ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 664 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13261 - 13280 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13261 | การปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2562 ครั้งที่ 1 | กค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. อนุมัติและรับทราบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๑.๑ อนุมัติตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ตามมติที่ประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๒ ในการปรับปรุงแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑ ที่มีวงเงินปรับเพิ่มขึ้นสุทธิ ๒๓,๐๑๘.๘๑ ล้านบาท จากเดิม ๑,๘๒๘,๑๑๙.๑๘ ล้านบาท เป็น ๑,๘๕๑,๑๓๗.๙๙ ล้านบาท และการบรรจุโครงการพัฒนาหรือโครงการเพิ่มเติมในการปรับปรุงแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑ จำนวน ๖ โครงการ เช่น โครงการเงินกู้เพื่อรองรับการดำเนินงานของธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ในการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprises : SMEs) รวมถึงให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ SMEs รายย่อยตามนโยบายรัฐบาลอื่น ๆ (ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม) โครงการพัฒนากำลังคนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมสนับสนุนการลงทุนและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมในประเทศและภูมิภาค (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน) และโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน ๔๘๙ คัน (องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ) เป็นต้น รวมทั้งให้รัฐวิสาหกิจ จำนวน ๔ แห่ง ได้แก่ การเคหะแห่งชาติ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่มีสัดส่วนความสามารถในการหารายได้เทียบกับภาระหนี้ของกิจการ (Debt Service Coverage Ratio : DSCR) ต่ำกว่า ๑ สามารถกู้เงินใหม่และบริหารหนี้เดิมภายใต้แผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ โดยให้รัฐวิสาหกิจทั้ง ๔ แห่งดังกล่าวรับความเห็นของคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ เช่น ให้องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพเร่งรัดการดำเนินการตามแผนการแก้ไขปัญหาองค์กรให้ชัดเจนและสำเร็จเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยกระจายภาระหนี้ให้สอดคล้องกับการจัดหารายได้ของหน่วยงานและความสามารถในการจัดสรรงบประมาณเพื่อการชำระหนี้ในแต่ละปี เป็นต้น ไปดำเนินการด้วย ๑.๒ อนุมัติการกู้เงินของรัฐบาลเพื่อการก่อหนี้ใหม่ การกู้มาและการนำไปให้กู้ต่อ การกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ และการค้ำประกันเงินกู้ให้กับรัฐวิสาหกิจ ตามมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งอนุมัติการกู้เงินของรัฐวิสาหกิจเพื่อดำเนินโครงการลงทุนและการกู้เงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ภายใต้กรอบวงเงินของแผนฯ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ปรับปรุงครั้งที่ ๑ และให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณาการกู้เงิน วิธีการกู้เงิน เงื่อนไข และรายละเอียดต่าง ๆ ของการกู้เงิน การค้ำประกันและการบริหารความเสี่ยงในแต่ละครั้งได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ทั้งนี้ หากรัฐวิสาหกิจสามารถดำเนินการกู้เงินได้เอง ก็ให้สามารถดำเนินการได้ตามความเหมาะสมและจำเป็นของรัฐวิสาหกิจนั้น ๆ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังมอบหมายเป็นผู้ลงนามผูกพันการกู้เงินและหรือการค้ำประกันเงินกู้ต่างประเทศจากแหล่งเงินกู้ทางการ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑.๔ อนุมัติให้กระทรวงการคลังให้กู้ต่อแก่กรุงเทพมหานครจำนวนไม่เกิน ๑๕,๐๒๕.๕๒ ล้านบาท โดยเป็นวงเงินกู้ต่อเดิมของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยเพื่อรับโอนทรัพย์สินและหนี้สินของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ รวมทั้งเป็นผู้ดำเนินการเกี่ยวกับสัญญาเงินยืม จำนวนไม่เกิน ๔,๑๒๒.๒๘ ล้านบาท และเรียกเก็บเงินยืมที่ไม่มีดอกเบี้ยกับกรุงเทพมหานคร ๑.๕ รับทราบแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้และการชำระคืนเงินกู้ที่กระทรวงการคลังให้กู้แก่กรุงเทพมหานคร และแนวทางการชำระคืนเงินตามสัญญาเงินยืมระหว่างกระทรวงการคลังกับกรุงเทพมหานคร ๒. ให้กระทรวงการคลัง คณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น ควรกำกับ ติดตาม และเร่งรัดกระทรวงเจ้าสังกัดและหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินการและเบิกจ่ายเงินกู้ให้สอดคล้องและบรรลุวัตถุประสงค์ตามแผนที่กำหนดไว้ รวมทั้งควรติดตามและเร่งรัดการดำเนินการตามแนวทางการแก้ไขปัญหาองค์กรและแผนการบริหารหนี้ของรัฐวิสาหกิจกลุ่มดังกล่าวให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อลดภาระความเสี่ยงทางการเงินของรัฐบาลในอนาคต เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13262 | ขออนุมัติดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงตลิ่งชัน - ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม 3 สถานี (สถานีพระราม 6 สถานีบางกรวย - กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา และสถานีเพิ่มเติม ๓ สถานี ได้แก่ สถานีพระราม ๖ สถานีบางกรวย-กฟผ. และสถานีบ้านฉิมพลี ในกรอบวงเงิน ๑๐,๒๐๒.