ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1258 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 25141 - 25160 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25141 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลนาเกาะ อำเภอหล่มเก่า และตำบลน้ำเฮี้ย ตำบลฝายนาแซง ตำบลน้ำก้อ ตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | กษ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลนาเกาะ อำเภอหล่มเก่า และตำบลน้ำเฮี้ย ตำบลฝายนาแซง ตำบลน้ำก้อ ตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางวงเงินค่าทดแทนและเข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ในการก่อสร้างระบบส่งน้ำตามโครงการระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำก้อ ได้ตามแผนงานที่กำหนดไว้ ๔ ปี ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25142 | รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนตุลาคม 2557 และแนวโน้มปี 2557 - 2558 | นร11 | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจประจำเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ และแนวโน้มปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์เศรษฐกิจไทยเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ปรับตัวดีขึ้น โดยเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจส่วนใหญ่ (หลังปรับฤดูกาล) ขยายตัวทั้งด้านการใช้จ่ายและด้านการผลิต ในด้านการใช้จ่าย ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน และดัชนีปริมาณการส่งออกขยายตัวร้อยละ ๐.๕ และร้อยละ ๕.๗ ตามลำดับ แต่ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชนปรับตัวลดลงเล็กน้อยร้อยละ ๐.๓ หลังจากการขยายตัวร้อยละ ๑.๑ ในเดือนก่อนหน้า ในด้านการผลิต ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน โดยขยายตัวร้อยละ ๒.๐ ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๙.๗ ในขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑.๙ อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลงต่อเนื่อง ดุลการค้าและดุลบริการเกินดุล ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ยังปรับตัวดีขึ้นอย่างช้า ๆ นำโดยการฟื้นตัวที่ชัดเจนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในขณะที่เศรษฐกิจจีนและประเทศสำคัญ ๆ ในภูมิภาคเอเชียยังอยู่ในภาวะชะลอตัว และเศรษฐกิจกลุ่มประเทศยูโรโซนยังอยู่ในภาวะอ่อนแอ ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๗-๒๕๕๘ โดยเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๗ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๑.๐ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ ๒.๑ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๒.๙ ของ GDP สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี ๒๕๕๘ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๕-๔.๕ มูลค่าการส่งออกสินค้าจะขยายตัวร้อยละ ๔.๐ การบริโภคของครัวเรือนและการลงทุนรวมขยายตัวร้อยละ ๒.๖ และร้อยละ ๕.๘ ตามลำดับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในช่วงร้อยละ ๑.๔-๒.๔ และบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ ๒.๒ ของ GDP
|
|||||||||||||||||||||
25143 | รายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง การอนุวัติกฎหมายไทยตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานและการประติบัติหรือการลงโทษอื่นที่โหดร้ายไร้มนุษยธรรม หรือที่ย่ำยีศักดิ์ศรี และเพื่อเตรียมรองรับการเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ รวมทั้งอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย | อส | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการพิจารณาเพื่อเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายและกฎเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ตามเจตนารมณ์ของพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยเป็นภาคี ให้มีผลในทางปฏิบัติโดยเร็ว ได้แก่ การอนุวัติกฎหมายภายในให้เป็นไปตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ และเพื่อเตรียมการรองรับการดำเนินการตามพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ และการเตรียมรองรับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย (International Convention for the Protection of all Persons from Enforced Disappearance : CED) ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเสนอ ๒. รับทราบสรุปผลการดำเนินงานของหน่วยงานราชการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อาทิ การยกร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ พ.