ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1257 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 25121 - 25140 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
25121 | การปรับกฎเฉพาะรายสินค้าจากพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี 2007 เป็นฉบับปี 2012 ภายใต้ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - จีน | พณ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับพิกัดอัตราศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๐๗ เป็นฉบับปี ๒๐๑๒ สำหรับกฎเฉพาะรายสินค้าภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-จีน ๑.๒ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) และกระทรวงพาณิชย์ (กรมการค้าต่างประเทศ) ดำเนินการต่อไป เพื่อให้กฎเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules : PSR) ภายใต้ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน-จีน พิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๑๒ มีผลบังคับใช้โดยเร็ว ๑.๓ มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศแจ้งสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อผนวกกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้าฉบับปี ๒๐๑๒ เข้าไปในความตกลงการค้าสินค้าภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และสาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งนี้ ให้แจ้งเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบและกรมศุลกากรดำเนินกระบวนการภายในแล้วเสร็จ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ประกอบการทราบถึงการปรับพิกัดศุลกากรระบบฮาโมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๐๗ เป็นฉบับปี ๒๐๑๒ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่เกิดปัญหาในทางปฏิบัติในการระบุประเภทพิกัดใน Form E และการดำเนินการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. การปรับพิกัดศุลกากรจากระบบฮาร์โมไนซ์ ฉบับปี ๒๐๐๗ เป็นฉบับปี ๒๐๑๒ เป็นการดำเนินการขององค์การศุลกากรโลก ซึ่งจะมีการปรับทุก ๕ ปี ส่งผลให้การดำเนินการภายใต้กรอบความตกลงต่าง ๆ ต้องมีการปรับ PSR ให้สอดคล้องกับระบบดังกล่าว ดังนั้น จึงให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและรวบรวมเกี่ยวกับการปรับกฎเฉพาะรายสินค้า ภายใต้กรอบความตกลงที่ไทยมีพันธกรณี ซึ่งได้มีผลการประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้วจนถึงปี ๒๕๕๗ โดยให้วิเคราะห์ผลกระทบจากการปรับ PSR ต่อความตกลงแต่ละฉบับ รวมทั้งมีผลเป็นการแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนสาระของความตกลงหรือไม่อย่างไรด้วย แล้วเสนอขออนุมัติต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนในคราวเดียวกัน |
|||||||||||||||||||||
25122 | ขออนุมัติวงเงินค่าควบคุมงานก่อสร้างเพิ่มเติม และขยายเวลาการก่อหนี้ผูกพันข้ามปี | พม | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ในวงเงิน ๑๖,๐๓๗,๕๐๐ บาท ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่กระทรวงการคลังได้อนุมัติให้ขยายระยะเวลากันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี จำนวน ๔,๕๘๒,๗๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๑,๔๕๔,๘๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะต้องดำเนินการตามประกาศหรือคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง มาตรฐานของทางราชการ และหนังสือที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||
25123 | ข้อเสนอโครงการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | ศธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในกรอบวงเงินสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ความเป็นเลิศ ๑๑ ศูนย์ จำนวน ๔,๗๒๐ ล้านบาท สำหรับกรอบระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ ยุทธวงศ์) กำกับติดตามการดำเนินงานของศูนย์ความเป็นเลิศที่จัดตั้งขึ้นแล้ว และที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ให้สามารถสร้างผลงานหรือมีผลผลิตที่ปรากฏเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนและเป็นประโยชน์สอดคล้องกับความต้องการของสังคมและประเทศ ๓. คณะรัฐมนตรีมีความเห็นเพิ่มเติมว่า โครงการสถาบันทางด้านพันธุกรรมเฉพาะบุคคลและเวชพันธุ์รักษ์ระดับนานาชาติของมหาวิทยาลัยมหิดล (คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล) เป็นตัวอย่างของการสร้างศูนย์ความเป็นเลิศที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน สังคมและประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประหยัดงบประมาณและค่าใช้จ่ายด้านการสาธารณสุข รวมทั้งการเป็นศูนย์กลางการให้บริการและการวิจัยด้านพันธุกรรมเฉพาะบุคคลและยีนบำบัดในภูมิภาคอาเซียน จึงขอให้กระทรวงศึกษาธิการ (มหาวิทยาลัยมหิดล) เร่งรัดการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวและนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25124 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับทรงคุณวุฒิ (นางเฟื่องรักษ์ ร่วมเจริญ) | สธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นายเฟื่องรักษ์ ร่วมเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลนครพนม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ๒. นายสมอาจ ตั้งเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) กลุ่มงานศัลยกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||