๓๘ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ รฟท. ขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ และให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น (๑) ให้ รฟท. จัดทำแผนธุรกิจ จัดทำแผนบริหารความเสี่ยง จัดทำแนวทาง open access ให้ผู้ประกอบการรายอื่นใช้ทางรถไฟได้ กำหนดรูปแบบการจัดการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ จัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและสถานีรถไฟ จัดทำแผนเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคม จัดระบบการบริหารจัดการการจราจรและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จอดแล้วจร (๒) ให้ รฟท. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) เพื่อพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีและสนับสนุนการใช้บริการของโครงการฯ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล (๓) ให้ รฟท. เร่งรัดดำเนินโครงการฯ ในช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ (๔) ให้ รฟท. ดำเนินการก่อสร้างเส้นทางรถไฟโดยไม่กีดขวางทางไหลของน้ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13263 | การปรับเพิ่มเงินลงทุนและเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โครงการโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 4 - 7 | พน | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ดำเนินการเปลี่ยนแปลงกำลังผลิตไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ ๔-๗ จากเดิม ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้ง ๖๐๐ เมกะวัตต์ เป็น ขนาดกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้ง ๖๕๕ เมกะวัตต์ และให้ กฟผ. ปรับเงินลงทุนโครงการฯ จากเดิมที่ได้รับอนุมัติเงินลงทุน ๓๖,๘๑๑ ล้านบาท เพิ่มขึ้น ๑,๑๕๐ ล้านบาท สรุปวงเงินลงทุนรวมเป็นจำนวนเงิน ๓๗,๙๖๑ ล้านบาท เพื่อให้การเบิกจ่ายของ กฟผ. ถูกต้องเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ จะต้องไม่นำวงเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวมาคำนวณผลตอบแทนการลงทุนในโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้า ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงาน โดย กฟผ. รับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการดำเนินโครงการใด ๆ กฟผ. ควรพิจารณาดำเนินโครงการอย่างรอบคอบ และหากมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของโครงการ จะต้องตรวจสอบขั้นตอนดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด รวมทั้งในการดำเนินโครงการลงทุนในอนาคต กฟผ. ควรกำกับดูแลการลงทุนให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด โดยหาก กฟผ. จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการที่เป็นสาระสำคัญ กฟผ. ต้องเร่งนำเรื่องดังกล่าวเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓. ให้กระทรวงพลังงานกำกับดูแล กฟผ. ให้ถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ (เรื่อง การตรวจสอบและจัดเตรียมความพร้อมในการดำเนินการตามแผน/โครงการของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ) อย่างเคร่งครัด
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13264 | การโอนใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่ให้แก่มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย | กต | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๒๖ (เรื่อง โรงเรียนนอกกฎหมายของ ดร. คิงส์ จังหวัดเชียงใหม่) จากเดิม “...ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนนี้” เป็น “...ให้กระทรวงการต่างประเทศมีอำนาจในการโอนใบอนุญาตดังกล่าวให้แก่มูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทยได้” ทั้งนี้ ให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบคุณสมบัติของมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทยให้ถูกต้องเป็นไปตามนัยมาตรา ๒๑ และมาตรา ๒๒ แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๕๐ และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งดำเนินการให้เป็นไปตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการโอนใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนเอกชน พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการกำกับและติดตามการดำเนินการเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติเชียงใหม่อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อให้การจัดการเรียนการสอนเป็นไปตามกรอบและทิศทางตามที่กฎหมายกำหนด โดยไม่เกิดปัญหาและผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติหรือวัฒนธรรมของประเทศหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13265 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายธีรพล สุขมาก) | สธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธีรพล สุขมาก ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลทุ่งสง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13266 | รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี 2560 | กค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ ประจำปีบัญชี ๒๕๖๐ มีรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจทั้งสิ้น จำนวน ๕๔ แห่ง ประกอบด้วย ๒ ระบบ ได้แก่ (๑) ระบบการบริหารจัดการองค์กร ผลการประเมินในภาพรวม รัฐวิสาหกิจมีคะแนนเฉลี่ยที่ ๓.๐๖๔๔ คะแนน เพิ่มขึ้น ๐.๑๔๑๓ คะแนน เมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๕๙ เนื่องจากผลการดำเนินการตามนโยบายของรัฐวิสาหกิจเป็นไปตามเป้าหมายมากขึ้น และ (๒) ระบบการประเมินคุณภาพรัฐวิสาหกิจ (State Enterprise Performance Appraisal : SEPA) ผลการประเมินในภาพรวม รัฐวิสาหกิจมีคะแนนเฉลี่ยที่ ๓.๘๕๙๙ คะแนน ลดลง ๐.๑๒๕๙ คะแนน เนื่องจากไม่สามารถบริหารแผนลงทุนได้ตามเป้าหมาย รวมถึงผลสำรวจ Employee Engagement ที่มีระดับลดลง ทั้งนี้ คณะกรรมการประเมินผลงานรัฐวิสาหกิจได้มีข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากรายงานผลการประเมินผลฯ เพิ่มเติม เช่น การวางแผนยุทธศาสตร์องค์กร การกำกับดูแลกิจการที่ดี การเสริมสร้างทรัพยากรด้านดิจิทัล การสร้างเสริมนวัตกรรม และการวางแผนบุคลากร เป็นต้น และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อสังเกตและข้อเสนอแนะจากการประเมินผลฯ อย่างเคร่งครัดต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น การเตรียมความพร้อมในการกำหนดบทบาทและทิศทางการดำเนินงานที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติระยะ ๒๐ ปี การเร่งสรรหาผู้บริหารสูงสุดที่ยังว่างอยู่ และการส่งเสริมให้รัฐวิสาหกิจมีบทบาทในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติที่ชัดเจนมากขึ้น และสามารถเร่งรัดการลงทุนและวางแผนการลงทุนร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงเจ้าสังกัดกำกับรัฐวิสาหกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รัฐวิสาหกิจขับเคลื่อนการดำเนินงานขององค์กรให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยไม่ควรให้มีการปรับลดเป้าหมายตัวชี้วัดในระหว่างรอบการประเมิน เพื่อให้การประเมินผลการดำเนินงานของรัฐวิสาหกิจสามารถสะท้อนประสิทธิภาพในการดำเนินงานขององค์กรได้อย่างแท้จริง พร้อมทั้งพิจารณากำหนดมาตรการให้ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจมีส่วนร่วมรับผิดชอบในกรณีที่รัฐวิสาหกิจมีผลการประเมินไม่เป็นไปตามเกณฑ์เป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13267 | ขอความเห็นชอบให้สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศจัดการศึกษาในประเทศไทย (Asian Institute of Hospitality Management, In Academic Association With Les Roches) | ศธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบให้ Asian Institute of Hospitality Management, In Academic Association With Les Roches (เลส์โรช) สมาพันธรัฐสวิส เข้ามาจัดการศึกษาในประเทศไทย ในหลักสูตรปริญญาตรีสาขาการบริหารธุรกิจการโรงแรม (Bachelor of Business Administration in Global Hospitality Management) โดยจัดตั้งใน ๒ พื้นที่ คือ จังหวัดชลบุรีและกรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็น ๑ ใน ๑๐ อุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อพัฒนาศักยภาพของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกซึ่งมีความเห็นในประเด็นการสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาของรัฐในประเทศกับสถาบันดังกล่าว การสร้างโอกาสในการเข้าถึงการศึกษาให้กับคนทุกกลุ่ม และการจัดให้มีศูนย์การฝึกอบรมระยะสั้นด้านการบริการและการท่องเที่ยว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13268 | การรับรองร่างปฏิญญา 3R กรุงเทพ ว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากขยะพลาสติกโดยใช้หลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียน | ทส | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบในหลักการร่างปฏิญญา 3R กรุงเทพ ว่าด้วยการป้องกันมลพิษจากขยะพลาสติกโดยใช้หลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียน มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ด้านนโยบายร่วมกันของผู้แทนประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อส่งเสริมการนำหลักการ 3R และเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในการดำเนินงานเพื่อลดมลพิษจากขยะพลาสติก ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้าน 3R ในประเทศไทย รวมทั้งเป็นการสร้างหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างประเทศ และองค์กรที่เกี่ยวข้อง อันจะนำไปสู่การพัฒนา ปรับปรุงระบบบริหารจัดการขยะมูลฝอยในประเทศให้ครบวงจร ทันสมัย และเป็นไปตามหลักสากล ๑.