ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 57 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1121 - 1140 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1121 | ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี | ทส | 22/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรมทรัพยากรน้ำเปลี่ยนแปลงรายการ จาก รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี วงเงินทั้งสิ้น ๑,๐๐๐ ล้านบาท รายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็น ๑.๑ รายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี ระยะเวลาดำเนินการ ๙๖๐ วัน ในวงเงิน ๙๖๔,๕๕๕,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากเงินกันไว้เบิกเหลื่อมปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๓๖,๒๒๕,๓๐๐ บาท งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๑๘๐,๐๙๓,๑๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๗๔๘,๒๓๖,๖๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๗ ต่อไป ๑.๒ อนุมัติให้โอนเปลี่ยนแปลงรายการจากรายการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี จำนวน ๒๖,๕๒๕,๐๐๐ บาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕,๓๐๕,๓๐๐ บาท เป็น รายการค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยหลวง - หนองหาน กุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี จำนวน ๒๖,๕๒๕,๐๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๕,๓๐๕,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน ๒๑,๒๑๙,๙๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๕๗ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำ) พิจารณาดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและมาตรฐานของทางราชการ โดยพิจารณาประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
|
||||||||||||||||||||||||
1122 | การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง | ทส | 22/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในจังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ๑.๑ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองไฮพร้อมระบบกระจายน้ำ อำเภอบัวใหญ่ พื้นที่โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว โครงการในพระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร กรมทรัพยากรน้ำกำลังดำเนินการฟื้นฟู กำหนดแล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๑.๒ โครงการขุดลอกบึงสำโรง บ้านกุดปลาฉลาด ตำบลสำโรง อำเภอแก้งสนามนาง ผู้นำชุมชนและราษฎรในพื้นที่ได้ร้องของบประมาณขุดลอกแหล่งน้ำบึงสำโรง พื้นที่โครงการ ประมาณ ๒,๑๐๖ ไร่ ให้รองรับน้ำในฤดูน้ำหลาก เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยและเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ๑.๓ โครงการขุดลอกบึงละหานลูกนก ตำบลบ้านเหลื่อม อำเภอบ้านเหลื่อม ผู้นำชุมชนและราษฎรในพื้นที่ได้ร้องขอให้ดำเนินการขุดลอกเพื่อเป็นแก้มลิงขนาดใหญ่ พื้นที่ประมาณ ๓,๖๐๐ ไร่ ให้รองรับน้ำในฤดูน้ำหลาก เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ๑.๔ โครงการขุดลอกคลองทางเรือ ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย ที่มีสภาพตื้นเขินให้เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในฤดูน้ำหลากเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัย ๑.๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและมอบให้กรมทรัพยากรน้ำเร่งศึกษาสำรวจและจัดหางบประมาณสนับสนุนต่อไป ๒. การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ๒.๑ ผู้นำชุมชนและราษฎรในพื้นที่อำเภอสร้างคอมได้ร้องขอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง คือ โครงการฟื้นฟูอ่างเก็บน้ำพาน ตำบลสร้างคอม เพื่อขุดลอกตะกอน กำจัดวัชพืช และก่อสร้างอาคารระบายน้ำ วงเงินงบประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท ๒.๒ ผู้นำชุมชนและราษฎรในพื้นที่อำเภอเพ็ญได้ร้องขอโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง จำนวน ๕ โครงการ ได้แก่ โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองบัวยามกา ตำบลบ้านธาตุ และโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองบุ่งหวาย ตำบลจอมศรี โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองบุ่งหวาย ตำบลจอมศรี เพื่อขุดลอกตะกอน กำจัดวัชพืช และก่อสร้างอาคารระบายน้ำ วงเงินประมาณ ๑๕ ล้านบาท โครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำห้วยเพ็ญ ตำบลเพ็ญ เพื่อขุดลอกลำห้วย และก่อสร้างฝายน้ำล้น แบบมีบานประตู วงเงินประมาณ ๒๐ ล้านบาท โครงการลำห้วยหลวง ตำบลนาบัว เพื่อศึกษาและพัฒนาลำน้ำห้วยหลวงตลอดสาย วงเงินประมาณ ๓๕ ล้านบาท และโครงการฟื้นฟูแหล่งน้ำลำน้ำสวย ตำบลนาพู่ วงเงินประมาณ ๒ ล้านบาท ๒.