ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 60 จากทั้งหมด 109 หน้า แสดงรายการที่ 1181 - 1200 จากข้อมูลทั้งหมด 2165 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1181 | การประชุม Asian and Pacific Regional Preparatory Meeting for the UN Conference on Sustainable Development และการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2012 | ทส | 27/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบและอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงานหลักสำหรับการประชุม Asian and Pacific Regional Preparatory Meeting for the UN Conference on Sustainable Development ระหว่างวันที่ ๑๙ - ๒๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี และการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๒ (United Nations Conference on Sustainable Development : UNCSD) หรือ Rio+20 ณ นครรีโอ เดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ระหว่างวันที่ ๔ - ๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ ๑.๒ อนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายในการเตรียมการและเข้าร่วมการประชุม Asian and Pacific Regional Preparatory Meeting for the UN Conference on Sustainable Development ณ กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี ในเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ และการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๑๒ ณ นครรีโอเดจาเนโร สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล ระหว่างเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน ๒๕๕๕ วงเงิน ๑๒๑,๙๐๔,๐๗๕ บาท ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดให้มีขั้นตอนการเตรียมการทั้งในด้านสารัตถะและประเด็นท่าทีของประเทศไทยสำหรับการเข้าร่วมประชุม โดยหารือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังความเห็นและข้อเสนอแนะ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ส่วนงบประมาณค่าใช้จ่ายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณต่อไป โดยการเบิกจ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ตามความเห็นของกระทรวงการคลังด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1182 | การดำเนินงานป้องกันแก้ไขและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเขตพื้นที่ภาคกลาง ระยะเร่งด่วน | ทส | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแผนงาน/โครงการป้องกันแก้ไขและบรรเทาปัญหาอุทกภัยในเขตพื้นที่ภาคกลางระยะเร่งด่วน ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยการระบายน้ำเข้าพื้นที่เกษตรรับน้ำนอง (แก้มลิง) รวม ๖ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง และอยุธยา มีพื้นที่โครงการรวม ๒๐ ทุ่ง พื้นที่รองรับน้ำประมาณ ๑,๑๕๐,๔๒๑ ไร่ ซึ่งจะทำให้สามารถรับน้ำได้จำนวนทั้งสิ้น ๓,๖๖๕.๐๖ ล้านลูกบาศก์เมตร จะสามารถบรรเทาปัญหาอุทกภัยในพื้นที่และป้องกันน้ำท่วมในเขตเมืองได้ โดยการควบคุมปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาให้ไม่เกิน ๓,๕๐๐ ลูกบาศก์เมตร/วินาที ทั้งนี้ แผนงาน/โครงการใดที่ได้ดำเนินการไปแล้ว หรืออยู่ระหว่างดำเนินการ ณ วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการต่อไปได้ โดยให้เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ส่วนแผนงาน/โครงการใดที่ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ดินโคลนถล่มและภัยแล้ง ที่มีรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) เป็นประธาน เพื่อพิจารณาและบูรณาการการดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในภาพรวมให้เป็นระบบ มีประสิทธิภาพ และไม่เกิดความซ้ำซ้อน ก่อนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามภารกิจที่รับผิดชอบต่อไป ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานงานกับกรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินแผนงาน/โครงการฯ โดยใช้ข้อมูลทุกมิติทั้งในแง่ของการคาดการณ์สภาวะอากาศในอนาคต การบริหารจัดการน้ำ และปริมาณน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาในปัจจุบัน ตลอดจนช่วงเวลาในการหนุนของน้ำทะเลเพื่อประกอบการตัดสินใจ และร่วมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อศึกษา สำรวจ ติดตั้ง และบำรุงรักษาระบบเตือนภัยล่วงหน้า (Early Warning) สำหรับพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ลาดชัน และพื้นที่ราบเชิงเขาเพิ่มเติม เพื่อให้ระบบเตือนภัยล่วงหน้าของประเทศสามารถป้องกันความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างเป็นระบบ ไปประกอบการพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1183 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2554 และ 2/2554 | ทส | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ และครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. มติการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ๑.