ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1254 จากทั้งหมด 6214 หน้า แสดงรายการที่ 25061 - 25080 จากข้อมูลทั้งหมด 124262 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25061 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... | มท | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลกะลุวอเหนือ และตำบลกะลุวอ อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ที่กระทรวงมหาดไทยได้แก้ไขปรับปรุงจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
25062 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะลันตาใหญ่ - เกาะลันตาน้อย จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... | มท | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมชุมชนเกาะลันตาใหญ่-เกาะลันตาน้อย จังหวัดกระบี่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่บางส่วนของตำบลเกาะลันตาน้อย บางส่วนของตำบลศาลาด่าน และบางส่วนของตำบลเกาะลันตาใหญ่ อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
25063 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... | มท | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลบ้านไผ่ ตำบลในเมือง ตำบลหัวหนอง ตำบลหินตั้ง ตำบลหนองน้ำใส ตำบลบ้านลาน อำเภอบ้านไผ่ และตำบลโนนแดง อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบท ในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
25064 | ร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมเมืองตะพานหิน จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... | มท | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองตะพานหิน จังหวัดพิจิตร พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ใช้บังคับผังเมืองรวม ในท้องที่ตำบลงิ้วราย ตำบลห้วยเกตุ ตำบลหนองพยอม ตำบลตะพานหิน และตำบลไผ่หลวง อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและการดำรงรักษาเมืองและบริเวณที่เกี่ยวข้องหรือชนบทในด้านการใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง การสาธารณูปโภค บริการสาธารณะ และสภาพแวดล้อม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||
25065 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติราชบัณฑิตย์สภา พ.ศ. .... | รถ | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติราชบัณฑิตย์สภา พ.ศ. .... เกี่ยวกับบทบาท อำนาจหน้าที่ของราชบัณฑิตยสภาและสำนักงานราชบัณฑิตยสภามีอยู่เป็นจำนวนมากและล้วนมีความสำคัญต่อประเทศชาติเป็นอย่างยิ่ง และกลับได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐในแต่ละปีไม่เพียงพอต่อการปฏิบัติหน้าที่และภารกิจที่มีอยู่ ส่วนการกำหนดประเภทวิชาและการแบ่งประเภทวิชาออกเป็นสาขาวิชาภายในสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง และสำนักหอศิลปกรรม บางสาขาวิชามีความไม่สอดคล้องกับชื่อสำนัก จึงเห็นควรพิจารณาปรับปรุงแก้ไขให้เหมาะสมกับสภาพข้อเท็จจริงทางวิชาการ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ตามที่ราชบัณฑิตยสภาเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป ดังนี้ ๒.๑ สำนักงบประมาณได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้แก่ราชบัณฑิตยสถาน จำนวน ๑๖๓,๗๖๓,๑๐๐ บาท และ ๑๖๘,๔๓๙,๐๐๐ บาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นวงเงินงบประมาณที่ครอบคลุมตามภารกิจและอำนาจหน้าที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากร่างพระราชบัญญัติราชบัณฑิตยสภา พ.ศ. .... มีผลบังคับใช้ และทำให้ราชบัณฑิตยสภามีภารกิจและอำนาจหน้าที่เพิ่มขึ้น สมควรที่รัฐบาลจะสนับสนุนงบประมาณให้เหมาะสมสอดคล้องกับภารกิจและอำนาจหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น ๒.๒ ราชบัณฑิตยสภา โดยสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง และสำนักศิลปกรรม พิจารณาข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แล้ว เห็นว่าในชั้นต้นควรให้คงชื่อสำนัก การกำหนดประเภทวิชาและการแบ่งประเภทวิชาออกเป็นสาขาวิชาไว้ตามเดิมก่อน
|
||||||||||||||||||
25066 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมเครื่องเล่น พ.ศ. .... | มท | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมเครื่องเล่น พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดประเภทหรือลักษณะของสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องเล่นในสวนสนุกหรือสถานที่อื่นใดเพื่อประโยชน์ในลักษณะเดียวกันเป็นอาคารตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ๒. กำหนดเหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการก่อสร้าง การอนุญาตให้ใช้ การตรวจสอบ มาตรฐานการรับน้ำหนัก ความปลอดภัยและคุณสมบัติของวัสดุหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นเกี่ยวเนื่องกับเครื่องเล่น รวมทั้งกำหนดแบบคำขออนุญาต แบบใบอนุญาต และแบบอื่นใดที่จะใช้ในการปฏิบัติตามกฎกระทรวงฉบับนี้ ๓. กำหนดให้เครื่องเล่นเป็นอาคารควบคุมการใช้ ๔. กำหนดอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการขออนุญาตก่อสร้างและใช้เครื่องเล่น |