ศ. .... การศึกษาความพร้อมของประเทศไทยในการเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ การแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ การจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมวิทยากร และหลักสูตรเผยแพร่หลักการและสาระสำคัญของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ และส่งมอบให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องนำไปฝึกอบรมภายในหน่วยงาน การประชุมเพื่อเผยแพร่หลักการและสาระสำคัญของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ และอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลถูกบังคับให้สูญหาย ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การฝึกอบรมหลักสูตรสิทธิมนุษยชน การเผยแพร่ความรู้เรื่องพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และการทบทวนและปรับปรุงกฎหมาย ๒ ฉบับ ได้แก่ พระราชบัญญัติคุ้มครองพยาน พ.ศ. ๒๕๕๖ และพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๕ ให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เป็นต้น และให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ |
|||||||||||||||||||||
25144 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ 3 และผลการหารือทวิภาคีกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม | ยธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๒-๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย โดยการประชุมดังกล่าวจัดขึ้น ๒ ระดับ ประกอบด้วย ๑.๑ การประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส (Senior Official Meeting : SOM) จัดขึ้นในวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ เป็นการประชุมหัวหน้าหน่วยงานกลางด้านยาเสพติดของประเทศสมาชิกอาเซียน วัตถุประสงค์ของการประชุมเพื่อติดตามความก้าวหน้าของการดำเนินงานตามมติที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด ครั้งที่ ๑ และครั้งที่ ๒ และเพื่อพิจารณาหารือแนวทางความร่วมมือเพื่อนำมาบรรจุไว้ในร่างรายงานสำหรับประธานที่ประชุมระดับรัฐมนตรี (Chairman’s Statement) เพื่อให้ที่ประชุมระดับรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบผลการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส ๑.๒ การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านยาเสพติด (ASEAN Ministerial Meeting on Drug Matters : AMMDM) จัดขึ้นในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยที่ประชุมได้ให้รัฐมนตรีแต่ละประเทศแสดงทัศนะต่อประเด็นยาเสพติด ภายใต้วาระหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ของอาเซียน ซึ่งจะครบวาระการกำหนดเป้าหมายเป็นเขตปลอดยาเสพติดในอาเซียน และข้อเสนอแนะสำหรับการก้าวเดินไปข้างหน้าของอาเซียน ซึ่งหัวหน้าคณะผู้แทนแต่ละประเทศได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหายาเสพติดของประเทศตนและภูมิภาคอาเซียน และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ จะนำมาซึ่งปัญหายาเสพติดที่เพิ่มมากขึ้น และเห็นพ้องกันว่าต้องมีความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ให้มากขึ้น รวมถึงการจัดการกับปัญหาที่เชื่อมโยงกับปัญหายาเสพติด เช่น ปัญหาการคอร์รัปชัน และปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ นอกจากนี้ หัวหน้าคณะผู้แทนประเทศอาเซียนหลายประเทศได้เน้นย้ำว่าในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ดังนั้น อาเซียนต้องร่วมมือกันเพื่อให้พร้อมต่อการรองรับกับปัญหายาเสพติดที่จะตามมา โดยกล่าวถึงการสกัดกั้นยาเสพติด ณ ท่าอากาศยานสากลในอาเซียน (ASEAN Airport Interdiction Tack Force : AAITF) ซึ่งเป็นโครงการระดับภูมิภาคของอาเซียน รวมทั้งอีกหลายประเทศยังกล่าวถึงการใช้กลไกสำนักงานประสานความร่วมมือด้านยาเสพติดอาเซียน (ASEAN Narcotics Cooperation Center) หรือเรียกว่าอาเซียน-นาโค (ASEAN-NARCO) ซึ่งประเทศไทยเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งเป็นกลไกในการร่วมมือแก้ไขปัญหายาเสพติดอีกช่องทางหนึ่ง ๒. เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศเพื่อนบ้านต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25145 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชื่อสถานพยาบาล และการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อสถานพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล อัตราค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการและสิทธิของผู้ป่วย พ.