ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 663 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13241 - 13260 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13241 | สรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และเรื่อง รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนด้านการศึกษา | ศธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินการเกี่ยวกับการปฏิรูปการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ และเรื่อง รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเร่งรัดดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนากำลังคนด้านการศึกษา โดยได้ดำเนินโครงการ/กิจกรรมที่สำคัญ ภายใต้กรอบการปฏิรูปใน ๖ ด้าน รวม ๙๔ โครงการ/กิจกรรม ได้แก่ (๑) การปฏิรูปครู ๙ โครงการ/กิจกรรม (๒) การเพิ่ม กระจายโอกาสและคุณภาพทางการศึกษาอย่างทั่วถึง เท่าเทียม ๑๖ โครงการ/กิจกรรม (๓) การปฏิรูประบบการบริหารจัดการ ๒๒ โครงการ/กิจกรรม (๔) การผลิตและพัฒนากำลังคน เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ๒๐ โครงการ/กิจกรรม (๕) การปฏิรูปการเรียนรู้ ๒๕ โครงการ/กิจกรรม และ (๖) การปรับระบบ ICT เพื่อการศึกษา ๒ โครงการ/กิจกรรม ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13242 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ... | สว | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยสำนักงานศาลยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยสำนักงานศาลยุติธรรมได้ยกร่างคำแนะนำของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับการไต่สวนมูลฟ้อง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างคำแนะนำของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับการพิจารณาและสืบพยานลับหลังจำเลย พ.ศ. .... รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาเสนอร่างกฎหมายในประเด็นการสืบพยานในกรณีที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปก่อนมีการฟ้องคดีต่อศาลต่อไปแล้ว สำหรับการกำหนดแนวปฏิบัติในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายสำหรับการส่งสำเนาคำฟ้องและหมายเรียกในศาลชั้นต้นนั้น ศาลได้ปฏิบัติตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกาตามข้อสังเกตด้วยแล้ว ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13243 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเห็นควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และควรให้ฝ่ายบริหารเร่งรัดการกำหนดนโยบายและการจัดทำแผนระดับชาติเกี่ยวกับสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมและการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมต่างชาติ ควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการสนับสนุนการดำเนินการของรัฐเพื่อให้มีดาวเทียมหรือให้ได้มาซึ่งสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียม ควรร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์จากการใช้คลื่นความถี่ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติควรออกระเบียบเกี่ยวกับวิธีการบริหารและการประสานงานสำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับเลขหมายโทรศัพท์ฉุกเฉินแห่งชาติ รวมทั้งควรมีการพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการสื่อสาร ตลอดจนประกาศของ กสทช. ที่เกี่ยวข้องเพื่อลดอุปสรรคทางด้านกฎหมายและรองรับการพัฒนาของเทคโนโลยีที่มีลักษณะเป็นการหลอมรวมเทคโนโลยี นอกจากนี้ ในการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดให้นำบทบัญญัติเกี่ยวกับการหลอมรวมเทคโนโลยีมาใช้บังคับ กสทช. ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นทั้งต่อรัฐและเอกชนด้วย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้สำนักงาน กสทช. เป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13244 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของกรรมาธิการเต็มสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... | สว | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๐ ก วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และได้นำร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฏากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ ๖๗๖) พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๒๑ ก วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ แล้ว โดยเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย ๒. รับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของกรรมาธิการเต็มสภาพิจารณาร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... โดยกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของกรรมาธิการฯ เกี่ยวกับการประสานงานกับรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกง และรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้แจ้งสถานะล่าสุดของการตราและปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องสำหรับการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (Hong Kong Economic and Trade Office : HKETO) ประจำประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลไทยอยู่ระหว่างเร่งรัดการดำเนินการที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของ HKETO ประจำประเทศไทย และการตราและปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งรัดการตราและปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงฯ รวมทั้งการจัดทำคู่มือการแปลหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ ให้ส่วนราชการเจ้าของเรื่องที่รับผิดชอบในการเจรจาและดำเนินการตามหนังสือสัญญานั้น ๆ จัดทำคำแปลภาษาไทยของหนังสือสัญญา โดยหากมีประเด็นที่เชื่อมโยงกับหน่วยงานอื่นหรือต้องการความชัดเจนในคำศัพท์ที่ใช้เกี่ยวกับกฎหมายสนธิสัญญา ก็สามารถจัดตั้งคณะทำงานเพื่อจัดทำคำแปลหนังสือสัญญานั้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทาบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13245 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งเห็นควรแก้ไขเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว และควรให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแก้ไขปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และร่างประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ รวมทั้งเตรียมการออกกฎกระทรวงเกี่ยวกับกระบวนการสอบสวนและวินิจฉัยเพื่อใช้บังคับกับกระบวนการสอบสวนและวินิจฉัยผู้บริหารและสมาชิกสภาเมืองพัทยา ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีนำเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในการประกาศราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... พิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13246 | ข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรีรายงานว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ พร้อมเหตุผลของร่างพระราชบัญญัติที่แก้ไขตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับกฤษฎีกา เล่ม ๑๓๖ ตอนที่ ๑๙ ก วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ แล้ว ๒. รับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่เห็นควรแก้ไขเหตุผลประกอบร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขเพิ่มเติมร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ รวมทั้งมีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่า ร่างพระราชบัญญัตินี้มีเจตนารมณ์เพียงผ่อนปรนให้สามารถนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการศึกษาวิจัยได้ ไม่รวมถึงการเสพเพื่อความบันเทิงหรือสันทนาการ สำหรับค่าใช้จ่ายในการตรวจวิเคราะห์หรือประเมินเอกสารทางวิชาการหรือค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้อง ควรคำนึงถึงกรณีเพื่อประโยชน์ทางราชการและเพื่อเกษตรกรรายย่อย ไม่ควรมีค่าใช้จ่ายสูงเกินสมควร และควรเร่งรัดดำเนินการออกระเบียบของรัฐมนตรี ตามมาตรา ๓๑ (๗) ของพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดให้หมอพื้นบ้านสามารถขึ้นทะเบียนเพื่อประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์แผนไทยประยุกต์ได้ รวมทั้งในการพิจารณาเพื่อดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรอง สมควรรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ ข้อสังเกต และเปิดโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีส่วนร่วมประชุมเพื่อพิจารณาด้วย ตลอดจนควรมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๕ เฉพาะกัญชา เพื่อการศึกษาวิจัย หรือเพื่อการรักษาทางการแพทย์มาดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตและทราบบทกำหนดโทษของการที่ครอบครองยาเสพติดให้โทษโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติเสนอ ๓. ให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักรับข้อสังเกตดังกล่าวไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมของข้อสังเกตดังกล่าว และสรุปผลการพิจารณาหรือผลการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในภาพรวม แล้วส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13247 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ | นร01 | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ ประจำเดือนธันวาคม ๒๕๖๑ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การจัดกิจกรรมจิตอาสาพระราชทานตามแนวพระราชดำริ “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ระหว่างวันที่ ๓-๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๑ มีการดำเนินกิจกรรมในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยการพัฒนาคลอง คู และลำราง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมและลดปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งทำความสะอาดสถานที่สำคัญตามแนวริมคลอง และในพื้นที่ส่วนภูมิภาคได้นำแนวทางการดำเนินงานของกรุงเทพมหานครมาปรับใช้กับจังหวัดตามความเหมาะสมของพื้นที่ ซึ่งมีการดำเนินกิจกรรมแล้ว ๑,๓๑๘ กิจกรรม จิตอาสาจำนวน ๔,๗๙๙,๖๙๒ คน ๒. การจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ “คน รัก คลอง” ... “ไม่ทิ้ง ไม่เท ทุ่มทำความดี” ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ ในส่วนจังหวัดทั่วประเทศได้จัดกิจกรรมรวมระยะทาง ๑๘๘.