||||||||||||||||||
25067 | ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติ แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กค | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ รวม ๒ ฉบับ ที่คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา) ตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป ดังนี้
๑. ร่างพระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการรองรับการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ในลักษณะที่ไม่ต้องส่งมอบการครอบครองแก่เจ้าหน้าที่ และสร้างระบบการบังคับหลักประกันที่มีความรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและเป็นธรรมอันจะเป็นประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจ ๒. ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขให้สิทธิตามสัญญาหลักประกันทางธุรกิจเหนือสิทธิเรียกร้องที่นำมาเป็นหลักประกัน ตกไปเป็นของผู้รับโอนเมื่อมีการโอนสิทธิเรียกร้องนั้นไปเช่นเดียวกับสิทธิจำนอง จำนำ หรือค้ำประกัน |
||||||||||||||||||
25068 | ร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการควบคุมและรักษาป่าสงวนแห่งชาติประจำจังหวัด คณะกรรมการพิจารณาการใช้ประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดหรืออายัดทรัพย์สินหรือของกลางที่ได้มาหรือได้ใช้ในการกระทำความผิด รวมทั้งปรับปรุงบทบัญญัติเกี่ยวกับบทกำหนดโทษให้มีอัตราโทษสูงขึ้นด้วย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปชี้แจงในประเด็นกระบวนการบริหารจัดการในการใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่เขตป่าสงวนแห่งชาติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||
25069 | ร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | มท | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้การก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร เป็นไปอย่างถูกต้องและเหมาะสม ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||
25070 | ร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มสิทธิของเจ้าหนี้ในการยื่นคำขอรับชำระหนี้ ปรับปรุงสิทธิลูกหนี้ร่วมและผู้ค้ำประกันในการได้รับชำระหนี้อย่างเป็นธรรม ลดขั้นตอนในการสั่งคำขอรับชำระหนี้ ปรับปรุงการยื่นคำขอประนอมหนี้ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น และปรับเปลี่ยนโทษปรับทางอาญาให้เหมาะสม เพื่อให้กระบวนพิจารณาคดีล้มละลายมีประสิทธิภาพ ถูกต้อง เป็นธรรม และรวดเร็วยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||
25071 | ร่างพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับร่างพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาในประเด็นผู้รักษาการตามกฎหมายให้ได้ข้อยุติ แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||
25072 | การจัดทำบันทึกความตกลงระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการศึกษาแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนครู | ศธ | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การจัดทำและลงนามบันทึกความตกลงระหว่างกระทรวงศึกษาธิการแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงศึกษาธิการแห่งสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ว่าด้วยการแลกเปลี่ยนครู (Memorandum of Agreement between the Ministry of Education of the Kingdom of Thailand and the Department of Education of the Republic of the Philippines on Exchanges of Professional Teachers) โดยบันทึกความตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นกรอบในการดำเนินความร่วมมือด้านการแลกเปลี่ยนครูระหว่างกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาสมรรถนะของครู และการศึกษาของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ หากก่อนลงนามมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญ ให้กระทรวงศึกษาธิการหารือกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อพิจารณาดำเนินการในเรื่องนั้น ๆ แทนคณะรัฐมนตรี โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้ง ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความตกลงฯ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับถ้อยคำของร่างบันทึกความตกลงฯ ในข้อ ๕ บทบัญญัติทั่วไป (General Provisions) ว่าด้วยการบอกเลิกความตกลง (Termination) และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการคัดเลือกครู ในขั้นตอนการปฏิบัติเห็นควรคัดเลือกครูสอนภาษาอังกฤษที่มีวุฒิการศึกษาด้านภาษาโดยตรง ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||
