ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 24 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 461 - 480 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
461 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 พื้นที่โซน C | กค. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐
พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ พื้นที่โซน C ของบริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงการคลัง
กำกับดูแลให้ ธพส. เร่งรัดการก่อสร้างโครงการฯ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว พร้อมทั้งร่วมกับกรมธนารักษ์ในการประสานส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในการเข้าใช้ประโยชน์พื้นที่โครงการฯ
เพื่อส่งเสริมการจัดระบบศูนย์ราชการและรับรองความต้องการใช้ประโยชน์พื้นที่เป็นสำนักงานของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจ
ซึ่งจะช่วยให้การดำเนินโครงการฯ เป็นไปอย่างคุ้มค่า
ทั้งทางการเงินและเศรษฐกิจตามเป้าหมายที่กำหนด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.อนุมัติให้กระทรวงการคลังนำรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป โครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ
๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ พื้นที่โซน C เพื่อเป็นค่าเช่าอาคารให้กับ ธพส. เป็นเวลา ๓๐ ปี
และปรับปรุงอัตราค่าเช่าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๗ ของอัตราค่าเช่าเดิมทุก ๓ ปี รวม ๓๐ ปี
วงเงินรวมทั้งสิ้น ๙๘,๙๓๑,๒๙๓,๙๘๒ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๗ ตามนัยมาตรา ๒๖
ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
462 | แนวทางการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) | กค. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบแนวทางการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัท
อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน)
และเห็นชอบมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะหน่วยงานเจ้าของเรื่องในการเสนอโครงการฯ
เป็นโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน เป็นหน่วยงานหลักในการพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมในการลงทุนในโครงการฯ
ในสัดส่วนของรัฐบาลไทย การดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับ Basic Agreement ซึ่งรวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับสัดส่วนการถือหุ้นของรัฐบาล
และแหล่งเงินหากมีความจำเป็นต้องชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
463 | ร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ ในท้องที่ตำบลดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ให้แก่นางมี รักเสมอวงศ์ พ.ศ. .... | กค. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ
ในท้องที่ตำบลดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี ให้แก่นางมี รักเสมอวงศ์ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการโอนกรรมสิทธิ์ที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะเพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินที่อยู่ในความครอบครองของนางมี
รักเสมอวงศ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนวัดป่าเป้า จังหวัดอุดรธานี
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
464 | ร่างกฎหมายการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคด้านสาธารณสุข [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] | กค. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการยกเลิกหลักเกณฑ์เพื่อเป็นแนวทางในการกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการบริจาคด้านสาธารณสุขตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ และวันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้สองเท่าของจำนวนเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์
(e-Donation)
ของกรมสรรพากร สำหรับการบริจาคให้แก่หน่วยรับบริจาค ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
465 | มาตรการทางภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ | กค. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการทางภาษีและค่าธรรรมเนียมเพื่อส่งเสริมการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ผ่านกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-๑๙)
และจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวให้สามารถดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่อไปได้
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
โดยการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
สำหรับเงินได้ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นใบทรัสต์
และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์
สำหรับมูลค่าของฐานภาษีรายรับ หรือการกระทำตราสารที่เกิดขึ้นหรือเนื่องมาจากการโอนหรือก่อทรัพย์สิทธิหรือสิทธิใด
ๆ ในทรัพย์สิน อันเนื่องมาจากการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
โดยมีระยะเวลาตั้งแต่วันที่ร่างพระราชกฤษฎีกานี้มีผลใช้บังคับจนถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมที่ดิน) ดำเนินการตามร่างกฎหมายกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์สำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ให้เป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. ....
