ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1344 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 26861 - 26880 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26861 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (พลโท พงศกร รอดชมภู และนายพรชาต บุนนาค) | นร08 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง สำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๒ ราย ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งนายพรชาต บุนนาค ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ๒. รับโอนพลโท พงศกร รอดชมภู ข้าราชการทหาร ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงกลาโหม มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
26862 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง (นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์) | กค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26863 | สรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทยประจำสัปดาห์ (ครั้งที่ 6/2556 ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2556) | นร | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยสรุปสถานการณ์รวมของภูมิอากาศและน้ำท่วมของประเทศไทย ครั้งที่ ๖/๒๕๕๖ ณ วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ ดังนี้
๑. ลักษณะอากาศ พายุไต้ฝุ่น "นารี" จะเคลื่อนขึ้นฝั่งที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนามในวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ หลังจากนั้นจะเคลื่อนผ่านประเทศลาว และอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำอย่างรวดเร็วโดยจะเข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันออกมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางกับมีลมแรง และในช่วงวันที่ ๑๔-๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีกครั้งหนึ่ง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง ๓-๕ องศาเซลเซียส ๒. ปริมาณน้ำฝน ร่องมรสุมพาดผ่านบริเวณภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออกในระยะครึ่งแรกของสัปดาห์ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ในวันแรกของสัปดาห์ ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย และบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่แผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลงในระยะปลายสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง ส่วนภาคใต้มีฝนตกหนาแน่นเกือบตลอดสัปดาห์ ๓. สถานการณ์น้ำและน้ำท่วม กรมชลประทานรายงานว่า ๓.๑ ปริมาณน้ำท่าในบริเวณจุดสำคัญ ได้แก่ แม่น้ำเจ้าพระยา สถานี C.2 และเขื่อนเจ้าพระยา สถานี C.13 ปริมาณน้ำไหลผ่าน ๑,๖๐๔ และ ๑,๕๘๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ตามลำดับ และ อ.บางไทร สถานี C.29 ปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ย ๒,๑๓๗ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ๓.๒ ระดับความสูงของน้ำในแม่น้ำสายหลัก ได้แก่ แม่น้ำปิง ที่สถานี P.1 จังหวัดเชียงใหม่ +๑.๔๐ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๒.๓๐ เมตร แม่น้ำวัง ที่สถานี W.4A จังหวัดตาก +๑.๕๐ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๔.๖๐ เมตร ตามลำดับ แม่น้ำยม ที่สถานี Y.16 จังหวัดพิษณุโลก +๘.๑๙ เมตร สูงกว่าตลิ่ง ๑.๑๙ เมตร แม่น้ำน่าน ที่สถานี N.1 จังหวัดน่าน +๐.๖๓ เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง ๖.๓๗ เมตร แม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.2 จังหวัดนครสวรรค์ +๒๒.๗๑ ม.รทก. ต่ำกว่าตลิ่ง ๓.๔๙ เมตร และแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สถานี C.13 จังหวัดชัยนาท ระดับน้ำเหนือเขื่อน +๑๖.๖๕ ม.รทก. ระดับน้ำท้ายเขื่อน +๑๓.๒๐ ม.รทก. ๓.๓ น้ำในเขื่อน ปริมาตรน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ๖,๔๓๔, ๕,๗๗๔ และ ๑,๐๒๔ ล้านลูกบาศก์เมตร ตามลำดับ ๔. สถานการณ์อุทกภัย ตั้งแต่วันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๖ จนถึงปัจจุบันมีพื้นที่ประสบภัยรวมทั้งสิ้น ๔๒ จังหวัด ประชาชนได้รับผลกระทบ ๑,๑๑๑,๐๘๕ ครัวเรือน ๓,๖๔๐,๒๙๕ คน มีผู้เสียชีวิตรวม ๔๒ ราย สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ๑๙ จังหวัด
|
||||||||||||||||||||||||
26864 | ให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีคงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ (นายธนะ ดวงรัตน์ และนายดิฐ อัครพลังพรหม) | นร04 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีที่ครบวาระการดำรงตำแหน่ง ๑ ปี คงอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่ออีกหนึ่งวาระ จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายธนะ ดวงรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๒. นายดิฐ อัศวพลังพรหม ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
