ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 54 จากทั้งหมด 108 หน้า แสดงรายการที่ 1061 - 1080 จากข้อมูลทั้งหมด 2153 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1061 | แนวทางการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพที่จำเป็นและสนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ระยะ 2011 - 2020 (พ.ศ. 2554 - 2563) | ทส | 04/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแนวทางการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพที่จำเป็นและสนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ระยะ ๒๐๑๑ - ๒๐๒๐ (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓) ในส่วนที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยต่อสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๑ ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ณ สาธารณรัฐอินเดีย ทั้งนี้ การรายงานความก้าวหน้าฯ ดังกล่าวต้องเป็นเพียงการแสดงความตั้งใจของประเทศไทยที่จะดำเนินการให้สนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ระยะ ๒๐๑๑ - ๒๐๒๐ และทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ โดยไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีหรือมีผลผูกพันต่องบประมาณหรือการต้องออกกฎหมายใหม่ และอยู่ภายใต้กฎหมายภายในของประเทศไทย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) รวมทั้งหน่วยงาน คณะกรรมการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาทบทวนและบูรณาการการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพให้ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมถึงการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ การอนุรักษ์ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ประโยชน์ที่จะได้รับ สิทธิชุมชน และการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดความซ้ำซ้อน ๓. ให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรทำการศึกษาประเมินสถานการณ์งานวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศอย่างละเอียด เพื่อให้ทราบถึงสถานภาพของข้อมูลและงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพฯ รวมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อกำหนดประเด็นการวิจัยสำคัญที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ เพื่อการรักษาผลประโยชน์ของประเทศและใช้เป็นกรอบในการจัดสรรทรัพยากร กำลังคน และงบประมาณอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ควรมีแผนงานที่มีรายละเอียดแสดงถึงเป้าหมายและประโยชน์ต่อหน่วยธุรกิจและระดับชาติที่จะได้รับอย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมสนับสนุนการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพฯ อาทิ มาตรการทางด้านภาษี มาตรการส่งเสริมการตลาดและการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน |
||||||||||||||||||||||||
1062 | ร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีในการประชุม Special ASEAN-ROK Ministerial Meeting on Forestry ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 28/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีในการประชุม Special ASEAN-ROK Ministerial Meeting on Forestry ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยร่างถ้อยแถลงฯ มีสาระสำคัญสรุปว่า รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านการป่าไม้จากประเทศสมาชิกอาเซียน และสาธารณรัฐเกาหลีมีถ้อยแถลงร่วมกัน ดังนี้ ๑.๑ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ๑.๒ ส่งเสริมการสร้างขีดความสามารถและการดำรงชีวิตของชุมชนที่พึ่งพาป่าไม้ การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน การอนุรักษ์ป่าไม้ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๑.๓ การขยายความร่วมมือด้านป่าไม้ระดับภูมิภาค จากขอบเขตของประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี ไปสู่ความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชีย ๑.๔ ดำเนินการตามกลยุทธ์เชิงรุกจากความร่วมมือด้านป่าไม้ประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีในการก่อตั้งองค์กรผู้แทนในระดับภูมิภาค ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องเสนอเรื่องถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๗ วัน
|
||||||||||||||||||||||||
1063 | สรุปรายงานการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 36 ระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน-6 กรกฎาคม 2555 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย | ทส | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๖ ระหว่างวันที่ ๒๔ มิถุนายน-๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติรับรองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) จำนวน ๑๐๓ แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีแหล่งมรดกอยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น จำนวน ๑,๕๔๑ แห่ง จากรัฐภาคี จำนวน ๑๖๘ ประเทศ ๒. ที่ประชุมมีมติถอดถอนแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตราย ๒ แห่ง คือ Fort and Shalamar Gardens in Lahore (Pakistan) และ Rice Terraces of the Philippine Cordilleras (Philippines) และเพิ่มเติมบัญชีรายชื่อแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตราย ๕ แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีมรดกโลกในภาวะอันตราย จำนวน ๓๘ แห่ง ใน ๓๐ ประเทศ แบ่งออกเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติในภาวะอันตราย จำนวน ๑๗ แห่ง และแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในภาวะอันตราย จำนวน ๒๑ แห่ง ๓. ที่ประชุมมีมติให้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติเป็นแหล่งมรดกโลก จำนวน ๒๖ แห่ง ประกอบด้วย แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม จำนวน ๒๐ แห่ง แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ จำนวน ๕ แห่ง แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ (Mixed Sites) จำนวน ๑ แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ จำนวน ๙๖๒ แห่ง โดยแบ่งออกเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม จำนวน ๗๔๕ แห่ง แหล่งมรดกทางธรรมชาติ จำนวน ๑๘๘ แห่ง และแหล่งมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม จำนวน ๒๙ แห่ง ใน ๑๕๗ ประเทศ จากรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ทั้งหมด จำนวน ๑๘๙ ประเทศ โดยมีรัฐภาคีที่มีแหล่งมรดกขึ้นทะเบียนเป็นครั้งแรกในการประชุมฯ จำนวน ๔ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐชาด สาธารณรัฐคองโก สาธารณรัฐปาเลา และรัฐปาเลสไตน์ ๔. การขอปรับเปลี่ยนชื่อแหล่งมรดกโลก จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ Los Glaciares (Argentina) เป็น Los Glaciares National Park (ภาษาอังกฤษ) และ Parc national de Los Glaciares (ภาษาฝรั่งเศส), Skellig Michael (Ireland) เป็น Sceilg Mhichil (ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส), Pueblo de Taos (United States of America) เป็น Taos Pueblo (ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส) และ Samarkand-Crossroads of Cultures (Uzbekistan) เป็น Samarkand-Crossroad of Cultures (ภาษาอังกฤษ) ๕. ที่ประชุมมีมติรับรองรายงานแผนการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก จำนวน ๑๐๕ แห่ง โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรไทย คือ การรายงานสถานภาพการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ซึ่งที่ประชุมได้ร้องขอให้ราชอาณาจักรไทยดำเนินการจัดส่งเอกสารข้อมูลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของทางหลวงสาย ๓๐๔ และเขื่อนห้วยโสมง และรายงานความก้าวหน้าสถานะการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ถึงศูนย์มรดกโลก ภายในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (ค.ศ. ๒๐๑๒) ตามรูปแบบที่กำหนด ตามข้อเสนอแนะตามมติคณะกรรมการมรดกโลก โดยร่วมกับศูนย์มรดกโลก/IUCN Reactive monitoring mission (RM Mission) ในการปฏิบัติการตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ และให้ราชอาณาจักรไทยเสนอรายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งทรัพย์สินที่เป็นปัจจุบัน และรายงานความสำเร็จในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เพื่อเสนอคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุม ครั้งที่ ๓๗ ซึ่งคณะกรรมการฯ สามารถพิจารณาถึงความจำเป็นในการติดตามตรวจสอบต่อไป และความเป็นไปได้ในการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินในภาวะอันตราย ๖. ที่ประชุมมีมติให้รัฐภาคีเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายโดยสมัครใจ (Voluntary) ของคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์กรที่ปรึกษาในกรณีที่จะต้องเดินทางไปเพื่อให้คำแนะนำในการเตรียมการ หรือการทบทวนการเสนอขึ้นบัญชีมรดกโลก หรือกรณีที่จะต้องมีการประเมิน หรือสำรวจแหล่งมรดกโลก ตามมติคณะกรรมการ ๗. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการจัดตั้งศูนย์การดำเนินงานร่วมด้านมรดกโลก (เพิ่มเติม) ในราชอาณาจักรสเปนและสาธารณรัฐอิตาลี ทำให้ปัจจุบันมีศูนย์การดำเนินงานร่วมด้านมรดกโลก จำนวนทั้งสิ้น ๑๐ แห่ง ๘. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๗ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ Peach Palace กรุงพนมเปญ
|
||||||||||||||||||||||||
1064 | การจัดทำความตกลงในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทย และสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่าด้วยการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการและการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง | ทส | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดทำความตกลงในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่าด้วยการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการและการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทยและสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่าด้วยการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการและการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๒.๑ รัฐบาลไทยจะให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ผู้มาร่วมประชุมฯ และสถานที่จัดการประชุมฯ ตามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสหประชาชาติ ค.ศ. ๑๙๔๖ และอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของทบวงการชำนัญพิเศษ ค.ศ. ๑๙๔๗ ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ๑.๒.๒ ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ และบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวเนื่องกับการประชุมฯ จะมีสิทธิเข้าและออกจากประเทศไทยโดยปราศจากอุปสรรค ๑.๒.๓ การให้ยกเว้นภาษีศุลกากรการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์สำหรับใช้ในการประชุมฯ ๑.๒.๔ รัฐบาลไทยจะจัดให้มีการคุ้มครองโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตามความจำเป็น ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้มีอำนาจลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในนามรัฐบาลไทย ๒. เห็นชอบให้มีข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||||||||
