ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1342 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 26821 - 26840 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26821 | สรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ | มท | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปสถานการณ์สาธารณภัย และการช่วยเหลือ (ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖) ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การคาดหมายลักษณะอากาศ การสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม และการให้ความช่วยเหลือ ๑.๑ สภาพอากาศ ในช่วงวันที่ ๒๑-๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออก จะมีอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ส่วนในช่วงวันที่ ๒๔-๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ประเทศไทยตอนบนจะมีอุณหภูมิลดลง ๒-๔ องศาเซลเซียส ๑.๒ การสั่งการเพื่อเตรียมความพร้อม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้จัดประชุมรับมอบข้อสั่งการเชิงนโยบายของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับการช่วยเหลือเยียวยาให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวดเร็ว ทั่วถึง เป็นธรรม และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งการให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต ๔ ศูนย์เขตและสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด ๑๖ จังหวัด ในพื้นที่ภาคใต้เตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และดินถล่ม อันเกิดจากฝนตกหนัก และคลื่นลมแรง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ๒. สรุปสถานการณ์อุทกภัย ข้อมูล ณ วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เกิดอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังระบายไม่ทัน และน้ำล้นตลิ่ง ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๖ จนถึงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ รวมทั้งสิ้น ๔๗ จังหวัด ๓๖๐ อำเภอ ๒,๒๘๕ ตำบล ๑๘,๖๔๒ หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ ๑,๑๖๒,๑๔๘ ครัวเรือน ๓,๗๘๐,๓๙๐ คน มีผู้เสียชีวิต ๗๖ ราย พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหาย ๓,๕๙๔,๖๑๗ ไร่ ถนน ๖,๐๗๘ สาย สะพาน ๒๙๙ แห่ง ท่อระบายน้ำ ๕๒๑ แห่ง ฝาย/ทำนบ ๕๕๓ แห่ง บ้านเรือนถูกน้ำท่วม ๓๑,๕๒๓ หลัง โรงเรียน ๓๓๒ แห่ง วัด ๔๘๙ แห่ง สถานที่ราชการ ๗๓ แห่ง บ่อปลา/กุ้ง ๔๖,๗๕๘ บ่อ ปศุสัตว์ ๔,๒๒๓,๗๕๘ ตัว ฯลฯ ๓. สรุปสถานการณ์วาตภัย ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ จังหวัดเพชรบุรี เกิดลมกระโชกแรงในพื้นที่หมู่ที่ ๓ ตำบลหัวสะพาน อำเภอเมืองเพชรบุรี ทำให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน ๒๘ หลังคาเรือน โดยเสียหายทั้งหลัง ๑ หลัง มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ๓ คน สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบุรี องค์การบริหารส่วนตำบล ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้ว ๔. สรุปสถานการณ์แผ่นดินไหว ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๙.๕๗ น. เกิดแผ่นดินไหวในทะเล ขนาด ๕.๐ ริกเตอร์ บริเวณตอนเหนือของเกาะสุมาตรา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และเวลา ๑๕.๔๒ น. เกิดแผ่นดินไหวในทะเล ขนาด ๖.๐ ริกเตอร์ ความลึก ๑๐ กิโลเมตร บริเวณ Negros สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ๕. สรุปสถานการณ์อุบัติภัย และเหตุการณ์สำคัญ ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ จังหวัดตราด เกิดเหตุรถเก๋งชนกับรถจักรยานยนต์บริเวณถนนสายตราด-คลองใหญ่ กม.ที่ ๒๑-๒๒ บ้านนาเกลือ ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด มีผู้เสียชีวิต ๔ ราย บาดเจ็บ ๓ คน จังหวัดเชียงใหม่ เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านทำดอกไม้ไฟตั้งอยู่ใกล้โรงพยาบาลสารภี ตำบลป่าแดด อำเภอสารภี มีผู้เสียชีวิต ๒ ราย ได้รับบาดเจ็บ ๒ คน และจังหวัดภูเก็ต เกิดเหตุเพลิงไหม้ห้างสรรพสินค้าซุปเปอร์ชิป สาขาภูเก็ต เลขที่ ๔๖/๕ ถนนเทพกระษัตรี ตำบลรัษฎา อำเภอเมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เข้าทำการดับเพลิงจนสามารถควบคุมเพลิงได้ ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต
|
||||||||||||||||||||||||
