ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 55 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1081 - 1100 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1081 | รายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงลุ่มน้ำนานาชาติ - ลุ่มน้ำโขง (Mekong2Rio : Mekong to Rio+20) | ทส | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมผู้บริหารระดับสูงลุ่มน้ำนานาชาติ - ลุ่มน้ำโขง (Mekong2Rio : Mekong to Rio+20) ระหว่างวันที่ ๑ - ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ จังหวัดภูเก็ต ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมผู้บริหารระดับสูงลุ่มน้ำนานาชาติ - ลุ่มน้ำโขง มีเจตนารมณ์เพื่อจัดทำ “Mekong2Rio Message” ซึ่งจะเป็นการนำเสนอข้อมูลแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดนของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง และการพัฒนาที่ยั่งยืนในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง ซึ่งเป็นการอนุวัติตามเป้าหมายแห่งสหัสวรรษต่อที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Rio+20 ที่จะจัดขึ้น ณ นครริโอ เดอจาเนโร สหพันธรัฐบราซิล เดือนมิถุนายน ๒๕๕๕ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสำคัญของโลก ที่จะทำให้เกิดการพัฒนาที่รักษาความสมดุลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของโลก โดยสารแม่น้ำโขง มีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ การแก้ไขปัญหาด้านน้ำ อาหาร และความมั่นคงด้านพลังงานในอนาคต องค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งสามด้านจะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ๑.๒ การบริหารจัดการลุ่มน้ำข้ามพรมแดนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดความมั่นคงในภูมิภาคในอนาคต จำเป็นต้องมีความร่วมมือและการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันและต้องอยู่บนพื้นฐานของการบูรณาการ โดยให้ความสำคัญกับการปรึกษาหารือ และการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ๑.๓ การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศและภูมิภาคจะต้องคำนึงถึงความสำคัญของการลงทุน เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ การรักษาระบบนิเวศและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเพื่อมุ่งสู่เศรษฐกิจสีเขียว ๑.๔ การป้องกันผลที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในอนาคตจะต้องพิจารณากำหนดนโยบายที่มีความเกี่ยวเนื่องระหว่างยุทธศาสตร์การปรับตัวในระดับชาติและระดับภูมิภาค ๒. คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (Mekong River Commission) และที่ประชุมนานาชาติว่าด้วยการบริหารจัดการลุ่มน้ำข้ามพรมแดนจะมีการแสดงผลงานเอกสารทางวิชาการจากการประชุมครั้งนี้ใน Stockholm World Water Week ในเดือนสิงหาคม ๒๕๕๕
|
|||||||||||||||||||||
1082 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2555 | ทส | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕ จำนวน ๑๕ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง ขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงฯ ในท้องที่จังหวัดพังงา ร่างประกาศกระทรวงฯ เรื่องขยายระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงฯ ในท้องที่จังหวัดกระบี่ และร่างประกาศกระทรวงฯ เรื่อง ขยายเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงฯ ในบริเวณพื้นที่จังหวัดกระบี่ พ.ศ. ๒๕๕๓ รวม ๓ ฉบับ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศกระทรวงฯ ทั้ง ๓ ฉบับ เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ โดยเร่งรัดดำเนินการนำเสนอให้ทันกำหนดการบังคับใช้ ๒. เห็นชอบแนวทาง/มาตรการในการสนับสนุนเงินกู้จากกองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้รับบริการจากกองทุนฯ ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ตามความเห็นของคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๕๔ และครั้งที่ ๖/๒๕๕๔ และเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม เรื่อง หลักเกณฑ์ เงื่อนไขการพิจารณาให้กู้ยืมเงิน อัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาการปลอดการชำระคืนเงินต้น และระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้ยืม เพื่อบรรเทาผลกระทบจากเหตุอุทกภัย พ.ศ. ๒๕๕๔ รวมทั้งให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำร่างประกาศคณะกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อมฯ เสนอประธานกรรมการกองทุนสิ่งแวดล้อม และประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. เห็นชอบสรุปผลการวิเคราะห์แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ประกอบด้วยโครงการด้านการจัดการมลพิษสิ่งแวดล้อมที่ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ จำนวน ๓๑ โครงการ วงเงินรวมทั้งสิ้น ๒,๖๘๔,๐๖๙,๑๑๖ ล้านบาท ตามความเห็นของคณะอนุกรรมการกำกับการจัดทำแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมนำโครงการที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อขอตั้งงบประมาณแผ่นดิน หมวดเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ และให้สำนักงบประมาณให้การสนับสนุนงบประมาณต่อไป และให้การประปานครหลวงและการประปาส่วนภูมิภาคเร่งรัดดำเนินงานตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๕๓ เรื่อง การปรับแก้พระราชบัญญัติการประปานครหลวงและพระราชบัญญัติการประปาส่วนภูมิภาคเพื่อให้มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดเก็บค่าบริการบำบัดน้ำเสีย รวมทั้งให้กรมโยธาธิการและผังเมืองจัดทำคำขอตั้งงบประมาณเพื่อซ่อมแซมระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียที่ยังชำรุดเสียหาย และไม่สามารถส่งมอบให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ เทศบาลนครพิษณุโลก เทศบาลเมืองสระบุรี เทศบาลเมืองชุมพร และเทศบาลเมืองปัตตานี เพื่อให้ระบบอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งาน ก่อนส่งมอบให้ อปท. และให้สำนักงบประมาณสนับสนุนงบประมาณดังกล่าวด้วย ๔. เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙ และแต่งตั้งคณะทำงานติดตามผลการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการฯ เพื่อกำกับ ติดตาม ประสานงาน และจัดทำรายงานผลการดำเนินงานในแต่ละปี ๕. