ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1147 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 22921 - 22940 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22921 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) คดีระหว่างนางสาวพัฒนาวรรณ นาเลาห์ ที่ 1 กับพวกรวม 30 คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือ เจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย | นร05 | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) คดีระหว่างนางสาวพัฒนาวรรณ นาเลาห์ ที่ ๑ กับพวกรวม ๓๐ คน ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และการกระทำละเมิดหรือความรับผิดอย่างอื่นของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22922 | รายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี 2557 ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) | อื่นๆ | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานประจำปี ๒๕๕๗ ขององค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ประกอบด้วยผลงานขององค์การในปี ๒๕๕๗ รวมทั้งโครงการ แผนงาน และแผนงบประมาณปี ๒๕๕๘ ตามที่ ส.ส.ท. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22923 | สรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ 10 - 14 สิงหาคม 2558) | สผ | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการ สภาปฏิรูปแห่งชาติ ในวาระปฏิรูป (วันที่ ๑๐-๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาปฏิรูปแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22924 | แจ้งคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6) ในคดีระหว่างนางสุรีย์ลักษณ์ คงเจริญโชค ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายหรือจากการละเลยต่อหน้าที่ | นร05 | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำพิพากษาศาลปกครองกลางยกฟ้องคณะรัฐมนตรี (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๖) ในคดีระหว่างนางสุรีย์ลักษณ์ คงเจริญโชค ผู้ฟ้องคดี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ และความรับผิดอย่างอื่นอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมายหรือจากการละเลยต่อหน้าที่ ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22925 | แจ้งมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กรณีถอดถอนหรือไม่ถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง | สว | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติแจ้งมติของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๔๙/๒๕๕๘ ซึ่งได้มีการออกเสียงลงคะแนนถอดถอนหรือไม่ถอดถอนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๒๔๘ คน ออกจากตำแหน่ง โดยผลปรากฏว่า มีคะแนนเสียงถอดถอนน้อยกว่าสามในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (ปัจจุบันมีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ จำนวน ๒๒๐ คน จำนวนสามในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คือ ๑๓๒ คน) ดังนั้น จึงมีมติไม่ถอดถอนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๒๔๘ คนดังกล่าวออกจากตำแหน่ง
|
|||||||||||||||||||||
22926 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางและเงินงบประมาณเหลือจ่าย | นร07 | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบกลางและเงินงบประมาณเหลือจ่ายตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณงบกลาง ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ จำนวน ๑๑ รายการ งบประมาณทั้งสิ้น จำนวน ๓๗๕,๗๐๘ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว จำนวน ๒๖๐,๙๑๘ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖๙.๔ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๒๓,๗๕๐ ล้านบาท หรือร้อยละ ๖.๓ ๑.๒ การเบิกจ่ายเงินงบประมาณเหลือจ่าย (เงินกันไว้เบิกเหลื่อมปี) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๔๘-๒๕๕๗ ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ จนถึงวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ จำนวนทั้งสิ้น ๓๕๑,๘๑๓ ล้านบาท เบิกจ่ายแล้ว ๑๙๗,๙๐๙ ล้านบาท หรือร้อยละ ๕๖.๓ เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๙,๐๘๖ ล้านบาท หรือร้อยละ ๒.๖ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ร่วมกับกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายงบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแล้วให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล หากไม่ทันตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้เงินงบประมาณดังกล่าวพับไป
|
|||||||||||||||||||||
