ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 23 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 441 - 460 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 441 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปรับปรุงใหม่) | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๖๕ เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบกิจการใน
๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปรับปรุงใหม่) โดยปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ขอรับสินเชื่อ
ปรับปรุงวงเงินโครงการฯ ปรับวงเงินกู้ต่อรายและขยายระยะเวลาเงินกู้
ขยายระยะเวลาเบิกจ่ายสินเชื่อของธนาคารออมสิน และเงื่อนไขอื่น ๆ เช่น
ให้ธนาคารกำหนดหลักเกณฑ์และกระบวนการในการให้สินเชื่อกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง
ธนาคารออมสิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ควรมีการประชาสัมพันธ์โครงการฯ ให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ ๓ จังหวัด
รับรู้และสามารถเข้ามาตรการในการให้ความช่วยเหลือทางการเงินจากภาครัฐได้อย่างทั่วถึง
ควรกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และกระบวนการสินเชื่อของธนาคาร
และสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการให้มีความชัดเจนเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 442 | โครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปีการผลิต 2566 | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบโครงการประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
ปีการผลิต ๒๕๖๖
มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกษตรกรมีเครื่องมือในการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยพิบัติผ่านระบบการประกันภัย
และเป็นการต่อยอดความช่วยเหลือของภาครัฐ ตามระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒
เพื่อรองรับต้นทุนในการเพาะปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ให้กับเกษตรกรเมื่อประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ
รวมทั้งเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นและเป็นภาระต่องบประมาณ ให้กระทรวงการคลัง (ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร)
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามผลการดำเนินงานจริงต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรมีการหารือเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของกรอบวงเงินในการดำเนินการ
ควรมีการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการ และควรพิจารณาความเหมาะสมของงบประมาณการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 443 | การกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล ประจำปี 2565 | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่ประธานกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลและผู้อำนวยการสำนักงานสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลชี้แจง
สรุปได้ว่า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลในครั้งนี้เป็นการออกสลากกินแบ่งรัฐบาลตามนัยมาตรา
๑๓ (๗/๑) แห่งพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๑๗
และที่แก้ไขเพิ่มเติมที่บัญญัติให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลมีอำนาจหน้าที่ในการออกประกาศกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี
ซึ่งมิได้มีลักษณะเป็นสลากกินรวบแบบที่เคยเกิดปัญหาขึ้นในอดีด
เนื่องจากเงินที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจะได้รับจากการจำหน่ายสลากดังกล่าวมิได้ตกเป็นรายได้ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลทั้งหมด
แต่จะจัดสรรร้อยละ ๖๐ เป็นเงินรางวัลและนำเข้าเป็นรายได้แผ่นดินไม่น้อยกว่าร้อยละ
๒๓ ซึ่งเป็นการจัดสรรตามที่พระราชบัญญัติดังกล่าวข้างต้นบัญญัติไว้ในมาตรา ๒๒ นอกจากนี้
สลากดังกล่าวกำหนดให้เป็นแบบสลากกินแบ่งรัฐบาล ๖ หลัก (Lottery 6 : L6)
และสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข ๓ หลัก (Number 3 : N3)
ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนในการเลือกซื้อเลขที่ต้องการได้มากยิ่งขึ้น
รวมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาการจำหน่ายสลากเกินราคาและการพนันนอกระบบที่มีอยู่ในปัจจุบัน
โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้กำหนดวิธีการขายสลากดังกล่าว
โดยให้ความสำคัญกับการเปิดโอกาสให้ผู้ค้ารายย่อย ผู้พิการ และกลุ่มเปราะบาง
