ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1350 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 26981 - 27000 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
26981 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเวียงชัย และตำบลทุ่งก่อ อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์นั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
26982 | มาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างในต่างประเทศ | กค | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการดำเนินงานของกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับเรื่อง มาตรการทางการเงินเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมก่อสร้างในต่างประเทศ โดยหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายได้มีการพิจารณาร่วมกับสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับแผนการรับงานก่อสร้างในต่างประเทศเพื่อประกอบการดำเนินโครงการในลักษณะนำร่อง ซึ่งทางสมาคมฯ แจ้งว่า ในปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการก่อสร้างไทยที่ดำเนินการก่อสร้างในต่างประเทศมีความต้องการใช้ Counter Guarantee (สัญญาค้ำประกันหรือคำรับรองที่ออกโดยธนาคารเพื่อเป็นหลักประกันทางสินเชื่อต่อธนาคาร หรือสถาบันการเงินด้วยกัน) เนื่องจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในต่างประเทศอยู่ในภาวะชะลอตัว จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขอตั้งงบประมาณสำหรับโครงการดังกล่าวในขณะนี้ อย่างไรก็ดี เมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในต่างประเทศฟื้นตัวขึ้น และผู้ประกอบการก่อสร้างในต่างประเทศมีความต้องการใช้ Counter Guarantee สมาคมฯ จะได้แจ้งให้กระทรวงการคลัง เพื่อกระทรวงการคลังจะได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
26983 | สรุปยอดจำหน่ายงาน "ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี" | มท | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงมหาดไทยรายงานสรุปยอดจำหน่ายงาน “ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี” โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๐-๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๖ ณ อาคารชาเลนเจอร์ ๑-๓ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ซึ่งการจัดงานดังกล่าวได้รับความสำเร็จและการตอบรับจากประชาชนผู้เข้าชมงาน และผู้ผลิต ผู้ประกอบการ OTOP เป็นอย่างดียิ่ง โดยมียอดการจำหน่ายสินค้า จำนวน ๘๒๐,๔๖๑,๑๐๕ บาท มีผู้เข้าชมงาน ๓๙๓,๒๗๓ คน ประกอบด้วย
๑. ประเภท OTOP ๓-๕ ดาว ยอดจำหน่าย ๖๖๔,๙๐๙,๘๕๕ บาท ๒. ประเภท OTOP เพื่อสุขภาพ ยอดจำหน่าย ๑๒,๔๕๗,๗๑๘ บาท ๓. ประเภท ศอ.บต. ยอดจำหน่าย ๔,๔๘๙,๔๑๔ บาท ๔. ประเภท OTOP ชวนชิม ยอดจำหน่าย ๒๓,๖๗๖,๙๕๖ บาท ๕. ประเภท สมาคมคนพิการ ยอดจำหน่าย ๓,๖๗๗,๔๐๐ บาท ๖. ประเภท OTOP ฮาลาล ยอดจำหน่าย ๕,๔๑๕,๔๐๐ บาท ๗. ประเภท ศิลปาชีพ ยอดจำหน่าย ๑๐,๐๑๒,๗๗๖ บาท ๘. ประเภท OTOP (KBO) ยอดจำหน่าย ๑๑,๖๙๗,๖๐๓ บาท ๙. ประเภท OTOP ของขวัญของฝาก ยอดจำหน่าย ๘๔,๑๒๓,๙๘๓ บาท
|
|||||||||||||||||||||
26984 | รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส 2 ปี 2556 และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม 2556 | อก | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๒ ปี ๒๕๕๖ และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม เดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๒ ปี ๒๕๕๖ (เมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๖) ๑.๑ สถานการณ์การค้าในไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๕๖ ชะลอตัวลงทั้งการส่งออกและการนำเข้า เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลก และสถานการณ์ค่าเงินบาทผันผวนตั้งแต่ช่วงต้นปี ๒๕๕๖ โดยในไตรมาสที่ ๒ การค้าต่างประเทศของไทยมีมูลค่าทั้งสิ้น ๑๒๑,๐๓๕.๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นมูลค่าการส่งออกเท่ากับ ๕๖,๓๓๗.๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมูลค่าการนำเข้าเท่ากับ ๖๔,๖๙๘.๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ เทียบกับไตรมาสที่ ๑ ของปี ๒๕๕๖ มูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ ๑.๑๐ และมูลค่าการนำเข้าลดลงร้อยละ ๐.๒๘ ส่งผลให้ไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๕๖ ดุลการค้ายังคงขาดดุลต่อเนื่องมูลค่า ๘,๓๖๐.๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อเทียบมูลค่าการส่งออกและนำเข้ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่ามูลค่าการส่งออกลดลงร้อยละ ๒.๒๑ ส่วนมูลค่าการนำเข้ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๓๖ ๑.๒. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศสุทธิในช่วงไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๕๖ การลงทุนสุทธิในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ๒๕๕๖ มีมูลค่ารวม ๗๕,๐๒๑.๖ ล้านบาท ซึ่งการลงทุนโดยตรงสุทธิในเดือนเมษายน ๒๕๕๖ มีมูลค่า ๔๗,๖๙๘.๐ ล้านบาท สำหรับเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ มีมูลค่าลงทุนสุทธิ ๒๗,๓๒๓.๖ ล้านบาท เมื่อพิจารณาการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมตลอดทั้ง ๒ เดือนแรกในไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๕๖ พบว่ามูลค่าการลงทุนในเดือนเมษายน ๒๕๕๖ มีมูลค่าการลงทุนสุทธิ ๖,๙๑๖.๘ ล้านบาท และในเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ มีมูลค่าการลงทุนสุทธิ ๘,๙๒๖.๙ ล้านบาท โดยการลงทุนรวมในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ๒๕๕๖ ของสาขาอุตสาหกรรมมีมูลค่าการลงทุนลดลงร้อยละ ๓๒.๐๘ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ๑.๓ การลงทุนที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) พบว่าในช่วงไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๕๖ การลงทุนที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI มีจำนวนทั้งสิ้น ๕๒๘ โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวนโครงการ ๕๐๒ โครงการ โดยในไตรมาสที่ ๒ การลงทุนในกิจการต่าง ๆ มีมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น ๑๗๙,๑๐๐ ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยโครงการลงทุนในไตรมาสที่ ๒ ปี ๒๕๕๖ ประกอบด้วยโครงการที่ลงทุนจากต่างประเทศ ๑๐๐% จำนวน ๒๐๑ โครงการ คิดเป็นเงินลงทุน ๔๖,๔๐๐ ล้านบาท เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างไทยและต่างประเทศ จำนวน ๑๔๔ โครงการ เป็นเงินลงทุน ๕๔,๓๐๐ ล้านบาท และโครงการที่ลงทุนจากไทย ๑๐๐% จำนวน ๑๘๓ โครงการ เป็นเงินลงทุน ๗๘,๕๐๐ ล้านบาท ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรมสำคัญ เดือนสิงหาคม ๒๕๕๖ ๒.