ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 217 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 4321 - 4340 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4321 | ผลการศึกษาโลกาภิวัฒน์การเคลื่อนย้ายทุนระหว่างประเทศ | กค | 22/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการศึกษาโลกาภิวัฒน์การเคลื่อน
ย้ายทุนระหว่างประเทศ โดยสถานการณ์และแนวโน้มการเคลื่อนย้ายทุนระหว่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา บทบาทของภาคเอกชนในด้านการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศขยายตัวมากขึ้น ทำให้มีการสะสมทุน ในภาคเอกชนและเป็นผลให้การเคลื่อนย้ายทุนเอกชนระหว่างประเทศเป็นไปอย่างรวดเร็ว สำหรับรูปแบบ การเคลื่อนย้ายทุน นั้น โครงสร้างการเคลื่อนย้ายทุนจากเดิมที่เป็นการกู้ผ่านสถาบันการเงิน หรือการลง ทุนโดยตรง ได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นการลงทุนในตลาดทุน เพื่อการกระจายความเสี่ยงและอยู่ในรูปกองทุน เพื่อการเก็งกำไร ปัจจุบันมีกองทุนอยู่กว่า 7,000 กองทุน และสินทรัพย์มากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนแนวทางการปรับตัวของประเทศไทยหลักการสำคัญภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์ด้านทุนระหว่างประเทศ คือ การรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจไม่ให้ผันผวนไปกับเงินทุนระยะสั้น และการเก็งกำไร และควรสนับ สนุนเงินทุนระยะยาว เพื่อการพัฒนาประเทศและธุรกิจ โดยแนวนโยบายในการรองรับการเคลื่อนย้ายทุน จำเป็นต้องมีการบริหารเพื่อเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายเสถียร ภาพเศรษฐกิจในระยะสั้น ได้แก่ 1) ดุลบัญชีเดินสะพัดสมดุลในระยะยาว หากขาดดุลในช่วงการลงทุนโครง การขนาดใหญ่ของภาครัฐ (Mega project) การขาดดุลสูงสุดไม่ควรเกินร้อยละ 2.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ในประเทศ 2) เงินสำรองระหว่างประเทศมากกว่า 3.5 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 3) การจัดอันดับ ความน่าเชื่อถือของประเทศ (Credit rating) ไม่ลด และเพิ่ม 2 อันดับ และ 4) ดุลการคลังสมดุล ส่วนแนว นโยบายในการดึงประโยชน์จากทุน มีแนวยุทธศาสตร์เพื่อดึงประโยชน์จากทุนระยะยาว ดังนี้ การดึงเงิน ทุนระยะยาว โดยเฉพาะเงินทุนจากเอเชีย การเพิ่มบทบาททุนไทยตามการค้าการลงทุนของไทยไปต่าง ประเทศ การปรับปรุงกลไกตลาดเงินและตลาดทุนในประเทศ และการสร้างกลไกดึงประโยชน์จากทุนสู่ ฐานรากเศรษฐกิจ ทั้งนี้ กระทรวงการคลังเห็นว่า การเคลื่อนย้ายทุนจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐ กิจและสังคมในทุกระดับ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องวางกรอบนโยบายเพื่อรองรับผลกระทบของการเคลื่อน ย้ายทุนดังกล่าว จากการศึกษาเบื้องต้นเห็นควรให้มีแนวนโยบาย 2 นโยบายหลัก คือ นโยบายแนวรับ เพื่อวางกลไกในประเทศเพื่อรองรับเสถียรภาพในประเทศระยะสั้น และนโยบายแนวรุกเพื่อสร้างกลไกดึง ประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายทุนให้สามารถสร้างประโยชน์สูงสุดกับประเทศ โดยจะได้หารือกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการพัฒนาเป็นยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติงานในรายละเอียดต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 4322 | รายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ประจำปี 2548 | กค | 22/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
ประจำปี 2548 สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2548 โดยมีรัฐวิสาหกิจที่เสนอขออนุมัติงบลงทุนจาก สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จำนวนทั้งสิ้น 50 แห่ง มีวงเงินงบลงทุนที่ได้ รับอนุมัติให้เบิกจ่ายจำนวนทั้งสิ้น 400,190.26 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2548 รัฐวิสาหกิจ สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้รวม 209,223.37 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 52.28 ของวงเงินที่ได้รับอนุมัติ ให้เบิกจ่ายทั้งปี สำหรับรัฐวิสาหกิจแห่งใหญ่ ๆ จำนวน 18 แห่ง ซึ่งมีงบลงทุนที่ได้รับอนุมัติให้เบิกจ่ายทั้งปี เป็นจำนวน 393,917.28 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 98.45 ของงบลงทุนรัฐวิสาหกิจที่ได้รับอนุมัติให้เบิก จ่ายทั้งหมด จากผลการเบิกจ่ายงบลงทุนประจำปี 2548 รัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีงบประมาณ จำนวน 12 แห่ง สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้าหมายที่รายงานคณะรัฐมนตรีไว้เพียง 4 แห่ง ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 8 แห่งไม่สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มรายละเอียดของ งานก่อสร้าง รวมทั้งการส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้รับจ้างล่าช้า การจ่ายค่าเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ต้องรอคำ พิพากษาถึงที่สุดก่อนจึงจะสามารถเบิกจ่ายเงินได้ ความไม่พร้อมของสถานที่ติดตั้งระบบ/อุปกรณ์ของหน่วย งานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ส่วนรัฐวิสาหกิจที่ใช้ปีปฏิทิน จำนวน 6 แห่ง ไม่สามารถเบิกจ่ายงบลงทุนได้ตามเป้า หมายที่รายงานคณะรัฐมนตรีไว้ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากรัฐวิสาหกิจกลุ่มนี้ยังมีระยะเวลาดำเนินการอีก 3 เดือน กระทรวงการคลังจะได้ติดตามและเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุน และรายงานผลการเบิกจ่ายงบลงทุน สำหรับงวดสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2548 อีกครั้งหนึ่ง
|
|||||||||||||||||||||
| 4323 | รายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ต่างประเทศด้วยเงินกู้เงินบาท | กค | 22/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้
ต่างประเทศด้วยเงินกู้เงินบาท โดยได้ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ภายใต้พระราชบัญญัติการบริหารหนี้ สาธารณะ พ.ศ. 2548 สำหรับหนี้เงินกู้ภายใต้ Euro Commercial Paper หรือ ECP Programme ที่ครบกำหนด ในวันที่ 5 สิงหาคม 2548 จำนวน 685 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งใช้เป็น Bridge Financing ในการทำ Refinance เงินกู้ธนาคารโลก จำนวน 400 ล้านเหรียญสหรัฐ และเงินกู้ธนาคารพัฒนาเอเซีย จำนวน 285 ล้านเหรียญ สหรัฐ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยโดยเฉลี่ยร้อยละ 6.19 ต่อปี และมีระยะเงินกู้คงเหลือโดยเฉลี่ย 4.8 ปี โดยใช้เงิน กู้เงินบาท เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เงินบาทต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่างประเทศ และเพื่อเป็นการปิด ความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยในการจัดหาเงินตราต่างประเทศ จำนวน 685 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำ ไปชำระหนี้ในวันที่ 5 สิงหาคม 2548 ได้ซื้อเงินเหรียญสหรัฐล่วงหน้า (Forward) จากธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ณ อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ย 41.1317 บาท/เหรียญสหรัฐ ส่วนการจัดหาเงินกู้เงินบาท จำนวน 27,500 ล้านบาท ได้ดำเนินการกู้เงินระยะสั้น จำนวน 24,500 ล้านบาท รวมกับเงินที่ได้จากการประมูล พันธบัตรรัฐบาลเพื่อการบริหารหนี้ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ครั้งที่ 1 งวดแรก จำนวน 3,000 ล้านบาท และได้มีการทยอยประมูลพันธบัตรอีก 8 งวด เป็นเงินรวม 24,500 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 4324 | มาตรการและแนวทางการเร่งรัดติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 | กค | 22/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการและแนวทางการเร่งรัด
ติดตามการใช้จ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 และตามที่ผู้อำนวยการสำนัก งบประมาณเสนอเพิ่มเติม ดังนี้ ให้เพิ่มผู้แทนสำนักงบประมาณเป็นกรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการในคณะ กรรมการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายเงินภาครัฐ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ส่วนแนวทางแก้ไขกรณีที่ส่วน ราชการและรัฐวิสาหกิจไม่สามารถดำเนินโครงการต่าง ๆ เนื่องจากได้รับงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งเป็น ผลมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีราคาสูงขึ้น (ตามหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 0405.2/ 21866 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2548 หน้า 4 ข้อ 3.2) โดยให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจพิจารณา ปรับแผนการใช้จ่ายและลดเป้าหมายของโครงการหรือกิจกรรมที่ไม่กระทบต่อภารกิจหลักของหน่วยงาน ไปดำเนินการก่อน
|
|||||||||||||||||||||
