ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 22 จากทั้งหมด 482 หน้า แสดงรายการที่ 421 - 440 จากข้อมูลทั้งหมด 9627 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
421 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้าใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้าใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกไปเป็นระยะเวลา
๖ เดือนเพื่อลดแรงกดดันต่อการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ต้นทุนการผลิตสินค้า และภาระค่าครองชีพของประชาชน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการจัดเก็บรายได้เพิ่มเติม
หรือการทยอยปรับเพิ่มอัตราภาษีสินค้าน้ำมันดังกล่าวควบคู่กับการดำเนินมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนที่มีรายได้ต่ำและมีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่สะท้อนต้นทุนตามข้อเท็จจริง
เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงภาระการชดเชยต้นทุนส่วนต่าง
ตลอดจนความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
422 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
โดยยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่าของจำนวนเงินหรือรายจ่ายที่บริจาค
ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร สำหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม รวม
๔ กองทุน ที่กระทำได้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ได้แก่
กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข
กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย
พัฒนาและนวัตกรรม รวมทั้งร่วมติดตามและประเมินผลประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้
เช่น ผลการรับเงินบริจาคของกองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม จำนวน ๔ กองทุน (กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข
กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม) การนำเงินบริจาคที่กองทุนดังกล่าวได้รับไปใช้ประโยชน์
และนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้กระทรวงการคลังเป็นรายปีจนสิ้นสุดมาตรการเพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรติดตามการดำเนินงานของกองทุนให้สามารถขับเคลื่อนงานวิจัยที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ
อาทิ การสนับสนุนการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิต
การพัฒนาผลิตภัณฑ์และแปรรูป การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
423 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษ) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
เป็นจำนวนร้อยละห้าสิบของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างงานผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเป็นระยะเวลาไม่เกิน
๓ ปี นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ต่อคนต่อเดือน
เป็นระยะเวลา ๔ ปี สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษ
รวมทั้งร่วมติดตามและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้และนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่กระทรวงการคลังเป็นรายปี
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับจากการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการจัดทำระบบการคัดกรองและออกใบรับรองผู้พ้นโทษที่มีความประพฤติดีจะช่วยสร้างโอกาสในการจ้างงานให้ผู้พ้นโทษ
และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการในการจ้างงานกลุ่มคนดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
424 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์
เป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพสามิต)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าในการพิจารณาการขอรับสิทธิและการอนุมัติอุดหนุนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์
กรมสรรพสามิตจะต้องให้ความสำคัญกับเงื่อนไขในการนำเงินอุดหนุนที่ได้รับไปเป็นส่วนลดราคายานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศอย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
425 | การขยายอายุมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (ระยะเวลา 1 ปี) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายอายุมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
(วงเงิน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) ออกไปอีก ๑ ปี (เดิมระยะเวลาดำเนินการ ๒ ปี) เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือแก่ภาคธุรกิจภายใต้
(๑) มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อให้ความช่วยเหลือและเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises : SMEs) ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ แต่ยังประกอบธุรกิจและมีศักยภาพในการแข่งขัน
แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูธุรกิจ และ (๒) มาตรการสินเชื่อเพื่อการปรับตัว (Transformation
Loan) เพื่อเป็นแหล่งทุนให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ที่มีความพร้อม
และต้องการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อรองรับบริบทใหม่และการเปิดประเทศหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ๑.๒
ไม่ขยายอายุมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ (วงเงิน
๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) เนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันกับสถาบันการเงิน
โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ
ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องนำหลักประกันมาเข้าโครงการ ๑.๓
โอนวงเงินคงเหลือของมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ภายหลังสิ้นสุดมาตรการ