๓ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและมอบให้กรมทรัพยากรน้ำร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งศึกษาสำรวจและจัดหางบประมาณสนับสนุนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1123 | ขออนุมัติลงนามในบันทึกความเข้าใจสำหรับการอบรมเชิงปฏิบัติการการประเมินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับภูมิภาคเอเชีย และการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำในการจัดทำรายงานแห่งชาติของประเทศกำลังพัฒนาภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ | ทส | 22/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเจ้าภาพจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ การประเมินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับภูมิภาคเอเชีย และการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำในการจัดทำรายงานแห่งชาติของประเทศกำลังพัฒนา ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ - ๒ มีนาคม ๒๕๕๕ ตามคำเชิญของสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ จะดำเนินการโอนงบประมาณสำหรับการจัดประชุมให้ประเทศไทยเมื่อได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจสำหรับการจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ การประเมิน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับภูมิภาคเอเชีย และการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำในการจัดทำรายงานแห่งชาติของประเทศกำลังพัฒนา ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเรียบร้อยแล้ว ๑.๒ เห็นชอบในบันทึกความเข้าใจสำหรับการจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการ การประเมินการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับภูมิภาคเอเชีย และการประชุมคณะผู้เชี่ยวชาญที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำในการจัดทำรายงานแห่งชาติของประเทศกำลังพัฒนา ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประกอบด้วยประเด็นหลัก ดังนี้ ๑.๒.๑ รูปแบบการประชุมและการเตรียมการจัดประชุม ได้แก่ การกำหนดรูปแบบการจัดห้องประชุม อุปกรณ์ที่ใช้ในการประชุม เครื่องมือสื่อสาร อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสำหรับการจัดประชุม ๑.๒.๒ เอกสิทธิ์ ความคุ้มกัน และการอำนวยความสะดวก ได้แก่ การให้รัฐบาลไทยให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ผู้แทนของรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ผู้แทนของทบวงการชำนัญพิเศษและทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ และพนักงานขององค์การสหประชาชาติ ตลอดจนการอำนวยความสะดวกในการเข้าพำนักและเข้าร่วมการประชุมของผู้แทนในประเทศไทย ๑.๓ อนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมต่อไป ๒. อนุมัติให้ใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการภายใต้กฎเกณฑ์ของคณะกรรมาธิการสหประชาชาติ ว่าด้วยกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ (UNCITRAL) สำหรับการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจากบันทึกความเข้าใจฯ (ร่างข้อ ๙.๒) ซึ่งหากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นหรือเป็นข้อเรียกร้องของคู่สัญญาอีกฝ่ายที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ คณะรัฐมนตรีสามารถพิจารณาอนุมัติให้ใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการดังกล่าวได้ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา |
||||||||||||||||||||||||
1124 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2554 (เรื่อง แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย) | ทส | 13/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้นายชเยนทร์ คำนวณ เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1125 | รายงานผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 18 | ทส | 07/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๑๘ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘ - ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑.๑ โครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนไซยะบุรี เป็นโครงการพัฒนาไฟฟ้าพลังน้ำในแม่น้ำโขง สายประธานในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวจะต้องดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติ ว่าด้วยการปรึกษาหารือกันก่อน (Prior Consultation : PC) ซึ่งกระบวนการปรึกษาหารือดังกล่าวต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๖ เดือน (๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ - ๒๒ เมษายน ๒๕๕๔) แต่ประเทศภาคีสมาชิกไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้ เนื่องจากมีความไม่ชัดเจนในผลการศึกษาและมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนหลายประการ คณะมนตรีฯ จึงได้มีการหารือระหว่างการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขง - ญี่ปุ่น (Mekong - Japan Summit) ครั้งที่ ๓ เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย และมีมติอนุมัติในหลักการให้มีการศึกษาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในลุ่มน้ำโขง และแม่น้ำโขงสายประธาน รวมทั้งได้พิจารณาขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลญี่ปุ่นและหุ้นส่วนการพัฒนาอื่น (Development Partners) เพื่อศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ซึ่งประเทศภาคีสมาชิกต้องมีนโยบายที่ชัดเจนในกระบวนการปรึกษาหารือและการเจรจากับรัฐบาลญี่ปุ่นและหุ้นส่วนการพัฒนาอื่น เพื่อกำหนดแนวทางและระยะเวลาการดำเนินการที่เหมาะสม ๑.๑.