ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1144 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 22861 - 22880 จากข้อมูลทั้งหมด 123961 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22861 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งและการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งของเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กระทรวงศึกษาธิการ) (นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์) | ศธ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งและการปฏิบัติหน้าที่ของนายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22862 | ขอรับโอนข้าราชการ (นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์) | กก | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้ง นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22863 | การรับโอนข้าราชการมาแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สำนักนายกรัฐมนตรี) (นายนพวัชร สิงห์ศักดา) | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอนและแต่งตั้ง นายนพวัชร สิงห์ศักดา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี (นักปกครองระดับสูง) สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑๖/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22864 | ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ครั้งที่ 1 (นายคมสัน เอกชัย) | มท | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายคมสัน เอกชัย ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ต่อไปอีก เป็นเวลา ๑๐ เดือน (ครั้งที่ ๑) ตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ ถึงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22865 | แต่งตั้งข้าราชการการเมืองและแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (พันเอก ชัชวาล วรรณสุทธิ์ พลเอก เจริญ นพสุวรรณ และ พลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ) | นร04 | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองและแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยลำดับที่ ๑ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ กันยายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป และลำดับที่ ๒-๓ ให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งเป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. พันเอก ชัชวาลย์ วรรณสุทธิ์ ดำรงตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ๒. พลเอก เจริญ นพสุวรรณ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ๓. พลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
|
|||||||||||||||||||||
22866 | รายงานสถานภาพ ภาพรวมด้านงบประมาณ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานภาพรวมด้านงบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๗-๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๘ มีการเบิกจ่ายเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้วทั้งสิ้น ๒,๘๖๒,๗๓๔ ล้านบาท (รวมเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจและเงินทุนหมุนเวียนที่ไม่ได้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณ) เพิ่มขึ้นจากวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ จำนวน ๑๐๐,๒๐๙ ล้านบาท ตามที่สำนักงบประมาณและกรมบัญชีกลางเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
22867 | การจัดงานแสดงสินค้า "สุดยอดแบรนด์ไทย (Top Thai Brands)" | พณ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบรายงานผลการดำเนินการจัดงานแสดงสินค้า “สุดยอดแบรนด์ไทย (Top Thai Brands)” ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปได้ดังนี้ ๑.๑ กระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจัดงานแสดงสินค้า “สุดยอดแบรนด์ไทย (Top Thai Brands)” ระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๘ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการได้เห็นศักยภาพของสินค้าแบรนด์ไทยส่งออก และเพื่อเป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจในการพัฒนาศักยภาพสินค้าของภูมิภาคและชุมชน รวมทั้งเพื่อนำสินค้าของเกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สู่ผู้บริโภค ๑.๒ มีผู้ส่งออกและผู้ประกอบการที่มีศักยภาพของไทยที่เข้าร่วมแสดงและจำหน่ายสินค้าในงาน จำนวนรวมทั้งสิ้น ๔๘๑ ราย กลุ่มผู้ซื้อจากต่างประเทศ ๖๘ ราย มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ ๑๐๐,๐๐๐ คน และมีรายได้จากยอดขายภายในงานและการเจรจาจับคู่ธุรกิจประมาณ ๓๐๐ ล้านบาท นอกจากนี้ มีการจัดสัมมนาเพื่อพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ ๑๕ หัวข้อ มีผู้เข้าร่วมฟังการสัมมนารวมทั้งสิ้นมากกว่า ๙๖๓ คน ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการจัดงานแสดงสินค้าในลักษณะเดียวกับงานแสดงสินค้า “สุดยอดแบรนด์ไทย (Top Thai Brands)” ในต่างประเทศ โดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมา ลาว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สินค้าของไทย สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ และดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||
