ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1147 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 22921 - 22940 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22921 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (จำนวน 7 คน 1. นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล ฯลฯ) | นร03 | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จำนวน ๗ คน ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) ประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ กันยายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นายวัยวุฒิ หล่อตระกูล ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๒. นายทรงฤทธิ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๓. พลตำรวจโท สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านรัฐศาสตร์ ๔. นายสัมมา คีตสิน ผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐศาสตร์ ๕. นายโฆสิต สุวินิจจิต ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการตลาดและโฆษณา ๖. พลอากาศตรี อิทธพร คณะเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสุขภาพและเสริมความงาม ๗. นางชูเนตร ศรีเสาวชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการพัฒนาองค์กรเอกชน (NGO)
|
||||||||||||||||||||||||
22922 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (กระทรวงสาธารณสุข) (นายสมชาย โอวัฒนาพานิช) | สธ | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสมชาย โอวัฒนาพานิช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขากุมารเวชกรรม) กลุ่มงานกุมารเวชกรรม โรงพยาบาลพระนารายณ์มหาราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22923 | สรุปการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 10 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2557 - 31 กรกฎาคม 2558) | นร | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๑๐ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๕๗-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘) ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ ซึ่งมีผลงานสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ได้แก่ โครงการส่งเสริมการจัดกิจกรรมเพื่อความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น โครงการส่งเสริมสนับสนุนการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยผ่านกลไกคณะกรรมการหมู่บ้าน โครงการส่งเสริมวิถีชีวิตแบบประชาธิปไตยเพื่อเสริมสร้างความปรองดองสมานฉันท์ การแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนร้องทุกข์ โดยศูนย์ดำรงธรรม ๒. การปฏิรูปประเทศ ในช่วงเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๘ คณะรัฐมนตรีได้พิจารณารายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอเพื่อการปฏิรูป ได้แก่ รายงานผลการพิจารณาข้อเสนอการปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัย และรายงานผลการพิจารณาเรื่อง แนวทางและมาตรการปกป้องพิทักษ์กิจการพระพุทธศาสนา รวมทั้งให้กระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงานรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง และคณะกรรมาธิการสังคม กิจการเด็ก เยาวชน สตรีฯ เรื่อง การเร่งรัดการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงด้านรายได้เพื่อการยังชีพของผู้สูงอายุ ๓. การบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่ การปกป้องเชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ การรักษาความมั่นคงของรัฐและต่างประเทศ การลดความเหลื่อมล้ำของสังคม การศึกษาและเรียนรู้ การทะนุบำรุงศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การยกระดับคุณภาพบริการด้านสาธารณสุข และสุขภาพของประชาชน การบริหารเศรษฐกิจ การส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน การพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การวิจัยและพัฒนา และนวัตกรรม สนับสนุนการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนาของประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน การส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมภิบาลและการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ รวมทั้งการปรับปรุงกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม
|
||||||||||||||||||||||||
22924 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... | สว | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติกองทุนยุติธรรม พ.ศ. .... เกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินของกองทุนให้ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการให้ความช่วยเหลือประจำจังหวัดควรคำนึงถึงบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับภารกิจในกระบวนการยุติธรรม การพิจารณาให้ความช่วยเหลือบุคคลที่อาจขอรับความช่วยเหลือจากกองทุนควรคำนึงถึงลักษณะของการกระทำความผิด รวมทั้งการกำหนดคุณสมบัติของทนายความที่จะมาปฏิบัติหน้าที่ให้ความช่วยเหลือต้องมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่เหมาะสมกับประเภทของคดีนั้น และการพิจารณาให้ความช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินคดีและการให้ความช่วยเหลือผู้ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือผู้ได้รับผลกระทบจากการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนควรคำนึงถึงพฤติกรรมและข้อเท็จจริงของผู้ที่จะได้รับความช่วยเหลือจากกองทุน ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22925 | รายงานผลการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยว ACMECS ครั้งที่ 2 | กก | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบรายงานผลการเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (Ayeyawady-ChaoPhraya-Mekong Economic Cooperation Strategy : ACMECS) ครั้งที่ ๒ ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยสาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้รับทราบผลการประชุมผู้นำ ACMECS ปฏิญญาเนปิดอว์ (Nay Pyi Taw Declaration) และหารือต่อแผนปฏิบัติการทบทวนแผนงาน ACMECS ๓ ปี (ACMECS Plan of Action 2016-2018) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว รวมทั้งรับทราบผลการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสท่องเที่ยว ACMECS ครั้งที่ ๒ และการรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีท่องเที่ยวกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS Tourism Ministers’ Joint Media Statement) และมอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องกับรายงานดังกล่าวรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒. ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และกระทรวงอุตสาหกรรม เกี่ยวกับกรณีที่ภาคเอกชนเมียนมาจะขอความร่วมมือในเรื่องภาษี (Taxes) เห็นควรให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประสานกับภาคเอกชนเมียนมาขอข้อมูลพร้อมรายละเอียดและแจ้งกระทรวงการคลังเพื่อพิจารณาต่อไป ส่วนข้อเสนอของผู้ประกอบการท่องเที่ยวเมียนมาซึ่งขอความร่วมมือจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและหน่วยงานอื่น ๆ เห็นควรให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องพิจารณาให้ความเห็นเป็นการเฉพาะ นอกจากนี้ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดทำรายละเอียดภารกิจที่เห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการแจ้งแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกครั้งเพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติ รวมทั้งสามารถติดตามผลการดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22926 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4030 สายเทพกษัตรี - เชิงทะเล เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๓๐ สายเทพกษัตรี-เชิงทะเล เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ และส่งมอบพื้นที่เพื่อขยายทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๓๐ สายเทพกษัตรี-เชิงทะเล ในท้องที่อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22927 | ข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (กรณีมาตรา 84 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 กระทบสิทธิมนุษยชน ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550) | สม | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมายเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กรณีมาตรา ๘๔ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๕๓ กระทบสิทธิมนุษยชนไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐) ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมายในกรณีที่รัฐวิสาหกิจด้านโทรคมนาคมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชน ๒. มอบหมายให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22928 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายของรัฐบาลที่บังคับให้รถโดยสารสาธารณะต้องติดตั้งก๊าซธรรมชาติ NGV (Natural Gas or Vehicles) แต่มีเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติไม่เพียงพอ | สม | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะเชิงนโยบาย เรื่อง สิทธิและเสรีภาพในการประกอบอาชีพ กรณีได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายของรัฐบาลที่บังคับให้รถโดยสารสาธารณะต้องติดตั้งก๊าซธรรมชาติ NGV (Natural Gas for Vehicles) แต่มีเชื่อเพลิงก๊าซธรรมชาติไม่เพียงพอ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โดยเห็นว่า การดำเนินการตามมาตรการใด ๆ ของรัฐจะต้องดำเนินมาตรการควบคู่ไปกับหลักการสิทธิมนุษยชนและหลักมนุษยชนซึ่งเป็นหลักสากล และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22929 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิของแรงงานข้ามชาติ | สม | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิของแรงงานข้ามชาติ ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เกี่ยวกับการจัดระบบบริหารแรงงานข้ามชาติ การต่ออายุการจ้างงานและออกใบอนุญาตทำงาน นโยบายในเรื่องการย้ายแรงงานออกนอกเขตจังหวัด และนโยบายในการคุ้มครองสิทธิแรงงานข้ามชาติ และมอบหมายให้กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22930 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ และร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ๒๕๕๐ มีข้อสังเกตเกี่ยวกับบทบัญญัติความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการเลือกตั้ง หากมีการยกร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาขึ้นมาใช้บังคับใหม่ ควรกำหนดความผิดมูลฐานไว้เช่นเดิม ๑.