๑ เห็นชอบให้ปรับปรุงประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์ และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในส่วนของการเขียนประกาศฯ โดยหารือกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายและสิ่งแวดล้อม และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติลงนามต่อไป ๑.๒ เห็นชอบหลักการในกรอบแผนการปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด โดยให้เพิ่มเติมรายละเอียดขอบเขตของแนวทางการสนับสนุนการจัดการสิ่งแวดล้อมในด้านต่าง ๆ ให้ชัดเจน ๑.๓ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเร่งรัดขยายทางสายประธานให้เป็น ๔ ช่องจราจร (ระยะที่ ๒) ทางหลวงหมายเลข ๑๒ สายพิษณุโลก - อำเภอหล่มสัก ของกรมทางหลวง และเห็นชอบความเห็นที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติในเรื่องการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการหรือกิจการที่ต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมตามมาตรา ๔๖ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ หรือที่เป็นโครงการของส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจร่วมกับเอกชน และโครงการเอกชนภายหลังที่ได้รับอนุมัติหรืออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว ๑.๔ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการปรับปรุงท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ระนอง อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ของกรมเจ้าท่า ๑.๕ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านพัฒนาแหล่งน้ำต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ ๑.๖ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านพัฒนาแหล่งน้ำต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการอ่างเก็บน้ำแม่สะป๊วด (อันเนื่องมาจากพระราชดำริ) จังหวัดลำพูน ของกรมชลประทาน ๒. มติการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๕๔ เมื่อวันที่ ๔ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ๒.๑ เห็นชอบการกำหนดรายการของเสียที่ควรห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และให้กระทรวงอุตสาหกรรมกำหนดรายการของเสียหรือสิ่งใด ๆ ที่ควรห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร รวมทั้งให้กรมควบคุมมลพิษประสานกระทรวงอุตสาหกรรมในการกำหนดระยะเวลาในการดำเนินงานและรายงานผลการดำเนินงานต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเป็นระยะ ๒.๒ เห็นชอบต่อกรอบยุทธศาสตร์การดำเนินงานด้านการลด คัดแยก และนำขยะมูลฝอยกลับมาใช้ใหม่ (Reduce Reuse and Recycle : 3Rs) และให้กรมควบคุมมลพิษเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ และให้หน่วยงานต่าง ๆ ใช้กรอบยุทธศาสตร์ฯ เป็นแนวทางในการจัดทำแผนปฏิบัติการและดำเนินการตามกรอบยุทธศาตร์ต่อไป ๒.๓ เห็นชอบหลักเกณฑ์การจำแนกเขตทรัพยากรแร่เพื่อการบริหารจัดการด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ และให้กรมทรัพยากรธรณีนำหลักเกณฑ์การจำแนกเขตทรัพยากรแร่เพื่อการบริหารจัดการด้านธรณีวิทยาและทรัพยากรธรณี และแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรแร่เสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๒.๔ เห็นชอบให้ปรับปรุงประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการแต่งตั้งคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นและรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม และให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดทำประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติฯ เสนอประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติลงนามต่อไป ๒.๕ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านการพัฒนาโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ๒.๖ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านคมนาคมของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมกับเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการถนนสายหลักทางด้านใต้ (PH - RB -3A) ส่วนถนนยกระดับ (ระยะทางประมาณ ๖๐๐ เมตร) ตามโครงการพัฒนาเมืองหลัก รอบที่ ๒ ระยะแรก ของเทศบาลนครภูเก็ต ๒.๗ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านพัฒนาแหล่งน้ำต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการชลประทานพิษณุโลกฝั่งซ้าย ระยะที่ ๒ จังหวัดพิษณุโลก ของกรมชลประทาน ๒.