๒ เห็นชอบให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมควบคุมมลพิเศษร่างปฏิญญาฯ ในการประชุมระดับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อาวุโสด้าน 3R ของประเทศในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ครั้งที่ ๙ (The Ninth Regional 3R Forum in Asia and the Pacific) ระหว่างวันที่ ๔-๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน กรุงเทพมหานคร ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13269 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนมกราคม 2562 | นร11 | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ สิ้นเดือนมกราคม ๒๕๖๒ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความก้าวหน้ายุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี ความก้าวหน้าการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ การติดตาม การตรวจสอบ และการประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศ การสร้างการรับรู้และขยายหุ้นส่วนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการดำเนินงานในระยะต่อไป ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13270 | แต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายพีระพล พูลทวี) | ศธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายพีระพล พูลทวี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13271 | การแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (นายประเสริฐ ภัทรดิลก) | กค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง นายประเสริฐ ภัทรดิลก เป็นกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย แทน นายนพพร เทพสิทธา ที่มีอายุครบหกสิบห้าปีบริบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) เป็นต้นไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13272 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ธุรกิจ และการบริการในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ (ศาสตราจารย์ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์) | ศธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบกรณี นายณรงค์ศักดิ์ ภูมิศรีสอาด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ธุรกิจ และการบริการในคณะกรรมการสภาการศึกษา พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากลาออก เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และเห็นชอบแต่งตั้ง ศาสตราจารย์ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ เป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านเศรษฐกิจ การเงิน การคลัง ธุรกิจ และการบริการในคณะกรรมการสภาการศึกษา แทนผู้ที่ลาออก ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) เป็นต้นไป และให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการสภาการศึกษาในครั้งต่อไปให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ เรื่อง การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13273 | ความคืบหน้าโครงการจัดสร้างสวนป่า "เบญจกิติ" | กค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงการคลังรายงานความคืบหน้าโครงการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ว่า คณะกรรมการอำนวยการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ได้มีการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ มีมติเห็นชอบกรอบกระบวนการดำเนินงานจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” (Timeline) โดยให้รวมการออกแบบสวนป่า การรื้อถอน และการจัดสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ ๒ และระยะที่ ๓ ไว้ในคราวเดียวกัน ซึ่งการยาสูบแห่งประเทศไทยได้ปรับแผนการส่งมอบพื้นที่ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการอำนวยการฯ ดังกล่าว โดยจะทยอยส่งมอบพื้นที่ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และจะส่งมอบพื้นที่ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๓ ซึ่งกรมธนารักษ์จะสามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและก่อสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ระยะที่ ๒ และระยะที่ ๓ คู่ขนานกับการส่งมอบพื้นที่ โดยจะดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและออกแบบรายละเอียดได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ และจะก่อสร้างสวนป่า “เบญจกิติ” ให้แล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ ในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๔
