ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 54 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1061 - 1080 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1061 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง (จำนวน 7 ราย 1. นายวิจารณ์ สิมาฉายา ฯลฯ) | ทส | 09/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๗ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา ให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสันติ บุญประคับ ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมป่าไม้ ๔. นายนพพล ศรีสุข ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๕. นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ๖. นายนิทัศน์ ภู่วัฒนกุล ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ๗. นายปราณีต ร้อยบาง ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี
|
||||||||||||||||||||||||
1062 | การให้สัตยาบันในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ | ทส | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ให้ประเทศไทยให้สัตยาบันในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อแสดงเจตจำนงในการดำเนินการของประเทศไทยในฐานะสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และให้นำเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบต่อไป ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ โดยมีสาระสำคัญ ได้แก่ ๒.๑ ศูนย์อาเซียนว่าด้วยการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ (ASEAN Centre for Biodiversity : ACB) เป็นโครงการร่วมภายใต้ความร่วมมือของสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือที่เรียกว่า “อาเซียน” มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและประสานความร่วมมือด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพในภูมิภาคอาเซียน และมีการดำเนินการสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ โดยจะสนับสนุนประเทศสมาชิกอาเซียนในการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรในด้านการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ ๒.๒ ข้อตกลงว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์อาเซียนว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน ประเทศอื่น ๆ และระหว่างองค์กรต่าง ๆ มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ ประเทศฟิลิปปินส์ ๓. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจ (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายในการลงนามสัตยาบัน และเมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบต่อสัตยาบันข้อตกลงฯ แล้ว ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำสัตยาบันสารมอบให้เลขาธิการอาเซียนต่อไป ๔. ให้สมทบงบประมาณสนับสนุนกองทุนความหลากหลายทางชีวภาพแห่งอาเซียน (ASEAN Biodiversity Fund) จำนวน ๕๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ |
||||||||||||||||||||||||
1063 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นายทวี ไอศูรย์พิศาลศิริ) | ทส | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางสาววิชญาณี โอชา เป็นกรรมการอื่น แทนนายพงษ์ทร ชยาตุลชาต ที่ลาออก ๒. นายทวี ไอศูรย์พิศาลศิริ เป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||
1064 | ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันงบประมาณข้ามปี งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 | ทส | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กรมทรัพยากรน้ำโอนเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันงบประมาณข้ามปีงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ แผนงานจัดการทรัพยากรน้ำ ผลผลิตการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พัฒนาแหล่งน้ำ และบริหารจัดการน้ำ งบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง จากรายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำที่เป็นงบประมาณผูกพันข้ามปี จำนวน ๑๔ รายการ จำนวน ๑๐๒,๐๒๒,๓๐๐ บาท เป็นรายการสิ่งก่อสร้างที่มีราคาต่อหน่วยต่ำกว่า ๑๐ ล้านบาท รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ จำนวน ๔๑ รายการ จำนวนเงิน ๑๐๒,๐๒๒,๓๐๐ บาท ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมควรประสานงานกับหน่วยงาน ทั้งในส่วนกลางและในระดับพื้นที่ เพื่อป้องกันปัญหาความซ้ำซ้อน พร้อมทั้งตรวจสอบความพร้อมของพื้นที่ดำเนินการเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังเช่นที่ผ่านมา คือ อยู่ในเขตพื้นที่ป่าไม้หรือพื้นที่อนุรักษ์ หรือราษฎรยังไม่ได้ให้ความยินยอม นอกจากนั้นควรกำหนดระยะเวลาการดำเนินงานมิให้กระทบกับช่วงเวลาการกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้งของแหล่งน้ำต่าง ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1065 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (นางสาววิชญาณี โอชา) | ทส | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ จำนวน ๒ ราย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ดังนี้
๑. นางสาววิชญาณี โอชา เป็นกรรมการอื่น แทนนายพงษ์ทร ชยาตุลชาต ที่ลาออก ๒. นายทวี ไอศูรย์พิศาลศิริ เป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||
1066 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (นายทรงพล พนาวงศ์ และนายฤทธิณรงค์ กุลประสูตร) | ทส | 02/10/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติให้นายไพรัช ชัยชาญ พ้นจากตำแหน่งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๑๖(๓) แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนสัตว์ พ.ศ. ๒๔๙๗ ๒. เห็นชอบแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แทนกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่ง จำนวน ๒ ราย ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ได้แก่ ๒.๑ นายทรงพล พนาวงศ์ (เป็นผู้มีรายชื่อตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องบัญชีรายชื่อกรรมการรัฐวิสาหกิจ) ๒.๒ นายฤทธิณรงค์ กุลประสูตร