๘ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านพัฒนาแหล่งน้ำต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำอ่างเก็บน้ำลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ของกรมชลประทาน โดยให้กรมชลประทานดำเนินการ ๒.๙ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านการพัฒนาโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติเชื่อมต่อในทะเลจากแหล่งปลาทองและบงกชใต้ไปยังท่อส่งก๊าซธรรมชาติ เส้นที่ ๓ ของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ๒.๑๐ เห็นชอบความเห็นของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้านการพัฒนาโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือโครงการร่วมเอกชนต่อรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการโรงไฟฟ้าจะนะ ชุดที่ ๒ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๒.๑๑ เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรงงานกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม และเรื่อง กำหนดให้โรงงานกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษที่จะต้องควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่บรรยากาศ และให้กรมควบคุมมลพิษจัดทำประกาศกระทรวงฯ เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อพิจารณาลงนามต่อไป ๒.๑๒ เห็นชอบความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะอนุกรรมการประสานการจัดการสิ่งแวดล้อมและอุตสาหกรรม เกี่ยวกับข้อกำหนดการทดสอบรับรองการให้บริการ (In - service Conformity Check) และระบบวินิจฉัยอุปกรณ์ควบคุมปริมาณสารมลพิษ (On - board Diagnostic System) ตามมาตรฐานยูโร ๔ ๒.๑๓ เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งไอน้ำมันเบนซินจากคลังน้ำมันเชื้อเพลิง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และให้กรมควบคุมมลพิษนำร่างประกาศกระทรวงฯ เสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณาลงนามต่อไป ๒.๑๔ เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เรื่อง กำหนดมาตรฐานก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ในบรรยากาศโดยทั่วไป โดยกำหนดมาตรฐานก๊าซคาร์บอนไดซัลไฟด์ ค่าเฉลี่ยในเวลา ๒๔ ชั่วโมง จะต้องไม่เกิน ๑๘๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และให้กรมควบคุมมลพิษนำร่างประกาศคณะกรรมการฯ เสนอประธานกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาลงนามต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1184 | การทบทวนความจำเป็นต้องคงอยู่ของคณะกรรมการต่าง ๆ ที่แต่งตั้งโดยมติคณะรัฐมนตรี | ทส | 20/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้คณะกรรมการต่างๆ ที่คณะรัฐมนตรีชุดเดิมแต่งตั้งไว้ให้คงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จำนวน ๑๐ คณะ โดยปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ จำนวน ๒ คณะ และยกเลิก จำนวน ๑ คณะ คือ คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อการเจรจากรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้คณะกรรมการที่ให้คงปฏิบัติหน้าที่มี ดังนี้
๑. คณะกรรมการอำนวยการโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ๒. คณะกรรมการบริหารโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ๓. คณะกรรมการกองทุนโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ๔. คณะกรรมการโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงครองราชย์ ปีที่ ๕๐ ประจำจังหวัดทุกจังหวัด ๕. คณะกรรมการพัฒนาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา ๖. คณะกรรมการแม่น้ำโขงแห่งชาติไทย (ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ) ๗. คณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ๘. คณะกรรมการป้องกันและแก้ปัญหาพระสงฆ์ในพื้นที่ป่าไม้ ๙. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการตัดไม้ทำลายป่าแห่งชาติ (ปรับปรุงองค์ประกอบของคณะกรรมการ) ๑๐. คณะกรรมการกำหนดราคาค่าขนย้าย ค่ารื้อย้ายอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง ต้นไม้ยืนต้น พืชล้มลุก
|
||||||||||||||||||||||||
1185 | แต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 06/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายศักดา นพสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๖ กันยายน ๒๕๕๔) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||