๒ การประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่างอย่างไม่เป็นทางการ (Informal MRC Summit) จะมีขึ้นทุก ๆ ๔ ปี โดยการประชุมครั้งแรกมีขึ้นในประเทศไทยเมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๓ (ค.ศ. ๒๐๑๐) ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผลลัพธ์ที่ได้ คือ Hua Hin Declaration ซึ่งเป็นการตกลงร่วมกันว่าประเทศภาคีสมาชิกจะมีการพัฒนาลุ่มน้ำโขงตอนล่างโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคมให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด สำหรับการประชุมครั้งที่ ๒ จะมีขึ้น ณ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในปี พ.ศ. ๒๕๕๗ (๒๐๑๔) ซึ่งคณะมนตรีฯ พิจารณาเห็นว่าภารกิจต่าง ๆ ที่ดำเนินการตาม Hua Hin Declaration มีจำนวนมากและการพัฒนาในลุ่มน้ำโขงตอนล่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หากรอให้มีการรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานต่อการประชุม MRC Summit ครั้งต่อไปอาจนานเกินไป จึงมีมติให้มีเวทีหารือของผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่างอย่างไม่เป็นทางการ (Informal MRC Summit) เป็นครั้งแรก โดยให้เป็นวาระของการประชุมหนึ่งในการประชุม ASEAN Summit ครั้งที่ ๒๐ ณ ราชอาณาจักรกัมพูชา ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ (ค.ศ. ๑๐๑๒) และให้สมาชิกคณะมนตรีคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงนำประเด็นดังกล่าวหารือและขอความเห็นชอบภายในประเทศของตน ๑.๑.๓ คณะมนตรีฯ มีมติอนุมัติงบประมาณในการบริหารองค์กร ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๕ (Operating Expenses Budget for 2012) เพื่อจ่ายเป็นเงินเดือนและการบริหารงานทั่วไปขององค์กร สำหรับในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ จำนวน ๓,๖๑๙,๓๔๖ ดอลลาร์สหรัฐ ๑.๑.๔ คณะมนตรีฯ มีมติเห็นชอบให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้บริหารระดับสูงลุ่มน้ำนานาชาติ - ลุ่มน้ำโขง (Mekong 2 Rio: Mekong to Rio + 20) ระหว่างวันที่ ๑ - ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ จังหวัดภูเก็ต เพื่อจัดทำ Mekong Messages นำเสนอผลงาน คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ซึ่งเป็นการอนุวัตตามเป้าหมายแห่งสหัสวรรษ (Millennium Development Goals : MDG) โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๒ (Rio + 20) ในเดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ ณ เมืองริโอ เดอ จาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ๑.๒ เห็นชอบการประสานความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นและหุ้นส่วนการพัฒนาอื่นในการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ๑.๓ เห็นชอบให้มีเวทีหารือผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการสนับสนุนให้มีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับประเทศภาคีสมาชิกในลุ่มน้ำโขง (MRC) นำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ในลุ่มน้ำโขงให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศภาคีสมาชิกร่วมกันอย่างยั่งยืน สำหรับในการประสานความร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่นและหุ้นส่วนการพัฒนาอื่นในการศึกษาเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหารือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน และภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดแนวทาง ขอบเขต และระยะเวลาการดำเนินการศึกษาที่เหมาะสม รวมทั้งการจัดให้มีเวทีหารือผู้นำลุ่มน้ำโขงตอนล่างอย่างไม่เป็นทางการ เห็นควรให้ดำเนินการก่อนการประชุมผู้บริหารระดับสูงลุ่มน้ำนานาชาติ - ลุ่มน้ำโขง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1126 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าโคกซำซาง ป่าเขาโปลกหล่น ป่าเขาปางก่อ และป่าวังชมภู ในท้องที่ตำบลนาซำ ตำบลหินฮาว ตำบลวังบาล ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า ตำบลน้ำก้อ ตำบลน้ำชุน ตำบลบุ่งน้ำเต้า ตำบลบุ่งคล้า อำเภอหล่มสัก ตำบลแคมป์สน ตำบลทุ่งสมอ ตำบลเขาค้อ ตำบลริมสีม่วง ตำบลสะเดาะพง ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ และตำบลท่าพล ตำบลป่าเลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติเขาค้อ) | ทส | 07/02/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าโคกซำซาง ป่าเขาโปลกหล่น ป่าเขาปางก่อ และป่าวังชมภู ในท้องที่ตำบลนาซำ ตำบลหินฮาว ตำบลวังบาล ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า ตำบลน้ำก้อ ตำบลน้ำชุน ตำบลบุ่งน้ำเต้า ตำบลบุ่งคล้า อำเภอหล่มสัก ตำบลแคมป์สน ตำบลทุ่งสมอ ตำบลเขาค้อ ตำบลริมสีม่วง ตำบลสะเดาะพง ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ และตำบลท่าพล ตำบลป่าเลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าโคกซำซาง ป่าเขาโปลกหล่น ป่าเขาปางก่อ และป่าวังชมภู ในท้องที่ตำบลนาซำ ตำบลหินฮาว ตำบลวังบาล ตำบลบ้านเนิน อำเภอหล่มเก่า ตำบลน้ำก้อ ตำบลน้ำชุน ตำบลบุ่งน้ำเต้า ตำบลบุ่งคล้า อำเภอหล่มสัก ตำบลแคมป์สน ตำบลทุ่งสมอ ตำบลเขาค้อ ตำบลริมสีม่วง ตำบลสะเดาะพง ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ และตำบลท่าพล ตำบลป่าเลา อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติเขาค้อ) เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ในสภาพธรรมชาติเดิม