22927 | สรุปการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร07 | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวในวาระที่ ๒-๓ เรียบร้อยแล้ว โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ ได้ร่วมกันชี้แจงต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๕๘ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ให้รัฐบาลรับไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22928 | มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 | นร07 | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ และให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐถือปฏิบัติต่อไป ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาภายในวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๘ โดยมีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ๑.๑.๑ รายจ่ายประจำ ให้ความสำคัญกับการจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายไตรมาส โดยในส่วนของการดำเนินงานตามภารกิจยุทธศาสตร์ ภารกิจหน่วยงาน จะต้องเร่งรัดให้เริ่มดำเนินงานและเริ่มเบิกจ่ายงบประมาณตั้งแต่ไตรมาสที่ ๑ สำหรับการฝึกอบรมประชุมสัมมนา ให้คำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นหลัก ทั้งนี้ ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โดยเบิกจ่ายได้ในไตรมาสที่ ๑ ไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ๑.๑.๒ รายจ่ายลงทุน กรณีจัดหาครุภัณฑ์ ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นจะต้องมีความพร้อมเกี่ยวกับคุณลักษณะเฉพาะ ผลการสืบราคา และสถานที่/พื้นที่รองรับครุภัณฑ์ รวมถึงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน กรณีสิ่งก่อสร้าง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ต้องพิจารณาให้มีความพร้อมเกี่ยวกับข้อกำหนดและขอบเขตของงาน (TOR) แบบรูปรายการ ประมาณราคา สถานที่/พื้นที่ก่อสร้าง รวมถึงการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน ๑.๑.๓ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น เริ่มกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้เมื่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙ พิจารณาแล้วเสร็จ (วันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๘) โดยมีเงื่อนไขว่าจะก่อหนี้ผูกพันได้ก็ต่อเมื่อได้รับจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณแล้ว ทั้งนี้ รายการรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินไม่เกิน ๒ ล้านบาท ให้ก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายงบประมาณในไตรมาสที่ ๑ รายการรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินตั้งแต่ ๒ ล้านบาทขึ้นไป จะต้องก่อหนี้ผูกพันให้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ ๑ ยกเว้นรายการที่มีวงเงินเกิน ๕๐๐ ล้านบาท ให้ก่อหนี้ผูกพันอย่างช้าภายในไตรมาสที่ ๒ และรายการครุภัณฑ์ที่มีวงเงินสูง รวมถึงครุภัณฑ์ที่มีคุณลักษณะพิเศษหรือจัดหาจากต่างประเทศ จะต้องเร่งรัดก่อหนี้ผูกพันโดยเร็ว ๑.๒ เมื่อสำนักงบประมาณเห็นชอบแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณและจัดสรรงบประมาณให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นแล้ว ให้เร่งดำเนินการโอนจัดสรรงบประมาณที่ดำเนินการในเขตพื้นที่จังหวัดไปยังสำนักเบิกส่วนภูมิภาคนั้น ๆ ตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้โดยเร็ว อย่างช้าไม่เกินสามวันทำการ นับตั้งแต่วันที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ ๑.๓ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณตามตัวชี้วัดผลผลิตและตามขั้นตอนการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งระบุปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ไข โดยให้จัดส่งผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐเป็นรายเดือนและรายไตรมาส เพื่อสำนักงบประมาณจะได้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินการของแผนงาน/โครงการเป็นรายเดือน และรวบรวมรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเป็นรายเดือนและรายไตรมาสต่อไป ๑.๔ ให้หัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานอื่น และผู้ว่าราชการจังหวัดติดตามและกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดให้ปฏิบัติตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณโดยเคร่งครัด ๑.๕ ให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น ที่มีเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีเร่งรัดการก่อหนี้และเบิกจ่ายเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีโดยเร็ว ๑.๖ กรณีที่ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และการกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นสมควรให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณไปดำเนินการ ยกเว้นรายการรายจ่ายลงทุนที่มีวงเงินไม่เกิน ๒ ล้านบาท โดยเสนอรองนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น พิจารณาและส่งให้สำนักงบประมาณพิจารณาเห็นชอบการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้สำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๙ มีการตั้งวงเงินรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพิ่มขึ้นจาก ๘๘,๘๒๓.๗ ล้านบาท (ร้อยละ ๓.๔๕ ของวงเงินงบประมาณปี ๒๕๕๘) เป็น ๑๐๓,๕๔๕.๘๐๐ ล้านบาท (ร้อยละ ๓.๘๑ ของวงเงินงบประมาณปี ๒๕๕๙) โดยที่การใช้จ่ายจากรายจ่ายงบกลาง มีเงื่อนไขที่ค่อนข้างเข้มงวดและเฉพาะเจาะจง ซึ่งอาจส่งผลต่อเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณได้ ดังนั้น จึงควรพิจารณาไม่นำรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นรวมไว้ในการตั้งเป้าหมายการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22929 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประจำปี 2557 และประจำปี 2558 | ยธ | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประจำปี ๒๕๕๗ และประจำปี ๒๕๕๘ ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปี ๒๕๕๗ และประจำปี ๒๕๕๘ ๑.