๑ อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์กลุ่มสิ่งทอ คาดว่าจะขยายตัวได้ในกลุ่มเส้นใยสังเคราะห์และผ้าผืน โดยเฉพาะญี่ปุ่นมีการนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนการนำเข้าจากประเทศจีน และลดความเสี่ยงเรื่องคุณภาพและการส่งมอบ ซึ่งจะเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทย โดยคาดว่าในไตรมาสที่ ๔ การส่งออกจะขยายตัวมากขึ้น ๒.๒ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แนวโน้มการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ลดลงร้อยละ ๖ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมไฟฟ้าจะปรับลดลงร้อยละ ๒ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มีการปรับตัวลดลงร้อยละ ๑๐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากตลาดส่งออกหลักยังไม่ฟื้นตัว และมีสัญญาณการชะลอตัวของการนำเข้าส่วนประกอบและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งคาดการณ์ว่าการผลิตเพื่อการส่งออกในอนาคตจะยังไม่เพิ่มขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
26985 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 1/2556 | นร | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามมติคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ตามที่ประธาน กพต. เสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบ จำนวน ๖ เรื่อง ๑.๑.๑ รายงานการปฏิบัติตามนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๕-๒๕๕๗ ตามวัตถุประสงค์ ข้อ ๘ (เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมและเอื้อต่อการพูดคุยในการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้ง และการให้หลักประกันในการเข้ามามีส่วนร่วมของผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกระบวนการเสริมสร้างสันติภาพ) กรณีการพูดคุยกับผู้มีความเห็นต่าง ที่มีประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก ๑.๑.๒ การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายพลเรือนที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๑.๓ โครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลปกครองยะลาและบ้านพักอาศัย ๑.๑.๔ การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๑.๕ การส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนสังคมพหุวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของนักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๑.๖ การขอรับโอนโครงการนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี ๑.๒ เห็นชอบ จำนวน ๕ เรื่อง ๑.๒.๑ การทบทวนสรุปผลการประชุม กพต. ครั้งที่ ๔/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๕ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๒ เรื่อง ได้แก่ การขอขยายระยะเวลาการรับคำขอสินเชื่อโครงการส่งเสริมสินเชื่อผู้ประกอบอาชีพให้บริการรถสาธารณะ ในพื้นที่ ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ออกไป ๑ ปี ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ และการขอสนับสนุนงบประมาณงานระวังป้องกันเพิ่มเติมจากการขยายระยะเวลาการก่อสร้างทางหลวงหมายเลข ๔๑๐ สายยะลา-เบตง ตอนสะพานข้ามอ่างเก็บน้ำบางลาง เป็นเงิน ๔,๐๒๖,๐๐๐ บาท ของกรมทางหลวง ๑.๒.๒ ร่างแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ๑.๒.๓ การส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๒.๔ การเพิ่มกรอบอัตรากำลังพลสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๑.๒.๕ การขอรับจัดสรรงบประมาณเพื่อเสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานนราธิวาส ๒. ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้เป็นไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับโครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ปัตตานี ยะลา และ ๔ อำเภอของจังหวัดสงขลา (อำเภอสะบ้าย้อย เทพา จะนะ นาทวี) ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาอย่างรอบคอบและครอบคลุมข้าราชการทุกประเภท โครงการปรับปรุงหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขการจัดสรรเงินอุดหนุนรายบุคคล โรงเรียนเอกชนประเภทสามัญศึกษา ศาสนาควบคู่สามัญ และประเภทอาชีวศึกษาในเขตพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และโครงการสร้างหอพัก อาคารเรียน อาคารเอนกประสงค์ ให้กระทรวงศึกษาธิการ และ ศอ.บต. ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เป็นธรรม โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ และติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการสนับสนุนสวัสดิการครูและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ ศอ.บต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาอย่างรอบคอบและให้ครอบคลุมข้าราชการทุกคนทุกประเภทที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ ให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเป็นผู้พัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล จังหวัดปัตตานี และรัฐให้การสนับสนุนงบประมาณสำหรับการพัฒนาโครงการดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ในส่วนของโครงการจัดสร้างสนามฟุตซอลเพื่อเยาวชนห่างไกลยาเสพติด ไม่หลงผิดในสิ่งที่ไม่ดี มีพลังสร้างสันติสุขชายแดนใต้ ตามแนวทางการส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนสังคมพหุวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตและอัตลักษณ์ของนักเรียนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว ให้ ศอ.บต. ประสานงานกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการจัดการแข่งขันกีฬาฟุตซอลต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
26986 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2556 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานและค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ) | มท | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครอง เบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๖๖,๕๔๙,๙๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานและค่าตอบแทนในการปฏิบัติหน้าที่ของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบ โดยให้เบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ลักษณะค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