๖๐ กิโลเมตร โดยมีกิจกรรม เช่น การทำความสะอาดลำน้ำ ลำคลอง กำจัดวัชพืช ขยะมูลฝอย จัดนิทรรศการให้ความรู้ด้านการดูแลรักษาน้ำ ปล่อยพันธุ์ปลา และปรับปรุงภูมิทัศน์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13248 | ร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | พณ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเป็นสินค้าที่ต้องมีหนังสือรับรองและต้องปฏิบัติตามมาตรการจัดระเบียบในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อกำหนดให้ต้องนำเข้ามันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทางพื้นที่จังหวัด ด่านศุลกากร และจุดที่กำหนดเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้โรคใบด่างมันสำปะหลังเข้ามาระบาดและทำความเสียหายให้กับผลผลิตมันสำปะหลังในประเทศไทย ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นควรมอบหมายกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการตรวจสอบการนำเข้ามันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอย่างเข้มงวด และการกำหนดมาตรการดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศและพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่ กระทรวงพาณิชย์จึงควรคำนึงถึงผลกระทบและการปฏิบัติตามพันธกรณีดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13249 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2561 [เรื่อง ผลการพิจารณาความจำเป็นของการปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย] | กต | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (นายวีระศักดิ์ ฟูตระกูล) เสนอขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๑ [เรื่อง ผลการพิจารณาความจำเป็นของการปรับแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในการให้เอกสิทธิ์และความคุ้มกันสำหรับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย] ในข้อ ๓ จากเดิม “อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือตอบสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เมื่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าที่จัดตั้งในประเทศไทยตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อผูกพันที่ได้ทำขึ้น) และร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ได้ใช้บังคับเป็นกฎหมายแล้ว เพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในเรื่องนี้ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ” เป็น “อนุมัติให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือตอบสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เมื่อร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองการดำเนินงานของสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย พ.ศ. .... ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (มาตรการภาษีเพื่อการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีตามข้อผูกพันที่ได้ทำขึ้น) และร่างพระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... สภานิติบัญญัติแห่งชาติเห็นสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว เพื่อรองรับพันธกรณีตามความตกลงในเรื่องนี้”
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13250 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2562) | นร05 | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13251 | ร่างพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ศธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติการอาชีวศึกษา พ.ศ. ๒๕๕๑ เพื่อให้กระทรวงศึกษาธิการสามารถจัดการอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมวิชาชีพในระดับหลักสูตรประกาศนียบัตรเตรียมอาชีวศึกษา ซึ่งเป็นการจัดการศึกษาสายอาชีวศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้นได้ อันจะเป็นทางเลือกแก่เด็กและเยาวชนในการศึกษาต่อ และเป็นการเตรียมการผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะวิชาชีพ และช่วยในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพและประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง รวมทั้งเป็นการรองรับหลักสูตรประกาศนียบัตรเตรียมอาชีวศึกษา พุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่มีสถานศึกษาสายอาชีวศึกษาได้จัดการเรียนการสอนตั้งแต่ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๐ และนักเรียนที่เข้าเรียนในหลักสูตรดังกล่าวจะจบการศึกษาในปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับความเห็นของสำนักงาน ก.พ.ร. ในประเด็นเกี่ยวกับการกำหนดหลักสูตรสายอาชีวศึกษา การปรับปรุงหน้าที่และอำนาจของสถาบันการอาชีวศึกษาเกี่ยวกับการอนุมัติการให้ประกาศนียบัตร ควรให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ และร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ควรปรับปรุงให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๓. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของสำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการเกลี่ยอัตรากำลังให้สอดคล้องกับจำนวนผู้เรียนในสายสามัญและสายอาชีวศึกษาที่เพิ่มขึ้น ควรมีการติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรประกาศนียบัตรเตรียมอาชีวศึกษา ควรมีการดำเนินการแก้ไขกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ และควรให้มีกลไกในการสร้างการมีส่วนร่วมจากผู้ประกอบการในการร่วมออกแบบและสนับสนุนการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ด้านการประกอบวิชาอาชีพ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13252 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยกระทรวงมหาดไทยเห็นชอบข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ และได้ดำเนินการเกี่ยวกับการบริหารจัดการในการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยหรือขยะมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ได้ออกหลักเกณฑ์ วิธีการให้โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากมูลฝอยจ่ายเงินหรือประโยชน์ตอบแทนแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยออกประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การจัดการมูลฝอย พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการเกี่ยวกับการคัดแยก เก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย และกำหนดหลักเกณฑ์ให้โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากมูลฝอยจ่ายเงินหรือประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแล้ว ส่วนข้อสังเกตเกี่ยวกับการจัดการของเสียอันตรายและของเสียไม่อันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน และการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการเก็บ ขน และกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอยขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะได้รับไปพิจารณาดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13253 | ร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลศีรษะกระบือ ตำบลบางลูกเสือ ตำบลพระอาจารย์ ตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก และตำบลดอนเกาะกา ตำบลสิงโตทอง ตำบลหมอนทอง ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน | คค | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ในท้องที่ตำบลองครักษ์ ตำบลศีรษะกระบือ ตำบลบางลูกเสือ ตำบลพระอาจารย์ ตำบลบางสมบูรณ์ อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายก และตำบลดอนเกาะกา ตำบลสิงโตทอง ตำบลหมอนทอง ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ในท้องที่ดังกล่าวเป็นกรณีที่มีความจำเป็นโดยเร่งด่วน เพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีอำนาจวางเงินค่าทดแทน เข้าครอบครองหรือใช้อสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนและส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อขยายทางหลวงชนบท นย. ๓๐๐๑ ได้ทันตามกำหนดเวลา ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13254 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและรัฐเอริเทรีย | กต | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๔๔๔ (ค.ศ. ๒๐๑๘) ในส่วนการยกเลิกการดำเนินมาตรการลงโทษต่อรัฐเอริเทรียและการดำเนินมาตรการลงโทษเกี่ยวกับสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย โดยมีสาระสำคัญ (๑) ยกเลิกมาตรการลงโทษทั้งหมดต่อรัฐเอริเทรีย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาไม่พบหลักฐานที่แน่ชัดว่ารัฐเอริเทรียสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบั่นทอนเสถียรภาพของสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและภูมิภาค รวมทั้งในช่วงปี ๒๕๖๑ รัฐเอริเทรียได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมสันติภาพในหลาย ๆ ด้านด้วย และ (๒) ต่ออายุมาตรการลงโทษสำหรับสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบและความรุนแรงในสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียยังคงดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยมาตรการลงโทษทางอาวุธ การห้ามเดินทาง การอายัดทรัพย์สิน และการห้ามนำเข้าถ่านไม้ (ไม่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด) รวมทั้งต่ออายุข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรการลงโทษทางอาวุธจะไม่มีผลบังคับใช้ในกรณีการขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์เพื่อการพัฒนากองกำลังรักษาความมั่นคงแห่งชาติของสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย เป็นต้น ออกไปจนถึงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ๒. กรณีที่ UNSC ได้รับรองข้อมติเพื่อคงไว้ซึ่งมาตรการลงโทษต่อสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียและข้อยกเว้นที่เกี่ยวข้องเป็นประจำทุกปี และเนื้อหาของข้อมติใหม่มิได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของมาตรการลงโทษที่มีอยู่เดิม เห็นควรให้ความเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา แต่หากกรณีที่ UNSC จะรับรองข้อมติเพื่อเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษต่อสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลีย เห็นควรให้ความเห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย ถือปฏิบัติและปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษสหพันธ์สาธารณรัฐโซมาเลียให้ทันสมัยตามข้อมูลในเว็บไซต์ของสหประชาชาติ (https://www.un.org/sc/suborg/en/sanctions/751) ทั้งนี้ สหประชาชาติจะปรับปรุงรายชื่อบุคคลและองค์กรที่ถูกมาตรการลงโทษภายใต้หัวข้อ “Sanctions List Materials” เป็นระยะ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13255 | การดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับรัฐลิเบีย | กต | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้