25073 | การเสนอประเด็นเพื่อนำเข้าสู่การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 26 เรื่อง "การเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนางานวิจัยในกลุ่มประเทศอาเซียน" | นร | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการการนำประเด็นเรื่อง “การเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนางานวิจัยในกลุ่มประเทศอาเซียน” เข้าสู่การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๖ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขอความร่วมมือให้สมาชิกในกลุ่มประเทศอาเซียนทุกประเทศสนับสนุนนโยบายและงบประมาณเพื่อการเชื่อมโยงข้อมูลการวิจัยของทุกประเทศเข้าสู่คลังข้อมูลการวิจัยของประเทศอาเซียน ๑.๒ ให้สมาชิกในกลุ่มประเทศอาเซียนร่วมกันกำหนดกรอบประเด็นปัญหาวิจัยเพื่อการพัฒนาหรือแก้ปัญหาของภูมิภาคร่วมกัน โดยใช้เวที ASEAN Heads of Research Councils (ASEANHORCs) และ Asian Heads of Research Councils (ASIAHORCs) ๑.๓ ให้มีการประชุมวิชาการแสดงผลงานวิจัย และผลงานสิ่งประดิษฐ์ของอาเซียนเป็นประจำทุกปี โดยให้ประเทศสมาชิกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นประเทศเจ้าภาพ ๒. ให้สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาตินำเรื่องนี้ไปประชุมหารือกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้ข้อเสนอด้านการพัฒนางานวิจัยของไทยที่สอดคล้องกับสถานการณ์และความต้องการด้านการวิจัยและพัฒนาที่อยู่ในความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงาน ตรงตามความต้องการและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ และให้นำเสนอต่อคณะกรรมการศูนย์อำนวยการเตรียมความพร้อมประเทศไทยในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๓๑/๒๕๕๗ ลงวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอเข้าสู่การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๒๖ ต่อไป |
||||||||||||||||||
25074 | การโอนภารกิจกำกับดูแลความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย - ญี่ปุ่นกลับไปกระทรวงการต่างประเทศ | กต | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้โอนภารกิจการกำกับดูแลนโยบายการดำเนินการตามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น (Japan-Thailand Economic Partnership Agreement : JTEPA) กลับไปกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้กระทรวงการต่างประเทศเห็นภาพรวมของความสัมพันธ์ที่ขับเคลื่อนโดยความตกลงฯ สามารถกำหนดยุทธศาสตร์การเจรจาต่อรองกับญี่ปุ่นให้รัดกุมและตอบสนองผลประโยชน์ของไทยได้ครบถ้วน ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่ขอเสนอแก้ไขชื่อหน่วยงาน จาก กรมส่งเสริมการส่งออก เป็น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินงานตามความตกลงฯ ซึ่งมีนัยและมิติที่มีความครอบคลุมหลากหลายสาขา จึงควรเน้นย้ำและส่งเสริมให้มีการดำเนินงานร่วมกันทุกภาคส่วนเพื่อให้การขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาทั้งทางด้านการค้า การลงทุน การผลิต และธุรกิจภายใต้ความตกลงฯ สามารถดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และภายหลังการโอนภารกิจกำกับดูแล JTEPA กลับไปกระทรวงการต่างประเทศแล้ว ควรมุ่งเน้นการเจรจาความร่วมมือทางด้านการวิจัยและพัฒนาในอุตสาหกรรมเหล็กและการพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชนในการสร้างความเข้าใจเรื่องกฎเกณฑ์แหล่งกำเนิดสินค้าที่จะได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษีศุลกากรภายใต้ความตกลงฯ ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าไปยังญี่ปุ่นได้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งข้อเสนอของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมที่เห็นควรปรับปรุงข้อความใน (ร่าง) คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ /๒๕๕๘ เรื่อง การปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการกำกับการดำเนินการตามความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยกับญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ในสัดส่วนขององค์ประกอบ จากเดิม “๑.๔๐ ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กระทรวงอุตสาหกรรม เป็นกรรมการ” เป็น “๑.๔๐ ผู้แทนสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการ” ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. กรณีที่ต้องมีความเห็นของส่วนราชการเพื่อประกอบการดำเนินการในเรื่องใด ๆ ตามความตกลง JTEPA ให้กระทรวงการต่างประเทศถามความเห็นส่วนราชการที่เกี่ยวข้องก่อนดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
