ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 661 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13201 - 13220 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13201 | รายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Senior Complex บางละมุง) | พม | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการศูนย์ที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุแบบครบวงจร (Senior Complex บางละมุง) ภายใต้กลไกคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ผลการดำเนินโครงการฯ เมื่อวันที่ ๔ กันยายน ๒๕๖๑ กรมธนารักษ์มีหนังสืออนุญาตให้กรมกิจการผู้สูงอายุใช้ที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชบ.๒๑๙ (บางส่วน) ตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ ๔๘-๑-๔๒ ไร่ เพื่อดำเนินโครงการฯ และเมื่อวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๖๒ กรมกิจการผู้สูงอายุได้ลงนามในบันทึกรับทราบแนวเขตที่ราชพัสดุ และยินยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขการใช้ที่ราชพัสดุ ๒. พื้นที่ที่จะดำเนินโครงการฯ เป็นที่ดินราชพัสดุ ชบ.๒๑๙ ตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นประเภทสถาบันราชการการสาธารณูปโภค และสาธารณูปการ (พื้นที่สีน้ำเงิน) ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้ดำเนินการเสนอเรื่องเพื่อขอแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงให้ใช้บังคับผังเมืองรวมบริเวณอุตสาหกรรมและชุมชนแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยเพิ่มข้อกำหนดการใช้ประโยชน์ที่ดินเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการฯ ได้ในที่ดินบริเวณดังกล่าว ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ๓. งบประมาณในการดำเนินโครงการฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้จัดจ้างที่ปรึกษาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการฯ เพื่อวิเคราะห์โครงการฯ ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ใช้ระยะเวลาในการศึกษา ๕ เดือน (ตุลาคม ๒๕๖๑-กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทดสอบความสนใจของนักลงทุนภาคเอกชน (Market Sounding) ร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุน ร่างขอบเขตโครงการ และร่างสัญญาตามมาตรา ๓๓ ภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13202 | ผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 26 และการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 30 | กต | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๖ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ โดยมีนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุม รวมทั้งผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๓๐ เมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ กรุงพอร์ตมอร์สบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี โดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ (นางสาวอรุณี พูลแก้ว) เข้าร่วมการประชุม โดยสาระสำคัญของการประชุมได้มีการหารือถึงประเด็นขับเคลื่อนเพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างเขตเศรษฐกิจเอเปค เช่น การสนับสนุนการค้าพหุภาคีภายใต้องค์การการค้าโลก (World Trade Organization : WTO) การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน และการปฏิรูปโครงสร้างเพื่อนำไปสู่การเจริญเติบโตที่ครอบคลุม เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. มอบหมายให้หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องตามนัยตารางสรุปประเด็นติดตามผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๖ ตารางสรุปประเด็นติดตามผลการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๓๐ และตารางสรุปการติดตามผลการหารือทวิภาคีของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เช่น การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล การเสริมสร้างขีดความสามารถของ MSMEs และการจัดทำวิสัยทัศน์เอเปคหลังปี ๒๕๖๓ และการเสริมสร้างความแข็งแกร่งขององค์กรเอเปค เป็นต้น ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปในโอกาสแรก
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13203 | การรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมกราคม 2562 ต่อคณะรัฐมนตรี | ยธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการรายงานความคืบหน้าการดำเนินการเกี่ยวกับการจัดทำกฎหมายและการดำเนินการโดยวิธีอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ประจำเดือนมกราคม ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๔-๘ เดือน นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๑๖ ฉบับ ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๑๖ เรื่อง และเป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๑๖ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๑๕ ฉบับ ๒. กฎหมายที่ต้องจัดทำภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๖ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๖ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างการจัดทำ จำนวน ๔ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๔ ฉบับ ๓. กฎหมายที่ต้องจัดทำโดยไม่กำหนดระยะเวลา แต่ควรดำเนินการภายใน ๑-๒ ปี นับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ จำนวน ๓๗ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๗ เรื่อง เป็นกฎหมายที่ต้องจัดทำทั้งหมด จำนวน ๗๘ ฉบับ โดยเป็นกฎหมายที่อยู่ระหว่างจัดทำ จำนวน ๔๑ ฉบับ และเป็นกฎหมายที่มีผลใช้บังคับแล้ว จำนวน ๓๗ ฉบับ ๔. การดำเนินการโดยวิธีการอื่นนอกเหนือจากการจัดทำกฎหมาย จำนวน ๓๐ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๐ เรื่อง ๕. มาตรการปฏิรูปประเทศ รวมทั้งที่ต้องจัดทำกฎหมาย และการดำเนินการโดยวิธีอื่น ๆ จำนวน ๓๘ เรื่อง ได้รับการรายงานครบแล้ว จำนวน ๓๘ เรื่อง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13204 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 47 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2561-31 ตุลาคม 2561) และสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 48 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2561-30 พฤศจิกายน 2561) (ครั้งที่ 47) | นร04 | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๔๗ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๑) และสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๔๘ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างบรรยากาศความปรองดองสมานฉันท์และส่งเสริมความสามัคคีสมานฉันท์ในพื้นที่ และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ และ (๒) การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ด้านสังคมจิตวิทยา ด้านเศรษฐกิจ ด้านการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้านการต่างประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13205 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 8/2561 | นร04 | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ ๘/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่ กขร. เสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าการดำเนินการจัดทำโครงการกำหนดเขตป่าชายเลนและอนุรักษ์ในพื้นที่ป่าชายเลน และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๒ เดือน ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบต่อไป ๒. ที่ประชุมรับทราบแนวคิดการดำเนินโครงการก่อสร้างศูนย์รวบรวมพันธุ์และจัดแสดงกล้วยไม้บริเวณพระธาตุดอยกองมู จังหวัดแม่ฮ่องสอน และเห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นและข้อสังเกตของที่ประชุมไปพิจารณาปรับปรุงและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายใน ๒ เดือน โดยให้ดำเนินตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓. ที่ประชุมรับทราบแนวคิดการดำเนินโครงการโชห่วยออนไลน์ และเห็นควรให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรรับความเห็นและข้อสังเกตของที่ประชุมไปพิจารณาดำเนินการ โดยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๔. ที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้าในการดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจชีวภาพ และเห็นชอบในหลักการ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ และเห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) เร่งรัดนำ (ร่าง) แผนพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ เสนอคณะรัฐมนตรีภายใน ๒ เดือน ๕. ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาแพลตฟอร์มจัดหางาน (Job Demand Open Platform) และเห็นควรให้กระทรวงแรงงานพิจารณาปรับปรุงและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายใน ๒ เดือน และดำเนินการตามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป ๖. ที่ประชุมรับทราบหลักการของโครงการเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานส่งเสริมวิสาหกิจขุมชน และเห็นควรให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมการเกษตร และกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รับความเห็นและข้อสังเกตของที่ประชุมไปพิจารณาปรับปรุงและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จภายใน ๒ เดือน ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณให้กรมส่งเสริมการเกษตรและกรมพัฒนาธุรกิจการค้าหารือในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ๗. ที่ประชุมรับทราบหลักการของโครงการนักบริหารชุมชน และเห็นควรให้กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัย รับความเห็นและข้อสังเกตที่ประชุมไปพิจารณาปรับปรุงและจัดทำรายละเอียดเพิ่มเติม และเร่งรัดนำโครงการดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาภายใน ๒ เดือน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13206 | ผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย - จีน ครั้งที่ 24 - 26 ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. 