26822 | การเตรียมการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดลพบุรี | นร11 | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. โครงการที่ได้รับการยืนยันจากจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ในการลงพื้นที่ของคณะรัฐมนตรีในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ จำนวน ๔ จังหวัด (จังหวัดลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท) ในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดลพบุรี ระหว่างวันที่ ๓๑ตุลาคม-๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ ๑.๑ กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ ได้แก่ โครงการศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์จากวัสดุท้องถิ่นเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ชุมชน โครงการพัฒนาและบูรณะทางหลวงเพื่อความปลอดภัยและเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด โครงการส่งเสริมสหกรณ์การตลาดสินค้าเกษตรปลอดภัย กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ โครงการพัฒนาสวนน้ำเพื่อสุขภาพและการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบน ๒ โครงการเจ้าพระยาแลนด์ และโครงการเพิ่มศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวระดับชั้นพันธุ์หลักและชั้นพันธุ์ขยายเพื่อเสริมสร้างระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของกลุ่มภาคกลางตอนบน ๒ ๑.๒ จังหวัดลพบุรี ได้แก่ โครงการก่อสร้างศูนย์ส่งเสริม บริการเยาวชนและผู้สูงวัย (จังหวัดลพบุรี) โครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อสนับสนุนเกษตรกรทำการเกษตรอาหารปลอดภัย โครงการยกระดับเขตเมืองเก่าลพบุรีเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในระดับภูมิภาคอาเซียน โครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบกระจายน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ (วังแขม) โครงการศูนย์ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวแก้มลิงหนองสมอใสตามแนวพระราชดำริ และโครงการบริหารจัดการน้ำเพื่อสนับสนุนเกษตรอาหารปลอดภัยพื้นที่แก้มลิงห้วยซับใต้ ๑.๓ จังหวัดอ่างทอง ได้แก่ โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวของโรงสีข้าวเทพประทาน ๒ โครงการบริหารจัดการน้ำในเขตชุมชนสำคัญเพื่อป้องกันอุทกภัย โครงการเพิ่มประสิทธิภาพตลาดกลางข้าวเปลือกให้กับสถาบันเกษตรกรเพื่อขอรับการสนับสนุนโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาล และโครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงหนองเจ็ดเส้นอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “อุทยานสวรรค์ ๑๑๕ ปี อ่างทอง หนองเจ็ดเส้น เฉลิมพระเกียรติฯ” ๑.๔ จังหวัดสิงห์บุรี ได้แก่ พัฒนาค่ายบางระจันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ พัฒนาและปรับปรุงศูนย์การเรียนรู้เกษตรปลอดภัยในพื้นที่โครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ และโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณหมู่ที่ ๕ ตำบลชีน้ำร้าย อำเภออินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี ๑.๕ จังหวัดชัยนาท ได้แก่ โครงการเมืองเมล็ดพันธุ์ข้าวชัยนาท และโครงการ CHAINAT BIRDS’LAND ๒. การประชุมร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจในภูมิภาค (กรอ.ภูมิภาค) กำหนดในวันพฤหัสบดีที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๕.๓๐ น.-๑๗.๓๐ น. ณ ห้องประชุมชั้น ๓ อาคาร ๙๐ ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี จังหวัดลพบุรี
|
||||||||||||||||||||||||
26823 | การมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งผู้ว่าการการประปานครหลวง (นายธนศักดิ์ วัฒนฐานะ) | มท | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายธนศักดิ์ วัฒนฐานะ ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการประปานครหลวง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป และเห็นชอบการกำหนดเงินเดือน ค่าจ้างหรือผลประโยชน์อื่น รวมทั้งเงื่อนไขการจ้าง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26824 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (จำนวน 5 คน 1. นายอภิสิทธิ์ วีระสกุลวงศ์ ฯลฯ) | กษ | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน ๕ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายอภิสิทธิ์ วีระสกุลวงศ์ ประธานกรรมการ ๒. นายเฉลิมเกียรติ แสนวิเศษ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์) ๓. นายโชคดี ปรโลกานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการเกษตร) ๔. นายอมร ชุติมาวงศ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหารจัดการ) ๕. นายปรีชา อุยตระกูล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการศึกษาวิจัย การจัดกระบวนการเรียนรู้ และ การประสานงานเครือข่าย)
|
||||||||||||||||||||||||
26825 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 7/2556 ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2556) | นร | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทย ครั้งที่ ๗/๒๕๕๖ ณ วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ ดังนี้