และร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารชุดสำหรับการแปลงสภาพกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไปเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
466 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการปฏิบัติการตามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อความร่วมมือในการปรับปรุงการปฏิบัติตามการภาษีอากรระหว่างประเทศ พ.ศ. 2560 รวม 2 ฉบับ | กค. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการ ๑.๑ ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขให้ผู้มีหน้าที่รายงานรวบรวม
และนำส่งข้อมูลที่ต้องการรายงานให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหน้าที่ของผู้มีหน้าที่รายงานในการรวบรวมข้อมูลที่ต้องรายงานและนำส่งข้อมูลดังกล่าวต่อเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ
ตลอดจนหน้าที่ในการจัดเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบ ๑.๒
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสำหรับการขอหนังสือรับรองสถานะว่าเป็นหรือไม่เป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
พ.ศ. ..... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการยื่นขอหนังสือรับรองสถานะของการเป็นหรือไม่เป็นผู้มีหน้าที่รายงาน
กรอบระยะเวลาในการยื่นคำขอ ช่องทางการดำเนินการ ตลอดจนขั้นตอนการพิจารณารับรองสถานะของผู้มีหน้าที่รายงาน รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นควรปรับแก้ข้อ
๒ ของร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขให้ผู้มีหน้าที่รายงานรวบรวมและนำส่งข้อมูลที่ต้องการรายงานให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจ
พ.ศ. .... เป็น “ข้อ ๒
ให้ผู้มีหน้าที่รายงานมีหน้าที่ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลบัญชีสหรัฐที่ต้องรายงานทุกประเภทบัญชี
โดยแต่ละบัญชีต้องมีรายการครบถ้วนตามข้อ ๒ อนุวรรค ๒ ก) ของความตกลง...” เพื่อให้สอดคล้องกับความตกลง FATCA ฉบับภาษาอังกฤษ และควรมีการประสานกับผู้มีหน้าที่รายงานเพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของกฎหมายและการนำไปใช้ในทางปฏิบัติ
เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ไปประกอบการพิจารณาด้วย
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าควรมีการประสานกับผู้มีหน้าที่รายงานเพื่อขอความเห็นเกี่ยวกับความเหมาะสมของกฎหมายและการนำไปใช้ในทางปฏิบัติ
เพื่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
467 | ร่างกฎหมายการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ | กค. | 24/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบอิเล็กทรอนิกส์
โดยกำหนดให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้รับยกเว้นภาษีเงินได้เป็นจำนวน ๒
เท่าของรายจ่าย ดังนี้ ๑)
รายจ่ายเพื่อการลงทุนในระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ ๒.
รายจ่ายเพื่อการลงทุนในระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ ๓)
รายจ่ายจากการใช้บริการระบบใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์
และระบบภาษีหัก ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์จากผู้ให้บริการ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม
๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ และอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง (ฉบับที่..) พ.ศ.
.... ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยภาษีเงินได้ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการใช้ระบบภาษีหัก
ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีการเพิ่มเติมให้ลดอัตราภาษีเงินได้หัก ณ
ที่จ่ายที่มีอัตราร้อยละ ๕ อัตราร้อยละ ๓ และอัตราร้อยละ ๒ เหลืออัตราร้อยละ ๑ สำหรับการจ่ายเงินได้พึงประเมินผ่านระบบภาษีหัก
ณ ที่จ่ายอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘
(เดิมร้อยละ ๒) รวม ๒ ฉบับ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
468 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน) | กค. | 17/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ
ที่คล้ายกัน ในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ประเภทที่ ๐๑.๐๕ รายการน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถัน
และรายการน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมลทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์
และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าว เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
และกระทรวงการคลังควรเริ่มทยอยยกเลิกการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น
ๆ ที่คล้ายกัน
ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยและมีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและค่าครองชีพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
469 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (นายณฐพงศ์ วรรณรัตน์) | กค. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายณฐพงศ์ วรรณรัตน์ เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
แทนกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ ทั้งนี้
ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ มกราคม ๒๕๖๖) เป็นต้นไป โดยผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
470 | รายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการและบริษัทย่อย ปี 2564 และข้อเสนอแนะจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก กบข. ประจำปี 2565 | กค. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการสอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
(กบข.) และบริษัทย่อย สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๔ พร้อมข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้รับจากการประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิก
กบข. เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วและเห็นว่าถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน
ประกอบด้วย งบแสดงฐานะการเงิน งบกำไรขาดทุนและกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
471 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ
พ.ศ. ๒๕๖๓
เพื่อกำหนดลักษณะและรูปแบบของแสตมป์สุราสำหรับสุราแช่และสุรากลั่นให้สอดคล้องกับถ้อยคำในกฎกระทรวงการผลิตสุรา
พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยปรับเปลี่ยนถ้อยคำในข้อ ๘ (๒) ของกฎกระทรวงกำหนดชนิด
และลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๖๓
จากเดิมที่ใช้คำว่า “แสตมป์สุราสำหรับสุราแช่หรือสุรากลั่นที่ผลิตในชุมชน”
เปลี่ยนเป็น
“แสตมป์สุราสำหรับสุราแช่หรือสุรากลั่นที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมสุราขนาดเล็กที่ใช้เครื่องจักร
และโรงงานอุตสาหกรรมสุราขนาดกลางที่ใช้เครื่องจักร...” (ในส่วนของลักษณะและรูปแบบของแสตมป์สุรายังคงเป็นไปตามเดิม)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
472 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
พ.ศ.๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
สำหรับสินค้าสุราแช่ที่ผลิตโดยมิใช่เพื่อการค้า ได้แก่ เบียร์ ไวน์และสปาร์คกิ้งไวน์ที่ทำจากองุ่นสุราแช่ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่นหรือไวน์องุ่น
และสุราแช่ชนิดอื่น ๆ และสำหรับสินค้าสุรากลั่นที่ผลิตโดยมิใช่เพื่อการค้า ได้แก่
สุราขาว และสุรากลั่นชนิดอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงการผลิตสุรา
พ.ศ..๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับประเด็นตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมในครั้งนี้เป็นการรองรับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับการผลิตสุราที่มิใช่เพื่อการค้าในราชอาณาจักร
กรณีการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสุราแช่ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่นหรือไวน์องุ่นที่มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตแตกต่างกันตามขนาดบรรจุไม่เกิน
๐.๓๓๐ ลิตร และเกินกว่า ๐.๓๓๐ ลิตร
อาจไม่สอดคล้องกับลักษณะการผลิตสุราเพื่อบริโภคในครัวเรือน
รวมทั้งอาจเป็นปัญหาในการตรวจสอบหากมีกรณีการลักลอบขายสุราที่ผลิตในครัวเรือนและแบ่งบรรจุตามปริมาณดังกล่าวได้
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
473 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการอนุญาตที่มีการจัดเก็บจริงสำหรับการอนุญาตผลิตสุราที่มิใช่เพื่อการค้า
(กำหนดใหม่เดิมไม่มี)
และการอนุญาตผลิตสุราเพื่อการค้าให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. ๒๕๖๕
และกำหนดค่าธรรมเนียมกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งโรงงานผลิตสุรา
(กำหนดใหม่เดิมไม่มี) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาต
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
474 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 | กค. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่สิ่งปลูกสร้างของบริษัท
ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ในโครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระรเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕
ธันวาคม ๒๕๕๐
ที่ให้หน่วยงานของรัฐใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติราชการและส่วนอื่นที่หน่วยงานของรัฐได้ใช้ประโยชน์ด้วย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดิน
และสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่สิ่งปลูกสร้างของบริษัท
ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ในโครงการศูนย์ราชการฯ
ซึ่งก่อสร้างโดยใช้เงินจากการระดมทุนด้วยวิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์
ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนที่ให้กรมธนารักษ์เช่าเพื่อจัดให้หน่วยงานของรัฐใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติราชการ
และส่วนที่ใช้เป็นสาธารณูปโภคที่หน่วยงานของรัฐได้ใช้ประโยชน์ด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
475 | ผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน (โดยวิธีการอนุญาต) สำหรับโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา รวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณให้แก่กรมเจ้าท่าในการขุดลอกและบำรุงรักษาความลึกของร่องน้ำสงขลา | กค. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน
(โดยวิธีการอนุญาต) สำหรับโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา ตามนัยมาตรา ๔๑
แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ตรวจสอบความถูกต้องในสัญญาและเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง
ๆ รวมทั้งความถูกต้องเหมาะสมด้านเทคนิค ด้านการเงิน และการกำหนดสัดส่วนค่าตอบแทนที่ภาครัฐจะได้รับตามที่ระบุไว้ในร่างสัญญาร่วมทุน
(โดยวิธีการอนุญาต) สำหรับโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลาและในเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง
ๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญ ก่อนลงนามในสัญญาตามขั้นตอนต่อไป
ตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด (หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ด่วนที่สุด ที่
อส ๐๐๐๗/๒๒๗๔ ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔)
ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการเป็นไปตามระเบียบ
กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างถูกต้องและครบถ้วนด้วย
ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในส่วนของการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำท่าเรือสงขลานั้น
ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) เร่งรัดดำเนินการให้ได้ความลึกที่ระดับ ๙ เมตร
จากระดับน้ำลงต่ำสุดตามที่ได้กำหนดไว้ในแผนการขุดลอกร่องน้ำท่าเรือสงขลาในกรอบระยะเวลา