25075 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 3 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน - 31 ธันวาคม 2557) | นร | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๘ ซึ่งได้มีการติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล โดยภาพรวมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๓ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗) ส่วนราชการต่าง ๆ ได้มีการดำเนินงานในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิรูปประเทศ และการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลทั้ง ๑๑ ข้อ เป็นไปตามเป้าหมายและมีผลสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ ส่วนการขับเคลื่อนเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณ ผลการเบิกจ่ายงบประมาณประจำปี ๒๕๕๘ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ งบประมาณรายจ่ายประจำ ทุกส่วนราชการสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย สำหรับงบประมาณรายจ่ายลงทุนยังมีปัญหาการเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามแผนการใช้จ่าย (แผนการใช้จ่าย ๑๔๐,๕๖๓.๔๓ ล้านบาท เบิกจ่าย ๔๑,๒๖๒.๔๗ ล้านบาท) นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ขับเคลื่อนเร่งรัดการดำเนินงานในเรื่องการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การปฏิรูปประเทศไทย รวมถึงการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลทั้ง ๑๑ ข้อด้วย ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลรับความเห็นของกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่เห็นควรให้แต่ละกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลผลการเบิกจ่ายงบประมาณจำแนกรายกระทรวงมาใช้ประกอบการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และควรให้ความสำคัญกับผลสัมฤทธิ์จากการดำเนินการดังกล่าวและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบและเห็นผลสำเร็จของผลงานที่เป็นรูปธรรมโดยเฉพาะในส่วนที่ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรงและเกิดผลดีต่อภาพรวมของประเทศ รวมทั้งให้แต่ละหน่วยงานหรือส่วนราชการเพิ่มการนำเสนองานที่สำคัญที่เป็นนโยบายหลักของรัฐบาลแสดงให้ปรากฏว่าได้ดำเนินการอะไรบ้าง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||
25076 | การจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม | รง | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการแนวทางการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามตามมติคณะกรรมการพิจารณาการทำงานของคนต่างด้าว ครั้งที่ ๑/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แนวทางการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม โดยดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม ซึ่งเป็นบุคคลที่ถือหนังสือเดินทาง (Passport) และเข้ามาในราชอาณาจักรอย่างถูกกฎหมายครั้งสุดท้ายก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม แต่ระยะเวลาการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดลงแล้ว เฉพาะแรงงานต่างด้าวที่ต้องการจะทำงานกับนายจ้างในงานรับใช้ในบ้าน งานกรรมกรในกิจการก่อสร้าง ประมง ร้านอาหาร โดยให้มารายงานตัวเพื่อจัดทำทะเบียนประวัติและขออนุญาตทำงาน ณ ศูนย์บริการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ๑.๒ ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีกำหนดประเภทงานให้คนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ แห่งพระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๕๑ ทำได้ ๒ งาน ได้แก่ งานกรรมกร และงานรับใช้ในบ้าน ๑.