| 4325 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ พ.ศ. .... | กค | 22/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และ
วิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. .... โดยมีสาระ สำคัญคือ ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการปกครอง ดูแล บำรุงรักษา ใช้ และจัดหาประโยชน์เกี่ยวกับที่ราชพัสดุ และร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของ แผ่นดินโดยเฉพาะ พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงหลักเกณฑ์และวิธีการโอนกรรมสิทธิ์ที่ราชพัสดุที่มิใช่ ที่ดินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ใช้เพื่อประโยชน์ของแผ่นดินโดยเฉพาะ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรม การกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4326 | รายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยไตรมาสที่ 4 ปีงบประมาณ 2548 (เดือนกรกฎาคม - เดือนกันยายน 2548) | กค | 22/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในไตรมาส
ที่ 4 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ระหว่างเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2548 โดยสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่มสินค้า มีมูลค่านำเข้ารวม 246.110 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 31.17 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 14.50 ทั้งนี้ มูลค่าการนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยดังกล่าว เทียบกับมูลค่านำเข้ารวมของสินค้าทุกชนิดในช่วงไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 (29,447 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) มูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยทั้ง 17 กลุ่ม มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 0.84 ของมูลค่า นำเข้ารวม และเมื่อเทียบกับมูลค่านำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยในช่วงไตรมาส 4 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 กับช่วงเดียวกันของปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นจำนวน 11 รายการ โดยสินค้าฟุ่ม เฟือยที่มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ สุราต่างประเทศ สูท เสื้อ กระโปรง กางเกง สำหรับบุรุษ สตรี เด็กชาย เด็กหญิง และเนทไท นาฬิกาและอุปกรณ์ แว่นตา ไฟแช็คและอุปกรณ์ มีอัตรา การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 61.93, 58.57, 53.68, 35.49 และ 18.16 ตามลำดับ
|
|||||||||||||||||||||
| 4327 | ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (จำนวน 6 ฉบับ) | กค | 15/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความ
ในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีเงินได้ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเลิกพระราช กฤษฎีกาเดิม จำนวน 32 ฉบับ และนำมารวบรวมให้เป็นฉบับเดียว เพื่อให้การปฏิบัติเกี่ยวกับการเสียภาษี อากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้น รัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเดิม จำนวน 17 ฉบับ และนำมา โดยรวบรวมให้เป็นฉบับเดียว เพื่อให้การปฏิบัติเกี่ยวกับการเสียภาษีอากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ร่าง พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเดิม จำนวน 21 ฉบับ และนำมารวบรวมให้เป็นฉบับเดียว เพื่อ ให้การปฏิบัติเกี่ยวกับการเสียภาษีอากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความใน ประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเลิกพระ ราชกฤษฎีกาเดิม จำนวน 23 ฉบับ และนำมารวบรวมให้เป็นฉบับเดียว เพื่อให้การปฏิบัติเกี่ยวกับการเสีย ภาษีอากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ร่างพระราชกฤษฎีกออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการ ยกเว้นอากรแสตมป์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเดิม จำนวน 31 ฉบับ และนำมารวบรวมให้เป็นฉบับเดียวเพื่อให้การปฏิบัติเกี่ยวกับการเสียภาษีอากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิ ภาพ และร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาเดิม จำนวน 6 ฉบับ และนำมารวบรวมให้เป็นฉบับ เดียว เพื่อให้การปฏิบัติเกี่ยวกับการเสียภาษีอากรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม 6 ฉบับ และให้ส่งสำนัก งานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4328 | รายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (ประจำไตรมาสที่ 3 ปี 2548) | กค | 15/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการนำเข้าสินค้าที่ได้รับสิทธิพิเศษ
ทางภาษีศุลกากร ประจำไตรมาสที่ 3 ปี พ.ศ. 2548 (กรกฎาคม - กันยายน) มีการนำเข้าสินค้าที่ได้ รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรจากประเทศสมาชิกใหม่อาเซียน (กัมพูชา สปป.ลาว พม่า และเวียดนาม) โดยมีมูลค่าที่ได้รับสิทธิพิเศษรวม 97,977,039 บาท เป็นมูลค่าที่ได้รับยกเว้นอากรให้ 96,056,027 บาท และมูลค่าที่ลดอัตราอากรให้ 1,921,012 บาท โดยรวมต่ำกว่าไตรมาสที่ 2 ปี 2548 9,294,052 บาท
|
|||||||||||||||||||||
| 4329 | ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... | กค | 08/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมพระราช
กำหนดบริษัทบริหารสินทรัพย์ พ.ศ. 2541 พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมีสาระสำคัญคือ ขยายขอบเขตการดำเนินงานของบริษัทบริหารสินทรัพย์ให้สามารถรับจ้างบริหารจัด การสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มิได้รับโอนมาที่บริษัทบริหารสินทรัพย์ รวมทั้งขยายขอบเขตของสินทรัพย์ด้อย คุณภาพให้รวมถึงสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เคยเป็นของสถาบันการเงินและทรัพย์สินรอขาย และเพิ่มประสิทธิ ภาพในการกำกับดูแลและการตรวจสอบ โดยให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยเข้าตรวจสอบและกำหนด รูปแบบงบการเงิน ตลอดจนมีอำนาจในการสั่งการให้บริษัทบริหารสินทรัพย์แก้ไขฐานะและการดำเนินงาน ได้ตามระดับความรุนแรงของปัญหา และเพิ่มบทกำหนดโทษให้ชัดเจนขึ้น กำหนดอายุความการดำเนินคดี และการตั้งคณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ และส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนนำเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||
| 4330 | ร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 08/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยว
กับการศึกษาของบุตร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว โดยมี สาระสำคัญคือ ขยายการให้สวัสดิการแก่ผู้มีสิทธิได้รับเงินสวัสดิการการศึกษาของบุตรที่มีบุตรศึกษาอยู่ ในหลักสูตรระดับปริญญาตรีทั้งสถานศึกษาของทางราชการ และสถานศึกษาของเอกชน ให้มีสิทธิเบิกเงิน ค่าการศึกษาของบุตรในระดับปริญญาตรีได้ครึ่งหนึ่งของจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินอัตราที่กระทรวงการ คลังกำหนด และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4331 | มาตรการควบคุมการบริโภคสุราและยาสูบเพื่อสังคม | กค | 08/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงการคลังเสนอดังนี้ เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดเวลาขายสุรา
สำหรับผู้ได้รับใบอนุญาตขายสุราประเภทที่ 3 และประเภทที่ 4 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ ปรับปรุงกำหนด เวลาขายสุราของผู้ได้รับใบอนุญาตขายสุราประเภทที่ 3 และประเภทที่ 4 ซึ่งเป็นประเภทขายปลีก จากเดิม ตั้งแต่ 17.00 นาฬิกาถึง 02.00 นาฬิกา ของวันถัดไป เป็นตั้งแต่ 17.00 นาฬิกาถึง 24.00 นาฬิกา และร่าง กฎกระทรวงว่าด้วยข้อกำหนดเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตขายสุราและการขายสุรา สำหรับผู้ได้รับใบอนุญาต ขายสุราประเภทที่ 3 ถึงประเภทที่ 7 พ.ศ. .... มีสาระสำคัญคือ กำหนดข้อห้ามการออกใบอนุญาตขายสุรา ประเภทที่ 3 ถึงประเภทที่ 7 ว่าต้องไม่ออกให้ในกรณีสถานที่ขายสุราตั้งอยู่ในบริเวณสถานศึกษาหรือศาสน สถาน และผู้ขายต้องไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตขายสุรามาก่อนและต้องไม่ขายสุราให้แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ และเห็น ชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มีสาระสำคัญ คือ เพิ่มเงื่อนไขให้ผู้ได้รับใบอนุญาตขายยาเส้นหรือยาสูบหรือนำยาเส้นหรือยาสูบออกแสดง เพื่อขายจะต้อง ไม่ขายยาสูบชนิดบุหรี่ซิกาแรตให้แก่เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรเพิ่มหลักเกณฑ์ในร่าง กฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 ให้มีลักษณะทำนอง เดียวกับร่างกฎกระทรวงกำหนดวิธีการ เงื่อนไข และข้อกำหนด ในการออกใบอนุญาตขายสุราและการขาย สุรา พ.ศ. .... ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4332 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย | กค | 08/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งนายอำพน กิตติอำพน เป็น
กรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (3 พฤศจิกายน 2548) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่อง และการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 |
|||||||||||||||||||||
| 4333 | การเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาเกียวโต (ฉบับแก้ไข) | กค | 08/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 (ฝ่ายการ
ต่างประเทศ การศึกษา การศาสนาและวัฒนธรรม) ที่มีมติดังนี้ อนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอการเข้าเป็น ภาคีอนุสัญญาเกียวโต (ฉบับแก้ไข) ทั้งนี้ ให้กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานคณะ กรรมการกฤษฎีกา รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ที่ให้กระทรวงการคลังดำเนินการเกี่ยว กับการเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ โดยให้ดำเนินการในเบื้องต้นต่อไปได้ สำหรับการให้กระทรวงการต่างประเทศ ภาคยานุวัติเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ เนื่องจากต้องนำเสนอรัฐสภา เพื่อขอความเห็นชอบตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 224 วรรคสอง และการเสนอรัฐสภาจำเป็นต้องเสนอร่างกฎหมายเพื่ออนุวรรตน์การตามอนุสัญญา ฯ ไปพร้อมกันด้วย จึงเห็นควรให้กระทรวงการคลังเร่งประสานกับกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่าง ประเทศ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อยกร่างกฎหมาย ดังนี้ การยื่นเอกสารประกอบทางอิเล็ก ทรอนิกส์ การกำหนดมูลค่าหรือภาษีขั้นต่ำที่จะไม่มีการจัดเก็บภาษี การกำหนดให้คำวินิจฉัยล่วงหน้าของศุลกา กรมีผลผูกพัน และการเก็บค่าธรรมเนียมในการออกคำวินิจฉัย การชำระภาษีภายหลังการตรวจปล่อยสินค้า (Deferred Payment) โดยปลอดดอกเบี้ย และการยื่นใบขนสินค้าเพียงฉบับเดียว สำหรับการนำเข้า-ส่งออกใน ช่วงระยะเวลาที่กำหนด (Single goods declaration for all imports or exports in a given period) โดยให้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจร่างกฎหมายในลักษณะคู่ขนาน (Parallel) ส่วนการยกร่างกฎหมาย ให้ กระทรวงการคลังดำเนินการเป็นกรณีเร่งด่วน (Fast Track) ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยไม่ต้องดำเนินการตามขั้น ตอนการเสนอกฎหมายตามแผนพัฒนากฎหมายแห่งชาติเพื่อรวบรวมเสนอขอความเห็นชอบไปยังรัฐสภาพร้อม ในคราวเดียวกัน นอกจากนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับปรุงการแปลชื่อของอนุสัญญา ฯ โดย เฉพาะการใช้คำว่า Harmonization ให้เหมาะสมโดยขอคำแนะนำจากผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสรจักร เกษมสุวรรณ) ไปดำเนินการต่อไป และอนุมัติในหลักการในการแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับอนุ สัญญา ฯ ดังกล่าว สำหรับการภาคยานุวัติเพื่อเข้าเป็นภาคีอนุสัญญา ฯ ดังกล่าว ให้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการเมื่อกระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และกระทรวง การต่างประเทศได้ดำเนินการตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ และรัฐสภาได้ให้ความเห็น ชอบแล้ว |
|||||||||||||||||||||
| 4334 | การแต่งตั้งกรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย | กค | 03/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งนายอำพน กิตติอำพน เป็น
กรรมการอื่นในคณะกรรมการบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (3 พฤศจิกายน 2548) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่อง และการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
| 4335 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรี เรื่อง ขออนุมัติงบลงทุนและกู้เงินเพื่อซื้อหุ้น บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) | กค | 01/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติดังนี้ เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2548 [เรื่อง