1186 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญประเภทบริหารระดับสูง | ทส | 06/09/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายสุนันต์ อรุณนพรัตน์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง (ผู้ตรวจราชการกระทรวง ระดับสูง) สำนักงานปลัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๒. นางมิ่งขวัญ วิชยารังสฤษดิ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง (นักบริหาร ระดับสูง) สำนักงานปลัด กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ๓. นายดำรงค์ พิเดช ดำรงตำแหน่งอธิบดี (นักบริหาร ระดับสูง) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
|
||||||||||||||||||||||||
1187 | รายงานการตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือในพื้นที่จังหวัดเลย | ทส | 25/08/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยและการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่จังหวัดเลย ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและคณะ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๔ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ โดยมีผลการตรวจติดตามสรุปได้ ดังนี้
๑. จังหวัดเลยได้สรุปรายงานสถานการณ์อุทกภัยเนื่องมาจากอิทธิพลพายุ “นกเตน” ระหว่างวันที่ ๓๑ กรกฎาคม - ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๔ ส่งผลให้มีฝนตกหนักทั่วทุกพื้นที่ ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตรทั้ง ๑๔ อำเภอ เป็นเหตุให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน จำนวน ๙๔ ตำบล ๕๔๖ หมู่บ้าน ๒๙,๙๕๖ ครัวเรือน มูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นเป็นจำนวนเงินประมาณ ๑๗๘,๗๕๖,๕๐๔ บาท ๒. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มอบถุงยังชีพและน้ำดื่มสะอาดให้แก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งรับฟังปัญหาและรวบรวมปัญหาทั้งหมดที่ได้รับในพื้นที่เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ทั้งในระยะเร่งด่วนและเตรียมแผนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1188 | การตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัย (จังหวัดนครพนมฯ ระหว่างวันที่ 13 - 14 สิงหาคม 2554) | ทส | 25/08/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานการตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติสและสิ่งแวดล้อม ระหว่างวันที่ ๑๓ - ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ ซึ่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ให้การช่วยเหลือโดยแจกถุงยังชีพ น้ำดื่ม และเครื่องอุปโภคบริโภคต่าง ๆ ให้แก่ราษฎรผู้ประสบอุทกภัย และรับทราบข้อเสนอเพื่อขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล ดังนี้
๑. จังหวัดนครพนม ๑.๑ อำเภอโพนสวรรค์ ขอรับการสนับสนุนระบบป้องกันน้ำท่วมบริเวณลุ่มน้ำสงครามและลุ่มน้ำห้วยทวย และบูรณะซ่อมแซมสิ่งสาธารณูปโภคต่าง ๆ ๑.๒ อำเภอธาตุพนม อำเภอเรณูนคร อำเภอนาแก อำเภอปลาปาก ขอรับการสนับสนุนระบบป้องกันน้ำท่วมในลุ่มน้ำก่ำ ทำผิวถนนลาดยางเข้าบ้านปากบัง และบูรณะซ่อมแซมสิ่งสาธารณูปโภคต่าง ๆ ๒. จังหวัดมุกดาหาร ขอรับการสนับสนุนระบบป้องกันน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร และบูรณะซ่อมแซมสิ่งสาธารณูปโภคต่าง ๆ
|
||||||||||||||||||||||||
1189 | รายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การสัมมนาวิชาการนานาชาติด้านการกัดเซาะชายฝั่งทะเล | ทส | 20/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายงานผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง การสัมมนาวิชาการนานาชาติด้านการกัดเซาะชายฝั่งทะเล โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้จัดประชุมสัมมนาวิชาการนานาชาติ เรื่อง การกัดเซาะชายฝั่งทะเลและการเพิ่มขึ้นของน้ำทะเล เมื่อวันที่ ๒๗ - ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้โครงสร้างแข็ง มีรูปแบบโครงสร้างหลายชนิด เช่น รอดักทราย (Groin) กองหินกันคลื่น (Off Shore Break Water) เขื่อนกันคลื่น (Sea Wall) โครงสร้างเหล่านี้ก่อนจะทำการก่อสร้างต้องศึกษาถึงสภาพภูมิประเทศ สภาพทางอุทกศาสตร์ และการเคลื่อนตัวของตะกอนของพื้นที่ รวมทั้งทำแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ (Mathemtical Madel) และแบบจำลองในห้องปฏิบัติการ (Physical Model) เพื่อวิเคราะห์ถึงผลกระทบของโครงสร้างต่อพื้นที่ข้างเคียงและป้องกันการกัดเซาะต่อเนื่องไปยังพื้นที่ข้างเคียงอื่น ๆ ๒. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยใช้โครงสร้างอ่อน เช่น การปลูกป่าชายเลน โดยชนิดของต้นไม้ที่จะนำมาปลูก ควรมีความหลากหลายของชนิดพันธุ์ตามแบบธรรมชาติ และพบว่าแสมจะเป็นไม้เบิกนำที่ดี ๓. การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยไม่ใช้โครงสร้าง เช่น การถมทรายชายหาด (Beach Nourishment) เป็นการแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ข้างเคียงน้อย โดยแหล่งทรายที่จะนำมาถมชายหาดต้องมีการศึกษาเพื่อไม่ให้มีผลกระทบในเรื่องอื่น รวมทั้งขนาดตะกอนทรายต้องมีขนาดใกล้เคียงกับทรายชายหาดเดิม เพราะถ้าขนาดไม่เท่ากันจะทำให้ตะกอนทรายขนาดเล็กกว่าจะถูกคลื่นและกระแสน้ำพาออกไปได้อย่างรวดเร็ว ๔. แนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยนำปัจจัยทั้งหมดมาประมวลในการพิจารณาแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งอาจจะใช้โครงสร้างแข็ง โครงสร้างอ่อน หรือไม่ใช้โครงสร้าง เช่น การกำหนดระยะถอยร่น การกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นต้น