|
||||||||||||||||||||||||
26865 | ขออนุมัติให้ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ที่ดำรงตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ได้รับค่าตอบแทนแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง (จำนวน 4 ราย 1. พลอากาศโท อุทัย เศรษฐวงศ์ ฯลฯ) | พว | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ที่ดำรงตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ จำนวน ๔ ราย คือ ๑.๑ พลอากาศโท อุทัย เศรษฐวงศ์ ๑.๒ พลอากาศเอก ทศพล สง่าเนตร ๑.๓ พลอากาศโท อำนาจ ปภาวสิทธิ์ ๑.๔ พลตรี พิริยะ การะเจดีย์ มีสิทธิ์ได้รับรถประจำตำแหน่งหรือเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่ง เป็นกรณีพิเศษตามความเห็นของคณะกรรมการรถราชการ สำหรับงบประมาณที่จะต้องใช้จ่ายเป็นค่าตอบแทนเหมาจ่ายแทนการจัดหารถประจำตำแหน่งดังกล่าว ให้สำนักพระราชวังเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบดำเนินงาน ลักษณะค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ ทั้งนี้ อัตราค่าตอบแทนเหมาจ่ายให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด ๒. อนุมัติในหลักการให้ข้าราชการพลเรือนในพระองค์ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประจำสำนักพระราชวังพิเศษ ราชการบริหารส่วนกลาง ตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ปฏิบัติราชการประจำกองกิจการในพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และกองงานพระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ให้มีสิทธิ์ได้รับรถประจำตำแหน่ง หรือมีสิทธิเลือกรับเงินค่าตอบแทนเหมาจ่ายการจัดหารถประจำตำแหน่ง ตามความเห็นของคณะกรรมการรถราชการ ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
26866 | หนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส | ศธ | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงเพื่อความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส (Declaration d’Intention dans le Domain de la Cooperation Educative entre le Ministre Francais des Affaires Etrangeres et Le Ministre Thailandais de l’Education) โดยสาระสำคัญของหนังสือแสดงเจตจำนงฯ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินโครงการอบรมครูภาษาฝรั่งเศส ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐฝรั่งเศสอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสว่าด้วยความร่วมมือทางด้านการศึกษาและการวิจัย ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงศึกษาธิการหารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรีโดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนงฯ
|
||||||||||||||||||||||||
26867 | การแต่งตั้งข้าราชการ (นายประมวล จันทร์พงษ์) | พน | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายประมวล จันทร์พงษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26868 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายปณิธาน จินดาภู และนางอรรชกา สีบุญเรือง) | อก | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงอุตสากรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้
๑. นางอรรชกา สีบุญเรือง ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสหากรรม ๒. นายปณิธาน จินดาภู ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่
|
||||||||||||||||||||||||
26869 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (จำนวน 3 ราย 1. พลโท รุจวินท์ กิจวิทย์ ฯลฯ) | กค | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล จำนวน ๓ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติ (๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. พลโท รุจวินร์ กิจวิทย์ กรรมการ ๒. นายวีรภัทร ศรีไชยา กรรมการ ๓. พลตำรวจตรี สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
26870 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ในสำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (นายกิตติรัตน์ มังคละคีรี) | สสป | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ มังคละคีรี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักงานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26871 | การช่วยเหลือเกษตรกรเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 | พณ | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเพิ่มวงเงินที่ใช้ในการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ อีกจำนวน ๖,๖๖๐ ล้านบาท (คำนวณจากปริมาณรับจำนำที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ ๔๒๕,๐๐๐-๔๕๐,๐๐๐ ตัน คูณราคารับจำนำข้าวเปลือก ๕% ตันละ ๑๔,๘๐๐ บาท) โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำรองจ่ายไปพลางก่อน ในวงเงิน ๖,๖๖๐ ล้านบาท โดยชดเชยต้นทุนเงินในอัตรา FDR+1 และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระคืนต้นเงิน จำนวน ๖,๖๖๐ ล้านบาท ให้ ธ.