๓ การนำเข้าแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามเพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยให้มีการเจรจาระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลเวียดนามเพื่อทำข้อตกลงระหว่างรัฐต่อรัฐในการนำเข้าแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม เพื่อทำงานในกิจการประมง และก่อสร้าง ๒. ให้กระทรวงแรงงานประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อกำหนดวัน เวลา ในการเริ่มปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวเมื่อได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการจัดทำบันทึกความเข้าใจด้านแรงงานกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามแล้วต่อไป ๓. ให้กระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับประเด็นการอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม รวมทั้งความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนาม ควรดำเนินการโดยสถานบริการของรัฐ และแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามทุกรายควรซื้อประกันสุขภาพในช่วงระยะเวลาไม่น้อยกว่าระยะเวลาที่อนุญาตให้ทำงานอยู่ในประเทศไทย รวมทั้งควรมีมาตรการในการติดตาม ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดสำหรับแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามที่เข้ามาและลักลอบทำงานภายหลังจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการจัดระบบแรงงานต่างด้าวสัญชาติเวียดนามแล้ว เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
25077 | การดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย | ทส | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบผลการดำเนินงานตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้บูรณาการการทำงานเกี่ยวกับการกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน เป็นต้น รวมทั้งได้จัดกิจกรรมรณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สร้างค่านิยมในการทิ้งขยะของประชาชนให้ถูกต้องและกำหนดมาตรการเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอยทั้งต้นทาง กลางทาง และปลายทาง และจะมีการยกร่างกฎหมาย ระเบียบต่าง ๆ ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนการดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติมความคืบหน้าในการดำเนินงานตาม Roadmap การกำจัดขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย ดังนี้ ๑.๑ การกำจัดขยะค้างสะสม (ขยะเก่า) จำนวน ๓๐.๘๓ ล้านตัน มีการดำเนินการกำจัดขยะ ๓ วิธี ได้แก่ การฝังกลบชั่วคราว การขนย้ายไปกำจัดอย่างถูกต้อง และการนำขยะไปผลิตเชื้อเพลิง (Refuse Derived Fuel : RDF) คาดว่าจะสามารถกำจัดขยะค้างสะสม (ขยะเก่า) ได้แล้วเสร็จภายในปี ๒๕๖๐ ๑.๒ การกำจัดขยะใหม่จะดำเนินการ ๓ มาตรการ ได้แก่ การลดขยะและคัดแยกขยะมูลฝอยจากต้นทาง การจัดการขยะมูลฝอยแบบศูนย์รวม และการกำจัดขยะโดยเทคโนโลยีแบบผสมผสานที่เน้นการแปรรูปเป็นพลังงาน โดยส่งเสริมให้ภาคเอกชนร่วมลงทุน ๑.๓ มีแผนจะดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะจำนวนทั้งสิ้น ๕๓ แห่ง ขณะนี้เปิดดำเนินการแล้ว ๒ แห่ง อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ๓ แห่ง อยู่ระหว่างลงนามในสัญญา/บันทึกความเข้าใจ (MOU) ๒ แห่ง และอยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ๑ แห่ง และอยู่ระหว่างการเจรจา ๔๕ แห่ง ๑.๔ การดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายจะดำเนินการใน ๖ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครปฐม สระบุรี ลพบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ ขณะนี้อยู่ระหว่างการขับเคลื่อนการดำเนินการตามแผนในทุกจังหวัดดังกล่าว ซึ่งจะต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ๑.๔.๑ กระทรวงมหาดไทย กำหนดนโยบายให้จังหวัด/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดำเนินการลดคัดแยกขยะมูลฝอย ณ แหล่งกำเนิด กำกับดูแลให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นออกข้อบัญญัติท้องถิ่นเกี่ยวกับคัดแยกขยะมูลฝอยและค่าธรรมเนียมเก็บขนและกำจัด รวมทั้งกำกับ ดูแลจังหวัด/องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ดำเนินการจัดการขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๔.๒ กระทรวงสาธารณสุข ออกกฎกระทรวง เรื่อง การคัดแยก เก็บขนแบบแยกประเภท/สุขลักษณะการจัดการมูลฝอยทั่วไป/อัตราค่าธรรมเนียมการให้บริการ (เก็บขนและกำจัด) และออกคำแนะนำ เรื่อง แนวทางการควบคุมการประกอบกิจการรับเก็บขน หรือกำจัดขยะมูลฝอยทั่วไป ที่ทำเป็นธุรกิจหรือได้รับผลตอบแทนจากการคิดค่าบริการ ๑.๔.