๑. ลักษณะอากาศ ในช่วงวันที่ ๒๑-๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนยังคงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางตอนบนและภาคตะวันออกจะมีอุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ส่วนในช่วงวันที่ ๒๔-๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ บริเวณความกดอากาศสูงระลอกใหม่กำลังปานกลางจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีอุณหภูมิลดลงได้อีก ๒-๔ องศาเซลเซียส และในช่วงวันที่ ๒๒-๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ หย่อมความกดอากาศต่ำอยู่บริเวณชายฝั่งประเทศมาเลเซียจะเคลื่อนผ่านประเทศมาเลเซียตอนบน ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง โดยสรุปการคาดหมายฝน ตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง ส่วนภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง ๒. สถานการณ์น้ำและน้ำท่วม กรมชลประทานรายงานว่า ๒.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณจุดสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา สถานี C2 เขื่อนเจ้าพระยา สถานี C13 ปริมาณน้ำไหลผ่าน ๑,๓๑๒, ๑,๔๖๘ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ตามลำดับ และ อ.บางไทร สถานี C.29 ปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย ๑,๗๕๒ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๒.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ +๒.๑๙ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๑.๕๑ เมตร แม่น้ำวัง ที่สถานี W.4A จังหวัดตาก +๖.๕๑ เมตร สูงกว่าตลิ่ง ๐.๔๑ เมตร แม่น้ำยม ที่สถานี Y.16 จังหวัดพิษณุโลก +๗.๓๘ เมตร สูงกว่าตลิ่ง ๐.๓๘ เมตร แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน +๐.๖๕ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๓๕ เมตร แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ +๒๑.๙๘ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๔.๒๒ เมตร และแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำเหนือเขื่อน +๑๖.๗๐ ม.รทก. ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๑๒.๘๕ ม.รทก. ๒.๓ น้ำในเขื่อน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ๖,๕๗๘, ๕,๘๔๑ และ ๙๗๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ๓. สถานการณ์อุทกภัย ได้เกิดอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขังระบายไม่ทัน และน้ำล้นตลิ่ง ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบัน มีพื้นที่ประสบภัยรวมทั้งสิ้น ๔๗ จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ ๑,๑๖๒,๑๔๘ ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตรวม ๗๖ ราย คลี่คลายลงแล้ว ๒๕ จังหวัด ความเสียหาย พื้นที่เกษตร ๓,๕๙๔,๖๑๗ ไร่ ถนน ๕,๙๙๑ สาย สะพาน ๒๙๙ แห่ง ท่อระบายน้ำ ๕๒๑ แห่ง ฝาย/ทำนบ ๕๕๓ แห่ง น้ำท่วมบ้านเรือน ๓๑,๕๒๓ หลัง โรงเรียน ๓๒๗ โรง วัด ๔๘๒ แห่ง สถานที่ราชการ ๖๕ แห่ง บ่อปลา/กุ้ง ๔๖,๗๕๘ บ่อ ปศุสัตว์ ๔,๑๔๕,๒๒๔ ตัว ฯลฯ
|
||||||||||||||||||||||||
26826 | ขออนุมัติรายชื่อผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา 2556 - 2557 จากคณะรัฐมนตรี เพิ่มเติม | กห | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้พันเอก ANG YAU CHOON COMMANDER, COMMANDO TRAINING INSTITUTE เช้ารับการศึกษาหลักสูตรของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๖-๒๕๕๗ เพิ่มเติม ห้วงการศึกษาตั้งแต่วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26827 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายบริหาร (นักบริหารระดับสูง) (นายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ) | นร04 | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร (นักบริหารระดับสูง) สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26828 | รายงานการลงพื้นที่ติดตามและรายงานสถานการณ์อุทกภัย | พน | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพลังงานรายงานการลงพื้นที่ติดตามและรายงานสถานการณ์อุทกภัย โดยกระทรวงพลังงานได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเบื้องต้น โดยการบริจาคถุงยังชีพ จำนวน ๗๖,๕๐๐ ชุด ผ่านพลังงานจังหวัด ๒๒ จังหวัด ได้แก่
