ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 58 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1141 - 1160 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1141 | ขอความเห็นชอบโครงการ Sustainable Management of Biodiversity in Thailand's Production Landscape (การบริหารจัดการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ทรัพยากรจากฐานชีวภาพอย่างยั่งยืน) | ทส | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) ดำเนินการตามโครงการ Sustainable Management of Biodiversity in Thailand’s Production Landscape โดยการบูรณาการการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพในการผลิตและการตลาดของสินค้าจากทรัพยากรชีวภาพ เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ชุมชนอนุรักษ์ฐานทรัพยากรเพื่อเป็นแหล่งรายได้และความมั่นคงของชีวิต ระยะเวลาดำเนินการ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๘) งบประมาณดำเนินการ ประกอบด้วย งบประมาณสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมโลก ๑.๙๔ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (๕๘.๒ ล้านบาท) และการสมทบงบประมาณจากรัฐบาลไทย (in - kind) ๕.๕๑๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ (๑๖๕.๕๔ ล้านบาท) ๑.๒ ให้ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ลงนามในเอกสารโครงการฯ ร่วมกับผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme - UNDP) ประจำประเทศไทย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาติดตามประเมินผลการดำเนินงานเป็นระยะ และศึกษาโอกาสในการขยายการดำเนินงานให้แพร่หลายและครอบคลุมกิจกรรมการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรชีวภาพอื่น ๆ ในประเทศ สนับสนุนการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม รวมทั้งการสร้างความรู้ความเข้าใจในกระบวนการต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของโครงการฯ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
1142 | ขออนุมัติโอนเปลี่ยนแปลงรายการผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 รายการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านแม่รำพัน จังหวัดสุโขทัย | ทส | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้กรมทรัพยากรน้ำ เปลี่ยนแปลงรายการ จากรายการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านแม่รำพัน จังหวัดสุโขทัย วงเงินทั้งสิ้น ๑๒๖,๔๙๙,๘๘๒ บาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๙๒,๖๔๘,๐๐๐ บาท เป็น
๑. รายการค่าทดแทน ค่าขนย้าย ค่ารื้อย้าย ในการจัดหาที่ดินเพื่อการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านแม่รำพัน จังหวัดสุโขทัย จำนวน ๑๒๑,๐๔๖,๖๘๒ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๙๑ ,๕๑๕,๕๐๐ บาท ที่เหลืออีกจำนวน ๒๙,๕๓๑,๑๘๒ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ ต่อไป ๒. รายการค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างอ่างเก็บน้ำบ้านแม่รำพัน จังหวัดสุโขทัย จำนวน ๕,๔๕๓,๒๐๐ บาท โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ จำนวน ๑,๑๓๒,๕๐๐ บาท ที่เหลืออีกจำนวน ๔,๓๒๐,๗๐๐ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - พ.ศ. ๒๕๕๖ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1143 | การดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | ทส | 13/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในส่วนของการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล ของกรมทรัพยากรน้ำ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการระยะที่ ๑ จากปฏิบัติการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน ๑๑๕ เครื่อง เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ สามารถสูบน้ำเพื่อเร่งการระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ทั้งสิ้น ๒๓,๖๗๘,๕๔๓ ลูกบาศก์เมตร มีผลทำให้พื้นที่ดำเนินการเข้าสู่สภาพปกติแล้ว ประกอบด้วย พื้นที่คลอง ๑๒ และคลอง ๑๓ เขตหนองจอก โรงกษาปณ์รังสิต โครงการบางชัน (คลองหลอแหล) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ปัจจุบันได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำและเดินเครื่องสูบน้ำในพื้นที่โรงผลิตน้ำประปามหาสวัสดิ์ คลองทวีวัฒนา โครงการชลประทานภาษีเจริญ ดอนเมือง และวัดศิริพงษ์ธรรมนิมิตร (บางเขน) รวมเครื่องสูบน้ำ จำนวน ๑๐๐ เครื่อง จากจำนวนเครื่องสูบน้ำที่ยังคงปฏิบัติการ จำนวน ๑๑๕ เครื่อง โดยได้เดินเครื่องเพื่อสูบน้ำ จำนวน ๕๗ เครื่อง มีปริมาณการสูบน้ำ จำนวน ๓๔๒,๓๗๒ ลูกบาศก์เมตร/วัน ๒. การดำเนินการระยะที่ ๒ ได้ดำเนินงานติดตั้งเครื่องสูบน้ำ จำนวน ๒๓๙ เครื่อง ในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานคร เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยได้เดินเครื่องเพื่อสูบน้ำ จำนวน ๑๖๒ เครื่อง ปริมาณการสูบน้ำ ๑,๐๓๔,๕๘๔ ลูกบาศก์เมตร/วัน ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่สูบได้ของการดำเนินการระยะที่ ๒ ตั้งแต่วันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ สูบน้ำได้ทั้งสิ้น ๑๐,๐๑๖,๘๘๐ ลูกบาศก์เมตร มีพื้นที่เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว จำนวน ๔๒ แห่ง ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี จำนวน ๓๒ แห่ง ปทุมธานี จำนวน ๒ แห่ง และสมุทรสาคร จำนวน ๘ แห่ง
|
|||||||||||||||||||||