25125 | มาตรการการดำเนินการปรับลดค่างานก่อสร้างของหน่วยงานภาครัฐ | นร07 | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการการดำเนินการปรับลดค่างานก่อสร้างของหน่วยงานภาครัฐ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยให้หน่วยงานภาครัฐดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วัน นับตั้งแต่วันที่ทราบมติคณะรัฐมนตรี ดังนี้ ๑.๑ กรณีที่หน่วยงานภาครัฐได้ดำเนินการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการ และได้ดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างโดยได้เปิดซองประกวดราคา สอบราคา หรือรับการเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์แล้วก่อนวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ และอยู่ระหว่างการลงนามในสัญญาก่อสร้าง ให้หน่วยงานภาครัฐเจรจาต่อรองราคาค่างานก่อสร้างกับผู้เสนอราคารายต่ำสุด ตามราคากลางงานก่อสร้างที่ปรับลดตามราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับปรุงใหม่ สำหรับการจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนค่างานสิ่งก่อสร้างตามเงื่อนไขของสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ให้ใช้วันที่เจรจาต่อรองจนได้ข้อยุติเป็นฐานในการคำนวณค่า K แทนเดือนเปิดซองประกวดราคา ๑.๒ กรณีที่หน่วยงานภาครัฐได้ดำเนินการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการก่อนวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ และอยู่ระหว่างกระบวนการเปิดซองประกวดราคา สอบราคา หรือรับการเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ภายหลังวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ให้หน่วยงานภาครัฐเจรจาต่อรองราคาค่างานก่อสร้างกับผู้เสนอราคารายต่ำสุด ตามราคากลางงานก่อสร้างที่ปรับลดตามราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับปรุงใหม่ สำหรับการจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนค่างานสิ่งก่อสร้างตามเงื่อนไขของสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K) ให้ใช้วันที่เปิดซองประกวดราคา สอบราคา หรือรับการเสนอราคาด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นฐานในการคำนวณค่า K แทนเดือนเปิดซองประกวดราคา ๑.๓ กรณีหน่วยงานภาครัฐได้ดำเนินการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการก่อนวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ และยังไม่ได้ประกาศประกวดราคา สอบราคา หรือประกาศร่างขอบเขตงาน (Terms of Reference : TOR) ให้หน่วยงานภาครัฐยกเลิกการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างเดิม และให้กำหนดราคากลางงานก่อสร้างใหม่ตามราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับปรุงใหม่เป็นฐานในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างดังกล่าว ๑.๔ กรณีหน่วยงานภาครัฐดำเนินการกำหนดราคากลางงานก่อสร้างตามหลักเกณฑ์การคำนวณราคากลางงานก่อสร้างของทางราชการภายหลังวันที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ให้กำหนดราคากลางโดยใช้ราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับปรุงใหม่เป็นฐานในการคำนวณราคากลางงานก่อสร้างดังกล่าว ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑๕ วันนับตั้งแต่วันที่หน่วยงานภาครัฐทราบมติคณะรัฐมนตรี สำหรับการจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนค่างานสิ่งก่อสร้าง (ค่า K) ตามข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ ให้กระทรวงพาณิชย์กำหนดดัชนีราคาที่ใช้คำนวณตามสูตรที่ใช้กับสัญญาแบบปรับราคาได้เป็นรายวันตั้งแต่วันที่ ๑๖-๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ด้วย ทั้งนี้ ยกเว้นกรณีการดำเนินการตามข้อ ๑.๑ และ ๑.๒ ให้หน่วยงานภาครัฐพิจารณาดำเนินการจ่ายเงินเพิ่มหรือเรียกเงินคืนจากผู้รับจ้างให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ (เรื่อง การพิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพงานก่อสร้าง) ๒. ให้สำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรประชาสัมพันธ์ราคากลางงานก่อสร้างที่ปรับลดตามราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับปรุงใหม่ให้หน่วยงานภาครัฐทราบโดยเร็ว เพื่อให้สามารถดำเนินการเจรจาต่อรองราคาค่างานก่อสร้าง หรือกำหนดราคากลางงานก่อสร้างใหม่ได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งช่วยประหยัดงบประมาณภาครัฐ และสามารถช่วยเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