|
||||||||||||||||||||||||
1190 | รายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2553 | ทส | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์คุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๕๓ ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. คุณภาพสิ่งแวดล้อมบนบก ๑.๑ ทรัพยากรป่าไม้ จากข้อมูลล่าสุดในปี พ.ศ. ๒๕๕๒ มีพื้นที่ป่า ๑๐๗,๖๑๕,๑๘๑ ไร่ (ร้อยละ ๓๓.๕๖ ของพื้นที่ประเทศ) มีพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ๖๔,๘๒๖,๙๕๘ ไร่ (ร้อยละ ๒๐.๒๒ ของพื้นที่ประเทศ) และมีการใช้ที่ดินเพื่อเกษตรกรรมรวมทั้งประเทศเป็นพื้นที่ ๑๗๑,๕๘๕,๕๕๖ ไร่ (ร้อยละ ๕๓.๕๐ ของเนื้อที่ทั้งหมด) ๑.๒ ทรัพยากรดิน มีพื้นที่เสื่อมโทรมในระดับรุนแรงและระดับวิกฤตรวมเป็นพื้นที่ ๓๕,๙๗๖,๙๙๗ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๑๑.๒๔ ของพื้นที่ประเทศ การถือครองที่ดินทางการเกษตรมีแนวโน้มลดลง มูลค่าการผลิต การใช้และการส่งออกแร่มีแนวโน้มลดลง ส่วนการนำเข้าแร่กลับมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มแร่เชื้อเพลิงและพลังงาน ๑.๓ ปริมาณขยะทั่วประเทศ มีประมาณ ๑๕.๑ ล้านตันต่อปี เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาเล็กน้อย สามารถจัดการอย่างถูกต้องตามหลักสุขาภิบาลได้เพียงประมาณ ๕.๙๗ ล้านตัน หรือร้อยละ ๔๐ ของปริมาณขยะทั่วประเทศ ของเสียอันตรายที่เกิดขึ้น มีประมาณ ๓.๐๗ ล้านตัน ลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๕๑ ส่วนการนำเข้าสารเคมีและผลิตสารเคมีในประเทศเป็นปริมาณ ๓๙.๖๔ ล้านตัน โดยมีการนำเข้าเพิ่มประมาณเกือบ ๓ เท่า นอกจากนี้เกิดอุบัติภัยจากสารเคมีทั้งสิ้น ๔๘ ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๕๑ คิดเป็นร้อยละ ๔ ๒. คุณภาพสิ่งแวดล้อมทางน้ำและชายฝั่ง ๒.๑ ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยเท่ากับ ๑,๗๐๗.๐ มิลลิเมตร สูงกว่าค่าปกติประมาณร้อยละ ๕ เมื่อพิจารณาน้ำต้นทุนฤดูแล้งมีปริมาณน้ำที่เก็บกักในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนต่าง ๆ ทั่วประเทศ ณ วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๓ เท่ากับ ๕๑,๘๑๘ ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณร้อยละ ๗๔ ของความจุที่ระดับน้ำเก็บกัก ๒.๒ คุณภาพน้ำในแหล่งน้ำจืด โดยรวมมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่มีแหล่งน้ำใดอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมมาก แต่มีแหล่งน้ำจืดที่มีคุณภาพลดลง เช่น บึงบอระเพ็ด แม่น้ำท่าจีนตอนบน แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำนครนายก เป็นต้น ส่วนคุณภาพน้ำบาดาล โดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานที่ใช้บริโภค โดยในพื้นที่เขตวิกฤตน้ำบาดาล ๗ จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และพระนครศรีอยุธยา มีปริมาณการใช้น้ำบาดาลลดลงเป็นปริมาณ ๒๔๖,๐๗๓ ลูกบาศก์เมตรต่อวัน และพบการปนเปื้อนของโลหะ สารประกอบอินทรีย์ และแบคทีเรียในแหล่งน้ำบาดาลที่อยู่ใกล้พื้นที่อุตสาหกรรม เกษตรกรรม การทำเหมืองแร่ และบริเวณที่มีการทิ้งขยะ ในขณะที่คุณภาพน้ำทะเลชายฝั่งโดยรวมเสื่อมโทรมลงมากเมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพน้ำเมื่อ ๒ ปีย้อนหลัง สำหรับพื้นที่ชุ่มน้ำโดยเฉพาะพื้นที่ป่าพรุอยู่ในภาวะถูกคุกคามและถูกบุกรุกทำลายอย่างต่อเนื่องอันเนื่องจากไฟป่า และการบุกรุกพื้นที่ป่าพรุควนเคร็งเพื่อปลูกปาล์มน้ำมันและปลูกข้าว ส่วนป่าชายเลน มีพื้นที่รวม ๑,๕๒๕,๐๖๑ ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. ๒๕๔๗ (๖๖,๘๘๖ ไร่) หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย ๑๓,๓๗๗ ไร่ต่อปี และในส่วนของสถานภาพแนวปะการังโดยรวมอยู่ในสภาพดีปานกลาง แต่พบปะการังฟอกขาวในแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และพบการตายและบาดเจ็บของสัตว์ทะเลหายาก ๓. คุณภาพสิ่งแวดล้อมอากาศและเสียง ฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๑๐ ไมครอน (PM10) ยังเป็นปัญหาสำคัญในบริเวณตำบลหน้าพระลาน จังหวัดสระบุรี ปัญหารองลงมาคือ ก๊าซโอโซน (O3) ซึ่งมีค่าเกินมาตรฐานคุณภาพอากาศในบรรยากาศโดยทั่วไปหลายพื้นที่ เช่น กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ สมุทรสาคร เป็นต้น สำหรับระดับเสียงดัง พบว่าบริเวณริมถนนมีระดับเสียงสูงกว่าบริเวณพื้นที่ทั่วไป โดยพื้นที่ริมถนนในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีค่าระดับเสียงเกินมาตรฐาน ๔. การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในระยะ ๒ - ๓ ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีปริมาณฝนเพิ่มมากกว่าค่าปกติติดต่อกันในช่วงฤดูร้อน แต่พบว่าพายุหมุนเขตร้อนที่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยมีจำนวนลดลง ๕. ความหลากหลายทางชีวภาพ ลดลงโดยมีสาเหตุจากภาวะการถูกคุกคามและการนำมาใช้ประโยชน์อย่างไม่สมดุล และพบว่ากิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ได้ส่งผลทำให้ความสมบูรณ์หรือความหลากหลายทั้งจำนวนและชนิดพันธุ์พืชและสัตว์ลดลงหรือสูญหายไปจากธรรมชาติ มีการลักลอบค้าสัตว์ป่า เช่น เสือโคร่ง หมี ลิ่น เต่า ม้าน้ำ เป็นต้น สถิติการจับกุมการกระทำผิดด้านสัตว์ป่าที่ผ่านมามีการกระทำความผิดเพิ่มมากขึ้นโดยตลอด รวมทั้งการลักลอบตัดไม้สำคัญทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ปัญหาการแพร่ระบาดของชนิดพันธุ์ต่างถิ่นที่พบอยู่เป็นจำนวนมาก และมีผู้นำเข้าชนิดพันธุ์ต่างถิ่นอยู่ตลอดเวลา ที่สำรวจพบแล้วมี ๘๒ ชนิด แบ่งเป็น จุลินทรีย์ ๗ ชนิด พืช ๒๓ ชนิด สัตว์ ๕๑ ชนิด และหนอนตัวกลม ๑ ชนิด ๖. พิบัติภัยด้านสิ่งแวดล้อม เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทย จำนวน ๕ ครั้ง โดยมี ๒ ครั้ง ที่มีขนาดเกิน ๖ ริกเตอร์ มีเหตุการณ์ดินถล่ม ๖ ครั้ง ส่วนหลุมยุบเกิดขึ้น ๑๘ ครั้ง รวมทั้งยังพบการกัดเซาะชายฝั่งทะเลเกิดขึ้นในทุกจังหวัดชายฝั่งทะเล และมีพื้นที่ที่สูญเสียจากการกัดเซาะชายฝั่งทะเลไปแล้วประมาณ ๑๑,๓๐๐ ไร่
|
||||||||||||||||||||||||
1191 | ขอเพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก | ทส | 14/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้อธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ (เพิ่มเติม) ในองค์ประกอบคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1192 | การดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหา กรณีเรือบรรทุกน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณ ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา | ทส | 07/06/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหากรณีเรือบรรทุกน้ำตาลล่มในแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บูรณาการเพื่อแก้ไขและฟื้นฟูผลกระทบจากอุบัติเหตุเรือบรรทุกน้ำตาลล่มร่วมกัน ๑.๒ ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุเรือบรรทุกน้ำตาลล่มทั้งทางตรงและทางอ้อม ภายใต้บทบัญญัติตามกฎหมายที่แต่ละกระทรวงรับผิดชอบ โดยให้กระทรวงคมนาคมเป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมความเสียหายที่เกิดขึ้นจากทุกหน่วยงาน และดำเนินการฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้ประกอบการที่เป็นผู้ขออนุญาตขนส่งน้ำตาล ๑.๓ ให้กระทรวงทรัพยากรรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทำการฟื้นฟูทรัพยากรทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุเรือน้ำตาลล่ม โดยดำเนินการติดตามและฟื้นฟูคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่จุดที่เกิดเหตุบริเวณจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จนถึงปากแม่น้ำบริเวณจังหวัดสมุทรปราการ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาดำเนินการเพื่อปล่อยสัตว์น้ำทดแทนสัตว์น้ำที่ตายจากอุบัติเหตุดังกล่าว ๒. การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้เสียหายเกี่ยวกับที่พักอาศัย และการป้องกันกระแสน้ำกัดเซาะตลิ่ง ให้กระทรวงคมนาคมประสานงานกับหน่วยงานและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งและปลูกสร้างที่พักอาศัยเดิมให้แก่ผู้เสียหายในพื้นที่เดิมโดยเร็ว รวมทั้งให้เร่งรัดการดำเนินการทางกฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดอื่นที่เกี่ยวข้องพิจารณาให้การช่วยเหลือให้แก่ผู้เสียหายและเกษตรกรที่เกี่ยวข้องตามนัยระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย ๔. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งตรวจสอบและรวบรวมข้อมูลความเสียหายของเกษตรกรที่เลี้ยงปลาในกระชังทั้งหมด แล้วนำเสนอคณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ที่มีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย) เป็นประธานกรรมการ เพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกรโดยเร็วต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||