1144 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ | ทส | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ จำนวน ๘ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ ธันวาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป สำหรับบุคคลในลำดับที่ ๗ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ เป็นประธานกรรมการ ๒. พลเอก ภัทรินทร์ ลีลายุทธ เป็นกรรมการ ๓. นายไพรัช ชัยชาญ เป็นกรรมการ ๔. นายถิรเดช พรหมศริน เป็นกรรมการ ๕. นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ เป็นกรรมการ ๖. นายสุพันธุ์ มงคลสุธี เป็นกรรมการ ๗. นายเดชอุดม วีระวานิช เป็นกรรมการ ๘. นายปิยะ ยอดมณี เป็นกรรมการ
|
|||||||||||||||||||||
1145 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำและระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๑.๑ กรมทรัพยากรน้ำบริหารจัดการเครื่องสูบน้ำพร้อมปฏิบัติการติดตั้งและสนับสนุนการดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยปัจจุบันได้ติดตั้งและเดินเครื่องสูบน้ำในพื้นที่โรงผลิตน้ำประปามหาสวัสดิ์ คลองทวีวัฒนา โครงการชลประทานภาษีเจริญ และดอนเมือง รวมจำนวน ๑๐๖ เครื่อง มีปริมาณการสูบน้ำ จำนวน ๒๗๘,๒๖๒ ลูกบาศก์เมตร/วัน ๑.๒ กรมทรัพยากรน้ำได้ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และเอกชน เพื่อรวบรวมเครื่องสูบน้ำในพื้นที่และมอบบุคลากรดูแลเครื่องสูบน้ำระหว่างสูบระบายน้ำในการกู้พื้นที่ประสบอุทกภัยในบริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี นครปฐม สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานคร จำนวน ๒๑๙ เครื่อง โดยได้เดินเครื่องเพื่อสูบน้ำ จำนวน ๑๓๙ เครื่อง ปริมาณการสูบน้ำได้ ๘๒๖,๐๒๘ ลูกบาศก์เมตร/วัน ๒. การฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัยภายหลังน้ำลด กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ดำเนินการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัยภายหลังน้ำลด โดยมีผลการปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ถึงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๕๔ ได้แก่ การฟื้นฟูเก็บขยะและทำความสะอาดในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร บางเขน บางพลัด นนทบุรี จังหวัดปทุมธานี และพระนครศรีอยุธยา การจัดเตรียมอาหารเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย การซ่อมแนวกระสอบทราย และสร้างแนวกระสอบทราย รวมทั้งการขนย้ายสิ่งของที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม เป็นต้น ๓. แผนการเตรียมการของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยและฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัยภายหลังน้ำลด ประกอบด้วย ภารกิจหลัก ได้แก่ การแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย การระบายน้ำ ภารกิจสนับสนุน ได้แก่ การดำเนินโครงการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัยและจัดหาน้ำดื่มสะอาด การเตรียมการในการฟื้นฟูความเสียหายจากอุทกภัย และการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยนำเสนอโครงการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประสบอุทกภัยต่อสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งมาตรการอื่นในการช่วยเหลือประชาชน ได้แก่ การนำไม้ของกลางมาช่วยบูรณะซ่อมแซมบ้านพัก และการเว้นค่าธรรมเนียมการต่อใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
1146 | สรุปผลการประชุม The Asian and Pacific Regional Preparatory Meeting for the United Nations Conference on Sustainable Development เมื่อวันที่ 19 - 20 ตุลาคม 2554 ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี | ทส | 06/12/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุม The Asian and Pacific Regional Preparatory Meeting for the United Nations Conference on Sustainable Development ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปผลการประชุมฯ ได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมที่สำคัญคือ “ผลลัพธ์โซล (Seoul Outcomes)” ซึ่งเป็นข้อสรุปจากข้อคิดเห็นของประเทศที่เข้าร่วมประชุม และจะใช้เป็นข้อเสนอของกลุ่มประเทศเอเชียและแปซิฟิกต่อการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๒ (Rio + 20) โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ เน้นย้ำถึงหลักการต่าง ๆ ว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้ให้การรับรองไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ตามที่ระบุไว้ในปฏิญญาริโอ (Rio Declaration on Environment and Development) และแผนปฏิบัติการ ๒๑ (Agenda 21) รวมทั้งกลไกต่าง ๆ ที่ได้รับรองโดยประชาคมโลก เช่น แผนปฏิบัติการ ๒๑ และแผนการดำเนินงานโจฮันเนสเบอร์ก ๑.๒ ยืนยันว่า วัตถุประสงค์หลักของการประชุม Rio + 20 คือ การยืนยันพันธกรณีทางการเมืองระหว่างประเทศในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน รวมทั้งการประเมินความก้าวหน้าและช่องว่างของการดำเนินงานตามพันธกรณีที่เกี่ยวกับการพัฒนาที่ยั่งยืน และการแก้ปัญหาใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น โดยผลลัพธ์ของการประชุม Rio + 20 ควรตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักการริโอ ซึ่งรวมถึงหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่าง โดยเน้นการลงมือปฏิบัติและสนับสนุนข้อริเริ่มที่เป็นหุ้นส่วน ๑.