ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1254 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 25061 - 25080 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25061 | ขอนำเสนอวีดีทัศน์สรุปผลงานด้านต่างประเทศของกระทรวงวัฒธรรมในการประชุมคณะรัฐมนตรี | วธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสรุปผลงานด้านต่างประเทศของกระทรวงวัฒนธรรม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมนำเสนอวีดิทัศน์สรุปผลงานด้านต่างประเทศของกระทรวงวัฒนธรรม ช่วงระหว่างที่ ๑๕ พฤศจิกายน-๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยกระทรวงวัฒนธรรมมีนโยบายในการใช้มิติทางวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์กับนานาประเทศและเผยแพร่ภาพลักษณ์ประเทศไทย จึงได้มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ ๑.๑ กิจกรรมวัฒนธรรมสัญจรสำหรับคณะทูตานุทูต ณ จังหวัดน่าน ระหว่างวันที่ ๑๕-๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ โดยมีคณะทูตานุทูตพร้อมคู่สมรสจาก ๒๒ ประเทศ รวม ๓๙ คน เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจในเรื่องแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม แหล่งศิลปหัตถกรรมและภูมิปัญญาพื้นบ้านของไทย ตลอดจนเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ด้านบริหารจัดการแหล่งมรดกวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน ๑.๒ การเข้าพบและหารือความร่วมมือทวิภาคีทางด้านวัฒนธรรมกับเอกอัครราชทูตต่างประเทศ ได้แก่ เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรโมร็อกโกประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำระเทศไทย และเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทย ๑.๓ การลงนามในแผนปฏิบัติการว่าด้วยการแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๕๙ ในระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๒๗-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ในการนี้จะได้มีการเตรียมการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองครบรอบ ๔๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-เวียดนาม ในปี ๒๕๕๙ โดยทั้งสองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนการจัดงานเทศกาลวัฒนธรรม คือ เทศกาลวัฒนธรรมไทยในเวียดนาม (Thai Cultural Days in Viet Nam) และเทศกาลวัฒนธรรมเวียดนามในไทย (Viet Nam Cultural Day in Thailand) ๑.๔ การรับรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเมียนมาเยือนไทย ระหว่างวันที่ ๓-๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ซึ่งได้มีการเจรจาหารือทวิภาคีเพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางด้านวัฒนธรรมระหว่างกันในด้านต่าง ๆ ๑.๕ การเชิญคณะนักแสดงจากกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศคู่เจรจาอาเซียนเข้าร่วมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน-๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงเทพมหานคร จังหวัดเพชรบุรี และจังหวัดขอนแก่น โดยมีคณะนักแสดงจาก ๙ ประเทศ เข้าร่วมงาน ได้แก่ บรูไนดารุสซาลาม กัมพูชา ลาว เมียนมา มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม จีน และอินเดีย ๑.๖ การจัดกิจกรรมเสริมสร้างภาพลักษณ์ไทยและนำความเป็นไทยสู่สากล ณ ประเทศเอธิโอเปีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ระหว่างวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน-๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้เดินทางเยือนสาธารณรัฐอียิปต์ ระหว่างวันที่ ๔-๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เพื่อเป็นประธานการจัดการแสดงนาฏศิลป์ ดนตรีไทย และสาธิตงานศิลปหัตถกรรมไทย ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงไคโร จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบ ๖๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ๒. มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชนในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรมไทยและสถานที่ท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการ “เมืองต้องห้าม...พลาด” ทั้งนี้ เพื่อสร้างความรับรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวดังกล่าวว่า สถานที่ท่องเที่ยวนั้นมีอะไรที่น่าสนใจ มีความสำคัญอย่างไร นักท่องเที่ยวจะได้เกิดมุมมองและประสบการณ์ใหม่ รวมทั้งได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น ทั้งนี้ เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของไทยเพื่อเชื่อมโยงไปสู่การท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคอาเซียนต่อไปด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงวัฒนธรรมประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งภาคเอกชนในการเตรียมการจัดงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบ ๖๕ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา และการจัดงานเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบ ๔๐ ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามความเหมาะสมต่อไป โดยให้คำนึงถึงสถานที่ในการจัดงานดังกล่าวให้มีความเหมาะสมและเพียงพอในการรองรับผู้เข้าร่วมงานด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25062 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. มอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพิจารณาร่างกฎหมายในชั้นกรรมาธิการของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยเฉพาะร่างกฎหมายเกี่ยวกับการค้า การลงทุน การลดความเหลื่อมล้ำของสังคมซึ่งอาจมีประเด็นที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้กฎหมายเป็นธรรมและเกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย จึงเห็นควรให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้ที่เกี่ยวข้องประกอบการพิจารณาเพิ่มเติมให้ได้ข้อยุติ โดยให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) ในฐานะประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก่อนที่จะพิจารณาลงมติในวาระที่สาม ๒. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๘ ดังนี้ ๒.๑ ให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการจัดสรรที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ๒.๒ เห็นชอบรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๙ คน และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจัดทำสรุปข้อมูลผู้ได้รับการเสนอชื่อรายบุคคลเพิ่มเติม เพื่อขอรับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ๓. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และมอบหมายให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รับข้อสังเกตดังกล่าวประสานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25063 | เสนอรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่งเห็นชอบรายชื่อบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน จำนวน ๙ คน และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน โดยให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินจัดทำสรุปข้อมูลผู้ได้รับการเสนอชื่อรายบุคคลเพิ่มเติมเพื่อขอรับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25064 | การประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 1/2558 | นร | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติได้กำหนดให้มีการประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ ในวันอังคารที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๕๗ เวลา ๐๙.๐๐ -๑๐.๓๐ น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25065 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดี) | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับเป็นฉบับเดียวกัน ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดี) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ลักษณะ ๒ การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยส่งหนังสือเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่เห็นว่า กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยกำหนดบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองให้ผู้ซื้อห้องชุดจากการขายทอดตลาดไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยให้นิติบุคคลอาคารชุดต้องดำเนินการเพื่อขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิเหนือห้องชุดดังกล่าวจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด อาจเป็นภาระให้แก่นิติบุคคลอาคารชุด และไม่อาจแก้ไขปัญหาทรัพย์สินประเภทห้องชุดซึ่งค้างดำเนินการอยู่ในชั้นบังคับคดีเป็นจำนวนมากได้ รวมทั้งไม่ได้สร้างความเป็นธรรมอย่างแท้จริง สมควรมีมาตรการอื่นเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้เชิญกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมชี้แจงแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25066 | การสมัครเป็นสมาชิกสามัญขององค์การระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายชั่งตวงวัด | พณ | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์แจ้งยืนยันว่า ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกสามัญขององค์การระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายชั่งตวงวัด (International Organization of Legal Metrology : OIML) ประเทศไทยได้ขอสงวนสิทธิ์แล้วว่า จะไม่ยอมรับสถานภาพทางกฎหมายและให้เอกสิทธิ์แก่สำนักงานชั่งตวงวัดระหว่างประเทศและเจ้าหน้าที่ของสำนักงานฯ ตามข้อ ๒๓ ของอนุสัญญาก่อตั้งองค์การชั่งตวงวัดระหว่างประเทศ ๒. เห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิกสามัญของ OIML และมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายในเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินงาน โดยให้กระทรวงพาณิชย์ปรับเปลี่ยนชื่อภาษาไทยของ International Organization of Legal Metrology จาก “องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยกฎหมายชั่งตวงวัด” เป็น “องค์การระหว่างประเทศว่าด้วยมาตรวิทยาเชิงกฎหมาย” ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) เสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมเป็นสมาชิกสามัญของ OIML ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ กรมการค้าภายในได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อการดังกล่าวไว้แล้ว จำนวน ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเพิ่มเติมภายหลังจากการเข้าร่วมเป็นสมาชิกสามัญของ OIML ให้กรมการค้าภายในเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพัฒนาและปรับปรุงมาตรฐานและงานด้านชั่งตวงวัดภายในประเทศให้สอดคล้องตามหลักเกณฑ์การเข้าร่วมเป็นสมาชิกสามัญของ OIML พร้อมทั้งพิจารณากฎระเบียบภายในประเทศที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามอนุสัญญาการก่อตั้งองค์การชั่งตวงวัดระหว่างประเทศ ตลอดจนเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชน ผู้ประกอบการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อให้รับทราบถึงสถานะ ข้อกำหนด และมาตรฐานชั่งตวงวัดตามกฎหมายชั่งตวงวัดของ OIML เพื่อให้การกำกับดูแลและการพัฒนางานด้านชั่งตวงวัดภายในประเทศเป็นไปตามมาตรฐานสากล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามขั้นตอนการสมัครเข้าเป็นสมาชิกสามัญของ OIML ต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25067 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ลักษณะ 2 การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง) | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รวมร่างพระราชบัญญัติทั้ง ๒ ฉบับเป็นฉบับเดียวกัน ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับคดี) ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ลักษณะ ๒ การบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง) ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยส่งหนังสือเสนอความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่เห็นว่า กรณีการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง โดยกำหนดบทบัญญัติเพื่อคุ้มครองให้ผู้ซื้อห้องชุดจากการขายทอดตลาดไม่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนกลางก่อนการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ โดยให้นิติบุคคลอาคารชุดต้องดำเนินการเพื่อขอรับชำระหนี้บุริมสิทธิเหนือห้องชุดดังกล่าวจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาด อาจเป็นภาระให้แก่นิติบุคคลอาคารชุด และไม่อาจแก้ไขปัญหาทรัพย์สินประเภทห้องชุดซึ่งค้างดำเนินการอยู่ในชั้นบังคับคดีเป็นจำนวนมากได้ รวมทั้งไม่ได้สร้างความเป็นธรรมอย่างแท้จริง สมควรมีมาตรการอื่นเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ไปประกอบการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. ให้เชิญกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วมชี้แจงแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25068 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 4 | กต | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๔ [4th Mekong-Republic of Korea (ROK) Foreign Ministers’ Meeting] ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี โดยที่ประชุมฯ ได้รับรองร่างถ้อยแถลงประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ ๔ และแผนปฏิบัติการความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี ปี ๒๕๕๗-๒๕๖๐ (Mekong-ROK Plan of Action 2014-2017) โดยถ้อยแถลงประธานร่วมการประชุมฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการทบทวนและทิศทางในอนาคตของความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี การส่งเสริมความร่วมมือสำหรับประเด็นในระดับภูมิภาคและระดับโลก และการประชุมลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี สำหรับแผนปฏิบัติการความร่วมมือฯ มีสาระสำคัญระบุถึงเป้าหมายและโครงการความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกใน ๖ สาขา ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศ การพัฒนาที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทรัพยากรน้ำ การเกษตรและการพัฒนาชนบท และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยการปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการความร่วมมือฯ จะได้รับการทบทวนอย่างสม่ำเสมอในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ และการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี และปรับปรุงให้ทันสมัยเมื่อจำเป็นเพื่อให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปของความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง และความต้องการของประเทศลุ่มน้ำโขงอยู่เสมอ ๑.๒ มอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามตารางติดตามผลการประชุมฯ ได้แก่ ๑.๒.