มิให้ถูกทำลายหรือเปลี่ยนแปลงไป เพื่อประโยชน์แก่การศึกษาและรื่นรมย์ของประชาชน และเพื่ออำนวยประโยชน์อื่นแก่รัฐและประชาชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในส่วนที่ต้องออกกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติในส่วนที่ทับซ้อนกับพื้นที่อุทยานแห่งชาติตามร่างพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ไปเพื่อดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1127 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ (จำนวน 9 คน) | ทส | 31/01/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ให้กรรมการอื่นในคณะกรรมการสวนพฤกษศาสตร์ที่ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่พ้นจากตำแหน่งกรรมการในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ ตามมาตรา ๑๕ (๓) แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งองค์การสวนพฤกษศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๒. แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ชุดใหม่ จำนวน ๙ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ส่วนกรรมการลำดับที่ ๕ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป ดังนี้ ๒.๑ นายอเนก เพิ่มวงศ์เสนีย์ ประธานกรรมการ ๒.๒ นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต กรรมการ ๒.๓ นายนัที เปรมรัศมี กรรมการ ๒.๔ นางพรศิริ มโนหาญ กรรมการ ๒.๕ นางลัดดาวัลย์ สินธุรักษ์ กรรมการ ๒.๖ นายธัชสกล พรหมจมาศ กรรมการ ๒.๗ นายพงษ์ทร ชยาตุลชาต กรรมการ ๒.๘ นางสาวสิริวรรณ สุวรรณศร กรรมการ ๒.๙ นางสาวกานท์ชญา เทียนแก้วชญา กรรมการ
|
||||||||||||||||||||||||
1128 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) | ทส | 31/01/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายสนั่น วาริทสวัสดิ์ และนายธนะรัตน์ วดีศิริศักดิ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1129 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (จำนวน 4 ราย) | ทส | 31/01/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ จำนวน ๔ ราย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. แต่งตั้งนายสนั่น วาริทสวัสดิ์ และนายธนะรัตน์ วดีศิริศักดิ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ๒. แต่งตั้งนายเรวัต วิศรุตเวช และนางพรศิริ มโนหาญ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ แทนกรรมการเดิมที่ขอลาออก ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓๑ มกราคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
1130 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินการตามแผนการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้พะยูงในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ | ทส | 24/01/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชดำเนินการตามแผนการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้พะยูงในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณภายใต้ผลผลิตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้รับการบริหารจัดการ งบดำเนินงาน จำนวน ๒,๘๐๓.๖๒๙๖ ล้านบาท ตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นก่อน และหากไม่เพียงพอให้ขออนุมัติงบกลางตามขั้นตอนอีกครั้งต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปฏิบัติตามแผนงานดังกล่าวในพื้นที่ที่มีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านต้องใช้ช่องทางทางการทูตเพื่อดำเนินการร่วมกัน ความต่อเนื่องและมีการประเมินผลในการปฏิบัติตามแผนฯ การติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) ประจำจุดสกัดทุกจุด การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลรับแจ้งเหตุและเบาะแสผู้ลักลอบตัดไม้พะยูงในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ การเพิ่มกิจกรรมการประเมินผลการดำเนินงานเพื่อเป็นข้อมูลในการปรับปรุงการดำเนินงานให้ดีขึ้น การดำเนินการป้องกันการบุกรุกทำลายป่าในภาพรวม การกำหนดรายละเอียดการดำเนินงานและเกณฑ์ชี้วัดความสำเร็จที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมเพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ การนำเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ประกอบการปฏิบัติงาน การจัดสรรงบประมาณปกติเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ รวมทั้งการสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนท้องถิ่นและผนึกประสานกำลังและทรัพยากรของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ ทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกรมป่าไม้ซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อให้มีการใช้งบประมาณของรัฐและทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1131 | การลงนามพิธีสารนาโงยาว่าด้วยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมและการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการใช้ประโยชน์ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม | ทส | 24/01/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. อนุมัติการลงนามพิธีสารนาโงยาว่าด้วยการเข้าถึงทรัพยากรพันธุกรรมและการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการใช้ประโยชน์ทรัพยากรพันธุกรรมอย่างเท่าเทียมและยุติธรรม