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการภายใต้พระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ เพื่อกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการเลี้ยงสุกร การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการแกะล้างวัตถุดิบสัตว์น้ำ (แปรรูปสัตว์น้ำเบื้องต้น) ตามหลักเกณฑ์ของกิจการที่เสนอให้มีการกำหนดเงื่อนไขด้านการจัดการน้ำเสียและของเสีย และการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอื่น ๆ เสนอแนวทางการจัดการน้ำเสียและของเสียต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นในการยื่นขอหรือต่อใบอนุญาตการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษตรวจสอบหลักเกณฑ์ของกิจการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจืดที่เสนอให้มีการกำหนดเงื่อนไขด้านการจัดการน้ำเสียและของเสีย ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ก่อนให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการต่อไป ๖. เห็นชอบการยกร่างกฎหมายเพื่อให้ อปท. มีอำนาจหน้าที่ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมตามความในมาตรา ๒๙๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิษจัดทำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณามอบให้กรมควบคุมมลพิษเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการยกร่างกฎหมายดังกล่าว โดยในการรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎหมายควรเปิดโอกาสให้ อปท. และรัฐวิสาหกิจ เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ๗. ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการออกกฎกระทรวงการสาธารณสุขว่าด้วยการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมกำจัดมูลฝอยและของเสียอันตรายของชุมชน ตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. ๒๕๓๕ และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๐ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นกฎหมายรองรับการดำเนินงานของท้องถิ่นต่อไป และให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการออกกฎระเบียบ มาตรการ และเกณฑ์การปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของ อปท. ในเรื่องการจัดการมูลฝอย การควบคุมมลพิษจากการประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และเหตุเดือดร้อนรำคาญด้านมลพิษ และร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสริมสร้างสมรรถนะให้กับ อปท. ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติฯ นอกจากนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงมหาดไทยเสนอสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการกำหนดยุทธศาสตร์สิ่งแวดล้อม (ด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม) เป็นตัวชี้วัดร่วมระหว่างกระทรวงที่มีเป้าหมายร่วมกัน (Joint KPI) โดยเริ่มในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ ๘. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างท่าเรือชายฝั่งที่จังหวัดตรัง ของกรมเจ้าท่า โดยให้กรมเจ้าท่าปฏิบัติตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อแหล่งหญ้าทะเล พะยูน และปะการัง ใกล้แนวเส้นทางเดินเรืออย่างเคร่งครัด รวมทั้งเพิ่มเติมมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำทะเลบริเวณแหล่งหญ้าทะเล พะยูน และแนวปะการัง ตลอดอายุโครงการ ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๙. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายนครปฐม - ชะอำ ของกรมทางหลวง โดยให้กรมทางหลวงพิจารณาออกแบบรายละเอียดโครงสร้างระบบระบายน้ำของโครงการให้สามารถรองรับปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านบริเวณแนวเส้นทางโครงการเพื่อป้องกันปัญหาอุทกภัยที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ๑๐. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าระบบ ๑๑๕ กิโลโวลต์ อำเภอเขาค้อ - อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ๑๑. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีชมพู ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ และให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๑๒. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยให้ รฟท. นำข้อมูลอุทกภัยที่เกิดขึ้นล่าสุดในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มาใช้ประกอบการพิจารณาออกแบบรายละเอียดโครงการฯ เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ และให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๑๓. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการศึกษารูปแบบที่เหมาะสมของระบบรถไฟสายสีแดงผ่านบริเวณสถานีรถไฟจิตรลดา และการออกแบบรายละเอียดระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ - พญาไท - มักกะสัน ของ รฟท. โดยให้ รฟท. นำข้อมูลอุทกภัยที่เกิดขึ้นล่าสุดในปี พ.ศ. ๒๕๕๔ มาใช้ประกอบการพิจารณาออกแบบรายละเอียดโครงการฯ เพื่อลดผลกระทบสิ่แวดล้อมจากการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามข้อสังเกตของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ และให้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อประกอบการพิจารณาตามมาตรา ๔๗ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ ต่อไป ๑๔. เห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแ
|
|||||||||||||||||||||
1083 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ | ทส | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง จำนวน ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้
๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์บางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ยกเลิกความในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง สัตว์ป่าจำพวกปลา ลำดับที่ ๑๓ แห่งกฎกระทรวงกำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ปลาเสือตอ หรือ ปลาเสือ หรือ ปลาลาด Datnioides pulcher” ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ๒.๑ กำหนดให้เพิ่มความ “ตะพาบ หรือ ปลาฝา (Amyda cartilaginea)” เป็น ลำดับที่ ๗ ของสัตว์ป่าจำพวกสัตว์เลื้อยคลาน แห่งบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ ๒.๒ กำหนดให้เพิ่มความ “ปลาหมูอารีย์ (Botia sidthimunkii)” เป็นลำดับที่ ๓ ของสัตว์ป่าจำพวกปลา แห่งบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ ๒.๓ กำหนดให้ยกเลิกความในบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองชนิดที่เพาะพันธุ์ได้สัตว์ป่าจำพวก ลำดับที่ ๒ แห่งกฎกระทรวงกำหนดชนิดของสัตว์ป่าคุ้มครองให้เป็นสัตว์ป่าชนิดที่เพาะพันธุ์ได้ พ.ศ. ๒๕๔๖ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน “ปลาเสือตอ หรือ ปลาเสือ หรือ ปลาลาด (Datnioides pulcher)”
|
|||||||||||||||||||||
1084 | แนวทางสำหรับการดำเนินโครงการป้องกันปัญหาจากอุทกภัยในพื้นที่ชุ่มน้ำ | ทส | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับเรื่อง แนวทางสำหรับการดำเนินโครงการป้องกันปัญหาจากอุทกภัยในพื้นที่ชุ่มน้ำ ไปพิจารณาทบทวนเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติทั้งโครงการระยะสั้นและระยะยาวร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย คณะอนุกรรมการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