ได้มีโอกาสลงทะเบียนเป็นผู้ค้ากับสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐเป็นลำดับต้นด้วย ๒. เห็นชอบในหลักการการออกผลิตภัณฑ์ใหม่
[สลากกินแบ่งรัฐบาล
๖ หลัก (Lottery 6 : L6) และสลากกินแบ่งรัฐบาลตัวเลข ๓ หลัก
(Number 3 : N3)] ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
และให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรมีข้อมูลความสัมพันธ์กับการกำหนดราคา วิธีการจำหน่าย
และการคัดเลือกตัวแทนจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล
เพื่อให้มั่นใจได้ว่าประเภทและรูปแบบของสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าว
สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการกำหนดให้มีสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นได้
และให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลดำเนินการศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน เช่น
ผลกระทบต่อผู้ค้าสลาก ผู้ด้อยโอกาส
และกำหนดวัตถุประสงค์ของการออกสลากรูปแบบดังกล่าวให้ชัดเจนก่อนดำเนินการต่อไป
เพื่อความรอบคอบในการดำเนินการ ไปพิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง รอบคอบ ครบถ้วน
แล้วนำร่างประกาศกำหนดประเภทและรูปแบบสลากกินแบ่งรัฐบาลเสนอคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 444 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์) | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งรองอธิบดีกรมศุลกากร
ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหารการจัดเก็บภาษี
(นักวิชาการศุลกากรทรงคุณวุฒิ) กรมศุลกากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๓๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๕ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 445 | ขอถอนร่างพระราชบัญญัติการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. .... และเสนอร่างพระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร พ.ศ. .... | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการพระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลแบบร้องขอและแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีทางการเงินแบบอัตโนมัติ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง
กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชกำหนดดังกล่าว
ตามที่กระทรงการคลังเสนอ
๓.
เห็นชอบให้กระทรวงการคลังแจ้งองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Cooperation and Development : OECD) เพื่อให้ความตกลงพหุภาคีระหว่างเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติ
(Multilateral Competent Authority Agreement on Automatic Exchange of
Financial Account Information : MCAA CRS) มีผลผูกพันเมื่อร่างพระราชกำหนดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามความตกลงระหว่างประเทศเกี่ยวกับภาษีอากร
พ.ศ. .... มีผลใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 446 | รายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. 2565 | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการนโยบายการเงิน
(กนง.) ประจำครึ่งหลังของปี พ.ศ. ๒๕๖๕ (๑ กรกฎาคม-๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕)
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
เป้าหมายนโยบายการเงินสำหรับปี ๒๕๖๖ คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๕)
อนุมัติอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ ๑-๓ เป็นเป้าหมายนโยบายการเงิน ๒.
ภาวะเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และเสถียรภาพระบบการเงิน ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๕
เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และ กนง.
ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง โดยจะขยายตัวที่ร้อยละ ๓.๗ และ
๓.๙ ในปี ๒๕๖๖ และ ๒๕๖๗ ตามลำดับ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ ๖.๕
ปรับเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งแรกของปี ๒๕๖๕ ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ ๕.๖
และระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพแต่ยังมีความเปราะบางในบางจุด โดยระบบธนาคารพาณิชย์ยังมั่นคง
แต่ต้องติดตามคุณภาพสินเชื่อโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ๓.
การดำเนินนโยบายการเงิน ในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๕ กนง.
ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย รวม ๓ ครั้ง จากร้อยละ ๐.๕๐ เป็นร้อยละ ๑.๒๕
เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วนการดำเนินนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
เงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งหลังของปี ๒๕๖๕ เคลื่อนไหวผันผวนตามทิศทางการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา
โดยเริ่มปรับแข็งค่าขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๕
หลังมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาจะชะลอการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ทั้งนี้ กนง. เห็นควรผลักดันการสร้างระบบนิเวศใหม่ของตลาดอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้มีการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 447 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการลงทุนในตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR)] | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 448 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน) | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล และน้ำมันอื่น ๆ
ที่คล้ายกัน ในบัญชีพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ประเภทที่
๐๑.๐๕ รายการน้ำมันดีเซลที่มีกำมะถัน และรายการน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกฎไขมันผสมอยู่
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์น้ำมันดีเซลที่สะท้อนต้นทุนตามข้อเท็จจริง
และควรเริ่มทยอยยกเลิกการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น ๆ
ที่คล้ายกัน ควบคู่ไปกับการดำเนินมาตรการช่วยเหลือประชาชนเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อยและมีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าและค่าครองชีพ
เพื่อให้ประชาชนและระบบเศรษฐกิจมีการปรับตัวต่อการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงานและลดแรงกดดันต่อฐานะการคลังของประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 449 | การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2569 | กค. | 14/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(International Monetary Fund : IMF) ปี ๒๕๖๙ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ ๑.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในฐานะผู้ว่าการธนาคารโลกของไทยได้มีหนังสือถึงธนาคารโลก
เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๕ แสดงความสนใจในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙ และได้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องไปยังธนาคารโลกแล้ว
ซึ่งไทยผ่านการพิจารณาความเหมาะสมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙ ร่วมกับอีก ๔ ประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐเฮลเลนิก (กรีซ) ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และรัฐกาตาร์ ๒.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะเข้าร่วมการประชุม Spring
Meeting ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ เมษายน ๒๕๖๖ ณ สหรัฐอเมริกา
ซึ่งจะมีการเสนอผลการประเมินประเทศที่มีความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙ จากนั้นในเดือนตุลาคม ๒๕๖๖ จะมีการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ ณ
ราชอาณาจักรโมร็อกโก
โดยจะเสนอชื่อประเทศที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙ ให้สภาผู้ว่าการธนาคารโลกและ IMF พิจารณาให้ความเห็นชอบ ๓. ในกรณีที่ไทยได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙
กระทรวงการคลังจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุม
และขออนุมัติกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับดำเนินการ
รวมทั้งขออนุมัติการลงนามในร่างบันทึกเข้าใจในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกฯ
ปี ๒๕๖๙ ต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 450 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินเพื่อสนับสนุนการกีฬาให้แก่ (๑)
การกีฬาแห่งประเทศไทย (๒) คณะกรรมการกีฬาจังหวัด (๓) สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด (๔)
สมาคมกีฬาที่ใช้คำว่า “แห่งประเทศไทย”
หรือกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยการกีฬาแห่งประเทศไทย
และ (๕) กรมพลศึกษา โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่าของจำนวนเงินบริจาค
สำหรับการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation)
ของกรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๗ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการกีฬา
และร่วมติดตามและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้เพื่อจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
รวมทั้งร่วมส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยรับบริจาคสำหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการกีฬาทุกแห่งใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์
(e-Donation) ของกรมสรรพากร เพื่อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้บริจาคและหน่วยบริจาค ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการภาษีดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการตามนัยแห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 451 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้าใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตสินค้าน้ำมันดีเซลและน้ำมันเตาที่โรงไฟฟ้าใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและขายกระแสไฟฟ้าทั้งหมดให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยออกไปเป็นระยะเวลา
๖ เดือนเพื่อลดแรงกดดันต่อการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิตไฟฟ้า ต้นทุนการผลิตสินค้า และภาระค่าครองชีพของประชาชน