1065 | ขอปิดเส้นทางจราจรในทางหลวงหมายเลข 3259 (กม. 15-กม. 30) ช่วงผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน บางช่วงเวลา | ทส | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ (ฝ่ายการเกษตรและการท่องเที่ยว) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) เป็นประธานกรรมการ ซึ่งเห็นชอบข้อเสนอให้มีการปิดถนนสาย ๓๒๕๙ ระหว่าง กม. ๑๕-กม. ๓๐ โดยแบ่งเป็น ๒ ช่วงเวลา คือ ช่วงที่หนึ่ง ระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน ปิดระหว่างเวลา ๒๑.๐๐ น. -๐๕.๐๐ น. และช่วงที่สอง ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม ปิดระหว่างเวลา ๑๘.๐๐ น.-๐๖.๐๐ น. โดยมอบให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) รับไปดำเนินการเพื่อประกาศปิดเส้นทางการจราจรถนนสาย ๓๒๕๙ ระหว่าง กม. ๑๕-กม. ๓๐ ในช่วงเวลาดังกล่าว ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๒๘ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1066 | ขออนุมัติเป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการ (Informal additional sessions of the ad hoc working groups) และการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง | ทส | 30/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทย โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการ (Informal additional sessions of the ad hoc working groups) ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ องค์การสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ ๒๔ สิงหาคม - ๕ กันยายน ๒๕๕๕ และการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างวันที่ ๖ - ๑๓ กันยายน ๒๕๕๕ ณ สถานที่ที่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำหนด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1067 | การติดตามสภาพปัญหาและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจติดตามสภาพปัญหาและตรวจพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อการป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง และการแก้ไขปัญหาด้านขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดสกลนคร และการปฏิบัติกิจกรรมปลูกป่า ณ จังหวัดมหาสารคาม ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้ตรวจติดตามสภาพปัญหาและตรวจพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ได้แก่ โครงการปรับปรุงพื้นที่ชุ่มน้ำหนองทุ่งมน หมู่ที่ ๑ บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร และโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองบัวรวม ตำบลเดื่อศรีคันไชย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร โดยดำเนินการขุดลอกแหล่งน้ำ และจัดทำคันป้องกันตลิ่ง และโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำลำน้ำพุง ตำบลเต่างอย อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร โดยดำเนินการศึกษาออกแบบเพื่อการขุดลอก และจัดการปรับปรุงพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อเป็นแก้มลิงในการเก็บกักน้ำ นอกจากนี้ ได้ตรวจติดตามและรับฟังปัญหาด้านขยะมูลฝอย และการปรับปรุงบ่อขยะและระบบการกำจัดขยะมูลฝอยของเขตเทศบาลตำบลวานรนิวาส อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร และการจัดทำเตาเผาขยะและระบบการกำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลตำบลบ้านม่วง อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร ๒. วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เป็นประธานเปิดงานโครงการคืนผืนป่าให้แผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ณ ป่าสงวนแห่งชาติป่าดินแดง - วังกุง หมู่ที่ ๑๐ บ้านโนนสูง ตำบลหนองเหล็ก อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม และร่วมปลูกต้นไม้ร่วมกับพลังมวลชนกลุ่มต่าง ๆ และประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งได้มอบเกียรติบัตรแก่ราษฎรผู้คืนผืนป่า และผู้ทำคุณประโยชน์ด้านทรัพยากรป่าไม้
|
||||||||||||||||||||||||
1068 | การรายงานผลการเข้าร่วมพิธีเปิดและเยี่ยมชมอาคารนิทรรศการในงาน International Exposition Yeosu Korea 2012 ณ สาธาณรัฐเกาหลี | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมพิธีเปิดและเยี่ยมชมอาคารนิทรรศการในงาน International Exposition Yeosu Korea 2012 ณ สาธารณรัฐเกาหลี ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๑๑ - ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (Commissioner of sector Thailand) และคณะ ได้เข้าร่วมพิธีเปิดงาน International Exposition Yeosu Korea 2012 ณ เมืองยอซู สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำอาคารศาลาไทยให้การต้อนรับ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้เข้าร่วมพิธีเลี้ยงอาหารค่ำโดยรัฐบาลเกาหลีเป็นเจ้าภาพ และร่วมชมการแสดงแสงสีเสียงในพิธีเปิด ณ BIG_O ซึ่งเป็นเวทีกลางน้ำขนาดใหญ่ที่ถือเป็นสัญลักษณ์เด่นของงานนี้ ๒. ในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้เข้าเยี่ยมชมการแสดงและกิจกรรมของอาคารนิทรรศการศาลาไทย รวมทั้งเยี่ยมชมอาคารนิทรรศการหลัก (Theme Pavilion) อาคารแสดงเทคโนโลยีของฮุนได ๓. ประโยชน์ที่ได้รับในการเข้างาน International Exposition 2012 ครั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นตัวแทนประเทศไทยในการเผยแพร่ศักยภาพของประเทศไทยด้านความงดงาม ความหลากหลายทางชีวภาพ ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บนพื้นฐานการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนที่ยึดถือแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมถึงศิลปวัฒนธรรมของไทยซึ่งเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ทั้งด้านการท่องเที่ยวและเป็นแหล่งอาหารสำคัญของโลก
|
||||||||||||||||||||||||