22868 | การเสนอหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และคู่มือการดำเนินงานตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล | มท | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบหลักเกณฑ์ ขั้นตอน แนวทาง และคู่มือการดำเนินงานมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล โดยมีหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณ คือ จัดสรรงบประมาณให้ตำบลละ ๕ ล้านบาท สำหรับโครงการที่มีลักษณะ (๑) เป็นโครงการเกี่ยวกับการซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ (๒) เป็นโครงการส่งเสริมการพัฒนาชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง การปรับเปลี่ยนการปลูกพืชใหม่ที่มีตลาด การเปลี่ยนแปลงอาชีพ การสร้างฝาย ปลูกต้นไม้หรือป่าชุมชน เป็นต้น และ (๓) โครงการด้านเศรษฐกิจและสังคม เช่น การเพิ่มศักยภาพในการประกอบอาชีพของคนในหมู่บ้าน/ชุมชน ส่งเสริมการประกอบอาชีพ การปรับปรุงซ่อมแซมศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์บริการผู้สูงอายุ เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินโครงการให้เป็นไปอย่างโปร่งใส ตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งคำนึงถึงความต้องการและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ดำเนินโครงการด้วย ๒. เห็นชอบให้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากกรอบวงเงินที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการไว้เดิมเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนผู้มีรายได้น้อย และมาตรการกระตุ้นการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาลทั่วประเทศ) วงเงิน ๓๖,๒๗๕ ล้านบาท อีกจำนวน ๑,๖๓๘.๗๗๖๓ ล้านบาท รวมเป็นกรอบวงเงินใหม่ของมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล วงเงิน ๓๗,๙๑๓.๗๗๖๓ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖-พ.ศ. ๒๕๕๗ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่ได้รับอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีจากกระทรวงการคลังแล้ว และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดทำรายละเอียดข้อมูลวงเงินตามสัดส่วนจำนวนตำบลและหลักเกณฑ์จำแนกเป็นรายจังหวัดและตำบลผ่านรัฐมนตรีเจ้าสังกัดเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ ภายในวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๘ และให้กระทรวงมหาดไทยและคณะกรรมการบูรณาการกลั่นกรองโครงการในระดับจังหวัดและคณะกรรมการระดับอำเภอเร่งรัดตรวจสอบกลั่นกรองและจัดทำรายละเอียดโครงการและค่าใช้จ่ายประกอบการพิจารณาให้ครบถ้วน แล้วส่งสำนักจัดทำงบประมาณเขตพื้นที่ ๑-๑๘ สำนักงบประมาณ ภายในวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๘ เพื่อพิจารณาอนุมัติก่อนเบิกจ่ายต่อไป รวมทั้งให้ความสำคัญกับการรายงานความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง การติดตามประเมินผล และการประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. รับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) รายงานว่า คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติอยู่ระหว่างดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ในระดับหมู่บ้าน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ และในวันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๘ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติจะจัดงานเปิดโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ในระดับหมู่บ้าน ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมงานประมาณ ๖,๐๐๐ คน ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ประสานรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าร่วมงานและร่วมตอบข้อซักถามของประชาชนที่มาร่วมงานดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||