๑. จังหวัดอุบลราชธานี จำนวน ๙,๐๐๐ ชุด ๒. จังหวัดอำนาจเจริญ จำนวน ๑,๐๐๐ ชุด ๓. จังหวัดยโสธร จำนวน ๓,๐๐๐ ชุด ๔. จังหวัดศรีสะเกษ จำนวน ๘,๐๐๐ ชุด ๕. จังหวัดสุรินทร์ จำนวน ๓,๐๐๐ ชุด ๖. จังหวัดชัยภูมิ จำนวน ๗,๐๐๐ ชุด ๗. จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน ๕,๐๐๐ ชุด ๘. จังหวัดสิงห์บุรี จำนวน ๑,๐๐๐ ชุด ๙. จังหวัดลพบุรี จำนวน ๓,๐๐๐ ชุด ๑๐. จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน ๒,๕๐๐ ชุด ๑๑. จังหวัดเพชรบูรณ์ จำนวน ๓,๐๐๐ ชุด ๑๒. จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน ๒,๐๐๐ ชุด ๑๓. จังหวัดหนองคาย จำนวน ๒,๐๐๐ ชุด ๑๔. จังหวัดอ่างทอง จำนวน ๑,๐๐๐ ชุด ๑๕. จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน ๕,๐๐๐ ชุด ๑๖. จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน ๗,๗๐๐ ชุด ๑๗. จังหวัดพิจิตร จำนวน ๕,๐๐๐ ชุด ๑๘. จังหวัดปทุมธานี จำนวน ๒,๐๐๐ ชุด ๑๙. จังหวัดนครนายก จำนวน ๕๐๐ ชุด ๒๐. จังหวัดสระแก้ว จำนวน ๕๐๐ ชุด ๒๑. จังหวัดชลบุรี จำนวน ๓๐๐ ชุด ๒๒. จังหวัดนครราชสีมา จำนวน ๕,๐๐๐ ชุด
|
||||||||||||||||||||||||
26829 | รายงานสถานการณ์น้ำท่วมขังภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร | อก | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์น้ำท่วมขังภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมขังภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ๑.๑ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และกระทรวงพลังงาน ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน ๘๓ เครื่อง กระจายตามพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร สามารถสูบระบายได้สูงสุด ๘๓,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง พร้อมทั้งจัดเตรียม Big Bag และกระสอบทรายไว้ในพื้นที่เพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ นอกจากนี้ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้จัดเตรียมคันกั้นน้ำชนิดติดตั้งเร็ว ขนาดความสูง ๑.๒๑๙ เมตร ความยาวเมื่อติดตั้งประมาณ ๖ กิโลเมตร ไว้เป็นส่วนหนึ่งของระบบป้องกันน้ำท่วมของนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ๑.๒ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย และกองทัพเรือ สนับสนุนเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน ๔๖ เครื่อง พร้อมทหารเรือ ๕๐ นาย โดยติดตั้งไว้ในคลองต่าง ๆ เพื่อช่วยระบายและผลักดันน้ำให้ไหลลงสู่แม่น้ำบางปะกงและอ่าวไทย ๑.๓ กรมชลประทาน โดยสำนักชลประทานที่ ๙ จังหวัดชลบุรี สนับสนุนเครื่องสูบน้ำบริเวณประตูระบายน้ำพานทอง จำนวน ๑๑ เครื่อง สามารถสูบระบายได้สูงสุด ๑๖,๐๐๐ ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง เพื่อช่วยระบายน้ำจากคลองพานทองลงสู่แม่น้ำบางปะกงและอ่าวไทย ๑.๔ กรมทางหลวงสนับสนุนการเพิ่มช่องทางการระบายน้ำ (Box Culvert) บริเวณการก่อสร้างถนนสายบ้านเก่า-พานทอง (ทางหลวงหมายเลข ๓๔๖๖) เพื่อช่วยให้การระบายน้ำสะดวกยิ่งขึ้น ๑.๕ ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ได้ร่วมอำนวยการแก้ไขปัญหาและประสานทำความเข้าใจกับชุมชนในพื้นที่ ๑.๖ กองทัพบก โดยมณฑลทหารบกที่ ๑๔ สนับสนุนรถทหารเพื่อรับส่งพนักงานโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครประมาณ ๒๐ คัน พร้อมกำลังทหาร ๒๐๐ นาย ๑.๗ กองบังคับการตำรวจภูธร จังหวัดชลบุรี สนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในการอำนวยการจราจรในพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด ๒. จากการประสานความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ส่งผลให้ระดับน้ำที่ท่วมขังพื้นผิวจราจรภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร บริเวณพื้นที่ระยะที่ ๖c ๗ และ ๘ ลดลงตามลำดับ จากระดับสูงสุดประมาณ ๖๐ เซนติเมตร คงเหลือประมาณ ๑๐ เซนติเมตร ณ วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๖ คาดว่าจะสามารถผลักดันน้ำออกจากพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะนครได้แห้งสมบูรณ์ภายในวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ หากไม่มีฝนตกหนักเพิ่มเติมในพื้นที่
|
||||||||||||||||||||||||
26830 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงแรงงาน) (จำนวน 4 ราย 1. หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ฯลฯ) | รง | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้
๑. หม่อมหลวงปุณฑริก สมิติ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง ๒. นายสุเมธ มโหสถ ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง ๓. นายพานิช จิตร์แจ้ง ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ๔. นางอำมร เชาวลิต ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม
|
||||||||||||||||||||||||