1085 | ร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... (โอนกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปรวมกับกรมป่าไม้) | ทส | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป โดยร่างพระราชบัญญัติฯ มีสาระสำคัญ ดังนี้
๑. กำหนดให้โอนบรรดาอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติของคณะรัฐมนตรี ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปเป็นอำนาจหน้าที่ของกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. กำหนดให้โอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน งบประมาณ สิทธิ หนี้ ภาระผูกพัน ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้าง และอัตรากำลัง ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปเป็นของกรมป่าไม้ ๓. กำหนดให้โอนอำนาจหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และอำนาจหน้าที่ของอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๔ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๓๕ ไปเป็นของกรมป่าไม้ และอธิบดีกรมป่าไม้ ๔. กำหนดให้ในวาระเริ่มแรก กรมป่าไม้นอกจากจะมีส่วนราชการตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๑ แล้ว ให้มีส่วนราชการตาม (๒) (๔) (๖) (๗) (๘) (๙) (๑๐) และ (๑๑) - (๒๖) แห่งกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๔๗ ด้วย และให้โอนอัตรากำลังในส่วนราชการของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปเป็นของส่วนราชการกรมป่าไม้ ๕. กำหนดให้ในวาระเริ่มแรก ให้ อ.ก.พ. กระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาจัดตำแหน่งและเกลี่ยอัตรากำลังของข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้าง ที่โอนมาจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในส่วนที่นอกเหนือจากมาตรา ๗ (๑) - (๘) ไว้ในกรมป่าไม้ |
|||||||||||||||||||||
1086 | การแต่งตั้ง Designated Authority ของประเทศไทยสำหรับกองทุนด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ | ทส | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ แต่งตั้งปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ทำหน้าที่เป็น Designated Authority ของประเทศไทยสำหรับกองทุนด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยในการรับรองโครงการและคัดเลือกหน่วยปฏิบัติงานหลักของประเทศ (National Implementing Entities : NIEs) ที่ดำเนินโครงการตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๑.๒ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมลงนามในหนังสือแจ้งการแต่งตั้ง Designated Authority ดังกล่าวไปยังสำนักเลขาธิการของคณะกรรมการกองทุนด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการคัดเลือกหน่วยงานมาเป็น NIEs ต้องมีคุณสมบัติที่ไม่เป็นหน่วยงานเดียวกับผู้ทำหน้าที่ Designated Authority ของประเทศ รวมทั้งเร่งดำเนินการเพื่อให้หน่วยงานดังกล่าวได้รับการรับรองจากคณะกรรมการกองทุนด้านการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Adaptation Fund Board) โดยเร็ว โดยพิจารณาความเป็นไปได้ในการขอรับการสนับสนุนทางวิชาการ (Technical Support) สำหรับเสริมสร้างศักยภาพของประเทศเพื่อให้สามารถดำเนินการขอรับการรับรองเป็น NIEs รวมถึงการเตรียมเอกสารเพื่อแสดงว่าหน่วยงานมีความสามารถในการบริหารจัดการเงินทุนและมีความน่าเชื่อถือตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1087 | กำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสีย | ทส | 10/07/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสีย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พื้นที่ที่องค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) ทำข้อตกลงบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบด้วย พื้นที่เทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่เทศบาลตำบลบางเสร่ จังหวัดชลบุรี พื้นที่เทศบาลเมืองพะเยา และพื้นที่เทศบาลนครสงขลา ๑.๒ พื้นที่ที่ อจน. ได้มีการทำบันทึกความเข้าใจกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อจะได้พัฒนาไปสู่การทำข้อตกลงการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียอย่างเต็มรูปแบบ ประกอบด้วย พื้นที่เทศบาลเมืองกระบี่ พื้นที่เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ พื้นที่เทศบาลนครเชียงใหม่ รวมถึงพื้นที่ในแนวท่อระบายน้ำเสีย และที่ตั้งระบบบำบัดน้ำเสีย ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่เทศบาลตำบลป่าแดด อำเภอเมืองเชียงใหม่ พื้นที่เทศบาลนครนครสวรรค์ พื้นที่เทศบาลนครลำปาง พื้นที่เทศบาลเมืองวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ พื้นที่เทศบาลเมืองอำนาจเจริญ และพื้นที่เทศบาลเมืองหนองบัวลำภู ๑.๓ พื้นที่ตามเขตควบคุมมลพิษตามที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติประกาศกำหนด ประกอบด้วย พื้นที่จังหวัดภูเก็ต พื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พื้นที่อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา พื้นที่หมู่เกาะพีพี ตำบลอ่าวนาง อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่ พื้นที่อำเภอหัวหิน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่ตำบลหน้าพระลาน อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสระบุรี และพื้นที่ตำบลมาบตาพุด ตำบลห้วยโป่ง ตำบลเนินพระ ตำบลทับมา อำเภอเมืองระยอง ตำบลมาบข่า อำเภอนิคมพัฒนา และตำบลบ้านฉาง อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ๒. ให้ อจน. รับไปพิจารณาดำเนินการเพื่อให้พื้นที่เทศบาลเมืองมาบตาพุดอยู่ในเขตพื้นที่ที่ อจน. ทำข้อตกลงบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ และพิจารณาเพิ่มเติมพื้นที่เทศบาลนครแหลมฉบังให้ครอบคลุมพื้นที่จัดการน้ำเสียด้วย โดยให้ประสานการดำเนินงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. ให้รับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำเสียในระดับชุมชนโดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีที่ชุมชนและประชาชนในพื้นที่สามารถบริหารจัดการได้ด้วยตนเอง การประชาสัมพันธ์และรณรงค์เพื่อเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการลดการก่อมลพิษจากแหล่งกำเนิดน้ำเสีย การส่งเสริมให้มีการต่อยอดภูมิปัญญาเพื่อการลดการก่อมลพิษของแต่ละชุมชน การกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสียในเขตนิคมอุตสาหกรรม รวมทั้ง อจน. และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นควรพิจารณาจัดเตรียมแผนเพิ่มศักยภาพของท้องถิ่น โดยผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้ และเทคโนโลยี เพื่อให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ทั้งด้านเทคนิควิชาการและการเงิน ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๔. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ นั้น อจน. ควรประสานงานและหารือให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องแต่ละแห่งใช้จ่ายจากงบประมาณแผ่นดินที่ได้รับการจัดสรรแล้ว หรือใช้เงินรายได้ของราชการส่วนท้องถิ่นเอง เนื่องจากการบริหารจัดการระบบบำบัดน้ำเสียถือเป็นภารกิจของท้องถิ่นจะต้องรับถ่ายโอนไปดำเนินการตามพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ทั้งนี้ ให้สำนักงบประมาณรับไปพิจารณาดำเนินการด้วยว่า ในการจัดตั้งงบประมาณตามพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๐๒ นั้น ต้องพิจารณาไม่ให้มีความซ้ำซ้อนกัน |