22869 | คำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 1/2558 เรื่อง ให้ข้าราชการกลับไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิม (สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี) | นร04 | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ ๑/๒๕๕๘ ลงวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๕๘ เรื่อง ให้ข้าราชการกลับไปปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิม จำนวน ๒ ราย ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. นายขวัญชัย วงศ์นิติกร อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ๒. นายชูศักดิ์ ตั้งศิริไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดปราจีนบุรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
|
|||||||||||||||||||||
22870 | ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... | สผ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติแจ้งผลการลงมติร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช .... ซึ่งสภาปฏิรูปแห่งชาติลงมติไม่เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ
|
|||||||||||||||||||||
22871 | กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งและให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง | นร04 | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบเรื่อง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งและให้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ ดังนี้
๑. กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง จำนวน ๑๐ ราย ได้แก่ ๑.๑ นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ ๑.๒ นายพิชัย สนแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๑.๓ นายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ๑.๔ นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑.๕ พลตำรวจโท วรศักดิ์ นพสิทธิพร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม ๑.๖ นายสมบูรณ์ เมฆไพบูลย์วัฒนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ๑.๗ ศาสตราจารย์ พรายพล คุ้มทรัพย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพลังงาน ๑.๘ นายวีระพันธ์ สุพรรณไชยมาตย์ ผู้ช่วยรัฐมนตีรประจำกระทรวงสาธารณสุข ๑.๙ นายปราโมทย์ วิทยาสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม ๑.๑๐ นางสาวจุฬารัตน์ สุธีธร ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการคลัง ๒. กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๓ ราย ได้แก่ ๒.๑ นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒.๒ พลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ๒.๓ พลเอก กิตติ ปทุมมาศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน
|
|||||||||||||||||||||
22872 | การประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 5/2558 | นร05 | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดให้มีการจัดการประชุมร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ ๕/๒๕๕๘ ในวันอังคารที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๕๘ เวลา ๐๙.๐๐ น. ณ ห้องประชุม ๕๐๑ ตึกบัญชาการ ๑ ชั้น ๕ ทำเนียบรัฐบาล
|
|||||||||||||||||||||
22873 | สถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบสถานการณ์น้ำและการคาดการณ์ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ จากการคาดการณ์ปริมาณน้ำฝน ปี ๒๕๕๘ ทั่วประเทศ ของกรมอุตุนิยมวิทยาจะมีปริมาณฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ ๑๐-๒๕ โดยสถานการณ์การกักเก็บน้ำ ณ วันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๘ มีปริมาตรน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศ ๓๕,๓๕๘ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๕๐ (ปริมาตรน้ำใช้การได้ ๑๑,๘๕๕ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๒๕) สำหรับเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาตรน้ำในเขื่อน ๘,๖๙๒ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๓๕ (ปริมาตรน้ำใช้การได้ ๑,๙๙๖ ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ ๑๑) ซึ่งต่ำกว่าปริมาตรน้ำ ในปี ๒๕๕๗ ๑.๒ แนวทางการแก้ปัญหาก่อนสิ้นฤดูฝน (ปลายเดือนกันยายน-ต้นเดือนตุลาคม ๒๕๕๘) คือ การเก็บกักน้ำในแหล่งน้ำและลำน้ำสาขาให้ได้มากที่สุด การลดการระบายน้ำของเขื่อนปากมูลลงแม่น้ำโขง และการพิจารณาหาแนวทางกักเก็บน้ำก่อนไหลออกจากประเทศไทยในระยะกลางและระยะยาว ๑.๓ ความก้าวหน้าในการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ปี ๒๕๕๗-๒๕๖๙ จำนวน ๑๒ กิจกรรม (ณ วันที่ ๓ กันยายน ๒๕๕๘) เช่น การทำประปาหมู่บ้าน/โรงเรียน/ชุมชน การทำน้ำบาดาลการเกษตร การขุดลอกลำน้ำสายหลัก การฟื้นฟูป่า ซึ่งส่งผลให้ปัจจุบันมีน้ำกักเก็บแล้ว ๕๘๕ ล้านลูกบาศก์เมตร ๑.