๓ เศรษฐกิจสีเขียวจะต้องคำนึงถึงวัตถุประสงค์ที่สำคัญ ๒ ประการ คือ การพัฒนาที่ยั่งยืนและการขจัดความยากจน โดยแนวทางเศรษฐกิจสีเขียวจะต้องคำนึงถึงหลักการริโอ ซึ่งรวมถึงหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างกัน และไม่ควรใช้เศรษฐกิจสีเขียวเป็นเครื่องมือ หรือมาตรการกีดกันทางการค้า โดยแนวทางเศรษฐกิจสีเขียวควรประกอบด้วยการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ยั่งยืนเพื่อขจัดความยากจน การสร้างโอกาสทางการค้าให้กับประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา การบูรณาการ ๓ เสาหลักของการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้แก่ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม การให้แต่ละประเทศควรมีความยืดหยุ่นในการดำเนินงานด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนตามสภาพและระดับของการพัฒนาของประเทศ การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และคำนึงถึงกลุ่มที่ด้อยโอกาสในสังคม เช่น สตรีและเด็ก รวมทั้งการส่งเสริมให้มีการประดิษฐ์ คิดค้น และถ่ายทอดเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดการเข้าถึงเทคโนโลยีสีเขียว ๑.๔ มีความจำเป็นที่จะต้องปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยพิจารณาแนวทางในการดำเนินงาน ได้แก่ การสร้างเอกภาพและส่งเสริมการประสานงาน การสร้างความเข้มแข็ง และการบูรณาการระหว่าง ๓ เสาหลัก และการส่งเสริมบทบาทขององค์การสหประชาชาติในทุกระดับ รวมทั้งระดับภูมิภาค และอนุภูมิภาค ๒. ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ในฐานะองค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทยได้ทรงกล่าวถ้อยแถลงในเรื่อง เศรษฐกิจสีเขียวในบริบทของการพัฒนาที่ยั่งยืนและการขจัดความยากจน โดยทรงกล่าวว่าประเทศไทยสนับสนุนหลักการของการพัฒนาที่ยั่งยืน และได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางจากการพัฒนาเศรษฐกิจด้านเดียวมาเป็นการพัฒนาที่ให้ความสำคัญกับเสาหลักด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น และให้ความสำคัญกับปัญหาสุขภาพของประชาชนตามที่ระบุไว้ในแผนปฏิบัติการ ๒๑ (Agenda 21) ว่า “สุขภาพเป็นส่วนสำคัญของการบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน” การส่งเสริมด้านเศรษฐกิจสังคม การที่จะทำให้ประชาชนมีสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ดีจะต้องมีการให้การศึกษา จัดหาที่อยู่อาศัย สาธารณูปโภค และได้รับการสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ เช่น ภาคธุรกิจ โรงเรียน มหาวิทยาลัย องค์กรศาสนา และองค์กรวัฒนธรรม เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||
1147 | รายงานผลการประชุมสมัชชาภาคีสมัยสามัญ ครั้งที่ 18 (18th General Assembly of State Parties) และ การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยวิสามัญ ครั้งที่ 10 (10th Extraordinary Session of the World Heritage Committee) ระหว่างวันที่ 7 - 9 พฤศจิกายน 2554 ณ สำนักงานใหญ่ องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส | ทส | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมสมัชชาภาคีสมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๘ (18th General Assembly of State Parties) และการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยวิสามัญ ครั้งที่ ๑๐ (10th Extraordinary Session of the World Heritage Committee) ระหว่างวันที่ ๗ - ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ สำนักงานใหญ่ องค์การยูเนสโก กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายศักดา พุกกะมาน) และคณะเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปผลการประชุม ดังนี้
๑. การประชุมสมัชชาภาคีสมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๘ (18th General Assembly of State Parties) ระหว่างวันที่ ๗ - ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่ประชุมได้มีการคัดเลือกกรรมการมรดกโลก จำนวน ๙ ที่นั่ง พิจารณาโดยใช้เสียงข้างมาก (ร้อยละ ๕๐) ของรัฐภาคีที่ออกเสียงทั้งหมด แบ่งออกเป็นรัฐภาคีที่ไม่มีแหล่งมรดกโลก จำนวน ๑ ที่นั่ง และรัฐภาคีที่มีแหล่งมรดกโลก จำนวน ๘ ที่นั่ง ผลการคัดเลือกรัฐภาคีที่ไม่มีแหล่งมรดกโลก ได้แก่ รัฐกาตาร์ และรัฐภาคีที่มีแหล่งมรดกโลก ได้แก่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนแอลจีเรีย สาธารณรัฐโคลอมเบีย สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี สาธารณรัฐอินเดีย ประเทศญี่ปุ่น ประเทศมาเลเซีย สาธารณรัฐเซเนกัล และสาธารณรัฐเซอร์เบีย นอกจากนี้ ที่ประชุมได้รับทราบเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ รายงานการประชุมสมัชชาภาคีสมัยสามัญ ครั้งที่ ๑๗ (17th General Assembly of State Parties) ผลการดำเนินงานของคณะกรรมการมรดกโลก ผลการตรวจสอบบัญชีเงินกองทุนมรดกโลก สถานภาพและการให้เงินช่วยเหลือต่อรัฐภาคี การกำหนดวงเงินบริจาคให้กองทุนมรดกโลก ยุทธศาสตร์โลกในการเป็นตัวแทน ความสมดุลและน่าเชื่อถือของรายชื่อแหล่งมรดกโลกในประเด็นของการประเมินยุทธศาสตร์และการริเริ่มความร่วมมือด้านการอนุรักษ์ (PACT) รวมทั้งแผนการตรวจสอบภายในศูนย์มรดกโลก กิจกรรมด้านมรดกโลกที่ดำเนินการโดยศูนย์ที่จัดตั้งโดยรัฐภาคี หรือ Category 2 Centres และแผนการดำเนินกิจกรรมอนาคตของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก รวมถึงการเฉลิมฉลอง ๔๐ ปีของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ๒. การประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยวิสามัญ ครั้งที่ ๑๐ (10th Extraordinary Session of the World Heritage Committee) ในวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ประกอบด้วย ๒.๑ การประชุมหารือระหว่างผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย กับรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองประเทศ โดยฝ่ายไทยได้กล่าวว่ารัฐบาลไทยได้ให้ความสำคัญกับการรักษาความสัมพันธ์ และเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเพื่อนบ้าน และเห็นความสำคัญของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และจะยังคงเป็นสมาชิกที่ทำหน้าที่ดูแลปกป้อง รักษาแหล่งมรดกโลกอย่างเข้มแข็งต่อไป พร้อมกันนี้ได้หยิบยกประเด็นที่เป็นปัญหาร่วมกันระหว่างสองประเทศมาหารือ คือ กรณีน้ำท่วมใหญ่ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อแหล่งมรดกโลก และความพยายามที่จะฟื้นฟูแหล่งมรดกโลกที่ได้รับความเสียหาย รวมทั้งประเด็นอื่น ๆ ที่ได้มีการหยิบยกขึ้นมาหารือ ได้แก่ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศโดยเน้นด้านวัฒนธรรมนำหน้า (Cultural Cooperation) ประเด็นในเรื่องการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ๒.๒ การประชุมหารือระหว่างหัวหน้าคณะผู้แทนไทยกับผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ UNESCO ด้านวัฒนธรรม โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแจ้งให้ UNESCO ทราบสถานภาพของไทยต่ออนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก โดยฝ่ายไทยได้ขอบคุณที่ UNESCO จะให้ความช่วยเหลือไทยในการฟื้นฟูแหล่งมรดกโลกจากที่ถูกน้ำท่วม พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้อำนวยใหญ่ UNESCO ทราบว่าคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกของไทย เห็นชอบให้ไทยคงสมาชิกภาพในฐานะรัฐภาคีของอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก และกรรมการในคณะกรรมการมรดกโลกต่อไป นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร โดยผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ UNESCO แจ้งให้ทราบว่า UNESCO จะไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในการเจรจาทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะกรณีพื้นที่ทับซ้อน พร้อมนี้ได้แจ้งว่า UNESCO เห็นความจำเป็นที่จะต้องบูรณะปราสาทพระวิหารที่อยู่ในสภาพเสื่อมโทรม โดยขอให้รัฐบาลไทยพิจารณาให้คณะทำงานติดตามตรวจสอบสถานภาพแหล่งมรดกโลกเข้าไปสำรวจปราสาทพระวิหาร รวมทั้งพิจารณาให้การสนับสนุนร่างข้อมติการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ (United Nations General Assembly : UNGA) เรื่อง Culture and Development ที่ส่งเสริมให้ประเทศที่เป็นสมาชิกองค์กรระหว่างประเทศคำนึงถึงการส่งเสริมด้านวัฒนธรรมเพื่อให้บรรลุการพัฒนาที่ยั่งยืน
|
|||||||||||||||||||||
1148 | การดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย | ทส | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมและช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินงานสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ และระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๑.๑ กรมทรัพยากรน้ำ โดยศูนย์สนับสนุนการดำเนินงานติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล ได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน ๒๑๖ เครื่อง จากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวม ๔๖ จังหวัด จำนวน ๑๙๑ เครื่อง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จำนวน ๕ เครื่อง และสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน ๒๐ เครื่อง และได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำจากการประสานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมชลประทาน และกรุงเทพมหานคร โดยติดตั้งในพื้นที่ต่าง ๆ รวมจำนวน ๑๓ จุด จำนวนเครื่องสูบน้ำ ๑๕๖ เครื่อง ซึ่งผลการดำเนินงานสูบน้ำ ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๔ ถึงวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ สามารถสูบน้ำเพื่อช่วยระบายน้ำลงสู่ทะเลได้ทั้งสิ้น ๑๗,๕๔๖,๖๘๙ ล้านลูกบาศก์เมตร ๑.๒ กรมทรัพยากรน้ำ โดยศูนย์สนับสนุนการดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล ได้รับการสนับสนุนเครื่องสูบน้ำ จำนวน ๒๕๓ เครื่อง ประกอบด้วย เครื่องสูบน้ำจากภาคเหนือ จำนวน ๔๔ เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน ๖๑ เครื่อง ภาคกลาง จำนวน ๑๑๘ เครื่อง ภาคตะวันออก จำนวน ๑๒ เครื่อง และภาคตะวันตก จำนวน ๑๘ เครื่อง โดยได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อระบายน้ำในการกู้พื้นที่ประสบอุทกภัย โดยประสานจังหวัดพื้นที่เป้าหมายที่ยังมีน้ำท่วมขัง รวมจำนวน ๑๓ จุด มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำเสร็จแล้ว จำนวน ๑๒๒ เครื่อง ๒. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เป็นประธานเปิดงาน “ชาวปากน้ำร่วมใจ คืนคลองสวยน้ำใส ป้องกันภัยน้ำท่วม” เมื่อวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ สถานีสูบน้ำสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ ในการนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กองทัพเรือ และประชาชนในจังหวัดสมุทรปราการ ได้ร่วมมือในการกำจัดผักตบชวา จัดเก็บขยะมูลฝอย และขุดลอกคลองเลียบชายทะเลริมถนนสุขุมวิท ให้สามารถรองรับน้ำได้มากขึ้น เพื่อช่วยการระบายน้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ๓. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้เดินทางไปตรวจติดตามสภาพความพร้อมเครื่องสูบน้ำที่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ณ ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี ในการนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดและเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำได้นำเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งในพื้นที่น้ำท่วมขังและเร่งระบายน้ำตามภารกิจ