๒ อนุมัติกรอบการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ประจำปี ๒๕๕๗ และปี ๒๕๕๘ ปีละจำนวน ๙,๔๘๐ คน แบ่งเป็น ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง จำนวน ๗,๔๙๗ คน จากระบบทะเบียนกำลังพล จำนวน ๒๙๙,๘๕๖ คน คิดเป็นร้อยละ ๒.๕ และผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๑,๙๘๓ คน จากระบบทะเบียนกำลังพล จำนวน ๓๙๖,๖๔๒ คน คิดเป็นร้อยละ ๐.๕ เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดดีเด่นและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ๒. สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าวเห็นสมควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดในโอกาสแรกก่อน หากไม่สามารถดำเนินการได้ให้เบิกจ่ายจากงบกลาง รายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||
22930 | มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ | ปช | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ประกอบด้วย การกำหนดนโยบายบริหารจัดการทรัพยากรแร่ การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมแร่ และการกำกับติดตาม และการบังคับใช้กฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ การกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ ๒. มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงาน ก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของมาตรการดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภาพรวมส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22931 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง รายงานการศึกษาและข้อเสนอแนะแนวทางการสร้างความปรองดอง) | สผ | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง รายงานการศึกษาและข้อเสนอแนะแนวทางการสร้างความปรองดอง ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การสร้างความเข้าใจร่วมของสังคมต่อเหตุแห่งความขัดแย้ง ๒. การแสวงหาและเปิดเผยข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ความรุนแรง ๓. การอำนวยความยุติธรรม การสำนึกรับผิดชอบและการให้อภัย ๔. การเยียวยา ดูแล และการฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบ ๕. การสร้างสภาวะที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกัน ๖. มาตรการป้องกันการใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
|
|||||||||||||||||||||
22932 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปเพื่อรับมือวิกฤตการณ์น้ำทะเลขึ้นสูงและแผ่นดินทรุดพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) (มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลัก) | สผ | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง การปฏิรูปเพื่อรับมือวิกฤตการณ์น้ำทะเลขึ้นสูงและแผ่นดินทรุดพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. ปฏิรูปเชิงนโยบาย ต้องจัดทำเป็นยุทธศาสตร์ชาติเพื่อดำเนินการป้องกันและรับมือปัญหาวิกฤติการณ์น้ำทะเลขึ้นสูงในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยเพิ่มเติมกฎหมาย ขยายขอบเขต บทบาท กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพัฒนากลไกในการขับเคลื่อนการดำเนินการ ๒. ปฏิรูปด้านองค์กร กำหนดให้มีหน่วยงานหรือคณะกรรมการเฉพาะเพื่อขับเคลื่อนแผนงาน และกำกับดูแลภารกิจในการป้องกันและรับมือกับปัญหาวิกฤติการณ์น้ำเพิ่มขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างบูรณาการ ๓. ปฏิรูปด้านวิชาการ กำหนดให้มีกลไกทางวิชาการในการสนับสนุนองค์ความรู้เพื่อเตรียมการป้องกันทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งการเฝ้าระวัง การประเมินการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบ ๔. ปฏิรูปด้านกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมในการรับรู้และตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบ และนำเสนอมาตรการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนการร่วมขับเคลื่อนแผนงาน การให้ความรู้โดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
|
|||||||||||||||||||||
22933 | รายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตที่เกิดจากการอนุญาตให้ราษฎรครอบครองที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน | มท | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อเสนอ/แนวทางการดำเนินการของหน่วยงานราชการ ตามแบบรายงานผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการตามข้อเสนอของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติเพื่อป้องกันการทุจริตที่เกิดจากการอนุญาตให้ราษฎรครอบครองที่ดินของรัฐตามประมวลกฎหมายที่ดิน โดยมีข้อเสนอ/แนวทางการดำเนินการเกี่ยวกับการทบทวนกระบวนการจัดที่ดินผืนใหญ่ การทบทวนนโยบายเรื่องการดำเนินงานโฉนดชุมชนหรือนโยบายเรื่องอื่นที่มีลักษณะเดียวกันเพื่อป้องกันการบุกรุกที่ดินของรัฐแปลงอื่น ๆ ในอนาคต การเร่งรัดการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกลางที่รวบรวมข้อมูลที่ดินของทุกหน่วยงานให้เป็นระบบและมาตรฐานเดียวกัน รวมทั้งการเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขและประกาศใหม่เฉพาะเขตที่จะดำเนินการปฏิรูปจริงให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๓ ปี เป็นต้น และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้รับมอบหมายจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย ๒. ในส่วนของกรณีข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่ให้เร่งรัดการดำเนินการแก้ไขและประกาศใหม่เฉพาะเขตที่จะดำเนินการปฏิรูปจริงให้แล้วเสร็จโดยเร็วภายใน ๓ ปี นั้น หากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาแล้วว่า ไม่สามารถดำเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาดังกล่าว ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