25126 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงเงินเพิ่มค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ (ช.ค.บ.) ควบคู่ไปกับการปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชั้นผู้น้อย เพื่อให้มีความสอดคล้องกับการปรับเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐชั้นผู้น้อย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. สำหรับภาระงบประมาณค่าใช้จ่ายในการปรับเพิ่มเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินเบี้ยหวัด บำเหน็จ บำนาญ ไปดำเนินการในลำดับแรกก่อน หากไม่เพียงพอ ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
25127 | ขอเปลี่ยนแปลงวงเงินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการการจ้างบำรุงรักษาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่อง X-ray กรมศุลกากร | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการดำเนินงานรายการจ้างบำรุงรักษาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่อง X-ray กรมศุลกากร ซึ่งเป็นรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการจ้างบำรุงรักษาระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่อง X-ray กรมศุลกากร ตามผลการจัดจ้าง ในวงเงินทั้งสิ้น ๑,๑๕๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-พ.ศ. ๒๕๖๒) มีสัดส่วนที่ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณ จำนวน ๖๓๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรือร้อยละ ๕๕ และสัดส่วนที่ใช้จากเงินนอกงบประมาณ จำนวน ๕๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท หรือร้อยละ ๔๕ โดยในส่วนที่ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๓๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไว้แล้วในแผนงานบริหารจัดการเศรษฐกิจมหภาคให้เกิดความยั่งยืน ผลผลิตการจัดเก็บภาษีศุลกากร งบดำเนินงาน รายการค่าจ้างบำรุงรักษา ระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่อง X-ray จำนวน ๑๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากงบดำเนินงานที่ได้รับจัดสรรแล้ว อีกจำนวน ๑๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๙๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๙๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ปีละ ๑๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท) และใช้เงินนอกงบประมาณสมทบ จำนวน ๔๒๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท (ปีละ ๑๐๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท) ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเสนอข้อมูลเพิ่มเติมเปรียบเทียบระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวกับประเทศอื่น ๆ ว่ามีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอย่างไร รวมทั้งหากมีการจัดหาระบบใหม่ทดแทนระบบเดิมจะเหมาะสมและคุ้มค่าหรือไม่ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25128 | ขออนุมัติเบิกจ่ายงบประมาณเพิ่มเติมโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง | กษ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑๖๒.๔๙๐ ล้านบาท ให้องค์การสวนยางเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง ในช่วงที่มีการขยายระยะเวลาโครงการจนถึงเดือนธันวาคม ๒๕๕๗ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งสรุปผลการดำเนินงานและการเงินของโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง พร้อมทั้งผลการตรวจสอบปริมาณและคุณภาพยางในสต็อก เพื่อให้องค์การสวนยางสามารถปิดบัญชีโครงการฯ ได้ตามกรอบระยะเวลาที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ (เรื่อง ขออนุมัติขยายระยะเวลาดำเนินงานโครงการพัฒนาศักยภาพสถาบันเกษตรกรเพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง) คือ ภายในวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ และสามารถส่งมอบยางในสต็อกให้กับโครงการมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายางไปบริหารจัดการได้อย่างถูกต้องตามระเบียบและขั้นตอนการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง ไปดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