|
||||||||||||||||||||||||
1067 | ร่างข้อมติกรุงเทพฯ ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน | ทส | 25/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบต่อร่างข้อมติกรุงเทพฯ ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน (Bangkok Resolution on ASEAN Environmental Cooperation) มีสาระสำคัญคือ เป็นการประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันเพื่อจัดการกับความท้าทายจากปัญหาสิ่งแวดล้อม อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษจากหมอกควันข้ามแดน และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ โดยประเทศสมาชิกอาเซียนจะร่วมกันดำเนินการตามพันธสัญญาอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อความสำเร็จตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (MDGs) ตลอดจนผลจากการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Rio+20) รวมถึงกระตุ้นให้มีความพยายามอย่างจริงจังที่จะปกป้อง อนุรักษ์และใช้ความหลากหลายทางชีวภาพของอาเซียนอย่างยั่งยืน โดยดำเนินตามแผนกลยุทธ์เพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ และเป้าหมายไอจิว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนส่งเสริมการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน และเพิ่มความร่วมมือระหว่างกันให้มากขึ้นเพื่อป้องกันไฟป่าและลดมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน โดยการเฝ้าระวังและการดำเนินกิจกรรมป้องกันอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีการเสริมสร้างความร่วมมือในการฟื้นฟูสภาพป่าและลดการตัดไม้ทำลายป่า เพื่อป้องกันความสูญเสียทางความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มแหล่งกักเก็บคาร์บอนในภูมิภาค ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างข้อมติกรุงเทพฯ ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน กับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ ๑๒ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการให้ประเทศสมาชิกเร่งรัดกระบวนการให้สัตยาบันต่อพิธีสารนาโงย่าว่าด้วยการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดจากการใช้ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม และพิธีสารเสริมนาโงย่าว่าด้วยการรับผิดและการชดใช้ด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ นั้น เนื่องจากการเข้าร่วมในพิธีสารดังกล่าวจะทำให้ประเทศอื่นเข้าถึงทรัพยากรและภูมิปัญญาท้องถิ่นของประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ก่อนที่จะมีการให้สัตยาบันต่อพิธีสารดังกล่าว จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมและพัฒนาศักยภาพภายในประเทศให้เข้มแข็งทั้งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนากฎระเบียบและมาตรการที่มีประสิทธิภาพในการจัดการทรัพยากรชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อเป็นเครื่องมือในการตรวจสอบและกำกับติดตามเงื่อนไขการแบ่งปันผลประโยชน์ รวมทั้งสร้างความเข้าใจและความพร้อมให้กับชุมชนท้องถิ่นต่อกระบวนการและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และจัดให้มีการฟังความคิดเห็นของประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องก่อนที่จะมีการให้สัตยาบันต่อพิธีสารดังกล่าวต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1068 | รายงานสรุปผลการดำเนินงานของอาคารนิทรรศการศาลาไทยในงาน Yeosu International Exposition 2012 ณ สาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการดำเนินงานของอาคารนิทรรศการศาลาไทยในงาน Yeosu International Exposition 2012 ระหว่างวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ - ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ณ เมืองยอซู สาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. อาคารนิทรรศการศาลาไทยได้จัดแสดงนิทรรศการบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความอุดมสมบูรณ์สวยงามของท้องทะเลไทย การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยน้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน รวมทั้งแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลีที่มีมาอย่างช้านาน และศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของไทย โดยเริ่มทดลองเปิดดำเนินการช่วงก่อนการเปิดงานอย่างเป็นทางการ เป็นเวลา ๔ วัน มีผู้เข้าชมในช่วงเวลาดังกล่าว จำนวน ๒๘,๗๔๐ คน และหลังจากพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ - ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ รวมเวลา ๙๓ วัน อาคารนิทรรศการศาลาไทยได้รับการเยี่ยมเยียนจากผู้เข้าชมทั้งสิ้น ๙๙๕,๑๗๕ คน รวมจำนวนผู้เข้าชมอาคารนิทรรศการศาลาไทยตลอดระยะเวลาที่ดำเนินการมีจำนวนทั้งสิ้น ๑,๐๒๓,๙๑๕ คน คิดเป็นร้อยละ ๑๒.๓ ของผู้เข้าชมงานซึ่งเกินกว่าจำนวนที่ทางผู้ดำเนินงานคาดไว้ จำนวน ๙๐๐,๐๐๐ คน ๒. อาคารนิทรรศการศาลาไทยยังมีจุดเด่นในเรื่องของการแสดงบนเวทีบริเวณหน้าอาคารนิทรรศการ ซึ่งจัดการแสดงวันละ ๔ รอบ และในวันศุกร์ - เสาร์ วันละ ๖ รอบ สามารถดึงดูดผู้เข้าชมได้ไม่ต่ำกว่าวันละ ๗๐๐ คน รวมจำนวนผู้เข้าชมตลอดการจัดแสดงทั้งสิ้น ๘๔,๑๕๐ คน นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมพิเศษ ได้แก่ วันเสมือนวันชาติไทย วันลอยกระทง วันเสมือนวันสถาปนาความสัมพันธ์ไทย - เกาหลี และวันสงกรานต์ เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้รู้จักและสัมผัสศิลปวัฒนธรรมประเพณีไทยมากยิ่งขึ้น ๓. อาคารนิทรรศการศาลาไทยได้รับรางวัลประเภท “Honorable Mention of Editor” จากนิตยสาร Exhibitor ของประเทศสหรัฐอเมริกา และหลังจากพิธีปิดงานเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๕ ทางกิจการร่วมค้าอินเด็กซ์ ดี ๑๐๓ มาร์โก้ ได้ดำเนินการรื้อถอนวัสดุอุปกรณ์ โดยมีวัสดุอุปกรณ์บางส่วนจะนำไปติดตั้งที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ต ได้แก่ หุ่นยนต์นางเงือกและชิ้นส่วนประดับตกแต่งห้องจัดแสดงที่ ๑ ซึ่งจะมีการขนย้ายเพื่อจัดส่งกลับประเทศไทยและติดตั้งต่อไป โดยจะแล้วเสร็จภายในวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๕๖