โดยให้นายจักรกฤษณ์ ศรีวลี เอกอัครราชทูต รองผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก หรือผู้ที่นายจักรกฤษณ์ฯ มอบหมาย เป็นผู้ลงนามพิธีสารนาโงยาฯ ทั้งนี้ พิธีสารนาโงยาฯ เป็นเครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศเพื่อรองรับหลักการการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์ตามอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และจัดให้มีการเข้าถึงและใช้ประโยชน์ทรัพยากรพันธุกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องโดยถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องของประเทศผู้ให้ และเกิดการแบ่งปันผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นอย่างเท่าเทียมและยุติธรรมจากผู้ใช้สู่ผู้ให้ทรัพยากรพันธุกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ๒. เห็นชอบแผนการดำเนินงานภายหลังการลงนามพิธีสารนาโงยาฯ ได้แก่ การทบทวนระเบียบคณะกรรมการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการเข้าถึงทรัพยากรชีวภาพและการได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากทรัพยากรชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๔ และกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแล (National Competent Authority) ที่เกี่ยวข้องกับการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์ ว่าต้องมีการเพิ่มเติม/ปรับปรุงอย่างไรให้สอดคล้องกับบทบัญญัติของพิธีสารนาโยงาฯ รวมทั้งเผยแพร่และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับพิธีสารนาโงยาฯ ให้กับหน่วยงานและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินการให้สัตยาบันพิธีสารดังกล่าว
|
||||||||||||||||||||||||
1132 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบการเก็บสถิติและข้อมูล การจัดทำบันทึกรายละเอียด และรายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. .... | ทส | 04/01/2555 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และแบบการเก็บสถิติและข้อมูล การจัดทำบันทึกรายละเอียด และรายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสีย พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างกฎกระทรวงฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดคำนิยาม “ระบบบำบัดน้ำเสีย” และ “น้ำทิ้ง” ๒. กำหนดให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษหรือผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสีย ต้องเก็บสถิติและข้อมูลซึ่งแสดงผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียในแต่ละวัน และจัดทำบันทึกรายละเอียดดังกล่าวตามแบบ ทส. ๑ เก็บไว้ ณ สถานที่ตั้งของแหล่งกำเนิดมลพิษ เป็นระยะเวลา ๒ ปี และจัดทำรายงานสรุปผลการทำงานดังกล่าวในแต่ละเดือนตามแบบ ทส. ๒ และเสนอต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นภายในวันที่สิบห้าของเดือนถัดไป ๓. กำหนดให้กรณีที่เจ้าของหรือผู้ครอบครองแหล่งกำเนิดมลพิษหรือผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสีย มีหน้าที่ต้องเก็บสถิติและข้อมูล จัดทำบันทึกรายละเอียด หรือจัดทำรายงานสรุปผลการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียอยู่แล้วตามกฎหมายอื่น ให้ถือว่าการเก็บสถิติและข้อมูลการจัดทำบันทึกรายละเอียด หรือการจัดทำรายงานตามกฎหมายดังกล่าว เป็นการเก็บสถิติและข้อมูลการจัดทำบันทึกรายละเอียด หรือการจัดทำรายงานตามกฎกระทรวงฉบับนี้โดยอนุโลม ๔. กำหนดให้นำหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในข้อ ๒ และ ๓ มาใช้บังคับแก่ผู้รับจ้างให้บริการบำบัดน้ำเสียโดยอนุโลม
|
||||||||||||||||||||||||
1133 | Input for Compilation Document ของประเทศไทย | ทส | 27/12/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานว่าได้จัดทำ Input for Compilation Document ซึ่งที่ประชุม PrepCom 2 เมื่อวันที่ ๗ - ๘ มีนาคม ๒๕๕๔ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้เชิญชวนให้ประเทศสมาชิก องค์กรของสหประชาชาติ และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องจัดส่งข้อเสนอ Inputs for Compilation Document ให้สำนักเลขาธิการสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๒ เพื่อใช้ประกอบเป็นฐานในการจัดเตรียมร่างเอกสาร (Zero - draft of the outcome document) ซึ่งจะเป็นผลลัพธ์ของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๒ (Rio + 20) ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการเตรียมการสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๒ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ โดยมีประเด็นสำคัญคือ หลักการพื้นฐาน ซึ่งกล่าวถึงผลลัพธ์จากการประชุม Rio + 20 ควรยืนยันหลักการที่ได้กำหนดไว้ในปฏิญญาริโอ (Rio Declaration) เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๙๒ และควรให้รัฐบาลให้คำมั่นอีกครั้งที่จะดำเนินการตามหลักการดังกล่าว ดังนั้น การประชุม Rio + 20 จึงไม่ควรเจรจาหลักการใหม่ ๆ แต่ควรหาบทสรุปร่วมกันเพื่อลดช่องทางการดำเนินงานที่ผ่านมา รวมทั้งประเด็นอื่น ๆ ได้แก่ เศรษฐกิจสีเขียวในบริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืนและการขจัดความยากจน และกรอบสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (Institutional Framework for Sustainable Development : IFSO) เกี่ยวกับการเพิ่มขีดความสามารถของเสาหลักด้านสิ่งแวดล้อม ทางเลือกในการปฏิรูปของ IFSO และบทบาทของคณะกรรมการระดับภูมิภาคขององค์การสหประชาชาติ