๒ ร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีข้อสังเกตเกี่ยวกับระยะเวลาการแจ้งให้ผู้มีหน้าที่รายงานเก็บรักษารายละเอียดการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าต่อไปอีกไม่เกิน ๕ ปี ควรมีการแจ้งให้ผู้มีหน้าที่รายงานทราบล่วงหน้าก่อนครบกำหนดเวลา ๑๐ ปี เป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน รวมทั้งการคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ควรสรรหาผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ด้านต่าง ๆ ๒. แจ้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบต่อไป ๓. มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ไปพิจารณาศึกษาถึงแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22931 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา | นร52 | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง สิทธิในการได้รับบริการจากรัฐ กรณีกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ขอความช่วยเหลือเยียวยา ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้พิจารณาข้อเสนอแนะนโยบายดังกล่าว และได้ดำเนินการปรับปรุงแนวทางการรับรอง ๓ ฝ่าย (ประกอบด้วย ทหาร ตำรวจ พนักงานวินิจฉัยฝ่ายปกครอง) โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการในชั้นอุทธรณ์ระดับจังหวัด โดยให้ยื่นขอรับการช่วยเหลือภายในระยะเวลา ๑ ปี นับจากวันที่เกิดเหตุ โดยไม่ต้องรอผลของพนักงานสอบสวน ซึ่งแนวทางดังกล่าวอยู่ระหว่างการเสนอปรับปรุงการช่วยเหลือเยียวยา เพื่อให้คณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีคณะอนุกรรมการด้านการช่วยเหลือเยียวยาฯ (ปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน) พิจารณาในการปรับปรุงต่อไป ตามที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้เสนอ และแจ้งให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22932 | กรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ 2559 | นร11 | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอเพิ่มเติมว่า ยังมีโครงการของรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมจำนวนหนึ่งที่อยู่ระหว่างรอเสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติ ซึ่งมีวงเงินลงทุนประมาณ ๑๒๗,๕๐๑ ล้านบาท ดังนั้น เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการเหล่านั้นแล้ว จะมีผลทำให้กรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ มีการปรับเพิ่มขึ้นอีกประมาณ ร้อยละ ๑๖ ซึ่งสูงกว่ากรอบวงเงินเบิกจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ๒. รับทราบและเห็นชอบตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๒.๑ รับทราบประมาณการงบทำการประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ ๗๕,๐๗๙ ล้านบาท และรับทราบประมาณการแนวโน้มการดำเนินงานช่วงปี ๒๕๖๐-๒๕๖๒ ของรัฐวิสาหกิจที่คาดว่าผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิรวม ๒๙๕,๑๘๖ ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณปีละ ๙๘,๓๙๕ ล้านบาท และการเบิกจ่ายลงทุนรวม ๒,๕๐๙,๗๓๖ ล้านบาท หรือเฉลี่ยประมาณปีละ ๘๓๖,๕๗๙ ล้านบาท ๒.๒ เห็นชอบกรอบและงบประมาณของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ วงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๔๘๒,๑๑๒ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๕๙๓,๑๖๗ ล้านบาท ประกอบด้วย ๒.๒.๑ กรอบการลงทุนสำหรับงานตามภารกิจปกติและโครงการต่อเนื่องวงเงินดำเนินการ จำนวน ๑,๑๘๒,๑๑๒ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๕๓๓,๑๖๗ ล้านบาท ๒.๒.๒ กรอบการลงทุนสำหรับการเพิ่มเติมระหว่างปีวงเงินดำเนินการ จำนวน ๓๐๐,๐๐๐ ล้านบาท และวงเงินเบิกจ่ายลงทุน จำนวน ๖๐,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับรองรับโครงการลงทุนที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติอนุมัติเพิ่มเติมระหว่างปี และงบลงทุนปกติที่อาจต้องปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมตามความจำเป็นระหว่างปี เพื่อให้รัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการได้ทันทีภายในปีงบประมาณ สำหรับโครงการที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและการลงทุนที่ใช้เงินงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ เห็นควรให้ดำเนินการได้เมื่อได้รับอนุมัติตามขั้นตอนแล้ว ทั้งนี้ กำหนดเป้าหมายให้รัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายลงทุนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๙๕ ของกรอบวงเงินอนุมัติเบิกจ่ายลงทุน ๒.๓ เห็นควรมอบหมายคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมงบลงทุนระหว่างปี ในส่วนของงบลงทุนเพื่อการดำเนินงานปกติ และโครงการต่อเนื่องที่การเปลี่ยนแปลงไม่มีผลกระทบต่อสาระสำคัญและกรอบวงเงินโครงการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้วแทนคณะรัฐมนตรี เพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการ ๒.๔ เห็นชอบให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ที่ใช้แหล่งเงินดำเนินงานจากเงินงบประมาณ ให้สอดคล้องกับผลการจัดสรรงบประมาณตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติการลงทุนเพิ่มเติมระหว่างปีของรัฐวิสาหกิจ ๒.