.๓ วิธีการดำเนินงาน ได้แก่ การสำรวจหาหมู่บ้านเป้าหมายที่คาดว่าจะประสบภัยแล้ง ซึ่งจังหวัด/อำเภอในพื้นที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้งเพียงพอและทั่วถึง รวมทั้งการสำรวจบ่อน้ำบาดาลของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และจุดจ่ายน้ำของการประปาส่วนภูมิภาค ที่อยู่ใกล้เคียงหมู่บ้านเป้าหมาย เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการโครงการฯ ๒.๔ ระยะเวลาของโครงการฯ เดือนกุมภาพันธ์-สิงหาคม ๒๕๕๖
|
|||||||||||||||||||||||||||
28559 | การตรวจติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด สกลนคร บุรีรัมย์ และจังหวัดมุกดาหาร | ทส | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด สกลนคร บุรีรัมย์ และจังหวัดมุกดาหาร ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ได้ตรวจติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมตรวจเยี่ยมราษฎร ณ บ้านเหล่าเรือ ตำบลเหนือเมือง อำเภอเมือง รวมทั้งตรวจเยี่ยมราษฎรและเจ้าหน้าที่ ณ ที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าผาน้ำทิพย์ ตำบลบึงงาม อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด จากการติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง พบว่า จังหวัดร้อยเอ็ดมีพื้นที่ประสบภัยแล้งใน ๑๗ อำเภอ ๑๖๑ ตำบล ๑,๗๗๒ หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ ๑๓๗,๓๓๖ ครัวเรือน และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้แก่ การขุดเจาะน้ำบาดาลเพื่อผลิตน้ำประปาในการอุปโภคบริโภคในชุมชน การสำรวจและออกแบบเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งน้ำคูคลองเพื่อการเก็บกักน้ำเพิ่มปริมาณน้ำในฤดูแล้ง รวมทั้งมอบเครื่องกันหนาวแก่ราษฎร ๒. วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ได้ตรวจติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดสกลนคร พร้อมตรวจเยี่ยมราษฎร ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลแร่ อำเภอพังโคน จังหวัดสกลนคร และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้แก่ การสำรวจและออกแบบเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งน้ำคูคลองเพื่อการเก็บกักเพิ่มปริมาณน้ำในฤดูแล้ง การขุดเจาะน้ำบาดาลเพื่อผลิตน้ำประปาในการอุปโภคบริโภคในชุมชนและน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร รวมทั้งมอบเครื่องกันหนาวแก่ราษฎร ๓. วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ได้ตรวจติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมตรวจเยี่ยมราษฎร ณ ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสน อำเภอนางรอง และที่โรงเรียนโคกเขาพัฒนา ตำบลโคกมะม่วง อำเภอปะคำ จังหวัดบุรีรัมย์ จากการติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง พบว่า จังหวัดบุรีรัมย์ได้ประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน (ภัยแล้ง) แล้ว จำนวน ๑๖ อำเภอ ๑๒๘ ตำบล ๑,๕๔๔ หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ ๗๓,๘๙๒ ครัวเรือน นาข้าวได้รับความเสียหาย ๑๒๕,๘๓๓ ไร่ และพืชไร่ได้รับความเสียหาย ๑๐,๓๕๒ ไร่ และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้แก่ การขุดลอกคลองช่องแมว เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง การขุดเจาะน้ำบาดาล เพื่อผลิตน้ำประปาในการอุปโภคบริโภคในชุมชนและน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร การสำรวจและออกแบบเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งน้ำคูคลองเพื่อการเก็บกักน้ำเพิ่มปริมาณน้ำในฤดูแล้ง รวมทั้งมอบเครื่องกันหนาวแก่ราษฎร ๔. วันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ได้ตรวจติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร พร้อมตรวจเยี่ยมราษฎร ณ โรงเรียนชุมชนนาโสก ตำบลนาโสก อำเภอเมือง ที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบลเหล่าหมี อำเภอดอนตาล และที่วัดนิคมเกษตร บ้านดงหมู ตำบลดงหมู อำเภอหว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร จากการติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง พบว่า จังหวัดมุกดาหารมีพื้นที่ประสบภัยแล้งใน ๗ อำเภอ และได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ได้แก่ การขุดเจาะน้ำบาดาลเพื่อผลิตน้ำประปาในการอุปโภคบริโภคในชุมชนและน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร การสำรวจและออกแบบเพื่อฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งน้ำคูคลองเพื่อการเก็บกักเพิ่มปริมาณน้ำในฤดูแล้ง การแก้ไขปัญหาเพื่อจัดที่ทำกินให้กับทหารผ่านศึกนอกประจำการในรูปนิคม โดยขอกันพื้นที่ชุมชนออกจากเขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งมอบเครื่องกันหนาวแก่ราษฎร
|
|||||||||||||||||||||||||||
28560 | ขอรับการสนับสนุนเงินชดเชยพิเศษให้กับกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยเพื่อผลิตเอทานอล จังหวัดตาก | พน | 19/02/2556 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีแล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๗๘,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยสำหรับผลิตเอทานอลที่ได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนสารแคดเมี่ยมในลุ่มน้ำแม่ตาว จังหวัดตาก ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณากำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปนเปื้อนสารแคดเมี่ยมในลุ่มน้ำแม่ตาว จังหวัดตาก อย่างยั่งยืน และให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรดำเนินการอย่างรอบคอบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการอ้างอิงอัตราเงินชดเชยตามระบบของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทราย การดำเนินการใด ๆ ไม่ควรทำให้เกิดผลกระทบกับอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายทั้งระบบในระยะยาว ในส่วนของงบประมาณให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการจัดทำแผนพัฒนาการทำการเกษตรกรรมในพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนสารแคดเมี่ยมที่เหมาะสมดำเนินการเกี่ยวกับหน่วยงานและสัดส่วนงบประมาณที่ต้องรับผิดชอบให้ชัดเจน และขอให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ตามหลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย (Polluter pays principle) สมควรให้บริษัทที่เกี่ยวข้องมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นดังกล่าวก่อน และหากไม่เพียงพอ จึงให้ใช้จ่ายจากงบกลางดังกล่าว และในโอกาสต่อไป โดยบริษัทที่เกี่ยวข้องควรจะวางแผนและบริหารจัดการโดยใช้จ่ายจากเงินรายได้ของตนเองด้วย นอกจากนี้ เห็นควรให้กระทรวงพลังงานจัดตั้งคณะกรรมการสามฝ่าย ประกอบด้วยผู้แทนจากเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย โรงงานเอทานอล และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดแผนการปลูกอ้อยและการผลิตเอทานอลที่เหมาะสม รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์การแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยกับโรงงานเอทานอลในพื้นที่โครงการฯ ให้เป็นไปเช่นเดียวกับระบบการแบ่งปันผลประโยชน์ของชาวไร่อ้อยกับโรงงานน้ำตาลทรายในภาพรวม เพื่อลดภาระด้านงบประมาณของรัฐที่อาจจำเป็นต้องใช้ในการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่โครงการ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ เดือน |
.....