26831 | การตรวจเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. วันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ ได้ตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพพร้อมน้ำดื่มให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้แก่ วัดธรรมาราม ตำบลบ้านป้อม อำเภอบางบาล ประกอบด้วย ถุงยังชีพ ๓๐๐ ชุด น้ำดื่มบรรจุขวด ๒,๑๐๐ ขวด และน้ำดื่มบรรจุแกลลอน ๕ ลิตร ๑,๙๐๐ แกลลอน และที่บ้านบางหัก ตำบลบางหัก อำเภอบางบาล ประกอบด้วย ถุงยังชีพ ๓๐๐ ชุด น้ำดื่มบรรจุขวด ๑,๑๐๐ ขวด และน้ำดื่มบรรจุแกลลอน ๕ ลิตร ๖๐๐ แกลลอน นอกจากนี้ ได้จัดรถปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลเคลื่อนที่ไปประจำอยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๒ คัน สามารถผลิตน้ำดื่มได้วันละ ๒๕,๐๐๐ ลิตร ๒. วันที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ ได้ตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพพร้อมน้ำดื่มให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยที่บ้านหนองเอี่ยน ตำบลนาแขม อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ประกอบด้วย ถุงยังชีพ ๒๕๐ ชุด น้ำดื่มบรรจุขวด ๓,๐๐๐ ขวด และน้ำดื่มบรรจุแกลลอน ๕ ลิตร ๖๕๐ แกลลอน รวมทั้งได้จัดรถปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลเคลื่อนที่ไปประจำอยู่ในพื้นที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๒ คัน สามารถผลิตน้ำดื่มเพิ่มได้วันละ ๒๕,๐๐๐ ลิตร และมีเจ้าหน้าที่หน่วยรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำนวน ๒๐ นาย มาช่วยดูแลและป้องกันปัญหาจากสัตว์ป่า นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับทราบแนวทางการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรที่ประสบอุทกภัย โดยได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำนำเครื่องสูบน้ำไปช่วยสูบน้ำเพื่อเร่งระบายน้ำที่ท่วมขังออกไปสู่แหล่งน้ำให้เร็วที่สุด ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำได้นำเครื่องสูบน้ำไปช่วยสูบระบายน้ำแล้ว จำนวน ๘๔ เครื่อง
|
||||||||||||||||||||||||
26832 | แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556 (คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556) | นร01 | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๘๕/๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พิจารณาแผนงาน โครงการ และกิจกรรมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อำนวยการ สั่งการ มอบหมายงาน ดำเนินการ และประสานงานการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดำเนินการประชาสัมพันธ์การดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงานตามที่เห็นสมควร และดำเนินงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26833 | ขอจัดสรรงบประมาณค่าใช้จ่ายในการขายข้าวสารที่ใช้ไปในโครงการตามนโยบายของรัฐบาล | พณ | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) ในการประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๖ ที่อนุมัติงบประมาณเพื่อชดเชยส่วนต่างของราคาที่ได้รับอนุมัติให้จำหน่ายกับราคาตลาดจากการดำเนินโครงการข้าวสารบริจาค ข้าวสารธงฟ้า และข้าวสารจำหน่ายให้องค์กรของรัฐ ในวงเงิน ๗,๐๔๘.๑๕ ล้านบาท ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่ทำให้มีการส่งมอบและ/หรือการจำหน่ายข้าวในสต็อกของโครงการรับจำนำที่มีระดับราคาต่ำกว่าราคาตลาด ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๙/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ โดยให้จัดสรรจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ประจำปี ๒๕๕๗ และให้ขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ ในระยะต่อไปหากมีความจำเป็นต้องดำเนินโครงการในลักษณะดังกล่าว ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการ และขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอน ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๑ (ฝ่ายเศรษฐกิจ) เสนอ ๒. การเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการชดเชยส่วนต่างราคาตามที่ได้รับอนุมัติในข้อ ๑ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณและเบิกจ่ายงบประมาณตามจำนวนที่จะต้องชดเชยจริงภายในวงเงินที่ได้รับอนุมัติดังกล่าวต่อไป ๓. ให้ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือเป็นหลักปฏิบัติว่าในกรณีที่ส่วนราชการหรือหน่วยงานใดมีความจำเป็นต้องจัดหาสินค้าเพื่อการอุปโภคและบริโภคชนิดต่าง ๆ ที่มีอยู่ในสต็อกของรัฐบาล (เช่น ข้าวสาร เป็นต้น) เพื่อนำไปใช้ช่วยเหลือหรือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนตามนโยบายรัฐบาล (เข่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบอุทกภัย กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดจำหน่ายข้าวสารราคาถูกแก่ประชาชน และกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม จัดหาข้าวสารเพื่อใช้จัดเลี้ยงผู้ต้องขัง เป็นต้น) ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานนั้น ๆ ดำเนินการจัดหาโดยใช้จ่ายจากงบประมาณที่หน่วยงานได้รับการจัดสรรแล้ว หรือดำเนินการเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อการดังกล่าวไว้ที่หน่วยงานของตน โดยรายละเอียดในการเบิกจ่ายให้ขอตกลงกับสำนักงบประมาณก่อนดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26834 | การจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2556 | นร | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า เพื่อให้การดำเนินการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๖ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยเหมาะสม จึงขอให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานความคืบหน้าในการเตรียมการจัดงานดังกล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งต่อไปในวันอังคารที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
26835 | ญัตติอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | สว | 22/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบญัตติอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มีการลงมติตามมาตรา ๑๖๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในการประชุมวุฒิสภา วันจันทร์ที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายวราเทพ รัตนากร) เสนอ และให้คณะรัฐมนตรีเข้าแถลงหรือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมวุฒิสภาในวันจันทร์ที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๖ ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
26836 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนด ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2556 | กค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ในไตรมาสที่ ๔ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ มีพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๐ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ แต่เนื่องจากตรงกับวันหยุดทำการของสถาบันการเงิน จึงต้องชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวในวันทำการถัดไปในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ซึ่งกระทรวงการคลังไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายชำระหนี้ต้นเงินกู้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ จึงจำเป็นต้องดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรรัฐบาลที่ครบกำหนดทั้งจำนวน ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ซึ่งอยู่ภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ ในส่วนของแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่เป็นหนี้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ/เมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายได้ วงเงิน ๒๗๗,๔๑๒.๑๓ ล้านบาท ๒. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้นจากสถาบันการเงิน จำนวน ๓ แห่ง วงเงินรวม ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท อายุเงินกู้ไม่เกิน ๑ เดือน เบิกเงินกู้ในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ เพื่อนำไปชำระคืนต้นเงินพันธบัตรรัฐบาลดังกล่าวที่ครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ และดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ จำนวน ๒ รุ่น วงเงินรวม ๑๖,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๐ (LB196A) อายุคงเหลือ ๕.๘๘ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๗๕ ต่อปี จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท เป็นการ Re-open พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๒ ครั้งที่ ๑๓ อายุ ๑๐.๐๕ ปี ทำให้พันธบัตรรุ่นดังกล่าวมีปริมาณรวม ๑๖๖,๙๙๔ ล้านบาท ประมูลในวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ และพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๑ (LB416A) อายุคงเหลือ ๒๗.๘๘ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๘๐ ต่อปี จำนวน ๔,๐๐๐ ล้านบาท เป็นการ Re-open พันธบัตรรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ครั้งที่ ๒ อายุ ๓๐.๖๕ ปี ทำให้พันธบัตรรุ่นดังกล่าวมีปริมาณรวม ๙๐,๙๓๖ ล้านบาท ประมูลในวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ทั้งนี้ ได้นำเงินที่ได้จากการประมูลพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ทั้ง ๒ รุ่น ไปทยอยชำระคืนต้นเงินกู้ระยะสั้นจนครบวงเงิน ๓. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าว จำนวนรวม ๓ ฉบับ และได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ได้แก่ ๓.๑ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.บ. การบริหารหนี้สาธารณะฯ) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๕ ๓.๒ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๐ ๓.๓ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ผลการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๑๑