๕ เห็นควรให้รัฐวิสาหกิจรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงาน และการเบิกจ่ายลงทุนในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทราบภายในทุกวันที่ ๕ ของเดือนอย่างเคร่งครัด และให้กระทรวงเจ้าสังกัดรับข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ระดับกระทรวงและระดับองค์กร ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้รายงานผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะและความก้าวหน้าการดำเนินโครงการลงทุนทุกไตรมาส ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการติดตามประเมินผลการดำเนินงานและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจได้อย่างต่อเนื่อง ๓. ให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการพิจารณากรอบและงบประมาณลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ควรคำนึงถึงความสามารถในการเบิกจ่ายลงทุนในอดีต ความพร้อม และประสิทธิภาพของรัฐวิสาหกิจประกอบด้วย ส่วนโครงการตามแผนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่มีความพร้อมในการดำเนินการและยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เห็นควรให้กระทรวงเจ้าสังกัดและรัฐวิสาหกิจเร่งนำเสนอโครงการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็ว และให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ รัฐมนตรีเจ้าสังกัดที่กำกับดูแล และคณะกรรมการของแต่ละรัฐวิสาหกิจให้ความสำคัญในการติดตามผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณีมอบหมายให้คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นผู้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมงบลงทุนระหว่างปี รวมทั้งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับวงเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ควรมีการรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22933 | ขอความเห็นชอบร่างแถลงการณ์กัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยเรื่องการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานกรณีไม่ปกติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Kuala Lumpur Declaration on Irregular Movement of Persons In Southeast Asia) และร่างแถลงการณ์กัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2558 (2015 Kuala Lumpur Declaration on Combating Transnational Crime) | ตช | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์กัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยเรื่องการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานกรณีไม่ปกติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Kuala Lumpur Declaration on Irregular Movement of Persons In Southeast Asia) และร่างแถลงการณ์กัวลาลัมเปอร์ว่าด้วยเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ (2015 Kuala Lumpur Declaration on Combating Transnational Crime) เพื่อจะได้นำร่างแถลงการณ์ทั้งสองร่างดังกล่าวเข้าในวาระการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ ๑๐ (10th ASEAN Ministerial Meeting on Transnational Crime) ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่างวันที่ ๒๘ กันยายน-๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำในร่างแถลงการณ์ทั้งสองร่างดังกล่าวในกรณีที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญ และไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติหรือให้ความเห็นชอบไว้ ให้สามารถดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) |
||||||||||||||||||||||||
22934 | โครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต 2558/59 | พณ | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อก ปีการผลิต ๒๕๕๘/๕๙ โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการเก็บสต็อกในรูปข้าวเปลือกและข้าวสารจากเดิมตรวจนับเฉพาะข้าวเปลือก เพื่อดูดซับผลผลิต เป้าหมายเก็บสต็อก ๓ ล้านบาท เป็นระยะเวลา ๒-๖ เดือน ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ส่วนงบประมาณดำเนินการ จำนวน ๓๘๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เข้าร่วมโครงการฯ ในอัตราร้อยละ ๓ จำนวน ๓๘๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท และค่าใช้จ่ายในการกำกับดูแลและประเมินโครงการของคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดและกรมการค้าภายใน ในพื้นที่ที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวน ๒,๕๐๐,๐๐๐ บาท ให้กระทรวงพาณิชย์ใช้จ่ายจากงบประมาณคงเหลือของโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต็อกเพิ่มขึ้น ที่กรมการค้าภายในเบิกจ่ายแทนสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ และได้เสนอขอขยายระยะเวลาเพื่อกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกรณีไม่มีหนี้ผูกพันแล้ว จำนวน ๓๑๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยหักภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตามโครงการ ปีการผลิต ๒๕๕๗/๕๘ ในโอกาสแรกก่อน สำหรับส่วนที่เหลือหากไม่เพียงพอหรือมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มเติม