|||||||||||||||||||||
1088 | มติคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เรื่องการเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อบรรจุไว้ในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ของศูนย์มรดกโลก | ทส | 03/07/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบมติคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๕ ที่เห็นชอบการเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช ต่อศูนย์มรดกโลก ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อบรรจุในบัญชีรายชื่อเบื้องต้น (Tentative List) ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง) ประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1089 | สรุปผลการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม World Water Forum ครั้งที่ 6 ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส | ทส | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการเดินทางไปเข้าร่วมการประชุม World Water Forum ครั้งที่ ๖ ณ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคณะ ระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๕ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. การประชุม World Water Forum ครั้งที่ ๖ มีการจัดการประชุมระดับรัฐมนตรี (Ministerial Conference) การประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี 12 session/หัวข้อ และการประชุมร่วมกันระหว่างระดับ และกลุ่มต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายให้มากที่สุด ภายใต้หัวข้อหลักคือ “ถึงเวลามีแนวทางแก้ไขปัญหา” (Time for Solutions) โดยสามารถรวบรวมแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำได้ ๑,๔๐๐ เรื่อง ๒. การประชุมโต๊ะกลมระดับสูงเรื่องภัยพิบัติด้านน้ำ ได้มีการนำเสนอผลสรุปของการประชุมเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรี (Ministerial Conference) โดยสรุปคือ ภัยพิบัติด้านน้ำ เช่น อุทกภัย ภัยแล้ง สึนามิ และอุบัติภัยจากมลพิษทางน้ำได้กลายเป็นปัญหาของโลกที่ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกระดับ จำเป็นต้องมีการจัดการแก้ไขโดยด่วน โดยเฉพาะประเด็นเรื่องข้อจำกัดทางโครงสร้างองค์กร การให้ประชาชนมีส่วนร่วมและการมีเครือข่าย ปัจจุบันประเทศต่าง ๆ มีมาตรการแก้ไขปัญหาที่ออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพการณ์ภายในของตนทั้งมาตรการด้านโครงสร้าง และที่มิใช่โครงสร้าง (เช่น ระบบการเตือนภัยล่วงหน้า) โดยประเทศต่าง ๆ ควรให้ความสำคัญในเรื่องมาตรการป้องกันและเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ โดยคำนึงถึงสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป จากผลของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแปลงสภาพเป็นชุมชนเมือง และจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ความร่วมมือระหว่างประเทศและในภูมิภาคมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการต่อสู้และรับมือกับภัยพิบัติด้านน้ำ โดยต้องร่วมมือกันในวงกว้างทั้งระดับทวิภาคี ระดับภูมิภาค และระดับโลก รวมถึงการสนับสนุนด้านการเงินในการป้องกันภัยพิบัติ ความร่วมมือทางวิชาการในการบริหารจัดการ การเสริมสร้างศักยภาพ โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูล สำหรับการใช้ระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องมีผู้ตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากระบบการสังเกตการณ์ ติดตาม ตรวจสอบที่ดีเพียงพอ และมีเทคโนโลยีที่เหมาะสม ทั้งนี้ ประเทศที่เข้าร่วมการประชุมมีความเห็นร่วมกันว่าจะนำผลของการประชุมไปพิจารณาเพื่อเพิ่มความพยายามดำเนินการทั้งระดับประเทศ และระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการประชุม Rio+20 และการประชุมอื่น ๆ ในอนาคต ๓. การประชุม Ministerial Declaration รัฐมนตรี และหัวหน้าคณะผู้แทนที่เข้าร่วมประชุม World Water Forum ครั้งที่ ๖ มีความเห็นร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ ดังนี้ ๓.๑ การยืนยันผลการประชุมระหว่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ Rio Summit ปี ๑๙๙๒ และ World Summit on Sustainable Development ปี ๒๐๐๒ ว่าน้ำเป็นกุญแจสำคัญที่จะสร้างสันติภาพและความมีเสถียรภาพ และมีส่วนสำคัญที่จะส่งเสริมการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Rio+20) ในเรื่อง Green Economy และกรอบโครงสร้างเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ๓.๒ การให้ความสำคัญในเรื่องความเป็นอยู่ที่ดีของประชากรทุกคน โดยส่งเสริมให้เร่งดำเนินการเรื่องการให้ประชาชนเข้าถึงน้ำดื่มสะอาดและสุขาภิบาลที่ดี รวมถึงการมีน้ำและสุขภาพดี ทั้งนี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายแห่งสหัสวรรษ (MDGs) และเห็นว่าต้องมีแนวทางแบบผสมผสานในเรื่องสุขาภิบาลและการจัดการน้ำเสีย ตลอดจนพยายามใช้แนวทางอื่น ๆ เช่น การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ และการผลิตน้ำจืดจากน้ำทะเล โดยส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี ๓.๓ การช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ “เศรษฐกิจสีเขียว” น้ำเพื่อความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน ซึ่งจะต้องมีแนวทางในการวางแผนบริหารจัดการในเรื่องนี้โดยมีความเข้าใจและตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างกันของทรัพยากรน้ำ - อาหาร - พลังงาน ๓.๔ การรักษาโลกเป็นสีฟ้า - น้ำ (Keep the Planet Blue) น้ำในอนุสัญญา Rio ภัยพิบัติด้านน้ำและการพัฒนาเมือง โดยนำเรื่องน้ำประกอบการพิจารณาในการจัดทำยุทธศาสตร์และแผนงานเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความหลากหลายทางชีวภาพ การกลายเป็นทะเลทราย ซึ่งเป็นอนุสัญญา Rio ๓ เรื่อง และอนุสัญญา Ramsar เรื่องพื้นที่ชุ่มน้ำ ทั้งนี้ ควรมีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างกัน รวมถึงการขยายความเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาระหว่างรัฐและเอกชนกับภาคประชาสังคม และกลุ่มทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ๓.