ก.ส. ต่อไป เนื่องจากเกษตรกรนำข้าวเปลือกมาเข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต ๒๕๕๕/๕๖ ภายในกรอบระยะเวลาการรับจำนำที่กำหนดคือ ไม่เกินวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเกษตรกรด้านการพัฒนาคุณภาพข้าวและการแปรรูปเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากข้าว รวมทั้งควรมีแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรที่ยากจนและไม่มีข้าวเหลือขาย ที่ไม่มีโอกาสเข้าร่วมโครงการฯ โดยเน้นการพัฒนาประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่เกษตรกรอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
26872 | การติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดสุโขทัยและจังหวัดพิษณุโลก | ศธ | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคเพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) เมื่อวันที่ ๙-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ณ จังหวัดสุโขทัยและจังหวัดพิษณุโลก ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) และคณะ ได้รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดสุโขทัย ซึ่งมีพื้นที่ที่มีความเสี่ยง ได้แก่ อำเภอศรีสัชนาลัย อำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง อำเภอเมืองสุโขทัย และอำเภอกงไกรลาศ โดยเฉพาะอำเภอกงไกรลาศ แม่น้ำยมล้นตลิ่งเกิดภาวะน้ำท่วมขังในระดับสูง ซึ่งได้สั่งการให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ปัญหาอุทกภัยจังหวัดสุโขทัยเร่งแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนตามภารกิจของแต่ละหน่วยงาน สำรวจความเสียหายเพื่อจะได้ฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด ให้ประชาชนแจ้งข่าวสารและเตือนภัยสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ดำเนินการสำรวจพนังกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพแข็งแรงพร้อมรับมือกับสถานการณ์การไหลบ่าของแม่น้ำ และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นตามอำนาจหน้าที่ จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมเยือนพบปะชี้แจงและมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยทุกตำบลของอำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย จำนวน ๑,๐๐๐ ถุง ๒. วันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช) และคณะ ได้ประชุมหัวหน้าส่วนราชการและรับฟังสถานการณ์อุทกภัยของจังหวัดพิษณุโลก โดยจังหวัดพิษณุโลกมีสภาพพื้นที่ราบลุ่มในหลายอำเภอ และมีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่าน ได้แก่ แม่น้ำน่าน แม่น้ำยม แม่น้ำวังทอง คลองชมพู และแม่น้ำแควน้อย มีพื้นที่ประสบอุทกภัยที่ระดับน้ำลดลงแต่ยังไม่เข้าสู่สภาวะปกติ จำนวน ๖ อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองพิษณุโลก อำเภอพรหมพิราม อำเภอชาติตระการ อำเภอนครไทย อำเภอเนินมะปราง และอำเภอวัดโบสถ์ พื้นที่ที่มีระดับน้ำท่วมขังมากยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ จำนวน ๓ อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางกระทุ่ม อำเภอบางระกำ และอำเภอวังทอง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นที่ลุ่ม ได้แก่ ตำบลวังพิกุล อำเภอวังทอง ยังมีสภาพน้ำท่วมขังมาก ซึ่งได้สั่งการให้ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยจังหวัดพิษณุโลก ทั้งระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับท้องถิ่น เน้นการประชาสัมพันธ์ แจ้งข่าวสารสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด สำรวจความแข็งแรงของพนังกั้นน้ำในแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลผ่านพื้นที่ให้อยู่ในสภาพแข็งแรงพร้อมรับสถานการณ์การไหลบ่าของน้ำ และดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบภัยให้ทันเวลาอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง เพื่อฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิมให้เร็วที่สุด สำหรับสถานศึกษาที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ได้สั่งการให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเร่งสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้นและให้ดำเนินการวางแผนเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป จากนั้นได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมมอบถุงยังชีพให้กับประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ตำบลวังพิกุล อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก จำนวน ๑,๐๐๐ ถุง