26987 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2556 | ทส | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การปรับปรุงมาตรฐานระดับเสียงรถยนต์ ๑.๑ เห็นชอบให้ปรับปรุงประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดระดับเสียงรถยนต์ ลงวันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ให้เป็นไปตามร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานระดับเสียงของรถยนต์ ตามความเห็นของคณะกรรมการควบคุมมลพิษ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๑.๒ ให้กรมควบคุมมลพิษนำร่างประกาศฯ ที่ปรับแก้ไขตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป และให้กรมการขนส่งทางบกระบุความเร็วรอบของเครื่องยนต์ที่ให้กำลังสูงสุดไว้ในสมุดทะเบียนรถ สำหรับรถยนต์ที่จดทะเบียนใหม่นับจากวันที่ประกาศฯ มีผลใช้บังคับ ๒. แนวทางการนำกลับและส่งกลับของเสียอันตรายที่เคลื่อนย้ายข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย ๒.๑ เห็นชอบแนวทางการนำกลับและส่งกลับของเสียที่เคลื่อนย้ายข้ามแดนอย่างผิดกฎหมาย ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการอนุสัญญาบาเซล ในการประชุมครั้งที่ ๓๖-๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๕ และ ๔๐-๒/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๖ ๒.๒ ให้กรมควบคุมมลพิษนำแนวทางดังกล่าวเผยแพร่ให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการขนส่งสินค้า และผู้สนใจทั่วไป และประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสาธารณะต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบและนำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้รับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๕ ๓.๑ เห็นชอบร่างรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๕ และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปรับปรุงข้อมูลด้านพลังงานในร่างรายงานฯ ให้สมบูรณ์ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไป ๓.๒ ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแจ้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมแบบองค์ร่วม และนำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปใช้เป็นกรอบในการจัดทำรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป ๔. ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๖ ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... ๔.๑ เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม บริเวณทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๖ ในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลวัดเกต ตำบลหนองหอย อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลหนองผึ้ง ตำบลยางเนิ้ง และตำบลสารภี อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ และในพื้นที่บางส่วนในท้องที่ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พ.ศ. .... และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศฯ เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๔.๒ ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมไปพิจารณาดำเนินการ ๕. โครงการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานนราธิวาส ของกรมการบินพลเรือน ๕.๑ เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคม ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการปรับปรุงขยายท่าอากาศยานนราธิวาส ของกรมการบินพลเรือน โดยให้กรมการบินพลเรือนดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ และให้ตรวจสอบข้อมูลในเอกสารให้ถูกต้องครบถ้วน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี ๕.๒ นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ๖. โครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๑๐๕ ตอน ตาก-อ.แม่สอด ของกรมทางหลวง ๖.๑ เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๑๐๕ ตอน ตาก-อ.แม่สอด ของกรมทางหลวง เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยให้กรมทางหลวงดำเนินการตามมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ๖.๒ ให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๗. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่โครงการเหมืองแร่สังกะสี ของบริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) ประทานบัตรที่ ๓๐๗๖๙/๑๕๕๒๕ ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับประทานบัตรที่ ๓๐๗๗๙/๑๕๗๙๗ ตั้งอยู่ที่ตำบลพระธาตุผาแดง อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ๗.๑ เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านเหมืองแร่ และอุตสาหกรรมถลุง หรือแต่งแร่ ซึ่งให้ความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่สังกะสีฯ เพื่อประกอบการพิจารณาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในการอนุญาตให้บริษัท ผาแดงอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าแม่สอด เพื่อการทำเหมืองแร่ โดยให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานฯ อย่างเคร่งครัด และรายงานผลการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดให้กรมป่าไม้และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติทราบปีละ ๑ ครั้ง ๗.๒ ให้กรมป่าไม้นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่โครงการฯ ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ รวมทั้งให้กรมป่าไม้และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่กำกับดูแลให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่โครงการฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงาน ๗.๓ ให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่นำมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ไปกำหนดเป็นเงื่อนไขเพิ่มเติมแนบท้ายใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ และให้ถือเป็นแนวปฏิบัติสำหรับโครงการลักษณะเดียวกันทุกโครงการ ๗.๔ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้ผู้ประกอบกิจการโครงการเหมืองแร่ทุกโครงการดำเนินการตามขั้นตอนการขอต่ออายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยภายในเขตป่าสงวนแห่งชาติล่วงหน้าได้เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๒ ปี ก่อนที่อายุหนังสือขออนุญาตฯ จะสิ้นสุดลง และประสานแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ ๘. โครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากชายแดนไทย-สหภาพพม่า มายังสถานีควบคุมก๊าซที่ BVW 01 ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ที่ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ๘.