ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 53 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1041 - 1060 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1041 | ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ 63 และครั้งที่ 64 และร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 ในประเทศไทย พ.ศ. .... | ทส | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติให้ใช้ข้อสัญญาอนุญาโตตุลาการของคณะกรรมาธิการสหประชาชาติว่าด้วยกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ หรือ (UN Commission on International Trade Law UNCITRAL) ได้ โดยยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๒ (เรื่อง การทำสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน) และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากเห็นว่าร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔ กำหนดให้นำข้อโต้เถียงหรือข้อพิพาทใดๆ ระหว่างสำนักเลขาธิการและรัฐบาลไทยที่เกี่ยวกับการตีความหรือการดำเนินการตามข้อตกลงนี้เข้าพิจารณาตามกฎอนุญาโตตุลาการ UNCITRAL ซึ่งเป็นความจำเป็น ๒. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เกี่ยวกับการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ และการประชุมคณะกรรมาธิการบริหาร ครั้งที่ ๖๓ และครั้งที่ ๖๔ และส่งให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบ ตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ๒.๒ อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยในร่างความตกลงฯ โดยให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนามดังกล่าว เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานงานกับสำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ภายหลังจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ ในประเทศไทย พ.ศ. .... ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เพื่อแจ้งให้ทราบว่ารัฐบาลไทยได้เสร็จสิ้นกระบวนการตามกฎหมายภายในประเทศเพื่อให้มีผลบังคับใช้แล้ว ๒.๓ อนุมัติในหลักการร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ ในประเทศไทย พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้มีกฎหมายคุ้มครองการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ ในประเทศไทย พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมสนธิสัญญาและกฎหมายได้ยกร่าง และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยด่วนต่อไป ๓. สำหรับร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ ในประเทศไทย พ.ศ. .... ให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเป็นเรื่องด่วนต่อไป เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ แล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||
1042 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง (นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ และนายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว) | ทส | 18/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุพจน์ เจิมสวัสดิพงษ์ ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๒. นายมโนพัศ หัวเมืองแก้ว ให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
|
|||||||||||||||||||||||||||
1043 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2555 | ทส | 11/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ จำนวน ๒ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ (บางปิ้ง)-บางปู ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ๑.๑ ให้ รฟม. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ (บางปิ้ง)-บางปู ของ รฟม. ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ในการประชุมครั้งที่ ๑๓/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ และตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๑.๒ หาก รฟม. มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการหรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่ได้เสนอไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อนส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ (บางปิ้ง)-บางปู ของ รฟม. ตามที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ให้แจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติหรืออนุญาตเป็นผู้พิจารณา หากหน่วยงานดังกล่าวเห็นว่าการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการหรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมดังกล่าวไม่กระทบต่อสาระสำคัญของการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และเป็นมาตรการที่เกิดผลดีต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า หรือเทียบเท่ามาตรการที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ผ่านการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ แล้ว ให้หน่วยงานที่มีอำนาจอนุมัติหรืออนุญาตรับพิจารณาการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายนั้น ๆ พร้อมกับสำเนาเรื่องแจ้งสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อทราบ หากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจกระทบต่อสาระสำคัญของการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้จัดส่งรายงานการปรับปรุงแก้ไขรายละเอียดโครงการ หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ให้ความเห็นชอบก่อนการเปลี่ยนแปลงหรือปรับปรุงแก้ไข ๑.๓ ให้ รฟม. นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ๑.๔ ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรควบคุม กำกับดูแลการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสีเขียวอ่อน ส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ (บางปิ้ง)-บางปู ของ รฟม. ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และรายงานเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุก ๖ เดือน ๒. ที่ประชุมมีมติเกี่ยวกับโครงการศึกษาและออกแบบรายละเอียดรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สายตลิ่งชัน-นครปฐม ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ๒.๑ ให้ รฟท. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด ตามที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการศึกษาและออกแบบรายละเอียดระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สายตลิ่งชัน-นครปฐม ของ รฟท. ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ในการประชุมครั้งที่ ๑๙/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๔ และตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๒.๒ ให้ รฟท. นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๒.๓ ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ควบคุม กำกับดูแลการดำเนินโครงการศึกษาและออกแบบรายละเอียดระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สายตลิ่งชัน-นครปฐม ของ รฟท. ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด และรายงานเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทุก ๖ เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||
1044 | กรอบการเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป (EU) | ทส | 11/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบกรอบการเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (Forest Law Enforcement, Governance and Trade : FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป (European Union : EU) เพื่อขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาต่อไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยสาระสำคัญของกรอบการเจรจาฯ มีดังนี้ ๑.๑ การกำหนดคำนิยามและกรอบสินค้าประเภทไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ของประเทศไทย ๑.๒ กำหนดการรับรองแหล่งที่มาของไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ประเทศไทยส่งออกสู่ตลาดสหภาพยุโรป ๑.๓ การปรับปรุงและกำหนดหลักเกณฑ์และระเบียบปฏิบัติในการรับรองแหล่งที่มาของไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ให้โปร่งใส มีประสิทธิภาพ ไม่สร้างภาระต้นทุนที่ไม่เหมาะสม และอำนวยความสะดวกทางการค้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย รวมทั้งการลดอุปสรรคทางการค้าของสินค้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ของประเทศไทยให้มากที่สุด เพื่อขยายการส่งออกสินค้าประเภทนี้ของไทยอย่างยั่งยืน ๑.๔ ให้มีมาตรการป้องกันและเยียวยาสำหรับผู้ประกอบอุตสาหกรรมไม้ประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากกฎระเบียบการทำ VPA ๑.๕ ให้มีกลไกการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ๑.๖ ให้มีมาตรการช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป เช่น การสนับสนุนจากสหภาพยุโรปให้ใช้สินค้าไม้ของประเทศไทย ผ่านทางการจัดซื้อจัดจ้างที่คำนึงถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Green Procurement) การเสริมสร้างขีดความสามารถของผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมไม้ของประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นต้น ๑.๗ ให้มีการเจรจาเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยในภาพรวม ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับกรณีที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแจ้งว่า อาจต้องมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับ VPA อีกทั้งการกำหนดให้ต้องมีการรับรองว่าสินค้าไม้และผลิตภัณฑ์ไม่ได้มาโดยถูกกฎหมายอาจมีผลกระทบการส่งออกไม้ของประเทศซึ่งเกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจหรือสังคมอย่างกว้างขวาง กรณีจึงเข้าลักษณะเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้น ก่อนดำเนินการเพื่อทำ VPA จึงต้องมีการให้ข้อมูลและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งเสนอกรอบการเจรจาต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสามของรัฐธรรมนูญฯ ด้วย นอกจากนี้ ให้กรมป่าไม้ดำเนินการพัฒนาระบบการตรวจสอบและการออกใบรับรองเกี่ยวกับไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ที่ได้มาตรฐานและมีความน่าเชื่อถือ ควบคู่กับการเจรจาการจัดทำ VPA และให้การสนับสนุนการสร้างความพร้อมแก่ผู้ประกอบการ รวมทั้งสร้างการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเพิ่มศักยภาพและความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. เห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) เสนอ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำแผนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการป่าไม้เชิงอนุรักษ์ ป่าไม้เชิงพาณิชย์ และป่าไม้ชุมชนเพื่อรองรับการดำเนินการตามกรอบเจรจาดังกล่าว โดยให้นำโครงการ ๘๐๐ ล้านกล้า ๘๐ พรรษามหาราชินี มาร่วมพิจารณาด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1045 | ร่างกฎกระทรวงให้เพิกถอน ป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ ในท้องที่ตำบลตบหู อำเภอ เดชอุดม ตำบลพรสวรรค์ อำเภอนาจะหลวย ตำบลยาง ตำบลยางใหญ่ ตำบล เก่าขาม ตำบลบุเปือย ตำบลสีวิเชียร ตำบลโซง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน ตำบลขี้เหล็ก ตำบลไพบูลย์ ตำบลตาเกา และตำบลโคกสะอาด อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 1,063 (พ.