๔ ผลการดำเนินงานของส่วนราชการในการประหยัดน้ำ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางประหยัดน้ำในหน่วยงานภาครัฐ) หน่วยงานภาครัฐ ร้อยละ ๔๘ (จำนวน ๒,๓๓๐ อาคาร) มีการลดการใช้น้ำแล้ว สำหรับหน่วยงานภาครัฐที่เหลืออยู่ระหว่างการปรับตัว โดยคาดว่าปริมาณการใช้น้ำในหน่วยงานภาครัฐจะลดลงตามเป้าหมาย ๒. ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘ (เรื่อง แนวทางการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้ง) ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันรับผิดชอบในการดำเนินการกำหนดแนวทางและวิธีการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่ว่าในการดำเนินการแก้ไขปัญหาและให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยแล้งควรจัดให้มี (๑) มาตรการด้านการสร้างงานเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้ (๒) มาตรการด้านการฟื้นฟูและช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง และ (๓) มาตรการด้านการปรับโครงสร้างการผลิต การส่งเสริมอาชีพและการเตรียมการแก้ไขปัญหาผลกระทบด้านภัยธรรมชาติในระยะยาว นั้น ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการจัดทำมาตรการด้านการปรับโครงสร้างการผลิตให้มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรมภายใน ๓ เดือน โดยให้คำนึงถึงการใช้ประโยชน์หรือการจัดระเบียบพื้นที่เพาะปลูกเป็นรายกลุ่มให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ สำหรับการสนับสนุนปัจจัยการผลิตในการปรับเปลี่ยนอาชีพของเกษตรกรให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ให้พิจารณาความเป็นไปได้ในการดำเนินการในลักษณะให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในด้านทุนและปัจจัยการผลิตผ่านการรวมกลุ่ม โดยให้มีการขึ้นทะเบียนผู้เข้าร่วมโครงการกับหน่วยงานราชการให้ชัดเจน และภายในระยะเวลา ๑-๒ ปี เมื่อเกษตรกรมีรายได้เพียงพอแล้วให้ชำระคืนเงินทุนและค่าปัจจัยการผลิตให้ทางราชการต่อไป ๓. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๘ (เรื่อง ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี) ในการจัดหาพื้นที่กักเก็บน้ำและพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำที่เชื่อมต่อกับแม่น้ำระหว่างประเทศ เช่น แก้มลิง อ่างเก็บน้ำ เพื่อเป็นจุดเชื่อมโยงในการส่งน้ำจากแหล่งน้ำระหว่างประเทศมาใช้ภายในประเทศได้มากยิ่งขึ้น และสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยจัดหางานบริเวณรอบพื้นที่กักเก็บน้ำหรือแหล่งน้ำที่ได้รับการพัฒนาดังกล่าวให้แก่ผู้มีรายได้น้อยและไม่มีที่ดินทำกินโดยรัฐบาลเป็นผู้ลงทุนและแบ่งผลประโยชน์ให้ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการให้เกษตรกรชะลอการเพาะปลูกข้าว และหากไม่สามารถส่งน้ำเพื่อทำการเพาะปลูกข้าวนาปรังได้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งประกาศให้เกษตรกรรับทราบโดยเร็วด้วย
|
|||||||||||||||||||||
22874 | รายงานผลการปฏิบัติงานของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเวทีความร่วมมือเพื่อการพัฒนาหมู่เกาะแปซิฟิก ครั้งที่ 3 ณ กรุงซูวา สาธารณรัฐฟิจิระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม - 3 กันยายน 2558 | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานผลการเดินทางในฐานะผู้แทนนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำเวทีความร่วมมือเพื่อการพัฒนาหมู่เกาะแปซิฟิก ครั้งที่ ๓ ณ กรุงซูวา สาธารณรัฐฟิจิ ระหว่างวันที่ ๓๑ สิงหาคม-๓ กันยายน ๒๕๕๘ โดยได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเปิดการประชุมฯ และเป็นประธานกล่าวเปิดนิทรรศการ “Thailand and the Philosophy of Sufficiency Economy : A Path to Sustainable Development” เพื่อประชาสัมพันธ์บทบาทของไทยในการพัฒนาที่ยั่งยืนตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในโอกาสนี้ยังได้พบปะหารือกับผู้นำและผู้แทนประเทศต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประชุม รวมทั้งได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีฟิจิ และหารือข้อราชการกับนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีฟิจิในเรื่องแผนงานร่วมในการพัฒนา ๓ ปี และการขยายความร่วมมือ อาทิ การเปิดสถานเอกอัครราชทูตฟิจิประจำประเทศไทย การส่งเสริมการค้าการลงทุนด้านเกษตรและประมง และการลงนามบันทึกความเข้าใจเพื่อขยายความร่วมมือทางวิชาการระหว่างกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศและเป็นโอกาสในการเพิ่มบทบาทและช่องทางการค้าการลงทุนของไทยในกลุ่มประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก ทั้งนี้ สาธารณรัฐฟิจิถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในกลุ่มนี้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ โดยเน้นการสร้างบทบาทของไทยในฐานะผู้นำในการเข้าสู่ตลาดการค้าและการลงทุนกับกลุ่มประเทศหมู่เกาะซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบปลาทูน่าและแหล่งลงทุนในอุตสาหกรรมประมงที่สำคัญ