ศ. .... | สธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดชื่อสถานพยาบาล และการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อสถานพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล อัตราค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการและสิทธิของผู้ป่วย พ.ศ. ..... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงชื่อสถานพยาบาลและการแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชื่อสถานพยาบาล ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล อัตราค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการและสิทธิของผู้ป่วย ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงการกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาลตามกฎกระทรวงว่าด้วยลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล พ.ศ. ๒๕๔๕ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25146 | รายงานผลการดำเนินงาน เรื่อง การแก้ไขปัญหาความล่าช้าในขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้าง | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินงาน เรื่อง การแก้ไขปัญหาความล่าช้าในขั้นตอนของการจัดซื้อจัดจ้าง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ประเด็นการปรับปรุงระยะเวลาในขั้นตอนต่าง ๆ ในกระบวนการ e-Auction ให้มีความกระชับและสอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริง ๑.๑.๑ การอนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ กรณีที่ปรากฏว่ามีผู้มีสิทธิเสนอราคาเพียงรายเดียว หรือมีผู้เสนอราคาเพียงรายเดียว เมื่อถึงเวลาเริ่มการเสนอราคา โดยปกติให้หัวหน้าหน่วยงานยกเลิกการประกวดราคาในครั้งนั้น แต่ถ้าคณะกรรมการประกวดราคาเห็นว่ามีเหตุผลสมควรที่จะดำเนินการต่อไป โดยไม่ต้องยกเลิกการประกวดราคา ก็ให้คณะกรรมการฯ ต่อรองราคากับผู้มีสิทธิเสนอราคารายนั้นแล้วเสนอหัวหน้าหน่วยงานพิจารณาต่อไป โดยไม่ต้องเริ่มดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ ๑.๑.๒ ซักซ้อมความเข้าใจการปฏิบัติตามระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๔๙ และอนุมัติการดำเนินการจัดหาพัสดุด้วยวิธีการอื่นได้ โดยหากการจัดหาพัสดุครั้งนั้น เป็นการจัดหาในเรื่องการจ้างที่ปรึกษา การจ้างออกแบบและควบคุมงาน การซื้อการจ้างโดยวิธีพิเศษและวิธีกรณีพิเศษ หรือหากพัสดุที่จัดหาครั้งนั้นมีการแข่งขันน้อยราย มีความซับซ้อนหรือเทคนิคเฉพาะ เป็นสินค้าและบริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีประเภทระบบ IT ที่มีลักษณะเฉพาะ เป็นสินค้าที่มีความผันผวนทางด้านราคา หากหน่วยงานได้ดำเนินการจัดหาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ไปแล้ว ไม่ว่าอยู่ในขั้นตอนใด ต่อมายกเลิกการดำเนินการทั้งหมด หรือบางรายการ แล้วจัดหาใหม่ หน่วยงานสามารถดำเนินการจัดหาด้วยวิธีการอื่นได้โดยไม่ต้องขออนุมัติต่อคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (กวพ.อ.) แต่อย่างใด ๑.๑.๓ การเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๔๙ หน่วยงานภาครัฐที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ผลการพิจารณาคัดเลือกเบื้องต้นตามระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๙ (๓) หรือการพิจารณาผู้มีสิทธิเสนอราคาอุทธรณ์ผลการพิจารณาการเสนอราคาตามระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๔๙ ข้อ ๑๐ (๕) หน่วยงานสามารถดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปได้โดยไม่ต้องระงับการดำเนินการ ๑.๒ ประเด็นการพิจารณาปรับปรุงเกี่ยวกับการประกวดราคากลางสำหรับกรณีการจัดซื้ออุปกรณ์ทางเทคนิคจากภายนอกประเทศที่ผลิตเพื่อใช้งานเป็นการเฉพาะ หากสินค้าหรือบริการใดสามารถกำหนดราคากลางได้ ก็ให้นำราคานั้นมาเป็นราคากลางของสินค้าหรือบริการดังกล่าว แต่หากสินค้าหรือบริการใดไม่สามารถกำหนดราคากลางได้ก็ให้พิจารณาราคากลางที่นำมาอ้างอิงนั้น อาจเป็นราคาที่ได้จากการคำนวณราคาของพัสดุให้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง พร้อมทั้งเหตุผลที่สามารถอธิบายถึงที่มาของราคานั้นได้ ก็ย่อมถือว่าราคาดังกล่าวเป็นราคาที่สามารถกำหนดเป็นราคากลางได้ สำหรับกรณีที่หน่วยงานสืบราคาจากท้องตลาดมากได้มากกว่า ๑ ราย จะต้องใช้ราคาต่ำ ราคาสูง หรือราคาที่เฉลี่ยเพื่อประกาศเป็นราคากลางนั้น อยู่ที่เหตุผลของหน่วยงานที่จะนำมาประกอบการใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจว่าจะใช้ราคาใดเป็นราคากลาง ๑.