1193 | โครงการแก้ไขปัญหาความขาดแคลนน้ำในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ | ทส | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้ดำเนินงานแก้ไขปัญหาความขาดแคลนน้ำในโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามใน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จำเป็นเร่งด่วนต้องให้ความช่วยเหลืออีกจำนวน ๑๓ แห่ง ตามแนวทางปฏิบัติงานโครงการสำรวจและพัฒนาแหล่งน้ำบาดาลเพื่อสนับสนุนระบบน้ำดื่มสะอาดให้กับโรงเรียนทั่วประเทศในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมทรัพยากรน้ำบาดาล) เป็นผู้ดำเนินการ โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวนเงิน ๑๘,๐๐๕,๐๐๐ บาท ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมขอทำความตกลงในรายละเอียดเกี่ยวกับงบประมาณดำเนินโครงการฯ กับสำนักงบประมาณต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้รับความเห็นของกระทรวงศึกษาธิการและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในเรื่องเกี่ยวกับการตรวจสอบพื้นที่เป้าหมายในการดำเนินโครงการฯ ซึ่งมีโรงเรียน ๑ แห่งอยู่นอกพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ โรงเรียนจริยศาสน์อิสลาม หมู่ ๕ ตำบลปากบาง อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา รวมทั้งประสานกับจังหวัดสงขลาอย่างใกล้ชิดในกรณีที่ตรวจสอบพื้นที่แล้วไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากอยู่นอกพื้นที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำของโรงเรียนดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1194 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ ประเภทบริหารระดับสูง (นายวิจารณ์ สิมาฉายา) | ทส | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายวิจารย์ สิมาฉายา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่ง รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1195 | เร่งรัดการจัดตั้งสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศภายใต้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปรับปรุงโครงสร้างของสำนักงานฯ โดยตั้งสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนดไว้ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. ๒๕๕๐ โดยให้ใช้อัตรากำลังจากอัตราคืนเกษียณและหรือการหมุนเวียนอัตรากำลังภายในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน ๑๘ อัตรา ๑.๒ เห็นชอบในหลักการสำหรับการปรับปรุงแก้ไขกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ๒๕๔๕ เพื่อเพิ่มสำนักงานประสานการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับรองรับการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทย ๒. ให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ กันยายน ๒๕๕๓ (เรื่อง การขยายระยะเวลาของมาตรการระงับการขอจัดตั้งหน่วยงานใหม่หรือขยายหน่วยงานตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๓) และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเกี่ยวกับอัตรากำลังของสำนักงานฯ ที่จะเพิ่มในปีงบประมาณต่อไป ควรมีบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญครอบคลุมถึงสหสาขา เช่น ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ ด้านพลังงาน และสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกำหนดอัตรากำลังทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) สำหรับการดำเนินงานด้วย และควรมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับศูนย์จัดการความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (ศรภอ.) เนื่องจากศูนย์ดังกล่าวมีพันธกิจที่จะรวบรวม สังเคราะห์และให้ความรู้ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อสนับสนุนการวางแผนกลยุทธ์ของหน่วยงานรัฐบาล เอกชนและชุมชน โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาความสามารถในการปรับตัวต่อความเสี่ยงที่เกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ นอกจากนี้ การทำงานของสำนักงานฯ จึงควรจะเน้นการทำงานแบบประสานงานกับหน่วยงานอื่นที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละประเด็นเป็นหลัก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1196 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้แทนตำแหน่งว่าง (นายธีรัชย์ อัตนวานิช) | ทส | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธีรัชย์ อัตนวานิช ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ แทนนางสาวพจนี พรหมโรจน์ ที่พ้นจากตำแหน่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||
1197 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ | ทส | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบริหารกิจการขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จำนวน ๒ คน แทนกรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ ๒. นายณัฏฐ์ วัลลิโภดม