|
||||||||||||||||||||||||
26873 | พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ให้เขตพื้นที่แขวงดุสิตและแขวงจิตรลดา เขตดุสิต แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงตลาดยอด แขวงบวรนิเวศ แขวงบ้านพานถม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร และแขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม 2556 ถึงวันที่ 18 ตุลาคม 2556) | นร05 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ เรื่อง พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ให้เขตพื้นที่แขวงดุสิตและแขวงจิตรลดา เขตดุสิต แขวงพระบรมมหาราชวัง แขวงตลาดยอด เขตบวรนิเวศ แขวงบ้านพานถม แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร และแขวงวัดโสมนัส เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ถึงวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๖) ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26874 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร | สผ | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ ๒. ให้มีการถ่ายทอดการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง ๑๑) กรมประชาสัมพันธ์ เพื่อลงมติวาระที่สอง ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พุทธศักราช .... (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๑๙๐) วันอังคารที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ จนกว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จ ๓. ให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว แล้วแจ้งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบ และเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26875 | แนวทางการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร | นร05 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตร ดังนี้
๑. ให้มีบุคคล (รัฐมนตรี) ที่รับผิดชอบในการติดตามสถานการณ์การดำเนินมาตรการต่าง ๆ รวมทั้งเป็นผู้ประสานงานกิจการด้านสินค้าเกษตรในแต่ละประเภทที่สำคัญ ๆ ตั้งแต่ในขั้นตอนการผลิต การแปรรูป ตลอดจนเสถียรภาพของราคา ให้เชื่อมโยงตั้งแต่ไร่นาจนถึงผู้บริโภค และการส่งออก ได้แก่ ๑.๑ ข้าว นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑.๒ ข้าวโพด นายยรรยง พวงราช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๑.๓ มันสำปะหลัง นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ๑.๔ อ้อย นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ๑.๕ ยางพารา นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๒. ให้รัฐมนตรีทั้ง ๕ ท่านดังกล่าวทำหน้าที่รวบรวมข้อมูล และประสานการดำเนินงานกับรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรแต่ละชนิด โดยภารกิจหลักในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ยังคงเป็นความรับผิดชอบของรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่ปกติ
|
||||||||||||||||||||||||
26876 | การจัดทำข้อมูลประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของประเทศ | นร04 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายและยุทธศาสตร์การเสริมสร้างภาพลักษณ์และอัตลักษณ์ของประเทศได้จัดทำเอกสารข้อมูล (Profile) ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “MODERN THAILAND” ขึ้น โดยมีข้อมูลในด้านต่าง ๆ ที่สำคัญของประเทศ เช่น โครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค แผนบริหารจัดการน้ำ การปรับปรุงกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น และได้พิมพ์ตราสัญลักษณ์ (Logo) ของประเทศไทย เพื่อใช้ประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ รวมทั้งเป็นการให้ข้อมูลและสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนจากต่างประเทศ โดยในระยะต่อไปจะทำเอกสารดังกล่าวเป็นฉบับภาษาไทย และจะทำเอกสารนี้เป็นข้อมูลของแต่ละจังหวัดต่อไปด้วย จึงขอมอบหมายการดำเนินการ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักดำเนินการจัดทำเอกสารข้อมูล (Profile) ของแต่ละจังหวัดร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้มีข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดให้ครบถ้วน เช่น ยุทธศาสตร์ของจังหวัด พืชผลทางการเกษตร สินค้า ผลิตภัณฑ์ และพืชสมุนไพร เป็นต้น ๒. ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐนำตราสัญลักษณ์ของประเทศไทย (Logo) ไปใช้ประโยชน์ในวาระ/โอกาสต่าง ๆ เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้โดยทั่วกัน ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเร่งแจ้งรายละเอียดและแนวทางการใช้ตราสัญลักษณ์ดังกล่าวให้ทุกหน่วยงานทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
