ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 670 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13381 - 13400 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13381 | ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อื่นๆ | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาดำเนินการของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (บจธ.) และแก้ไขการกำหนดอายุขั้นสูงของประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการ บจธ. ตามที่ บจธ. เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้ขยายระยะเวลาดำเนินการของ บจธ. ออกไปอีกคราวละไม่เกิน ๑ ปี แต่รวมระยะเวลาแล้วไม่เกิน ๓ ปี โดยมีเงื่อนไขว่า หากคณะรัฐมนตรีเห็นว่าการดำเนินการของ บจธ. ไม่เกิดผลสัมฤทธิ์หรือไม่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับภาระงบประมาณตามรายงานผลการดำเนินการในแต่ละปีที่ บจธ. ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๙๐ วัน ก่อนครบกำหนดระยะเวลาในแต่ละ ๑ ปี และมีมติให้ยุบเลิก บจธ. ก็ให้ บจธ. เป็นอันยุบเลิก แล้วให้รัฐมนตรีประกาศยุบเลิก บจธ. ในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ตามมาตรา ๔๐ แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) พ.ศ. ๒๕๕๔ แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้ บจธ. ไปพิจารณาปรับปรุงการดำเนินการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนให้สอดคล้องกับการแก้ไขปัญหาการสูญเสียที่ดินและการจัดการที่ดินให้เกษตรกรนาแปลงรวม และรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน เช่น ควรเร่งผลักดันให้มีการจัดตั้งธนาคารที่ดินโดยเร็วขึ้น และควรกำหนดแผนและเป้าหมายการดำเนินการที่ชัดเจน ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดในเชิงคุณภาพและปริมาณของยุทธศาสตร์ในแผนบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรที่ดินของประเทศ (พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๕) เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13382 | แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร05 | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดทำขึ้น และให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติ ดังนี้
๑. กรณีหน่วยงานของรัฐจัดทำหนังสือสัญญาที่ไม่ต้องเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ วรรคหนึ่ง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้แก่ หนังสือสัญญาที่ไม่เข้าลักษณะประเภทหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบก่อนดำเนินการต่อไป ๒. กรณีหน่วยงานของรัฐจัดทำหนังสือสัญญาที่ต้องเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้แก่ หนังสือสัญญาที่เข้าลักษณะสี่ประเภทตามที่กำหนดในมาตรา ๑๗๘ วรรคสองและวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ได้แก่ (๑) หนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทย (๒) หนังสือสัญญาที่มีบทเปลี่ยนแปลงเขตพื้นที่นอกอาณาเขตซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตย หรือมีเขตอำนาจตามหนังสือสัญญา หรือตามกฎหมายระหว่างประเทศ (๓) หนังสือสัญญาที่จะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญา และ (๔) หนังสือสัญญาอื่นที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม หรือการค้า หรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวาง ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องถือปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ ๒.๑ กรณีเป็นหนังสือสัญญาที่กำหนดขั้นตอนการลงนามและขั้นตอนการแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน (consent to be bound) แยกออกจากกัน โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อได้มีการแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน ซึ่งการลงนามในขั้นตอนนี้เป็นการแสดงเจตจำนงทางการเมืองในทางนโยบายของไทยที่จะดำเนินการตามหนังสือสัญญาดังกล่าว โดยหนังสือสัญญายังไม่มีผลผูกพันทางกฎหมายตามกฎหมายระหว่างประเทศต่อประเทศไทย สำหรับขั้นตอนการแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน (consent to be bound) เช่น การให้สัตยาบัน การแจ้ง การรับรอง หรือการยอมรับ เป็นขั้นตอนที่ทำให้หนังสือสัญญามีผลผูกพันทางกฎหมายตามกฎหมายระหว่างประเทศต่อประเทศไทย ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบ และขออนุมัติการลงนามในหนังสือสัญญาดังกล่าว พร้อมทั้งขอให้คณะรัฐมนตรีเสนอขอความเห็นชอบต่อรัฐสภามาในคราวเดียวกัน โดยเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่เสนอและให้ขอความเห็นชอบต่อรัฐสภาแล้ว ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องดำเนินการให้มีการลงนามได้ เมื่อลงนามแล้วจึงเสนอเรื่องต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และเมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว จึงจะดำเนินการแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันได้ ๒.