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13274 | มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ | นร | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศไทยในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การจัดซื้อและการส่งมอบน้ำมันปาล์มจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวนรวม ๑๖๐,๐๐๐ ตัน เพื่อให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าแล้วเสร็จครบถ้วนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13275 | การส่งเสริมการใช้ยางพาราเป็นวัสดุสำคัญในการก่อสร้าง/ปรับปรุงถนน | นร05 | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอให้กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงชนบท เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการก่อสร้าง/ปรับปรุงเส้นทางคมนาคมต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนสายรองที่เชื่อมต่อถนนสายหลักไปยังหมู่บ้านและชุมชนต่าง ๆ โดยให้มุ่งเน้นใช้ยางพาราเป็นวัสดุสำคัญในการก่อสร้าง/ปรับปรุงถนนดังกล่าว เพื่อส่งเสริมให้มีการใช้น้ำยางพาราในประเทศให้เพิ่มขึ้นและสร้างสมดุลของราคายางพาราให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้นด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13276 | ขออนุมัติดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต - มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมือง สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ในกรอบวงเงิน ๖,๕๗๐.๔๐ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ ให้เป็นไปตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้ รฟท. ขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นต้น ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตลอดจนกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ และให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง เช่น (๑) ให้ รฟท. จัดทำแผนธุรกิจ จัดทำแผนบริหารความเสี่ยง จัดทำแนวทาง open access ให้ผู้ประกอบการรายอื่นใช้ทางรถไฟได้ กำหนดรูปแบบการจัดการเดินรถให้มีประสิทธิภาพ จัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและสถานีรถไฟ จัดทำแผนเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคม จัดระบบการบริหารจัดการการจราจรและรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จอดแล้วจร (๒) ให้ รฟท. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) เพื่อพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีและสนับสนุนการใช้บริการของโครงการฯ แทนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล (๓) ให้ รฟท. เร่งรัดดำเนินโครงการฯ ในช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และ (๔) ให้ รฟท. ดำเนินการก่อสร้างเส้นทางรถไฟโดยไม่กีดขวางทางไหลของน้ำ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๔. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก ตำบลบางพูด ตำบลสวนพริกไทย อำเภอเมืองปทุมธานี และตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบ้านปทุม อำเภอสามโคก ตำบลบางพูด ตำบลสวนพริกไทย อำเภอเมืองปทุมธานี และตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี เพื่อสร้างทางเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท อย.๕๐๔๒ กับสถานีรถไฟ ทางรถไฟ และย่านสถานีรถไฟ ตามโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13277 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใน เป็นอาคาร คสล. 7 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 6,184 ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ตำบลเวียง อำเภอเมือง เชียงราย จังหวัดเชียงราย 1 หลัง | สธ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยใน เป็นอาคาร คสล. ๗ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๖,๑๘๔ ตารางเมตร (โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว) โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ๑ หลัง จากวงเงิน ๑๓๒.๐๖ ล้านบาท เป็นวงเงิน ๑๔๕.