|
|||||||||||||||||||||
1149 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม) | ทส | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายวิจารย์ สิมาฉายา ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ๒. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ๓. นายนิทัศน์ ภู่วัฒนกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี
|
|||||||||||||||||||||
1150 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ | ทส | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งนายชัยภัฎ สมบูรณ์ดำรงกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไป ทั้งนี้ นายชัยภัฎ สมบูรณ์ดำรงกุล จะต้องลาออกจากการเป็นพนักงานขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ก่อนวันที่ลงนามในสัญญาจ้าง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1151 | แต่งตั้งกรรมการผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ | ทส | 29/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายชวลิต ชูขจร ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ แทนนายเฉลิมพร พิรุณสาร โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1152 | กรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโต | ทส | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ใช้กรอบการเจรจาของการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ ๑๕ และการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโตครั้งที่ ๕ (COP15/CMP5) ซึ่งรัฐสภาเห็นชอบแล้วเป็นกรอบการเจรจาสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ ๑๗ และการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโตครั้งที่ ๗ (COP17/CMP7) ระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน - ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองเดอร์บัน สาธารณรัฐแอฟริกา ไปพลางก่อน โดยสาระสำคัญของร่างกรอบการเจรจา ประกอบด้วย ๑.๑ ยืนยันหลักการสำคัญ คือ หลักการของความเสมอภาค (Equity) ความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างโดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละประเทศ (Common but Differentiated Responsibilities and Respective Capabilities) การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development) การขจัดปัญหาความยากจน (Poverty Eradication) และหลักการภายใต้ข้อตกลงแคนคูนที่ได้รับการรับรองโดยที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๖ และที่ประชุมภาคีพิธีสารเกียวโต ครั้งที่ ๖ ๑.๒ ให้ประเทศที่พัฒนาแล้วสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาในด้านการเงินและการลงทุน การเสริมสร้าง ถ่ายทอด และพัฒนาขีดความสามารถทางเทคโนโลยี และการเสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากร ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ๑.๓ เห็นควรสนับสนุนให้มีพันธกรณีต่อเนื่องสำหรับประเทศในภาคผนวกที่ ๑ ภายใต้พิธีสารเกียวโต รวมถึงสนับสนุนนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ที่จะช่วยในการต่อหรือยืดอายุของพันธกรณีแรก ๒. เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอว่า ร่างกรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโตครั้งต่อ ๆ ไป ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอนั้น กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอรับกลับไปพิจารณาทบทวนแล้วเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||
1153 | การดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย | ทส | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยกรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมป่าไม้ กรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ดำเนินการตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ตั้งแต่วันที่ ๑๓ - ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ สรุปได้ ดังนี้
๑. จัดขบวนคาราวานแจกน้ำดื่มช่วยเหลือผู้ประสบภัยครอบคลุมพื้นที่ ๓๐ เขตในกรุงเทพมหานคร ๒. จัดประชุมประเมินสถานการณ์น้ำและวางแนวทางการแก้ไขปัญหาอุทกภัยร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร ๓. ลงพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยและตรวจเยี่ยมความเป็นอยู่ของราษฎรและร่วมกิจกรรมทำความสะอาดถนน ซอย เก็บและขนขยะในเขตบางพลัด บริเวณถนนจรัลสนิทวงศ์ ซอยจรัลสนิทวงศ์ ๔๖, ๖๕, ๖๘, ๗๑, ๗๓ และ ๗๕ ซอยสิรินธร ๑ และ ๓ ถนนสิรินธร (ตั้งแต่บริเวณแยกบางพลัดถึงสถานีขนส่งสายใต้เก่า) เขตจตุจักร บริเวณสี่แยกรัชโยธิน ถนนรัชดาภิเษก [ตั้งแต่บริเวณศาลฎีกา กรมส่งเสริมการส่งออกถึงหน้าธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่] บริเวณหมู่บ้านเสนานิคม ถนนลาดปลาเค้า และบริเวณรอบสี่แยกวังหิน ถนนพหลโยธิน (บริเวณโรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน) เขตบางเขน ถนนพหลโยธิน (บริเวณกรมวิทยาศาสตร์ทหารบกและกรมป่าไม้) และเขตลาดพร้าว บริเวณหมู่บ้านเสนานิเวศน์ ๔. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธานเปิดโครงการ "โฟม ๒๐ ใบ แลก ไข่ ๑ ฟอง" และปล่อยขบวนช่วยเหลือแก้ไขปัญหามลพิษในพื้นที่อุทกภัยเคลื่อนที่ โดยลงพื้นที่ที่ประสบอุทกภัยในเขตบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ตั้งจุดโครงการขยะโฟมแลกไข่ ณ ตลาดกระโจมทอง พร้อมแจกน้ำจุลินทรีย์ ตรวจวัดคุณภาพน้ำ การใช้จุลินทรีย์น้ำบรรเทาน้ำเสียในพื้นที่ และให้ความรู้เรื่องการจัดการขยะมูลฝอยในศูนย์อพยพชุมชน
|
|||||||||||||||||||||