๒ กรณีเป็นหนังสือสัญญาที่กำหนดขั้นตอนการลงนามเพียงขั้นตอนเดียว โดยให้มีผลใช้บังคับเมื่อได้มีการลงนามแล้ว ซึ่งเป็นขั้นตอนการแสดงเจตนาให้มีผลผูกพัน (consent to be bound) หรือเป็นหนังสือสัญญาที่มีผลใช้บังคับไปแล้ว และประเทศไทยประสงค์จะเข้าเป็นภาคีในภายหลังโดยการภาคยานุวัติ (accession) ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องเสนอขอความเห็นชอบต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอต่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบก่อนการลงนามในหนังสือสัญญาดังกล่าว หรือก่อนการภาคยานุวัติ ๓. กรณีหน่วยงานของรัฐมีปัญหาว่าหนังสือสัญญาใดเป็นกรณีตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสองหรือวรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหรือไม่ ให้หน่วยงานของรัฐเจ้าของเรื่องเสนอหนังสือสัญญาดังกล่าวเพื่อให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาดำเนินการตามมาตรา ๑๗๘ วรรคห้า ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13383 | แผนการหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2562 - 2564) | กต | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างแผนการหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔) มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแผนการหารือระหว่างกัน ณ กรุงเทพมหานครและกรุงมอสโก ในประเด็นต่าง ๆ เช่น (๑) ความร่วมมือระดับทวิภาคี (๒) ความร่วมมือระดับภูมิภาคและพหุภาคีในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในด้านการเมือง ความมั่นคง และการรวมตัวทางเศรษฐกิจ และ (๓) การปลดอาวุธและไม่แพร่ขยายอาวุธ เป็นต้น โดยจะมีการหารือในสองระดับ คือ ระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศและระดับกรมของกระทรวงการต่างประเทศที่มีขอบเขตความรับผิดชอบใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ จะมีการลงนามในร่างแผนการหารือฯ ฉบับที่ ๔ ในช่วงที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดินทางเยือนสหพันธรัฐรัสเซีย ระหว่างวันที่ ๗-๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างแผนการหารือฯ ฉบับที่ ๔ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนการหารือฯ ฉบับที่ ๔ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13384 | ขอความเห็นชอบข้อกำหนดคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรป ในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม และแต่งตั้งคณะทำงานฝ่ายไทย ของคณะทำงานร่วมฯ | นร | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบข้อกำหนดคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม และการแต่งตั้งคณะทำงานฝ่ายไทยของคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม โดยข้อกำหนดฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบแนวทางในการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรปเพื่อต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม (IUU) โดยกำหนดจัดประชุมหารือทุกปีเกี่ยวกับข้อริเริ่มระดับภูมิภาคและอนุภูมิภาคในการต่อต้านการทำประมง IUU การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมด้านการทำประมง IUU และสถานการณ์ที่น่ากังวลในประเทศที่สาม รวมทั้งประสานงานในโครงการพัฒนาต่าง ๆ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างข้อกำหนดฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้สามารถดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้คณะทำงานฝ่ายไทยของคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลไทยและคณะกรรมาธิการยุโรปฯ รับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาความเหมาะสมในการสร้างความร่วมมือในการศึกษาวิจัยเพื่อสนับสนุนการขยายผลการต่อต้านการทำประมง IUU โดยให้ความสำคัญกับการติดตาม รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อชี้ให้เห็นถึงผลประโยชน์ในมิติต่าง ๆ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศที่เข้าร่วมการต่อต้านการทำประมง IUU และการถอดบทเรียนจากความสำเร็จในการดำเนินการของประเทศไทยและประเทศอื่น ๆ เพื่อเผยแพร่ให้ทุกประเทศตระหนักและให้ความร่วมมือในการต่อต้านการทำประมง IUU ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ) ประธานอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13385 | แนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไป | ลต | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑ เห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปตามมติที่ประชุมซี่งรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๒ ดังนี้ ๑.