๑ เห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านโรงไฟฟ้าพลังความร้อน ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกจากชายแดนไทย-สหภาพพม่าฯ เพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี โดยให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ๘.๒ ให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ๙. โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบก นครสวรรค์ (เพื่อขยายโอกาสใช้พลังงานสะอาดและลดมลภาวะในภาคขนส่ง และอุตสาหกรรมเขตภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง) ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดอ่างทอง จังหวัด
|
|||||||||||||||||||||
26988 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2556 | ทส | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๖ เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เหตุการณ์ท่อส่งน้ำมันดิบรั่วไหลในทะเลบริเวณมาบตาพุดจังหวัดระยอง ๑.๑ รับทราบสถานการณ์เหตุการณ์ท่อส่งน้ำมันดิบรั่วไหลในทะเลบริเวณมาบตาพุดจังหวัดระยอง และการดำเนินงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนงานแก้ไขและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด และพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากคราบน้ำมัน ๑.๒ ให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมเจ้าท่า เสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน พ.ศ. ๒๕๔๗ โดยปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมัน รวมทั้งพิจารณาแต่งตั้งเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมควบคุมมลพิษ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการพาณิชย์นาวี พ.ศ. ๒๕๒๑ ๑.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการในส่วนการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบริเวณที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ท่อส่งน้ำมันดิบรั่วไหล ๑.๔ ให้บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) นำแผนการแก้ไขและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาในอนาคต และรับความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. แนวทางและขั้นตอนในการจัดทำและพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ตามมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุมน้ำ ข้อ ๑๐ ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ ๒.๑ เห็นชอบให้มีการปรับปรุงมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ ข้อ ๑๐ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ เป็นดังนี้ “ให้มีการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) สำหรับโครงการหรือกิจการซึ่งต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่ออกตามมาตรา ๔๔ (๓) และมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ เรื่อง การทบทวนการกำหนดประเภทและขนาดโครงการของหน่วยงานของรัฐที่ต้องเสนอรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับป่าอนุรักษ์เพิ่มเติม (๑๓ กันยายน ๒๕๓๗) ที่อยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นแรมซาร์ ไซต์ (Ramsar site) พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติ” และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๒.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทบทวนคำนิยาม (Definition) ของพื้นที่ชุ่มน้ำของประเทศไทยให้เป็นไปตามความมุ่งหมายของอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์การขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติให้มีความชัดเจนเหมาะสมและสอดคล้องกับการดำเนินงานของประเทศ พร้อมทั้งทบทวนสถานภาพและปรับปรุงทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติให้มีความถูกต้องเหมาะสม และนำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา นอกจากนี้ ให้จัดทำแผนที่แสดงขอบเขตและแนวกันชน (Buffer Zone) สำหรับพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติที่ยังไม่มีขอบเขตชัดเจน ๒.๓ เห็นชอบให้ปรับปรุงองค์ประกอบและอำนาจหน้าที่ของคณะอนุกรรมการการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยให้นำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาต่อไป ๒.๔ ให้เร่งรัดการดำเนินการตามมติทุกข้อ เนื่องจากพบว่ามีปัญหาการบูรณะแหล่งน้ำธรรมชาติจากน้ำท่วมใหญ่ ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ จากการใช้งบประมาณ ๑๒๐,๐๐๐ ล้านบาท ๓. การดำเนินงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๕๕ เรื่อง พิจารณาแก้ไขปัญหาอุปสรรคและระยะเวลาการพิจารณาโครงการที่เหมาะสมให้สอดคล้องกับการปฏิบัติตามมาตรา ๖๗ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๓.๑ เห็นชอบหลักการในการแก้ไขประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ลงวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๒ โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางในการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำหรับโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อมทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (ฉบับที่ ๔) และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนประกาศลงในราชกิจจานุเบกษา ๓.๒ เห็นชอบหลักการในการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการประสานงานการให้ความเห็นชอบองค์การอิสระในโครงการหรือกิจกรรมที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรง พ.ศ. ๒๕๕๓ โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานสำนักนายกรัฐมนตรีในการปรับแก้ไขระเบียบดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔. การกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (การผลิต กำจัด หรือปรับแต่งสารกัมมันตรังสี) ๔.๑ เห็นชอบให้ยกเลิกโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ที่ออกตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๓ ลำดับที่ ๖ “การผลิต กำจัด หรือปรับแต่งสารกัมมันตรังสี ทุกขนาด” และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน "การผลิต มีไว้ครอบครอง หรือใช้ซึ่งพลังงานปรมาณูจากเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูที่มีกำลังตั้งแต่ ๒ เมกะวัตต์ขึ้นไป” ๔.