25129 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ประจำปี พ.ศ. 2557 | นร01 | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด (ก.ธ.จ.) ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๗ โดยผลการดำเนินงานของ ก.ธ.จ. ในภาพรวม ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๗ ก.ธ.จ. ทั้ง ๗๖ คณะ/จังหวัด ได้ดำเนินการสอดส่องแผนงาน/โครงการตามแผนพัฒนาจังหวัด แผนงานโครงการของจังหวัดและส่วนราชการในจังหวัด รวมถึงการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในจังหวัด เช่น โครงการก่อสร้างถนน สะพาน อาคาร สถานที่ต่าง ๆ ฝายน้ำล้น สถานีสูบน้ำ คลองส่งน้ำ การพัฒนาและปรับปรุงด่านชายแดน และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในประเด็นต่าง ๆ เป็นต้น จำนวน ๖๘๗ งาน/โครงการ มีมติเป็นข้อเสนอแนะให้จังหวัด/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของรัฐรับไปดำเนินการ จำนวน ๑๙๐ ข้อ จังหวัดได้แจ้งผลการดำเนินการตามข้อเสนอแนะของ ก.ธ.จ. จำนวน ๑๗๓ ข้อ หรือคิดเป็นร้อยละ ๙๑.๐๕ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางการดำเนินการของคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดและหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติ เพื่อให้การดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลของหน่วยงานภาครัฐ มีความชัดเจนและปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม และไม่ซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงาน รวมทั้งให้กำหนดตัวชี้วัดให้ชัดเจนด้วย
|
|||||||||||||||||||||
25130 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการ ดังนี้
๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑.๑ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการส่งเสริมตลาดกล้วยไม้ภายในประเทศให้เป็นที่แพร่หลายยิ่งขึ้นด้วย โดยอาจจะจัดแสดงและจำหน่ายกล้วยไม้ไทยในสถานที่ต่าง ๆ ที่มีประชาชนเป็นจำนวนมาก เช่น สถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหากรณีที่มีน้ำเค็มหนุนเข้าในสวนกล้วยไม้ และปัญหาการขาดแคลนน้ำในการปลูกกล้วยไม้ด้วย ๑.๒ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณากำหนดแนวทางและวิธีการในการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย โดยจัดกลุ่มประชาชนตามระดับรายได้ให้ชัดเจน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการดำเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ในการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาลต่อไป ๑.๓ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันพิจารณาหาแนวทางจัดตั้งศูนย์รับซื้อยางพาราในประเทศ เพื่อเป็นจุดประสานระหว่างเกษตรกรและผู้ซื้อโดยตรง โดยให้เกิดเป็นรูปธรรมและให้สามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ รวมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันสำรวจปริมาณการใช้ยางพาราของแต่ละหน่วยงานโดยเร็ว และให้จัดทำแผนการใช้ยางพาราในประเทศด้วย เพื่อให้การใช้ยางพาราเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แล้วนำเสนอผลการดำเนินการดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีทราบต่อไป ๒. ด้านสังคม ๒.๑ ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งดำเนินการตามมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับการปรับโครงสร้างทางการศึกษา วิธีการจัดการศึกษาให้มีมาตรฐาน และให้เด็กไทยสามารถแข่งขันกับนานาประเทศได้ รวมทั้งพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพโดยด่วน โดยให้เริ่มนำร่องในปี ๒๕๕๘ ด้วยการพัฒนาศักยภาพผู้สอนทั้งในด้านวิธีการสอน การใช้เอกสารและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ประกอบการสอน และให้พิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาการเรียกเก็บเงินกินเปล่า (แป๊ะเจี๊ยะ) ของโรงเรียนทั้งของรัฐบาลและเอกชน โดยเฉพาะโรงเรียนนานาชาติ เพื่อให้เด็กทุกคนสามารถเข้าถึงการศึกษาได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกันด้วย ๒.๒ ให้กระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงแรงงานชี้แจงทำความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับความแตกต่างของการให้ความคุ้มครองผู้ประกันตนตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ และการออมตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยเฉพาะสิทธิการออมตามอายุและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลที่แท้จริงและสามารถตัดสินใจเลือกรับสิทธิประโยชน์จากทั้ง ๒ มาตรการ ได้อย่างถูกต้องและได้รับผลประโยชน์สูงสุดต่อไป ๓. ด้านการบริหารราชการและอื่น ๆ โดยที่ปริมาณน้ำฝนในปีนี้มีปริมาณมากกว่าปีที่ผ่านมา จึงทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้ทันท่วงที ประกอบกับขณะนี้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมอย่างฉับพลัน จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ ได้แก่ ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างรวดเร็ว ทันการณ์ และให้ติดตามสถานการณ์สภาพอากาศอย่างใกล้ชิดโดยให้ประสานงานกับกรมอุตุนิยมวิทยา และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) พิจารณาหาแนวทางและแหล่งกักเก็บน้ำฝนซึ่งมีปริมาณมากในช่วงนี้ เพื่อเป็นการระบายน้ำดังกล่าว รวมทั้งเพื่อให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในช่วงฤดูแล้งด้วย
|
|||||||||||||||||||||