|
||||||||||||||||||||||||
1134 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | ทส | 27/12/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน เนื้อที่ ๘๓๖ ไร่ ๒ งาน ๘๑ ตารางวา ในท้องที่ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ออกจากการเป็นอุทยานแห่งชาติ ตามที่กำหนดไว้โดยพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าดอยสุเทพ ในท้องที่ตำบลโป่งแยง ตำบลแม่แรม ตำบลแม่สา ตำบลดอนแก้ว อำเภอแม่ริม ตำบลบ้านปง ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง และตำบลช้างเผือก ตำบลสุเทพ ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๒๔ เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าดอยสุเทพ บางส่วน ในท้องที่ตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ และตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ ๘๓๖ ไร่ ๒ งาน ๘๑ ตารางวา ออกจากการเป็นอุทยานแห่งชาติ ทั้งนี้ เพื่อการบริหารจัดการและการใช้ประโยชน์พื้นที่หลังการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ ๒๕๔๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||
1135 | รายงานสถานการณ์น้ำในรอบสัปดาห์ (วันที่ 13 - 19 ธันวาคม 2554) | ทส | 27/12/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์น้ำในรอบสัปดาห์ (วันที่ ๑๓ - ๑๙ ธันวาคม ๒๕๕๔) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. สถานการณ์น้ำในภาพรวม ๑.๑ สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีปริมาณน้ำเก็บกักประมาณร้อยละ ๘๙ อยู่ในเกณฑ์ดีมาก โดยเขื่อนในภาคใต้ต้องพร่องน้ำเพื่อบริหารจัดการรับอุทกภัย ๑.๒ เขื่อนที่มีน้ำล้นอาคารระบายน้ำ มีจำนวน ๖ แห่ง ประกอบด้วย เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จังหวัดเชียงใหม่ เขื่อนกิ่วคอหมา จังหวัดลำปาง เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำแซะ จังหวัดนครราชสีมา เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี และเขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี สำหรับเขื่อนที่มีน้ำมากกว่าร้อยละ ๘๐ อยู่ในเกณฑ์น้ำดีมาก มีจำนวน ๒๑ แห่ง เขื่อนที่มีน้ำระหว่างร้อยละ ๕๑ - ๘๐ อยู่ในเกณฑ์น้ำดี มีจำนวน ๕ แห่ง และเขื่อนที่มีน้ำระหว่างร้อยละ ๓๑ - ๕๐ อยู่ในเกณฑ์น้ำพอใช้ มีจำนวน ๑ แห่ง ส่วนสภาพน้ำในแม่น้ำสายสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่มีแม่น้ำที่มีปริมาณน้ำล้นตลิ่ง ๒. สถานการณ์อุทกภัยในรอบสัปดาห์ มีพื้นที่ที่เกิดเหตุน้ำท่วม ๑๐ จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดลพบุรี พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพมหานคร นครปฐม สมุทรสาคร สุพรรณบุรี พัทลุง และปัตตานี ๓. การเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ ๓.๑ สภาพภูมิอากาศในสัปดาห์หน้า คาดว่าวันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๕๔ ความกดอากาศสูงกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมตอนบนของประเทศ ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป มีฝนตกกระจายและอาจจะมีฝนตกหนักบางแห่ง ๓.๒ สถานีเตือนภัยล่วงหน้าของกรมทรัพยากรน้ำมีการแจ้งเตือนภัยในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวน ๔ สถานี ครอบคุลม ๑๕ หมู่บ้าน ใน ๒ จังหวัด โดยแบ่งออกเป็นการเตือนภัยในระดับเตรียมอพยพ ๒ สถานี ครอบคลุม ๗ หมู่บ้าน ใน ๒ จังหวัด คือ ที่อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช และอำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง และการเตือนในระดับเฝ้าระวัง ๒ สถานี ครอบคลุม ๘ หมู่บ้าน ที่อำเภอพิปูน อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช ๓.๓ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เขื่อนขนาดใหญ่ของกรมชลประทานและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) มีปริมาณน้ำลดลงเล็กน้อย เนื่องจากปริมาณฝนลดลง สำหรับพื้นที่ภาคใต้ยังอยู่ในช่วงปลายฤดูฝน แต่เนื่องจาก กฟผ. ได้ควบคุมน้ำในเขื่อนบางลางไว้แล้ว ทำให้สามารถรองรบสถานการณ์น้ำหลากได้ ๓.๔ สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพมหานครคาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติภายในสัปดาห์นี้ ส่วนพื้นที่ลุ่มการเกษตรจะยังคงมีน้ำท่วมขังบ้าง ๓.๕ กรมควบคุมมลพิษรายงานสถานการณ์คุณภาพน้ำในแม่น้ำสายหลักที่รองรับน้ำหลากลงสู่ทะเลอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่จังหวัดปทุมธานีลงไป และแม่น้ำท่าจีนตั้งแต่จังหวัดนครปฐมลงไป ๓.๖ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ติดตามสถานการณ์น้ำและการประสานงานด้านการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และสนับสนุนระบบประปาสนาม รถบรรทุกน้ำ รถบรรทุก และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ประสบภัย การซ่อมแซมบ่อบาดาล การประสานเครือข่ายแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม ๓.๗ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ได้เสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และ กฟผ. เร่งการพิจารณาปรับปรุงเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (Rule Curve) ให้สอดคล้องกับสภาพทางอุทกวิทยาในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อเตรียมรับสถานการณ์น้ำหลากในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ รวมทั้งพิจารณาบริหารการระบายน้ำแบบองค์รวม เช่น ในลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ต้องพิจารณาแยกเป็นพื้นที่ ประกอบด้วย ๔ พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ด้านเหนือเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ พื้นที่ท้ายเขื่อนทั้งสองถึงเขื่อนเจ้าพระยา พื้นที่จากเขื่อนเจ้าพระยาถึงปากแม่น้ำ และระดับน้ำทะเลหนุนในช่วงเวลาต่าง ๆ
|
||||||||||||||||||||||||
1136 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 27/12/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ และระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๑.๑ กรมทรัพยากรน้ำได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์สนับสนุนการดำเนินงานติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๔ การดำเนินการระยะที่ ๑ เป็นการระบายน้ำลงทะเล ดำเนินการระหว่างวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ปัจจุบันการดำเนินการได้เสร็จสิ้นลงแล้วเนื่องจากสถานการณ์น้ำได้เข้าสู่ภาวะปกติสามารถไหลผ่านแม่น้ำและลำคลองได้ตามปกติ สูบน้ำได้ทั้งสิ้น ๒๔,๔๘๗,๙๕๓ ลูกบาศก์เมตร ๑.๒ ศูนย์สนับสนุนการดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเลได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำปัจจุบัน จำนวนทั้งสิ้น ๓๓๓ เครื่อง ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณพุทธมณฑล ระบายน้ำจนแห้งแล้ว ๗๘ แห่ง เป็นปริมาณน้ำ ๒๑,๐๑๐,๕๓๔ ลูกบาศก์เมตร ปัจจุบันได้นำเครื่องสูบน้ำกลับแล้ว ๒๑๙ เครื่อง จำนวนเครื่องสูบน้ำที่มีการติดตั้งในจังหวัดนนทบุรีและนครปฐม จำนวน ๑๑๔ เครื่อง ได้เดินเครื่องเพื่อสูบน้ำ จำนวน ๖๘ เครื่อง ปริมาณการสูบน้ำได้ ๕๐๘,๐๔๐ ลูกบาศก์เมตร/วัน ๒. การประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำ ภายใต้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๔ ที่ประชุมมอบให้กรมอุตุนิยมวิทยาติดตามสถานการณ์ฝนและพายุอย่างต่อเนื่องเน้นการพยากรณ์ล่วงหน้า และให้กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยปรับปรุงเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (Rule Curve) ให้สอดคล้องกับสภาพทางอุทกวิทยาในสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อเตรียมรับสถานการณ์น้ำหลากในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ให้บริหารการระบายน้ำแบบองค์รวม ๓. การประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำชี เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ที่ประชุมได้มีการนำเสนอปัญหาและแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำชี โดยเน้นการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นแก้มลิง ป้องกันน้ำท่วมและเก็บน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง และเสนอให้พิจารณาสร้างเขื่อนในพื้นที่ต้นน้ำชี เพื่อกักเก็บน้ำและป้องกันปัญหาน้ำท่วมในลุ่มน้ำชี เช่น เขื่อนโปร่งขุนเพชร เขื่อนชีบน เขื่อนยางนาดี เขื่อนผาคะเฮ้า ๔. การประชุมคณะกรรมการลุ่มน้ำเจ้าพระยา ป่าสักและสะแกกรัง และการสำรวจศักยภาพลำน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ ที่ประชุมรับทราบรายงานสถานการณ์อุทกภัยและแนวทางการแก้ไขของจังหวัดนครสวรรค์ รายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำและเสนอแนวทางการป้องกันปัญหาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา รายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำและแนวทางการป้องกันภัยปัญหาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำป่าสัก และรายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำและแนวทางการแก้ไขป้องกันปัญหาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำสะแกกรัง รวมทั้งการนำเสนอโครงการสำรวจศักยภาพลำน้ำแม่น้ำเจ้าพระยา ๕. การตรวจติดตามปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจติดตามสภาพปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลจังหวัดสงขลา ซึ่งมีความเสียหายรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทรัพยากรชายฝั่งทะเล ทรัพย์สินของประชาชน และของราชการเสียหายเป็นจำนวนมาก ๖. การแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำทะเลสาปสงขลา เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ ได้ประชุมร่วมกับคณะกรรมการลุ่มน้ำทะเลสาปสงขลา โดยที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการแบบบูรณาการเพื่อแก้ไขปัญหาที่มีหลายมิติได้ควบคู่กันไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง โดยขอให้ขุดลอกปรับปรุงคลองระบายน้ำให้ระบายลงทะเลได้มากขึ้น เพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำและพื้นที่รับน้ำในบริเวณต้นน้ำ และขอให้แก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำจากน้ำเสียชุมชน น้ำเสียอุตสาหกรรม และสารพิษปนเปื้อนลงสู่แหล่งน้ำด้วย
|
||||||||||||||||||||||||