1069 | รายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงลุ่มน้ำนานาชาติ - ลุ่มน้ำโขง (Mekong2Rio : Mekong to Rio+20) | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงลุ่มน้ำนานาชาติ - ลุ่มน้ำโขง (Mekong2Rio : Mekong to Rio+20) ระหว่างวันที่ ๑ - ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ จังหวัดภูเก็ต ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมผู้บริหารระดับสูงลุ่มน้ำนานาชาติ - ลุ่มน้ำโขง มีเจตนารมณ์เพื่อจัดทำ “Mekong2Rio Message” ซึ่งจะเป็นการนำเสนอข้อมูลแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และการพัฒนาที่ยั่งยืนในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ซึ่งเป็นการอนุวัติตามเป้าหมายแห่งสหัสวรรษต่อที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Rio+20 ที่จะจัดขึ้น ณ นครริโอ เดอจาเนโร สหพันธรัฐบราซิล เดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสำคัญของโลก ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาที่รักษาความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของโลก โดยสารแม่น้ำโขง มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การแก้ไขปัญหาด้านน้ำ อาหาร และความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคต องค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งสามด้านจะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ๑.๒ การบริหารจัดการลุ่มน้ำข้ามพรมแดนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความมั่นคงในภูมิภาคในอนาคต จำเป็นต้องมีความร่วมมือและการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันและต้องอยู่บนพื้นฐานของการบูรณาการ โดยให้ความสำคัญกับการปรึกษาหารือ และการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ๑.๓ การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคจะต้องคำนึงถึงความสำคัญของการลงทุน เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ การรักษาระบบนิเวศและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจสีเขียว ๑.๔ การป้องกันผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตจะต้องพิจารณากำหนดนโยบายที่มีความเกี่ยวเนื่องระหว่างยุทธศาสตร์การปรับตัวในระดับชาติและระดับภูมิภาค ๒. คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission) และที่ประชุมนานาชาติว่าด้วยการบริหารจัดการลุ่มน้ำข้ามพรมแดนจะมีการแสดงผลงานเอกสารทางวิชาการจากการประชุมครั้งนี้ใน Stockholm World Water Week ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕
|
||||||||||||||||||||||||
1070 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2555 | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑๕ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงฯ ในท้องที่จังหวัดพังงา ร่างประกาศกระทรวงฯ เรื่องขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงฯ ในท้องที่จังหวัดกระบี่ และร่างประกาศกระทรวงฯ เรื่อง ขยายเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงฯ ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๓ ฉบับ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศกระทรวงฯ ทั้ง ๓ ฉบับ เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ โดยเร่งรัดดำเนินการนำเสนอให้ทันกำหนดการบังคับใช้ ๒. เห็นชอบแนวทาง/มาตรการในการสนับสนุนเงินกู้จากกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้รับบริการจากกองทุนฯ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ตามความเห็นของคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ และครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ และเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขการพิจารณาให้กู้ยืมเงิน อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการปลอดการชำระคืนเงินต้น และระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้ยืม เพื่อบรรเทาผลกระทบจากเหตุอุทกภัย พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ เสนอประธานกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. เห็นชอบสรุปผลการวิเคราะห์แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบด้วยโครงการด้านการจัดการมลพิษสิ่งแวดล้อมที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๓๑ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๖๘๔,๐๖๙,๑๑๖ ล้านบาท ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอตั้งงบประมาณแผ่นดิน หมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้สำนักงบประมาณให้การสนับสนุนงบประมาณต่อไป และให้การประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาคเร่งรัดดำเนินงานตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ เรื่อง การปรับแก้พระราชบัญญัติการประปานครหลวงและพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาคเพื่อให้มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสีย รวมทั้งให้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำคำขอตั้งงบประมาณเพื่อซ่อมแซมระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียที่ยังชำรุดเสียหาย และไม่สามารถส่งมอบให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ เทศบาลนครพิษณุโลก เทศบาลเมืองสระบุรี เทศบาลเมืองชุมพร และเทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อให้ระบบอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งาน ก่อนส่งมอบให้ อปท. และให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณดังกล่าวด้วย ๔. เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ และแต่งตั้งคณะทำงานติดตามผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ เพื่อกำกับ ติดตาม ประสานงาน และจัดทำรายงานผลการดำเนินงานในแต่ละปี ๕. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการเลี้ยงสุกร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการแกะล้างวัตถุดิบสัตว์น้ำ (แปรรูปสัตว์น้ำเบื้องต้น) ตามหลักเกณฑ์ของกิจการที่เสนอให้มีการกำหนดเงื่อนไขด้านการจัดการน้ำเสียและของเสีย และการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอื่น ๆ เสนอแนวทางการจัดการน้ำเสียและของเสียต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการยื่นขอหรือต่อใบอนุญาตการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษตรวจสอบหลักเกณฑ์ของกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดที่เสนอให้มีการกำหนดเงื่อนไขด้านการจัดการน้ำเสียและของเสีย ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ก่อนให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการต่อไป ๖. เห็นชอบการยกร่างกฎหมายเพื่อให้ อปท. มีอำนาจหน้าที่ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามความในมาตรา ๒๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษจัดทำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามอบให้กรมควบคุมมลพิษเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการยกร่างกฎหมายดังกล่าว โดยในการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายควรเปิดโอกาสให้ อปท. และรัฐวิสาหกิจ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ๗. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการออกกฎกระทรวงการสาธารณสุขว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมกำจัดมูลฝอยและของเสียอันตรายของชุมชน ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นกฎหมายรองรับการดำเนินงานของท้องถิ่นต่อไป และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการออกกฎระเบียบ มาตรการ และเกณฑ์การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ อปท. ในเรื่องการจัดการมูลฝอย การควบคุมมลพิษจากการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเหตุเดือดร้อนรำคาญด้านมลพิษ และร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสริมสร้างสมรรถนะให้กับ อปท. ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ นอกจากนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการกำหนดยุทธศาสตร์สิ่งแวดล้อม (ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม) เป็นตัวชี้วัดร่วมระหว่างกระทรวงที่มีเป้าหมายร่วมกัน (Joint KPI) โดยเริ่มในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๘. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างท่าเรือชายฝั่งที่จังหวัดตรัง ของกรมเจ้าท่า โดยให้กรมเจ้าท่าปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อแหล่งหญ้าทะเล พะยูน และปะการัง ใกล้แนวเส้นทางเดินเรืออย่างเคร่งครัด รวมทั้งเพิ่มเติมมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลบริเวณแหล่งหญ้าทะเล พะยูน และแนวปะการัง ตลอดอายุโครงการ ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๙. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายนครปฐม - ชะอำ ของกรมทางหลวง โดยให้กรมทางหลวงพิจารณาออกแบบรายละเอียดโครงสร้างระบบระบายน้ำของโครงการให้สามารถรองรับปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านบริเวณแนวเส้นทางโครงการเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๑๐. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าระบบ ๑๑๕ กิโลโวลต์ อำเภอเขาค้อ - อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ๑๑. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีชมพู ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ และให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๑๒. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยให้ รฟท. นำข้อมูลอุทกภัยที่เกิดขึ้นล่าสุดในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มาใช้ประกอบการพิจารณาออกแบบรายละเอียดโครงการฯ เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ และให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๑๓. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการศึกษารูปแบบที่เหมาะสมของระบบรถไฟสายสีแดงผ่านบริเวณสถานีรถไฟจิตรลดา และการออกแบบรายละเอียดระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - พญาไท - มักกะสัน ของ รฟท. โดยให้ รฟท. นำข้อมูลอุทกภัยที่เกิดขึ้นล่าสุดในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มาใช้ประกอบการพิจารณาออกแบบรายละเอียดโครงการฯ เพื่อลดผลกระทบสิ่แวดล้อมจากการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ และให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๑๔. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแ
|
||||||||||||||||||||||||
1071 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์บางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเลิกความในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าจำพวกปลา ลำดับที่ ๑๓ แห่งกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ปลาเสือตอ หรือ ปลาเสือ หรือ ปลาลาด Datnioides pulcher” ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดให้เพิ่มความ “ตะพาบ หรือ ปลาฝา (Amyda cartilaginea)” เป็น ลำดับที่ ๗ ของสัตว์ป่าจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน แห่งบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ ๒.๒ กำหนดให้เพิ่มความ “ปลาหมูอารีย์ (Botia sidthimunkii)” เป็นลำดับที่ ๓ ของสัตว์ป่าจำพวกปลา แห่งบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ ๒.๓ กำหนดให้ยกเลิกความในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้สัตว์ป่าจำพวก ลำดับที่ ๒ แห่งกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ปลาเสือตอ หรือ ปลาเสือ หรือ ปลาลาด (Datnioides pulcher)”
|
||||||||||||||||||||||||
1072 | แนวทางสำหรับการดำเนินโครงการป้องกันปัญหาจากอุทกภัยในพื้นที่ชุ่มน้ำ | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับเรื่อง แนวทางสำหรับการดำเนินโครงการป้องกันปัญหาจากอุทกภัยในพื้นที่ชุ่มน้ำ ไปพิจารณาทบทวนเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติทั้งโครงการระยะสั้นและระยะยาวร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย คณะอนุกรรมการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1073 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... (โอนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปรวมกับกรมป่าไม้) | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรี ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. กำหนดให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และอัตรากำลัง ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปเป็นของกรมป่าไม้ ๓. กำหนดให้โอนอำนาจหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และอำนาจหน้าที่ของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปเป็นของกรมป่าไม้ และอธิบดีกรมป่าไม้ ๔. กำหนดให้ในวาระเริ่มแรก กรมป่าไม้นอกจากจะมีส่วนราชการตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๑ แล้ว ให้มีส่วนราชการตาม (๒) (๔) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) และ (๑๑) - (๒๖) แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๔๗ ด้วย และให้โอนอัตรากำลังในส่วนราชการของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปเป็นของส่วนราชการกรมป่าไม้ ๕. กำหนดให้ในวาระเริ่มแรก ให้ อ.ก.พ. กระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาจัดตำแหน่งและเกลี่ยอัตรากำลังของข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้าง ที่โอนมาจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในส่วนที่นอกเหนือจากมาตรา ๗ (๑) - (๘) ไว้ในกรมป่าไม้ |