|
||||||||||||||||||||||||
1069 | สรุปผลการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ.2012 (United Nations Conference on Sustainable Development: UNCSD) หรือ Rio+20 และการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง | ทส | 18/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดย ๑.๑ รับทราบสรุปผลการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๒ (United Nations Conference on Sustainable Development : UNCSD) หรือ Rio+20 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๓-๒๒ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ ผู้นำของแต่ละประเทศได้กล่าวถ้อยแถลงโดยมีสาระสำคัญที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืนและความท้าทายในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมทั้งเน้นย้ำความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืนภายใต้เอกสารผลลัพธ์ “The Future We Want” และส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกนำไปปฏิบัติอีกด้วย ๑.๑.๒ กระบวนการจัดทำเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) จะต้องมีการหารืออย่างต่อเนื่องและต้องบูรณาการเรื่องสุขภาพของมนุษย์เป็นหนึ่งในเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยสหประชาชาติควรมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่างภูมิภาค ๑.๑.๓ เนื่องจากเอกสารผลลัพธ์ “The Future We Want” มีลักษณะเป็นกรอบการดำเนินงานของประชาคมโลก เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเอกสารดังกล่าวยังเป็นการริเริ่มการดำเนินงานหลายประการ อาทิ กระบวนการในการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) การจัดตั้งเวทีการหารือระดับสูงทางการเมืองว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (High-Level Political Forum on Sustainable Development) และกระบวนการในการเสริมสร้างสมรรถนะขององค์กรแห่งสหประชาชาติในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม เป็นต้น ซึ่งการดำเนินงานตามผลลัพธ์ของการประชุม Rio+20 ครอบคลุมการดำเนินงานในสาขาต่าง ๆ ทั้งประเด็นทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม ภายใต้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน และจำเป็นต้องมีกลไกภายในประเทศเพื่อขับเคลื่อนการอนุวัตตามผลลัพธ์ดังกล่าวให้เกิดประสิทธิผล ๑.๑.๔ ที่ประชุมได้ให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์ “The Future We Want” อย่างเป็นเอกฉันท์ โดยเอกสารประกอบด้วย ๒๘๓ ข้อบท แบ่งออกเป็น ๖ ส่วน ได้แก่ (๑) วิสัยทัศน์ร่วม (Our common vision) (๒) การยืนยันพันธกรณีทางการเมือง (Renewing political commitment) (๓) เศรษฐกิจสีเขียวในบริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืนและการขจัดปัญหาความยากจน (Green economy in the context of sustainable development and poverty eradication) (๔) กรอบสถาบันระหว่างประเทศด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (Institutional framework for sustainable development) (๕) กรอบแนวทางในการดำเนินงาน (Framework for Action and follow up) และ (๖) กลไกหรือเครื่องมือที่ใช้ในการดำเนินงาน (Means of implementation) ๑.๒ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามผลลัพธ์จากการประชุม Rio+20 ในประเด็นต่าง ๆ ๑.๓ ให้จัดตั้งคณะกรรมการใหม่ หรือทบทวน “คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” เป็นคณะกรรมการระดับชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีกระทรวงที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการ และมีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการวางแผนและจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศสู่ความสมดุลและยั่งยืน เป็นกรรมการและเลขานุการ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสามเสาหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืนให้เป็นไปได้อย่างสอดคล้องกัน และเพื่อกำหนดนโยบายการพัฒนาอย่างบูรณาการ ตลอดจนกำกับและขับเคลื่อนการดำเนินงานของหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการอนุวัตตามผลลัพธ์ของการประชุม Rio+20 อย่างเป็นระบบทั้งในส่วนของการดำเนินงานในระดับประเทศ และระดับโลก โดยเฉพาะในเรื่องของการกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ซึ่งเป็นการต่อยอดจากเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals : MDGs) ๒. การจัดตั้ง “คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ให้สำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อมเป็นกรรมการและเลขานุการ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดิน และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติร่วมเป็นกรรมการ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้มีหน่วยงานหรือองค์กรหลักในการประสานระหว่างกระทรวงต่าง ๆ และกำหนดนโยบายการพัฒนาประเทศเพื่อให้แต่ละสามเสาหลักให้สามารถพัฒนาไปได้อย่างสมดุล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการกำหนดนโยบายสำหรับการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่จะมีขึ้นภายหลังปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นปีครบกำหนดการดำเนินการตามเป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals) ส่วนการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามผลลัพธ์จากการประชุม Rio+20 ในประเด็นต่าง ๆ เห็นควรกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบหลักในแต่ละประเด็นให้ครบถ้วนชัดเจน และเป็นที่ยอมรับร่วมกัน พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญของกิจกรรม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1070 | กรอบเจรจาภายใต้ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ 63 และครั้งที่ 64 | ทส | 11/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี (คณะที่ ๑) (ฝ่ายความมั่นคงและโครงสร้างพื้นฐาน)
ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งที่ ๘/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๒๙ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาภายใต้ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔ ซึ่งกำหนดให้มีขึ้นในระหว่างวันที่ ๒-๑๕ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เพื่อขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาต่อไป โดยสาระสำคัญของกรอบเจรจาฯ ได้แก่ ๑.๑ การจัดการประชุมสมัยภาคีอนุสัญญาครั้งที่ ๑๖ และข้อปฏิบัติด้านการเงิน ๑.๑.๑ รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดหาและจัดเตรียมสถานที่ พร้อมวัสดุอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก การรักษาความปลอดภัย และการจัดหาเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสนับสนุนการจัดประชุม ๑.๑.๒ รัฐบาลไทยต้องจัดหาค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมเป็นส่วนต่างระหว่างการดำเนินการจัดประชุมที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย กับการดำเนินการจัดประชุมที่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ในสวิตเซอร์แลนด์ ๑.๑.๓ รัฐบาลไทยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนย้ายและประกันภัยเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการประชุม ๑.๑.๔ สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ จะส่งรายละเอียดบัญชีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงภายใน ๑๘๐ วัน หลังการประชุม และจะส่งเงินส่วนที่เหลือคืนให้กับรัฐบาลไทย ถ้าเกินกว่าที่ชำระไว้รัฐบาลไทยต้องชำระเพิ่ม ๑.๒ เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ๑.๒.๑ รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการเพื่อให้ความคุ้มกันจากกระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวกับคำพูดหรือข้อเขียนและการกระทำต่าง ๆ ในระหว่างการประชุมให้แก่ ผู้แทนของรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ผู้สังเกตการณ์ขององค์การสหประชาชาติ ผู้สังเกตการณ์จากหน่วยงานหรือองค์กรที่มีคุณสมบัติเชี่ยวชาญเฉพาะทางในด้านการคุ้มครอง การอนุรักษ์ หรือการจัดการเกี่ยวกับสัตว์ป่าหรือพืชป่า และคณะเจ้าหน้าที่ของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ และคณะเจ้าหน้าที่ที่รัฐบาลไทยจัดหาให้สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ๑.๒.๒ รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการเพื่อกำหนดให้สถานที่และอาณาบริเวณสำหรับการจัดประชุม ในระหว่างการประชุมจะต้องละเมิดมิได้ ๑.๒.๓ รัฐบาลไทยจะให้เอกสิทธิ์บางประการแก่ผู้เข้าร่วมประชุม เช่น การอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับวีซ่า การยกเว้นภาษีสำหรับการนำเข้าเอกสาร เป็นต้น ๑.๓ ความรับผิดชอบต่อความเสียหาย ๑.๓.๑ รัฐบาลไทยจะต้องรับผิดชอบต่อการปฏิบัติใด ๆ การเรียกร้อง หรือความต้องการอื่น ๆ ที่ต่อต้านสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ หรือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่อาจเกิดความบาดเจ็บต่อร่างกาย และ/หรือความเสียหายหรือความสูญเสียซึ่งทรัพย์สินในสถานที่จัดการประชุม ที่มีสาเหตุหรือเกิดขึ้นในการใช้บริการคมนาคมที่รัฐบาลไทยจัดให้ และการจ้างบุคลากรสำหรับการประชุมฯ ของรัฐบาลไทย ๑.๓.๒ รัฐบาลไทยสามารถใช้มาตรการใด ๆ ตามสมควรในการป้องกันภัยที่อาจเกิดกับสถานที่ประชุม บุคคล และทรัพย์สินภายในสถานที่จัดประชุม ๑.๓.๓ รัฐบาลไทยจะต้องจ่ายค่าชดเชยและป้องกันภัยให้สำนักงานเลขาธิการอนุสัญญาฯ และเจ้าหน้าที่ในส่วนที่เกี่ยวกับการปฏิบัติ การเรียกร้องหรือความต้องการใด ๆ ยกเว้นการปฏิบัติและข้อเรียกร้องดังกล่าวเกิดจากความเพิกเฉยหรือความจงใจของเจ้าหน้าที่สำนักเลขาธิการฯ ที่เข้าประชุม ๑.๓.๔ แต่ละฝ่ายสงวนสิทธิ์สำหรับเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้น เช่น ความปลอดภัย ความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือการสาธารณสุข ๑.๓.๕ ข้อพิพาทใด ๆ ระหว่างสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ และรัฐบาลไทย ให้พิจารณาตามกฎอนุญาโตตุลาการ UNCITRAL ๑.๓.