25131 | ขอแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2557 (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) | นร05 | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ เกี่ยวกับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ระบุว่า “ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการเกี่ยวกับรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) และการเจรจากับบริษัทเอกชนสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายเพื่อให้สามารถมีรถไฟฟ้าสำหรับให้บริการประชาชนตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้โดยเร็ว” เป็น “ให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการเกี่ยวกับรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Monorail) และการเจรจากับบริษัทเอกชนตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ [เรื่อง ขออนุมัติดำเนินการตามมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยการเจรจาตรงกับบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน-บางซื่อ (งานสัญญาที่ ๕)] เพื่อให้สามารถมีรถไฟฟ้าสำหรับให้บริการประชาชนตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลได้โดยเร็ว” ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
25132 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร07 | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ประกอบด้วย เงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี เงินตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะ ๓ เดือนแรก เงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ (ที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เงินทุนหมุนเวียน (ที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) และเงินอื่น ๆ (เงินไทยเข้มแข็งเดิม และเงิน พ.ร.ก. น้ำ ๓๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม-๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๘๕๖,๗๐๒ ล้านบาท (ไม่รวมเงินลงทุนรัฐวิสาหกิจ และเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่เบิกจ่ายจากงบประมาณ) โดยคาดการณ์ว่าไตรมาสที่ ๑ (ตุลาคม-ธันวาคม ๒๕๕๗) จะมีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ จำนวน ๙๘๔,๒๕๖ ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเสนอ ๒. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ในคราวประชุมเมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ได้แก่ ๒.๑ มาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพิ่มเติม ๒.๑.๑ รายการที่ลงนามในสัญญาแล้ว ให้เร่งรัดการดำเนินงานเพื่อให้สามารถตรวจรับงานและเบิกจ่ายเงินได้ก่อนสิ้นงวดงานแต่ละงวดงาน หรือก่อนระยะเวลาสัญญาสิ้นสุด ๒.๑.๒ รายการที่ไม่สามารถก่อหนี้ได้ภายในไตรมาสที่ ๓ แต่อยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว (ตั้งแต่ขั้นตอนการประกาศเชิญชวน) ให้เร่งรัดการดำเนินงาน เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาได้ภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ ๒.๑.๓ รายการที่ยังไม่ดำเนินการ (ยังไม่เริ่มขั้นตอนการประกาศเชิญชวน) ให้เร่งรัดการประกาศจัดซื้อจัดจ้างภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ กรณีมีรายการที่ต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดรายการ หรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณ ให้ลงนามในสัญญาภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ หากหน่วยงานใดไม่สามารถดำเนินการได้ภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ให้กรมบัญชีกลางรวบรวมรายชื่อหน่วยงานพร้อมปัญหาอุปสรรคของหน่วยงานดังกล่าวเสนอคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐพิจารณาภายในเดือนเมษายน ๒๕๕๘ ๒.๑.๔ รายการที่มีวงเงินเกิน ๑,๐๐๐ ล้านบาท ที่อยู่ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว (ตั้งแต่ขั้นตอนการประกาศเชิญชวน) ให้ลงนามในสัญญาภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ สำหรับรายการที่ยังไม่เริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ให้เร่งรัดดำเนินการประกาศจัดซื้อจัดจ้างภายในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ รวมทั้งให้เสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาภายในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เพื่อให้สามารถลงนามในสัญญาได้ภายในเดือนมีนาคม ๒๕๕๘ ๒.๑.๕ การเบิกจ่ายงบฝึกอบรมและประชุมสัมมนา ให้หน่วยงานเร่งรัดการดำเนินการให้เป็นไปตามแผนการฝึกอบรมและประชุมสัมมนาที่ได้กำหนดไว้โดยเคร่งครัด ๒.๒ มาตรการกระตุ้นการเบิกจ่ายเงินของท้องถิ่นโดยเฉพาะงบเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ๒.๒.๑ ให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกำกับดูแลเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินของท้องถิ่นให้เป็นไปตามมาตรการเร่งรัดการใช้จ่ายเงิน รวมทั้งมอบหมายให้คลังจังหวัดร่วมกับท้องถิ่นจังหวัดติดตามเร่งรัดการก่อหนี้และการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนเฉพาะกิจของท้องถิ่น และรวบรวมปัญหาอุปสรรคที่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้ให้กรมบัญชีกลาง เพื่อเสนอคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐพิจารณา ๒.