|
|||||||||||||||||||||
22875 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..)พ.ศ. .... (การบังคับโทษปรับการรอการกำหนดและรอการลงโทษ และแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษของผู้ใช้และผู้ถูกใช้) (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การบังคับโทษปรับการรอการกำหนดโทษและรอการลงโทษ และแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับโทษของผู้ใช้และผู้ถูกใช้) ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
|||||||||||||||||||||
22876 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... (สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ถอนร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... (สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ) จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารนำมารวมพิจารณามาทบทวนกับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. .... (กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นผู้เสนอ) อีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
22877 | รายงานเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ | นร | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รายงานเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ โดยสรุปว่า สภาปฏิรูปแห่งชาติได้ลงมติไม่เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเมื่อวันที่ ๖ กันยายน ๒๕๕๘ จึงมีผลให้ Road Map ของคณะรัฐมนตรีขยายออกไปจากเดิมตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม และรายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ๑.๑ ขั้นตอนและกรอบระยะเวลาการดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญ ภายหลังที่สภาปฏิรูปแห่งชาติไม่เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ๑.๒ โครงสร้างของรัฐตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๕๘ ถึงเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ จะประกอบด้วยคณะรัฐมนตรี ทำหน้าที่การบริหาร การปฏิรูป และการปรองดอง กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทำหน้าที่รักษาความสงบแห่งชาติ และเป็นกลไกให้คณะรัฐมนตรีในการบริหารและกลไกในการขจัดความขัดแย้ง การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง ๑.๓ ในระหว่างการยกร่างรัฐธรรมนูญโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญซึ่งจะแต่งตั้งขึ้นใหม่ ให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการสร้างผลงานตามยุทธศาสตร์และนโยบายของรัฐบาลให้เป็นประโยชน์สูงสุด ๒. มอบให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) รับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วยว่า เพื่อให้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยเป็นที่ยอมรับของคนในชาติ เห็นควรให้มีการสร้างการรับรู้ให้ประชาชนทราบและเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาหรือสถานการณ์ของประเทศไทยที่ผ่านมาก่อนวันที่๒๒ พฤษภาคม ๒๕๕๗ โดยให้มีการวิเคราะห์สาเหตุที่สภาปฏิรูปแห่งชาติลงมติไม่เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นจากเหตุหลายประการ เช่น บทบัญญัติยังไม่ครอบคลุมกลไกเกี่ยวกับการปฏิรูป การขจัดความขัดแย้ง การปรองดอง และกลไกการแก้ปัญหาเพื่อวางรากฐานของประเทศให้ยั่งยืนต่อไป เพื่อจะได้ทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้น และเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ ทั้งนี้ กรอบระยะเวลาการดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญจะทำให้เร็วขึ้นได้ก่อนเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๐ หากคนในชาติทุกคนร่วมมือกันและไม่มีความขัดแย้งกัน โดยให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ นอกจากนี้ ต้องสร้างความรับรู้กับประชาชนให้เข้าใจกลไก ขจัดความขัดแย้งด้วย โดยศึกษาตำราจากต่างประเทศ เพื่อช่วยนำพาประเทศไปสู่ความยั่งยืน มั่นคง ต่อไป ๓. ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนที่คณะรัฐมนตรีแต่งตั้งนำนโยบายของรัฐบาลหรือผลการพิจารณาที่ได้ข้อยุติแล้ว นำไปขับเคลื่อนให้ส่วนราชการดำเนินการต่อไปโดยเร็ว ๔. ให้คณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาตินำผลการพิจารณาการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติมาศึกษาและรวบรวมแจ้งให้ส่วนราชการทราบ หากเรื่องใดสามารถดำเนินการได้ ให้เร่งดำเนินการโดยเร็ว แต่หากมีความจำเป็นเร่งด่วนและเพื่อประโยชน์ของรัฐ ให้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เพื่อดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