๖ ความตกลงและภาคผนวกทั้งหมดที่จะลงนามจะมีผลนับตั้งแต่วันที่รัฐบาลไทยแจ้งสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ทราบว่าได้เสร็จสิ้นกระบวนการตามกฎหมายภายในประเทศเพื่อให้มีผลบังคับใช้แล้ว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับไปดำเนินการยกร่างพระราชบัญญัติเพื่อให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกัน เนื่องจากในการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔ ไม่เป็นการประชุมของ UNEP (United Nations Environmental Programme) จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสหประชาชาติและทบวงการชำนัญพิเศษในประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๐๔ ตามความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1071 | แนวทางการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจ | ทส | 04/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแนวทางการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจในส่วนที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยต่อสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๑ ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ณ สาธารณรัฐอินเดีย ทั้งนี้ การรายงานความก้าวหน้าฯ ดังกล่าวต้องเป็นเพียงการแสดงความตั้งใจของประเทศไทยที่จะดำเนินการให้สนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ระยะ ๒๐๑๑ - ๒๐๒๐ และทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ โดยไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีหรือมีผลผูกพันต่องบประมาณหรือการต้องออกกฎหมายใหม่ และอยู่ภายใต้กฎหมายภายในของประเทศไทย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) รวมทั้งหน่วยงาน คณะกรรมการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาทบทวนและบูรณาการการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพให้ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมถึงการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ การอนุรักษ์ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ประโยชน์ที่จะได้รับ สิทธิชุมชน และการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่เกิดความซ้ำซ้อน ๓. ให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรทำการสำรวจและวิเคราะห์ถึงศักยภาพของภาคธุรกิจในประเทศไทยที่สามารถจะเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินการ และกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อปรับปรุง (ร่าง) แนวทางการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพดังกล่าวให้ถูกต้องครบถ้วนและสามารถประเมินความเป็นไปได้จากการดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าประสงค์ที่กำหนดไว้ รวมทั้งควรเปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจที่ได้กำหนดเป็นกลุ่มเป้าหมายเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดแนวคิดและแนวทางดำเนินการตั้งแต่เริ่มต้นเพื่อให้มีความสอดคล้องกับศักยภาพของภาคธุรกิจ และมีความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1072 | แนวทางการดำเนินงานด้านการสื่อสาร การให้การศึกษา และการเสริมสร้างความตระหนักแก่สาธารณชนเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ (CEPA) เพื่อตอบสนองต่อทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. 2554-2563 | ทส | 04/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานด้านการสื่อสาร การให้การศึกษา และการเสริมสร้างความตระหนักแก่สาธารณชนเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ (CEPA) เพื่อตอบสนองต่อทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ ในส่วนที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยต่อสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๑ ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ณ สาธารณรัฐอินเดีย ทั้งนี้ การรายงานความก้าวหน้าฯ ดังกล่าวต้องเป็นเพียงการแสดงความตั้งใจของประเทศไทยที่จะดำเนินการให้สนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพระยะ ๒๐๑๑ - ๒๐๒๐ และทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ โดยไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีหรือมีผลผูกพันต่องบประมาณหรือการต้องออกกฎหมายใหม่และอยู่ภายใต้กฎหมายภายในของประเทศไทย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) รวมทั้งหน่วยงาน คณะกรรมการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาทบทวนและบูรณาการการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพให้ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมถึงการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์การอนุรักษ์ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ประโยชน์ที่จะได้รับสิทธิชุมชน และการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม เพื่อใช้เป็นกรอบแนวทางในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดความซ้ำซ้อน ๓. ให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรดำเนินการบูรณาการรวบรวมและจัดทำกรอบประเด็นที่จะต้องรายงานต่อสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๑ ณ สาธารณรัฐอินเดีย ให้ครบถ้วน เพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกันและเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด และใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานของทุกภาคส่วนในการปฏิบัติและการจัดสรรงบประมาณสนับสนุน รวมทั้งทำการประเมินสถานภาพของความตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพที่มีอยู่ในสังคมไทยอย่างแท้จริง พร้อมปรับวัตถุประสงค์กับตัวชี้วัดให้สอดคล้องกัน และมีความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ เพื่อให้แนวทางการดำเนินการสามารถวัดผลได้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ และขอความร่วมมือภาคเอกชนและองค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อให้การสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานด้านการติดต่อสื่อสารฯ โดยกำหนดแผนงาน แนวทาง กฎระเบียบ และมาตรการสร้างแรงจูงใจให้กับภาคเอกชนในการเข้าร่วมที่ชัดเจน ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป |
||||||||||||||||||||||||
1073 | แนวทางการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพที่จำเป็นและสนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ระยะ 2011 - 2020 (พ.ศ. 2554 - 2563) | ทส | 04/09/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตามแนวทางการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพที่จำเป็นและสนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ระยะ ๒๐๑๑ - ๒๐๒๐ (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓) ในส่วนที่เกี่ยวข้องของประเทศไทยต่อสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๑ ที่จะมีขึ้นในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ณ สาธารณรัฐอินเดีย ทั้งนี้ การรายงานความก้าวหน้าฯ ดังกล่าวต้องเป็นเพียงการแสดงความตั้งใจของประเทศไทยที่จะดำเนินการให้สนองต่อเป้าหมายของแผนกลยุทธ์อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ระยะ ๒๐๑๑ - ๒๐๒๐ และทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพขององค์การสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๖๓ โดยไม่ก่อให้เกิดพันธกรณีหรือมีผลผูกพันต่องบประมาณหรือการต้องออกกฎหมายใหม่ และอยู่ภายใต้กฎหมายภายในของประเทศไทย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) รวมทั้งหน่วยงาน คณะกรรมการ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาทบทวนและบูรณาการการจัดทำแผนยุทธศาสตร์เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพให้ชัดเจน ครบถ้วน ครอบคลุมถึงการเข้าถึงและการใช้ประโยชน์ การอนุรักษ์ การพัฒนาอย่างยั่งยืน ประโยชน์ที่จะได้รับ สิทธิชุมชน และการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและไม่เกิดความซ้ำซ้อน ๓. ให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นควรทำการศึกษาประเมินสถานการณ์งานวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศอย่างละเอียด เพื่อให้ทราบถึงสถานภาพของข้อมูลและงานวิจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลายทางชีวภาพฯ รวมทั้งจัดทำยุทธศาสตร์การวิจัยด้านความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อกำหนดประเด็นการวิจัยสำคัญที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ เพื่อการรักษาผลประโยชน์ของประเทศและใช้เป็นกรอบในการจัดสรรทรัพยากร กำลังคน และงบประมาณอย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ควรมีแผนงานที่มีรายละเอียดแสดงถึงเป้าหมายและประโยชน์ต่อหน่วยธุรกิจและระดับชาติที่จะได้รับอย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีมาตรการเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมสนับสนุนการวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพฯ อาทิ มาตรการทางด้านภาษี มาตรการส่งเสริมการตลาดและการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย และให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จ แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน |
||||||||||||||||||||||||
1074 | ร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีในการประชุม Special ASEAN-ROK Ministerial Meeting on Forestry ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 28/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงระดับรัฐมนตรีในการประชุม Special ASEAN-ROK Ministerial Meeting on Forestry ระหว่างวันที่ ๒๙-๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยร่างถ้อยแถลงฯ มีสาระสำคัญสรุปว่า รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านการป่าไม้จากประเทศสมาชิกอาเซียน และสาธารณรัฐเกาหลีมีถ้อยแถลงร่วมกัน ดังนี้ ๑.๑ ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ๑.๒ ส่งเสริมการสร้างขีดความสามารถและการดำรงชีวิตของชุมชนที่พึ่งพาป่าไม้ การจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน การอนุรักษ์ป่าไม้ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๑.๓ การขยายความร่วมมือด้านป่าไม้ระดับภูมิภาค จากขอบเขตของประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลี ไปสู่ความร่วมมือระดับภูมิภาคเอเชีย ๑.๔ ดำเนินการตามกลยุทธ์เชิงรุกจากความร่วมมือด้านป่าไม้ประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีในการก่อตั้งองค์กรผู้แทนในระดับภูมิภาค ๒. ให้ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๔ เกี่ยวกับเรื่องที่อาจเกี่ยวข้องกับบทบัญญัติตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่ให้หน่วยงานเจ้าของเรื่องเสนอเรื่องถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๗ วัน
|
||||||||||||||||||||||||
1075 | สรุปรายงานการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 36 ระหว่างวันที่ 24 มิถุนายน-6 กรกฎาคม 2555 ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย | ทส | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๖ ระหว่างวันที่ ๒๔ มิถุนายน-๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ณ นครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สหพันธรัฐรัสเซีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติรับรองแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) จำนวน ๑๐๓ แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีแหล่งมรดกอยู่ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น จำนวน ๑,๕๔๑ แห่ง จากรัฐภาคี จำนวน ๑๖๘ ประเทศ ๒. ที่ประชุมมีมติถอดถอนแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตราย ๒ แห่ง คือ Fort and Shalamar Gardens in Lahore (Pakistan) และ Rice Terraces of the Philippine Cordilleras (Philippines) และเพิ่มเติมบัญชีรายชื่อแหล่งมรดกโลกที่อยู่ในภาวะอันตราย ๕ แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีมรดกโลกในภาวะอันตราย จำนวน ๓๘ แห่ง ใน ๓๐ ประเทศ แบ่งออกเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติในภาวะอันตราย จำนวน ๑๗ แห่ง และแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมในภาวะอันตราย จำนวน ๒๑ แห่ง ๓. ที่ประชุมมีมติให้ขึ้นทะเบียนแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติเป็นแหล่งมรดกโลก