ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 219 จากทั้งหมด 483 หน้า แสดงรายการที่ 4361 - 4380 จากข้อมูลทั้งหมด 9657 รายการ
| ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 4361 | มาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรที่ประสบอุทกภัยปีการผลิต 2547 | กค | 04/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการพิเศษในการให้ความ
ช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่ประสบอุทกภัยปีการผลิต 2547 ที่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ ธ.ก.ส. แล้ว โดยมาตรการดังกล่าวจะให้ความช่วยเหลือเกษตรกร ลูกค้า ธ.ก.ส. ใน 23 จังหวัด จำนวน 13,583 ราย ดังนี้ เกษตรกรที่มีหนี้เงินกู้ตามสัญญาเดิมก่อนประสบภัย ได้แก่ เกษตรกรที่ประสบภัยจนเสียชีวิต ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธ.ก.ส. จะจำหน่ายออกจากบัญชีเป็นหนี้สูญ ซึ่ง ธ.ก.ส. ได้สำรวจเป็นรายบุคคลแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีลูกค้าเสียชีวิต และเกษตรกรที่มีหนี้เงินกู้เพื่อทำการผลิต และ /หรือเพื่อการลงทุน (ไม่รวมหนี้เงินกู้โครงการนโยบายรัฐที่มีอัตราดอกเบี้ยลดหย่อนมากกว่าหลักเกณฑ์ปกติ ของ ธ.ก.ส.) จะให้พักชำระหนี้เงินกู้ที่ถึงกำหนดชำระก่อนวันที่ 31 มีนาคม 2550 โดยขอให้รัฐบาลชดเชยดอก เบี้ยเงินกู้แทนในอัตราดอกเบี้ยลูกค้าชั้นดีเลิศ ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยสำหรับเกษตรกรลูกค้ารายย่อย สำหรับ เกษตรกรที่ประสงค์จะกู้เงินสัญญาใหม่เพื่อฟื้นฟูการผลิต ธ.ก.ส. จะให้กู้ในวงเงินรายละไม่เกิน 30,000 บาท และลดดอกเบี้ยเงินกู้ตามอัตราปกติลงร้อยละ 3 ต่อปี กำหนดชำระคืนเป็นรายปีระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดย ธ.ก.ส. ขอให้รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้จากการลดอัตราดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 3 ต่อปี ทั้งนี้ ให้ ธ.ก.ส. ตรวจสอบข้อมูลความถูกต้องกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อมิให้เกิดปัญหาความผิดพลาดและการให้ความ ช่วยเหลือซ้ำซ้อน เช่น กรณีเกษตรกรรายเดียวกันอาจเป็นหนี้โดยตรงกับ ธ.ก.ส. และเป็นหนี้ทางอ้อมโดยกู้ เงินผ่านสหกรณ์การเกษตรด้วย เป็นต้น กับอนุมัติในหลักการงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ของเกษตร กรให้แก่ ธ.ก.ส. ในการดำเนินมาตรการพิเศษดังกล่าว โดยให้มีการชดเชยแก่ ธ.ก.ส. เป็นปี ๆ ไป ตามข้อเท็จ จริงภายใน 3 ปี ในวงเงินรวม 227.84 ล้านบาท โดยให้ ธ.ก.ส. เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่อไป และให้รับข้อสังเกตของสำนักงบประมาณที่ว่า หาก ธ.ก.ส. มีฐานะทางการเงินดีขึ้น ให้ ธ.ก.ส. รับภาระเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยลดภาระของรัฐบาลในการชดเชยดอกเบี้ยแทนเกษตรกรได้อีกทางหนึ่ง ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 4362 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (จำนวน 4 ราย) | กค | 04/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรม
การบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ นายอดิศร ธนนันท์นราพูล ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน นายอุดม หอมจำปา ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน และนาย รัฐนิติ์ พัฒนกุล ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (30 กันยายน 2548) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 |
|||||||||||||||||||||
| 4363 | รายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 | กค | 04/10/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2548 ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ เบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 1,103,522 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.79 ของวงเงินงบประมาณ 1,176,600 ล้าน บาท เทียบกับผลการเบิกจ่ายในช่วงเดียวกันของปีงบประมาณก่อนสูงกว่าร้อยละ 1.41 ส่วนผลการเบิกจ่ายเงิน งบประมาณจำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 1,118,622 ล้านบาท หรือร้อยละ 93.22 ของวงเงินงบประมาณ 1,200,000 ล้านบาท จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ จำนวน 901,796 ล้านบาท หรือร้อยละ 99.65 ของงบประมาณรายจ่ายประจำ 904,936 ล้านบาท และรายจ่าย ลงทุน จำนวน 216,826 ล้านบาท หรือร้อยละ 73.48 