๒.๒ ให้กระทรวงมหาดไทยสั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายงานผลการจัดซื้อจัดจ้างและการเบิกจ่ายผ่านเว็บไซต์ www.dla.go.th หัวข้อ ระบบสารสนเทศเพื่อการวางแผนและประเมินผลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (e-Plan) ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ ๕ ของทุกเดือน ไปจนกว่าการดำเนินการจะสิ้นสุด โดยให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรายงานให้คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐทราบภายในวันที่ ๑๐ ของทุกเดือน ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเจ้าสังกัดกำกับดูแลให้ส่วนราชการในกำกับ เร่งรัดการเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยให้นำผลการเบิกจ่ายงบประมาณไปใช้ประกอบการพิจารณาในการประเมินผลการปฏิบัติราชการของหัวหน้าส่วนราชการตั้งแต่ระดับอธิบดีขึ้นไป ๔. ให้สำนักงบประมาณนำผลการเบิกจ่ายงบประมาณปี ๒๕๕๙ ของแต่ละส่วนราชการไปใช้ประกอบการพิจารณาในการจัดสรรงบประมาณปี ๒๕๕๙ ของแต่ละส่วนราชการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
25133 | ผลการดำเนินงานเรื่องการปกป้องคุ้มครองมรดกทางศิลปวัฒนธรรม : การรับคืนโบราณวัตถุของไทยจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา | วธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงวัฒนธรรมรายงานผลการดำเนินงานเรื่องการปกป้องคุ้มครองมรดกทางศิลปวัฒนธรรม : การรับคืนโบราณวัตถุของไทยจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา สรุปได้ ดังนี้
๑. ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาประสานงานผ่านสถานกงสุลใหญ่ไทย ณ นครลอสแอนเจลิส กระทรวงการต่างประเทศ ขอให้กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ส่งผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบและคัดเลือกโบราณวัตถุดังกล่าวที่พิพิธภัณฑ์ Bowers สหรัฐอเมริกา ๒. คณะเจ้าหน้าที่กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ และกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ได้เดินทางไปตรวจสอบและร่วมจัดทำบัญชีรายการโบราณวัตถุกับนักวิชาการโบราณคดี ผลปรากฏว่าโบราณวัตถุดังกล่าวเป็นมรดกหรือทรัพย์สมบัติทางศิลปวัฒนธรรมของไทย ประกอบด้วย โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์จากแหล่งโบราณคดีสำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีเป็นจำนวนมาก โบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์จากแหล่งโบราณคดีสำคัญในภาคกลางจากแหล่งโบราณคดีในบริเวณจังหวัดลพบุรีและนครสวรรค์ อายุประมาณ ๒,๕๐๐-๔,๐๐๐ ปีมาแล้ว และโบราณวัตถุสมัยประวัติศาสตร์ พบเป็นจำนวนน้อย ๓. กรมศิลปากรได้แจ้งเรื่องผลการตรวจพิสูจน์ข้างต้นให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ และแจ้งต่อไปยังสำนักงานอัยการสหรัฐอเมริกา เพื่อขอรับโบราณวัตถุจากพิพิธภัณฑ์ Bowers คืนสู่ประเทศไทย โดยกระทรวงการต่างประเทศ (กรมสารนิเทศ) เป็นผู้ประสานหลัก ทั้งนี้ พิพิธภัณฑ์ Bowers ได้จัดส่งหีบห่อ โบราณวัตถุ จำนวน ๘ ลัง รวมทั้งสิ้น ๕๕๔ รายการ โดยทางเรือ เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๗ และมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ กรมศิลปากรได้รับหีบห่อเมื่อวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๗ และตรวจสอบแล้วพบว่าเป็น โบราณวัตถุ ซึ่งประกอบด้วย เครื่องปั้นดินเผา ๒๒๒ รายการ เครื่องประดับสำริด ๑๙๗ รายการ เครื่องมือเครื่องใช้สำริด ๗๙ รายการ ลูกปัดทำด้วยวัสดุต่างๆ ๓๕ รายการ เครื่องมือหินและขวานหิน ๑๑ รายการ และแม่พิมพ์หินทราย ๑๐ รายการ ๔. เมื่อวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ กระทรวงวัฒนธรรมร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้แถลงข่าวในพิธีส่งมอบ-รับมอบโบราณวัตถุดังกล่าว ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร ๕. กรมศิลปากรได้ดำเนินการจัดทำทะเบียนโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ เสร็จสิ้นตามกระบวนการทางพิพิธภัณฑสถานวิทยาเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ได้นำโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุที่ชำรุด เสียหาย ทำการซ่อม สงวน รักษา ตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ที่กลุ่มวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ และหลังจากการอนุรักษ์เรียบร้อยจะนำโบราณวัตถุชิ้นสำคัญมาจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมเพื่อสร้างความตระหนักให้รู้คุณค่า เกิดความรักและหวงแหนโบราณวัตถุที่เป็นมรดกของชาติต่อไป โดยส่วนหนึ่งจะนำไปจัดแสดงและเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี
|
|||||||||||||||||||||