22934 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. .... | สว | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธุรกิจรักษาความปลอดภัย พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าวไปพิจารณาว่าสมควรจะดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้หรือไม่ประการใดก่อน แล้วแจ้งผลการดำเนินการดังกล่าวให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อสังเกต ดังนี้
๑. เมื่อมีการประกาศใช้พระราชบัญญัตินี้ สมควรให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยคณะกรรมการกำกับธุรกิจการรักษาความปลอดภัยได้กำกับดูแลให้บริษัทธุรกิจรักษาความปลอดภัยมีความเข้มแข็งมั่นคง สามารถดำเนินธุรกิจและควบคุมกำกับดูแลตนเองได้ในรูปแบบของกลุ่มหรือสมาคมผู้ประกอบธุรกิจรักษาความปลอดภัย เช่นเดียวกับการประกอบธุรกิจอื่น ๆ แล้วให้ลดบทบาทของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้ธุรกิจรักษาความปลอดภัยสามารถจดทะเบียนดำเนินการกับกระทรวงพาณิชย์แต่เพียงแห่งเดียว ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปในเชิงธุรกิจโดยแท้จริง ๒. การจัดสรรเงินที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับจากค่าธรรมเนียมและค่าปรับ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำความตกลงกับกระทรวงการคลังในการนำเงินดังกล่าวมาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานตามพระราชบัญญัตินี้
|
|||||||||||||||||||||
22935 | ร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร11 | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติองค์การมหาชน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงาน ก.พ.ร. ปรับแก้ไขตามมติที่ประชุมร่วมกับรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยกำหนดให้มีกลไกทางกฎหมายในรูปของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (กพม.) เพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบองค์การมหาชนต่าง ๆ จำนวน ๓๘ แห่ง และที่จะมีเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งเดิมเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
22936 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกและประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศิลปินแห่งชาติได้รับประโยชน์ตอบแทนค่ารักษาพยาบาลเฉพาะตัวในส่วนที่เบิกได้ไม่เต็มจำนวน หรือในกรณีที่เบิกไม่ได้ ส่วนที่ยังขาดอยู่หรือเบิกไม่ได้ให้เบิกตามกฎกระทรวงนี้ได้อีก ภายในวงเงินไม่เกิน ๑๐๐,๐๐๐ บาทต่อปีงบประมาณ โดยให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๕ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. มอบให้กระทรวงวัฒนธรรมพิจารณาความเหมาะสมและความจำเป็นในการจัดตั้งสมาคมเพื่อดูแลสิทธิประโยชน์ของศิลปินให้ครอบคลุมศิลปินทุกสาขา โดยให้มีกฎหมายและงบประมาณรองรับตามความเหมาะสมด้วย |
|||||||||||||||||||||
22937 | แผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียนของการไฟฟ้านครหลวง | มท | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทย โดยการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ดำเนินการตามแผนงานเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินเพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียนของ กฟน. ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม จำนวน ๓๙ เส้นทาง เป็นระยะทาง ๑๒๗.๓ กิโลเมตร กรอบวงเงินลงทุน ๔๘,๗๑๗.๒ ล้านบาท ตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑๐/๒๕๕๗ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยใช้เงินกู้เพื่อลงทุน จำนวน ๓๙,๑๐๐ ล้านบาท และเงินรายได้ของ กฟน. จำนวน ๙,๖๑๗.๒ ล้านบาท ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟน. รับความเห็นของกระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพลังงาน สำนักงบประมาณ ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ และประธานกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานและคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับแนวทางการระดมทุนและการให้ความสำคัญในการวางแผนทางการเงินและการบริหารการลงทุนของแผนงานฯ การแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อทำหน้าที่ในการวางแผน กำกับดูแล และติดตามผลการดำเนินการ รวมทั้งเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาและประเมินผลการดำเนินงาน การกำหนดแนวทางหรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม การบูรณาการเทคโนโลยีการบริหารจัดการด้านระบบจำหน่าย (Distribution Management System : DMS) เข้ากับโครงการนี้ การจัดลำดับความสำคัญและความพร้อมของเส้นทางที่จะดำเนินการ การบริหารจัดการงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการอย่างรอบคอบ การตรวจสอบและติดตามงานก่อสร้างอย่างสม่ำเสมอ การประชาสัมพันธ์ถึงแผนการดำเนินงาน ตลอดจนประโยชน์โดยรวมที่ภาคเอกชนและประชาชนจะได้รับ การประสานขอความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงาน การบูรณาการในการใช้ทรัพยากรร่วมกัน (Resource Sharing) ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเพื่อมิให้ส่งผลกระทบต่อภาระค่าไฟฟ้าที่จะเรียกเก็บจากประชาชนในอนาคต การศึกษาแนวโน้มความต้องการไฟฟ้าในแต่ละพื้นที่และประเมินระดับขีดความสามารถในการรองรับความต้องการไฟฟ้าทั้งในด้านเทคนิคและด้านกายภาพเพื่อประกอบการจัดลำดับความสำคัญของแต่ละพื้นที่ การกำกับดูแลและควบคุมต้นทุนการดำเนินแผนงานฯ การประสานงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณูปโภคทั้งของภาครัฐและเอกชนในการบูรณาการการดำเนินงานนำสายไฟฟ้าและสายสื่อสารลงใต้ดินเพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าของแผนงานฯ การประชาสัมพันธ์พื้นที่ที่ได้ดำเนินการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายใต้ดินเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบถึงผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินแผนงานฯ การจัดโครงสร้างองค์กรเพื่อบริหารจัดการแผนงานฯ ให้เป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (Initial Environment Examination : IEE) เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพลังงาน กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการแผนพัฒนาสาธารณูปโภคต่าง ๆ ในภาพรวม เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบโทรศัพท์ เป็นต้น ในกรอบเวลา ๕ ปี แล้วจัดลำดับความสำคัญของโครงการที่จะดำเนินการในแต่ละปี เพื่อให้การดำเนินการเป็นเอกภาพ ไม่เกิดความซ้ำซ้อน และสามารถพิจารณาจัดสรรงบประมาณได้อย่างเหมาะสมต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22938 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การกำกับดูแลสื่อสิทธิเสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ และการป้องกันการแทรกแซงสื่อ และร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ....) [มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เป็นหน่วยงานหลัก] | สผ | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอเรื่อง การกำกับดูแลสื่อ สิทธิเสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ และการป้องกันการแทรกแซงสื่อ และร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงวัฒนธรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การปฏิรูปด้านเสรีภาพสื่อบนความรับผิดชอบ ๒. การปฏิรูปด้านการป้องกันการแทรกแซงและครอบงำสื่อ ๓. การปฏิรูปด้านการกำกับดูแลสื่อ
|
|||||||||||||||||||||
22939 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการค่าก่อสร้างและค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 3 พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ เป็นค่าก่อสร้างและควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ | ศย | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ปรับเปลี่ยนรายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๓ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ งบประมาณทั้งสิ้น ๖๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เปลี่ยนเป็น รายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๕ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ งบประมาณทั้งสิ้น ๖๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ๑.๒ ปรับเปลี่ยนรายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๓ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ งบประมาณทั้งสิ้น ๑,๑๘๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เปลี่ยนเป็น รายการค่าควบคุมงานก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๕ พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ งบประมาณทั้งสิ้น ๑,๑๘๐,๐๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ ๒. ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินการก่อสร้างและควบคุมงานก่อสร้างรายการดังกล่าว ให้สำนักงานศาลยุติธรรมดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด และประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ และขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||
22940 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 เพิ่มเติมจากงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | ศป | 01/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลปกครองใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติจากกระทรวงการคลังให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณจนถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายน ๒๕๕๘ แล้ว จำนวน ๒๑,๑๐๒,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวให้แก่ตุลาการศาลปกครอง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นชอบแล้ว โดยให้ทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
.....