ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 26 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 501 - 520 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 501 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดชนิดและลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ
พ.ศ. ๒๕๖๓
เพื่อกำหนดลักษณะและรูปแบบของแสตมป์สุราสำหรับสุราแช่และสุรากลั่นให้สอดคล้องกับถ้อยคำในกฎกระทรวงการผลิตสุรา
พ.ศ. ๒๕๖๕ โดยปรับเปลี่ยนถ้อยคำในข้อ ๘ (๒) ของกฎกระทรวงกำหนดชนิด
และลักษณะของแสตมป์สรรพสามิตและเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๖๓
จากเดิมที่ใช้คำว่า “แสตมป์สุราสำหรับสุราแช่หรือสุรากลั่นที่ผลิตในชุมชน”
เปลี่ยนเป็น
“แสตมป์สุราสำหรับสุราแช่หรือสุรากลั่นที่ผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมสุราขนาดเล็กที่ใช้เครื่องจักร
และโรงงานอุตสาหกรรมสุราขนาดกลางที่ใช้เครื่องจักร...” (ในส่วนของลักษณะและรูปแบบของแสตมป์สุรายังคงเป็นไปตามเดิม)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 502 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
พ.ศ.๒๕๖๐ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ๒)
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
สำหรับสินค้าสุราแช่ที่ผลิตโดยมิใช่เพื่อการค้า ได้แก่ เบียร์ ไวน์และสปาร์คกิ้งไวน์ที่ทำจากองุ่นสุราแช่ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่นหรือไวน์องุ่น
และสุราแช่ชนิดอื่น ๆ และสำหรับสินค้าสุรากลั่นที่ผลิตโดยมิใช่เพื่อการค้า ได้แก่
สุราขาว และสุรากลั่นชนิดอื่น ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงการผลิตสุรา
พ.ศ..๒๕๖๕ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
โดยให้รับประเด็นตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมในครั้งนี้เป็นการรองรับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับการผลิตสุราที่มิใช่เพื่อการค้าในราชอาณาจักร
กรณีการกำหนดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับสุราแช่ผลไม้ที่มีส่วนผสมขององุ่นหรือไวน์องุ่นที่มีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตแตกต่างกันตามขนาดบรรจุไม่เกิน
๐.๓๓๐ ลิตร และเกินกว่า ๐.๓๓๐ ลิตร
อาจไม่สอดคล้องกับลักษณะการผลิตสุราเพื่อบริโภคในครัวเรือน
รวมทั้งอาจเป็นปัญหาในการตรวจสอบหากมีกรณีการลักลอบขายสุราที่ผลิตในครัวเรือนและแบ่งบรรจุตามปริมาณดังกล่าวได้
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 503 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการอนุญาตที่มีการจัดเก็บจริงสำหรับการอนุญาตผลิตสุราที่มิใช่เพื่อการค้า
(กำหนดใหม่เดิมไม่มี)
และการอนุญาตผลิตสุราเพื่อการค้าให้สอดคล้องกับกฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. ๒๕๖๕
และกำหนดค่าธรรมเนียมกรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งโรงงานผลิตสุรา
(กำหนดใหม่เดิมไม่มี) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมและยกเว้นค่าธรรมเนียมการอนุญาต
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 504 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดิน และสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 | กค. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่สิ่งปลูกสร้างของบริษัท
ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ในโครงการศูนย์ราชการเฉลิมพระรเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕
ธันวาคม ๒๕๕๐
ที่ให้หน่วยงานของรัฐใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติราชการและส่วนอื่นที่หน่วยงานของรัฐได้ใช้ประโยชน์ด้วย
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดิน
และสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. ๒๕๖๒ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้แก่สิ่งปลูกสร้างของบริษัท
ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด ในโครงการศูนย์ราชการฯ
ซึ่งก่อสร้างโดยใช้เงินจากการระดมทุนด้วยวิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์
ทั้งนี้ เฉพาะในส่วนที่ให้กรมธนารักษ์เช่าเพื่อจัดให้หน่วยงานของรัฐใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติราชการ
และส่วนที่ใช้เป็นสาธารณูปโภคที่หน่วยงานของรัฐได้ใช้ประโยชน์ด้วย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามร่างกฎกระทรวงดังกล่าว
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 505 | ผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน (โดยวิธีการอนุญาต) สำหรับโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา รวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณให้แก่กรมเจ้าท่าในการขุดลอกและบำรุงรักษาความลึกของร่องน้ำสงขลา | กค. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบผลการคัดเลือกเอกชนและร่างสัญญาร่วมลงทุน
(โดยวิธีการอนุญาต) สำหรับโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลา ตามนัยมาตรา ๔๑
แห่งพระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) ตรวจสอบความถูกต้องในสัญญาและเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง
ๆ รวมทั้งความถูกต้องเหมาะสมด้านเทคนิค ด้านการเงิน และการกำหนดสัดส่วนค่าตอบแทนที่ภาครัฐจะได้รับตามที่ระบุไว้ในร่างสัญญาร่วมทุน
(โดยวิธีการอนุญาต) สำหรับโครงการพัฒนาปรับปรุงท่าเรือสงขลาและในเอกสารแนบท้ายสัญญาต่าง
ๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของรัฐเป็นสำคัญ ก่อนลงนามในสัญญาตามขั้นตอนต่อไป
ตามข้อสังเกตของสำนักงานอัยการสูงสุด (หนังสือสำนักงานอัยการสูงสุด ด่วนที่สุด ที่
อส ๐๐๐๗/๒๒๗๔ ลงวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔)
ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงพาณิชย์ ที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการเป็นไปตามระเบียบ
กฎหมาย มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหลักธรรมาภิบาลอย่างถูกต้องและครบถ้วนด้วย
ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย ๒. ในส่วนของการขุดลอกและบำรุงรักษาร่องน้ำท่าเรือสงขลานั้น
ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) เร่งรัดดำเนินการให้ได้ความลึกที่ระดับ ๙ เมตร
จากระดับน้ำลงต่ำสุดตามที่ได้กำหนดไว้ในแผนการขุดลอกร่องน้ำท่าเรือสงขลาในกรอบระยะเวลา
๒๕ ปี อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถใช้งานร่องน้ำสงขลาในการคมนาคมขนส่งได้ตลอดเวลา
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในการขุดลอกคูคลองและบำรุงรักษาร่องน้ำสงขลา
ให้กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 506 | ผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ครั้งที่ 4/2565 | กค. | 10/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ครั้งที่ ๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ ซึ่งมีมติรับทราบรายงานผลการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ และเห็นชอบการกำหนดมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ เพื่อให้หน่วยรับงบประมาณ รัฐวิสาหกิจ
และหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม
ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓
และพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ปฏิบัติตามมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๖ ต่อไป
ตามที่คณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 507 | รายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 รอบ 6 เดือน ครั้งที่ 2 | กค. | 03/01/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานการประเมินผลโครงการหรือแผนงานภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๓ รอบ ๖ เดือน ครั้งที่ ๒ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ (๑)
การจัดทำรายงานประเมินผลฯ มีโครงการทั้งสิ้น ๑,๑๐๘ โครงการ ๓ แผนงาน ประกอบด้วย ๑) เพื่อแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ๒) เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ
ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ และ ๓) เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙
โดยพิจารณาคัดเลือกจากโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน ๑๐๐ โครงการ และ (๒)
คณะกรรมการประเมินผลการใช้จ่ายเงินกู้ฯ ได้จัดทำรายงานประเมินผลฯ ระหว่างเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม
๒๕๖๕ จำนวน ๑๐๐ โครงการ ซึ่งมีกรอบวงเงินรวม ๘๙๘,๐๙๒.๑๒
ล้านบาท ผลการเบิกจ่ายรวม ๘๗๗,๗๖๖ ๗๑ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
๙๗.๗๓ ของกรอบวงเงิน โดยทั้ง ๑๐๐ โครงการ มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับดีมาก
และสามารถสร้างมูลค่าผลกระทบต่อเศรษฐกิจ จำนวน ๒,๙๑๖,๐๗๔.๔๗ ล้านบาท มีรายได้กลับคืนภาครัฐจากการเก็บภาษี จำนวน ๕๖๒,๘๖๙.๘๔ ล้านบาท โดยมีผลการประเมินระดับแผนงาน เช่น
แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์ทางการแพทย์และสาธารณสุข เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด-๑๙ แผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชยให้กับภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ
ซึ่งได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙ และแผนงาน/โครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-๑๙
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 508 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายอรรถพล อรรถวรเดช) | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายอรรถพล อรรถวรเดช ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาการคลัง (นักวิชาการคลังทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง
กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๖๕ เป็นต้นไป
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 509 | รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพและการรถไฟแห่งประเทศไทย และรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ 2565 ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการให้บริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
(ขสมก.) และการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และรายงานผลการให้บริการสาธารณะ
ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย สรุปสาระสำคัญได้
ดังนี้ (๑) รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ขสมก. ปี พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยผลการดำเนินการส่วนใหญ่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น
ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการต่ำกว่าเป้าหมาย และจำนวนกิโลเมตรที่ให้บริการรวม
ต่ำกว่าเป้าหมาย
เนื่องจากมีการปรับแผนการเดินรถอันเกิดจากการชุมนุมทางการเมืองตามจุดต่าง ๆ
ในขณะที่การลดต้นทุนเป็นไปตามเป้าหมาย และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการดำเนินการ เช่น
ควรมีแนวทางแก้ไขและปรับปรุงการให้บริการสาธารณะที่เป็นรูปธรรม
ในส่วนการรายงานผลฯ ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ขสมก.ไม่สามารถดำเนินการปิดบัญชีให้เป็นปัจจุบันได้
คณะกรรมการฯ จึงได้มีมติให้นำผลการดำเนินการงวดครึ่งปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ไปรายงานผลตอนสิ้นปี และ (๒) รายงานผลการให้บริการสาธารณะของ รฟท.