||||||||||||||||||||||||
1074 | การแต่งตั้ง Designated Authority ของประเทศไทยสำหรับกองทุนด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แต่งตั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ทำหน้าที่เป็น Designated Authority ของประเทศไทยสำหรับกองทุนด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยในการรับรองโครงการและคัดเลือกหน่วยปฏิบัติงานหลักของประเทศ (National Implementing Entities : NIEs) ที่ดำเนินโครงการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามในหนังสือแจ้งการแต่งตั้ง Designated Authority ดังกล่าวไปยังสำนักเลขาธิการของคณะกรรมการกองทุนด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการคัดเลือกหน่วยงานมาเป็น NIEs ต้องมีคุณสมบัติที่ไม่เป็นหน่วยงานเดียวกับผู้ทำหน้าที่ Designated Authority ของประเทศ รวมทั้งเร่งดำเนินการเพื่อให้หน่วยงานดังกล่าวได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกองทุนด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation Fund Board) โดยเร็ว โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการขอรับการสนับสนุนทางวิชาการ (Technical Support) สำหรับเสริมสร้างศักยภาพของประเทศเพื่อให้สามารถดำเนินการขอรับการรับรองเป็น NIEs รวมถึงการเตรียมเอกสารเพื่อแสดงว่าหน่วยงานมีความสามารถในการบริหารจัดการเงินทุนและมีความน่าเชื่อถือตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1075 | กำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสีย | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พื้นที่ที่องค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) ทำข้อตกลงบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบด้วย พื้นที่เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่เทศบาลตำบลบางเสร่ จังหวัดชลบุรี พื้นที่เทศบาลเมืองพะเยา และพื้นที่เทศบาลนครสงขลา ๑.๒ พื้นที่ที่ อจน. ได้มีการทำบันทึกความเข้าใจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจะได้พัฒนาไปสู่การทำข้อตกลงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบด้วย พื้นที่เทศบาลเมืองกระบี่ พื้นที่เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ พื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่ รวมถึงพื้นที่ในแนวท่อระบายน้ำเสีย และที่ตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เทศบาลตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ พื้นที่เทศบาลนครนครสวรรค์ พื้นที่เทศบาลนครลำปาง พื้นที่เทศบาลเมืองวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ พื้นที่เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ และพื้นที่เทศบาลเมืองหนองบัวลำภู ๑.๓ พื้นที่ตามเขตควบคุมมลพิษตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติประกาศกำหนด ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดภูเก็ต พื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พื้นที่อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา พื้นที่หมู่เกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พื้นที่อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี และพื้นที่ตำบลมาบตาพุด ตำบลห้วยโป่ง ตำบลเนินพระ ตำบลทับมา อำเภอเมืองระยอง ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา และตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ๒. ให้ อจน. รับไปพิจารณาดำเนินการเพื่อให้พื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุดอยู่ในเขตพื้นที่ที่ อจน. ทำข้อตกลงบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ และพิจารณาเพิ่มเติมพื้นที่เทศบาลนครแหลมฉบังให้ครอบคลุมพื้นที่จัดการน้ำเสียด้วย โดยให้ประสานการดำเนินงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำเสียในระดับชุมชนโดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีที่ชุมชนและประชาชนในพื้นที่สามารถบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง การประชาสัมพันธ์และรณรงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการลดการก่อมลพิษจากแหล่งกำเนิดน้ำเสีย การส่งเสริมให้มีการต่อยอดภูมิปัญญาเพื่อการลดการก่อมลพิษของแต่ละชุมชน การกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสียในเขตนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้ง อจน. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรพิจารณาจัดเตรียมแผนเพิ่มศักยภาพของท้องถิ่น โดยผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยี เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ทั้งด้านเทคนิควิชาการและการเงิน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ นั้น อจน. ควรประสานงานและหารือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องแต่ละแห่งใช้จ่ายจากงบประมาณแผ่นดินที่ได้รับการจัดสรรแล้ว หรือใช้เงินรายได้ของราชการส่วนท้องถิ่นเอง เนื่องจากการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียถือเป็นภารกิจของท้องถิ่นจะต้องรับถ่ายโอนไปดำเนินการตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า ในการจัดตั้งงบประมาณตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ นั้น ต้องพิจารณาไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกัน |
||||||||||||||||||||||||
1076 | มติคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เรื่องการเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก | ทส | 03/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ ที่เห็นชอบการเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1077 | สรุปผลการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม World Water Forum ครั้งที่ 6 ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส | ทส | 19/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม World Water Forum ครั้งที่ ๖ ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคณะ ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การประชุม World Water Forum ครั้งที่ ๖ มีการจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Conference) การประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี 12 session/หัวข้อ และการประชุมร่วมกันระหว่างระดับ และกลุ่มต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายให้มากที่สุด ภายใต้หัวข้อหลักคือ “ถึงเวลามีแนวทางแก้ไขปัญหา” (Time for Solutions) โดยสามารถรวบรวมแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำได้ ๑,๔๐๐ เรื่อง ๒. การประชุมโต๊ะกลมระดับสูงเรื่องภัยพิบัติด้านน้ำ ได้มีการนำเสนอผลสรุปของการประชุมเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรี (Ministerial Conference) โดยสรุปคือ ภัยพิบัติด้านน้ำ เช่น อุทกภัย ภัยแล้ง สึนามิ และอุบัติภัยจากมลพิษทางน้ำได้กลายเป็นปัญหาของโลกที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกระดับ จำเป็นต้องมีการจัดการแก้ไขโดยด่วน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องข้อจำกัดทางโครงสร้างองค์กร การให้ประชาชนมีส่วนร่วมและการมีเครือข่าย ปัจจุบันประเทศต่าง ๆ มีมาตรการแก้ไขปัญหาที่ออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ภายในของตนทั้งมาตรการด้านโครงสร้าง และที่มิใช่โครงสร้าง (เช่น ระบบการเตือนภัยล่วงหน้า) โดยประเทศต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญในเรื่องมาตรการป้องกันและเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ โดยคำนึงถึงสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จากผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแปลงสภาพเป็นชุมชนเมือง และจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ความร่วมมือระหว่างประเทศและในภูมิภาคมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการต่อสู้และรับมือกับภัยพิบัติด้านน้ำ โดยต้องร่วมมือกันในวงกว้างทั้งระดับทวิภาคี ระดับภูมิภาค และระดับโลก รวมถึงการสนับสนุนด้านการเงินในการป้องกันภัยพิบัติ ความร่วมมือทางวิชาการในการบริหารจัดการ การเสริมสร้างศักยภาพ โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูล สำหรับการใช้ระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีผู้ตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากระบบการสังเกตการณ์ ติดตาม ตรวจสอบที่ดีเพียงพอ และมีเทคโนโลยีที่เหมาะสม ทั้งนี้ ประเทศที่เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าจะนำผลของการประชุมไปพิจารณาเพื่อเพิ่มความพยายามดำเนินการทั้งระดับประเทศ และระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการประชุม Rio+20 และการประชุมอื่น ๆ ในอนาคต ๓. การประชุม Ministerial Declaration รัฐมนตรี และหัวหน้าคณะผู้แทนที่เข้าร่วมประชุม World Water Forum ครั้งที่ ๖ มีความเห็นร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๓.๑ การยืนยันผลการประชุมระหว่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ Rio Summit ปี ๑๙๙๒ และ World Summit on Sustainable Development ปี ๒๐๐๒ ว่าน้ำเป็นกุญแจสำคัญที่จะสร้างสันติภาพและความมีเสถียรภาพ และมีส่วนสำคัญที่จะส่งเสริมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Rio+20) ในเรื่อง Green Economy และกรอบโครงสร้างเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๓.๒ การให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีของประชากรทุกคน โดยส่งเสริมให้เร่งดำเนินการเรื่องการให้ประชาชนเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดและสุขาภิบาลที่ดี รวมถึงการมีน้ำและสุขภาพดี ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งสหัสวรรษ (MDGs) และเห็นว่าต้องมีแนวทางแบบผสมผสานในเรื่องสุขาภิบาลและการจัดการน้ำเสีย ตลอดจนพยายามใช้แนวทางอื่น ๆ เช่น การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ และการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล โดยส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี ๓.๓ การช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ “เศรษฐกิจสีเขียว” น้ำเพื่อความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน ซึ่งจะต้องมีแนวทางในการวางแผนบริหารจัดการในเรื่องนี้โดยมีความเข้าใจและตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างกันของทรัพยากรน้ำ - อาหาร - พลังงาน ๓.๔ การรักษาโลกเป็นสีฟ้า - น้ำ (Keep the Planet Blue) น้ำในอนุสัญญา Rio ภัยพิบัติด้านน้ำและการพัฒนาเมือง โดยนำเรื่องน้ำประกอบการพิจารณาในการจัดทำยุทธศาสตร์และแผนงานเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ การกลายเป็นทะเลทราย ซึ่งเป็นอนุสัญญา Rio ๓ เรื่อง และอนุสัญญา Ramsar เรื่องพื้นที่ชุ่มน้ำ ทั้งนี้ ควรมีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน รวมถึงการขยายความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาระหว่างรัฐและเอกชนกับภาคประชาสังคม และกลุ่มทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ๓.๕ เงื่อนไขสู่ความสำเร็จ เห็นว่า การบริหารจัดการน้ำที่ดีจำเป็นต้องมีเวที และกรอบด้านองค์กรและกฎหมายที่เอื้อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม และจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งให้หน่วยงาน/องค์กรท้องถิ่นและภูมิภาคเพื่อให้ทำหน้าที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเพียงพอสำหรับการพิจารณาทางเลือกในการตัดสินใจ จำเป็นต้องมีเครื่องมือและตัวชี้วัดที่จะช่วยในการติดตาม ประเมินผล และการรายงานตรวจสอบนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของปฏิญญา Rio เรื่องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา และการใช้ประโยชน์จากปีสากลว่าด้วยความร่วมมือด้านน้ำ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมทั้งมีการพิจารณาเรื่องการคืนทุนอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ และควรมีความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์ ผู้มีอำนาจตัดสินใจ ผู้ให้บริการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นในการจัดทำ ดำเนินการ และติดตามนโยบายด้านน้ำ