๓ กระทรวงศึกษาธิการ กำหนดให้มีหลักสูตรการเรียนเกี่ยวกับการลด การคัดแยกขยะมูลฝอย และการจัดการขยะมูลฝอย ตั้งแต่ระดับเยาวชน และส่งเสริมสถานศึกษาดำเนินกิจกรรมลด คัดแยก และนำขยะมูลฝอยไปใช้ประโยชน์ ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อสนับสนุนให้การขับเคลื่อนการดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้องเป็นไปตาม Roadmap ต่อไป ๓. เห็นชอบให้ถอนข้อเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการจัดระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ. ๒๕๕๗ ไปได้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอเพิ่มเติม ๔. เห็นชอบแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสมของจังหวัดอยุธยา ฉบับแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติม โดยสาระสำคัญในการขอปรับแผนปฏิบัติการฯ (ระยะเร่งด่วน ๖ เดือน) คือ การขนย้ายขยะมูลฝอยตกค้างสะสมของเทศบาล จำนวน ๑๔ แห่ง (จากเดิม ๓ แห่ง) จำนวนปริมาณขยะมูลฝอยตกค้างสะสมรวม ๑๘๘,๒๒๐ ตัน และเพิ่มการจัดตั้งศูนย์รวบรวมของเสียอันตรายของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะใช้ในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น รายการค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่วิกฤติที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหากำจัดขยะมูลฝอยไม่ถูกต้องและตกค้างสะสม (ระยะเร่งด่วน ๖ เดือน) ที่กรมควบคุมมลพิษได้รับจัดสรรงบประมาณแล้ว ภายในกรอบวงเงิน ๑๑๖,๔๙๔,๐๐๐ บาท โดยให้กรมควบคุมมลพิษขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้สำนักงบประมาณพิจารณาสนับสนุนงบประมาณสำหรับการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการและตาม Roadmap ดังกล่าวให้เหมาะสมเพียงพอด้วย ๕. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เกี่ยวกับการจัดการของเสียอันตรายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ มีค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งก่อให้เกิดภาระต่อประเทศ จึงควรเร่งออกกฎหมายโดยใช้หลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ส่วนการฝึกอบรมและจัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ ควรมีการดำเนินการอย่างทั่วถึงและครอบคลุมประเด็นสำคัญของการจัดการของเสียอันตรายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ รวมทั้งควรมีการจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของพนักงานและศูนย์รวบรวมของเสียอันตรายชุมชนของจังหวัด ตลอดจนอุปกรณ์เพื่อการจำกัดขอบเขตการรั่วไหลของสารอันตรายสู่ชุมชนข้างเคียงกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และมีมาตรการฟื้นฟูพื้นที่วิกฤตเดิมหลังจากขนย้ายขยะมูลฝอยตกค้างเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ เห็นควรเร่งรัดติดตามการปฏิบัติของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ปฏิบัติตาม Roadmap ในส่วนที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน มีการรายงานผลความคืบหน้าตามห้วงเวลา การปฏิบัติเร่งด่วนตามแนวทางที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำหนด เช่น การปรับปรุงฟื้นฟูสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย การนำขยะมูลฝอยมากำจัดในลักษณะรวมศูนย์ การจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอย และการจัดตั้งโรงกำจัดขยะมูลฝอยแบบเตาเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ให้มีผลอย่างเป็นรูปธรรม สามารถนำมาเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปทราบได้ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๖. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้เกี่ยวกับการดำเนินการตาม Roadmap การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายให้ประชาชนได้รับทราบการดำเนินงานของรัฐบาลในเรื่องดังกล่าวอย่างถูกต้องโดยทั่วกันด้วย |
||||||||||||||||||
25078 | มติคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า เรื่อง การกำหนดขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2552 เรื่อง มาตรการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมี ในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ ให้ครอบคลุมพื้นที่เมืองเก่าด้วย | ทส | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบขอบเขตพื้นที่เมืองเก่า และกรอบแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาเมืองเก่า ๔ เมือง ได้แก่ เมืองเก่าแพร่ เมืองเก่าเพชรบุรี เมืองเก่าจันทบุรี และเมืองเก่าปัตตานี เพื่อประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ ๑.