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการจัดเก็บรายได้เพิ่มเติม
หรือการทยอยปรับเพิ่มอัตราภาษีสินค้าน้ำมันดังกล่าวควบคู่กับการดำเนินมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนที่มีรายได้ต่ำและมีความเปราะบางต่อการเพิ่มขึ้นของราคาพลังงาน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดีเซลที่สะท้อนต้นทุนตามข้อเท็จจริง
เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงภาระการชดเชยต้นทุนส่วนต่าง
ตลอดจนความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 452 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี
โดยยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
โดยให้หักลดหย่อนหรือหักเป็นรายจ่ายได้ ๒ เท่าของจำนวนเงินหรือรายจ่ายที่บริจาค
ผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร สำหรับการบริจาคให้แก่ กองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม รวม
๔ กองทุน ที่กระทำได้ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ได้แก่
กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข
กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมร่วมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้แก่กองทุนวิจัย
พัฒนาและนวัตกรรม รวมทั้งร่วมติดตามและประเมินผลประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้
เช่น ผลการรับเงินบริจาคของกองทุนวิจัย พัฒนา และนวัตกรรม จำนวน ๔ กองทุน (กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบมาตรวิทยา กองทุนเพื่อการพัฒนาระบบสาธารณสุข
กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม) การนำเงินบริจาคที่กองทุนดังกล่าวได้รับไปใช้ประโยชน์
และนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้กระทรวงการคลังเป็นรายปีจนสิ้นสุดมาตรการเพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับกับการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมและกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรติดตามการดำเนินงานของกองทุนให้สามารถขับเคลื่อนงานวิจัยที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศ
อาทิ การสนับสนุนการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิต
การพัฒนาผลิตภัณฑ์และแปรรูป การบริหารจัดการความเสี่ยงด้านภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
และการใช้ประโยชน์จากพลังงานทดแทน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 453 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษ) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีโดยขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
เป็นจำนวนร้อยละห้าสิบของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างงานผู้พ้นโทษที่ได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำเป็นระยะเวลาไม่เกิน
๓ ปี นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัวเข้าทำงาน เฉพาะส่วนที่ไม่เกิน ๑๕,๐๐๐ บาท ต่อคนต่อเดือน
เป็นระยะเวลา ๔ ปี สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๕
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงยุติธรรมขับเคลื่อนและสร้างการรับรู้และความเข้าใจมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการจ้างงานผู้พ้นโทษ
รวมทั้งร่วมติดตามและประเมินประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้และนำส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่กระทรวงการคลังเป็นรายปี
เพื่อประกอบการจัดทำรายงานเปรียบเทียบประโยชน์ที่ได้รับจากการสูญเสียรายได้ที่เกิดขึ้นจริงกับประมาณการตามมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๓.
ให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการจัดทำระบบการคัดกรองและออกใบรับรองผู้พ้นโทษที่มีความประพฤติดีจะช่วยสร้างโอกาสในการจ้างงานให้ผู้พ้นโทษ
และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการในการจ้างงานกลุ่มคนดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 454 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลสำหรับเงินได้ที่ได้รับเป็นเงินอุดหนุนจากรัฐตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์
เป็นเงินได้ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลัง (กรมสรรพสามิต)
รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าในการพิจารณาการขอรับสิทธิและการอนุมัติอุดหนุนให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนตามมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์
กรมสรรพสามิตจะต้องให้ความสำคัญกับเงื่อนไขในการนำเงินอุดหนุนที่ได้รับไปเป็นส่วนลดราคายานยนต์ไฟฟ้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์เพื่อกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศอย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 455 | การขยายอายุมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ (ระยะเวลา 1 ปี) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ขยายอายุมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
(วงเงิน ๒๕๐,๐๐๐ ล้านบาท) ออกไปอีก ๑ ปี (เดิมระยะเวลาดำเนินการ ๒ ปี) เพื่อรองรับการให้ความช่วยเหลือแก่ภาคธุรกิจภายใต้
(๑) มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู เพื่อให้ความช่วยเหลือและเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises : SMEs) ที่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ แต่ยังประกอบธุรกิจและมีศักยภาพในการแข่งขัน
แต่อาจต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นฟูธุรกิจ และ (๒) มาตรการสินเชื่อเพื่อการปรับตัว (Transformation
Loan) เพื่อเป็นแหล่งทุนให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ SMEs ที่มีความพร้อม
และต้องการปรับตัวในช่วงเปลี่ยนผ่านเพื่อรองรับบริบทใหม่และการเปิดประเทศหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ๑.๒