ณ วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๖
มารวมไว้เป็นวงเงินภายใต้มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
โดยคาดว่าจะมีวงเงินคงเหลือตามมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้สูงสุด
จำนวน ๒๙,๐๐๐ ล้านบาท
เมื่อนำมารวมกับมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจจะทำให้มีวงเงินคงเหลือรวมทั้งสิ้นประมาณ
๖๑,๕๐๐ ล้านบาท หลังจากการต่ออายุมาตรการดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรกำหนดเพดานอัตราการให้สินเชื่อตามกลุ่ม/ประเภท
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลด้านกระบวนการสินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่องอย่างครอบคลุมเป็นธรรม
และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ยังมีข้อจำกัดในการฟื้นตัว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
426 | ร่างกฎหมายขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package) รวม 3 ฉบับ [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบอัตโนมัติ) ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างบุคลากรที่มีทักษะสูง) และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสูง)] | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบอัตโนมัติ) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๘) พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในเครื่องจักรและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรในระบบอัตโนมัติ
แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม จากเดิม ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ เป็น ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๘ (เดิมสิ้นสุดไปแล้วเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕) ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างบุคลากรที่มีทักษะสูง)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่การจ้างงานลูกจ้างที่มีทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ จากเดิม สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๕ เป็น สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสูง)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมหรือค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมลูกจ้างในหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐที่กำหนด
จากเดิม สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ เป็น สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลิตภาพของผู้ประกอบการกลุ่มอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย
โดยเฉพาะผู้ประกอบการในภาคการผลิตและบริการที่เป็นบุคคลธรรมดาและภาคการเกษตร
รวมทั้งควรเตรียมความพร้อมและมาตรการรองรับแรงงานไร้ฝีมือที่อาจได้รับผลกระทบจากการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
427 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน 12 เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน
๑๒ เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ วงเงินรวม ๑,๒๐๔,๐๓๐.๕๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๗ ของวงเงินตามแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ครั้งที่ ๓
ซึ่งเป็นการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน ๑๒ เดือน
รวม ๖๔๓,๓๐๔.๒๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๓
ของวงเงินที่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และ (๒)
การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการหนี้ของรัฐบาลซึ่งช่วยลดการกระจุกตัวของหนี้ระยะสั้น
โดย ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ หนี้เงินกู้คงค้างของรัฐบาลมีจำนวนรวม ๙.๑๖
ล้านล้านบาท อายุเฉลี่ยของหนี้อยู่ที่ ๙ ปี ๑ เดือน ซึ่งยังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการให้เป็นไปตามตัวชี้วัดความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กลยุทธ์การบริหารหนี้สาธารณะระยะปานกลางในระยะ
๕ ปี ได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
428 | โครงการสลากการกุศลเพิ่มเติม | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบให้มีการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
จำนวน ๓ โครงการ วงเงินรวม ๙๒๑.๔๕ ล้านบาท
เพื่อสนับสนุนโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อประโยชน์แก่ประชาชนและสังคมอย่างทั่วถึงในวงกว้าง ๑.๒
มอบหมายให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย
และจ่ายเงินรางวัลสลากการกุศล
รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนเกี่ยวกับการออกสลากการกุศล
การขออนุญาตการออกสลากการกุศล การนำส่งเงินให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสลากการกุศล
และการจัดทำแผนการออกสลากการกุศลและแผนการใช้เงินของแต่ละโครงการ
และรายงานต่อคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล เพื่อประโยชน์ในการกำกับ
ติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๑.๓
มอบหมายให้คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
กำหนดระยะเวลาในการผูกพันวงเงินของโครงการที่ได้รับการสนับสนุน
กำกับติดตามเร่งรัดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามแผนการออกสลากการกุศลและแผนการใช้เงินตามที่เสนอมา
และหากเกิดกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถผูกพันวงเงินได้ตามกำหนด
ให้ยกเลิกวงเงินดังกล่าว
หรือให้หน่วยงานเจ้าของโครงการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
จะขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการใช้เงินภายในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงเป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากโครงการที่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจำแนกกิจกรรมภายใต้โครงการ