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดให้การผลิต มีไว้ครอบครอง หรือใช้ซึ่งพลังงานปรมาณูจากเครื่องปฏิกรณ์ปรมาณูที่มีกำลังตั้งแต่ ๒ เมกะวัตต์ขึ้นไป เป็นโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านสุขภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการออกประกาศและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๕. การกำหนดประเภทโครงการหรือกิจการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ (อุตสาหกรรมผลิตถ่านโค้ก ทุกขนาด) ๕.๑ เห็นชอบการกำหนดให้อุตสาหกรรมผลิตถ่านโค้กทุกขนาดเป็นโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ ๕.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนดประเภทและขนาดของอุตสาหกรรมผลิตถ่านโค้ก ทุกขนาด เป็นโครงการหรือกิจการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนอย่างรุนแรงทั้งทางด้านคุณภาพสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพ และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการออกประกาศและประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๕.๓ เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมปรับปรุงโครงสร้างขององค์กร และเพิ่มอัตรากำลังของเจ้าหน้าที่สำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถรองรับงานด้านการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และด้านการพัฒนาระบบการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการให้การสนับสนุนการดำเนินงานดังกล่าวต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
26989 | ความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "นโยบายการบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ" | สสป | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่อง "นโยบายการบริหารจัดการน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ" และรับทราบความเห็น ผลการพิจารณา และผลการดำเนินการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับระทรวงกลาโหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน กรมพัฒนาที่ดิน) กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนักงบประมาณ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ สำนักงานงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยในส่วนความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. สร้างความสมบูรณ์ในระบบนิเวศลุ่มน้ำ ๑.๑ จัดให้มีพื้นที่ป่าไม้ในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของพื้นที่ทั้งหมดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ๑.๒ ปรับปรุง ฟื้นฟู และอนุรักษ์พื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ประกาศเขตไว้แล้ว ๓๕๐ ป่าในเนื้อที่ ๓๔.๒๗ ล้านไร่ มีสัดส่วนร้อยละ ๓๒.๔๘ ๑.๓ อนุรักษ์พื้นที่ป่าต้นน้ำที่เหลืออยู่ ๘.๕๕ ล้านไร่ ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน ๑.๔ กำหนดมาตรการการป้องกันและแก้ไขการชะล้างหน้าดินในพื้นที่เสี่ยงระดับรุนแรง ๑๗.๗๘ ล้านไร่ ๑.๕ กำหนดมาตรการการควบคุมและป้องกันพื้นที่แพร่กระจายดินเค็ม ๑๗.๘๐ ล้านไร่ ๑.๖ สงวนรักษาพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม เพื่อปรับปรุงให้คืนสภาพเป็นป่าอนุรักษ์ และยกเลิกนโยบายการนำป่าเสื่อโทรมไปใช้ประโยชน์เพื่อการอื่น รวมทั้งการนำไปจัดสรรให้กับประชาชน ๑.๗ ปรับปรุง ฟื้นฟู และอนุรักษ์ทางน้ำและแหล่งน้ำ รวมทั้งพื้นที่ชุ่มน้ำให้อยู่ในสภาพดี ๑.๘ กำหนดกรอบวงเงินงบประมาณ และสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีระบบบำบัดน้ำเสียรวมและระบบจัดการขยะที่ได้มาตรฐานให้ครบทุกท้องถิ่น ๑.๙ จัดให้มีระบบตรวจสอบและแสดงผลคุณภาพน้ำในลำน้ำที่ผ่านแหล่งชุมชนให้ประชาชนทราบสถานการณ์ ๒. สร้างความสมดุลน้ำ ๒.๑ จัดหาน้ำและพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนที่ขาดแคลนอยู่ในปัจจุบัน ๒.๒ นำโครงการพัฒนาลุ่มน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นต้นแบบการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก และโครงการผันน้ำข้ามลุ่มน้ำใกล้เคียง ๒.๓ จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติการฝนหลวงให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ๒.๔ เร่งดำเนินการพัฒนาระบบชลประทานในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม ในส่วนที่ยังไม่ดำเนินการอีก ๑๖.๖๐ ล้านไร่ให้เสร็จ ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ๒.๕ จัดสรรงบประมาณสนับสนุนโครงการขุดสระน้ำในไร่นาให้ครอบคลุมพื้นที่นอกเขตชลประทานตามความต้องการของประชาชน ๒.๖ พัฒนาระบบการนำน้ำใต้ดินที่สามารถใช้ในการเพาะปลูกขึ้นมาใช้ ๒.๗ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนสามารถบริหารจัดการในระดับครัวเรือนได้ โดยน้อมนำโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่มาเป็นแบบอย่างในการดำเนินการ ๒.๘ จัดให้มีแหล่งน้ำประจำหมู่บ้านและชุมชน โดยการขุดสระน้ำใหม่ หรือขุดลอกแหล่งน้ำเดิมที่เสื่อมโทรมให้กลับมาใช้ได้ตามปกติ ๓. สร้างเอกภาพการบริหารจัดการ ให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการบริหารทรัพยากรน้ำแบบบูรณาการ เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดประสิทธิภาพ และบังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ยั่งยืน ๓.๑ ปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยปรับปรุงโครงสร้างองค์กรบริหารจัดการ ทรัพยากรน้ำ ให้มีอำนาจหน้าที่ในการประสานความร่วมมือได้อย่างเป็นเอกภาพ เพิ่มหมวดความร่วมมือ ให้ส่วนราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับงานบริหารทรัพยากรน้ำ ต้องให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานกับคณะกรรมการลุ่มน้ำและสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการลุ่มน้ำอย่างเคร่งครัด และเพิ่มหมวดงบประมาณ ให้สำนักงบประมาณกำหนดกรอบวงเงินตามแผนบริหารทรัพยากรน้ำของลุ่มน้ำหลัก และให้ส่วนราชการที่เสนองบประมาณที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการลุ่มน้ำก่อน ๓.๒ บูรณาการบริหารจัดการโดยใช้วิธีการบริหารจัดการที่สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริดำเนินการ เป็นแนวทางการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้อง ๓.๓ เร่งรัดการออกพระราชบัญญัติการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พ.