๕ เงื่อนไขสู่ความสำเร็จ เห็นว่า การบริหารจัดการน้ำที่ดีจำเป็นต้องมีเวที และกรอบด้านองค์กรและกฎหมายที่เอื้อให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม และจำเป็นต้องสร้างความเข้มแข็งให้หน่วยงาน/องค์กรท้องถิ่นและภูมิภาคเพื่อให้ทำหน้าที่รับผิดชอบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และต้องได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเพียงพอสำหรับการพิจารณาทางเลือกในการตัดสินใจ จำเป็นต้องมีเครื่องมือและตัวชี้วัดที่จะช่วยในการติดตาม ประเมินผล และการรายงานตรวจสอบนโยบาย เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการของปฏิญญา Rio เรื่องสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา และการใช้ประโยชน์จากปีสากลว่าด้วยความร่วมมือด้านน้ำ ในปี พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมทั้งมีการพิจารณาเรื่องการคืนทุนอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ และควรมีความร่วมมือระหว่างนักวิทยาศาสตร์ ผู้มีอำนาจตัดสินใจ ผู้ให้บริการ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นในการจัดทำ ดำเนินการ และติดตามนโยบายด้านน้ำ
|
|||||||||||||||||||||
1090 | รายงานผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 17 และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ 7 (COP 17/CMP 7) | ทส | 19/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๗ และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๗ (COP 17/CMP 7) ระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน - ๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ ณ เมืองเดอร์บัน สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๑๗ ๑.๑ ให้มีการจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจใหม่อีกหนึ่งคณะ คือ Ad Hoc Working Group on the Durban Platform for Enhanced Action สำหรับพัฒนาพิธีสาร (protocol) ตราสารกฎหมาย (legal instrument) หรือผลลัพธ์ที่ตกลงกันและมีผลบังคับทางกฎหมาย (agreed outcome with legal force) อย่างช้าที่สุดภายในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อเสนอที่ประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๑๗ และให้ผลลัพธ์ดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับประเทศภาคีทุกประเทศตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ๑.๒ ให้ต่ออายุการดำเนินงานของการประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยความร่วมมือระยะยาวภายใต้อนุสัญญาฯ ออกไปอีกหนึ่งปี และรายงานผลการดำเนินงานในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๑๘ ๑.๓ ให้เริ่มการดำเนินงานของคณะกรรมการด้านการปรับตัวโดยเร็ว โดยคณะกรรมการชุดนี้จะเป็นผู้ให้ข้อเสนอแนะด้านวิชาการที่เกี่ยวกับการปรับตัวให้แก่ภาคี ๑.๔ เห็นชอบให้เร่งดำเนินการจัดตั้งกองทุน Green Climate และให้เริ่มดำเนินการโดยเร็วตามข้อเสนอของ Transitional Committee ได้แก่ การจัดตั้งคณะกรรมการกำกับ การระดมทุน และหลักเกณฑ์ในการสนับสนุนทุน ๑.๕ ให้มีการจัดประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๑๘ และการประชุมรัฐภาคีพิธีสารฯ ครั้งที่ ๘ ณ ประเทศกาตาร์ ๒. ผลการประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๗ ๒.๑ ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปยินดีที่จะมีพันธกรณีต่อเนื่องภายใต้พิธีสารเกียวโตต่อไปอีกตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๖ - ๒๕๖๐ หรือ พ.ศ. ๒๕๖๓ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อตัดสินใจของประเทศสมาชิกในการประชุมของคณะทำงานเฉพาะกิจภายใต้พิธีสารเกียวโต AWG-KP ครั้งที่ ๑๗ โดยประเทศแคนาดาแสดงความตั้งใจในการออกจากการเป็นรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต ประเทศญี่ปุ่นไม่ประสงค์ให้มีพันธกรณีระยะที่ ๒ สำหรับประเทศตน ส่วนสหพันธรัฐรัสเซียประสงค์ไม่อยู่ภายใต้ข้อบังคับ ๒.๒ ให้คณะทำงานเฉพาะกิจว่าด้วยพันธกรณีต่อเนื่องสำหรับประเทศในภาคผนวกที่ ๑ ภายใต้พิธีสารเกียวโต ทำงานต่อไปในการแก้ไขพิธีสารให้แล้วเสร็จ และนำไปพิจารณาในการประชุมรัฐภาคีพิธีสารฯ สมัยที่ ๘ ณ ประเทศกาตาร์
|
|||||||||||||||||||||
1091 | ท่าทีประเทศไทยสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2012 (United Nations Conference on Sustainable Development : UNCSD) หรือ Rio+20 | ทส | 12/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบท่าทีประเทศไทยสำหรับการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๒ (United Nations Conference on Sustainable Development) หรือ Rio+20 ทั้งนี้ หากมีข้อเจรจาใดที่นอกเหนือจากท่าทีการเจรจานี้และไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally binding) ต่อประเทศไทยให้เป็นดุลยพินิจขององค์หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เกี่ยวกับท่าทีประเทศไทยในประเด็นการลงทุนที่ยั่งยืน อาจเชื่อมโยงกับเรื่องการลงทุนภาคเกษตร ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหว ควรดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ผู้ลงทุนควรมีความรับผิดชอบ และไม่เอาประโยชน์ฝ่ายเดียวจากการใช้ทรัพยากร รวมทั้งคำนึงถึงผลกระทบและผลประโยชน์ต่อชุมชนเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1092 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (จำนวน 9 คน 1. นายสาคร ศิริชัย ฯลฯ) | ทส | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบแต่งตั้งบุคคลเป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จำนวน ๙ คน ทั้งนี้ ให้มีผลนับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ นายสาคร ศิริชัย ๑.๒ นายพงษ์ภัทร สุวรรณศิริเขต ๑.๓ พลเอก ภัทรินทร์ ลีลายุทธ ๑.๔ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ๑.๕ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ ๑.๖ นายทรงพล พนาวงศ์ ๑.๗ พลตำรวจตรี ศักดิ์ชัย ตันบุญเอก ๑.๘ นายชวลิต ชูขจร ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๑.๙ นายธีรัชย์ อัตนวานิช ผู้แทนกระทรวงการคลัง ๒. ส่วนกรณีนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะกรรมการอัยการอนุมัติเป็นต้นไป แต่ต้องไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้แต่งตั้ง
|
|||||||||||||||||||||
1093 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ (นายโชติ ตราชู) | ทส | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายโชติ ตราชู เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านน้ำบาดาลในคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มิถุนายน ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||