ก็ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์จัดทำรายละเอียดและแผนการใช้จ่ายเงินงบกลางเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงพาณิชย์พิจารณาทบทวนเป้าหมายของโครงการให้เหมาะสมกับสถานการณ์และติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ ทั้งนี้ ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการดำเนินโครงการฯ ควรมีกลไกการป้องกันมิให้เกิดการกักตุนสต็อกและบิดเบือนกลไกตลาด ซึ่งจะทำให้ผิดวัตถุประสงค์ในการดำเนินโครงการฯ และควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้มีความเหมาะสม และสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการฯ รวมทั้งมีแนวทางในการติดตามประเมินผลโครงการฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาให้โครงการฯ มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ระยะเวลาการรับซื้อผลผลิตของโครงการฯ ควรจะสิ้นสุดตามระยะเวลาที่ผลิตผลข้าวนาปีออกสู่ท้องตลาด คือ ประมาณสิ้นเดือนมีนาคม ๒๕๕๙ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22935 | ร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... | สธ | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ. .... มีสาระสำคัญกำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น มีอำนาจหน้าที่เสนอนโยบายและยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ในวัยรุ่นต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการดำเนินการร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นรูปธรรม ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับบทนิยามคำว่า “วัยรุ่น” ให้สอดคล้องกับกฎหมายอื่น เช่น พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาไปพร้อมกับร่างพระราชบัญญัติฯ ซึ่งนายเจตน์ ศิรธรานนท์ กับคณะ เป็นผู้เสนอ ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ทันภายในกำหนดเวลาต่อไป ๒. ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่นที่ครบวงจร ทั้งการป้องกันไม่ให้เกิดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น การบริหารจัดการเมื่อมีการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของวัยรุ่นตั้งครรภ์และบุตรที่เกิดขึ้นมาให้เป็นบุคลากรที่มีศักยภาพ และเนื่องจากการดำเนินงานตามร่างพระราชบัญญัติฯ มีความเกี่ยวข้องกับภารกิจของหลายหน่วยงาน รวมทั้งกฎหมายต่าง ๆ หลายฉบับ จึงควรกำหนดมาตรการและกลไกต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการบูรณาการ และประสานแผนการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการกำกับติดตามให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาความซ้ำซ้อนที่อาจเกิดขึ้นเมื่อร่างพระราชบัญญัติฯ ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมเร่งดำเนินการพิจารณาบ่อเกิดของปัญหาสังคมและภยันตรายที่เกิดขึ้นกับวัยรุ่นในปัจจุบัน ตลอดจนแนวทางในการแก้ไขปัญหาของวัยรุ่นในสังคมไทยด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22936 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดเพิ่มมูลค่าของโครงการที่จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2556 พ.ศ. .... | กค | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดเพิ่มมูลค่าของโครงการที่จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการเพิ่มมูลค่าของโครงการที่จะต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ จากโครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป เป็นโครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่ห้าพันล้านบาทขึ้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่เห็นควรกำหนดแนวทางการพิจารณาและขั้นตอนการดำเนินการโครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาท-ต่ำกว่า ๕,๐๐๐ ล้านบาท ให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการกิจการโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะที่มีความจำเป็น ควรให้คงถือปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนฯ และเห็นควรเร่งพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการให้เอกชนร่วมลงทุนในโครงการที่มีมูลค่าต่ำกว่า ๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามมาตรา ๕๘ แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนฯ เพื่อให้มีความสอดคล้องกับการปรับเพิ่มมูลค่าของโครงการและมีผลบังคับใช้ในช่วงเวลาเดียวกันกับร่างกฎกระทรวงฯ นอกจากนี้ หากโครงการใดมีความสำคัญหรือสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ก็สามารถกำหนดให้ต้องดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนฯ ได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22937 | ขออนุมัติดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบังของการท่าเรือแห่งประเทศไทย | คค | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้กระทรวงคมนาคม (การท่าเรือแห่งประเทศไทย) ดำเนินโครงการพัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทยเป็นผู้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องมือยกขนหลักทั้งหมด รวมถึงการบริหารและการประกอบการ โดยใช้งบประมาณลงทุนของการท่าเรือแห่งประเทศไทย วงเงินรวม ๒,๙๔๔.