ศ. .... ให้เสร็จภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๓.๔ จัดทำแผนแม่บทเพื่อใช้ในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้เป็นแนวทางดำเนินการไปสู่การปฏิบัติอย่างบูรณาการ ๓.๕ บริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นระบบลุ่มน้ำสาขา เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและระบบนิเวศ ๓.๖ จัดตั้งองค์กรบริหารลุ่มน้ำในระดับท้องถิ่นและชุมชน ให้ท้องถิ่นและชุมชนสามารถบริหารทรัพยากรน้ำในพื้นที่ของตนเองได้ และรัฐต้องให้การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างจริงจังทั้งด้านความรู้ ประสบการณ์ และงบประมาณ ๓.๗ พัฒนาระบบฐานข้อมูลและจัดตั้งศูนย์กลางข้อมูลทรัพยากรน้ำ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ดำเนินการได้อย่างเป็นเอกภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ และทันต่อเหตุการณ์ปัจจุบัน ๓.๘ สนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก้าวทันการพัฒนาเทคโนโลยีข้อมูลภูมิสารสนเทศอย่างต่อเนื่อง ๓.๙ ปลูกจิตสำนึกและให้ความรู้กับประชาชนในการใช้น้ำอย่างประหยัด คุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดอย่างต่อเนื่อง
|
|||||||||||||||||||||
26990 | การให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาออกจากราชการ กรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล | ศธ | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎ ก.พ.อ. ว่าด้วยการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาออกจากราชการ กรณีไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสั่งให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งไม่สามารถปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลออกจากราชการ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
26991 | ร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเสริมสร้างความเข้มแข็งมาตรการการคุ้มครองทางสังคม | พม | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยเรื่องการเสริมสร้างความเข้มแข็งมาตรการการคุ้มครองทางสังคม (Zero Draft ASEAN Declaration on Strengthening Social Protection) ฉบับที่ได้รับการรับรองโดยที่ประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสวัสดิการสังคมและการพัฒนา ครั้งที่ ๘ (8th ASEAN Ministerial Meeting for Social Welfare and Social Development : 8th AMMSWD) เมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๖ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเพื่อส่งเสริมและผลักดันนโยบายหรือมาตรการด้านการคุ้มครองทางสังคมที่มีในแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียน ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26992 | การใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการในบันทึกความเข้าใจเรื่อง Memorandum of Understanding for Collaboration in the Deployment and Exploitation of the Worldwide LHC Computing Grid (เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาและใช้งาน) | วท | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและให้ใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการสำหรับการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากบันทึกความเข้าใจเรื่อง Memorandum of Understanding for Collaboration in the Deployment and Exploitation of the Worldwide LHC Computing Grid (เพื่อความร่วมมือในการพัฒนาและใช้งาน) ระหว่างสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีกับองค์กรเพื่อการวิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป (European Organization for Nuclear Research : CERN) ได้ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอโดยบันทึกความเข้าใจฯ ฉบับนี้เป็นการลงนามระหว่าง CERN ในฐานะ “ห้องปฏิบัติการเจ้าภาพ” (Host Laboratory) ในการดำเนินงานของเครือข่ายกริดคอมพิวเตอร์ (Worldwide LHC Computing Grid : WLCG) ฝ่ายหนึ่ง กับ สวทช. ร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในนามของภาคีโครงสร้างพื้นฐานระดับชาติด้าน e-Science (National e-Science Infrastructure Consortium) ของประเทศไทย ในฐานะ “ผู้ให้บริการ” อีกฝ่ายหนึ่ง โดยมีระยะเวลาความร่วมมือในเบื้องต้นคือ จากวันที่ลงนาม จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๖๐ และขยายระยะเวลาความร่วมมือโดยอัตโนมัติครั้งละ ๕ ปี จนสิ้นสุดการดำเนินงานของเครื่องเร่งอนุภาค LHC โดยในส่วนของประเทศไทยในฐานะผู้ให้บริการจะทำหน้าที่ในการให้บริการระบบจัดเก็บและให้บริการข้อมูล รวมทั้งหน่วยประมวลผลแก่เครือข่าย WLCG ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับการใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการนั้น จะเป็นการเปิดโอกาสให้เอกชนมีช่องทางในการฟ้องร้องรัฐได้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงควรดำเนินการจัดทำหนังสือสัญญาที่มีการใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการอย่างรัดกุม ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
26993 | กรอบการเจรจาความตกลงการค้าบริการอาเซียน | พณ | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบกรอบการเจรจาความตกลงการค้าบริการอาเซียน เพื่อเป็นการกำหนดกฎเกณฑ์และกติกาด้านการค้าบริการระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อใช้แทนที่กรอบความตกลงว่าด้วยการค้าบริการอาเซียน (ASEAN Framework Agreement on Services : AFAS) โดยประเทศไทยจะร่วมกับสมาชิกอาเซียน ๑.๑.๑ กำหนดกฎและกติกาในความตกลง โดยอ้างอิงจากความตกลงทั่วไป ว่าด้วยการค้าบริการ (General Agreement on Trade in Services : GATS) ภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) และความตกลงอื่น ๆ ที่ประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นภาคี ๑.๑.๒ ความตกลงมีหลักการสำคัญ ๆ เช่น หลักการไม่เลือกปฏิบัติ (Non-discrimination Principle) การประติบัติเยี่ยงคนชาติ (National treatment) การเข้าสู่ตลาดการค้าบริการ (Market Access) และการจัดทำข้อผูกพันการค้าบริการ (Scheduling) เป็นต้น ๑.๑.๓ เพื่อรักษาและปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยภายใต้ความตกลง ประเทศไทยจะเสนอให้มีแนวทางในการรักษาสิทธิของประเทศไทยในการใช้มาตรการที่จำเป็น เพื่อรักษาเสถียรภาพทางระบบการเงิน การธนาคาร การเคลื่อนย้ายเงินทุน อัตราแลกเปลี่ยน และสิทธิในการใช้มาตรการเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่อาจกระทบต่อดุลการชำระเงิน รวมทั้งความมั่นคง วัฒนธรรม ประเพณี และผลประโยชน์ต่อผู้บริโภคภายในประเทศ ๑.