๒ เห็นชอบให้ปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๒ โดยเห็นชอบมาตรการในการควบคุมการก่อสร้างอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่า ตามมติคณะรัฐมนตรี โดยให้หน่วยราชการต่าง ๆ รวมทั้งรัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐอย่างอื่นที่อาจพึงมีที่จะดำเนินการก่อสร้างภายในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าตามมติคณะรัฐมนตรี ส่งเรื่องและแบบแปลนให้คณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่า โดยผ่านทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นถึงผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และเมื่อได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์และเมืองเก่าแล้ว จึงให้เสนอสำนักงบประมาณเพื่อขอจัดตั้งงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานภาครัฐ ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนี้อย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงวัฒนธรรมเกี่ยวกับเขตพื้นที่เมืองเก่ามีขอบเขตครอบคลุมเขตทางและที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งอาจมีการดำเนินกิจกรรมใด ๆ อันอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่เมืองเก่า จึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีพื้นที่เมืองเก่าที่ทับซ้อนกับพื้นที่เมืองโบราณและโบราณสถานทั้งที่ประกาศขึ้นทะเบียนแล้วและที่ยังไม่ประกาศขึ้นทะเบียน การก่อสร้างหรือรื้อถอนอาคารของภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐอย่างอื่น รวมทั้งเอกชนที่พึงมีในบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ และในบริเวณเมืองเก่าที่ได้ประกาศเขตพื้นที่เมืองเก่าตามมติคณะรัฐมนตรี ยังคงต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมศิลปากรตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||
25079 | ขออนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทยกู้เงินระยะสั้น โดยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน 800 ล้านบาท | คค | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การรถไฟแห่งประเทศไทยต่ออายุสัญญาเงินกู้ วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท ออกไปอีก ๑ ปี ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน ทั้งนี้ เพื่อให้การรถไฟแห่งประเทศไทยสามารถบริหารการเงินและป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาภาวะเงินสดขาดมือจนไม่สามารถดำเนินงานให้บริการได้ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ส่วนประเด็นของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการค้ำประกันให้แก่การรถไฟแห่งประเทศไทย ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมตามที่กระทรวงการคลังกำหนดเพื่อเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้การรถไฟแห่งประเทศไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพของการให้บริการ เน้นการเพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ควบคู่ไปกับการควบคุมและลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งพิจารณาการใช้วงเงินกู้ด้วยความรอบคอบและตามความจำเป็นหรือฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อลดผลกระทบต่อภาระหนี้และฐานะการเงินขององค์กร ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||
25080 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากงบกลางของจังหวัดกาฬสินธุ์ | มท | 10/02/2558 | |||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามความเห็นของคณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ดังนี้
๑. โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๑๙ โครงการ วงเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ได้บรรจุอยู่ในแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๗ [เรื่อง ขอความเห็นชอบแผนงาน/โครงการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) และแนวทางการสนับสนุนงบประมาณ] แล้ว ดังนั้น ให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำดำเนินการต่อไป และให้แจ้งรายละเอียดความคืบหน้าการดำเนินโครงการฯ ให้กระทรวงมหาดไทยและจังหวัดกาฬสินธุ์ทราบอย่างต่อเนื่องด้วย ๒. โครงการพัฒนาแก้มลิงหนองเลิงเปือย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน ๘ โครงการ วงเงิน ๑๐๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท มอบหมายให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายและการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำนำโครงการนี้ไปบรรจุเพิ่มเติมในแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ระยะเร่งด่วน ประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๘ (เพิ่มเติม) ต่อไป |
.....