ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 1150 จากทั้งหมด 6212 หน้า แสดงรายการที่ 22981 - 23000 จากข้อมูลทั้งหมด 124231 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
22981 | รายงานผลการดำเนินการพัฒนาศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน (Government Access Channels ) | ทก | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรายงานผลการดำเนินการพัฒนาศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน (G-Channels) เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเข้าถึงข้อมูลและบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐของหน่วยงานต่าง ๆ ได้จากจุดเดียว ซึ่งมีช่องทางในการให้บริการของศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน ๓ ช่องทาง ได้แก่ ๑.๑ การให้บริการผ่านเว็บไซต์ (website) โดยประชาชนสามารถเข้าใช้บริการจาก ๑.๑.๑ เว็บไซต์กลางบริการอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ https://www.egov.go.th ซึ่งมีหน่วยงานของรัฐที่เข้าร่วม จำนวน ๔๔๔ หน่วยงาน ๑.๑.๒ ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อติดต่อราชการผ่านเว็บไซต์ https://info.go.th ๑.๑.๓ ศูนย์รวมข้อมูลเปิดภาครัฐ https://data.go.th ซึ่งเป็นการให้บริการข้อมูลเชิงสถิติ ๑.๒ การให้บริการผ่านโปรแกรมเข้าถึงจากโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Application) ซึ่งสามารถดาวน์โหลด Application ผ่านทางเว็บไซต์ https://apps.go.th และใช้ได้ทันที ปัจจุบันมีการบริการ จำนวน ๑๐๘ บริการ ๑.๓ ช่องทางอื่น ๆ ได้แก่ ๑.๓.๑ การให้บริการผ่านจุดบริการข้อมูลประชาชนผ่านบัตรประชาชน Government Kiosk ซึ่งได้มีการติดตั้งแล้ว ๒ แห่ง ณ ศูนย์ G-Point สาขาศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์และศูนย์การค้าเซ็นทรัลศาลายา ๑.๓.๒ จุดบริการข้อมูลข่าวสาร Set Top Box หรือ Smart Box โดยมีแนวคิดการให้บริการเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ของส่วนราชการ และเป็นช่องทางในการให้ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจ ข้อมูลทางการเกษตร เป็นต้น ๒. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารดำเนินการพัฒนาช่องทางในการเข้าถึงและเชื่อมโยงข้อมูลของการบริการภาครัฐ รวมถึงการพัฒนาโปรแกรมการใช้งาน เช่น Software หรือ Application ให้มีความน่าสนใจ ทันสมัย และสามารถจูงใจให้ประชาชนเข้ามาใช้บริการ เป็นต้น ทั้งนี้ ในการดำเนินการให้คำนึงถึงประชาชนผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้โดยง่าย ไม่ซับซ้อน สะดวก และสามารถเรียนรู้ได้เร็ว ทั้งนี้ ให้มีการติดตามและประเมินผลการดำเนินการของศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชนด้วย ๓. ให้ส่วนราชการต่าง ๆ ให้การสนับสนุนการดำเนินการของสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ในการนำข้อมูลและบริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์มาเผยแพร่และให้บริการผ่านศูนย์กลางข้อมูลและบริการภาครัฐสำหรับประชาชน (G-Channels) ในช่องทางต่าง ๆ ๔. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงศึกษาธิการ กรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชาสัมพันธ์ศูนย์กลางบริการภาครัฐสำหรับประชาชน (G-Channels) ให้ประชาชนได้ทราบอย่างทั่วถึง รวมทั้งให้กระทรวงศึกษาธิการเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานและการเข้าถึงศูนย์บริการภาครัฐดังกล่าวให้แก่นักเรียน นักศึกษา เพื่อถ่ายทอดและสร้างการรับรู้ไปยังครอบครัว ชุมชน และท้องถิ่นของตนต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
22982 | ผลการปฏิบัติงานของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ในการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าจีน - อาเซียน (China - ASEAN Expo : CAEXPO) ครั้งที่ 12 | นร | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) รายงานเกี่ยวกับการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียน (China-ASEAN Expo : CAEXPO) ครั้งที่ ๑๒ ณ เมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายน ๒๕๕๘ ว่าการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ได้เดินทางร่วมกับผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยได้พบปะและหารือกับผู้แทนประเทศต่าง ๆ ดังนี้
๑. การหารือทวิภาคีกับนายสมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในประเด็นความร่วมมือการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม การสนับสนุนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นประธานอาเซียนในปี ๒๕๕๙ และการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าและพลังงาน โดยรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ได้ให้ความเชื่อมั่นว่าประเทศในอาเซียนจะต้องพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน ๒. การหารือกับนายจาง เกาลี่ รองนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน คนที่ ๑ เกี่ยวกับความคืบหน้าการพัฒนาระบบรางและความเชื่อมโยงของภูมิภาค รวมถึงความร่วมมือด้านการค้าสินค้าเกษตร ๓. นายเผิง ชิงหัว เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ได้เข้าเยี่ยมคารวะรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร) ทั้งสองฝ่ายได้แสดงความมุ่งมั่นในการกระชับความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน เครือข่ายคมนาคม และการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพที่จะเป็นประตูเชื่อมอาเซียนและจีน รวมทั้งการแสวงหาลู่ทางในการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงด้วย การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าจีน-อาเซียนในครั้งนี้นอกจากจะประสบความสำเร็จในการสานต่อความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างกันแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีเพื่อเสริมสร้างผลประโยชน์ร่วมกันต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22983 | รายงานผลการดำเนินการกิจกรรม NBT World Open House | นร02 | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล) รายงานว่า
๑. กรมประชาสัมพันธ์ได้ดำเนินงานสถานีโทรทัศน์ NBT World ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ภาคภาษาอังกฤษ เริ่มออกอากาศตลอด ๒๔ ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๕๖ เป็นต้นมา เพื่อเป็นช่องทางในการให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือ สามารถเป็นแหล่งข้อมูลที่ใช้อ้างอิงได้ในระดับประเทศและระดับนานาชาติ ๒. เมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๘ กรมประชาสัมพันธ์ได้จัดกิจกรรม NBT World Open Houseเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์สถานีโทรทัศน์ภาคภาษาอังกฤษ ๒๔ ชั่วโมง NBT World ต่อหน่วยงานเครือข่าย มีผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย คณะทูตานุทูตและผู้แทนจาก ๒๐ ประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ จำนวนรวม ๖๕ คน ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการเปิดพื้นที่ สร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนนานาชาติ ๓. หากคณะรัฐมนตรีมีข้อมูลข่าวสารที่ต้องการประชาสัมพันธ์ สามารถใช้ช่องทาง NBT World เป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ไปยังชาวต่างประเทศเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องได้
|
||||||||||||||||||||||||
22984 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ | นร | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๘ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๕๗/๒๕๕๘ ในวันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๘ และครั้งที่ ๕๘/๒๕๕๘ ในวันศุกร์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22985 | การขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชน | นร | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชน โดยให้เชิญคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจจังหวัด (กรอ.จังหวัด) และหน่วยทหารในพื้นที่ (ฝ่ายความมั่นคง คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) เข้าร่วมเป็นคณะทำงาน เพื่อทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรองโครงการภายใต้มาตรการดังกล่าวโดยคำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนและประโยชน์สูงสุดที่ประชาชนจะได้รับ และติดตาม ประเมินผลโครงการให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส รวมทั้งเสนอแนะแนวทางต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการและในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้ ให้คณะทำงานรายงานความก้าวหน้าการดำเนินการให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ทุก ๑๕ วัน เพื่อรวบรวมและสรุปผลแล้วรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22986 | ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มติคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) | นร | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๘ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||