ของงบประมาณรายจ่ายลงทุน 295,064 ล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่รวมงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันและการพัฒนาที่ยั่งยืนของ ประเทศ (23,400 ล้านบาท) จะมีการเบิกจ่ายเงินจากคลัง 206,726 ล้านบาท หรือร้อยละ 74.72 ของวงเงิน งบประมาณรายจ่ายลงทุน และผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายจำแนกตามกระทรวง กระทรวงที่มีอัตรา การเบิกจ่ายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงการคลัง หน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ และกระทรวงแรง งาน ซึ่งมีอัตราการเบิกจ่ายต่อวงเงินงบประมาณเท่ากับ 98.54 98.20 และ 97.86 ตามลำดับ สำหรับผลการ เบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เพิ่มเติม จำนวน 50,000 ล้านบาท ส่วนราช การและรัฐวิสาหกิจมีการเบิกจ่ายเงินเพิ่มเติมแล้ว จำนวน 21,153 ล้านบาท หรือร้อยละ 42.31 ของวงเงินงบ ประมาณ 50,000 ล้านบาท ประกอบด้วย รายการค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการตามแผนยุทธศาสตร์การ พัฒนาจังหวัดสำหรับผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ จำนวน 2,453 ล้านบาท รายการค่าใช้จ่ายในการ พัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านหรือชุมชน จำนวน 9,150 ล้านบาท เงินอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อดำเนินการตามมาตรการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง จำนวน 4,599 ล้านบาท และเงินสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น จำนวน 4,951 ล้านบาท นอกจากนี้ ผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 รวมงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ณ สิ้นเดือนกันยายน 2548 ในภาพรวมจำนวน 1,250,000 ล้าน บาท ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังทั้งสิ้น 1,139,775 ล้านบาท หรือร้อยละ 91.18 ของวง เงินงบประมาณ (1,250,000 ล้านบาท) และการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรรายจ่าย ลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณดังกล่าว จำนวน 20 แห่ง ปรากฏว่า หน่วยงานในกลุ่มนี้เบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน จำนวน 170,909 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 78.04 ของวงเงินงบ ประมาณรายจ่ายลงทุนของกลุ่ม (219,005 ล้านบาท) |
|||||||||||||||||||||
| 4364 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ | กค | 30/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้แต่งตั้งนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช เป็น
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะ รัฐมนตรีมีมติ (30 กันยายน 2548) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการ เสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
| 4365 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (จำนวน 4 ราย) | กค | 30/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรม
การบรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ นายอดิศร ธนนันท์นราพูล ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน นายอุดม หอมจำปา ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน และนาย รัฐนิติ์ พัฒนกุล ผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชน ตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (30 กันยายน 2548) เป็นต้นไป ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
| 4366 | การให้สิทธิพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) | กค | 27/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอหลักการของร่างหนังสือแลกเปลี่ยนระหว่าง
รัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นเกี่ยวกับการให้สิทธิพิเศษแก่เจ้าหน้าที่ธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่ง ญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation : JBIC) ประจำประเทศไทย โดยมีหลักการคือ การอำนวย ความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ JBIC ประจำประเทศไทยให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งในการติด ต่อประสานงาน รวมทั้งการดำเนินงานตามโครงการเงินกู้จากรัฐบาลญี่ปุ่น และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นในหนัง สือแลกเปลี่ยนดังกล่าว
|
|||||||||||||||||||||