|
||||||||||||||||||||||||
1198 | ขอความเห็นชอบในหลักการจัดตั้งศูนย์สุขภาพสัตว์ป่าแห่งชาติ | ทส | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการจัดตั้งศูนย์สุขภาพสัตว์ป่าแห่งชาติ ณ มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้การดูแลและดำเนินการของคณะสัตวแพทยศาสตร์ โดยมีภารกิจในการเฝ้าระวัง ติดตาม และเตือนภัยภาวะคุกคามสุขภาพสัตว์ป่าและสุขภาพสิ่งแวดล้อมตลอดจนโรคจากสัตว์ป่า และโรคอุบัติใหม่ ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับเรื่องนี้ไปพิจารณาในรายละเอียดร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เพื่อดำเนินการให้การจัดตั้งศูนย์ดังกล่าวมีลักษณะเป็นหน่วยงานกลางเกี่ยวกับสุขภาพสัตว์ป่าที่สถาบันการศึกษาและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานได้อย่างคล่องตัว ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงบประมาณที่เห็นควรมีการจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการจัดตั้งหน่วยงาน การกำหนดกรอบอัตรากำลัง สถานะและคุณสมบัติของบุคลากรผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงาน รวมทั้งแผนการดำเนินงานทั้งในระยะสั้นและระยะยาวของศูนย์สุขภาพสัตว์ป่าแห่งชาติให้ชัดเจน และให้มหาวิทยาลัยมหิดลทบทวนการจัดโครงสร้างหน่วยงานภายในเพื่อมิให้ภารกิจของศูนย์ฯ ซ้ำซ้อนกับภารกิจของศูนย์เฝ้าระวังและติดตามโรคจากสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่น และสัตว์อพยพ รวมทั้งควรกำหนดบทบาทภารกิจและระบบวิธีการดำเนินงานระหว่างศูนย์ฯ กับส่วนราชการที่มีภารกิจเกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพสัตว์ป่าและสาธารณสุขให้ชัดเจน สำหรับงบประมาณในการดำเนินงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามพันธกิจที่รับผิดชอบตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||
1199 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีโครงการบำบัดน้ำเสียปริมณฑลส่วนเหนือ ขั้นที่ 1 (คูคต-ประชาธิปัตย์) และโครงการบำบัดน้ำเสียอ้อมน้อย-อ้อมใหญ่ | ทส | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๔๓ เรื่อง ขออนุมัติแผนงานโครงการบำบัดน้ำเสียปริมณฑลส่วนเหนือ ขั้นที่ ๑ (คูคต - ประชาธิปัตย์) และโครงการบำบัดน้ำเสียอ้อมน้อย - อ้อมใหญ่ ตามข้อเสนอของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (องค์การจัดการน้ำเสีย) รับเรื่องนี้ไปพิจารณาทบทวนและจัดทำรายละเอียดข้อมูลต่าง ๆ ตลอดจนผลการศึกษาความเป็นไปได้ (Feasibility Study) ของโครงการให้เป็นปัจจุบัน ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องการบำบัดน้ำเสียกับชุมชนอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งทั้งในระหว่างการก่อสร้างและระยะดำเนินการ การวางแผนการจัดเก็บค่าบริการให้ชัดเจนโดยอาจพิจารณาร่วมกับการประปาผู้จ่ายน้ำ เพื่อให้การดำเนินการในระยะยาวไม่เป็นภาระกับรัฐ การพิจารณานำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วกลับไปใช้ประโยชน์โดยอาจขายเป็นน้ำสำหรับหล่อเย็นให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมบริเวณใกล้เคียง การวางแผนศึกษาการใช้ประโยชน์จากกากตะกอน (sludge) ที่เกิดจากการบำบัดน้ำเสียเพื่อให้เกิดการยอมรับจากชุมชนใกล้เคียงและลดปัญหาเรื่องกลิ่นจากการตกค้างของตะกอนไปพร้อมกัน การทบทวนผลการวิเคราะห์ผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจและด้านการเงินของโครงการให้เป็นปัจจุบัน นอกจากนี้ เห็นควรให้องค์การจัดการน้ำเสียจัดทำรายละเอียดภาพรวมการลงทุนและวงเงินลงทุนของทั้งสองโครงการ ปริมาณน้ำเสีย ปริมาณกากตะกอน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและผลตอบแทนโครงการด้านเศรษฐศาสตร์และการเงินให้มีความครบถ้วนสมบูรณ์เพื่อประกอบการพิจารณาความเหมาะสมของโครงการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา และเร่งสร้างขีดความสามารถและความพร้อมของท้องถิ่นในการรับโอนระบบบำบัดน้ำเสียทั้งด้านเทคนิค การเดินระบบ การบำรุงรักษาระบบ รวมทั้งการจัดเก็บค่าบำบัดน้ำเสีย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานส่วนท้องถิ่นในการให้บริการสาธารณะของตนเองได้มากขึ้นและสอดคล้องกับพระราชบัญญัติกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๔๒ ไปพิจารณาดำเนินการด้วย แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง |
||||||||||||||||||||||||
1200 | แต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) | ทส | 03/05/2554 | |||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายสุรพล ธรรมสาร เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์ (เพิ่มเติม) ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
.....