22987 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูปการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) | สผ | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูปการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอการปฏิรูป ดังนี้
๑. การแบ่งเขตการใช้ประโยชน์ทางทะเลและการกำหนดพื้นที่คุ้มครองทางทะเล ได้แก่ ผลักดันให้จัดทำหลักเกณฑ์การแบ่งเขตพื้นที่ใช้ประโยชน์ทางทะเลและกรอบการกำหนดพื้นที่คุ้มครองทางทะเล โดยแบ่งออกเป็น ๔ เขต ประกอบด้วย มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และพิเศษ ภายใน ๒ ปี และผลักดันให้จัดทำร่างพระราชบัญญัติพื้นที่คุ้มครองทางทะเล พ.ศ. .... ภายใน ๒ ปี ๒. การปรับสมดุลการพัฒนาทะเลไทยตามแนวทางมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ได้แก่ ปรับโครงสร้างและผลักดันกฎหมาย โดยเฉพาะหน่วยงานที่กำลังอยู่ระหว่างการจัดตั้ง ภายใน ๖ เดือน การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยกำหนดแผนยุทธศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว “สี่ทัพทะเลไทย” และจัดทำแผนการจัดเขตการใช้ประโยชน์เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนภายใน ๑ ปี รวมทั้งส่งเสริมให้วิชาชีพวิทยาศาสตร์ทางทะเลได้รับความคุ้มครองภายใน ๑ ปี
|
||||||||||||||||||||||||
22988 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง กำหนดให้โรงงานติดตั้งระบบรายงานแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำทิ้งหรือคุณภาพอากาศจากปล่องต่อสาธารณะ) | สผ | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง กำหนดให้โรงงานติดตั้งระบบรายงานแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำทิ้งหรือคุณภาพอากาศจากปล่องต่อสาธารณะ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอแนะของสภาปฏิรูปแห่งชาติไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอการปฏิรูป ดังนี้
๑. กำหนดนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมให้โรงงานติดตั้งเครื่องแสดงผลต่อสาธารณะให้เป็นแนวทางเดียวกัน ๒. พิจารณาร่างประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดให้โรงงานติดตั้งระบบรายงานแสดงผลการตรวจวัดคุณภาพน้ำทิ้งหรือคุณภาพอากาศจากปล่องต่อสาธารณะ พ.ศ. .... เพื่อประกาศใช้ในโอกาสต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22989 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การพัฒนาและปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า) | สผ | 22/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การพัฒนาและปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานเป็นหน่วยงานหลักไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. ควรมีการดำเนินการเรื่องการปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าต่อไป ๒. ควรสนับสนุนให้มีการชดเชยเพื่อเยียวยาให้ผู้ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้า ทั้งด้านสุขภาพ อาชีพ และสิ่งแวดล้อม ควรใช้เงินกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าให้ตรงกับวัตถุประสงค์ ๓. ควรให้มีการสนับสนุนการฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การเฝ้าระวัง ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การจัดสุขภาวะทางสังคมที่ดี และให้มีการพัฒนาที่ยั่งยืน ๔. ควรให้ผู้แทนภาคประชาชนเป็นคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยกองทุนพัฒนาไฟฟ้า เพื่อการพัฒนาหรือฟื้นฟูท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าให้มากขึ้น มีบทบาทมากขึ้น ภาคประชาชนสามารถนำความรู้ความต้องการของประชาชนในพื้นที่มาดำเนินงานให้สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ๕. ควรให้ประชาชนหันมาให้ความสนใจกับเรื่องการดำเนินงานวิสาหกิจชุมชนเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นและได้รับการศึกษา ฝึกอบรมวิชาชีพ และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาดำเนินชีวิต
|
||||||||||||||||||||||||
22990 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัย) | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อรองรับสังคมสูงวัย ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจาณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. วาระขับเคลื่อน คือ ผลักดันนโยบายที่มีอยู่แล้วออกสู่การปฏิบัติโดยการปรับแก้กฎกระทรวงหรือใช้มติคณะรัฐมนตรี โดยใช้เวลา ๖ เดือน-๑ ปี ๒. วาระปฏิรูปเชิงระบบ คือ ต้องมีการปรับแก้หรืออกกฎหมายใหม่ โดยใช้เวลา ๑-๕ ปี ๓. วาระการพัฒนาปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐาน คือ วางรากฐานของสังคมใหม่เพื่อปรับทัศนคติ พฤติกรรมของประชากร และการเตรียมความพร้อมเพื่อพัฒนาประชากรรุ่นใหม่ รวมถึงการสร้างความเข้มแข็งให้กับครอบครัว ชุมชนและท้องถิ่น โดยใช้เวลา ๕-๑๐ ปี
|
||||||||||||||||||||||||
22991 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็งและร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การปฏิรูประบบเพื่อสร้างเสริมชุมชนเข้มแข็งและร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การจัดการชุมนุม โดยการผลักดันพระราชบัญญัติสิทธิชุมชน และการแก้ไขพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๑ รวมทั้งการยกระดับพระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นพระราชบัญญัติ และการจัดตั้งกลไกส่งเสริมการฟื้นฟูและพัฒนาชุมชนท้องถิ่นจังหวัดชายแดนภาคใต้ ๒. การจัดการทุนและทรัพยากรชุมชน โดยการผลักดันให้มีกฎหมายว่าด้วยสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ และกฎหมายว่าด้วยธนาคารที่ดิน ๓. สวัสดิการชุมชน โดยการผลักดันพระราชบัญญัติสวัสดิการชุมชน ๔. สัมมาชีพชุมชน โดยการผลักดันแผนปฏิรูปสัมมาชีพชุมชน และกฎหมายว่าด้วยวิสาหกิจเพื่อสังคม
|
||||||||||||||||||||||||
22992 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ระบบบริการสาธารณสุข ระบบการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคและระบบบริหารจัดการและการเงินการคลังด้านสุขภาพ) | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง ระบบบริการสาธารณสุข ระบบการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค และระบบบริหารจัดการและการเงินการคลังด้านสุขภาพ ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การปฏิรูประบบบริการสาธารณสุข ๒. การปฏิรูประบบการส่งเสริมคุณภาพและการป้องกันโรค ๓. การปฏิรูประบบการบริหารจัดการและการเงินการคลังด้านสุขภาพ
|
||||||||||||||||||||||||
22993 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย [เรื่อง การปฏิรูประบบการจัดการศึกษา การปฏิรูประบบการคลังด้านการศึกษา (ด้านอุปสงค์) การปฏิรูประบบการเรียนรู้ และร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายการศึกษาและพัฒนามนุษย์แห่งชาติ พ.ศ. ....] | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ [เรื่อง การปฏิรูประบบการจัดการศึกษา การปฏิรูประบบการคลังด้านการศึกษา (ด้านอุปสงค์) การปฏิรูประบบการเรียนรู้ และร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการนโยบายการศึกษาและพัฒนามนุษย์แห่งชาติ พ.ศ. ....] ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. ระบบการจัดการศึกษา ๒. ระบบการคลังด้านการศึกษา (ด้านอุปสงค์) ๓. ระบบการเรียนรู้
|
||||||||||||||||||||||||
22994 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | นร | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติที่เป็นข้อจำกัดในการดำเนินงานของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการค้าและการลงทุนของประเทศ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ๒. ให้รับข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและกระทรวงการต่างประเทศในการพิจารณาแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนและกรมสรรพากรไปในคราวเดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งและสับสนในทางปฏิบัติ การกำหนดเพดานและระยะเวลาการได้รับสิทธิประโยชน์ที่ชัดเจน การกำหนดหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนในการติดตามและประเมินผลประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงรายจ่ายทางภาษี (Tax