ศ. 2527) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติบางส่วน พ.ศ. .... | ทส | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงให้เพิกถอน ป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ ในท้องที่ตำบลตบหู อำเภอเดชอุดม ตำบลพรสวรรค์ อำเภอนาจะหลวย ตำบลยาง ตำบลยางใหญ่ ตำบลเก่าขาม ตำบลบุเปือย ตำบลสีวิเชียร ตำบลโซง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน ตำบลขี้เหล็ก ตำบลไพบูลย์ ตำบลตาเกา และตำบลโคกสะอาด อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑,๐๖๓ (พ.ศ. ๒๕๒๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ บางส่วน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ให้เพิกถอน ป่าฝั่งซ้ายลำโดมใหญ่ ในท้องที่ตำบลตบหู อำเภอเดชอุดม ตำบลพรสวรรค์ อำเภอนาจะหลวย ตำบลยาง ตำบลยางใหญ่ ตำบลเก่าขาม ตำบลบุเปือย ตำบลสีวิเชียร ตำบลโซง ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน ตำบลขี้เหล็ก ตำบลไพบูลย์ ตำบลตาเกา และตำบลโคกสะอาด อำเภอน้ำขุ่น จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นป่าสงวนแห่งชาติตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑,๐๖๓ (พ.ศ. ๒๕๒๗) ออกตามความในพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๗ ออกจากการเป็นป่าสงวนแห่งชาติ บางส่วน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1046 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขากะทูน และป่าปลายกะเบียด ในท้องที่ตำบลกะทูน และตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... (เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ากะทูน) | ทส | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเขากะทูน และป่าปลายกะเบียด ในท้องที่ตำบลกะทูน และตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดบริเวณที่ดินป่าเขากะทูน และป่าปลายกะเบียด ในท้องที่ตำบลกะทูน และตำบลเขาพระ อำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||
1047 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ 12 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | ทส | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นทางการ ครั้งที่ ๑๒ (12th ASEAN Ministerial Meeting on the Environment : 12th AMME) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประชุมประเทศภาคีต่อข้อตกลงอาเซียนเรื่องมลพิษจากหมอกควันข้ามแดน ครั้งที่ ๘ (8th Meeting of the Conference of the Parties to the ASEAN Agreement on Transboundary Haze Pollution : COP-8) การประชุมรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียน+๓ ครั้งที่ ๑๑ (11th ASEAN Plus Three Environmental Ministers Meeting) และการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมเอเชียตะวันออก ครั้งที่ ๓ (3rd East Asia Summit Environment Ministers Meeting) ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๘ กันยายน ๒๕๕๕ ณ กรุงเทพฯ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยในส่วนของผลการประชุม 12th AMME สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมให้การรับรองข้อมติกรุงเทพฯ ว่าด้วยความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมอาเซียนเพื่อยืนยันข้อตกลงของอาเซียน และสร้างความเข้มแข็งให้ความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของอาเซียนเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับภูมิภาค รวมถึงส่งเสริมความตระหนักในการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ตลอดจนสร้างความสมดุลระหว่างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ๒. ที่ประชุมให้การรับรองแผนปฏิบัติการอาเซียนเพื่อสนองตอบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งดำเนินการตามแถลงการณ์ผู้นำอาเซียนเพื่อสนองตอบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ให้การรับรอง ณ ที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๖ เมื่อเดือนเมษายน ๒๕๕๓ ณ เมืองฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการผลักดันให้เกิดการดำเนินงานด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างเป็นรูปธรรม ๓. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการต่อร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนต่อการประชุมประเทศภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ครั้งที่ ๑๑ ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๕ ที่เน้นการผลักดันให้ประเทศภาคีอนุสัญญาฯ ดำเนินการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ มีการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน แบ่งปันผลประโยชน์อย่างยุติธรรมและเท่าเทียม ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของอนุสัญญาฯ และกระตุ้นให้มีการสนับสนุนทางการเงินและการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เหมาะสม ภายใต้หลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างกัน รวมทั้งการดำเนินการเชิงรุกในการสร้างความตระหนักของสาธารณชนให้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพ โดยในส่วนของประเทศไทยจะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนและจะแจ้งผลการพิจารณาให้สำนักเลขาธิการอาเซียนดำเนินการต่อไป นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ราชอาณาจักรกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้เป็นผู้กล่าวแถลงการณ์ต่อที่ประชุมประเทศภาคีอนุสัญญาฯ ๔. ที่ประชุมให้การรับรองอุทยานแห่งชาติ U Minh Thoung National Park ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม และอุทยานแห่งชาติ Nat Ma Taung National Park ของสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เป็นอุทยานมรดกแห่งอาเซียนแห่งที่ ๓๑ และ ๓๒
|
|||||||||||||||||||||||||||
1048 | ขออนุมัติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก ครั้งที่ 2 (The 2nd Asia - Pacific Water Summit: 2nd APWS) และแต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติของไทยเพื่อเตรียมการจัดการประชุม 2nd APWS ที่ประเทศไทย | ทส | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๒ (The 2nd Asia-Pacific Water Summit : 2nd APWS) ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๖ โดยมีหัวข้อหลัก (Theme) ของการประชุมในเรื่อง Water Security : Leadership and Commitment, with special focus on Water Disaster Challenges ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยในสารัตถะของการประชุมฯ ให้ความสำคัญในหัวข้อเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและการบริหารจัดการน้ำของประเทศทั้งระบบด้วย ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อเสนอแนะและความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเพิ่มหัวข้อ “Climate Change with adaptation of Community Water Resource Management” ด้วย เพื่อแสดงตัวอย่างความสำเร็จของการจัดการน้ำชุมชน รวมทั้งมีการเตรียมความพร้อมหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาการจัดการประชุมฯ ซึ่งตรงกับช่วงเปิดภาคเรียน และเป็นช่วงเวลาที่กรุงเทพมหานครมีปัญหาการจราจรติดขัดมาก จึงควรหามาตรการรองรับเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ส่วนงบประมาณเพื่อใช้จ่ายในการประชุมฯ ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ ที่ได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว จำนวน ๑๕๓,๔๐๘,๐๐๐ บาท ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำได้ขอทำความตกลงการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีกับกรมบัญชีกลางแล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. อนุมัติให้แต่งตั้งคณะกรรมการระดับชาติของไทยเพื่อเตรียมการจัดการประชุมระดับผู้นำด้านน้ำแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ ๒ โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย เป็นประธานกรรมการ และให้รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล) เลขาธิการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ ร่วมเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการในคณะกรรมการดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||
1049 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (จำนวน 6 ราย 1. นายสันทัด สมชีวิตา ฯลฯ) | ทส | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก จำนวน ๖ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๔ ธันวาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายสันทัด สมชีวิตา ประธานกรรมการ ๒. นายเจน นำชัยศิริ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารธุรกิจ ๓. นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านพลังงาน ๔. นางสาวแสงจันทร์ ลิ้มจิรกาล กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ๕. นายดำรงค์ ศรีพระราม กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านป่าไม้ ๖. นายรัชดา สิงคาลวณิช กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านอุตสาหกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||
1050 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส | 04/12/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ โดยร่างระเบียบฯ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ดังนี้