ขออนุมัติงบลงทุนและกู้เงินเพื่อซื้อหุ้นบริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) ตามสิทธิในสัญญา โครงการระบบรถไฟฟ้ามหานคร สายเฉลิมรัชมงคล] และอนุมัติให้ดำเนินการตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ให้ รฟม. กู้เงิน จำนวน 2,600 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นของ BMCL โดยมีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน เงินกู้และให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว ในระหว่างที่ รฟม. ยังไม่สามารถจ่าย คืนเงินกู้ได้ รวมทั้งเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน ตาม ความเหมาะสมและจำเป็น |
|||||||||||||||||||||
| 4336 | รายงานผลการกู้เงินสำหรับแผนเงินกู้ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย | กค | 01/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานผลการลงนามความตกลงว่าด้วยความ
ร่วมมือทางการเงินระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และการลงนามในสัญญาเงินกู้ และสัญญาค้ำประกันเงินกู้ สำหรับแผนกู้เงินสำหรับแผนเงินกู้ของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมแห่งประเทศไทย โดยสาระสำคัญของความตกลง ฯ ดังกล่าว มีดังนี้ รัฐบาลสหพันธ์สาธารณรัฐ เยอรมนีให้ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย กู้เงินผ่านสถาบันเครดิตเพื่อ การบูรณะและพัฒนาแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ในวงเงิน 26 ล้านยูโร การใช้เงินกู้ภายใต้ความตกลงฯ จะต้องมีกระทรวงการคลังในนามรัฐบาลไทยเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้โดยรัฐบาลไทยจะยกเว้นการเรียกเก็บภาษี ทั้งปวง และค่าธรรมเนียมอื่นๆ ในประเทศไทยจาก KfW และจะอนุญาตให้ผู้โดยสารและผู้ขายสินค้ามีสิทธิใน การเลือกวิสาหกิจขนส่ง เพื่อทำการขนส่งบุคคลและสิ่งของอันเป็นผลจากการให้เงินกู้ได้โดยเสรี รวมทั้งจะ ละเว้นการดำเนินมาตรการใด ๆ ที่อาจจะเป็นการกีดกันแก่การเข้ามามีส่วนร่วมโดยเท่าเทียมกันของวิสาหกิจ ขนส่งซึ่งมีสถานที่ประกอบธุรกิจในดินแดนสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนีโดยที่การกู้เงินในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้สำหรับดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูและช่วยเหลือ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ธรณี พิบัติภัยจากคลื่นยักษ์สึนามิในภาคใต้ การให้สินเชื่อแก่ SMEs ทั่วประเทศ ในกลุ่มการเกษตรโดยครอบคลุม ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิต การแปรรูป และการกระจายสินค้า และการพัฒนาศักยภาพของ SMEs ในภาคใต้ สำหรับการเบิกจ่ายเงินกู้ ให้เบิกจ่ายภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2550 ส่วนการชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย จะชำระในเดือนมิถุนายนและเดือนธันวาคม ของทุกปี และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจัดทำความ เห็นทางกฎหมาย สำหรับการกู้เงินดังกล่าวในโอกาสต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 4337 | รายงานกิจการประจำปี งบดุล งบกำไรและขาดทุน และความคืบหน้าการดำเนินกิจการของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย | กค | 01/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการประจำปี งบดุล งบกำไรและ
ขาดทุน และความคืบหน้าการดำเนินกิจการของบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) ประจำปี พ.ศ. 2547 โดย บตท. ได้ลงทุนในลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นธุรกรรมหลักมากขึ้นโดยมีเงินลงทุนใน ลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยจำนวน 1,468.08 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิในปี พ.ศ. 2547 หากไม่นับรวมค่า ใช้จ่ายพิเศษในการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาในเรื่องควบรวมกิจการ และเงินกันสำรองหนี้ด้อยคุณภาพเกิน กว่าเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็จะทำให้ บตท. มีกำไรสุทธิ จำนวน 12.54 ล้านบาท นอกจากนี้ บตท. ยังขยายธุกรรมการจัดซื้อสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้จำนวน 2,490.59 ล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มมาก ขึ้นโดยตลอด และยังสามารถประกอบธุรกรรมการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ โดยสามารถแปลงสิน เชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักทรัพย์ด้วยการออกตราสาร Mortgage Backed Securities (MBS) จำนวน 600 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ สำหรับความคืบหน้าการดำเนินกิจการของ บตท. เพิ่มเติม มีดังนี้ ใน ช่วง 5 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2548 บตท. มีสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจัดชั้น (NPL) จำนวน 678.02 ล้าน บาท เท่ากับร้อยละ 10.85 ของสินทรัพย์รวม ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจากในช่วงปี พ.