๑ ติดตามผลการดำเนินงานของโครงการศึกษาเพื่อพัฒนาโลจิสติกส์ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งตอนใต้ระหว่างไทย-กัมพูชา-เวียดนาม รวมทั้งโครงการจัดตั้ง Mekong Transportation Institute (Phase I) และเสนอโครงการในสาขานี้ โดยเน้นโครงการในลักษณะไตรภาคีระหว่างไทย-สาธารณรัฐเกาหลี-และประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ๑.๒.๒ เสนอโครงการในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อสนับสนุนประเทศสมาชิกลุ่มน้ำโขงให้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีฯ ในภาครัฐและภาคเอกชน ๑.๒.๓ ติดตามผลการดำเนินงานโครงการบุกเบิก ฟื้นฟู และบูรณะระบบนิเวศป่าไม้ที่เสื่อมโทรม ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือด้านป่าไม้ระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี และเสนอโครงการในสาขา Green Growth ที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ภาคการผลิต และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยเน้นโครงการในลักษณะไตรภาคีระหว่างไทย-สาธารณรัฐเกาหลี-และประเทศ CLMV ๑.๒.๔ ร่วมดำเนินโครงการเกี่ยวกับการบริหารจัดการอุทกภัย การชลประทาน และการบริหารทรัพยากรน้ำอย่างบูรณาการในแม่น้ำโขง ๑.๒.๕ ดำเนินการโครงการอบรมครบวงจรเพื่อเพิ่มผลผลิตข้าวในประเทศลุ่มน้ำโขง ๑.๒.๖ ดำเนินงานและติดตามผลการฝึกอบรมบุคลากรในประเทศลุ่มน้ำโขงภายใต้โครงการ Freight and Transport Association (FRETA) Certified Logistics Master และโครงการ Promoting Regional Agriculture Value Chains on the GMS Southern Economic Corridor ๑.๒.๗ ร่วมมือในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระดับประชาชนต่อประชาชน ๑.๒.๘ ประสานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย เข้าร่วมประชุม Mekong-ROK Business Forum ครั้งที่ ๓ ที่กัมพูชา ในปี ๒๕๕๘ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการความร่วมมือฯ ควรคำนึงถึงประเด็นการมีส่วนร่วมของประชาชนหรือชุมชนท้องถิ่น และการสื่อสารข้อมูลเพื่อสร้างความเข้าใจต่อชุมชน และในหัวข้อการเกษตรและการพัฒนาพื้นที่ชนบท ควรเพิ่มเติมเรื่องของการส่งเสริมเกษตรกรรมที่ปลอดการใช้สารเคมีในบริเวณพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง นอกจากนี้ ข้อเสนอของไทยจะดำเนินโครงการอบรมครบวงจรเกี่ยวกับการเพิ่มผลผลิตข้าวในร่างแผนปฏิบัติการความร่วมมือฯ ควรเน้นความสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืนทางด้านการจัดการน้ำไปพร้อมกันด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25069 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการคมนาคมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงหน่วยงานที่ได้รับยกเว้นภาษีประจำปี) | สว | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการคมนาคมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ปรับปรุงหน่วยงานที่ได้รับการยกเว้นภาษีประจำปี) ว่า ในกรณีการเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ โดยมีหลักการเป็นการยกเว้นการขออนุญาตประกอบการขนส่งส่วนบุคคลและยกเว้นภาษีรถประจำปีให้แก่วัด มัสยิด และมิซซัง นั้น ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบกได้เสนอปรับปรุงพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยรวมเป็นกฎหมายฉบับเดียว ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาสมควรที่กรมการขนส่งทางบกจะได้นำประเด็นดังกล่าวเสนอเพื่อพิจารณาบัญญัติไว้ให้ครอบคลุมองค์กรทางศาสนาอื่นที่มีกฎหมายจัดตั้งเป็นการเฉพาะและเป็นนิติบุคคลเช่นเดียวกันที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตต่อไปด้วย สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการคมนาคม ซึ่งกระทรวงคมนาคมเห็นพ้องด้วยกับข้อสังเกตดังกล่าว และได้แจ้งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาปรับปรุงถ้อยคำเกี่ยวกับองค์กรทางศาสนาในร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (รวมกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกและกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ให้เป็นฉบับเดียว) ให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการการคมนาคมแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25070 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม 3 ฉบับ | คค | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน รวม ๓ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อก่อสร้างสะพานข้ามทางรถไฟ บริเวณทางหลวงชนบท ศก. ๔๐๐๓ ในท้องที่ตำบลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ บริเวณทางหลวงชนบท สฎ. ๒๐๐๗ ในท้องที่ตำบลท่าเคย อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี และบริเวณทางหลวงชนบท พบ. ๑๐๐๑ และทางหลวงชนบท พบ. ๑๐๑๐ ในท้องที่ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมยจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้ไาปทำการสำรวจและเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลห้วยทับทัน อำเภอห้วยทับทัน จังหวัดศรีสะเกษ พ.