| 4367 | การกู้เงินของธนาคารอาคารสงเคราะห์เพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียน จำนวน 13,000 ล้านบาท | กค | 27/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์กู้เงินในประเทศ
โดยการออกพันธบัตรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 13,000 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและ อื่น ๆ โดยกระทรวงการคลังค้ำประกัน และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และราย ละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงินได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ ให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์พิจารณาหา แหล่งเงินทุนเพิ่มเติมโดยนำกลุ่มสินเชื่อ (portfolio) ที่มีอยู่ไปแปลงเป็นหลักทรัพย์ (securitization) เพื่อให้เป็น แหล่งเงินซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนเงินกู้ และลดภาระดอกเบี้ยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ด้วย
|
|||||||||||||||||||||
| 4368 | แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรี (นายสมพงษ์ หิริกุล และนายสุพจน์ ฤชุพันธุ์) | กค | 27/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 437/2548 เรื่อง
แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรี ลงวันที่ 16 กันยายน 2548 โดยแต่งตั้งนายสมพงษ์ หิริกุล เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) และนายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงการคลัง (นายไชยยศ สะสมทรัพย์) ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอ เรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 |
|||||||||||||||||||||
| 4369 | ขออนุมัติการจ่ายเงินตอบแทนพิเศษรายเดือนแก่ผู้ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ | กค | 27/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอเกี่ยวกับการจ่ายเงินตอบแทน
พิเศษรายเดือนแก่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2549 ประกอบ ด้วย ข้าราชการ (เช่น ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ ครู) และลูกจ้างประจำ และผู้ปฏิบัติงานอื่นจำกัด เฉพาะประเภท ได้แก่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองท้องที่ (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง/ ฝ่ายรักษาความปลอดภัย สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล) อาสาสมัครทหารพราน พลอาสา อส.รด. พลทหารกองประจำการ รวมทั้งบุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้คณะกรรมการนโยบาย เสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กสชต.) พิจารณารายละเอียดผู้มีสิทธิได้รับเงินตอบแทนพิเศษ ดังกล่าวให้ชัดเจนเหมาะสมก่อน แล้วจึงดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4370 | รายงานการเงินของแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2547 | กค | 27/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานการเงินของแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2547 ที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้ว ประกอบด้วย รายรับ จำนวน 1,201,111.02 ล้านบาท รายจ่ายจริง จำนวน 1,194,452.13 ล้านบาท สินทรัพย์หมุนเวียน จำนวน 321,924.92 ล้าน บาท เงินลงทุนตามโครงการช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 1 จำนวน 36,283.38 ล้านบาท เงินลงทุนตามโครง การช่วยเพิ่มเงินกองทุนชั้นที่ 2 จำนวน 2,430.00 ล้านบาท และเงินลงทุนเพื่อชำระหนี้ต่างประเทศ จำนวน 5,236.62ล้านบาท และหนี้สิน จำนวน 2,150,192.80 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 4371 | แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรี (นายสมพงษ์ หิริกุล และนายสุพจน์ ฤชุพันธุ์) | กค | 23/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 437/2548 เรื่อง
แต่งตั้งที่ปรึกษารัฐมนตรี ลงวันที่ 16 กันยายน 2548 โดยแต่งตั้งนายสมพงษ์ หิริกุล เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรี ช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวราเทพ รัตนากร) และนายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงการคลัง (นายไชยยศ สะสมทรัพย์) ทั้งนี้ ตามมาตรา 7 แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอ เรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548