จำนวน ๒๖ แห่ง ประกอบด้วย แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรม จำนวน ๒๐ แห่ง แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ จำนวน ๕ แห่ง แหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ (Mixed Sites) จำนวน ๑ แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ จำนวน ๙๖๒ แห่ง โดยแบ่งออกเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม จำนวน ๗๔๕ แห่ง แหล่งมรดกทางธรรมชาติ จำนวน ๑๘๘ แห่ง และแหล่งมรดกทางธรรมชาติและวัฒนธรรม จำนวน ๒๙ แห่ง ใน ๑๕๗ ประเทศ จากรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ทั้งหมด จำนวน ๑๘๙ ประเทศ โดยมีรัฐภาคีที่มีแหล่งมรดกขึ้นทะเบียนเป็นครั้งแรกในการประชุมฯ จำนวน ๔ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐชาด สาธารณรัฐคองโก สาธารณรัฐปาเลา และรัฐปาเลสไตน์ ๔. การขอปรับเปลี่ยนชื่อแหล่งมรดกโลก จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ Los Glaciares (Argentina) เป็น Los Glaciares National Park (ภาษาอังกฤษ) และ Parc national de Los Glaciares (ภาษาฝรั่งเศส), Skellig Michael (Ireland) เป็น Sceilg Mhichil (ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส), Pueblo de Taos (United States of America) เป็น Taos Pueblo (ภาษาอังกฤษ และภาษาฝรั่งเศส) และ Samarkand-Crossroads of Cultures (Uzbekistan) เป็น Samarkand-Crossroad of Cultures (ภาษาอังกฤษ) ๕. ที่ประชุมมีมติรับรองรายงานแผนการอนุรักษ์แหล่งมรดกโลก จำนวน ๑๐๕ แห่ง โดยในส่วนที่เกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรไทย คือ การรายงานสถานภาพการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ซึ่งที่ประชุมได้ร้องขอให้ราชอาณาจักรไทยดำเนินการจัดส่งเอกสารข้อมูลการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมของทางหลวงสาย ๓๐๔ และเขื่อนห้วยโสมง และรายงานความก้าวหน้าสถานะการอนุรักษ์พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ถึงศูนย์มรดกโลก ภายในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ (ค.ศ. ๒๐๑๒) ตามรูปแบบที่กำหนด ตามข้อเสนอแนะตามมติคณะกรรมการมรดกโลก โดยร่วมกับศูนย์มรดกโลก/IUCN Reactive monitoring mission (RM Mission) ในการปฏิบัติการตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๗ และให้ราชอาณาจักรไทยเสนอรายงานสถานภาพการอนุรักษ์แหล่งทรัพย์สินที่เป็นปัจจุบัน และรายงานความสำเร็จในการดำเนินการตามข้อเสนอแนะในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อศูนย์มรดกโลกภายในวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ เพื่อเสนอคณะกรรมการมรดกโลกในการประชุม ครั้งที่ ๓๗ ซึ่งคณะกรรมการฯ สามารถพิจารณาถึงความจำเป็นในการติดตามตรวจสอบต่อไป และความเป็นไปได้ในการขึ้นทะเบียนทรัพย์สินในภาวะอันตราย ๖. ที่ประชุมมีมติให้รัฐภาคีเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายโดยสมัครใจ (Voluntary) ของคณะผู้เชี่ยวชาญขององค์กรที่ปรึกษาในกรณีที่จะต้องเดินทางไปเพื่อให้คำแนะนำในการเตรียมการ หรือการทบทวนการเสนอขึ้นบัญชีมรดกโลก หรือกรณีที่จะต้องมีการประเมิน หรือสำรวจแหล่งมรดกโลก ตามมติคณะกรรมการ ๗. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในการจัดตั้งศูนย์การดำเนินงานร่วมด้านมรดกโลก (เพิ่มเติม) ในราชอาณาจักรสเปนและสาธารณรัฐอิตาลี ทำให้ปัจจุบันมีศูนย์การดำเนินงานร่วมด้านมรดกโลก จำนวนทั้งสิ้น ๑๐ แห่ง ๘. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ราชอาณาจักรกัมพูชาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ ๓๗ ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๖ ณ Peach Palace กรุงพนมเปญ
|
||||||||||||||||||||||||
1076 | การจัดทำความตกลงในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทย และสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่าด้วยการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการและการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง | ทส | 21/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติการจัดทำความตกลงในรูปแบบหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่าด้วยการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการและการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ๑.๒ เห็นชอบร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลไทยและสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ว่าด้วยการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการและการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๒.๑ รัฐบาลไทยจะให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ผู้มาร่วมประชุมฯ และสถานที่จัดการประชุมฯ ตามอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของสหประชาชาติ ค.ศ. ๑๙๔๖ และอนุสัญญาว่าด้วยเอกสิทธิ์และความคุ้มกันของทบวงการชำนัญพิเศษ ค.ศ. ๑๙๔๗ ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ๑.๒.๒ ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ และบุคคลที่ปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวเนื่องกับการประชุมฯ จะมีสิทธิเข้าและออกจากประเทศไทยโดยปราศจากอุปสรรค ๑.๒.๓ การให้ยกเว้นภาษีศุลกากรการนำเข้าวัสดุอุปกรณ์สำหรับใช้ในการประชุมฯ ๑.๒.๔ รัฐบาลไทยจะจัดให้มีการคุ้มครองโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจตามความจำเป็น ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้มีอำนาจลงนามในร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ในนามรัฐบาลไทย ๒. เห็นชอบให้มีข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการในหนังสือแลกเปลี่ยนฯ ได้ ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||||||||