22878 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (กระทรวงศึกษาธิการ) (จำนวน 4 ราย 1. พลเอก สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ฯลฯ) | ศธ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ กันยายน ๒๕๕๘) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ ดังนี้
๑. พลเอก สุทัศน์ กาญจนานนท์กุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์) ๒. นายไมเคิล เดวิด เซลบีย์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์) ๓. พันเอก รัตนะโชติ อ่างทอง ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลเอก สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์)] ๔. หม่อมหลวงปริยดา ดิศกุล ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ [รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์)] |
|||||||||||||||||||||
22879 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีการตั้งครรภ์แทน | ปช | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริตกรณีการตั้งครรภ์แทน ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสนอ และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอแนะดังกล่าวและสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภาพรวมส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาและมีมติแล้วสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะได้แจ้งผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการของคณะรัฐมนตรีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป โดยมีข้อเสนอแนะฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. ด้านนโยบาย โดยที่พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้มีการประกาศใช้เรียบร้อยแล้ว เห็นควรให้รัฐบาลกำกับดูแล และติดตามการบังคับใช้กฎหมายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวด และต้องศึกษาหาแนวทางบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์และเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด ในส่วนของจริยธรรมและสิทธิมนุษยชนเห็นควรให้มีนโยบายที่ชัดเจนเพื่อการคุ้มครองและป้องกันปัญหาในด้านศีลธรรม ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือปัญหาการค้ามนุษย์ด้วย ๒. ด้านการกำกับติดตามและดำเนินคดีความ ได้แก่ การดำเนินการโดยมิชอบของสถานพยาบาลที่อยู่ภายใต้ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย การควบคุม ดูแลและตรวจสอบสถานพยาบาลของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ การบูรณาการร่วมกันระหว่างแพทยสภา (โดยผ่านทางราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย) กับกรมสนับสนุนการบริการสุขภาพ การปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม (เจ้าหน้าที่ของรัฐ) การอนุญาตรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรมของกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แนวทางการศึกษาวิจัยเพื่อป้องกันไม่ให้หญิง "รับจ้าง" ตั้งครรภ์แทนของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เวชระเบียนโรงพยาบาลรัฐ ๓. ด้านการดำเนินงานขององค์กรวิชาชีพ แพทยสภาในฐานะหน่วยงานควบคุม ดูแล การปฏิบัติงานของแพทย์ต้องเข้มงวดในเรื่องจริยธรรมของแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์เป็นกรณีพิเศษและมีบทลงโทษต่อแพทย์ผู้ฝ่าฝืนมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์อย่างรวดเร็วและจริงจัง
|
|||||||||||||||||||||
22880 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน) | สผ | 08/09/2558 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าวและสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีประเด็นปฏิรูปที่สำคัญ ดังนี้
๑. หลักการและแนวคิดในการจัดตั้งองค์การมหาชน ๒. การกำหนดและจัดบทบาทภารกิจ และการให้บริการสาธารณะ ๓. ระบบการบริหารและโครงสร้าง ๔. ระบบค่าตอบแทน ๕. ระบบการติดตามและประเมินผล ๖. ข้อเสนอการดำเนินการในลำดับต่อไป ประกอบด้วย การดำเนินงานระยะเร่งด่วน (ภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘) ระยะสั้น (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐) ระยะกลาง (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒) และระยะยาว (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๘)
|
.....