๓ ประเด็นกรณีการตรวจสอบการเทียบเคียงอำนาจในการสั่งซื้อหรือสั่งจ้างของผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนอแนวทางการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมแก่ระดับความรับผิดชอบและสภาพข้อเท็จจริง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๙ กำหนดให้ผู้มีอำนาจดำเนินการตามระเบียบนี้จะมอบอำนาจเป็นหนังสือให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งใดก็ได้ โดยให้คำนึงถึงระดับ ตำแหน่ง หน้าที่ และความรับผิดชอบของผู้ที่จะได้รับมอบอำนาจเป็นสำคัญ กระทรวงกลาโหมจึงสามารถพิจารณามอบอำนาจได้ตามนัยหลักการดังกล่าวข้างต้น ทั้งนี้ คณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ (กวพ.) อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไขระเบียบฯ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีการแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องกับวงเงินในการสั่งซื้อหรือสั่งจ้างให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในปัจจุบันด้วยแล้ว ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย (นายวิษณุ เครืองาม) กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงแนวปฏิบัติในการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้ได้มาซึ่งพัสดุหรืองานจ้างที่ตรงตามวัตถุประสงค์ของการจัดซื้อจัดจ้างและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อทางราชการ และเป็นไปตามหลักการประหยัด โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยไม่เกิดการทุจริต รวมทั้งสอดคล้องกับความต้องการ ความจำเป็น ในระยะยาวของหน่วยงานนั้น ๆ ด้วย ทั้งนี้ ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างควรมีคณะกรรมการของหน่วยงานที่ทำหน้าที่พิจารณากำหนดความต้องการในการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานในระยะยาวด้วย
|
|||||||||||||||||||||
25147 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำสถานพยาบาล พ.ศ. .... | สธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำสถานพยาบาล พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการกำหนดชนิดและจำนวนเครื่องมือ เครื่องใช้ ยาและเวชภัณฑ์ หรือยานพาหนะที่จำเป็นประจำสถานพยาบาล ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25148 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล พ.ศ. .... | สธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยวิชาชีพและจำนวนผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลทั้งฉบับ เนื่องจากได้มีการปรับปรุงกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาลทั้งฉบับด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกัน ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25149 | สรุปผลการจัดงานสานเสวนาการปฏิรูป "On the Path to Reform" | กต | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการต่างประเทศรายงานสรุปผลการจัดงานสานเสวนาการปฏิรูป “On the Path to Reform” เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ โรงแรมแชงกรีลา กรุงเทพมหานคร โดยสาระสำคัญของงานสานเสวนาฯ ในครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา โปรตุเกส ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย สวิตเซอร์แลนด์ และเยอรมนี และ ๑ องค์กร ได้แก่ Centre for Humanitarian Dialogue ร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์และบทเรียนด้านการปฏิรูปใน ๓ สาขา ได้แก่ การปฏิรูปด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน และการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยได้มีการนำเสนอบทเรียนจากต่างประเทศ อาทิ ระบบที่มาของนายกรัฐมนตรีและความเชื่อมโยงกับอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศต่าง ๆ การเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยโดยอาศัยการจัดทำรัฐธรรมนูญและการประนีประนอมระหว่างกลุ่มการเมืองและกลุ่มทหารในโปรตุเกส พัฒนาการทางการเมืองในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์เทียบเคียงกับไทย การพัฒนาประสิทธิภาพของระบบราชการโดยยึดหลักคุณธรรมในเกาหลี การปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดินของออสเตรเลีย รวมถึงตัวอย่างของการปกครองส่วนท้องถิ่นและการกระจายอำนาจในสวิตเซอร์แลนด์และเยอรมนี ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศทั้งหมดมีความเห็นร่วมกันว่า ปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การขับเคลื่อนการปฏิรูปสำเร็จได้จำเป็นต้องเปิดให้ทุกฝ่ายสามารถมีส่วนร่วม รวมทั้งส่งเสริมความปรองดองเพื่อให้ผลของการปฏิรูปเป็นที่ยอมรับ
|
|||||||||||||||||||||