1154 | รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีราษฎรร้องทุกข์เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่ทองคำภูทับฟ้า ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย | ทส | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีราษฎรร้องทุกข์เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหมืองแร่ทองคำ ภูทับฟ้า ของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เนื่องจากมีการพบว่ามีปริมาณสารปรอทสูง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. กรมควบคุมมลพิษได้ตรวจสอบและวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ระหว่างวันที่ ๑ - ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และระหว่างวันที่ ๒๕ - ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ พบว่าตัวอย่างน้ำที่เก็บจากบริเวณห้วยเหล็ก ตำบลเขาหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย มีปริมาณสารไซยาไนด์อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด แต่มีปริมาณสารหนูเกินมาตรฐานน้ำผิวดิน และไม่พบว่ามีสารปรอทในตัวอย่างน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินเกินมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดแต่อย่างใด ๒. กรมทรัพยากรธรณีได้ตรวจสอบการปนเปื้อนของมลสาร ระหว่างเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน ๒๕๕๔ โดยเก็บตัวอย่างดินและตะกอนท้องน้ำ จำนวน ๔๑ ตัวอย่าง เพื่อวิเคราะห์ปริมาณธาตุ As, Cd, Co, Cr, Cu, Fe, Mn, Ni, Pb และ Zn ผลการวิเคราะห์ตัวอย่างดินและตะกอนท้องน้ำ จำนวน ๒๐ ตัวอย่าง มีปริมาณธาตุ As อยู่ระหว่าง ๓๐ - ๓๘๕ มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานคุณภาพดินที่ใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยและเกษตรกรรม และตัวอย่างดิน จำนวน ๑ ตัวอย่าง มีปริมาณธาตุแคดเมียม ๑๐.๙๐ มิลลิกรัม/กิโลกรัม ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานคุณภาพดินที่ใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยและเกษตรกรรม ทั้งนี้ ตัวอย่างดินทั้งหมด จำนวน ๔๑ ตัวอย่าง มีปริมาณธาตุปรอทไม่เกินมาตรฐานคุณภาพดินที่ใช้ประโยชน์เพื่อการอยู่อาศัยและเกษตรกรรม ๓. กรมทรัพยากรน้ำบาดาลรายงานว่า บริเวณพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพแร่สูง จึงอาจพบการปนเปื้อนของสารหนูหรือไซยาไนด์ในธรรมชาติอยู่แล้ว และไซยาไนด์สามารถย่อยสลายได้ง่ายเมื่อสัมผัสแสงแดด ดังนั้น โอกาสที่ปนเปื้อนในน้ำบาดาลจึงเป็นไปได้น้อยมาก ๔. สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้พิจารณารายงานการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่โครงการจัดส่งเป็นระยะ ๆ และแจ้งผลให้กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ทราบ ทั้งนี้ ในส่วนการตรวจสอบกำกับการทำเหมืองของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด เป็นหน้าที่ของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ซึ่งกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่สามารถกำหนดให้เพิ่มความถี่และจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อเฝ้าระวังคุณภาพน้ำให้มากขึ้นได้ แต่ไม่ควรเปลี่ยนจุดตรวจวัดคุณภาพน้ำอยู่เสมอ เนื่องจากจะไม่สามารถเปรียบเทียบผลได้ ๕. กรณีที่ราษฎรในพื้นที่และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีความเห็นว่าควรระงับการขอขยายพื้นที่ใหม่หรือการขอประทานบัตรของบริษัท ทุ่งคำ จำกัด แปลงประทานบัตรที่ ๑๐๔/๒๕๓๘ นั้น เป็นอำนาจของกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหน่วยงานอนุญาตตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ซึ่งมีอำนาจโดยตรง และยังมีอำนาจในการกำกับดูแลให้โครงการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเพิ่มเติมมาตรการที่เห็นว่าสำคัญให้แก่โครงการในการนำไปปฏิบัติ
|
|||||||||||||||||||||
1155 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม 2 ฉบับ | ทส | 22/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๑.๑ กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๔๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๑.๒ กำหนดให้สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีภารกิจเกี่ยวกับการเป็นศูนย์กลางการบริหารราชการของกระทรวงในการพัฒนายุทธศาสตร์และแปลงนโยบายของกระทรวงเป็นแผนการปฏิบัติงาน จัดสรรทรัพยากรและบริหารราชการทั่วไปของกระทรวง ให้บรรลุเป้าหมายและเกิดผลสัมฤทธิ์ตามภารกิจของกระทรวง และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๓ กำหนดให้แบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย ราชการบริหารส่วนกลาง มี ๖ สำนัก ๑ ศูนย์ ๑๖ สำนักงาน และราชการบริหารส่วนภูมิภาค ได้แก่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด โดยให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๑.๔ กำหนดให้มีกลุ่มกฎหมาย กลุ่มตรวจสอบภายใน และกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร รับผิดชอบงานขึ้นตรงต่อปลัดกระทรวง และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๒. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ กำหนดให้ยกเลิกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๔๕ ๒.๒ กำหนดให้กรมทรัพยาธรณี มีภารกิจเกี่ยวกับการสงวน การอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการบริหารจัดการด้านธรณีวิทยา ทรัพยากรธรณี ซากดึกดำบรรพ์ ธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมและธรณีพิบัติภัย โดยการสำรวจ ตรวจสอบ และวิจัยสภาพธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี การประเมินศักยภาพแหล่งทรัพยากรธรณี การกำหนดและกำกับดูแลเขตพื้นที่สงวน อนุรักษ์ทรัพยากรธรณี และพื้นที่เสี่ยงต่อธรณีพิบัติภัย เพื่อการพัฒนาทรัพยากรธรณี คุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืนและเกิดประโยชน์สูงสุด และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๒.๓ กำหนดให้แบ่งส่วนราชการกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกอบด้วย ๔ สำนัก ๑ สำนักงาน ๒ กอง ๑ ศูนย์ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ๒.๔ กำหนดให้มีกลุ่มตรวจสอบภายใน กลุ่มนิติกร และกลุ่มพัฒนาระบบบริหาร รับผิดชอบงานขึ้นตรงต่ออธิบดีกรมทรัพยากรธรณี และให้มีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด |
|||||||||||||||||||||
1156 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าทับกวาง และป่ามวกเหล็กแปลงที่หนึ่ง และป่าดงพญาเย็น ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง ตำบลหนองย่างเสือ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... (อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย) | ทส | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าทับกวาง และป่ามวกเหล็กแปลงที่หนึ่ง และป่าดงพญาเย็น ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง ตำบลหนองย่างเสือ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าทับกวาง และป่ามวกเหล็กแปลงที่หนึ่ง และป่าดงพญาเย็น ในท้องที่ตำบลคำพราน ตำบลแสลงพัน อำเภอวังม่วง ตำบลหนองย่างเสือ ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี และตำบลพญาเย็น อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ (อุทยานแห่งชาติน้ำตกเจ็ดสาวน้อย) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1157 | ขอความเห็นชอบในหลักการการพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมทรัพยากรน้ำบาดาลและสำนักสำรวจธรณีวิทยาแห่งราชอาณาจักรเดนมาร์กและกรีนแลนด์ | ทส | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และสำนักสำรวจธรณีวิทยาแห่งราชอาณาจักรเดนมาร์กและกรีนแลนด์ ซึ่งบันทึกความเข้าใจดังกล่าวเป็นจุดเริ่มต้นการแลกเปลี่ยนความรู้ทางวิชาการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำบาดาล และการดำเนินงานในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำบาดาลอื่น ๆ อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมนโยบายรัฐบาลอันได้แก่ นโยบายส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างบูรณาการ โดยการจัดให้มีการบริหารจัดการน้ำในระดับประเทศ ทั้งน้ำผิวดินและน้ำใต้ดินอย่างมีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงศักยภาพของลุ่มน้ำ จัดหาและจัดสรรน้ำให้เพียงพอต่อการใช้ประโยชน์ด้วยการบูรณาการระบบน้ำในประเทศทั้ง ๒๕ ลุ่มน้ำ สนับสนุนเกษตรกรทำแหล่งน้ำในไร่นา พร้อมการผันน้ำจากลุ่มน้ำอื่น ๆ และการจัดสร้างระบบโครงข่ายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพทั่วถึงตามศักยภาพของพื้นที่เพื่อสนองความต้องการของภาคเศรษฐกิจและการอุปโภคบริโภค และเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศและส่งเสริมการเติบโตทางวิชาการน้ำบาดาลอีกด้วย ๒. อนุมัติให้อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ ฯ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขถ้อยคำที่มิใช่สาระสำคัญในบันทึกความเข้าใจ ฯ ดังกล่าว ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก |
|||||||||||||||||||||
1158 | แถลงการณ์ของผู้นำอาเซียน (ASEAN Leader's Statement on Climate Change) สำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 17 และการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโต ครั้งที่ 7 (COP 7/CMP 7) | ทส | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้การรับรอง (ร่าง) แถลงการณ์ของผู้นำอาเซียน (ASEAN Leader’s Statement on Climate Change) สำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๗ และการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโต ครั้งที่ ๗ (COP 7/CMP 7) ที่เมืองเดอร์บัน สาธารณรัฐอัฟริกาใต้โดยร่างแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนฯ เป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนที่ต้องการเน้นย้ำความสำคัญของการดำเนินการเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเน้นย้ำให้มีการดำเนินงานตามข้อมติ 1/CP.16 หรือ ข้อตกลงแคนคูนซึ่งได้รับความเห็นชอบในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๖ ที่เมืองแคนคูน สหรัฐเม็กซิโก โดยต้องยึดมั่นตามหลักการของอนุสัญญาฯ และหลักการของการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมถึงการแสดงความตั้งใจที่จะมีส่วนร่วมในกระบวนการที่จะนำไปสู่ผลลัพท์ของการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๑๗ และการประชุมภาคีพิธีสารเกียวโต ครั้งที่ ๗ และตกลงที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อดำเนินการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1159 | ผลการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ 13 การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+3 ครั้งที่ 10 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบและเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ครั้งที่ ๑๓ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๖ - ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายพิทยา พุกกะมาน) เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมระหว่างรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมจากประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อพบปะหารือ และทบทวนความร่วมมือต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการในด้านสิ่งแวดล้อมของอาเซียน ซึ่งได้รับการพิจารณากลั่นกรองจากระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อม (ASEAN Senior Official on Environment - ASOEN) ในประเด็นที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การจัดการทรัพยากรน้ำ สิ่งแวดล้อมศึกษา มลพิษหมอกควันข้ามแดน และการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมภายใต้กรอบความร่วมมือกับประเทศอาเซียน + ๓ ๒. เห็นชอบแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน - จีน ๒๕๕๔ - ๒๕๕๖ (ASEAN - China Environmental Cooperation Action Plan 2011 - 2013) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญ หรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทยหากมีความจำเป็น โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีอีก โดยแผนปฏิบัติการดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้ ๒.๑ อาเซียนได้รับรอง The China-ASEAN Strategy on Environmental Protection Cooperation เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๒ และยุทธศาสตร์ดังกล่าวจำเป็นต้องมีการปรับปรุงแผนปฏิบัติการความร่วมมือ (Action Plan) ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการปฏิบัติงาน จึงขอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนพิจารณาร่างฉบับแรกของแผนปฏิบัติการฯ พ.ศ. ๒๕๕๔ - ๒๕๕๗ [the first draft ASEAN - China Environmental Cooperation Action Plan (2011 - 2013)] ซึ่งยกร่างโดยสาธารณรัฐประชาชนจีน ๒.๒ แผนปฏิบัติการฯ ระบุประเด็นความร่วมมือที่สำคัญเกี่ยวกับ (๑) ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมเชิงนโยบายระดับสูง ได้แก่ การจัดประชุมระดับรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน การประชุมในกรอบความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน (๒) การพัฒนาและดำเนินโปรแกรมทูตสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน (the ASEAN - China Green Envoys Program) อาทิ การฝึกอบรมเสริมสร้างศักยภาพให้แก่ทูตสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน การสร้างความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมสู่สาธารณะ (๓) ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม อาทิ การส่งเสริมการจัดตั้งเครือข่ายความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน การศึกษาความเป็นไปได้และส่งเสริมให้มีการรับรองฉลากสิ่งแวดล้อมร่วมกัน การพัฒนาโครงการนำร่องด้านเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ (๔) โครงการวิจัยร่วม อาทิ การจัดทำและเผยแพร่รายงานด้านสิ่งแวดล้อมในทัศนะอาเซียน-จีน การพัฒนาและจัดการการศึกษาด้านนโยบายร่วม (Joint Policy Studies) ๒.๓ การดำเนินตามแผนปฏิบัติการฯ ได้แก่ (๑) การจัดการด้านองค์กรที่แต่ละฝ่ายจะมอบหมายผู้ประสานงานอย่างเป็นทางการ (National Focal Point : NPF) สำหรับความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียน-จีน และทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งฝ่ายเลขานุการปฏิบัติการความร่วมมือ (Joint Implementation Secretariat : JIS) ซึ่งฝ่ายจีนรับผิดชอบโดยศูนย์ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียนจีน (The China - ASEAN Environmental Cooperation Center : CAEC) และฝ่ายอาเซียนโดยสำนักเลขาธิการอาเซียนฝ่ายสิ่งแวดล้อม (๒) การสนับสนุนด้านการเงิน โดยระบุแหล่งเงินทุนสนับสนุนที่สำคัญซึ่งไม่จำเพาะเจาะจงเพื่อดำเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกล่าว ได้แก่ กองทุนความร่วมมืออาเซียน-จีน (ASEAN - China Cooperation Fund) การสนับสนุนจากคู่เจรจานานาชาติ รัฐบาลจีน รัฐบาลจากประเทศสมาชิกอาเซียน และแหล่งเงินทุนสนับสนุนจากความร่วมมือของหน่วยงานรัฐ-เอกชนอื่น (Public - Private Partnership) |
|||||||||||||||||||||
1160 | การจัดทำความตกลงระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป่าไม้ (Agreement between ASEAN and ROK on Forest Cooperation) | ทส | 15/11/2554 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การจัดทำความตกลงระหว่างอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีว่าด้วยความร่วมมือด้านการป่าไม้ (Agreement between ASEAN and ROK on Forest Cooperation) โดยความตกลงนี้ เป็นความตกลงที่รัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีจัดทำเพื่อเป็นเวทีให้ประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีเจรจาในเรื่องการก่อตั้งองค์การความร่วมมือด้านการป่าไม้เอเชีย และอำนวยความสะดวกเรื่องความร่วมือทางด้านการป่าไม้ ผลักดันโครงการต่าง ๆ พร้อมกับแปลงนโยบายป่าไม้ที่มีความเหมาะสมและเทคโนโลยีที่ได้รับการรับรองแล้วไปสู่การปฏิบัติ เพื่อการป้องกันการตัดไม้ทำลายป่าและการเสื่อมโทรมของป่าไม้ในบริบทของการบริหารจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน และกำหนดให้การปฏิบัติตามความตกลงเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับภายในของคู่ภาคีแต่ละฝ่าย ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ลงนามความตกลงดังกล่าวในช่วงระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๑๙ ระหว่างวันที่ ๑๗ - ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ที่บาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย
|
.....