1077 | ขอปิดเส้นทางจราจรในทางหลวงหมายเลข 3259 (กม. 15-กม. 30) ช่วงผ่านเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน บางช่วงเวลา | ทส | 07/08/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ (ฝ่ายการเกษตรและการท่องเที่ยว) ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) เป็นประธานกรรมการ ซึ่งเห็นชอบข้อเสนอให้มีการปิดถนนสาย ๓๒๕๙ ระหว่าง กม. ๑๕-กม. ๓๐ โดยแบ่งเป็น ๒ ช่วงเวลา คือ ช่วงที่หนึ่ง ระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน ปิดระหว่างเวลา ๒๑.๐๐ น. -๐๕.๐๐ น. และช่วงที่สอง ระหว่างเดือนพฤษภาคม-ธันวาคม ปิดระหว่างเวลา ๑๘.๐๐ น.-๐๖.๐๐ น. โดยมอบให้กระทรวงคมนาคม (กรมทางหลวง) รับไปดำเนินการเพื่อประกาศปิดเส้นทางการจราจรถนนสาย ๓๒๕๙ ระหว่าง กม. ๑๕-กม. ๓๐ ในช่วงเวลาดังกล่าว ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๒๘ ต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1078 | ขออนุมัติเป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการ (Informal additional sessions of the ad hoc working groups) และการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง | ทส | 30/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ประเทศไทย โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเจ้าภาพร่วมกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในการจัดประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไม่เป็นทางการ (Informal additional sessions of the ad hoc working groups) ณ ศูนย์การประชุมสหประชาชาติ องค์การสหประชาชาติ กรุงเทพมหานคร ในระหว่างวันที่ ๒๔ สิงหาคม - ๕ กันยายน ๒๕๕๕ และการประชุมคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างวันที่ ๖ - ๑๓ กันยายน ๒๕๕๕ ณ สถานที่ที่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำหนด ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1079 | การติดตามสภาพปัญหาและแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจติดตามสภาพปัญหาและตรวจพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อการป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง และการแก้ไขปัญหาด้านขยะมูลฝอยในพื้นที่จังหวัดสกลนคร และการปฏิบัติกิจกรรมปลูกป่า ณ จังหวัดมหาสารคาม ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. วันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้ตรวจติดตามสภาพปัญหาและตรวจพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ได้แก่ โครงการปรับปรุงพื้นที่ชุ่มน้ำหนองทุ่งมน หมู่ที่ ๑ บ้านเจริญศิลป์ ตำบลเจริญศิลป์ อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร และโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองบัวรวม ตำบลเดื่อศรีคันไชย อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร โดยดำเนินการขุดลอกแหล่งน้ำ และจัดทำคันป้องกันตลิ่ง และโครงการปรับปรุงฟื้นฟูแหล่งน้ำลำน้ำพุง ตำบลเต่างอย อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร โดยดำเนินการศึกษาออกแบบเพื่อการขุดลอก และจัดการปรับปรุงพื้นที่ชุ่มน้ำเพื่อเป็นแก้มลิงในการเก็บกักน้ำ นอกจากนี้ ได้ตรวจติดตามและรับฟังปัญหาด้านขยะมูลฝอย และการปรับปรุงบ่อขยะและระบบการกำจัดขยะมูลฝอยของเขตเทศบาลตำบลวานรนิวาส อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร และการจัดทำเตาเผาขยะและระบบการกำจัดขยะมูลฝอยของเทศบาลตำบลบ้านม่วง อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร ๒. วันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เป็นประธานเปิดงานโครงการคืนผืนป่าให้แผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ รอบ ณ ป่าสงวนแห่งชาติป่าดินแดง - วังกุง หมู่ที่ ๑๐ บ้านโนนสูง ตำบลหนองเหล็ก อำเภอโกสุมพิสัย จังหวัดมหาสารคาม และร่วมปลูกต้นไม้ร่วมกับพลังมวลชนกลุ่มต่าง ๆ และประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งได้มอบเกียรติบัตรแก่ราษฎรผู้คืนผืนป่า และผู้ทำคุณประโยชน์ด้านทรัพยากรป่าไม้
|
||||||||||||||||||||||||
1080 | การรายงานผลการเข้าร่วมพิธีเปิดและเยี่ยมชมอาคารนิทรรศการในงาน International Exposition Yeosu Korea 2012 ณ สาธาณรัฐเกาหลี | ทส | 10/07/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเข้าร่วมพิธีเปิดและเยี่ยมชมอาคารนิทรรศการในงาน International Exposition Yeosu Korea 2012 ณ สาธารณรัฐเกาหลี ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๑๑ - ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (Commissioner of sector Thailand) และคณะ ได้เข้าร่วมพิธีเปิดงาน International Exposition Yeosu Korea 2012 ณ เมืองยอซู สาธารณรัฐเกาหลี โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำอาคารศาลาไทยให้การต้อนรับ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้เข้าร่วมพิธีเลี้ยงอาหารค่ำโดยรัฐบาลเกาหลีเป็นเจ้าภาพ และร่วมชมการแสดงแสงสีเสียงในพิธีเปิด ณ BIG_O ซึ่งเป็นเวทีกลางน้ำขนาดใหญ่ที่ถือเป็นสัญลักษณ์เด่นของงานนี้ ๒. ในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้เข้าเยี่ยมชมการแสดงและกิจกรรมของอาคารนิทรรศการศาลาไทย รวมทั้งเยี่ยมชมอาคารนิทรรศการหลัก (Theme Pavilion) อาคารแสดงเทคโนโลยีของฮุนได ๓. ประโยชน์ที่ได้รับในการเข้างาน International Exposition 2012 ครั้งนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเป็นตัวแทนประเทศไทยในการเผยแพร่ศักยภาพของประเทศไทยด้านความงดงาม ความหลากหลายทางชีวภาพ ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง บนพื้นฐานการบริหารจัดการอย่างยั่งยืนที่ยึดถือแนวทางพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รวมถึงศิลปวัฒนธรรมของไทยซึ่งเป็นการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ทั้งด้านการท่องเที่ยวและเป็นแหล่งอาหารสำคัญของโลก
|
.....