25150 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... | รง | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่ารักษาพยาบาลที่ให้นายจ้างจ่าย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงอัตราค่ารักษาพยาบาลให้มีความเหมาะสมกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25151 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการค้างาช้าง พ.ศ. .... | สว | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการค้างาช้าง พ.ศ. .... ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมบันทึกหลักการและเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการค้างาช้าง พ.ศ. .... และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ แก้ไข เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป โดยคณะกรรมาธิการฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า เห็นควรแก้ไขชื่อร่างพระราชบัญญัติเป็น "ร่างพระราชบัญญัติงาช้าง พ.ศ. ...." โดยตัด คำว่า "การค้า" ออก เพื่อให้มีความหมายที่กว้างและครอบคลุมชัดเจนยิ่งขึ้น และเพื่อเป็นการสอดรับกับขอบเขตการใช้บังคับของกฎหมาย ซึ่งมิได้ควบคุมเพียงเฉพาะการค้างาช้างเท่านั้นยังควบคุมถึงการครอบครอง การนำเข้า การส่งออก และการดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับงาช้าง ตามบันทึกวิเคราะห์สรุปสาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติการค้างาช้าง พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||
25152 | รายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส 3 ปี 2557 และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนพฤศจิกายน 2557 | อก | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๓ ปี ๒๕๕๗ และรายงานสถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ภาวะเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไตรมาส ๓ (กรกฎาคม-กันยายน ๒๕๕๗) ดัชนีผลผลิตลดลงหรือหดตัวร้อยละ ๓.๙ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน อุตสาหกรรมสำคัญที่การผลิตลดลงในไตรมาสนี้ อาทิ ยานยนต์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส ๓ ปี ๒๕๕๗ แม้ว่าดัชนีฯ ยังคงหดตัวอยู่ แต่มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นจากการที่ดัชนีฯ หดตัวในอัตราที่น้อยลงจากไตรมาสก่อน (ไตรมาส ๒ ปี ๒๕๕๗ ดัชนีฯ หดตัวร้อยละ ๔.๘) ๒. สถานการณ์เศรษฐกิจอุตสาหกรรม ประจำเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ ดัชนีอุตสาหกรรมของเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ ลดลงหรือหดตัวร้อยละ ๒.๙ เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน การผลิตลดลงในหลายอุตสาหกรรมที่สำคัญ อาทิ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม การผลิตเบียร์ เป็นต้น ทั้งนี้ ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม ๒๕๕๗ แม้ว่ายังคงหดตัวอยู่ แต่มีสัญญาณฟื้นตัวขึ้นจากการที่ดัชนีฯ หดตัวในอัตราที่น้อยลงจากเดือนก่อน (เดือนกันยายน ๒๕๕๗ หดตัวร้อยละ ๓.๙) ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจในประเทศเริ่มมีสัญญาณดีขึ้นจากความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และการเมืองมากขึ้นกว่าช่วงที่ผ่านมา การเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณปี ๒๕๕๘ รวมถึงมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรทั้งที่เป็นเงินช่วยเหลือปัจจัยการผลิตและที่เป็นสินเชื่อเพื่อใช้วัตถุดิบการเกษตร ด้วยปัจจัยเหล่านี้ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มเพิ่มระดับการผลิตมากขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของการบริโภคในประเทศในช่วง ต่อ ๆ ไป
|
|||||||||||||||||||||
25153 | รายงานความเห็นเกี่ยวกับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยโดยบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความเห็นเกี่ยวกับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยโดยบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือบริษัท Moody’s Investors Service (Moody’s) และบริษัท Standard and Poor’s (S&P’s) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความเห็นเกี่ยวกับอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย Moody’s เห็นว่าปัจจุบันประเทศไทยมีอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวสกุลเงินตราต่างประเทศที่ระดับ Baa1 อันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้ระยะสั้นสกุลเงินตราต่างประเทศที่ระดับ P-2 และมีแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ ส่วน S&P’s ยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือของพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวสกุลเงินตราต่างประเทศที่ระดับ BBB+ และยืนยันมุมมองอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ตามเดิม ๒. ปัจจัยสนับสนุนต่ออันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย Moody’s และ S&P’s เห็นว่า เกิดจากภาคต่างประเทศของประเทศไทยที่แข็งแกร่งโดยการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศอยู่ในระดับสูง มีสภาพคล่องที่เป็นเงินตราต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ความแข็งแกร่งขององค์กรภาครัฐที่อยู่ในระดับสูง ภาคการคลังที่แข็งแกร่งโดยมีหนี้ของรัฐบาลอยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งนโยบายการเงินที่เชื่อถือได้ ๓. ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทยในระยะต่อไป Moody’s และ S&P’s เห็นว่า เกิดจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจและเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล การเป็นประเทศที่มีระดับรายได้ต่อหัวต่ำ การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะและภาระการคลังซ่อนเร้น ความอ่อนแอด้านธรรมาภิบาล โดยเฉพาะปัญหาการคอร์รัปชัน ๔. ประเด็นที่บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือติดตามอย่างใกล้ชิด โดยประเด็นที่ Moody’s ติดตามอย่างใกล้ชิด คือ ความไม่แน่นอนทางการเมืองภายในประเทศ และการพัฒนาการทางด้านการคลังที่สำคัญ ส่วนประเด็นที่ S&P’s ติดตามอย่างใกล้ชิด คือ หากตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหรือการคลังถดถอยลงเกินกว่าที่ S&P’s ประมาณการไว้ในช่วง ๗ ปีที่ผ่านมา อาจส่งผลให้ S&P’s ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย หรือปรับมุมมองความน่าเชื่อถือจากมีเสถียรภาพเป็นลบได้ รวมทั้งหากผู้นำทางการเมืองทุกกลุ่มสามารถสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้จะช่วยส่งเสริมการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่อันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยในที่สุด
|
|||||||||||||||||||||
25154 | ขออนุมัติดำเนินโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง | กษ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการสร้างรายได้และพัฒนาการเกษตรแก่ชุมชนเพื่อบรรเทาปัญหาภัยแล้ง เพื่อสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและชุมชนเกษตรในช่วงฤดูแล้งปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของชุมชนเพื่อช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนจากภัยแล้งในระยะยาว มีเป้าหมายและพื้นที่ดำเนินการ คือ ชุมชนเกษตรกรที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากภัยแล้งปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ ในพื้นที่ ๓,๔๕๖ ตำบล ๖๘ จังหวัด โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการกำหนดรายละเอียดโครงการให้ชัดเจน เช่น พื้นที่เป้าหมายของโครงการ ประชาชนกลุ่มเป้าหมายที่จะจ้างงาน ซึ่งครอบคลุมทั้งเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย ประเภทและลักษณะโครงการซึ่งเป็นไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่ และวิเคราะห์ผลกระทบของโครงการต่อการจ้างงานและเศรษฐกิจในภาพรวม เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการต่อไป ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่นซึ่งได้เคยดำเนินการไปก่อนหน้านี้ ๓. ให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรพิจารณาตรวจสอบและรับรองข้อมูลว่าเป็นพื้นที่ที่เกิดภัยแล้งจริง และเป็นความต้องการขอรับการสนับสนุนของเกษตรกรในพื้นที่ รวมทั้งมีการตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับเป้าหมายตามมาตรการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากภัยแล้งปี ๒๕๕๗/๒๕๕๘ เพื่อให้การช่วยเหลือเกษตรกรเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ตลอดจนกำกับดูแลให้ชุมชนสามารถพัฒนา ดูแลรักษา และใช้ประโยชน์จากโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตรที่เกิดขึ้นได้อย่างคุ้มค่า ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25155 | โครงการของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน พ.ศ. 2558 | นร | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน พ.ศ. ๒๕๕๘ ของหน่วยงานต่าง ๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ ดังนี้