1094 | กรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการพัฒนามาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท | ทส | 05/06/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติกรอบการเจรจาของประเทศไทยสำหรับการประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลในการพัฒนามาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท โดยกรอบการเจรจา ฯ ครอบคลุมประเด็นหลัก ดังนี้ ๑.๑.๑ สนับสนุนให้กระบวนการเจรจาบรรลุวัตถุประสงค์ของ (ร่าง) มาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอทที่กำหนดขึ้น และบรรลุข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมาย (Legally - binding agreement) เพื่อยกระดับการดำเนินการในการปกป้องสุขภาพอนามัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจากการปลดปล่อยสารปรอท ๑.๑.๒ สนับสนุนให้กระบวนการเจรจาคำนึงถึงความยืดหยุ่น มาตรการชั่วคราว ศักยภาพขีดความสามารถ สถานการณ์ และความจำเป็นของประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจในการใช้และการจัดการสารปรอท ๑.๑.๓ คำนึงถึงหลักการความรับผิดชอบร่วมกันในระดับที่แตกต่างโดยคำนึงถึงศักยภาพของแต่ละประเทศ (Common but Differentiated Responsibilities and Respective Capabilities) ๑.๑.๔ สนับสนุนความร่วมมือในการพัฒนาข้อตกลงร่วมกับอนุสัญญา สนธิสัญญา หรือข้อตกลงระหว่างประเทศที่ประเทศไทยเป็นภาคี และข้อตกลงที่สอดคล้องกับศักยภาพและขีดความสามารถของประเทศ ๑.๑.๕ ประเทศพัฒนาแล้วควรสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ อาทิ การเงิน การถ่ายทอดองค์ความรู้ การเสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี และการเสริมสร้างสมรรถนะของบุคลากรทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อให้ประเทศกำลังพัฒนาและประเทศที่มีการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจสามารถดำเนินการในการลดการใช้และการปลดปล่อยสารปรอทที่เหมาะสม โดยอยู่บนพื้นฐานความสามารถและสถานการณ์ของแต่ละประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ๑.๒ ให้นำเสนอกรอบการเจรจาดังกล่าวเพื่อขอรับความเห็นชอบจากรัฐสภาตามมาตรา ๑๙๐ วรรคสองของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ ต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับมาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท การพิจารณากำหนดระยะเวลาการเลิกใช้อุปกรณ์ทางด้านสาธารณสุขที่มีสารปรอท การสนับสนุนและให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการไทยให้สามารถปรับเปลี่ยนวัตถุดิบหรือปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่กำหนด การจัดทำแผนการเตรียมความพร้อมในการปรับตัวรองรับกับมาตรการต่าง ๆ ที่จะมีการบังคับใช้ในอนาคต และการจัดทำรายละเอียดท่าทีประเทศไทยในการเจรจาโดยแยกเป็นแต่ละประเด็นตามโครงสร้างของ (ร่าง) มาตรการทางกฎหมายระหว่างประเทศด้านการจัดการสารปรอท เพื่อให้ผู้รับผิดชอบในการเจรจาใช้เป็นท่าทีไทยในการเจรจาในรายละเอียด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
1095 | ขออนุมัติในหลักการเพื่อเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเครือข่ายการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าแห่งภูมิภาคอาเซียน ครั้งที่ 8 ณ ประเทศไทย และเป็นเจ้าภาพจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการอนุวัติอนุสัญญา CITES ในคราวประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ 16 (CITES CoP16) | ทส | 29/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดประชุมเครือข่ายการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าแห่งภูมิภาคอาเซียน ครั้งที่ ๘ ณ ประเทศไทย ประมาณเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๖ ๑.๒ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการอนุวัติอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora : CITES) ในคราวประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Conference of the Parties to the CITES Convention) ครั้งที่ ๑๖ (CITES CoP16) ประมาณเดือนมีนาคม ๒๕๕๖ ๒. ในส่วนของงบประมาณในการดำเนินการจัดประชุมเครือข่ายการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าและพืชป่าแห่งภูมิภาคอาเซียน ครั้งที่ ๘ วงเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท และการจัดประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่รับผิดชอบการอนุวัติอนุสัญญา CITES ในคราวประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ครั้งที่ ๑๖ (CITES CoP16) วงเงิน ๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๖,๐๐๐,๐๐๐ บาท ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๖ ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แผนงานอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ผลผลิต พื้นที่ป่าอนุรักษ์ได้รับการบริหารจัดการ งบรายจ่ายอื่น รายการโครงการจัดประชุมสมัยสามัญภาคีอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ (Conference of the Parties to the CITES Convention) ครั้งที่ ๑๖ (CITES CoP16) ซึ่งได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ หน่วยงานสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว และการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันแก่ผู้เข้าร่วมประชุม ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||
1096 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อดำเนินการตามโครงการปราบปรามการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และพื้นที่ต้นน้ำลำธาร เพื่อปลูกไม้ยางพารา ในท้องที่จังหวัดภาคใต้ | ทส | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อไปดำเนินการตามโครงการปราบปรามการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และพื้นที่ต้นน้ำลำธารเพื่อปลูกไม้ยางพารา ในท้องที่จังหวัดภาคใต้ในโอกาสแรก และหากมีความจำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ให้เสนอขอตั้งในงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รับความเห็นของกระทรวงกลาโหมและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรปลูกฝังแนวคิดที่ทำให้ประชาชนในพื้นที่เห็นคุณค่าของการดำรงไว้ซึ่งทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ การมีส่วนร่วมในการป้องกัน ปราบปราม และฟื้นฟูสภาพป่าไม้ การเสริมกำลังทั้งด้านกำลังคนและด้านค่าใช้จ่ายอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการยับยั้งการบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าอนุรักษ์ เพื่อปลูกไม้ยางพาราในท้องที่จังหวัดภาคใต้และพื้นที่อื่นไปพร้อมกันด้วย สำหรับการรื้อถอนพืชอาสินและสิ่งปลูกสร้าง เห็นควรดำเนินการเฉพาะในพื้นที่ที่ผ่านกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์แล้วเสร็จ และ/หรือ มีหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการปลูกในพื้นที่ป่าอนุรักษ์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||