2558 - 2565 | คค | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ ๒๔-๒๖ ภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟในกรอบยุทธศาสตร์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๕ โดยผลการประชุมที่สำคัญเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ ๑ ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ ๒ ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย การเชื่อมต่อทางรถไฟช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์ การฝึกอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านรถไฟความเร็วสูง และความร่วมมือด้านการเงิน ตามที่คณะกรรมการบริหารการพัฒนาโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีนเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13207 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2561 (เพิ่มเติม) | ทส | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นเรื่องที่คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณาได้ข้อยุติแล้ว จำนวน ๕ เรื่อง ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้
๑. รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม จำนวน ๒ เรื่อง ๑.๑ โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อย จังหวัดชลบุรี (แหลมฉบัง) ระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒ ของการเคหะแห่งชาติ ๑.๒ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ของการไฟรถแห่งประเทศไทย ๒. เรื่องเกี่ยวกับแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด จำนวน ๓ เรื่อง ๒.๑ รายงานความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกาในประเด็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับการตั้งงบประมาณในการจัดการขยะมูลฝอยภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ๒.๒ รายงานการติดตามประเมินผลแผนปฏิบัติการเพื่อการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับจังหวัด ๒.๓ แนวทางการดำเนินการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ได้รับการอุดหนุนงบประมาณภายใต้แผนปฏิบัติการฯ กรณีมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13208 | โครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระดับมัธยมศึกษา | ศธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบโครงการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระดับมัธยมศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยสาระสำคัญของโครงการฯ สรุปได้ ดังนี้
๑. วัตถุประสงค์ของโครงการฯ เป็นการพัฒนาโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา เพื่อเป็นต้นแบบโรงเรียนที่มีคุณภาพ มีความพร้อมให้บริการการศึกษาทั้งทางด้านคุณธรรม จริยธรรม งานอาชีพ และสุขภาพอนามัย โดยมีเป้าหมายโรงเรียนมัธยมศึกษาในประเทศไทย อำเภอละ ๑-๒ โรงเรียน เข้ารับการพัฒนาเป็นโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระดับมัธยมศึกษา ๒. การดำเนินการที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้แต่งตั้งคณะกรรมการคัดเลือกโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระดับมัธยมศึกษา รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์และพิจารณาคัดเลือกโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระดับมัธยมศึกษา ๓. แนวทางการดำเนินโครงการฯ แบ่งออกเป็น ๓ ระยะ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ๓.๑ ระยะที่ ๑ ตรวจสอบและเปิดรับ เพื่อพิจารณาสภาพปัจจุบันของโรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกเป็นโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระดับมัธยมศึกษา อย่างรอบด้านจากผลการประเมินตนเองของโรงเรียน (Self-Assessment Report : SAR) และเชื่อมโยงกับมาตรฐานการศึกษา ๓.๒ ระยะที่ ๒ เสริมความรู้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อสนับสนุนองค์ความรู้เท่าที่จำเป็น ทักษะที่สำคัญที่จะเอื้อต่อการพัฒนาโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระดับมัธยมศึกษา ๓.๓ ระยะที่ ๓ พัฒนาสู่ “โรงเรียนของชุมชน” เป็นการดำเนินการสร้างทักษะการสื่อสารและความร่วมมือ เพื่อสร้างความยั่งยืนของการเป็น “โรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระดับมัธยมศึกษา” เช่น การติดตามผลการดำเนินโครงการฯ และการถอดบทเรียนการพัฒนาโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ระดับมัธยมศึกษา เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13209 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. .... | สว | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. .... โดยสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้จัดประชุมร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ซี่งส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเห็นชอบกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เกี่ยวกับการจัดตั้งองค์กรจัดการความรู้ทางทะเล อยู่ระหว่างการศึกษารูปแบบการจัดตั้ง การดำเนินการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ได้ดำเนินการปรับปรุงให้สอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. ๑๙๘๒ (UNCLOS) รวมทั้งการให้มีวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดแนวทางในการใช้เงินทดรองราชการดังกล่าวแล้ว ตลอดจนสร้างความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่และได้ดำเนินการกำหนดเขตทางทะเลรายจังหวัดแล้ว โดยได้มีการยกร่างพระราชบัญญัติกำหนดและปรับปรุงพื้นที่เขตการปกครองของจังหวัดทางทะเล พ.