25134 | รายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการลงนามในบันทึกความเข้าใจในการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank : AIIB) โดยเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๗ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ ณ เรือนรับรองรัฐบาลเตียวหยู่ไถ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นการลงนามล่วงหน้าร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมาเลเซียและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังฟิลิปปินส์ ส่วนพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ อย่างเป็นทางการ จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ หอประชุม The Great Hall of People กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มีประเทศสมาชิกส่งผู้แทนเข้าร่วมพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ จำนวน ๒๑ ประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้อัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง (นางอุรีรัชต์ รัตนพฤกษ์) เป็นผู้แทนประเทศไทยในพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ อย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ ภายหลังจากพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ อย่างเป็นทางการ ได้มีการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของประเทศที่สนใจเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้ง AIIB โดยที่ประชุมได้หารือกลไกและแผนการก่อตั้ง AIIB ซึ่งจะดำเนินการผ่านการประชุมหารือระหว่างผู้เจรจาหลัก (Chief Negotiator) ที่ได้รับการแต่งตั้งจากประเทศสมาชิก รวมทั้งได้เห็นชอบให้จีนเป็นผู้นำในการจัดตั้งคณะทำงานระหว่างประเทศเพื่อทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของที่ประชุมผู้เจรจาหลัก และเห็นชอบให้นาย Jin Liqun อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของจีนทำหน้าที่เลขาธิการคณะทำงานระหว่างประเทศดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
25135 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล พ.ศ. 2558 | ทก | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ความเดือดร้อนที่ชุมชน/หมู่บ้านได้รับในรอบปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา ๕ อันดับแรก คือ สินค้าอุปโภค บริโภคราคาแพง (ร้อยละ ๔๔.๖) ผลผลิตการเกษตรราคาตกต่ำ (ร้อยละ ๓๑.๕) หนี้สิน (ร้อยละ ๒๓.๒) ยาเสพติด (ร้อยละ ๒๐.๗) และปุ๋ย/ยาปราบศัตรูพืช/อาหารสัตว์ราคาแพง (ร้อยละ ๑๓.๑) ๒. การประกาศใช้กฎอัยการศึกในปัจจุบัน (เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗) พบว่า ประชาชนเกินครึ่งไม่ได้รับผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน (ร้อยละ ๖๔.๐) มีเพียงร้อยละ ๓๖.๐ ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งในจำนวนนี้ระบุว่าได้รับผลกระทบมาก (ร้อยละ ๖.๐) ปานกลาง (ร้อยละ ๑๕.๔) และน้อย (ร้อยละ ๑๔.๖) ๓. เรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ใน ๕ อันดับแรก คือ การควบคุมราคาสินค้าอุปโภค บริโภค (ร้อยละ ๔๓.๗) การแก้ปัญหาหนี้สิน (ร้อยละ ๓๓.๑) การแก้ปัญหาผลผลิตการเกษตรราคาตกต่ำ (ร้อยละ ๒๗.๐) การแก้ปัญหาการว่างงาน/จัดหาอาชีพ (ร้อยละ ๑๙.๘) และการควบคุมราคาน้ำมัน (ร้อยละ ๑๖.๘) ๔. ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ ๙๒.๙ มีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการช่วยเหลือ/แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน/พัฒนาประเทศให้ดีขึ้น (เชื่อมั่นมาก ร้อยละ ๔๑.๓ ปานกลาง ร้อยละ ๔๗.๑ และน้อย ร้อยละ ๔.๕) มีเพียงร้อยละ ๑.๖ ที่ไม่เชื่อมั่น และร้อยละ ๕.๕ ระบุว่ายังไม่แน่ใจ/ไม่ทราบ ๕. ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายจัดระเบียบสังคม เช่น จัดระเบียบชายหาดท่องเที่ยว จัดระเบียบหาบเร่ แผงลอย ฯลฯ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ ๙๘.๕ มีความพึงพอใจต่อนโยบายจัดระเบียบสังคม (พึงพอใจมาก ร้อยละ ๓๙.๕ ปานกลาง ร้อยละ ๔๘.๓ และน้อย ร้อยละ ๑๐.๗) มีเพียงร้อยละ ๑.๕ เท่านั้นที่ไม่พึงพอใจ
|
|||||||||||||||||||||
25136 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางเดือนถนอม พรหมขัติแก้ว) | สธ | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้
๑. นางหรรษา ไชยวานิช ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (มาตรฐานห้องปฏิบัติการ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๕๗ ๒. นางเดือนถนอม พรหมขัติแก้ว ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์การแพทย์ (เทคโนโลยีชีวภาพ) (นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทรงคุณวุฒิ) ตั้งแต่วันที่ ๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗
|
|||||||||||||||||||||