1097 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลป่าตุ้ม อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | ทส | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลป่าตุ้ม อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญคือ เพิกถอนอุทยานแห่งชาติป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง บางส่วน ในท้องที่ตำบลป่าตุ้ม อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ ออกจากการเป็นอุทยานแห่งชาติ ตามที่กำหนดไว้โดยพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าเชียงดาว ป่าแม่งัด และป่าแม่แตง ในท้องที่ตำบลปิงโค้ง ตำบลเชียงดาว ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว ตำบลสันทราย ตำบลป่าไหน่ ตำบลบ้านโป่ง ตำบลป่าตุ้ม ตำบลน้ำแพร่ ตำบลแม่แวน ตำบลแม่ปั๋ง ตำบลโหล่งขอด อำเภอพร้าว และตำบลบ้านเป้า ตำบลช่อแล ตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ให้เป็นอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๒ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
1098 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2555 | ทส | 20/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๕ เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๕๕ จำนวน ๗ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคม ของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชน ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงสามเสน - บางบำหรุ และการปรับปรุงมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางกะปิ - สามเสน ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) โดยเพิ่มเติมมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และให้ดำเนินการในส่วนของมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ทั้งนี้ หาก รฟม. มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่ได้เสนอไว้ในรายงานฯ ให้แจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติหรืออนุญาตเป็นผู้พิจารณา ๒. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีน้ำตาล ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) โดยให้ สนข. ปรับปรุงมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ และให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ทั้งนี้ หาก สนข. มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่ได้เสนอไว้ในรายงานฯ ให้แจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติหรืออนุญาตเป็นผู้พิจารณา ๓. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลืองเข้ม ของ สนข. โดยให้ สนข. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ทั้งนี้ หาก สนข. มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่ได้เสนอไว้ในรายงานฯ ให้แจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติหรืออนุญาตเป็นผู้พิจารณา ๔. เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการฯ ต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลืองอ่อน ของ สนข. โดยให้ สนข. รับข้อสังเกตของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติไปประกอบการพิจารณาดำเนินโครงการฯ และให้ สนข. ดำเนินการตามมาตรการป้องกันแก้ไขและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่กำหนดไว้ในรายงานฯ ทั้งนี้ หาก สนข. มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ หรือมาตรการป้องกันแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่ได้เสนอไว้ในรายงานฯ ให้แจ้งหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในการอนุมัติหรืออนุญาตเป็นผู้พิจารณา ๕. เห็นชอบความเห็นของคณะอนุกรรมการพิจารณารายงานการศึกษาด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อประกอบการขออนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองแร่ ต่อรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ แร่หินปูนเพื่อทำปูนขาวสำหรับอุตสาหกรรมฟอกหนังหรืออุตสาหกรรมน้ำตาล และหินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนเพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ประทานบัตรที่ ๒๔๘๘๙/๑๔๗๕๖ ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ของบริษัท พงษ์ศักดิ์ไทย จำกัด สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการขออนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองแร่ต่อคณะรัฐมนตรี โดยให้ผู้ขออนุญาตดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดไว้ในรายงานฯ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากบริษัทฯ มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และ/หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่เสนอไว้ในรายงานฯ ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติหรืออนุญาตให้ดำเนินการโครงการตามกฎหมายเป็นผู้พิจารณา และให้คณะทำงานเฉพาะกิจติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมของกิจการเหมืองแร่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ดำเนินการติดตามตรวจสอบการฟื้นฟูพื้นที่จากการทำเหมืองแร่ และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามที่เสนอไว้ในรายงานฯ ภายหลังการทำเหมืองแร่ ปีละ ๑ ครั้ง และรายงานให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติทราบทุกครั้ง และให้กรมป่าไม้และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานฯ เป็นเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ของโครงการ รวมทั้งให้กรมป่าไม้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป ๖. เห็นชอบความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ ต่อรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ประทานบัตรที่ ๒๔๙๑๓/๑๔๕๖๑ ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับประทานบัตรที่ ๒๔๙๑๔/๑๔๕๔๘, ๒๔๙๑๕/๑๔๕๖๒, ๒๔๙๑๖/๑๔๕๔๙, ๒๔๙๑๗/๑๔๕๖๓, ๒๔๙๑๘/๑๔๕๖๔, ๒๔๙๑๙/๑๔๕๔๖, ๒๔๙๒๐/๑๔๕๔๗, ๒๗๓๑๔/๑๔๕๑๘, ๒๗๓๑๕/๑๔๕๑๗, ๒๗๓๓๒/๑๔๖๖๘, ๒๗๓๓๓/๑๔๖๖๙ และ ๒๗๓๓๔/๑๔๖๗๐ และของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (ท่าหลวง) จำกัด ประทานบัตรที่ ๓๒๔๕๑/๑๕๖๘๗, ๓๒๔๕๔/๑๕๖๘๘, ๓๒๔๕๒/๑๕๖๘๙, ๑๙๙๑๗/๑๕๖๙๐ และ ๓๒๔๕๓/๑๕๖๙๑ ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการอนุญาตเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งซ้อนทับกับพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองแร่ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ให้ผู้ขออนุญาตปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดไว้ในรายงานฯ เพื่อประกอบการขออนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองแร่ ทั้งนี้ หากบริษัทฯ มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และ/หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามการตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่เสนอไว้ในรายงานฯ ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่มีอำนาจในการพิจารณาอนุมัติหรืออนุญาตให้ดำเนินการโครงการตามกฎหมายเป็นผู้พิจารณา และให้คณะทำงานเฉพาะกิจติดตามการปฏิบัติตามเงื่อนไขและมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมของกิจการเหมืองแร่ในพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ ดำเนินการติดตามตรวจสอบการฟื้นฟูพื้นที่จากการทำเหมืองแร่ และการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามที่เสนอไว้ในรายงานฯ ปีละ ๑ ครั้ง และรายงานให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติทราบทุกครั้ง และให้กรมป่าไม้และกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่นำมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานฯ เป็นเงื่อนไขแนบท้ายหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และใบอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่ของโครงการ รวมทั้งให้กรมป่าไม้นำความเห็นของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป นอกจากนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณามาตรการในการควบคุมปริมาณฝุ่นละอองไม่ให้เกินกว่าค่ามาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศโดยทั่วไป ๗. เห็นชอบความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ ต่อรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมภายหลังการทำเหมืองแร่ โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและชนิดหินดินดาน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ สำหรับประทานบัตรที่ ๓๒๔๔๔/๑๕๕๔๑ ร่วมแผนผังโครงการทำเหมืองเดียวกันกับประทานบัตรที่ ๓๒๔๓๙/๑๕๕๓๗, ๑๔๐๘๓/๑๕๕๓๘, ๑๔๐๘๔/๑๕๕๓๙, ๑๔๐๘๕/๑๕๕๔๐, และ ๑๔๐๘๗/๑๕๕๔๒, ๓๒๔๔๓/๑๕๕๔๓, ๓๒๔๔๐/๑๕๕๔๔, ๓๒๔๓๖/๑๕๕๔๕, ๓๒๔๔๕/๑๕๕๔๖ ของบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (แก่งคอย) จำกัด ตั้งอยู่ที่ตำบลทับกวาง ตำบลท่าคล้อ ตำบลบ้านป่า อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี สำหรับเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาขออนุมัติผ่อนผันการเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เพื่อการทำเหมืองแร่ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และให้ผู้ขออนุญาตปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม ที่กำหนดไว้ในรายงานฯ อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากบริษัทฯ มีความประสงค์จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ และ/หรือมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างจากที่เสนอไว้ในรายงานฯ ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานทีมี
|
|||||||||||||||||||||
1099 | แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ | ทส | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ จำนวน ๗ คน ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานกรรมการ ๒. นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ กรรมการ ๓. นายประเสริฐ ตปนียางกูร กรรมการ ๔. นายชญานิน เทพาคำ กรรมการ ๕. นายสมัย เจียมจินดารัตน์ กรรมการ ๖. นายสุรพล ธรรมสาร กรรมการ ๗. นางสาวสุวรรณี สำโรงวัฒนา กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||
1100 | การตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง | ทส | 08/05/2555 | ||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการตรวจติดตามสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การตรวจเยี่ยมราษฎร ติดตามสภาพปัญหา และตรวจพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดเชียงราย ๑.๑ วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๕ ตรวจติดตามสภาพปัญหาและตรวจพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ได้แก่ โครงการปรับปรุงซ่อมแซมแหล่งน้ำหนองกู่ บ้านปางลาว โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำหนองหลวง โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำลำน้ำแม่สกึ้น โครงการปรับปรุงซ่อมแซมแหล่งน้ำหนองบัวน้อย โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำ ช่วง ๒ บ้านเมืองงิม และเปิดศูนย์รับแจ้งการช่วยเหลือประชาชนเรื่องน้ำบาดาล ๑.๒ วันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๕ ตรวจติดตามสภาพปัญหาและตรวจพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อป้องกันบรรเทาปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง ได้แก่ โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำแม่น้ำลาว โครงการสูบน้ำด้วยพลังไฟฟ้า โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเฮี้ย โครงการฝายน้ำล้นแม่ลาว โครงการปรับปรุงซ่อมแซมฝายน้ำล้นแม่ลาว และโครงการปรับปรุงซ่อมแซมแหล่งน้ำลำน้ำลาว ๒. การตรวจเยี่ยมราษฎร ติดตามสภาพปัญหา และตรวจพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี และชัยนาท เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ๒.๑ ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ เทศบาลตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ๒.๒ ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ ลานเอนกประสงค์ หมู่ที่ ๑๑ บ้านหนองสองห้อง ตำบลบ้านไร่ อำเภอลาดยาว จังหวัดนครสวรรค์ ๒.๓ ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ วัดหาดทนง หมู่ที่ ๖ บ้านหาดทนง ตำบลหาดทนง อำเภอเมืองอุทัยธานี จังหวัดอุทัยธานี ๒.๔ ตรวจเยี่ยมโครงการอนุรักษ์บึงน้ำเขียว หมู่ที่ ๒ บ้านบึงน้ำเขียว ตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท ๓. การตรวจเยี่ยมราษฎร ติดตามสภาพปัญหา และตรวจพื้นที่โครงการพัฒนาแหล่งน้ำในจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม และกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ๓.๑ ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองบัว ตำบลหนองบัว อำเภอบ้านฝาง จังหวัดขอนแก่น และตรวจเยี่ยมโครงการปรับปรุงซ่อมแซมแหล่งน้ำเพื่อเยียวยาพื้นที่ประสบอุทกภัย ลำห้วยน้อย หมู่ที่ ๑๒ บ้านทุ่ม ตำบลบ้านทุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น ๓.๒ ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ องค์การบริหารส่วนตำบลเชียงยืน ตำบลเชียงยืน อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม และตรวจเยี่ยมโครงการปรับปรุงซ่อมแซมแหล่งน้ำเพื่อเยียวยาพื้นที่ประสบอุทกภัย หนองอีสานเขียว ตำบลเหล่าดอกไม้ อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม ๓.๓ ติดตามสถานการณ์ภัยแล้งและช่วยเหลือผู้ประสบภัย ณ โรงเรียนบ้านปอแดง ตำบลดอนสมบูรณ์ อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์ และตรวจเยี่ยมโครงการปรับปรุงซ่อมแซมแหล่งน้ำเพื่อเยียวยาพื้นที่ประสบอุทกภัย หนองบัวบาน ตำบลบัวบาน อำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์
|
.....