ศ. .... ให้แล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๖๒ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13210 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเห็นควรแก้ไขปรับปรุงเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติฯ รวมทั้งมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการต่ออายุใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาภายในระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาควรมีการแจ้งเตือนไปยังผู้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาก่อนที่จะครบวันสิ้นอายุ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยา และควรกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับมาตรฐานคุณภาพด้านจริยธรรมและด้านวิชาการตามหลักสากล เพื่อให้ได้มาซึ่งความรู้ทางด้านสุขภาพ หรือวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ได้กระทำต่ออาสาสมัครในการวิจัย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13211 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... | สว | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... ซึ่งเห็นควรแก้ไขปรับปรุงเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว รวมทั้งมีข้อสังเกตว่าควรมีการกำหนดกลไกในการพิจารณาให้เอกชนเข้าใช้ประโยชน์ในทรัพย์สินของรัฐและทรัพยากรธรรมชาติที่เดิมอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ. ๒๕๕๖ แต่ไม่อยู่ภายใต้ร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... โดยให้มีผู้แทนจากหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์และขั้นตอนที่ชัดเจนและโปร่งใสในการคัดเลือกเอกชน และควรกำหนดกลไกการกำกับดูแลและติดตามผลการดำเนินการอย่างเหมาะสมและเพียงพอด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13212 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง การกำหนดให้ทุนหมุนเวียนนำเงินที่ฝากกระทรวงการคลังไปหาผลประโยชน์ | กค | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง การกำหนดให้ทุนหมุนเวียนนำเงินที่ฝากกระทรวงการคลังไปหาผลประโยชน์ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ให้สามารถนำจำนวนเงินของทุนหมุนเวียนที่ฝากไว้กับกระทรวงการคลังไปหาผลประโยชน์ได้ภายในระยะเวลาที่กระทรวงการคลังกำหนด ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ให้กรมบัญชีกลางเตรียมความพร้อมด้านระบบฐานข้อมูลที่สะท้อนรายรับและรายจ่ายของทุนหมุนเวียนที่ต้องทันกาล รวมทั้งข้อมูลภาระผูกพันของทุนหมุนเวียนที่ต้องใช้จ่ายตามเงื่อนเวลา เพื่อนำมาวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13213 | ร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง มาตรฐานการเงิน การจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารพัสดุ การบัญชี การรายงานทางการเงิน และการตรวจสอบภายในของทุนหมุนเวียน (ฉบับที่ ..)) | คค | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียน เรื่อง มาตรฐานการเงิน การจัดซื้อจัดจ้าง การบริหารพัสดุ การบัญชี การรายงานทางการเงิน และการตรวจสอบภายในของทุนหมุนเวียน (ฉบับที่ ..) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่มีทุนหมุนเวียนสามารถเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจและธนาคารที่เป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐได้ และแก้ไขถ้อยคำที่เกี่ยวกับการตรวจสอบภายในเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์กระทรวงการคลังว่าด้วยมาตรฐานและหลักเกณฑ์ปฏิบัติการตรวจสอบภายในสำหรับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการนโยบายการบริหารทุนหมุนเวียนเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13214 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... | สว | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๕ ก วันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๒ แล้ว ๒. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการจัดประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม พ.ศ. .... เกี่ยวกับการแต่งตั้งกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ โดยการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การดำเนินมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐควรให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมอาชีพและการฝึกทักษะใหม่ ๆ กำหนดกระบวนการตรวจสอบและการคัดกรองผู้ที่ผ่านการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยโดยการนำข้อมูลไปเชื่อมโยงกับข้อมูลการเงินต่าง ๆ เช่น การมีบัตรเครดิต จำนวนสินเชื่อ จำนวนเงินฝาก ฯลฯ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ลงทะเบียน การจัดทำเหมืองข้อมูล (Data Mining) ผู้มีรายได้น้อยภายใต้โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐฯ รวมทั้งเห็นควรให้กรมบัญชีกลาง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกันพิจารณายกร่างระเบียบคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมว่าด้วยการพิจารณาสนับสนุนโครงการที่ให้บริการทางสังคมเพื่อช่วยเหลือประชาชนในภาวะลำบากทุกประเภท พ.