ศ. .... ๒. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลท่าเคย อำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ. .... ๓. ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25071 | ขออนุมัติ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. 2558 - 2561 | ยธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑ ประกอบด้วย ๕ ยุทธศาสตร์ ได้แก่ ยุทธศาสตร์ที่ ๑ การพัฒนาประสิทธิภาพระบบการให้บริการประชาชน ยุทธศาสตร์ที่ ๒ การพัฒนาและบังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม ยุทธศาสตร์ที่ ๓ การส่งเสริมกระบวนการยุติธรรมทางเลือกและการมีส่วนร่วมในงานยุติธรรม ยุทธศาสตร์ที่ ๔ การพัฒนาบุคลากรและสร้างองค์ความรู้ในงานยุติธรรม และยุทธศาสตร์ที่ ๕ การขับเคลื่อนและบูรณาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ โดยเป้าหมายของ (ร่าง) แผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ คือ การให้บริการประชาชนของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็วและมีค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้อย่างเท่าเทียม ทั้งนี้ ให้องค์กรที่เกี่ยวข้องนำไปใช้เป็นกรอบทิศทางและแนวทางดำเนินงาน รวมทั้งจัดทำโครงการรองรับให้สอดคล้องหรือเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในแต่ละยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ๑.๒ ให้สำนักงบประมาณพิจารณาจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการหลักที่สำคัญของหน่วยงานต่าง ๆ ที่รองรับการดำเนินงานในแต่ละยุทธศาสตร์ของแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ๑.๓ ให้สำนักงานกิจการยุติธรรม กระทรวงยุติธรรม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติ เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการประสาน สนับสนุน ติดตามประเมินผลเพื่อการดำเนินงานขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ไปสู่การปฏิบัติ และรายงานผลต่อคณะรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ๒. ให้กระทรวงยุติธรรมจัดส่งแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำรายละเอียดและวงเงินงบประมาณเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการพัฒนาการบริหารงานยุติธรรมแห่งชาติก่อนเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี เพื่อสำนักงบประมาณจะได้พิจารณาจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องตามความจำเป็นและเหมาะสมสอดคล้องกับแผนแม่บทการบริหารงานยุติธรรมฯ ต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25072 | แนวทางการแปรรูปยางธรรมชาติ เพื่อนำไปสร้างพื้นลู่ - ลานกรีฑา และพื้นลานอเนกประสงค์ | วท | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลงานการวิจัย เรื่อง การพัฒนาวัสดุยางสังเคราะห์และยางธรรมชาติเพื่อจัดสร้างลู่-ลานกรีฑา ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์บริการร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทยได้ดำเนินงานโครงการศึกษาและพัฒนาวัสดุยางสังเคราะห์และยางธรรมชาติเพื่อจัดสร้างลู่-ลานกรีฑา และพัฒนาเทคโนโลยีลู่-ลานกรีฑาให้ได้มาตรฐานสากล รวมทั้งสนับสนุนการใช้วัตถุดิบยางธรรมชาติภายในประเทศ ตลอดจนสามารถลดค่าใช้จ่ายและนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง และให้ความเห็นชอบให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีประสานกับการกีฬาแห่งประเทศไทยในการกำหนดมาตรฐานของพื้นลู่-ลานกรีฑา สนามกีฬา รวมทั้งลานกีฬา และประกาศใช้อย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ส่วนราชการสามารถนำไปเป็นกรอบในการปฏิบัติสำหรับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ๒. ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมรวบรวมรายชื่อผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยาง และกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างที่สนใจเข้าร่วมเป็นผู้ผลิต และให้กรมวิทยาศาสตร์บริการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการผสมยางและสูตรยางที่เหมาะสมให้ผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมยาง และถ่ายทอดเทคโนโลยีการทำพื้นลู่-ลานกรีฑาและพื้นสนามที่เหมาะสมให้ผู้ประกอบการกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง ทั้งนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการกีฬาแห่งประเทศไทยพิจารณาในส่วนของค่าสิทธิบัตรของงานวิจัยดังกล่าว ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงมหาดไทยดำเนินการสำรวจความต้องการในการสร้างลานกีฬา สนามกีฬา หรือโครงการที่สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นลู่-ลานกรีฑาที่พัฒนาขึ้นนี้ของหน่วยงาน ทั้งในส่วนของจำนวนและขนาดพื้นที่ เพื่อกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะได้คำนวณหาความต้องการในการใช้งานโดยรวมของประเทศทั้งในด้านงบประมาณที่ต้องใช้และที่สามารถประหยัดได้ ปริมาณยางธรรมชาติในประเทศที่ต้องใช้ในโครงการ รวมทั้งปริมาณการนำเข้าวัสดุสังเคราะห์จากต่างประเทศที่ลดลง เพื่อรายงานต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25073 | ร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับระบบการอุทธรณ์และฎีกา รวม 9 ฉบับ | ศย | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับระบบการอุทธรณ์และฎีกา รวม ๙ ฉบับ เพื่อแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับระบบการอุทธรณ์และฎีกาให้สอดคล้องกับระบบการอุทธรณ์และฎีกาตามร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยการจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษขึ้น เพื่อให้จัดระบบการอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พร้อมกับการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวม ๘ ฉบับดังกล่าว เพื่อให้หลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกาเป็นระบบเดียวกัน และมีความสอดคล้องกับอำนาจในการพิจารณาพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ดังนี้ ๑.๑. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. .... ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๑.๓ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๑.๔ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๑.๕ ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลล้มละลายและวิธีพิจารณาคดีล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๑.๖. ร่างพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลภาษีอากรและวิธีพิจารณาคดีภาษีอากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอุทธรณ์และฎีกา) ๑.๗ ร่างพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๑.๘ ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๑.๙ ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การอุทธรณ์และฎีกา) ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการบริหารจัดการอัตรากำลังและพัฒนากำลังคนภาครัฐและงบประมาณค่าใช้จ่ายจากการปรับปรุงกฎหมายทั้ง ๙ ฉบับดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25074 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นโดยใช้อาวุธบริเวณน่านน้ำนอกชายฝั่งโซมาเลีย | กต | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. รับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ ๒๑๘๔ (ค.ศ. ๒๐๑๔) เกี่ยวกับการขยายเวลาการดำเนินมาตรการเกี่ยวกับการปราบปรามการกระทำอันเป็นโจรสลัดและการปล้นโดยใช้อาวุธบริเวณน่านน้ำนอกชายฝั่งโซมาเลียออกไปจนถึงวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ เพื่อเป็นการปฏิบัติตามพันธกรณีที่ไทยมีต่อสหประชาชาติ โดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในของไทย ๒. มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ถือปฏิบัติและแจ้งผลการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบเพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อสหประชาชาติต่อไป นอกจากนี้ หากพบข้อขัดข้องหรืออุปสรรคในการปฏิบัติตามข้อมติดังกล่าว ให้แจ้งกระทรวงการต่างประเทศต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25075 | ผลการประชุมผู้นำกรอบความริเริ่มแห่งอ่าวเบงกอลสำหรับความร่วมมือหลากหลายสาขาทางวิชาการและเศรษฐกิจ (บิมสเทค) ครั้งที่ 3 และการประชุมรัฐมนตรีบิมสเทค ครั้งที่ 14 | กต | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบปฏิญญาการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ ๓ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการยืนยันความตั้งใจและความพยายามของรัฐสมาชิกบิมสเทคที่จะบรรลุถึงเป้าหมายและเจตนารมณ์พื้นฐานของบีมสเทค ๑.๒ รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีบิมสเทค ครั้งที่ ๑๔ ซึ่งที่ประชุมฯ รับทราบความคืบหน้าของการดำเนินงานในสาขาความร่วมมือ ๑๔ สาขา โดยประเด็นที่สำคัญคือ (๑) สาขาการค้าและการลงทุน ระบุถึงความจำเป็นที่จะต้องมีเขตการค้าเสรีเพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนในอ่าวเบงกอล และเร่งรัดให้มีการลงนามความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า ความตกลงว่าด้วยกระบวนการและกลไกระงับข้อพิพาท ความตกลงว่าด้วยการให้ความร่วมมือและความช่วยเหลือระหว่างกันในเรื่องทางศุลกากรภายใต้กรอบความตกลงเขตการค้าเสรีบิมสเทค และพิธีสารแก้ไขกรอบความตกลงเขตการค้าเสรีบิมสเทคโดยเร็ว (๒) สาขาเทคโนโลยี เร่งรัดให้จัดทำร่างตราสารว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีบิมสเทคโดยเร็ว (๓) สาขาพลังงาน เร่งรัดให้จัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าบิมสเทคให้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว (๔) สาขาการคมนาคมขนส่งและการสื่อสาร เน้นย้ำถึงความสำคัญที่จะต้องพัฒนาความเชื่อมโยงในภูมิภาคโดยใช้รายงานผลการศึกษาโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งในภูมิภาคและโลจิสติกส์ของธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) เป็นพื้นฐาน และเร่งดำเนินการตามโครงการสำคัญเร่งด่วน ๖๕ โครงการให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และ (๕) สาขาการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ เร่งรัดให้รัฐสมาชิกให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาบิมสเทคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายสากล องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติและการลักลอบค้ายาเสพติดและการลงนามรับรองร่างอนุสัญญาบิมสเทคว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือระหว่างกันในเรื่องทางอาญา และเรียกร้องให้รัฐสมาชิกเริ่มเจรจาจัดทำร่างอนุสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ๑.