๒๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13278 | ผลการเยือนภูมิภาคคันไซ ประเทศญี่ปุ่นของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) | กต | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเยือนภูมิภาคคันไซ (จังหวัดโอซากา จังหวัดวากายามะ และจังหวัดเกียวโต) ประเทศญี่ปุ่น ของรองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ระหว่างวันที่ ๓๐ มกราคม-๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามผลการเยือนให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเยือนจังหวัดโอซากา เมื่อวันที่ ๓๐-๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ รองนายกรัฐมนตรีฯ และคณะได้เข้าร่วมสัมมนาการลงทุนในหัวข้อ “Thailand : Advancing ASEAN-Japan Partnership” โดยมีนักลงทุนจากจังหวัดโอซากาและจังหวัดอื่น ๆ ในภูมิภาคคันไซเข้าร่วมกว่า ๕๐๐ คน โดยรองนายกรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ ได้แก่ การย้ำความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่นในระดับท้องถิ่น การแสดงความเชื่อมั่นในศักยภาพของจังหวัดโอซากาและภูมิภาคคันไซซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับต้นของญี่ปุ่น และจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด G20 ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ และมหกรรม World Expo 2025 ในปี ๒๕๖๘ และการสร้างความมั่นใจต่อเสถียรภาพทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจของไทยในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญในระยะต่อจากนี้ โดยเฉพาะภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป โดยรัฐบาลชุดใหม่จะยังสานต่อนโยบายทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่สำคัญต่อไป ๒. การเยือนจังหวัดวากายามะ เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ รองนายกรัฐมนตรีฯ และนายโยชิโนบุ นิสะกะ ผู้ว่าราชการจังหวัดวากายามะ ได้หารือและเห็นพ้องกันที่จะผลักดันความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ในระดับท้องถิ่น เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจผ่านการเรียนรู้จุดแข็งของกันและกัน โดยขณะนี้จังหวัดวากายามะอยู่ระหว่างการจัดทำบันทึกความเข้าใจกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกับกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมของไทย ซึ่งเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องเขินกับจังหวัดเชียงใหม่ รวมทั้งความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาของไทย ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ แสดงความพร้อมที่จะช่วยผลักดันความร่วมมือต่าง ๆ และขอให้จังหวัดวากายามะช่วยพิจารณาแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือในด้านการสร้างมูลค่าเพิ่มของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่จังหวัดวากายามะมีจุดแข็ง เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถของเกษตรกรและท้องถิ่นของไทย ๓. การเยือนจังหวัดเกียวโต เมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ รองนายกรัฐมนตรีฯ และนายทาคาโทชิ นิชิวาคิ ผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโต ได้หารือและเห็นพ้องกันที่จะกระชับความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ในระดับท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของกันและกัน โดยต่อยอดจากความร่วมมือที่จังหวัดเกียวโตมีกับไทย ได้แก่ ความร่วมมือด้านเมืองอัจริยะกับจังหวัดเชียงใหม่และการแลกเปลี่ยนนักเรียนนักศึกษาระหว่างกัน ความร่วมมือในด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรม การส่งเสริมการลงทุนของเอกชนจากจังหวัดเกียวโตในไทย โดยเฉพาะในสาขาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ การส่งเสริมให้แรงงานไทยไปทำงานในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ของจังหวัดเกียวโต และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะการส่งเสริมให้สถาบันการศึกษาของจังหวัดเกียวโตไปจัดตั้งสำนักงานในไทย โดยรองนายกรัฐมนตรีฯ ได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัดเกียวโตและนักลงทุนของจังหวัดเกียวโตเยือนไทยเพื่อเข้ามาศึกษาศักยภาพและโอกาสการดำเนินธุรกิจในไทย โดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13279 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (รองเลขาธิการ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (นางสาวปราณี เก้าเอี้ยน) | ปง | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาวปราณี เก้าเอี้ยน ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13280 | แต่งตั้งผู้แทนกระทรวงการคลังเป็นกรรมการในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค (นายธิบดี วัฒนกุล) | มท | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายธิบดี วัฒนกุล ผู้แทนกระทรวงการคลัง เป็นกรรมการในคณะกรรมการการประปาส่วนภูมิภาค แทน นางสาวเยาวนุช วิยาภรณ์ ผู้แทนกระทรวงการคลังเดิม ที่ลาออกเนื่องจากเกษียณอายุราชการ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) เป็นต้นไป
|
.....