๒๕ ปี อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถใช้งานร่องน้ำสงขลาในการคมนาคมขนส่งได้ตลอดเวลา
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการขุดลอกคูคลองและบำรุงรักษาร่องน้ำสงขลา
ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
476 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 4/2565 | กค. | 10/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ ซึ่งมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ และเห็นชอบการกำหนดมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ปฏิบัติตามมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ต่อไป
ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
477 | รายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 รอบ 6 เดือน ครั้งที่ 2 | กค. | 03/01/2566 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๓ รอบ ๖ เดือน ครั้งที่ ๒ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑)
การจัดทำรายงานประเมินผลฯ มีโครงการทั้งสิ้น ๑,๑๐๘ โครงการ ๓ แผนงาน ประกอบด้วย ๑) เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ๒) เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ
ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ และ ๓) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙
โดยพิจารณาคัดเลือกจากโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๑๐๐ โครงการ และ (๒)
คณะกรรมการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ฯ ได้จัดทำรายงานประเมินผลฯ ระหว่างเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม
๒๕๖๕ จำนวน ๑๐๐ โครงการ ซึ่งมีกรอบวงเงินรวม ๘๙๘,๐๙๒.๑๒
ล้านบาท ผลการเบิกจ่ายรวม ๘๗๗,๗๖๖ ๗๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
๙๗.๗๓ ของกรอบวงเงิน โดยทั้ง ๑๐๐ โครงการ มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก
และสามารถสร้างมูลค่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จำนวน ๒,๙๑๖,๐๗๔.๔๗ ล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐจากการเก็บภาษี จำนวน ๕๖๒,๘๖๙.๘๔ ล้านบาท โดยมีผลการประเมินระดับแผนงาน เช่น
แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-๑๙ แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ
ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ และแผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
478 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายอรรถพล อรรถวรเดช) | กค. | 27/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอรรถพล อรรถวรเดช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
479 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย และรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2565 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 27/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
(ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และรายงานผลการให้บริการสาธารณะ
ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย สรุปสาระสำคัญได้
ดังนี้ (๑) รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ขสมก. ปี พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยผลการดำเนินการส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น
ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการต่ำกว่าเป้าหมาย และจำนวนกิโลเมตรที่ให้บริการรวม
ต่ำกว่าเป้าหมาย
เนื่องจากมีการปรับแผนการเดินรถอันเกิดจากการชุมนุมทางการเมืองตามจุดต่าง ๆ
ในขณะที่การลดต้นทุนเป็นไปตามเป้าหมาย และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการดำเนินการ เช่น
ควรมีแนวทางแก้ไขและปรับปรุงการให้บริการสาธารณะที่เป็นรูปธรรม
ในส่วนการรายงานผลฯ ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ขสมก.ไม่สามารถดำเนินการปิดบัญชีให้เป็นปัจจุบันได้
คณะกรรมการฯ จึงได้มีมติให้นำผลการดำเนินการงวดครึ่งปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ไปรายงานผลตอนสิ้นปี และ (๒) รายงานผลการให้บริการสาธารณะของ รฟท.
แบ่งเป็น ๑) รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ การบริหารเวลาเดินรถให้ตรงต่อเวลา
และมีผลการดำเนินการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการ
และต้นทุนการดำเนินงานที่สูง โดยมีผลขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ ๒,๕๓๒.๕๓ ล้านบาท และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการดำเนินการ
เช่น ควรส่งรายงานผลฯ ตามระยะเวลาที่กำหนดและมีข้อมูลครบถ้วน และควรจัดทำแนวทางในการเพิ่มคุณภาพการให้บริการเพื่อเพิ่มระดับความพึงพอใจ
และ ๒) รายงานผลฯ ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมายเช่นเดียวกับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ รฟท.เบิกจ่ายเงินอุดหนุนงวดครึ่งปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๖๕๕.๗๗ ล้านบาท และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการดำเนินการ เช่น
พฤติกรรมผู้บริโภคส่งผลต่อการเดินทางขอผู้โดยสาร ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
480 | มาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือนมกราคม 2566 | กค. | 27/12/2565 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๖๖
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๒,๖๔๓,๐๘๘,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง)
โดยกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมตรวจสอบสถานะเงินกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
และประมาณการใช้จ่ายจนถึงสิ้นปีงบประมาณ หากมีเพียงพอให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมในโอกาสแรก
กรณีไม่เพียงพอเมื่อทราบภาระตามจ่ายจริงแล้ว
ให้ทำความตกลงในการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๖/๒๔๘๘
ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕) ๒.
ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|