26877 | ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... | นร | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (ปสส.) วันจันทร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๖ และให้กระทรวงการคลังพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจบัตรเครดิต พ.ศ. .... ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว แล้วแจ้งผลการพิจารณาให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรทราบและเสนอคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ตามที่สำนักงานเลขานุการ ปสส. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
26878 | การเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 21 การประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 23 | นร04 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีรายงานว่าในระหว่างวันที่ ๖-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ ได้เดินทางไปร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๑ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ ๒๓ ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม และให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับประเด็นการประชุมดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปซึ่งผลการประชุมสรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๑ มีประเด็นหารือสำคัญ ๓ ประเด็น คือ ๑.๑ การบรรลุเป้าหมายโบกอร์ (Attaining the Bogor Goals) ซึ่งกำหนดให้ประเทศที่พัฒนาแล้วเปิดเสรีการค้าการลงทุนภายในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ โดยเป็นเป้าหมายตามความสมัครใจสำหรับประเทศไทยต้องเร่งรัดดำเนินการให้ทันภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ๑.๒ การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยความเท่าเทียม (Sustainable Growth with Equity) โดยประเทศที่พัฒนาแล้วควรพิจารณาให้ความช่วยเหลือและสิทธิพิเศษแก่ประเทศที่ยังพัฒนาไม่ทันประเทศอื่นด้วย ๑.๓ การส่งเสริมความเชื่อมโยงภูมิภาค (Promoting Connectivity) ทั้งในด้านการขนส่งทางน้ำ ทางบก และทางอากาศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่ไม่มีทางออกทางทะเลเพื่อลดต้นทุนการขนส่ง รวมถึงการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคงทางด้านอาหาร ด้านน้ำ และด้านพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (green energy) โดยประเทศไทยได้รับการยอมรับให้เป็นแหล่งสำรองอาหารของโลก ๒. การเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ ๒๓ ทุกประเทศมีความเห็นตรงกันว่า ในอนาคตต้องพิจารณาว่าภายหลังการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียนแล้ว (Post ASEAN) ในปี ๒๐๑๕ ทุกประเทศจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้างเพื่อให้เกิดความร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ และความมั่นคงในภูมิภาคมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทยได้ผลักดันเรื่องความมั่นคงทางอาหารและการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือภัยพิบัติ โดยเฉพาะการมีข้าวสำรองกรณีเกิดภัยพิบัติและส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคโนโลยีเพื่อนำมาใช้ในการดูแลการเก็บอาหารสำรอง การส่งเสริมพลังงานสีเขียว นอกจากนี้ ไทยมีบทบาทในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน-จีน เกี่ยวกับในเรื่องทะเลจีนใต้ (South China Sea) ซึ่งหลายประเทศมีความเห็นตรงกันที่ต้องการให้การเดินเรือในทะเลจีนใต้เป็นไปโดยเสรีและปลอดภัย นอกจากนี้ ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหประชาชาติ เพื่อกำหนดทิศทางการดำเนินความสัมพันธ์ในอนาคต โดยเน้นเกี่ยวกับความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน และการพัฒนาภายหลังจากปี ค.ศ. ๒๐๑๕ ในการนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสรุปภารกิจหลักของแต่ละส่วนราชการที่จะต้องดำเนินการเพื่อรองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (Asean Economic Community : AEC) และการพัฒนาภายหลังจากปี ๒๐๑๕ แล้วจัดส่งให้แต่ละส่วนราชการเพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
26879 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 งบกลาง เพื่อจัดตั้งกลุ่มงานคดีนักท่องเที่ยวในศาลยุติธรรม จำนวน 15 แห่ง | นร04 | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้แก้ไขมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง เพื่อจัดตั้งกลุ่มงานคดีนักท่องเที่ยวในศาลยุติธรรม จำนวน ๑๕ แห่ง) ที่รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีเห็นชอบให้สำนักงานศาลยุติธรรม เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๗,๐๕๐,๘๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งกลุ่มงานคดีนักท่องเที่ยวในศาลยุติธรรม โดยในระยะแรกดำเนินการนำร่องในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๗ แห่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ เป็น “อนุมัติตามความเห็นของสำนักงบประมาณ”