๑ ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่และลูกจ้างในสังกัดของราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค และราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และหน่วยงานอื่น ๆ ของรัฐ ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือและสนับสนุนการดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อได้รับการร้องขอจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด หรือคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำเขตเลือกตั้ง ๑.๒ ให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่และลูกจ้างในสังกัดทุกประเภท ทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ๑.๓ นับแต่มีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปจนถึงวันเลือกตั้ง การแต่งตั้ง (โยกย้าย) ข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกประเภทและทุกระดับ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่นให้พิจารณาเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ในการเลือกตั้ง ๑.๔ ให้ข้าราชการส่วนกลาง ราชการส่วนภูมิภาค ราชการส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานของรัฐให้การสนับสนุนสถานที่เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ๑.๕ ให้หน่วยงานทุกฝ่ายตามข้อ ๑.๔ สนับสนุนเกี่ยวกับสถานที่ปิดประกาศและที่ติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เพียงพอและเท่าเทียมกัน ๑.๖ ให้มีการสนธิกำลังระหว่างทหาร ตำรวจ พลเรือน และอาสาสมัครด้านความปลอดภัยเพื่อให้การคุ้มครองประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่จัดการเลือกตั้งได้รับความปลอดภัย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ๒. ให้ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๓๙ [เรื่อง การปรับปรุงแก้ไขมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้ง] มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ [เรื่อง มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้ง] มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๐ [เรื่อง สรุปผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการการเลือกตั้ง] และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ [เรื่อง มติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเลือกตั้ง]
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13386 | การตรวจลงตราให้กับเจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย [ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522] | มท | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ตามมาตรา ๑๒ (๑) ประเภทคนอยู่ชั่วคราว และอัตราค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป ตามมาตรา ๓๕ แก่เจ้าหน้าที่สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทย และครอบครัว ซึ่งเป็นบุคคลซึ่งรัฐบาลต่างประเทศโดยความเห็นชอบของรัฐบาลไทยให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจในราชอาณาจักร รวมทั้งคู่สมรส หรือบุตร ซึ่งอยู่ในความอุปการะและเป็นส่วนแห่งครัวเรือนของของบุคคลนั้น ตามมาตรา ๑๕ (๓) และ (๖) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้พิจารณารูปแบบ และบทอาศัยอำนาจให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. ๒๕๒๒ แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13387 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (จำนวน 3 ราย 1. นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ ฯลฯ) | กค | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ สังกัดกระทรวงการคลัง ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
๑. นางสาวอมรรัตน์ กล่ำพลบ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ ๒. นางวรนุช ภู่อิ่ม ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการบริหารเหรียญกษาปณ์และทรัพย์สินมีค่า (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ๓. นางนงลักษณ์ ขวัญแก้ว ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ (นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ) กรมธนารักษ์ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๑
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13388 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (จำนวน 2 คน 1. นางดวงพร รอดพยาธิ์ ฯลฯ) | พณ | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้การแต่งตั้งมีผลตั้งแต่วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๒ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