ไม่ขยายอายุมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ (วงเงิน
๑๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) เนื่องจากกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกันกับสถาบันการเงิน
โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ
ทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องนำหลักประกันมาเข้าโครงการ ๑.๓
โอนวงเงินคงเหลือของมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้ภายหลังสิ้นสุดมาตรการ
ณ วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๖๖
มารวมไว้เป็นวงเงินภายใต้มาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจ
เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
โดยคาดว่าจะมีวงเงินคงเหลือตามมาตรการสนับสนุนการรับโอนทรัพย์สินหลักประกันเพื่อชำระหนี้สูงสุด
จำนวน ๒๙,๐๐๐ ล้านบาท
เมื่อนำมารวมกับมาตรการสนับสนุนการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบธุรกิจจะทำให้มีวงเงินคงเหลือรวมทั้งสิ้นประมาณ
๖๑,๕๐๐ ล้านบาท หลังจากการต่ออายุมาตรการดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรกำหนดเพดานอัตราการให้สินเชื่อตามกลุ่ม/ประเภท
รวมถึงการกำหนดหลักเกณฑ์กำกับดูแลด้านกระบวนการสินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่องอย่างครอบคลุมเป็นธรรม
และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ยังมีข้อจำกัดในการฟื้นตัว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 456 | ร่างกฎหมายขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อรองรับการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติ (Thailand Plus Package) รวม 3 ฉบับ [ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบอัตโนมัติ) ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างบุคลากรที่มีทักษะสูง) และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสูง)] | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.๑ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในระบบอัตโนมัติ) มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๗๓๘) พ.ศ. ๒๕๖๔
โดยขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนในเครื่องจักรและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่องจักรในระบบอัตโนมัติ
แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม จากเดิม ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔
ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ เป็น ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๘ (เดิมสิ้นสุดไปแล้วเมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕) ๑.๒ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการจ้างบุคลากรที่มีทักษะสูง)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นเงินเดือนให้แก่การจ้างงานลูกจ้างที่มีทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ หรือคณิตศาสตร์ จากเดิม สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม
๒๕๖๕ เป็น สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ๑.๓ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
(มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรให้มีทักษะสูง)
มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมหรือค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมลูกจ้างในหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานของรัฐที่กำหนด
จากเดิม สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ เป็น สิ้นสุดวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๘ ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ
ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
ควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลิตภาพของผู้ประกอบการกลุ่มอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย
โดยเฉพาะผู้ประกอบการในภาคการผลิตและบริการที่เป็นบุคคลธรรมดาและภาคการเกษตร
รวมทั้งควรเตรียมความพร้อมและมาตรการรองรับแรงงานไร้ฝีมือที่อาจได้รับผลกระทบจากการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในกระบวนการผลิต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 457 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน 12 เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของรัฐบาลที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน
๑๒ เดือน ซึ่งดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ สรุปได้ ดังนี้ (๑)
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้กู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ วงเงินรวม ๑,๒๐๔,๐๓๐.๕๔ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๘๗ ของวงเงินตามแผนบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ครั้งที่ ๓
ซึ่งเป็นการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ที่มีระยะเวลาการชำระหนี้เกิน ๑๒ เดือน
รวม ๖๔๓,๓๐๔.๒๓ ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ ๕๓
ของวงเงินที่ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และ (๒)
การปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการหนี้ของรัฐบาลซึ่งช่วยลดการกระจุกตัวของหนี้ระยะสั้น
โดย ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ หนี้เงินกู้คงค้างของรัฐบาลมีจำนวนรวม ๙.๑๖
ล้านล้านบาท อายุเฉลี่ยของหนี้อยู่ที่ ๙ ปี ๑ เดือน ซึ่งยังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการให้เป็นไปตามตัวชี้วัดความเสี่ยงด้านการปรับโครงสร้างหนี้ภายใต้กลยุทธ์การบริหารหนี้สาธารณะระยะปานกลางในระยะ
๕ ปี ได้ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 458 | โครงการสลากการกุศลเพิ่มเติม | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบให้มีการออกสลากการกุศลเพื่อสนับสนุนโครงการที่ผ่านการกลั่นกรองจากคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