๑. เพิ่มเติมผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เป็นกรรมการ ๒. เพิ่มเติมผู้แทนจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน ๓ สถาบัน (๑ ท่าน) เป็นกรรมการ ๓. เพิ่มเติมอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการฯ "ให้มีอำนาจในการผลักดันการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามนโยบายและแผนที่กำหนดไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งกำกับดูแลการติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายฯ ของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง" ทั้งนี้ สามารถแต่งตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานติดตาม ประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายฯ ของหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อวิเคราะห์และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะกรรมการฯ ทราบเป็นระยะๆ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1051 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตประกอบกิจการน้ำบาดาล และกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 จำนวน 2 ฉบับ | ทส | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการอนุญาตประกอบกิจการน้ำบาดาลและกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาล พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขออนุญาต การอนุญาต การขอใบอนุญาต การออกใบอนุญาตประกอบกิจการน้ำบาดาล และการต่ออายุใบอนุญาตประกอบกิจการน้ำบาดาล รวมทั้งกำหนดประเภทการใช้น้ำบาดาลในการออกใบอนุญาต ๒. ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. ๒๕๒๐ มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตเจาะน้ำบาดาล และใบอนุญาตใช้น้ำบาดาล
|
|||||||||||||||||||||||||||
1052 | การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 18 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 8 | ทส | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๘ และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๘ (COP18/CMP8) ระหว่างวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน-๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) ประธานกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติเสนอ ๒. เห็นชอบการแต่งตั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยสำหรับการประชุมดังกล่าว และให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงโดฮา ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนในกรณีที่ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนได้ ๓. เห็นชอบกรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๘ วัตถุประสงค์ของการเจรจา เพื่อให้เกิดข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย โดยคำนึงถึงหลักการของอนุสัญญาฯ ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายสูงสุดของอนุสัญญาฯ กล่าวคือ การบรรลุถึงการรักษาระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศให้คงที่ อยู่ในระดับที่ปลอดภัยจากการแทรกแซงจากกิจกรรมของมนุษย์ที่เป็นอันตรายต่อระบบภูมิอากาศ การรักษาระดับดังกล่าวต้องดำเนินการในระยะเวลาเพียงพอที่จะให้ระบบนิเวศปรับตัว โดยไม่คุกคามต่อการผลิตอาหารของมนุษย์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นไปอย่างยั่งยืน ๔. เห็นชอบกรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๘ วัตถุประสงค์ของการเจรจา เพื่อให้ข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศในภาคผนวกที่ ๑ หรือประเทศพัฒนาแล้ว เกิดช่วงพันธกรณีที่ ๒ ภายใต้พิธีสารฯ และมีผลบังคับใช้โดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์สูงสุดของอนุสัญญาฯ กล่าวคือ การรักษาระดับความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศให้คงที่อยู่ในระดับที่ปลอดภัยจากการแทรกแซงจากกิจกรรมของมนุษย์ที่เป็นอันตรายต่อระบบภูมิอากาศ การรักษาระดับดังกล่าวต้องดำเนินการในระยะเวลาเพียงพอที่จะให้ระบบนิเวศปรับตัว โดยไม่คุกคามต่อการผลิตอาหารของมนุษย์และการพัฒนาทางเศรษฐกิจเป็นไปได้อย่างยั่งยืน ๕. ให้นำกรอบเจรจาฯ ตามข้อ ๓ และ ๔ เสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบตามมาตรา ๑๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป ทั้งนี้ ให้ผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมจะต้องระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นหรือการแสดงท่าที่เกี่ยวกับกรอบการเจรจาดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||||||||
1053 | การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | ทส | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานการตรวจติดตามสภาพปัญหาแนวตลิ่งพังบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ในจังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดนครสวรรค์ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สรุปได้ ดังนี้
๑. วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ได้ตรวจติดตามสภาพแนวตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่พังทลายในบริเวณตำบลไทรน้อย ตำบลบ้านกุ่ม และตำบลบางชะนี อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมอบหมายให้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน และให้กรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งในบริเวณพื้นที่วิกฤติ ๒. วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ได้ส่งมอบโครงการน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ณ โรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคม หมู่ ๑ ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร และได้ส่งมอบระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำบาดาลดื่มได้ภาคสนาม จำนวน ๓ เครื่อง ให้กับเทศบาลตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย เทศบาลตำบลลานกระบือ อำเภอลานกระบือ และองค์การบริหารส่วนตำบลเพชรชมภู อำเภอโกสัมพีนคร จังหวัดกำแพงเพชร นอกจากนี้ ได้ตรวจติดตามสภาพปัญหาภัยแล้ง การเจาะน้ำบาดาล และการสูบน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านสหกรณ์ หมู่ ๓ ตำบลทรงธรรม อำเภอเมืองกำแพงเพชร บ้านคลองขุด หมู่ ๔ ตำบลโพธิ์ทอง อำเภอปางศิลาทอง และบ้านบ่อถ้ำ หมู่ ๓ ตำบลบ่อถ้ำ อำเภอขาณุวรลักษบุรี จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมทั้งตรวจติดตามสภาพปัญหาลำน้ำคลองขลุงและแนวทางแก้ไข ตำบลหินดาด อำเภอปางศิลาทอง จังหวัดกำแพงเพชร ๓. วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ได้ตรวจโครงการสูบน้ำจากเหมืองแร่เก่าไปพื้นที่เกษตรกรรม (นาข้าว) บ้านทุ่งทอง หมู่ที่ ๓, ๗, ๙, ๑๑ และ ๑๓ ตำบลทุ่งทอง อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ พร้อมทั้งตรวจการเจาะน้ำบาดาลและการสูบน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านหลักสิบเก้า หมู่ ๑๔ ตำบลอุดมธัญญา อำเภอตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์
|
|||||||||||||||||||||||||||
1054 | ขอแก้ไขชื่อสกุลข้าราชการการเมือง (นางสาวเพ็ญชิสา หงษ์อุปถัมภ์ชัย) | ทส | 20/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เห็นชอบแต่งตั้งนางสาวเพ็ญชิสา หงส์อุปถัมภ์ชัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยที่ชื่อสกุลของผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งดังกล่าวมีความคลาดเคลื่อน จึงขอแก้ไขชื่อสกุลให้ถูกต้องจาก "หงส์อุปถัมภ์ชัย" เป็น "หงษ์อุปถัมภ์ชัย"
|
|||||||||||||||||||||||||||
1055 | การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | ทส | 12/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ โดยได้ดำเนินการตรวจเยี่ยมและให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด และพื้นที่ประสบภัยแล้ง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและมอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำ บูรณาการร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งต่อไป ดังนี้
๑. จังหวัดยโสธร ตรวจการสูบน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านสะแนน หมู่ ๘ ตำบลขุมเงิน อำเภอเมืองยโสธร และบ้านกระจาย หมู่ ๑๓ ตำบลกระจาย อำเภอป่าติ้ว โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๒. จังหวัดอำนาจเจริญ ตรวจการสูบน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านโปโล หมู่ ๔ ตำบลไก่คำ อำเภอเมือง โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๓. จังหวัดมุกดาหาร ตรวจการสูบน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านหนองแวงน้อย หมู่ ๓ ตำบลโชคชัย อำเภอนิคมคำสร้อย โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๔. จังหวัดนครพนม ตรวจการสูบน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านโพนสาวเอ้ หมู่ ๑๑ ตำบลเรณูนคร อำเภอเรณูนคร และหมู่ ๑ ตำบลท่าเรือ อำเภอนาหว้า โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๖. จังหวัดเลย ตรวจการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง แบบบูรณาการโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบูรณาการร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลเจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนำเครื่องสูบน้ำระยะไกลสูบน้ำเข้าพื้นที่การเกษตร และเกษตรกรนำเครื่องยนต์เอนกประสงค์ที่ใช้กับรถไถนาเดินตามมาสูบน้ำจากบ่อน้ำบาดาลเข้าพื้นที่การเกษตร ณ บ้านเมี่ยง หมู่ ๘ ตำบลหนองผือ อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ตรวจการสูบน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านศรีสองรัก หมู่ ๑๑ ตำบลศรีสองรัก อำเภอเมือง จังหวัดเลย และตรวจติดตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนระบบน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ เป็นเครือข่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ ณ โรงเรียนบ้านหนองใหญ่ หมู่ ๑ ตำบลผาอินแปลง อำเภอเอราวัณ โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๗. จังหวัดหนองบัวลำภู ตรวจการสูบน้ำบาดาลเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง และมอบถุงยังชีพให้ประชาชนผู้ประสบภัย ณ บ้านกุดกระสู้ใต้ หมู่ ๑๓ ตำบลเก่ากลอย อำเภอนากลาง และบ้านทรายงาม หมู่ ๔ ตำบลนามะเฟือง อำเภอเมือง โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
|
|||||||||||||||||||||||||||
1056 | ขออนุมัติการดำเนินโครงการบำบัดน้ำเสียรวม พื้นที่เทศบาลนครอ้อมน้อย จังหวัดสมุทรสาคร | ทส | 06/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ (ฝ่ายการเกษตรและการท่องเที่ยว) ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๕ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายชุมพล ศิลปอาชา) ประธานกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ ๕ (ฝ่ายการเกษตรและการท่องเที่ยว) เสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ๑.๑ เห็นชอบโครงการบำบัดน้ำเสียเทศบาลนครอ้อมน้อย จังหวัดสมุทรสาคร โดยให้องค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) ลงทุนเฉพาะในระยะที่ ๑ วงเงินลงทุน ๒,๗๕๐.๖๓ ล้านบาทก่อน ส่วนการลงทุนในระยะที่ ๒ ซึ่งเป็นการผูกพันงบประมาณระยะยาวถึงปี พ.ศ. ๒๕๗๓ ควรประเมินผลการดำเนินการในระยะที่ ๑ รวมทั้งศึกษาทบทวนข้อสมมติต่าง ๆ ก่อนเสนอขออนุมัติตามขั้นตอนต่อไป โดยให้ปรับลดระยะเวลาในการบริหารจัดการเดินระบบบำบัดจาก ๒๕ ปี เป็น ๑๕ ปี เพื่อเร่งถ่ายโอนภารกิจให้เทศบาลนครอ้อมน้อย ๑.