๑. กระทรวงยุติธรรม จำนวน ๕ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๑.๑ สำนักงาน ป.ป.ส จัดทำแผนการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในช่วงเทศกาลปีใหม่ ๒๕๕๘ ๑.๒ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดจุดบริการ One Stop Service ช่วยเหลือเยียวยาเหยื่ออาชญากรรม ณ สถานีตำรวจภูธรและนครบาลทั่วประเทศ ๑.๓ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จัดตั้งคลินิกให้คำปรึกษาเด็กและครอบครัวอบอุ่น ๑.๔ กรมบังคับคดี จัดทำโครงการ/กิจกรรมเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชน ประกอบด้วย กิจกรรมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี โครงการเร่งรัดผลักดันทรัพย์สินออกจากกระบวนการบังคับคดี กิจกรรมขายทอดตลาดในวันเสาร์ และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการแก่คู่ความและประชาชน ๑.๕ กรมราชทัณฑ์ จัดโครงการเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิดเป็นกรณีพิเศษ ๒. สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จำนวน ๔ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๒.๑ การคัดเลือกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ดี ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ๒.๒ โครงการ “ปลูกไทย... ในแบบพ่อ” ๒.๓ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล ๒.๔ โครงการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ๓. กรมประชาสัมพันธ์ จำนวน ๒ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๓.๑ โครงการกรมประชาสัมพันธ์คืนความสุขให้ประชาชน “ดนตรีในสวน” ๓.๒ โครงการ “ช่วยเหลือประชาชนในภาคเหนือ” ๔. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน ๔ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๔.๑ โครงการตรวจกระเช้าของขวัญปีใหม่ ๔.๒ โครงการตรวจการให้บริการ ณ ท่าเรือ ในจังหวัดพังงา กระบี่ และตรัง ๔.๓ โครงการตรวจการให้บริการ ณ สถานีขนส่ง ๔.๔ โครงการจัดทำระบบ Mobile Application ๕. สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน ๑ โครงการ คือ โครงการสวดมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ ๖. สำนักงาน ก.พ.ร. จำนวน ๓ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๖.๑ โครงการ "คืนความสะดวกให้ประชาชน" ๖.๒ โครงการจัดตั้งศูนย์บริการภาครัฐในห้างสรรพสินค้า (Government Plaza) ๖.๓ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริการของหน่วยงานภาครัฐเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย ตามรายงานการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Ease of Doing Business Report) ๗. บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวน ๔ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ ๗.๑ กิจกรรมเอ็มคอทเรดิโอสโมสร (MCOT RADIO SAMOSORN) ๗.๒ โครงการเวทีความคิด ช่วง ๙๖๕ เดินหน้าปฏิรูป ๗.๓ โครงการ SEED คสช คืนความสุขให้ชาวซี้ด ๗.๔ กิจกรรม MET is Every Where
|
|||||||||||||||||||||
25156 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ครั้งที่ 2/2557 | นร11 | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.) ครั้งที่ ๒/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๒. เห็นชอบผลการพิจารณาและมติของ กนพ. และมอบหมายหน่วยงานรับไปดำเนินการโดยประสานกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติต่อไป ๒.๑ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยให้รับนโยบายประธานและความเห็นของ กนพ. เกี่ยวกับเป้าหมายการดำเนินงานพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษให้มีผลในทางปฏิบัติภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการในเรื่องการเตรียมระบบสาธารณูปโภค (ไฟฟ้าและประปา) การพัฒนาโครงข่ายถนนและการคมนาคมขนส่งกิจกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ การวางผังเมือง การจัดการขยะและของเสีย การพัฒนาบริเวณพื้นที่ชายแดน การประชาสัมพันธ์เพื่อดึงดูดนักลงทุน และการประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด ไปประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป ๒.๒ ที่ประชุมพิจารณาแผนการดำเนินงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ปี ๒๕๕๘-๒๕๕๙ โดยมีมติเห็นชอบการกำหนดขอบเขตพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษระยะแรก การกำหนดสิทธิประโยชน์และมาตรการทางการเงิน การจัดระบบแรงงานต่างด้าวที่มาทำงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในลักษณะข้ามแดนไป-กลับ และให้มีการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงาน รวมทั้งเห็นชอบในหลักการแผนพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและด่านศุลกากร และ มอบหมายหน่วยงานดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินงานพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษมีผลในทางปฏิบัติภายในเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ เพื่อให้สามารถเริ่มเปิดให้มีการลงทุนได้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๘ ๒.