๓ มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามตารางติดตามผลการประชุมผู้นำบิมสเทค ครั้งที่ ๓ และการประชุมรัฐมนตรีบิมสเทค ครั้งที่ ๑๔ อาทิ สาขาการค้าและการลงทุน ได้แก่ การให้ประเทศสมาชิกร่วมกันจัดทำร่างความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้า (BIMSTEC Agreement on Trade in Goods) การเร่งสร้างเขตการค้าเสรี BIMSTEC เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนในอ่าวเบงกอล สาขาการคมนาคมและการสื่อสาร ได้แก่ การให้ประเทศสมาชิกระบุรายชื่อโครงการเร่งด่วนเพิ่มเติมตามรายงานการศึกษาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของบิมสเทค (BIMSTEC Transport Infrastructure and Logistics Study : BTILS) การให้ระบุโครงการสำคัญเร่งด่วนและจัดเตรียมแผนปฏิบัติการสำหรับปี ๒๕๕๗/๒๕๖๓ สาขาพลังงาน ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือระดับภูมิภาคในภาคพลังงาน และการให้รัฐสมาชิกส่งเสริมการใช้ก๊าซธรรมชาติ/พลังงานสะอาดเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันและให้ประเทศสมาชิกร่วมกันจัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเชื่อมโยงโครงข่ายไฟฟ้าให้เสร็จสมบูรณ์ สาขาเทคโนโลยี ได้แก่ การให้รัฐสมาชิกส่งเสริมความร่วมมือในการขยายฐานด้านฝีมือและเทคโนโลยีด้วยการร่วมมือและการเป็นหุ้นส่วนโดยมุ่งเน้นสาขา SMEs และให้เร่งรัดการรับรองร่างตราสารจัดตั้งศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีของ BIMSTEC โดยเร็ว เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการดำเนินข้อริเริ่มความร่วมมือในอนาคตควรคำนึงถึงการป้องกันและเฝ้าระวัง (safeguard) ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในบริบทที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจ และสังคม รวมทั้งประเด็นการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ ประเทศไทยควรใช้เวทีบิมสเทคผลักดันต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความร่วมมือหรือเกิดการจัดทำแผนการทำงานร่วมกันของประเทศที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25076 | เป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2558 | กค | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี ๒๕๕๘ ไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี ๒๕๕๘ ที่ร้อยละ ๒.๕?๑.๕ ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินได้ทำความตกลงร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาต่อไปด้วย ดังนี้ ๒.๑ ในระยะต่อไป เห็นควรให้กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทยร่วมกันศึกษาถึงอัตราเงินเฟ้อเป้าหมายที่สอดคล้องกับศักยภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมทั้งการกำหนดค่าความยืดหยุ่นของเป้าหมายทางการเงินให้มีความเหมาะสมเพื่อใช้เป็นกรอบเป้าหมายของการดำเนินนโยบายการเงิน เพื่อให้การดำเนินนโยบายการเงินมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น ๒.๒ การกำหนดค่ากลางของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อจะช่วยให้สาธารณชนสามารถคาดการณ์เป้าหมายเงินเฟ้อได้อย่างถูกต้องและใช้ค่ากลางดังกล่าวประกอบการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งเป็นการสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของนโยบายการเงิน จึงควรดำเนินนโยบายการเงินที่จะรักษาอัตราเงินเฟ้อให้ใกล้เคียงกับเป้าหมายของค่ากลางด้วย ๒.๓ ในการดำเนินนโยบายการเงิน ควรพิจารณาถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ เช่น การขยายตัวทางเศรษฐกิจ เสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน ระดับการจ้างงาน ควบคู่ไปกับการรักษาเสถียรภาพของระดับราคา เพื่อให้เศรษฐกิจโดยรวมสามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25077 | แผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | สธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการของแผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้สูงอายุเข้าถึงการบริการส่งเสริม ป้องกัน รักษาและฟื้นฟูสภาพช่องปากเพิ่มขึ้น สนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตนเอง พัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมด้านทันตสุขภาพที่จำเป็นสำหรับผู้สูงอายุ พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านทันตกรรมผู้สูงอายุ รวมทั้งพัฒนาระบบบริหารจัดการ งบประมาณ การสนับสนุน การกำกับติดตาม และการประเมินผลการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขพิจารณาปรับปรุงแผนงานทันตสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุให้เน้นการดำเนินงานในเชิงป้องกันมากกว่าการแก้ไขปัญหาสุขภาพในช่องปาก โดยควรขยายกลุ่มเป้าหมายหลักให้ครอบคลุมถึงผู้มีอายุต่ำกว่า ๖๐ ปีด้วย โดยในการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้กระทรวงสาธารณสุขกำหนดแผนปฏิบัติงาน เป้าหมาย และผลที่คาดว่าจะได้รับให้ชัดเจน เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรม สามารถชี้ให้เห็นชัดเจนว่า ประชาชนจะได้รับผลประโยชน์อย่างไรจากโครงการดังกล่าว ทั้งนี้ ให้จัดทำแผนปฏิบัติการ กำหนดตัวชี้วัดของผลสัมฤทธิ์เป็นรายไตรมาส รวมทั้งงบประมาณที่เกี่ยวข้องเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อนการดำเนินการ ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ.ร. เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมขององค์กรเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน เพื่อร่วมกันพัฒนาและยกระดับคุณภาพสาธารณสุขและสุขภาพประชาชน การจัดทำแผนทันตกรรมทุกช่วงวัย ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยผู้สูงอายุ การเพิ่มมาตรการ/กลไก การติดตามและการประเมินผล การรายงานผล การกำหนดเป้าหมาย/งบประมาณตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดไว้ตามยุทธศาสตร์ โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินงาน จำนวนบุคลากรที่เพียงพอต่อการให้บริการ รวมทั้งมีแผนการผลิต การพัฒนา และการใช้บุคลากรด้านทันตกรรมและทันตสาธารณสุขที่สอดคล้องกับการดำเนินการแผนงานดังกล่าว การให้ความสำคัญกับการพัฒนารูปแบบการมีส่วนร่วมในการจัดบริการด้านทันตสุขภาพ การกำหนดตัวชี้วัดในเชิงคุณภาพควบคู่กับตัวชี้วัดเชิงปริมาณ การสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน รวมทั้งการให้ความสำคัญกับการส่งเสริมป้องกันในแผนระยะที่สองเพิ่มมากขึ้น เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25078 | ขอเปลี่ยนแปลงโครงการบริหารจัดการน้ำ ปี 2557 ตามข้อมูลการสำรวจจากกองทัพบก งานเร่งด่วนที่มีผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชนและชุมชน | มท | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงรายการตามโครงการบริหารจัดการน้ำ ปี ๒๕๕๗ ตามข้อมูลการสำรวจจากกองทัพบก งานเร่งด่วนที่มีผลกระทบต่อความเดือดร้อนของประชาชนและชุมชน โดยกรมการทหารช่าง (ที่ได้รับอนุมัติให้ดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติ) จากเดิม โครงการขุดลอกแหล่งน้ำพรุจาหนัน ตำบลพร่อน อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา วงเงินงบประมาณ ๔๙,๖๙๐,๐๐๐ บาท เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่ในแผนดำเนินการปี ๒๕๕๘ ของกรมชลประทาน เปลี่ยนเป็น โครงการขุดลอกคลองสว่าง ตำบลนาโต๊ะหมิง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง วงเงินงบประมาณ ๔๙,๖๙๐,๐๐๐ บาท ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ แผนงานพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารราชการแผ่นดิน ผลผลิตส่วนราชการที่มีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ งบรายจ่ายอื่น รายการค่าใช้จ่ายในการจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ที่กรมบัญชีกลางได้อนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีได้ถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ในลักษณะการเบิกจ่ายงบประมาณแทนกัน โดยให้กระทรวงมหาดไทยขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณอีกครั้งหนึ่ง ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25079 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2542 (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร01 | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเจ้าหน้าที่ของรัฐและผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. ๒๕๔๒ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ประธานกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม กรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์ และกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการกรุงเทพมหานครและบุคลากรกรุงเทพมหานคร เพื่อมีบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมทั้งกำหนดผู้มีอำนาจออกบัตรประจำตัว ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
25080 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยตราสัญลักษณ์ประจำสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พ.ศ. .... | ศธ | 06/01/2558 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยตราสัญลักษณ์ประจำสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญกำหนดให้มีตราสัญลักษณ์ประจำสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
.....