25137 | ยุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนระดับประเทศ ฉบับที่ 2 ระหว่างประเทศไทยและธนาคารพัฒนาเอเชีย สำหรับปี 2556 - 2559 | กค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบยุทธศาสตร์ความเป็นหุ้นส่วนระดับประเทศ (Country Partnership Strategy : CPS) ฉบับที่ ๒ ระหว่างประเทศไทยและธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asian Development Bank : ADB) สำหรับปี ๒๕๕๖-๒๕๕๙ จัดทำขึ้นโดยมีเป้าหมายเพื่อให้ความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและ ADB นำไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและรายได้ต่อหัวที่เพิ่มขึ้น (การเติบโตและขีดความสามารถในการแข่งขัน) ลดความยากจน ปรับปรุงการกระจายรายได้ และลดช่องว่างทางเศรษฐกิจ (การเติบโตแบบองค์รวม) ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (การเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม) บริการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพและโปร่งใส (หลักธรรมาภิบาลที่ดี) และปรับปรุงการเชื่อมโยงภายในอาเซียน (ความร่วมมือระดับภูมิภาค) ซึ่งจะเน้นความร่วมมือ ๓ ด้านหลัก ได้แก่ (๑) การพัฒนาองค์ความรู้และนวัตกรรม (Knowledge Advancement and Innovation) (๒) การพัฒนาภาคเอกชน (Private Sector Development) และ (๓) ความร่วมมือและการรวมตัวในระดับภูมิภาค (Regional Cooperation and Integration : RCI) โดยผ่านแผนงานที่ ADB จะให้การสนับสนุนใน ๔ แนวสาขา ได้แก่ สาขาการขนส่งและเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาการเงิน สาขาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และสาขาพลังงาน ทั้งนี้ มีการผนวกการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หลักธรรมาภิบาลที่ดี และความเท่าเทียมกันระหว่างชาย-หญิง ให้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการและกิจกรรมของ ADB ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
25138 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และผลการการดำเนินการตามข้อสังเกตที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไปโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีข้อสังเกตว่ากรณีที่ได้แก้ไขเพิ่มเติมมาตรการบังคับในเรื่องรถที่ค้างชำระภาษีเพื่อให้สามารถดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกฎหมาย จากเดิมที่ให้มีการยึดรถเพื่อมิให้นำรถมาใช้วิ่งและบังคับให้เจ้าของรถรีบมาดำเนนิากรชำระภาษีที่ค้าง โดยได้เปลี่ยนเป็นการยึดแผ่นป้ายทะเบียนแทนการยึดรถ รวมทั้งแก้ไขให้นายทะเบียนและผู้ตรวจการมีอำนาจเข้าไปตรวจในสถานที่จำหน่าย เช่า เช่าซื้อ หรือประกอบการเกี่ยวกับรถที่สงสัยว่ามีรถที่ค้างชำระภาษีด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการในทางปฏิบัติมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล กรมการขนส่งทางบกควรมีมาตรการหรือแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจน และมีการประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติรวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการทำงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถประเมินผลการปฏิบัติงานได้ และเห็นควรนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวมีประสิทธิภาพมากขึ้น
|
|||||||||||||||||||||
25139 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 สายกรุงเทพมหานคร - บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 34 (บางวัว) และทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ตอนบ้านหนองปรือ - บ้านฉาง และตอนทางแยกไป บรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (บ้านอำเภอ) และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 331 สายพนมสารคาม - สัตหีบ ตอนบรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (บ้านเขาบายศรี) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 สายกรุงเทพมหานคร - ตราด ตอนบ้าน กม.16 - บ้าน กม.18 เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๔ (บางวัว) และทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง ตอนบ้านหนองปรือ-บ้านฉาง และตอนทางแยกไปบรรจบทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓ (บ้านอำเภอ) และเพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓๓๑ สายพนมสารคาม-สัตหีบ ตอนบรรจบทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗ (บ้านเขาบายศรี) และทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๓ สายกรุงเทพมหานคร-ตราด ตอนบ้าน กม.๑๖-บ้าน กม.๑๘ เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
25140 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาสพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดความผิดเกี่ยวกับเพศ) | สว | 30/12/2557 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาสพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (กำหนดความผิดเกี่ยวกับเพศ) และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่คณะกรรมาธิการฯ แกัไขเป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป
|
.....