๑. เห็นชอบรับรองการดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council : UNSC) ที่ ๒๔๔๑ (ค.ศ. ๒๐๑๘) เกี่ยวกับรัฐลิเบีย โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการต่ออายุมาตรการให้อำนาจรัฐสมาชิกตรวจสอบเรือในทะเลหลวง เพื่อป้องกันการลักลอบส่งออกทรัพยากรปิโตรเลียมจากรัฐลิเบียออกไปจนถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ การเน้นย้ำมาตรการห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สิน รวมถึงการเรียกร้องให้รัฐสมาชิกรายงานต่อสหประชาชาติ (United Nations : UN) เกี่ยวกับการดำเนินการของรัฐสมาชิกภายใต้มาตรการห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สินของข้อมติฯ ที่เกี่ยวข้อง ๒. กรณีที่ UNSC ได้รับรองข้อมติเพื่อคงไว้ซึ่งมาตรการลงโทษแก่รัฐลิเบียเป็นประจำทุกปี และเนื้อหาของข้อมติมิได้เปลี่ยนแปลงสาระสำคัญของมาตรการลงโทษที่มีอยู่เดิม เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการตามข้อมติดังกล่าวไปได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา แต่หากกรณีที่ UNSC จะรับรองข้อมติเพื่อเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการการลงโทษต่อรัฐลิเบีย เห็นชอบให้กระทรวงการต่างประเทศเสนอเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงสาระสำคัญหรือยกเลิกมาตรการลงโทษดังกล่าวให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป ๓. มอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามข้อมติ UNSC เกี่ยวกับรัฐลิเบีย ได้แก่ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และธนาคารแห่งประเทศไทย ถือปฏิบัติและปรับปรุงฐานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการลงโทษต่อรัฐลิเบีย โดยเฉพาะรายชื่อบุคคลและองค์กรที่ต้องถูกมาตรการลงโทษ (ห้ามเดินทางและอายัดทรัพย์สิน) ให้ทันสมัยตามข้อมูลเว็บไซต์สหประชาชาติ (https://www.un.org/sc/suborg/en/sanctions/1970) รวมทั้งแจ้งผลการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้กระทรวงการต่างประเทศทราบ เพื่อประโยชน์ในการรายงานต่อ UN ต่อไป ทั้งนี้ UN จะปรับปรุงรายชื่อบุคคลและองค์กรที่ถูกมาตรการลงโทษภายใต้หัวข้อ “Sanction List Materials” เป็นระยะ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13256 | ขออนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความตกลงในการจัดตั้งศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาของซีมีโอ | ศธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติการจัดทำและลงนามบันทึกความตกลงในการจัดตั้งศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาของซีมีโอที่ประเทศไทย [Memorandum of Agreement between the Government of the Kingdom of Thailand and the Southeast Asian Ministers of Education Organization on the Establishment of the SEAMEO Regional Centre for STEM Education (SEAMEO STEM-ED) in Thailand] และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในบันทึกความตกลงฯ รวมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม (ยังไม่ได้กำหนดวันลงนาม เนื่องจากจะต้องเวียนร่างบันทึกความตกลงฯ ให้ประเทศสมาชิกเห็นชอบก่อน) โดยเนื้อหาของร่างบันทึกความตกลงฯ ระบุถึงสถานที่ตั้งของศูนย์ฯ อำนาจหน้าที่ของศูนย์ฯ รวมถึงการบริหารจัดการ และงบประมาณในการจัดตั้งและสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์ฯ ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความตกลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงบประมาณ รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น พิจารณาจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณสำหรับเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยคำนึงถึงความประหยัด ความคุ้มค่า และเหมาะสม รวมถึงผลประโยชน์ที่ได้รับ และการลดภาระงบประมาณของรัฐบาลในระยะยาว และพิจารณากำหนดกิจกรรมของศูนย์ฯ ให้ครอบคลุมถึงสะเต็มศึกษาในการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเพิ่มทักษะแรงงานสะเต็มและสอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต พ.ศ. .... และพิจารณาประเด็นด้านการประชาสัมพันธ์วัตถุประสงค์และการดำเนินงานของศูนย์ฯ โดยมุ่งเน้นคนรุ่นใหม่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ทั่วถึงและชัดเจน รวมทั้งการนำเสนอการอบรมและแลกเปลี่ยนความรู้ด้านสะเต็มศึกษาผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่สนใจอย่างทั่วถึง เป็นต้น ไปดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13257 | การประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับประเทศ ครั้งที่ 2 | กต | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับประเทศ ครั้งที่ ๒ ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑ ณ กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และเห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุม ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างเอกสารสรุปผลการหารือของการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับประเทศ ครั้งที่ ๒ และ (๒) ร่างเอกสารแนวทางในการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมาที่พิสูจน์สัญชาติแล้วจากประเทศไทย ซึ่งจะมีการรับรองในการประชุมคณะทำงานร่วมไทย-เมียนมา ในการเตรียมการส่งผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมากลับประเทศ ครั้งที่ ๓ ระหว่างวันที่ ๕-๖ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ จังหวัดเชียงราย ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารสรุปผลการหารือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13258 | รายงานความคืบหน้าและการนำเสนอวีดีทัศน์การนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวมาใช้กับผู้กระทำความผิด (Electronic Monitoring: EM) | ยธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าการนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวมาใช้กับผู้กระทำความผิด (Electronic Monitoring : EM) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุมประพฤติ ได้ทำสัญญาเช่าอุปกรณ์ EM จำนวน ๔,๐๐๐ เครื่อง พร้อมระบบที่เกี่ยวข้องกับบริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด เป็นเงินทั้งสิ้น ๗๔,๔๗๐,๐๐๐ บาท ระยะเวลา ๒๑ เดือน (มกราคม ๒๕๖๒-กันยายน ๒๕๖๓) และได้จัดอบรมเจ้าหน้าที่ให้มีความรู้ในการนำอุปกรณ์ EM มาใช้และได้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ให้แก่ประชาชนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ๒. กรมคุมประพฤติเริ่มนำอุปกรณ์ EM มาใช้ติดตามตัวกับผู้กระทำความผิด ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๒ โดยมีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ควบคุมการติดตามตัวด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring Center) ทำหน้าที่เฝ้าระวัง ตรวจสอบ ติดตาม ดูแลตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ ๑-๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ มีผู้ถูกคุมประพฤติติดตั้งอุปกรณ์ EM ตามคำสั่งศาลแล้ว รวมจำนวนทั้งสิ้น ๑๖๖ ราย โดยระยะเวลาที่ศาลสั่งติดอุปกรณ์ EM ส่วนใหญ่เป็นระยะเวลา ๑๕ วัน ๓. จากการติดตามประเมินผลเบื้องต้นพบว่า ผู้ถูกคุมความประพฤติสามารถปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมไปในทางที่ดีขึ้น มีความเคารพกฎระเบียบ ระมัดระวังตนเอง มีระเบียบวินัยตระหนักถึงความปลอดภัยมากขึ้นและไม่กล้าทำผิดอีก
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13259 | ขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ฯ | ศธ | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๘๕๗,๖๖๖,๕๐๐ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการผลิตบัณฑิตพันธุ์ใหม่ เพื่อสร้างกำลังคนที่มีสมรรถนะสูง สำหรับอุตสาหกรรม New Growth Engine ตามนโยบาย Thailand 4.0 และการปฏิรูปการอุดมศึกษาไทย ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก ได้แก่ (๑) ควรพิจารณาดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๑ ที่เห็นชอบโครงการดังกล่าว และให้รับความเห็นของหน่วยงานที่เสนอความเห็น เช่น ควรทบทวนการดำเนินโครงการต่าง ๆ ที่มีการดำเนินการอยู่แล้วในภาพรวมทั้งหมดเพื่อประกอบการพิจารณาปรับปรุง ยกเลิก เพิ่มเติม หรือขยายขนาดโครงการที่มีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลตามบริบทที่จะเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต และพิจารณาการร่วมสมทบค่าใช้จ่ายจากภาคเอกชนหรือผู้เข้ารับการอบรม ตลอดจนการจัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานรายกิจกรรม ความเชื่อมโยงกับกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ แผนขับเคลื่อนและติดตามผล และแผนรองรับผู้สำเร็จการศึกษา เป็นต้น (๒) ควรมีกลไกในการวางแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน ตั้งแต่การรับสมัคร การจัดทำแผนการรองรับการทำงานของผู้สำเร็จการศึกษาไปจนถึงการติดตามประเมินผลเชิงผลลัพธ์ โดยกำหนดตัวชี้วัดร่วมกับสถาบันการศึกษา เพื่อให้การขับเคลื่อนมีความเป็นรูปธรรมและสามารถวัดผลสัมฤทธิ์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และ (๓) การผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพสูงดังกล่าว ควรพิจารณาให้ครอบคลุม ๑๒ อุตสาหกรรมเป้าหมาย และสอดคล้องกับความต้องการบุคลากรในพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) รวมทั้งให้ความสำคัญกับสถาบันการศึกษา และสถานประกอบการ ที่อยู่ในพื้นที่ EEC และพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอันดับต้น ๆ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13260 | ร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้องในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล | ทส | 26/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน (Bangkok Declaration on Combating Marine Debris in ASEAN Region) ซึ่งจะต้องได้รับความเห็นชอบ (Endorsement) จากที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล ก่อนที่จะนำเสนอในที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ ซึ่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ เพื่อให้การรับรองต่อไป (๒) ร่างกรอบปฏิบัติการอาเซียนว่าด้วยขยะทะเล (ASEAN Framework of Action on Marine Debris) ที่จะถูกรับรอง (Adoption) ในที่ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล (๓) ร่างแถลงข่าวร่วม (Joint Media Statement) และ (๔) ร่างบทสรุปประธาน (Chair’s Summary) เป็นเอกสารสรุปผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนสมัยพิเศษด้านขยะทะเล ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๒ ณ กรุงเทพมหานคร ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้ให้การรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ๑.๓ ให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญากรุงเทพฯ ว่าด้วยการต่อต้านขยะทะเลในภูมิภาคอาเซียน (Bangkok Declaration on Combating Marine Debris in ASEAN Region) ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๔ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์และเอกสารที่เกี่ยวข้องในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่อง
|
.....