ศ. .... เพื่อป้องกันปัญหาการให้ความช่วยเหลือที่ซ้ำซ้อนกับการให้ความช่วยเหลือของหน่วยงานอื่น ๆ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13215 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาทัศนมาตรเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... | สธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สาขาทัศนามาตรเป็นสาขาการประกอบโรคศิลปะ พ.ศ. .... ที่อยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13216 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายปิ่นสาย สุรัสวดี) | กค | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายปิ่นสาย สุรัสวดี ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกรรมทางการเงินการธนาคาร) (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตั้งแต่วันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13217 | รายงานผลการประชุมทวิภาคีไทย - ลาว เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 17 | ยธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมทวิภาคีไทย-ลาว เรื่อง ความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ ๑๗ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๐-๑๑ มกราคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน และ พลตรี สมหวัง ทำมะสิด รองรัฐมนตรีกระทรวงป้องกันความสงบแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เป็นประธานร่วม ซึ่งผลการประชุมฯ ทั้งสองฝ่ายตกลงให้การรับรองแผนปฏิบัติการความร่วมมือไทย-สปป.ลาว เพื่อการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกัน โดยมีกรอบระยะเวลาดำเนินงาน ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) รวมทั้งเห็นชอบร่วมกันในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการร่วมแม่น้ำโขงปลอดภัยเพื่อการควบคุมยาเสพติด ๖ ประเทศ ระยะ ๔ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) และเห็นชอบให้มีการสานต่อการดำเนินการลาดตระเวนทางน้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงรายกับแขวงบ่อแก้ว จังหวัดหนองคายกับนครหลวงเวียงจันทน์ และจังหวัดนครพนมกับแขวงคำม่วน โดยฝ่ายไทยให้การสนับสนุนเรือลาดตระเวนให้ฝ่าย สปป.ลาว จำนวน ๑ ลำ เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน นอกจากนี้ สปป.ลาว จะส่งผลการวิเคราะห์ยาเสพติด ภาพถ่าย และลักษณะการบรรจุหีบห่อของยาเสพติดที่จับกุมได้ใน สปป.ลาว ให้แก่ฝ่ายไทย รวมถึงให้มีการร่วมกันศึกษาและจัดทำข้อมูลด้านคุณลักษณะ สายพันธุ์ และการบรรจุหีบห่อของกัญชา ส่วนฝ่ายไทยจะสนับสนุนการดำเนินงานด้านยาเสพติดแก่ สปป.ลาว ภายใต้โครงการเสริมสร้างและยกระดับความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในการยุติแหล่งผลิตและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ (Letter of Agreement : LoA) ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เพื่อเสริมสร้างการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหายาเสพติดของ สปป.ลาว ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและประสบผลสำเร็จอย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13218 | ขอความเห็นชอบโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน ระยะที่ 1 (ระยะเร่งด่วน) การชดเชยเยียวยาเจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ปี 2558 | กษ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน ระยะที่ ๑ (ระยะเร่งด่วน) การชดเชยเยียวยาเจ้าของเรือที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ปี ๒๕๕๘ เพื่อเป็นเงินค่าชดเชยเรือประมง จำนวน ๓๐๕ ลำ กรอบวงเงิน ๗๖๔,๔๕๔,๑๐๐ บาท โดยเงินค่าชดเชยเรือประมง จำนวน ๓๐๕ ลำดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ๒๕๖๒ เพื่อเป็นเงินค่าชดเชยเรือประมง จำนวน ๒๕๒ ลำ ภายในกรอบวงเงิน ๔๖๙,๖๐๓,๙๐๐ บาท โดยอัตราค่าใช้จ่ายในการชดเชยเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบดังกล่าว เป็นลักษณะงบดำเนินการให้เป็นไปตามการพิจารณาความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายของกระทรวงการคลัง ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการขอใช้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อแก้ไขเยียวยาความเดือดร้อนเสียหายในบางกรณี พ.ศ. ๒๕๕๙ สำหรับค่าชดเชยเรือประมงส่วนที่เหลือ จำนวน ๕๓ ลำ ภายในวงเงิน ๒๙๔,๘๕๐,๒๐๐ บาท ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมประมง เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านความมั่นคง ลดความเหลื่อมล้ำ การเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม และเรื่องที่เป็นวาระเร่งด่วนและการแก้ไขปัญหาการดำเนินการตามพันธกรณีระหว่างประเทศ และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง กำกับ ติดตาม และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อให้การนำเรือประมงออกนอกระบบดังกล่าวบรรลุผลอย่างถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญกับการศึกษาและติดตามสถานการณ์ทรัพยากรประมงและการทำประมงอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณากำหนดปริมาณผลผลิตสูงสุดที่ยั่งยืนของทรัพยากรสัตว์น้ำ (Maximum Sustainable Yield : MSY) และออกใบอนุญาตการทำประมงที่เหมาะสม พร้อมทั้งบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมทั้งพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมในการส่งเสริมด้านอาชีพ รายได้ องค์ความรู้ และเงินทุนให้กับชาวประมงและผู้ประกอบการประมงที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงอาชีพไปสู่อาชีพที่มั่นคงอื่น ๆ หรือปรับตัวให้สอดคล้องกับบริบทและสถานการณ์ประมงทั้งในและต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อรักษาทรัพยากรทางการประมงและทรัพยากรทางทะเลให้มีความสมบูรณ์ และสมดุลต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13219 | ผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ 14 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ | ทส | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบสรุปผลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ สมัยที่ ๑๔ และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ เมืองชาร์ม เอล เชค สาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ ซึ่งการประชุมฯ มีการดำเนินการที่สำคัญ เช่น (๑) การอภิปรายร่วมภายใต้หัวข้อ “ลงทุนกับความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อผู้คนและโลก” โดยที่ประชุมฯ เห็นพ้องกันว่าจะต้องขยายความร่วมมือผ่านการบูรณาการความหลากหลายทางชีวภาพในภาคส่วนที่สำคัญ อาทิ ด้านพลังงานและเหมืองแร่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน และด้านสุขอนามัย และ (๒) การรับรองปฏิญญาชาร์ม เอล เชค ลงทุนกับความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อผู้คนและโลก โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ร่วมรับรองปฏิญญาฯ ซึ่งเป็นการแสดงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพเพื่อสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี ค.ศ. ๒๐๓๐ เป็นต้น และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการร่วมกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศให้เป็นไปตามข้อมติจากการประชุมฯ เช่น การร่วมกันดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่ง การดำเนินงานเรื่องผลกระทบจากขยะและน้ำเสียอันเกิดจากกิจกรรมบนบกในมหาสมุทร และการดำเนินงานด้านความปลอดภัยทางชีวภาพเพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดจากสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมต่อความหลากหลายทางชีวภาพและสุขอนามัยของมนุษย์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น มอบหมายกระทรวงศึกษาธิการร่วมดำเนินการกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนแผนแม่บทบูรณาการการจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔ เพิ่มอีกหน่วยงานหนึ่ง และเพิ่มองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินกิจกรรมเสริมความรู้ความเข้าใจและความตระหนักเรื่องความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานภายในประเทศ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13220 | บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ขอเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าทับกวาง และป่ามวกเหล็ก แปลงที่ 1 เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ท้องที่จังหวัดสระบุรี | ทส | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบผ่อนผันให้บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) เข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าทับกวาง และป่ามวกเหล็ก แปลงที่ ๑ (ท้องที่ตำบลมวกเหล็ก อำเภอมวกเหล็ก และตำบลทับกวาง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี) เพื่อทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ จำนวน ๑๕ แปลง ในเขตพื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ เอ (พื้นที่ประทานบัตร ๑๕ แปลง รวมเนื้อที่ ๓,๓๑๑ ไร่ ๒ งาน ๖๗ ตารางวา โดยอยู่ในเขตกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำภาคตะวันออก ภาคกลาง และลุ่มน้ำป่าสัก ชั้นที่ ๑ เอ รวมเนื้อที่ ๓,๒๒๓ ไร่ ๒ งาน ๓๕ ตารางวา) เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๘ วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ และวันที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๕๙ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับดูแลให้ผู้รับอนุญาตปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องและมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๕๗ วันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๗ [หนังสือคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ ทส (กก.วล) ๑๐๐๕/ว ๑๑๓๙๙ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๗] รวมทั้งมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ [เรื่อง แนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ] โดยดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เช่น ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ถูกกำหนดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน และสามารถจัดการปัญหาความทับซ้อนในการใช้ประโยชน์ของพื้นที่ดังกล่าวได้ รวมทั้งต้องให้ความสำคัญต่อมาตรการป้องกันและจัดการผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนอันเกิดจากการประกอบกิจการดังกล่าว เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
.....