จำนวน ๓ โครงการ วงเงินรวม ๙๒๑.๔๕ ล้านบาท
เพื่อสนับสนุนโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนและมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อประโยชน์แก่ประชาชนและสังคมอย่างทั่วถึงในวงกว้าง ๑.๒
มอบหมายให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นผู้จัดพิมพ์ จัดจำหน่าย
และจ่ายเงินรางวัลสลากการกุศล
รวมถึงประสานงานกับหน่วยงานเจ้าของโครงการที่ได้รับการสนับสนุนเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนเกี่ยวกับการออกสลากการกุศล
การขออนุญาตการออกสลากการกุศล การนำส่งเงินให้หน่วยงานเจ้าของโครงการสลากการกุศล
และการจัดทำแผนการออกสลากการกุศลและแผนการใช้เงินของแต่ละโครงการ
และรายงานต่อคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล เพื่อประโยชน์ในการกำกับ
ติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้ ๑.๓
มอบหมายให้คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
กำหนดระยะเวลาในการผูกพันวงเงินของโครงการที่ได้รับการสนับสนุน
กำกับติดตามเร่งรัดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการตามแผนการออกสลากการกุศลและแผนการใช้เงินตามที่เสนอมา
และหากเกิดกรณีที่หน่วยงานเจ้าของโครงการไม่สามารถผูกพันวงเงินได้ตามกำหนด
ให้ยกเลิกวงเงินดังกล่าว
หรือให้หน่วยงานเจ้าของโครงการชี้แจงเหตุผลความจำเป็นเพื่อขออนุมัติจากคณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
จะขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดการใช้เงินภายในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจะต้องไม่เปลี่ยนแปลงเป็นกิจกรรมที่แตกต่างจากโครงการที่ได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการพิจารณาโครงการสลากการกุศล
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรกำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการจำแนกกิจกรรมภายใต้โครงการ
เพื่อให้การจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายเงินมีความชัดเจน
และควรมีการกำกับ ติดตามการดำเนินโครงการที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่กำหนดไว้
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 459 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... [การปรับปรุงการจัดเก็บภาษีจากโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token)] | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการโอนขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่ได้กระทำตั้งแต่วันที่
๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังจัดทำข้อมูลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผ่านมาจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชน
แล้วส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อประกอบการตรวจพิจารณาร่างผระราชกฤษฎีกาในเรื่องนี้ ๓. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของรองนายกรัฐมนตรี
(นายวิษณุ เครืองาม) สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าการยกเว้นการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนต่อประชาชนตามร่างพระราชกฤษฎีกาที่กระทรวงการคลังเสนอขายในครั้งนี้
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๑ เป็นต้นไป ซึ่งเดิมที่เคยมีการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวตามประมวลรัษฎากรและได้จัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปแล้วนั้น
อาจมีผลกระทบต่อการจัดสรรรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
จึงควรพิจารณาประเด็นดังกล่าวโดยคำนึงถึงการจัดสรรรายได้ที่รัฐจัดสรรให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ผ่านมาด้วย
ควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการภาษีดังกล่าว
รวมถึงสถานการณ์ ความจำเป็นและประโยชน์ที่จะได้รับ ให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน และพิจารณาดำเนินการตามนัยมาตราของมาตรา
๒๗ แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| 460 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบธุรกิจทางการเงินบางประเภทอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 พ.ศ. .... (เพื่อกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลิสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์) | กค. | 07/03/2566 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบธุรกิจทางการเงินบางประเภทอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๕๑ พ.ศ. .... (เพื่อกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลิสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์)
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ธุรกิจให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลิสซิ่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน
พ.ศ. ๒๕๕๑ และมีธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจดังกล่าว
เพื่อให้การประกอบธุรกิจดังกล่าวมีการกำกับดูแลเป็นการเฉพาะและคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับความเป็นธรรมจากการใช้บริการมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคร่วมกันกำหนดแนวทางกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจภายใต้ร่างพระราชกฤษฎีกาฯ
และผู้ประกอบธุรกิจภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ๓. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของธนาคารแห่งประเทศไทยไปพิจารณาหารือร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางในการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตการกำกับดูแลต่อไป ๔.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการกำกับดูแลธุรกิจการให้เช่าซื้อและการให้เช่าแบบลิสซิ่งให้ครอบคลุมสินทรัพย์ประเภทอื่นเพื่อให้การกำกับดูแลเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