๙๓ ล้านบาท ๒. ให้กระทรวงคมนาคม (การท่าเรือแห่งประเทศไทย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๓๔ (เรื่อง การกำหนดอัตราค่าภาระขั้นสูงและขั้นต่ำของท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง) โดยการกำหนดอัตราค่าภาระการใช้ท่าเรือ การท่าเรือแห่งประเทศไทยควรพิจารณากำหนดส่วนแบ่งจากอัตราค่าภาระสำหรับการจ้างเอกชนให้มีความเหมาะสม โดยภาครัฐไม่เสียประโยชน์ และควรกำกับ ดูแล ให้การลงทุนเป็นไปตามที่ได้รับอนุมัติไว้อย่างเคร่งครัด และเร่งรัดให้มีการใช้จ่ายรายจ่ายลงทุนที่สอดคล้องกับการดำเนินงานของรัฐบาล เพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างต่อเนื่อง เรียบร้อย และเสร็จภายในเวลาที่กำหนด รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลและกำชับให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยจัดทำสัญญาจ้างเหมาบริการกับเอกชน โดยที่ทั้งภาครัฐและเอกชนได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างคุ้มค่าและเป็นธรรม รวมถึงพิจารณากำหนดอัตราค่าจ้างเหมาให้มีความเหมาะสม โดยไม่ให้เกิดเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เป็นภาระแก่รัฐวิสาหกิจ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22938 | รายงานการศึกษาความเหมาะสมของโครงการให้เอกชนลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี | กค | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอเพิ่มเติมว่า เนื่องจากโครงการให้เอกชนลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอยขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรีเป็นการดำเนินโครงการใหม่ ตามนัยของพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๓๕ จึงเห็นควรให้กระทรวงมหาดไทย (องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี) ดำเนินการตามมาตรา ๘ ของพระราชบัญญัติฯ โดยเสนอผลการศึกษาและวิเคราะห์โครงการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาก่อน หากสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเห็นด้วยกับโครงการ ให้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในหลักการของโครงการต่อไป ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย (องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี) รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม การปรับเพิ่มรายได้และค่าใช้จ่ายในแต่ละปีให้สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งผนวกรวมสิทธิประโยชน์จากการส่งเสริมการลงทุนตามนโยบายของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซึ่งจะช่วยให้ผลตอบแทนสุทธิของโครงการสูงขึ้นและสอดคล้องกับความเป็นจริง การพิจารณาประเด็นด้านเทคนิครวมถึงเตรียมบุคลากรที่เชี่ยวชาญเพื่อสร้างความมั่นใจในการเดินระบบให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ การพิจารณาความเสี่ยงหรือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายหลังจากการบริหารจัดการ ได้แก่ ผลกระทบจากการขนส่งขยะเข้ามาในพื้นที่โครงการ การก่อเหตุรำคาญ ทั้งด้าน เสียง กลิ่น ฝุ่น ความสั่นสะเทือน ผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ปัญหาไดออกซิน ฯลฯ การเร่งประสานกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและการไฟฟ้านครหลวงในการยื่นคำร้องและข้อเสนอการขายไฟฟ้าเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก การจัดทำแผนการลดปริมาณและการคัดแยกขยะมูลฝอยจากแหล่งกำเนิดควบคู่ไปด้วย (Preventive Method) การพิจารณาใช้หลักการผู้ก่อมลพิษเป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย (Polluter Pays Principle) เพื่อลดปริมาณขยะมูลฝอยและภาระค่าใช้จ่ายในการกำจัด และเป็นการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการ รวมทั้งให้ดำเนินโครงการด้วยความโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และปฏิบัติตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนในพื้นที่ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
22939 | ขออนุมัติดำเนินการต่อรายการรายจ่ายงบลงทุน ปีงบประมาณ 2558 (ปรับปรุงสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จังหวัดสงขลา จังหวัดระนอง จังหวัดเชียงราย และจังหวัดปทุมธานี) | พม | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการต่อรายการรายจ่ายงบลงทุน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๔,๒๘๑,๐๓๓.๕๕ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงสถานที่และติดตั้งกล้องวงจรปิดรองรับการดูแลและแก้ไขปัญหาผู้อพยพในภาวะไม่ปกติ (โรฮีนจา) ให้สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ทั้ง ๔ แห่ง คือ จังหวัดสงขลา จังหวัดระนอง จังหวัดเชียงราย และจังหวัดปทุมธานี เป็นกรณีเฉพาะราย ทั้งนี้ การใช้จ่ายและเบิกจ่ายงบประมาณรายการดังกล่าว สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญด้วย ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||
22940 | ร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ยธ | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. ๒๕๔๔ เพื่อให้พนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีหน้าที่ที่จะต้องแจ้งผู้เสียหายหรือทายาทซึ่งได้รับความเสียหายให้ทราบถึงสิทธิการขอรับค่าตอบแทน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณารวมกับร่างพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
|
.....