ศ. 2547 ประกอบกับคณะ กรรมการ บตท. ได้ดำเนินการตรวจสอบและดำเนินมาตรการแก้ไขปัญหาการเพิ่มขึ้นของ NPL ที่สูงขึ้น อย่างผิดปกติโดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเกี่ยวกับ NPL โดยละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการดำเนินงาน รวมทั้งได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงและ รายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายไชยยศ สะสมทรัพย์) ซึ่งรัฐมนตรีช่วย ฯ ได้สั่งการให้คณะกรรมการ บตท. แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยและดำเนินคดี กับผู้ที่เกี่ยวข้องโดยด่วนที่สุดแล้ว |
|||||||||||||||||||||
| 4338 | มาตรการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและการขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน | กค | 01/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการการกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีและการขยาย
เวลาการเบิกจ่ายเงิน โดยให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจดำเนินการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2544-2548 โดยเคร่งครัด ดังนี้ เงินงบประมาณปี พ.ศ. 2544-2547 จำนวน 43,964 ล้านบาท (148,184-104,220) ใน หลักการต้องพับไปแล้ว เว้นแต่กรณีที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจได้ก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว ให้ส่วนราชการและรัฐ วิสาหกิจแจ้งรายละเอียดการก่อหนี้ผูกพันให้กรมบัญชีกลางทราบ เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติเป็น กรณี ๆ ไป ภายในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2548 สำหรับเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2548 ในหลักการจะให้กันเงิน เฉพาะกรณีที่ก่อหนี้ผูกพันไว้แล้ว กรณีที่ก่อหนี้ผูกพันไม่ทัน ให้ทำสัญญาผูกพันได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2548 เท่า นั้น ยกเว้นงบประมาณงบกลาง ที่คณะรัฐมนตรีอาจมีมติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีได้เป็นกรณีพิเศษ
|
|||||||||||||||||||||
| 4339 | การแต่งตั้งประธานและกรรมการอื่นในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (จำนวน 5 ราย) | กค | 01/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการอื่น
ในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย จำนวน 5 คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะ รัฐมนตรีมีมติ (1 พฤศจิกายน 2548) เป็นต้นไป ประกอบด้วย นายวีรพงษ์ รามางกูร เป็นประธานกรรมการ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ นายพิชิต อัคราทิตย์ และนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ เป็นกรรมการ ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
| 4340 | ร่างพระราชกฤษฎีกาการจ่ายเงินเดือน เงินปี บำเหน็จ บำนาญและเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 01/11/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชกฤษฎีกาเงินเดือน เงิน
ปี บำเหน็จ บำนาญและเงินอื่นในลักษณะเดียวกัน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ ยกเลิกการเบิก จ่ายเงินเดือนด้วยวิธีการจัดทำเป็นบัญชีถือจ่าย โดยปรับปรุงวิธีการเบิกจ่ายขึ้นใหม่ และกำหนดวันจ่ายเงิน เดือนและบำนาญประจำเดือนให้เร็วขึ้นสามวันทำการ เพื่อให้การเบิกจ่ายเงินเดือนและบำนาญประจำเดือน แก่ข้าราชการและผู้รับบำนาญมีความคล่องตัว รวดเร็ว เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน และ กำหนดให้อธิบดีกรมบัญชีกลางเป็นผู้พิจารณาการอนุญาตการจ่ายเงินเดือนให้แก่ข้าราชการที่มิได้มาปฏิบัติ ราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อเป็นการกระจายอำนาจและลดขั้นตอนในการปฏิบัติงาน รวมทั้งเปลี่ยนแปลงการแสดงตนดำรงชีวิตของผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญขึ้นใหม่ เพื่อไม่ให้เป็นการสร้างภาระ และ ความลำบากให้แก่ผู้รับบำนาญเกินความจำเป็น และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
.....