๒ ให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร และเทศบาลนครอ้อมน้อย ร่วมลงทุนในโครงการฯ เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับโครงการฯ ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมและสร้างความเป็นเจ้าของโครงการฯ โดยให้ อจน. เร่งเจรจาและจัดทำข้อตกลงเรื่องสัดส่วนการร่วมลงทุนกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาลนครอ้อมน้อยโดยเร็ว โดยเงินร่วมลงทุนดังกล่าว ให้หักจากเงินอุดหนุนประจำปีที่จัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งสอง ๑.๓ ให้ อจน. เร่งประสานเทศบาลนครอ้อมน้อยให้มีการตราเทศบัญญัติในการจัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสียและค่าบริการระบายน้ำทิ้งให้แล้วเสร็จก่อนเริ่มดำเนินโครงการฯ รวมทั้งจัดทำข้อตกลงกับเทศบาลนครอ้อมน้อยให้รับภาระค่าบริการบำบัดน้ำเสียและค่าบริการระบายน้ำทิ้งส่วนที่ไม่สามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมาย โดยต้องมีการตกลงในเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ชัดเจนพร้อมทั้งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ๑.๔ ให้ อจน เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้จากการให้บริการจัดการน้ำเสียและเร่งสร้างความเข้าใจให้กับประชาชนและโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่เพื่อลดการต่อต้านในการจัดเก็บค่าบริการและเพื่อลดภาระจากการพึ่งพาเงินงบประมาณแผ่นดิน และให้ อจน. จัดเตรียมแผนและดำเนินการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้ให้กับเทศบาลนครอ้อมน้อยในการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสีย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของเทศบาลนครอ้อมน้อยให้พร้อมรับถ่ายโอนภารกิจได้ภายในระยะเวลาของโครงการฯ ๑.๕ ให้ อจน. ร่วมมือกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด และกรมควบคุมมลพิษ ในการติดตามตรวจสอบและบังคับใช้พระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. ๒๕๓๕ และพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ อย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมและป้องกันการลักลอบระบายมลพิษลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ และร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเพื่อขอความร่วมมือโรงงานอุตสาหกรรมในการจัดการน้ำเสียโรงงานและการชำระค่าบริการบำบัดน้ำเสีย ๒. เห็นควรกำหนดเป็นเงื่อนไขในการอนุมัติโครงการ ให้เทศบาลนครอ้อมน้อยต้องรับผิดชอบในการสมทบเงินค่าใช้จ่ายในการเดินระบบและบำรุงรักษาระบบบำบัดน้ำเสีย หากการจัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมและชุมชนได้ไม่เพียงพอ รวมทั้งให้มีการตกลงในเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ชัดเจนก่อนเริ่มดำเนินโครงการฯ ๓. สำหรับการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียในระยะที่ ๒ หรือระยะต่อไป ให้พิจารณาจากความต้องการและความจำเป็นโดยพิจารณาจากความรุนแรงของปัญหาหรือปริมาณน้ำเสียที่เกิดขึ้นว่ามีมากน้อยเพียงใด หากปริมาณน้ำเสียมีมากขึ้นจึงค่อยพิจารณาขยายระบบต่อไป โดยคำนึงถึงความต่อเนื่องในการดำเนินการบำบัดน้ำเสียและระยะเวลาในการก่อสร้าง ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการขาดช่วงในการบำบัดน้ำเสีย |
|||||||||||||||||||||||||||
1057 | การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้ง | ทส | 06/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาภัยแล้งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ โดยได้ดำเนินการตรวจเยี่ยมและให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด และพื้นที่ประสบภัยแล้ง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับทราบแนวทางแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและมอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำ บูรณาการร่วมกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งต่อไป ดังนี้
๑. จังหวัดลพบุรีและสระบุรี ตรวจติดตามโครงการพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนระบบน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อสร้างเครือข่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยธรรมชาติ ณ โรงเรียนท่าวุ้งวิทยาคาร ตำบลท่าวุ้ง อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี และตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบปัญหาภัยแล้ง พร้อมปล่อยขบวนคาราวานรถเจาะน้ำบาดาล ส่งมอบบ่อน้ำบาดาลและระบบปรับปรุงคุณภาพน้ำภาคสนาม ณ องค์การบริหารส่วนตำบลโคกใหญ่-หรเทพ อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ๒. จังหวัดกาฬสินธุ์ ตรวจการเจาะน้ำบาดาลและสูบน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร และช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านหนองคอนเตรียม หมู่ ๓, ๙ ตำบลหลักเหลี่ยม อำเภอนามน จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ๓. จังหวัดอุดรธานี ตรวจการเจาะน้ำบาดาลและสูบน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร และช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านเชียงกรม หมู่ ๑๔ ตำบลนาม่วง อำเภอประจักษ์ศิลปาคม และบ้านหนองไผ่น้อย หมู่ ๖ ตำบลหนองไผ่ อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล รวมทั้งตรวจการสูบน้ำระยะไกลเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านหนองไผ่ หมู่ ๖ ตำบลหนองไผ่ อำเภอหนองหาน จังหวัดอุดรธานี โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พร้อมทั้งตรวจการสูบน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ ตำบลสุมเส้า อำเภอเพ็ญ และบ้านหนองบุ่งหวาย หมู่ ๑๓ บ้านจอมตาลใต้ ตำบลจอมศรี อำเภอเพ็ญ จังหวัดอุดรธานี โดยกรมทรัพยากรน้ำ ๔. จังหวัดสกลนคร ตรวจการเจาะน้ำบาดาลและสูบน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร และช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านใต้ อำเภอสว่างแดนดิน และตรวจการสูบน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านดอนดู่ หมู่ ๓ ตำบลนาตงวัฒนา อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล รวมทั้งตรวจการเจาะน้ำบาดาลและสูบน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร และช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง และนำรถผลิตน้ำดื่มสะอาดแจกจ่ายแก่ประชาชน ณ บ้านโพนแคใหญ่ หมู่ ๒ ตำบลนาดงวัฒนา อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ๕. จังหวัดบึงกาฬ ตรวจการสูบน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ วัดสอนเจริญราษฎร์ หมู่ ๑ ตำบลนาสิงห์ อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ๖. จังหวัดหนองคาย ตรวจการแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง โดยจัดทำจุดจ่ายน้ำ และสาธิตการสูบน้ำระยะไกล ณ บ้านดงคำพี้ หมู่ ๗ ตำบลวัดหลวง อำเภอโพนพิสัย และจัดทำจุดจ่ายน้ำ และแจกจ่ายน้ำให้แก่ประชาชน ณ บ้านเบิด หมู่ ๖ ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมทั้งตรวจการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ง ณ บ้านน้ำสวย หมู่ ๑๑ ตำบลสระไคร อำเภอสระไคร จังหวัดหนองคาย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
|
|||||||||||||||||||||||||||
1058 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวเพ็ญชิสา หงส์อุปถัมภ์ชัย) | ทส | 02/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งข้าราชการการเมือง นางสาวเพ็ญชิสา หงส์อุปถัมภ์ชัย ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||
1059 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ (จำนวน 11 ราย 1. นางรตยา จันทรเทียร ฯลฯ) | ทส | 02/11/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ จำนวน ๑๑ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป แทนกรรมการเดิมซึ่งได้ดำรงตำแหน่งมาครบกำหนดสองปีตามวาระเมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นางรตยา จันทรเทียร ๒. นายเสรี เวชชบุษกร ๓. นายนิวัติ เรืองพานิช ๔. นายสนิท อักษรแก้ว ๕. นายนิพนธ์ ตั้งธรรม ๖. นายสุรเชษฎ์ เชษฐมาส ๗. นายธวัชชัย จึงเจริญ ๘. นายชัยรัตน์ ชยามฤต ๙. นายวิลาศ ผิวเหมาะ ๑๐. นายฉกาจ ลาภานุพัฒน์ ๑๑. นางสาวดรรชนี เอมพันธุ์
|
|||||||||||||||||||||||||||
1060 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนต่อการประชุมระดับสูง ระหว่างสมัยการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ครั้งที่ 11 | ทส | 15/10/2555 | ||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมอาเซียนต่อการประชุมระดับสูง ระหว่างสมัยการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ครั้งที่ ๑๑ [DRAFT JOINT STATEMENT OF ASEAN ENVIRONMENT MINISTERS FOR THE ELEVENTH MEETING OF THE CONFERENCE OF THE PARTIES TO THE CONVENTION ON BIOLOGICAL DIVERSITY (CBD-COP11)] โดยสาระสำคัญของร่างแถลงการณ์ร่วมฯ เป็นการเน้นย้ำถึงพันธะกิจและเจตนารมณ์ซึ่งสมาชิกสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในฐานะภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ในการดำเนินการเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในภูมิภาคในการดำเนินการเพื่อบรรลุตามวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และแผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Blueprint) สำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๘ การให้การรับรองพิธีสารนาโงยาว่าด้วยการเข้าถึงและแบ่งปันผลประโยชน์จากทรัพยากรพันธุกรรม เสริมสร้างความตระหนักในคุณค่าและความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ ตลอดจนการบริการทางระบบนิเวศ และการบูรณาการเรื่องการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพเข้าสู่การลดระดับความยากจน กระตุ้นให้มีความพยายามอย่างจริงจังที่จะปกป้อง อนุรักษ์ และใช้ความหลากหลายทางชีวภาพของอาเซียนอย่างยั่งยืน โดยดำเนินตามแผนกลยุทธ์เพื่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพสำหรับปี พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๓ และเป้าหมายไอจิว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ตระหนักว่าทศวรรษแห่งความหลากหลายทางชีวภาพเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการดำเนินงานของภาคีอนุสัญญาฯ ให้บรรลุตามแผนกลยุทธ์เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีก ๒. ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารในข้อ ๑ กับรัฐมนตรีอาเซียนด้านสิ่งแวดล้อมในระหว่างการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ครั้งที่ ๑๑ ในระหว่างวันที่ ๑๖-๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ ณ เมืองไฮเดอราบาด สาธารณรัฐอินเดีย |
.....