expenditure) รวมทั้งการเพิ่มบทบาทหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเป็นผู้ดำเนินการศูนย์บริการด้านการลงทุนแบบเบ็ดเสร็จของประเทศไทย (National One Stop Service) ไว้ในกฎหมายส่งเสริมการลงทุนด้วย นอกจากนี้ การใช้อำนาจตามมาตรา ๒๐ ใหม่ ของพระราชบัญญัติฯ ที่ให้คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ได้รับการส่งเสริมต้องปฏิบัติตามนั้น เงื่อนไขที่จะกำหนดต้องไม่ขัดต่อข้อบทเรื่อง PPPs ของความตกลงเขตการค้าเสรีที่ไทยเป็นภาคีอยู่ หรือขัดต่อท่าทีของไทยสำหรับความตกลงที่อยู่ระหว่างการเจรจา ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งร่างพระราชบัญญัติฯ ให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
22995 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในสถานศึกษาต่ำกว่าระดับอุดมศึกษา) | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในสถานศึกษาต่ำกว่าระดับอุดมศึกษา ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอแนะการปฏิรูป ๓ เรื่อง ดังนี้
๑. การปฏิรูปด้านกายภาพ ๒. การปฏิรูปด้านส่งเสริมการเรียนรู้ ๓. การปฏิรูปที่ยั่งยืน
|
||||||||||||||||||||||||
22996 | ข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา 31 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เรื่อง ศิลปะ วัฒนธรรมเพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศและร่างพระราชบัญญัติสมัชชาศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ....) | สผ | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อการปฏิรูปตามมาตรา ๓๑ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ เรื่อง ศิลปะ วัฒนธรรมเพื่อสร้างคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และร่างพระราชบัญญัติสมัชชาศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ และมอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมเป็นหน่วยงานหลักรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป โดยมีข้อเสนอปฏิรูป ดังนี้
๑. การสร้างดุลยภาพแห่งอำนาจการจัดการด้านศิลปะและวัฒนธรรม ๒. การจัดตั้งองค์กรสมัชชาศิลปะและวัฒนธรรมแห่งชาติ ๓. การจัดให้มีแผนแม่บทระดับชาติว่าด้วยศิลปะและวัฒนธรรม ๔. การเปิดพื้นที่ทางกายภาพและพื้นที่สื่อทุกรูปแบบ ๕. การจัดตั้งกองทุนทุนทางวัฒนธรรมแห่งชาติ ๖. การส่งเสริมสนับสนุนให้บุคคลมีสิทธิเสรีภาพในการเรียนรู้และเข้าถึงศิลปะ วัฒนธรรม ค่านิยม และจริยธรรมอย่างเท่าเทียมกัน
|
||||||||||||||||||||||||
22997 | รายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ขอให้เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีกล่าวอ้างว่าพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่อำเภอพุนพิน อำเภอท่าขนอน กิ่งอำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองพังงา อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา และอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เพื่อสร้างทางรถไฟ พุทธศักราช 2488 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 | สม | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาคำร้องเพื่อเสนอแนะนโยบายหรือข้อเสนอในการปรับปรุงกฎหมาย เรื่อง ขอให้เสนอเรื่องพร้อมด้วยความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญกรณีกล่าวอ้างว่าพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่อำเภอพุนพิน อำเภอท่าขนอน กิ่งอำเภอพนม จังหวัดสุราษฎร์ธานี อำเภอเมืองพังงา อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา และอำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ เพื่อสร้างทางรถไฟ พุทธศักราช ๒๔๘๘ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ของคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่เห็นสมควรพิจารณาแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. ๒๕๓๐ ซึ่งเป็นกฎหมายกลาง โดยให้มีบทบัญญัติที่เกี่ยวกับสิทธิของเจ้าของที่ดินเดิมหรือทายาทเจ้าของที่ดินเดิมในการเรียกคืนทรัพย์สินได้ หากปรากฏว่าทรัพย์สินที่เวนคืนมานั้น ไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วน รัฐยังมิได้มีการใช้หรือกำลังใช้ตามวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนเพื่อกิจการต่าง ๆ ของรัฐหรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอื่นใดที่สำคัญและจำเป็นภายในกำหนดระยะเวลาซึ่งจำเป็นต้องมีการกำหนดไว้ในบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยการเวนคืน ซึ่งอาจแก้ไขให้มีหลักการเช่นเดียวกับที่เคยบัญญัติไว้ในมาตรา ๓๒ แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พุทธศักราช ๒๔๗๗ และมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อเสนอดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