|
||||||||||||||||||||||||
26837 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง ที่ครบกำหนดในเดือนกรกฎาคม 2556 | กค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินและจัดการเงินกู้เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่สอง พ.ศ. ๒๕๔๕ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ที่ครบกำหนดในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ที่ออกภายใต้ พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง ที่ครบกำหนดในเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๒ รุ่น วงเงินรวม ๓๖,๐๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย พันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ครั้งที่ ๑ ครบกำหนดในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๑๒,๐๐๐ ล้านบาท และพันธบัตรรัฐบาลกรณีพิเศษ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๙ ครั้งที่ ๓ ที่ครบกำหนดในวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๒๔,๐๐๐ ล้านบาท ๒. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ (LB236A) อายุคงเหลือ ๙.๙๐ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๖๒๕ ต่อปี วงเงิน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำหน่ายได้จริง ๗,๐๒๐ ล้านบาท และได้ออกพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ (LB176A) อายุคงเหลือ ๓.๘๕ ปี อัตราดอกเบี้ยร้อยละ ๓.๒๕ ต่อปี วงเงิน ๑๔,๐๐๐ ล้านบาท ประมูลเมื่อวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๕๖ จำหน่ายได้ครบทั้งจำนวน เพื่อนำไปชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น และเงินทดรองจ่ายจากบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลัง โดยยังคงค้างการชำระคืนเงินทดรองจ่ายเดิม (๒,๒๕๘.๔๙ ล้านบาท) และเงินทดรองจ่ายเพิ่มเติมจากผลการประมูลเมื่อวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๒,๙๘๐ ล้านบาท (๑๐,๐๐๐-๗,๐๒๐) รวมจำนวน ๕,๒๓๘.๔๙ ล้านบาท ซึ่งจะชำระคืนในการปรับโครงสร้างหนี้ในโอกาสต่อไป ๓. กระทรวงการคลังได้ดำเนินการออกประกาศกระทรวงการคลัง จำนวน ๕ ฉบับ และได้นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ได้แก่ ๓.๑ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกู้เงินระยะสั้นเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๖ ๓.๒ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ ๓.๓ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๘ ๓.๔ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การแต่งตั้งพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยลงลายมือชื่อกำกับในพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗ และครั้งที่ ๘ ๓.๕ ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การปรับลดวงเงินการจำหน่ายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อการปรับโครงสร้างหนี้ (พ.ร.ก. ช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ ระยะที่สอง) ในในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ครั้งที่ ๗
|
||||||||||||||||||||||||
26838 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกปากบารา" | สสป | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกปากบารา" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กรมเจ้าท่า กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร การรถไฟแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษา สรุปได้ ดังนี้
๑. แต่งตั้งหน่วยงานให้ทำหน้าที่หลักในการกำหนดทิศทางการพัฒนาโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราให้ชัดเจนว่าจะดำเนินโครงการต่อไปอย่างไร และจะมีโครงการเกี่ยวเนื่องอะไรที่เป็นข้อกังวลของภาคประชาชน ๒. มอบให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ในการกำหนดทิศทาง นโยบาย ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศ เช่น สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานในการกำหนดทิศทาง ยุทธศาสตร์ แผนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ของรัฐในภาคใต้ให้ชัดเจน โดยเปิดโอกาสให้ภาคประชาชน ผู้เกี่ยวข้อง นักวิชาการ มีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มจนแล้วเสร็จ ๓. จัดตั้งคณะกรรมการสื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูลการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ขึ้น โดยมีหน้าที่ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ข้อมูลแนวนโยบายของรัฐ แนวทางและแผนการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ทั้งหมดของหน่วยราชการทุกหน่วย โดยจะต้องสื่อสารและประชาสัมพันธ์ข้อมูลตามความเป็นจริงทั้งในด้านบวกและลบ และอยู่บนหลักการที่ถูกต้องอย่างจริงใจ ทั้งนี้ คณะกรรมการควรประกอบด้วยหน่วยงานที่สามารถประสานกระทรวงต่าง ๆ ที่มีโครงการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ คือ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการทำหน้าที่นี้และหน่วยงานราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคเอกชน และภาคประชาชนเข้าร่วมด้วย และควรมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานเหมือนกับคณะกรรมการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก (Eastern Seaboard) ที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว ๔. เปิดโอกาสให้ภาคประชาชนผู้มีส่วนได้เสีย ในพื้นที่โดยรอบซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือน้ำลึกปากบาราให้เข้ามามีส่วนร่วม ตั้งแต่เริ่มต้นจนสามารถเปิดดำเนินการให้บริการแล้วอย่างเต็มที่ โดยกำหนดให้มีกลไกการมีส่วนร่วมของประชาชนในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้ชัดเจน โดยใช้แนวทางการประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (Strategic Environmental Assessment : SEA) ๕. โครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ระยะที่ ๑ ที่ได้รับความเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) ไปแล้วนั้น สมควรที่จะต้องมีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง ทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (Environmental and Health Impact Assessment : EHIA) ตามกฎหมายใหม่ ๖. ให้กำหนดระยะการพัฒนาในภาพรวมให้ชัดเจน พร้อมทั้งระบุระยะการพัฒนาในแต่ละเฟสให้ชัดเจนด้วย โดยให้พัฒนาในเฟสแรกก่อน และเมื่อมีความจำเป็นต้องพัฒนาในระยะต่อไป ให้ประเมินความพร้อมและความคุ้มค่า รวมทั้งจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามกฎหมายก่อน ๗. ต้องมีการบูรณาการระบบการคมนาคมขนส่งเชื่อมโยงพื้นที่ของภาคต่าง ๆ กับท่าเรือน้ำลึกปากบาราอย่างชัดเจน มีมาตรการรองรับและสนับสนุนทั้งโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภคต่าง ๆ ที่จำเป็น รวมถึงกฎหมาย ระเบียบที่เอื้อต่อการลงทุน และการดำเนินโครงการมีมาตรการชดเชย เยียวยา การอุดหนุนต่าง ๆ เพื่อผลักดันการเปลี่ยนโหมดการขนส่งมาใช้ท่าเรือน้ำลึกปากบารา ๘. ต้องมีหลักประกันให้แก่ชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบาราเป็นลำดับแรกด้วยการจัดหาพื้นที่รองรับการย้ายถิ่นฐานของชุมชน มีการพัฒนาที่ดิน พัฒนาอาชีพ มีระบบโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค-สาธารณูปการ การสาธารณสุข การศึกษา อย่างต่อเนื่องเป็นธรรมและมีส่วนร่วมของประชาชน ๙. การพัฒนาท่าเรือน้ำลึกปากบารา ให้คำนึงถึงการใช้เทคโนโลยีที่มีความทันสมัยและประสิทธิภาพสูง รวมทั้งระบบการบริหารท่าเรือสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพในระดับสากล โดยปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Mitigation Plan : EIMP) และอื่น ๆ ที่เสนอในรายงาน EIA และหรือรายงาน EHIA อย่างเคร่งครัด ๑๐. ต้องมีมาตรการจูงใจส่งเสริมสนับสนุนให้มีการใช้ประโยชน์จากท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบาราอย่างเต็มศักยภาพ ส่งเสริมให้มีปริมาณสินค้าที่มากพอที่เรือทางยุโรปจะเข้าเทียบท่า รวมทั้งมีมาตรการส่งเสริมการใช้ท่าเรือ เช่น การคิดค่าธรรมเนียมการใช้ท่าเรือที่ต่ำกว่าท่าเรือใกล้เคียง การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่สินค้าที่ใช้ท่าเรือน้ำลึกปากบารา เป็นต้น ๑๑. ให้ความสำคัญกับท่าเรือน้ำลึกปากบาราในด้านความมั่นคงของชาติด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
26839 | รัฐบาลสาธารณรัฐอินเดียเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย [นายหรรษ วรรธน ศฤงคลา (Mr. Harsh Vardhan Shringla)] | กต | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายหรรษ วรรธน ศฤงคลา (Mr. Harsh Vardhan Shringla) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทยคนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทนนายอนิล วาธวา (Mr. Anil Wadhwa) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26840 | ร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน พ.ศ. .... | สธ | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการขออนุญาตและการออกใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การออกใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบแทนใบอนุญาตขายยาแผนปัจจุบัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
.....