1137 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย | ทส | 27/12/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การจัดการน้ำเสีย จำนวน ๗ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ดังนี้ ๑.๑ นายชเยนทร์ คำนวณ เป็นประธานกรรมการ ๑.๒ นายสมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา เป็นกรรมการ ๑.๓ นายชัยวัธน์ จุลมนต์ เป็นกรรมการ ๑.๔ นายวีรวัฒน์ ยมจินดา เป็นกรรมการ ๑.๕ นายอมรินทร์ ผจญยุทธ เป็นกรรมการ ๑.๖ นายวิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์ เป็นกรรมการ ๑.๗ นางสาวประกายดาว เขมะจันตรี เป็นกรรมการ ๒. สำหรับนายสมเจตน์ ชัยเฉลิมปรีชา ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการมีมติอนุมัติเป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
1138 | การลงนามในสัญญาเงินช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (European Union) ภายใต้โครงการการสร้างกลไกการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยการบูรณาการทุกภาคส่วน (Holistic Approach of Public Partnership for Environment : HAPPEN) | ทส | 27/12/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานสิ่งแวดล้อม ภาคที่ ๑ (เชียงใหม่) สำนักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดำเนินโครงการการสร้างกลไกการจัดการสิ่งแวดล้อมโดยการบูรณาการทุกภาคส่วน (Holistic Approach of Public Partnership for Environment : HAPPEN) ในการลงนามในสัญญาเงินช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (European Union) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1139 | การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างทบวงกิจการทางมหาสมุทรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 19/12/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างทบวงกิจการทางมหาสมุทรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยความร่วมมือทางด้านทะเล แทนปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในโอกาสที่นายสี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีจีน เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ ๒๒ - ๒๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย - จีน ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Power) ในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ลงนาม
|
||||||||||||||||||||||||
1140 | การจัดทำบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับ ICE WaRM | ทส | 13/12/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกับศูนย์ความเป็นเลิศด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เครือรัฐออสเตรเลีย [International Centre of Excellence in Water Resources Management (ICE WaRM)] โดยสาระสำคัญของร่างบันทึกความเข้าใจฯ เป็นการแสดงความสนใจและเจตนารมณ์ของทั้งสองฝ่ายที่จะดำเนินกิจกรรมความร่วมมือทางวิชาการในการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยการจัดการน้ำร่วมกันเพื่อประโยชน์แก่ภาคีคู่สัญญา โดยมีขอบเขตความร่วมมือ ได้แก่ กิจกรรมด้านการศึกษาและการฝึกอบรม การค้นคว้าวิจัย สิ่งพิมพ์ และการประชุมทางวิชาการ การควบคุมดูแลการศึกษา/ค้นคว้า และโครงการด้านอุตสาหกรรม การแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูลเพื่อจุดประสงค์ด้านการศึกษาและการค้นคว้าวิจัย การแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการ รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ ที่พิจารณาเห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่โปรแกรมการศึกษา การฝึกอบรม และการค้นคว้าวิจัยของภาคีคู่สัญญา ๑.๒ อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการจัดทำบันทึกความเข้าใจฯ ๑.๓ อนุมัติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เป็นผู้ลงนามในบันทึกความใจฯ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า ภายใต้ขอบเขตการร่วมมือตามร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีกิจกรรมเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาแนะนำโครงการศึกษาและวิจัยด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภาคอุตสาหกรรมรวมอยู่ด้วย จึงเห็นควรที่จะได้มีการความร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรมในการพิจารณาดำเนินโครงการที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือมีผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมด้วย และในขั้นตอนการตกลงในรายละเอียดความร่วมมือ ควรกำหนดประเด็นความร่วมมือการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ และพัฒนาบุคลากรในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนให้เป็นรูปธรรมในสถานการณ์อุทกภัยและภัยแล้งที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยเชื่อมโยงกับประเด็นการบริหารจัดการน้ำที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำกำหนด อาทิ การพัฒนาเทคโนโลยีการพยากรณ์น้ำ การกำหนดพื้นที่รับน้ำนองและการจัดการเขตอุตสาหกรรมให้เหมาะสม การจัดการน้ำผิวดินและน้ำใต้ดิน การจัดการความขัดแย้งที่ทุกฝ่ายยอมรับ การให้ความเป็นธรรมต่อผู้ได้รับผลกระทบ การปรับปรุงกฎหมายและกลไกการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพและไม่ส่งผลกระทบต่อนิเวศสิ่งแวดล้อมในลุ่มน้ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
.....