|
||||||||||||||||||||||||
26880 | มาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2557 - 2561) | นร | 15/10/2556 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่ คปร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) ประกอบด้วย มาตรการบริหารจัดการอัตรากำลังปกติ มาตรการบริหารจัดการเชิงยุทธศาสตร์ และแนวทางการนำมาตรการดังกล่าวไปสู่การปฏิบัติ ๑.๒ ให้ คปร. สำนักงาน ก.พ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กรมบัญชีกลาง สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ร่วมกับส่วนราชการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการนำมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑) ไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ๒. ให้ คปร. รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่เห็นควรพิจารณาความเหมาะสมในการจัดสรรอัตรากำลังคืนให้กับส่วนราชการที่มีภารกิจตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ประเทศ และมีภารกิจเพิ่มขึ้น การจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการคืนทั้งหมดเพื่อรองรับกับภารกิจของหน่วยงานในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคตที่เพิ่มมากขึ้น การพัฒนาข้าราชการร้อยละ ๑๐๐ ให้มีความรู้ความสามารถทักษะและสมรรถนะตามแผนพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนควรมีการจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับการพัฒนา และในการดำเนินมาตรการบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐฯ ควรครอบคลุมพนักงานมหาวิทยาลัยในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐ เช่นเดียวกับข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างประจำ การทำความเข้าใจกับผู้บริหารและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกส่วนราชการในราชการบริหารฝ่ายพลเรือนให้เล็งเห็นถึงความสำคัญและความจำเป็นของการดำเนินการ การพัฒนาเครื่องมือ กลไก หรือคู่มือการปฏิบัติที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนเพื่อให้ส่วนราชการสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม การให้ความสำคัญกับการวางกรอบหลักเกณฑ์การพิจารณาเพิ่มอัตราตั้งใหม่ให้เหมาะสมกับฐานะการคลังของประเทศในระยะยาวเพื่อให้มีความยั่งยืนและคุ้มค่าด้านบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ การวางระบบหรือกลไกที่สามารถบริหารและพัฒนากำลังคนภาครัฐทั้งระบบให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น การขยายขอบเขตการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้ครอบคลุมกำลังคนภาครัฐทุกประเภท (ทั้งในฝ่ายพลเรือนและทหาร) รวมทั้งการจัดทำแนวทางในการส่งเสริมและ/หรือมาตรการสร้างแรงจูงใจอย่างชัดเจน เพื่อให้การถ่ายโอนบุคลากรไปสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้ คปร. และสำนักงาน ก.พ. รับข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.๑ เนื่องจากแนวทางการบริหารและการพัฒนากำลังคนภาครัฐทั้งระบบทั้งที่สังกัดหน่วยงานภายใต้ฝ่ายบริหารและสังกัดองค์กรต่าง ๆ ที่มิได้อยู่ภายใต้ฝ่ายบริหารยังมีความเหลื่อมล้ำ และไม่ได้มีการบูรณาการการทำงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น เพื่อให้เกิดการบูรณาการในเรื่องดังกล่าวอย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม ควรให้ คปร. รับไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การบริหารและการพัฒนากำลังคนภาครัฐเพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ๓.๒ ในกระบวนการสรรหาและพัฒนากำลังคนในภาคราชการ ควรคำนึงถึงการเสริมสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมที่กระตุ้นให้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถได้มีโอกาสแสดงศักยภาพและได้รับการยอมรับ รวมทั้งควรมีการพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานเพื่อให้มีศักยภาพที่หลากหลายมากขึ้น (Multi Skill) ทั้งนี้ ในกระบวนการสรรหาและพัฒนากำลังคนในภาคราชการควรมีการพิจารณาปรับปรุง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหา เพื่อให้ได้กำลังคนที่มีทักษะ สมรรถนะ และทัศนคติที่เหมาะสมและมีใจรักในงานบริการ เพื่อให้สอดคล้องและรองรับการเปลี่ยนแปลงการบริหารราชการแนวใหม่ ควรให้สำนักงาน ก.พ. รับไปพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์การสรรหากำลังคนเข้าสู่ระบบราชการให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น |
.....