๓ ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ได้จัดทำข้อเสนอโครงการบริหารจัดการผลิตผลการเกษตรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษโดยสหกรณ์ และมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดที่เกี่ยวข้อง ไปหารือรายละเอียดเกี่ยวกับการบริหารจัดการผลิตผลการเกษตรในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอีกครั้ง ตามแนวนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสนับสนุนให้ภาคเอกชนหรือผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ดำเนินการนำเข้าผลผลิตจากประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้วมารวมกลุ่มในรูปแบบของสหกรณ์เพื่อแปรรูปและส่งออก แล้วนำเสนอ กนพ. พิจารณาต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25157 | การปรับค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ตอน ดินแดง - ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทาน ตอน ต่อขยายทางด้านทิศเหนือ | คค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการปรับค่าผ่านทางบนทางหลวงสัมปทาน ตอน ดินแดง-ดอนเมือง และทางหลวงสัมปทาน ตอน ต่อขยายทางด้านทิศเหนือ โดยการปรับค่าผ่านทางดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาสัมปทาน ในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๑ ถนนวิภาวดีรังสิต ตอน ดินแดง-ดอนเมือง ฉบับที่ ๓/๒๕๕๐ สัญญาสัมปทาน มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๕๗-๒๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ ทั้งนี้ การปรับค่าผ่านทางตามบันทึกข้อตกลงฯ ฉบับที่ ๓/๒๕๕๐ กำหนดให้มีผลบังคับใช้ได้ทันที โดยผู้รับสัมปทานไม่ต้องขออนุญาตจากกรมทางหลวง แต่ต้องแจ้งให้กรมทางหลวงทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน และให้ผู้รับสัมปทานประกาศและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบล่วงหน้าเป็นเวลาพอสมควร ซึ่งบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ได้มีหนังสือแจ้งกรมทางหลวง เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมประเมินผลการดำเนินการบรรเทาผลกระทบจากการปรับราคาค่าผ่านทางครั้งที่ผ่านมา (เมื่อปี ๒๕๕๒) ทั้งจากมาตรการลดผลกระทบจากการปรับค่าผ่านทางของคณะทำงานของกรมทางหลวง และจากรายการสมนาคุณแก่ผู้ใช้ทางของบริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) ว่าสามารถลดผลกระทบได้หรือไม่ อย่างไร เพื่อนำมาปรับปรุงมาตรการลดผลกระทบจากการปรับราคาครั้งนี้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แล้วรายงานคณะรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25158 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงพาณิชย์) (คณะกรรมการการตรวจสอบมาตรฐานข้าวหอมมะลิบรรจุถุง) | พณ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบมาตรฐานข้าวหอมมะลิบรรจุถุงของกระทรวงพาณิชย์
|
|||||||||||||||||||||
25159 | คณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี (กระทรวงมหาดไทย จำนวน 6 คณะ) | มท | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการของกระทรวงมหาดไทย ดังนี้
๑. แต่งตั้งคณะกรรมการ จำนวน ๓ คณะ คือ ๑.๑ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องการขอเปลี่ยนแปลงชื่อจังหวัด อำเภอ และตำบล หมู่บ้าน หรือสถานที่ราชการอื่น ๆ ๑.๒ คณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานของคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) ระดับกระทรวง ๑.๓ คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตให้ดูดทราย ๒. แต่งตั้งคณะกรรมการและเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบ จำนวน ๒ คณะ คือ ๒.๑ คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๑ ๒.๒ คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย คณะที่ ๒
|
|||||||||||||||||||||
25160 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางหรรษา ไชยวานิช) | สธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางหรรษา ไชยวานิช ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (มาตรฐานห้องปฏิบัติการ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒. นางเดือนถนอม พรหมขัติแก้ว ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (เทคโนโลยีชีวภาพ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗
|
.....