๑. นางดวงพร รอดพยาธิ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ๒. นายวรวุฒิ โปษกานนท์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13389 | แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรี | นร04 | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒/๒๕๖๒ ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เรื่อง แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13390 | รายงานผลการดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 1/2562 เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสิทธิบัตรและมาตรการด้านสิทธิบัตรเป็นกรณีพิเศษ ลงวันที่ 28 มกราคม 2562 | พณ | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์รายงานผลการดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๑/๒๕๖๒ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสิทธิบัตรและมาตรการด้านสิทธิบัตรเป็นกรณีพิเศษ ลงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๒ โดยกระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการจำหน่ายและสั่งยกคำขอรับสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชาธรรมชาติ หรือที่มีสารดังกล่าวเป็นองค์ประกอบ ซึ่งนักวิชาการหรือนักวิจัยมีความห่วงกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการวิจัยด้านการแพทย์ จำนวน ๑๓ คำขอแล้ว โดยมีรายละเอียด ดังนี้
๑. การดำเนินการตามพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติมก่อนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีผลใช้บังคับ จำหน่ายคำขอออกจากระบบสิทธิบัตรเนื่องจากผู้ขอรับสิทธิบัตรไม่ดำเนินการตามกฎหมาย จำนวน ๓ คำขอ และแจ้งปฏิเสธคำขออีก จำนวน ๒ คำขอ รวมทั้งหมด ๖ คำขอ ๒. การดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สั่งยกคำขอรับสิทธิบัตร ๑๐ คำขอ (รวมคำขอรับสิทธิบัตรที่แจ้งปฏิเสธ ๓ คำขอตามข้อ ๑) ทั้งนี้ ผู้ขอรับสิทธิบัตรมีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งยกคำขอรับสิทธิบัตรของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาต่อคณะกรรมการสิทธิบัตรได้ภายใน ๖๐ วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งตามมาตรา ๗๒ แห่งพระราชบัญญัติสิทธิบัตร พ.ศ. ๒๕๒๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13391 | การปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี | นร04 | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๓/๒๕๖๒ เรื่อง ปรับปรุงคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ โดยเห็นควรยกเลิกความในข้อ ๗ ของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ และปรับปรุงการมอบหมายและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๒๓/๒๕๖๐ ลงวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ ในส่วนของ รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13392 | แนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ | ทส | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ในกรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล และในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ ซึ่งเป็นการเตรียมการป้องกันและลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) แบ่งเป็น ๓ ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน ระยะปานกลาง (พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๔) และระยะยาว (พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๖๗) เพื่อนำไปสู่เป้าหมายในการ “สร้างอากาศดี เพื่อคนไทย และผู้มาเยือน” ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงแนวทางและมาตรการฯ ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของมาตรการระยะเร่งด่วน ขั้นปฏิบัติการ ระดับที่ ๒ [ระดับที่ปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) มีค่ามากกว่า ๕๐ ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร] ให้พิจารณากำหนดแนวทางและมาตรการเพิ่มเติมเพื่อขอความร่วมมือให้ประชาชนใช้รถยนต์ดีเซลเป็นเชื้อเพลิงเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เนื่องจากไอเสียของเครื่องยนต์ดีเซลเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) รวมทั้งให้ปรับเพิ่มแนวทางและมาตรการฯ ให้ครอบคลุมถึงการดำเนินการด้านสาธารณสุขในการป้องกันและดูแลสุขภาพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ด้วย ๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนให้ถูกต้องและชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินการตามแนวทางและมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ดังกล่าว รวมทั้งมาตรการเร่งด่วนต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น กรณีการปิดสถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการและกรุงเทพมหานคร มิใช่เป็นการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) หรือลดสาเหตุของการเกิดฝุ่นละอองขนาดเล็กโดยตรง แต่มีเจตนารมณ์สำคัญที่จะปกป้องคุ้มครองเด็กที่ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีความเปราะบางและอาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว และกรณีการฉีดพ่นละอองน้ำในอากาศจากอาคารสูงและโดยเครื่องบินในพื้นที่ต่าง ๆ อาจไม่สามารถลดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ได้โดยตรง แต่เป็นการดำเนินการควบคู่ไปพร้อมกับมาตรการอื่นอีกหลายมาตรการที่หน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการอยู่ ซึ่งจะช่วยให้ลดปริมาณฝุ่นละอองในภาพรวมลงได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13393 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562) | นร04 | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13394 | การดำเนินโครงการเน็ตประชารัฐ และโครงการ ASEAN Digital Hub | นร | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เสนอว่า ได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับโครงการเน็ตประชารัฐ และโครงการ ASEAN Digital Hub ร่วมกับผู้แทนจากกระทรวงการคลัง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ในการดำเนินโครงการดังกล่าวทั้ง ๒ โครงการ ยังมีประเด็นปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งพิจารณาให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน เช่น ประเด็นเกี่ยวกับการชำระภาษี การจัดซื้อจัดจ้าง และการร่วมลงทุนของภาคเอกชน เป็นต้น ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้มีหนังสือขอหารือเกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ดังกล่าวไปยังกระทรวงการคลัง (กรมสรรพากร) และคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐแล้ว และเรื่องดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง จึงเห็นควรให้มีการเร่งรัดการพิจารณาประเด็นข้อหารือดังกล่าวของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจนโดยเร็ว ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วมีมติมอบหมายให้กระทรวงการคลังรับไปประสานและเร่งรัดการดำเนินการที่เกี่ยวข้อง และให้แจ้งผลการพิจารณาไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13395 | ร่างพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562)] | นร | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติการประเมินราคาทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ ต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13396 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562)] | นร | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ [เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....] และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรการในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13397 | การปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารออมสิน พนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และพนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ | กค | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานธนาคาร ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) ในการประชุมครั้งที่ ๔/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ และการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ตามมติ ครรส. ในการประชุมครั้งที่ ๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๑ โดยให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ ๑.๒ เห็นชอบการปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงานธนาคารออมสิน ธ.ก.ส. และ ธอส. โดยให้ปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานที่ยังไม่ถึงอัตราขั้นต่ำของกระบอกเงินเดือนให้ได้รับในอัตราขั้นต่ำในลำดับแรก และปรับเพิ่มเงินเดือนเพื่อชดเชยพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการที่พนักงานได้รับการปรับเงินเดือนเข้าสู่ระดับขั้นต่ำ โดยให้คณะกรรมการรัฐวิสาหกิจพิจารณาแนวทางการชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากการปรับเงินเดือนเข้าสู่ระดับขั้นต่ำได้ตามแนวทางที่เหมาะสม โดยรวมแล้วไม่เกินร้อยละ ๑ ของฐานเงินเดือนพนักงาน ทั้งนี้ ให้ปรับเพิ่มได้เพียงครั้งเดียวตามมติ ครรส. ๑.๓ การขอปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและการขอปรับเพิ่มเงินเดือนในแต่ละครั้งจะต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๒ ปีขึ้นไป โดยมิให้นำเหตุแห่งการปรับเงินเดือนของข้าราชการมาเป็นประเด็นในการพิจารณา ๒. ให้กระทรวงการคลังรับข้อสังเกตและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาโครงสร้างอัตราเงินเดือนควรคำนึงถึงผลประโยชน์ตอบแทนอื่น ๆ ที่พนักงานจะได้รับนอกเหนือจากเงินเดือน ซึ่งรวมถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับภายหลังเกษียณอายุ อาทิ บำเหน็จ บำนาญ ค่ารักษาพยาบาล ประกอบด้วย และในการประมาณการผลกระทบค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่เพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงค่าตอบแทน