แบ่งเป็น ๑) รายงานผลการให้บริการสาธารณะ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ การบริหารเวลาเดินรถให้ตรงต่อเวลา
และมีผลการดำเนินการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่น จำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการ
และต้นทุนการดำเนินงานที่สูง โดยมีผลขาดทุนจากการให้บริการสาธารณะ ๒,๕๓๒.๕๓ ล้านบาท และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการดำเนินการ
เช่น ควรส่งรายงานผลฯ ตามระยะเวลาที่กำหนดและมีข้อมูลครบถ้วน และควรจัดทำแนวทางในการเพิ่มคุณภาพการให้บริการเพื่อเพิ่มระดับความพึงพอใจ
และ ๒) รายงานผลฯ ประจำงวดครึ่งปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยส่วนใหญ่เป็นไปตามเป้าหมายเช่นเดียวกับปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ และให้ รฟท.เบิกจ่ายเงินอุดหนุนงวดครึ่งปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๖๕๕.๗๗ ล้านบาท และมีข้อสังเกตเกี่ยวกับผลการดำเนินการ เช่น
พฤติกรรมผู้บริโภคส่งผลต่อการเดินทางขอผู้โดยสาร ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 510 | มาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประจำเดือนมกราคม 2566 | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเงินพิเศษแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ประจำเดือนมกราคม ๒๕๖๖
ตามที่คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ
และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๖ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในกรอบวงเงิน ๒,๖๔๓,๐๘๘,๐๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง)
โดยกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมตรวจสอบสถานะเงินกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
และประมาณการใช้จ่ายจนถึงสิ้นปีงบประมาณ หากมีเพียงพอให้ใช้จ่ายจากเงินกองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมในโอกาสแรก
กรณีไม่เพียงพอเมื่อทราบภาระตามจ่ายจริงแล้ว
ให้ทำความตกลงในการขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ (หนังสือสำนักงบประมาณ ด่วนที่สุด ที่ นร ๐๗๐๖/๒๔๘๘
ลงวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕) ๒.
ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 511 | โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย (ระยะที่ 2) | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย
ออกไปอีก ๓ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๕
เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ ภายใต้กรอบงบประมาณการชดเชยดอกเบี้ยที่ได้รับอนุมัติไว้แล้วตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๙ มกราคม ๒๕๖๑ และเมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ จำนวน ๕,๒๕๐ ล้านบาท ขยายระยะเวลาการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีจากรัฐบาลเพื่อชดเชยดอกเบี้ยออกไปอีก
๓ ปี จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๘ เป็นวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๗๑
และเห็นชอบการปรับชื่อโครงการจาก โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย เป็น
โครงการสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย (ระยะที่ ๒) โดยขยายขอบเขต วัตถุประสงค์
เพิ่มกลุ่มเป้าหมาย และการดำเนินการตามแนวทาง BCG Model ภายใต้หลัก
SDGs และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หรือโครงการพัฒนาการบริหารจัดการแหล่งน้ำ
เพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืนภายใต้ความร่วมมือภาครัฐหรือเอกชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เช่น ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ ให้ความสำคัญกับการประเมินเพื่อหารูปแบบการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
และทำการขยายผลเพื่อสนับสนุนให้การปรับโครงสร้างการผลิตและบริการภาคเกษตรของไทยไปสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านการผลิตและบริโภคไปสู่ความยั่งยืนต่อไป
ควรกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการให้สินเชื่อที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของโครงการ โดยใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณามากขึ้น
เพื่อกำหนดกลุ่มลูกหนี้ที่ควรได้รับสินเชื่อให้ชัดเจน
กำหนดเงื่อนไขการให้สินเชื่อตามวัตถุประสงค์ของลูกหนี้แต่ละกลุ่มที่สามารถวัดผลได้ชัดเจน
และมีกระบวนการในการติดตามผลสัมฤทธิ์
ให้ความสำคัญและกำหนดแนวทางในการเสริมสร้างความเข้มแข็งโดยรวมของลูกหนี้อย่างยั่งยืน
ควบคู่ไปกับการให้สินเชื่อ
ควรประชาสัมพันธ์และสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกหนี้เกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของโครงการและเร่งสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่กลุ่มลูกหนี้เป้าหมายตามศักยภาพ
เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว และควรพัฒนาระบบการขอสินเชื่อให้ทันสมัย
และปรับลดระยะเวลาการพิจารณาสินเชื่อให้รวดเร็วขึ้น
โดยให้บริการสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล
และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยในการขอสินเชื่อ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 512 | แผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ 2567-2570) | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนการคลังระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ ๒๕๖๗-๒๕๗๐) เพื่อให้หน่วยงานของรัฐนำไปประกอบการพิจารณาในการจัดเก็บ
หรือหารายได้ การจัดทำงบประมาณ และการก่อหนี้ของหน่วยงานของรัฐ ตามมาตรา ๑๖
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ต่อไป ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐเสนอ
ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านรายรับและรายจ่าย
เพื่อรักษาฐานะด้านการคลังให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ.๒๕๖๑ และในระยะปานกลางควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่าย
ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้
เพื่อให้มีกรอบงบประมาณที่เพียงพอสำหรับการลงทุนและพัฒนาประเทศ
และควรมีการพิจารณากำหนดกรอบงบประมาณรายจ่ายตามโครงสร้างงบประมาณที่จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ
รายจ่ายลงทุน รายจ่ายเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และรายจ่ายเพื่อชดเชยเงินคงคลัง
เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาแนวโน้มการใช้จ่ายภาครัฐในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 513 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษา) | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษา)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
ที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่ สถานศึกษาของรัฐ โรงเรียนเอกชน
แต่ไม่รวมถึงโรงเรียนนอกระบบ สถาบันอุดมศึกษาเอกชน
สถานศึกษาที่ตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนัญพิเศษแห่งสหประชาชาติ
เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการศึกษา
และร่วมติดตามและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากการติดตามมาตรการนี้เพื่อจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับจากการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้สถานศึกษาทุกแห่งใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร
เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริจาคและสถานศึกษา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 514 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่กิจการของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสำหรับการให้กู้ยืมเงินตามโครงการสนับสนุน SMEs รายย่อยผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้แก่กิจกรรมของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
เฉพาะรายรับจากการให้กู้ยืมเงินตามโครงการสนับสนุน SMEs
รายย่อย ผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน
๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่โครงการเริ่มมีดอกเบี้ยรับ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจัดทำข้อมูลดอกเบี้ยรับของโครงการสนับสนุน
SMEs รายย่อย เป็นรายปีจนสิ้นสุดโครงการและนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่กระทรวงการคลังทุกสิ้นปีเพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบผลประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และให้รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้มีการแยกบันทึกบัญชีโครงการสนับสนุน
SMEs รายย่อยฯ
ออกจากบัญชีปกติของกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
ตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 515 | การกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง และเป้าหมายสำหรับปี 2566 | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป้าหมายของนโยบายการเงิน
ประจำปี ๒๕๖๖ พร้อมข้อตกลงร่วมกันระหว่างคณะกรรมการนโยบายการเงิน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินสำหรับระยะปานกลาง
และเป้าหมายสำหรับปี ๒๕๖๖
ซึ่งกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินไว้ที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการนโยบายการเงิน
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ในระยะถัดไปยังมีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ดังนั้น
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรติดตามและเตรียมพร้อมสำหรับการรับมือกับปัจจัยเสี่ยงต่าง
ๆ ดังกล่าว อย่างใกล้ชิด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 516 | ร่างกฎหมายขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวม 2 ฉบับ [ร่างพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ) และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน)] | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ได้แก่ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่เกิดจากการจำหน่ายคาร์บอนเครดิตในประเทศตามโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจที่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก
(องค์การมหาชน) ตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๗๐ และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน)
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับบุคคลธรรมดา
และขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับเงินที่บุคคลธรรมดาหรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลได้บริจาคผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
(e-Donation)
ของกรมสรรพากรให้แก่กรมป่าไม้
เพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๗๐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป่าไม้
และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
ร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษี
เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ร่วมทั้งรวมติดตามและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้ เช่น
มูลค่าเงินลงทุนของโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ
มูลค่าการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดลง
และปริมาณกักเก็บคาร์บอนที่ได้
และนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่กระทรวงการคลังเป็นรายปีจนสิ้นสุดมาตรการเพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับจากการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) ที่เห็นควรครอบคลุมการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในตลาดรองด้วย
เพื่อให้เกิดการสร้างแรงจูงใจที่ครอบคลุมภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนกลไกดังกล่าว
ส่งเสริมให้ตลาดมีสภาพคล่องมากยิ่งขึ้นอันจะผลักดันให้คาร์บอนเครดิตมีมูลค่าสูงขึ้น
และส่งผลให้เกิดการพัฒนาโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน รายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงดังกล่าว
จนกว่าการดำเนินการดังกล่าวจะแล้วเสร็จตามนัยมาตรา ๒๗
แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 517 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (1. รองศาสตราจารย์ธนวรรธน์ พลวิชัย ฯลฯ จำนวน 3 คน) | กค. | 27/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล
จำนวน ๓ ราย เนื่องจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. รองศาสตราจารย์ธนวรรธน์
พลวิชัย กรรมการ ๒. พลเอก
ธนะศักดิ์ ชื่นอิ่ม กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 518 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปรับปรุงใหม่) | กค. | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปรับปรุงใหม่) และอนุมัติงบประมาณวงเงินรวม ๑,๒๕๐ ล้านบาท จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพื่อดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปรับปรุงใหม่)
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณนั้น
ให้ธนาคารออมสินดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้
เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
เพื่อใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องด้วย
ควรมีการติดตามการใช้วงเงินกู้ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ควรประชาสัมพันธ์และสื่อสารทำความเข้าใจเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของโครงการ
และเร่งพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ
เพื่อให้ผู้ประกอบการได้รับความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 519 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2566 ให้แก่ประชาชน | กค. | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบและรับทราบมาตรการและการดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่พ.ศ.
๒๕๖๖ ให้แก่ประชาชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วและให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
เห็นชอบ ๓.๑
ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ๓.๒
ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
พ.ศ. .... ๓.๓
ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับการโอนและการจำนองจากการซื้อขายห้องชุดเพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
พ.ศ. …. ๓.๔
ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓.๕
ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตขายสุรา ใบอนุญาตขายยาสูบ และใบอนุญาตขายไพ่
ตามกฎหมายว่าด้วยภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....รวม ๕ ฉบับ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔.
การจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี
๒๕๖๖ ให้เป็นไปตามความเห็นสำนักงบประมาณ ๕.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ
มติคณะรัฐมนตรีและความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งความโปร่งใสในการดำเนินการตามหลักธรรมาภิบาลเป็นไปเพื่อประโยชน์ของรัฐ
และประชาชนเป็นสำคัญ ควรกำหนดมาตรการที่ชัดเจน เพื่อให้ อปท. มีรายได้เพียงพอสำหรับการจัดบริการสาธารณะและการลงทุนเพื่อพัฒนาท้องถิ่นในระยะต่อไป
นอกเหนือจากการลดอัตราภาษีน้ำมันแล้ว
ภาครัฐควรเร่งดำเนินมาตรการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวให้กลับมาอยู่ในระดับก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
โดยเร็ว และให้หน่วยงานผู้ดำเนินโครงการให้ความสำคัญกับการประชาสัมพันธ์ให้ทั่วถึงต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 520 | การดำเนินโครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. 3275 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร | กค. | 20/12/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการดำเนินโครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร
บนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท. ๓๒๗๕ โฉนดเลขที่ ๓๓๔๖ แขวงคลองต้นไทร
เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ ๔-๒-๓๔ ไร่ ต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์)
รับความเห็นของประธานกรรมการนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน
ที่เห็นว่าในการดำเนินโครงการควรคำนึงถึงความสำเร็จและความคุ้มค่าในการดำเนินโครงการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