๒ เสนอกรอบการเจรจาฯ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการหารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชนโดยให้ความสำคัญกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการเจรจาภายใต้ความตกลงฯ ในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีระยะเวลาในการปรับตัวของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ความพร้อมของกฎหมายภายในประเทศ และการกำหนดมาตรการรองรับผลกระทบ เพื่อให้กรอบการเจรจาฯ สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการภาคการค้าบริการ และเกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวมกับประเทศอย่างแท้จริง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26994 | ขออนุมัติดำเนินการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่องไอซีดีที่ลาดกระบังของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการของโครงการสรรหาเอกชนเพื่อรับสัมปทานเป็นผู้ประกอบการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง (ไอซีดี) ที่ลาดกระบังของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการต่อไปตามหมวด ๒ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ จนกว่าจะแล้วเสร็จ ส่วนการดำเนินการในขั้นตอนต่อไปจะต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ทั้งนี้ ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๖๙ (๑) แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และให้ รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และจัดให้มีมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย สำหรับการคัดเลือกเอกชนเพื่อรับสัมปทานไอซีดีลาดกระบังโดยลดจำนวนผู้ประกอบการให้เหลือน้อยราย ควรมีการศึกษาวิเคราะห์เพิ่มเติมโดยเฉพาะประเด็นจำนวนผู้ประกอบการที่เหมาะสมเพื่อให้เกิดความรอบคอบและเกิดการแข่งขันของผู้ประกอบการที่มีประสิทธิภาพ และสามารถตอบสนองต่อประโยชน์สูงสุดของผู้ใช้บริการและผลประโยชน์ของภาครัฐในระยะยาว ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. คณะรัฐมนตรีเห็นว่า การพัฒนาระบบการขนส่งทางรางและการบริหารจัดการการขนส่งสินค้าและตู้สินค้าให้ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และครบวงจร จะช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางและการขนส่งได้มาก และจะทำให้ประชาชนและผู้ประกอบการเลือกใช้บริการจากระบบการขนส่งทางรางมากยิ่งขึ้น จึงขอให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นดังกล่าวไปเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||
26995 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันพลังงานนิวเคลียร์แห่งสาธารณรัฐเปรูกับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) แห่งราชอาณาจักรไทย | วท | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างสถาบันพลังงานนิวเคลียร์แห่งสาธารณรัฐเปรู [The Peruvian Institute of Nuclear Energy (IPEN)] กับสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) แห่งราชอาณาจักรไทย ๑.๒ อนุมัติให้ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์และนโยบายของราชอาณาจักรไทย ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หารือร่วมกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานอัยการสูงสุดเกี่ยวกับการระบุเงื่อนไขในการจัดสรรสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาในหนังสือข้อตกลง (สัญญา) ที่จะจัดทำขึ้น เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย และในการดำเนินกิจกรรมภายใต้บันทึกความตกลงฯ ให้ดำเนินการอย่างรอบคอบและระมัดระวังเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น รวมทั้งให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับการแก้ไขสารัตถะของร่างบันทึกความเข้าใจฯ และข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับคู่ฉบับภาษาไทย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
26996 | โครงการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังในไตรมาสที่ 2/2556 ตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี 2555/56 | พน | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินโครงการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังในไตรมาสที่ ๒/๒๕๕๖ ตามโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลัง ปี ๒๕๕๕/๕๖ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินโครงการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังในไตรมาสที่ ๒/๒๕๕๖ ปรากฏว่ามีสัดส่วนการใช้เอทานอลจากกากน้ำตาล : มันสำปะหลัง เท่ากับ ๗๓.๘ : ๒๖.๒ คิดเป็นปริมาณการใช้เอทานอลจากกากน้ำตาล : มันสำปะหลัง เท่ากับ ๑๗๔,๔๖๗,๒๘๐ ลิตร : ๖๒,๐๒๔,๓๒๐ ลิตร คิดเป็นปริมาณหัวมันสด จำนวน ๔๐๘,๘๘๓ ตัน ๒. สรุปผลการดำเนินโครงการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังในไตรมาสที่ ๑/๒๕๕๖ และไตรมาสที่ ๒/๒๕๕๖ ปรากฏว่ามีสัดส่วนการใช้เอทานอลจากกากน้ำตาล : มันสำปะหลังได้เพิ่มขึ้นจาก ๗๗.๕ : ๒๒.๕ เป็น ๗๓.๘ : ๒๖.๒ รวมเป็นสัดส่วนเฉลี่ยทั้ง ๒ ไตรมาส เท่ากับ ๗๕.๕ : ๒๔.๕ คิดเป็นปริมาณเอทานอลจากกากน้ำตาล : มันสำปะหลัง เท่ากับ ๓๓๒,๑๘๘,๗๑๐ ลิตร : ๑๐๗,๗๔๗,๕๖๐ ลิตร หรือคิดเป็นการใช้หัวมันสดสำหรับการผลิตเอทานอล รวมทั้งสิ้นจำนวน ๖๙๙,๐๐๖ ตัน ทั้งนี้ คาดว่าในปี ๒๕๕๖ จะมีการใช้หัวมันสดผลิตเอทานอลประมาณ ๑.๙ ล้านตัน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย ๑.๖ ล้านตัน เนื่องจากในปี ๒๕๕๖ คาดว่าจะมีการใช้เอทานอลรวมเฉลี่ย ๒.๖ ล้านลิตรต่อวัน สูงกว่าเป้าหมายการใช้เอทานอล ๒ ล้านลิตรต่อวัน คิดเป็นร้อยละ ๓๐ ๓. ปัญหา/อุปสรรคในการดำเนินโครงการฯ บริษัท อี85 จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังหยุดการผลิตเอทานอลในเดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๕๖ เพื่อปรับปรุงระบบบ่อบำบัดตามคำสั่งของสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี รวมทั้งผู้ผลิตเอทานอลบางรายเป็นผู้ผลิตรายใหม่เพิ่งเริ่มผลิตเอทานอลเชิงพาณิชย์ทำให้เดินเครื่องได้ไม่เต็มกำลังการผลิต และผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. ๒๕๔๓ บางราย ไม่สามารถซื้อเอทานอลจากมันสำปะหลังได้ตามสัดส่วน สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหา กระทรวงพลังงาน โดยกรมธุรกิจพลังงานได้ประชุมร่วมกับผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา ๗ เพื่อขอความร่วมมือให้รับซื้อเอทานอลตามสัดส่วนเอทานอลจากกากน้ำตาล : มันสำปะหลัง ๖๒ : ๓๘