|
|||||||||||||||||||||
| 4372 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... | กค | 20/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการ
บัญชีและการเงินของรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และแก้ไขเพิ่ม เติมเกี่ยวกับบทกำหนดวันใช้บังคับ โดยกำหนดให้ใช้บังคับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เพื่อให้เป็นไปตามแบบการ ร่างกฎหมาย รวมทั้งแก้ไขนิยามคำว่า "รัฐวิสาหกิจ" ให้หมายถึง รัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบ ประมาณที่ไม่ใช่บริษัทมหาชนจำกัดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เว้นแต่จะมีบทบัญญัติ ในระเบียบนี้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น และกำหนดให้กระทรวงการคลังกำหนดระยะเวลาปิดบัญชีของรัฐวิสาห กิจ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4373 | รายงานผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำเดือนกรกฎาคม 2548 | กค | 20/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานสรุปผลการเบิกจ่ายเงินงบประมาณประจำ
ปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2548 โดยผลการเบิกจ่ายเงินงบ ประมาณในภาพรวมทั้งประเทศในส่วนของการเบิกจ่ายเงินงบประมาณจำแนกตามลักษณะเศรษฐกิจ (ประจำ/ ลงทุน) ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจเบิกจ่ายเงินจากคลังแล้ว 928,657 ล้านบาท หรือร้อยละ 77.39 ของวง เงินงบประมาณ (1,200,000 ล้านบาท) ซึ่งไม่รวมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 เพิ่ม เติม (50,000 ล้านบาท) จำแนกเป็นรายจ่ายประจำ 761,749 ล้านบาท หรือร้อยละ 84.56 ของงบประมาณ รายจ่ายประจำ (900,805 ล้านบาท) และรายจ่ายลงทุน 166,908 ล้านบาท หรือร้อยละ 55.79 ของงบ ประมาณรายจ่ายลงทุน (299,195 ล้านบาท) สำหรับผลการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนของหน่วยงานที่ได้รับจัด สรรรายจ่ายลงทุนเกิน 1,000 ล้านบาท ซึ่งมีหน่วยงานที่ได้รับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายลงทุนกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 20 แห่ง วงเงินงบประมาณ 219,418 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีงบประมาณจนถึงสิ้นเดือน กรกฎาคม 2548 หน่วยงานในกลุ่มนี้มีการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุน 145,482 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 66.30 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายลงทุน
|
|||||||||||||||||||||
| 4374 | ผลการพิจารณาดำเนินการตามรายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา เรื่อง รายงานผลการตรวจสอบรายงานการรับ - จ่ายเงิน ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรและเงินกองทุนหมุนเวียน สำหรับอุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตามโครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหารจากรัฐบาลญี่ปุ่น ประจำปี งบประมาณ พ.ศ. 2544 | กค | 20/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอข้อมูลของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับผลการพิจารณาดำเนิน
การตามรายงานผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา เรื่อง ราย งานผลการตรวจสอบรายงานการรับ - จ่ายเงิน ของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรและเงินกองทุนหมุนเวียน สำหรับอุดหนุนเกษตรกรในการหาปัจจัยการผลิตตามโครงการความช่วยเหลือเพื่อเพิ่มผลผลิตทางอาหาร จากรัฐบาลญี่ปุ่น ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2544 สรุปได้ดังนี้ กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ใน ฐานะผู้ดำเนินการเบิกจ่ายเงิน และจัดทำบัญชีของกองทุนสงเคราะห์เกษตรกร จะสนับสนุนข้อมูลด้านการ เงินและบัญชีให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประจำทุกเดือน ได้แก่ รายงานการเงิน รายงานลูกหนี้ และรายงานการส่งเงินคืน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการติดตามหนี้ รวมทั้งมีหน้าที่ในการกำกับ ดูแลการดำเนิน งานของทุนหมุนเวียนต่างๆ โดยจัดให้มีระบบประเมินผลทุนหมุนเวียนขึ้น โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 กองทุนสงเคราะห์เกษตรกรได้เข้าสู่ระบบประเมินผล ฯ โดยมีเกณฑ์วัดการดำเนินงานด้านการเงิน ได้แก่ การรับชำระหนี้จากลูกหนี้ที่ครบกำหนดชำระคืนเงิน ด้านปฏิบัติการ ได้แก่ การดำเนินการลดระยะเวลา การให้บริการการปรับโครงสร้างหนี้ และการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานโครงการ
|
|||||||||||||||||||||
| 4375 | ขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณเพื่อดำเนินการโครงการใหม่ | กค | 20/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอให้กรมศุลกากรเปลี่ยนแปลงรายการงบ
ประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จากรายการก่อสร้างอาคารตรวจสินค้าด่านศุลกากรหนอง คาย พร้อมสิ่งปลูกสร้างประกอบ 1 แห่ง วงเงิน 43 ล้านบาท โดยใช้งบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 8.6 ล้านบาท และผูกพันงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 34.4 ล้านบาท ไปเป็น รายการก่อสร้างอาคารที่ทำการด่านศุลกากรช่องจอม พร้อมสิ่งปลูกสร้างประกอบ 1 แห่ง โดยใช้งบ ประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 จำนวน 8.6 ล้านบาท และผูกพันงบประมาณ พ.ศ. 2549 จำนวน 12.661 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 4376 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการรับแลกเปลี่ยนเหรียญกษาปณ์ชำรุด พ.ศ. .... | กค | 20/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างกฎกระทรวงว่าด้วยหลักเกณฑ์
และวิธีการในการรับแลกเปลี่ยนเหรียญกษาปณ์ชำรุด พ.ศ. .... โดยมีสาระสำคัญคือ แก้ไขหลักเกณฑ์และ เงื่อนไขการรับแลกเปลี่ยนเหรียญกษาปณ์ จากเดิมที่กำหนดว่า ต้องสามารถมองเห็นลวดลายด้านหน้าและ ด้านหลังว่าเป็นเหรียญกษาปณ์และขนาดของการชำรุดไม่เกินกว่า 1 ใน 5 ของขนาดเดิมหรือต้องมีน้ำหนัก เกินกว่าร้อยละ 80 ของน้ำหนักเหรียญกษาปณ์ เป็น ต้องสามารถมองเห็นลวดลายด้านหน้า หรือด้านหลัง ว่าเป็นเหรียญกษาปณ์และทราบได้ว่าเป็นชนิดราคาใด และมีความชำรุดไม่เกินกว่า 2 ใน 5 ของขนาดเดิม หรือต้องมีน้ำหนักไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ของน้ำหนักเหรียญกษาปณ์ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการ กฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 4377 | รายงานกิจการ งบดุล งบกำไรขาดทุน รอบปีบัญชี 2547 (1 เมษายน 2547 - 31 มีนาคม 2548) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค | 20/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานกิจการ งบดุล งบกำไรขาดทุน รอบปี
บัญชี 2547 (1 เมษายน 2547 - 31 มีนาคม 2548) ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย ณ วันสิ้นปีบัญชี 2547 ธ.ก.ส. มีสินทรัพย์ 422,348 ล้านบาท หนี้สิน 378,345 ล้านบาท รายได้ 26,611 ล้านบาท ค่าใช้จ่าย 24,966 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,645 ล้านบาท ส่วนด้านการให้ ความช่วยเหลือทางการเงินแก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์การเกษตร มีเกษตรกรได้รับบริการสิน เชื่อจาก ธ.ก.ส. 5,381,734 ครัวเรือน ได้ดำเนินการแก้ไขหนี้สินนอกระบบให้แก่ผู้ลงทะเบียนคนยากจนที่ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม จำนวน 876,407 ราย ผ่านการประชุมชี้แจงและเจรจาประนอมหนี้สำเร็จ 124,901 ราย มีผู้ยื่นความจำนงขอกู้เงิน ธ.ก.ส. 106,092 ราย ได้จ่ายเงินกู้แล้วจำนวน 56,888 ราย เป็น เงิน 3,877 ล้านบาท นอกจากนี้ ธ.ก.ส. ได้มีมาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรใน 3 จังหวัดชายแดน ภาคใต้ มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 56,520 ราย ต้นเงินกู้ 6,079 ล้านบาท แต่อยู่ในหลักเกณฑ์ได้รับเงิน ชดเชย 3,502 ล้านบาท มาตรการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรกรณีประสบธรณีพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิใน 6 จังหวัดภาคใต้ ได้ดำเนินการจำหน่ายหนี้สูญของเกษตรกรที่เสียชีวิตและสูญหาย 112 ราย รวมต้นเงิน และดอกเบี้ย 23 ล้านบาท โดย ธ.ก.ส. รับภาระเอง ขยายระยะเวลาการชำระหนี้และงดคิดดอกเบี้ยเป็น เวลา 3 ปี ให้แก่เกษตรกรลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจำนวน 6,090 ราย ต้นเงินกู้ 782 ล้านบาท และ อนุมัติเงินกู้เพื่อฟื้นฟูการประกอบอาชีพ เป็นระยะเวลา 3 ปี โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี มี เกษตรกรได้รับเงินกู้เพื่อการฟื้นฟู ฯ จำนวน 73 ล้านบาท
|
|||||||||||||||||||||
| 4378 | ท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน ครั้งที่ 19 | กค | 20/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินการเขต
การค้าเสรีอาเซียน ครั้งที่ 1/2548 เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2548 ในประเด็นต่างๆ ที่จะใช้เป็นท่าทีไทยใน การประชุมคณะมนตรีเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA Council) ครั้งที่ 19 ณ กรุงเวียงจันทร์ สาธารณรัฐ ประชาธิปไตยประชาชนลาว ดังนี้ ในกรณีอินโดนีเซียขอโอนย้ายสินค้าน้ำตาลจากบัญชียกเว้นลดภาษีชั่ว คราว Temporary Exclusion List : TEL) เข้าสู่บัญชีอ่อนไหวสูง (Highly Sensitive List : HSL) ที่ประชุมมีมติ ให้กระทรวงพาณิชย์พยายามเจรจากับอินโดนีเซียเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนการประชุม AFTA Council ครั้งที่ 19 เพื่อขอชดเชยความเสียหายให้แก่ไทยเท่าที่จะให้ได้ เพื่อมิให้แตกต่างกับกรณีของฟิลิปปินส์ ทั้งนี้ ขอให้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แจ้งรายการสินค้าที่ไทยต้องการให้อินโดนีเซียชดเชยให้ ภายในวันที่ 21 กันยายน 2548 หากการเจรจาไม่เป็นผล เห็นควรยินยอมให้อินโดนีเซียโอนย้ายได้ โดยให้เน้นย้ำว่า การ ยินยอมดังกล่าวของไทยเป็นไปตามเจตนารมณ์ของอาเซียน สำหรับกรณีมาเลเซียโอนย้ายสินค้ายานยนต์ เข้าสู่บัญชีลดภาษี (Inclusion List : IL) ที่ประชุมมีมติเห็นควรให้เรียกเก็บภาษีสินค้ายานยนต์ที่นำเข้าจาก มาเลเซียที่ยังไม่ลดภาษีภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียนลงเหลือ ร้อยละ 0-5 ในอัตราปกติที่เรียกเก็บเป็น การทั่วไป เนื่องจากเห็นว่ามาเลเซียยังมิได้ลดภาษีลงเหลือ ร้อยละ 0-5 ตามข้อผูกพันภายใต้เขตการค้า เสรีอาเซียน และในพิธีสารฯ ก็ไม่มีบทบัญญัติให้มีการเรียกเก็บภาษีในอัตราต่างตอบแทนได้
|
|||||||||||||||||||||
| 4379 | ร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กค | 13/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ
ข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับมีสาระสำคัญคือ กำหนดให้ผู้รับบำนาญสามารถนำบำเหน็จตก ทอดไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงินกับสถาบันการเงินได้ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณา ทั้งนี้ ให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. เกี่ยวกับกรณีการกำหนดให้ผู้รับบำนาญปกติผู้ใด ได้นำสิทธิบำเหน็จค้ำประกันไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงิน หากภายหลังผู้นั้นหมดสิทธิรับบำนาญ ระหว่างสัญญาค้ำประกันยังไม่สิ้นสุดให้บังคับเอากับหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ นั้น ควรให้กระทรวงการคลัง ดำเนินการเรียกคืนหลักทรัพย์ส่วนที่ถูกบังคับเอากับหลักทรัพย์ค้ำประกันได้จากผู้รับบำนาญ ซึ่งหมดสิทธิ รับบำนาญผู้นั้นต่อไปได้ และความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับกรณีการนำบำเหน็จตกทอดไปเป็น หลักทรัพย์ค้ำประกันการกู้เงินกับสถาบันการเงินต้องไม่เกินสิทธิบำเหน็จตกทอดของผู้รับบำนาญปกติ และ ผู้รับบำนาญพิเศษเพราะเหตุทุพพลภาพที่จะได้รับในอนาคต ไปพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
|||||||||||||||||||||
| 4380 | ร่างประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) (น้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4) | กค | 13/09/2548 | ||||||||||||||||||
|
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการตามที่กระทรวงการคลังเสนอร่างประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง ลดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) โดยมีสาระสำคัญคือ ให้จัดเก็บภาษีน้ำมันดีเซลที่มีไบโอดีเซล ประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรดไขมันผสมอยู่ไม่น้อยกว่าร้อยละ 4 ดังนี้ อัตราตามปริมาณลิตรละ 1.2398 บาท ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน 2548 ถึง 30 พฤศจิกายน 2548 อัตราตามปริมาณลิตรละ 1.7148 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2548 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2549 และอัตราตามปริมาณลิตรละ 2.1898 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2549 เป็นต้นไป และอนุมัติในหลักการให้กระทรวงการคลังสามารถปรับปรุงร่าง ประกาศกระทรวงการคลัง ทั้งนี้ เพื่อให้การลดอัตราภาษีสรรพสามิตครอบคลุมถึงน้ำมันดีเซลหมุนเร็วที่ ผสมกับไบโอดีเซลประเภทเมทิลเอสเตอร์ของกรมไขมันในสัดส่วน 90 ต่อ 10 โดยปริมาตรต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||
.....