เพื่อให้การจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินมีความชัดเจน
และควรมีการกำกับ ติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
429 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... [การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)] | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังจัดทำข้อมูลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผ่านมาจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชน
แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างผระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม) สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชนตามร่างพระราชกฤษฎีกาที่กระทรวงการคลังเสนอขายในครั้งนี้
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ซึ่งเดิมที่เคยมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวตามประมวลรัษฎากรและได้จัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปแล้วนั้น
อาจมีผลกระทบต่อการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จึงควรพิจารณาประเด็นดังกล่าวโดยคำนึงถึงการจัดสรรรายได้ที่รัฐจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านมาด้วย
ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และพิจารณาดำเนินการตามนัยมาตราของมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
430 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบธุรกิจทางการเงินบางประเภทอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... (เพื่อกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลิสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบธุรกิจทางการเงินบางประเภทอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๕๑ พ.ศ. .... (เพื่อกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลิสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ธุรกิจให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลิสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๕๑ และมีธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจดังกล่าว
เพื่อให้การประกอบธุรกิจดังกล่าวมีการกำกับดูแลเป็นการเฉพาะและคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้บริการมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกันกำหนดแนวทางกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจภายใต้ร่างพระราชกฤษฎีกาฯ
และผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาหารือร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางในการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตการกำกับดูแลต่อไป ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลิสซิ่งให้ครอบคลุมสินทรัพย์ประเภทอื่นเพื่อให้การกำกับดูแลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
431 | การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานที่มีเงินเดือนเต็มขั้นของธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานที่มีเงินเดือนเต็มขั้นของธนาคารอาคารสงเคราะห์
ตามผลการประเมินปฏิบัติงานประจำปี ในอัตราร้อยละ ๔-๖
ของค่ากลางในการเลื่อนขั้นเงินเดือนของพนักงาน (Midpoint) ภายใต้กรอบวงเงินไม่เกินร้อยละ
๓.๗๕ ของฐานเงินเดือนค่าจ้างรวมของพนักงานที่มีเงินเดือนเต็มขั้นประจำปีนั้น ๆ
ดังนี้ ๑.
หลักเกณฑ์การจ่ายตามการประเมินการปฏิบัติงานประจำปี ๑.๑
เท่ากับระดับ A+ ให้ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษไม่เกินอัตราร้อยละ ๖ ของ Midpoint ๑.๒
เท่ากับระดับ A ให้ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษไม่เกินอัตราร้อยละ ๕ ของ Midpoint ๑.๓
เท่ากับระดับ S ให้ได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษไม่เกินอัตราร้อยละ ๔ ของ Midpoint ๑.๔
เท่ากับระดับ N ระดับ D ไม่ได้รับเงินตอบแทนพิเศษ ๒.
การจ่ายค่าตอบแทนพิเศษให้แก่พนักงานที่มีเงินเดือนเต็มขั้นตามผลการประเมินการปฏิบัติงานประจำปีนั้น
ไม่ถือเป็นเงินเดือน ไม่เป็นการจ่ายเป็นประจำ และไม่ใช้เป็นฐานในการคำนวณสิทธิประโยชน์ต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเงินเดือนในทุกกรณี ๓. ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗
มีนาคม ๒๕๖๖) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลัง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงาน ก.พ.ร. ที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อภาระที่จะเพิ่มขึ้นด้วย ควรคำนึงถึงภารกิจ หน้าที่
สถานภาพทางการเงิน และขีดความสามารถในการหารายได้ขององค์กรร่วมด้วย
เพื่อไม่ให้เป็นภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาล
และไม่ส่งผลกระทบต่อฐานะทางการเงินขององค์กรนั้น ๆ และกระทรวงการคลังควรกำกับให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ปฏิบัติตามแนวทางค่าใช้จ่ายอย่างเคร่งครัด
และกำหนดตัวชี้วัดเพื่อติดตามประเมินผลสำเร็จของแนวทางดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
432 | ขอความเห็นชอบการปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นสูงสุดของพนักงานระดับรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นสูงสุดของพนักงานระดับรองกรรมการผู้จัดการ
บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด จากเดิมอัตรา ๑๕๐,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน เป็น ๑๘๐,๐๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๗ มีนาคม ๒๕๖๖)
เห็นชอบ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง (บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด)
รับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงาน ก.พ.ร.
ที่ควรมีการจัดทำแผนเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานหรือเพิ่มรายได้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแผนบริหารความเสี่ยงเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติ
เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณและเงินนำส่งรายได้แผ่นดิน
รวมถึงฐานะทางการเงินในอนาคต ควรบริหารค่าใช้จ่ายในภาพรวมด้วยความระมัดระวังและกำหนดแนวทางบริหารจัดการความเสี่ยงให้เหมาะสมและรอบคอบ
พร้อมทั้งประเมินสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อผลประกอบการขององค์กรและปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินงานให้ทันต่อสถานการณ์
และเพื่อให้การปรับขยายเพดานอัตราเงินเดือนครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐในภาพรวม
กระทรวงการคลังควรกำกับให้บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด
ปฏิบัติตามแผนการหารายได้และแผนการบริหารความเสี่ยงทางการเงินจากการปรับปรุงอัตราค่าจ้างขั้นสูงสุด
ของพนักงานอย่างเคร่งครัด
และกำหนดตัวชี้วัดเพื่อติดตามประเมินผลสำเร็จของแผนดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปอย่างเคร่งครัด
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
433 | การเสนอความเห็นการขอจัดตั้งกองทุนพัฒนาน้ำบาดาลของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน
เรื่อง การขอจัดตั้งกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนพัฒนาน้ำบาดาล
และเพิ่มเติมองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ
ให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ตามร่างพระราชบัญญัติน้ำบาดาล
พ.ศ. .... ตามที่คณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ
และให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลรับข้อสังเกตของคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน
เช่น (๑) วัตถุประสงค์ของทุนหมุนเวียนควรมีขอบเขตที่ชัดเจนและเฉพาะเจาะจง (๒)
จำนวนและองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารกองทุนที่ได้มีการเพิ่มเติมไม่เป็นไปตามนัยมาตรา
๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ (๓) แหล่งเงินรายได้กองทุนมีการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐไม่ต้องนำเงินรายได้หรือเงินอื่นใดส่งคลัง
ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการคลังก่อนเสนอกฎหมายต่อคณะรัฐมนตรี
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
กรมทรัพยากรน้ำบาดาลควรจัดทำระบบการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกองทุนที่เหมาะสมและทันต่อเหตุการณ์
และควรพิจารณาทบทวนวัตถุประสงค์ของทุนหมุนเวียนให้มีความชัดเจนและมีลักษณะเฉพาะเจาะจง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
434 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (นายอรรถพล อรรถวรเดช) | กค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอรรถพล อรรถวรเดช
เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ แทนกรรมการอื่นเดิมที่พ้นจากตำแหน่ง
เนื่องจากขอลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖)
เป็นต้นไป
และผู้ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
435 | รายงานภาวะและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาสที่ 4 ปี 2565 | กค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
436 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีกรณีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินขององค์การอุตสาหกรรมห้องเย็นเพื่อชำระหนี้ให้กระทรวงการคลัง) | กค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีกรณีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินขององค์การอุตสาหกรรมห้องเย็นเพื่อชำระหนี้ให้กระทรวงการคลัง)
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่กิจการขององค์การอุตสาหกรรมห้องเย็นเฉพาะการโอนของกรรมสิทธิ์ที่ดินเพื่อชำระหนี้ให้แก่กระทรวงการคลัง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินขององค์การอุตสาหกรรมห้องเย็นเพื่อชำระหนี้ให้กระทรวงการคลัง
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
437 | ร่างกฎหมายตามมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ] | กค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัท บริหารสินทรัพย์
ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัด สำหรับเงินอุดหนุนที่ได้รับจากรัฐบาลเพื่อชดเชยเงินต้น ดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
และสำรองเพื่อการดำเนินงานในส่วนที่เกินจากรายรับในแต่ละปีตามมติคณะรัฐมนตีรีเมื่อวันที่
๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๐ (ย้อนหลังไปตั้งแต่ปี ๒๕๖๑ ที่ได้รับจัดสรรเงินอุดหนุน)
และแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ๓๖๒) พ.ศ. ๒๕๔๒
เพื่อยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
สำหรับ ๑)
กำไรสุทธิที่ได้จากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่รับซื้อหรือรับโอนจากสถาบันการเงิน
และ ๒) เงินได้เป็นจำนวนเท่ากับเงินสำรองที่บริษัทบริหารสินทรัพย์กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนด
สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
(จะไปใช้ในปีภาษี ๒๕๖๖ เป็นต้นไป) ตามที่กระทรงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
438 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) | กค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
439 | การเรียกให้ทุนหมุนเวียนนำทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน ปีบัญชี 2565 (ครั้งที่ 2) | กค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
440 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 10 | กค. | 28/02/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|