|
|||||||||||||||||||||
26997 | ขออนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงคมนาคม) (นายบุญชัย ศรีธาราธิคุณ) | คค | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายบุญชัย ศรีธาราธิคุณ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา (ด้านควบคุมการก่อสร้าง) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมทางหลวง กระทรวงคมนาคม ตั้งแต่วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๖ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
26998 | ร่างเอกสารที่จะมีการรับรองหรือลงนามระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 23 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กต | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารซึ่งจะมีการรับรองหรือลงนามระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๓ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประเทศบรูไนดารุสซาลามจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ในระหว่างวันที่ ๙-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๖ จำนวน ๕ ฉบับ และหากมีความจำเป็นต้องแก้ไขร่างเอกสารที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก ดังนี้ ๑.๑.๑ ร่างปฏิญญาทางการเมืองว่าด้วยวิสัยทัศน์อาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ (Draft Political Declaration on ASEAN’s Post-2015 Vision) ๑.๑.๒ ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ ๑๖ ในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปี ของความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อาเซียน-จีน (Draft Joint Statement on Commemoration of the 10th Anniversary of ASEAN-China Strategic Partnership) ๑.๑.๓ ร่างปฏิญญาของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๘ ว่าด้วยความมั่นคงด้านอาหาร (Draft Declaration of the 8th East Asia Summit on Food Security) ๑.๑.๔ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนาลันทา (Draft Memorandum of Understanding on the Establishment of Nalanda University) ๑.๑.๕ ขอบเขตอำนาจหน้าที่ของศูนย์ทุ่นระเบิดอาเซียน (Terms of Reference of the ASEAN Regional Mine Action Centre-ARMAC) ๑.๒ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองหรือลงนามเอกสารฯ ดังกล่าว ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับร่างปฏิญญาทางการเมืองว่าด้วยวิสัยทัศน์อาเซียนภายหลังปี ๒๕๕๘ ควรให้ความสำคัญกับการศึกษา การลงทุนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การอำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงโอกาสในการพัฒนาด้านต่าง ๆ อาทิ การศึกษา การเข้าถึงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเชิงประยุกต์ และเสริมสร้างทักษะในการประกอบการ ส่วนร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ครั้งที่ ๑๖ ในโอกาสครบรอบ ๑๐ ปี ของความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์อาเซียน-จีน ควรเพิ่มเติมประเด็นความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนาในสาขาต่าง ๆ การพัฒนาบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อร่วมกันพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของอาเซียน-จีน และร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งมหาวิทยาลัยนาลันทา ควรพิจารณาว่าการสนับสนุนเงินทุนจัดตั้งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทยอย่างไร และประเทศไทยสามารถพัฒนาความสัมพันธ์เพื่อเชื่อมโยงศูนย์ความเป็นเลิศของประเทศภาคีได้อย่างไร ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
26999 | ขออนุมัติการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการไตรภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี | กต | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการไตรภาคีระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐชิลี (Memorandum of Understanding for Trilateral Technical Cooperation in International Development between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the Republic of Chile) โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นเอกสารกำหนดแนวทางความร่วมมือแบบหุ้นส่วนระหว่างสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศกับหน่วยงานความร่วมมือระหว่างประเทศของชิลี (The Chilean International Cooperation Agency : AGCI) ในสาขาที่แต่ละฝ่ายให้ความสำคัญและเป็นความสนใจร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเป็นการถ่ายทอดความรู้ให้ประเทศที่สามซึ่งเป็นประเทศผู้รับจะเริ่มจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และลาตินอเมริกาที่ต้องการพัฒนาประเทศในสาขาที่ไทยและชิลีมีศักยภาพ เช่น เกษตร สาธารณสุข และขยายความร่วมมือไตรภาคีไปสู่ประเทศในภูมิภาคอื่น ๆ ต่อไป ๒. อนุมัติให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ๓. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างบันทึกความเข้าใจฯ ในส่วนที่ไม่ใช่เนื้อหาสาระสำคัญของบันทึกความเข้าใจฯ ให้สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง |
|||||||||||||||||||||
27000 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการการเช่ารถยนต์ (สำนักพระราชวัง) | พว | 01/10/2556 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักพระราชวังก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๑ ตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๒๓ วรรคท้าย สำหรับการเช่ารถยนต์ จำนวน ๑๑๐ คัน ในกรอบวงเงิน ๑๐๘,๑๓๒,๗๗๔ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ไปพลางก่อน งบดำเนินงาน ค่าตอบแทน ใช้สอยและวัสดุจำนวน ๒๑,๖๒๖,๕๕๕ บาท ส่วนที่เหลือให้ใช้งบประมาณปีต่อไป สำหรับอัตราการเช่ารถยนต์ที่เกินกว่าที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้นั้น ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) พิจารณา ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๐ (เรื่อง การปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง แนวทางปฏิบัติในการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการ) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....