|
||||||||||||||||||||||||
1078 | รายงานผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 17 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 7 (COP 17/CMP 7) | ทส | 19/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๗ และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๗ (COP 17/CMP 7) ระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน - ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองเดอร์บัน สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๗ ๑.๑ ให้มีการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจใหม่อีกหนึ่งคณะ คือ Ad Hoc Working Group on the Durban Platform for Enhanced Action สำหรับพัฒนาพิธีสาร (protocol) ตราสารกฎหมาย (legal instrument) หรือผลลัพธ์ที่ตกลงกันและมีผลบังคับทางกฎหมาย (agreed outcome with legal force) อย่างช้าที่สุดภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อเสนอที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๑๗ และให้ผลลัพธ์ดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับประเทศภาคีทุกประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑.๒ ให้ต่ออายุการดำเนินงานของการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยความร่วมมือระยะยาวภายใต้อนุสัญญาฯ ออกไปอีกหนึ่งปี และรายงานผลการดำเนินงานในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๑๘ ๑.๓ ให้เริ่มการดำเนินงานของคณะกรรมการด้านการปรับตัวโดยเร็ว โดยคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นผู้ให้ข้อเสนอแนะด้านวิชาการที่เกี่ยวกับการปรับตัวให้แก่ภาคี ๑.๔ เห็นชอบให้เร่งดำเนินการจัดตั้งกองทุน Green Climate และให้เริ่มดำเนินการโดยเร็วตามข้อเสนอของ Transitional Committee ได้แก่ การจัดตั้งคณะกรรมการกำกับ การระดมทุน และหลักเกณฑ์ในการสนับสนุนทุน ๑.๕ ให้มีการจัดประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๑๘ และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารฯ ครั้งที่ ๘ ณ ประเทศกาตาร์ ๒. ผลการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๗ ๒.๑ ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปยินดีที่จะมีพันธกรณีต่อเนื่องภายใต้พิธีสารเกียวโตต่อไปอีกตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐ หรือ พ.ศ. ๒๕๖๓ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อตัดสินใจของประเทศสมาชิกในการประชุมของคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้พิธีสารเกียวโต AWG-KP ครั้งที่ ๑๗ โดยประเทศแคนาดาแสดงความตั้งใจในการออกจากการเป็นรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต ประเทศญี่ปุ่นไม่ประสงค์ให้มีพันธกรณีระยะที่ ๒ สำหรับประเทศตน ส่วนสหพันธรัฐรัสเซียประสงค์ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ ๒.๒ ให้คณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยพันธกรณีต่อเนื่องสำหรับประเทศในภาคผนวกที่ ๑ ภายใต้พิธีสารเกียวโต ทำงานต่อไปในการแก้ไขพิธีสารให้แล้วเสร็จ และนำไปพิจารณาในการประชุมรัฐภาคีพิธีสารฯ สมัยที่ ๘ ณ ประเทศกาตาร์
|
||||||||||||||||||||||||
1079 | ท่าทีประเทศไทยสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2012 (United Nations Conference on Sustainable Development : UNCSD) หรือ Rio+20 | ทส | 12/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบท่าทีประเทศไทยสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๒ (United Nations Conference on Sustainable Development) หรือ Rio+20 ทั้งนี้ หากมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากท่าทีการเจรจานี้และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally binding) ต่อประเทศไทยให้เป็นดุลยพินิจขององค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับท่าทีประเทศไทยในประเด็นการลงทุนที่ยั่งยืน อาจเชื่อมโยงกับเรื่องการลงทุนภาคเกษตร ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหว ควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ผู้ลงทุนควรมีความรับผิดชอบ และไม่เอาประโยชน์ฝ่ายเดียวจากการใช้ทรัพยากร รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบและผลประโยชน์ต่อชุมชนเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1080 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (จำนวน 9 คน 1. นายสาคร ศิริชัย ฯลฯ) | ทส | 05/06/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จำนวน ๙ คน ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายสาคร ศิริชัย ๑.๒ นายพงษ์ภัทร สุวรรณศิริเขต ๑.๓ พลเอก ภัทรินทร์ ลีลายุทธ ๑.๔ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ๑.๕ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ ๑.๖ นายทรงพล พนาวงศ์ ๑.๗ พลตำรวจตรี ศักดิ์ชัย ตันบุญเอก ๑.๘ นายชวลิต ชูขจร ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑.๙ นายธีรัชย์ อัตนวานิช ผู้แทนกระทรวงการคลัง ๒. ส่วนกรณีนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป แต่ต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้แต่งตั้ง
|
.....