22998 | รายงานผลการตรวจสอบรับรองงบการเงินของการถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 | คค | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบงบแสดงฐานะการเงิน ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ งบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของเจ้าของ และงบกระแสเงินสด สำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกัน โดยมีความเห็นว่า งบการเงินดังกล่าวแสดงฐานะการเงินของ รฟม. ณ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๗ และผลการดำเนินงานและกระแสเงินสดสำหรับปีสิ้นสุดวันเดียวกันถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
22999 | ขอรับการจัดสรรเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น (เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งส่วน/กลุ่มงานคดีนักท่องเที่ยวในศาลยุติธรรม จำนวน 8 แห่ง) | นร07 | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการอนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๗,๗๐๕,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งส่วน/กลุ่มงานคดีนักท่องเที่ยวในศาลยุติธรรม จำนวน ๘ แห่ง สำหรับระยะเวลา ๒ เดือน (สิงหาคม-กันยายน ๒๕๕๘) ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
23000 | ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี 2557 (ช่วงประสบภัยเดือนมิถุนายน 2557 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2558) | กษ | 15/09/2558 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติเงินงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๗ (ช่วงประสบภัยเดือนมิถุนายน ๒๕๕๗ ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๘) รวม ๕ ภัย ได้แก่ อุทกภัย ภัยแล้ง ภัยฝนทิ้งช่วง ศัตรูพืชระบาด และโรคพืชระบาด ในพื้นที่ ๑๖ จังหวัด เกษตรกร ๖๑,๗๒๒ ราย วงเงินขอรับความช่วยเหลือรวมทั้งสิ้น ๖๘๑,๕๘๒,๓๘๒ บาท (ด้านพืช เกษตรกรจำนวน ๕๙,๔๗๙ ราย วงเงิน ๖๗๓,๑๑๒,๗๘๙ บาท ด้านประมง เกษตรกรจำนวน ๒,๒๒๙ ราย วงเงิน ๘,๔๔๒,๑๙๓ บาท ด้านปศุสัตว์ เกษตรกรจำนวน ๑๔ ราย วงเงิน ๒๗,๔๐๐ บาท) โดยให้กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ ตรวจสอบเอกสารหลักฐานและรวบรวมส่งสำนักงบประมาณ พร้อมทั้งจัดทำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณในคราวเดียวกัน และให้ถือว่าคำขอดังกล่าวเป็นคำขออนุมัติจัดสรรงบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) พร้อมสำเนาส่ง ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขอทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐที่เห็นควรเร่งรัดดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตรตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ และปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ [เรื่อง ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๗ (ช่วงประสบภัยเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๖ ถึงเดือนสิงหาคม ๒๕๕๗)] โดยเคร่งครัด และควรพิจารณาแนวทางเพื่อส่งเสริมและขยายผลระบบประกันภัยผลผลิตทางการเกษตรให้ครอบคลุมถึงภัยพิบัติและผลผลิตทางการเกษตรทุกประเภท รวมทั้งให้มีการตรวจสอบของภาคประชาชนโดยปิดประกาศในที่ว่าการตำบลและหมู่บ้านที่ประสบภัยพิบัติ และการดำเนินการทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะต้องโปร่งใส และตรวจสอบได้ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐเร่งดำเนินการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ ให้เหมาะสมและมีความคล่องตัวในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติมากยิ่งขึ้น ตามนัยมติคณะรักษาความสงบแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๗ มิถุนายน ๒๕๕๗ (เรื่อง ขอเงินงบกลางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตร ปี ๒๕๕๕-๒๕๕๗) ให้แล้วเสร็จโดยด่วน และนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป |
.....