มีการประมาณการเฉพาะเงินเดือน เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ค่าล่วงเวลา และโบนัส เท่านั้น ควรพิจารณาให้ครอบคลุมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ใช้เงินเดือนเป็นฐานในการคำนวณด้วย เช่น เงินที่จ่ายเมื่อเกษียณ เป็นต้น รวมทั้งควรมีการกำกับและติดตามให้รัฐวิสาหกิจดำเนินการตามมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร ทั้งแผนการเพิ่มรายได้ การพัฒนาศักยภาพและการบริหารจัดการบุคลากร แผนการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เพื่อมิให้การปรับปรุงโครงสร้างอัตราเงินเดือนส่งผลกระทบต่อรายได้นำส่งรัฐและการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13398 | โครงการติดตั้งระบบมิเตอร์อัจฉริยะ (Advanced Metering Infrastructure : AMI) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ | มท | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ดำเนินโครงการติดตั้งระบบมิเตอร์อัจฉริยะ (Advanced Metering Infrastructure : AMI) สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ วงเงินลงทุนรวม ๑,๘๑๐ ล้านบาท โดยใช้เงินกู้ในประเทศ จำนวน ๑,๓๕๗ ล้านบาท (ร้อยละ ๗๕) และเงินรายได้ กฟภ. จำนวน ๔๕๓ ล้านบาท (ร้อยละ ๒๕) และเห็นชอบให้ กฟภ. กู้เงินในประเทศ ภายในกรอบวงเงิน ๑,๓๕๗ ล้านบาท เพื่อเป็นเงินทุนของโครงการฯ โดย กฟภ. จะทยอยดำเนินการกู้เงินตามความจำเป็นจนกว่างานจะแล้วเสร็จ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยในส่วนของการกู้เงินในประเทศ เห็นควรให้ กฟภ. จัดทำแผนการใช้เงินและเสนอความต้องการกู้เงินเพื่อลงทุนในโครงการฯ ให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินของ กฟภ. เพื่อบรรจุโครงการเงินกู้ไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ ซึ่งกระทรวงการคลังไม่ค้ำประกันเงินกู้ ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ๒. ให้กระทรวงมหาดไทย โดย กฟภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับข้อสังเกตของกระทรวงการคลัง และความเห็นของกระทรวงพลังงาน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงบประมาณ และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เช่น (๑) เมื่อ กฟภ. มีการลงทุนโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการดำเนินงาน กฟภ. ควรสนับสนุนหรือแสดงให้เห็นถึงการลดต้นทุนการดำเนินงาน และลดกระบวนการเพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์รัฐวิสาหกิจภาพรวม (๒) กฟภ. ควรเร่งติดตั้งระบบมิเตอร์อัจฉริยะ (AMI) ให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อจะได้ใช้ประโยชน์ในการดำเนินมาตรการความร่วมมือลดการใช้ไฟฟ้าของกระทรวงพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ (๓) กฟภ. ควรพิจารณาแนวทางและขั้นตอนสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ที่ได้ติดตั้งมิเตอร์อ่านหน่วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (Automatic Meter Reading : AMR) ไปแล้ว แต่มีความประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเป็นทางเลือกในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ด้วย (๔) กฟภ. ควรกำหนดมาตรการการดำเนินงานและควบคุมการบริหารจัดการด้วยความรอบคอบ เพื่อให้โครงการฯ บรรลุวัตถุประสงค์และเกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการฯ ตลอดจนรายงานการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากหนี้สาธารณะ และ (๕) กฟภ. ควรมีการจัดการบริหารความเสี่ยงของโครงการฯ เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับการเติบโตของผู้ใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13399 | ร่างพระราชบัญญัติสถาบันการเงินประชาชน พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562)] | นร | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ซึ่งเห็นชอบในหลักการให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังเป็นนายทะเบียนชั่วคราว โดยอาจกำหนดระยะเวลาเริ่มแรกไม่น้อยกว่า ๓ ปี และมอบกระทรวงการคลังร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาเพิ่มเติมถ้อยคำในบทเฉพาะกาล ในร่างมาตรา ๘๐ วรรคสอง และเมื่อครบกำหนดแล้วให้ทบทวนความเหมาะสมอีกครั้งก่อนส่งให้คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13400 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เกี่ยวกับพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ....) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562)] | นร | 05/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เรื่อง ผลการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. ....) ซึ่งเห็นว่า ร่างมาตรา ๖ เป็นสาระสำคัญของร่างกฎหมาย เนื่องจากเป็นกลไกที่กำหนดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๗๗ และมาตรา ๒๕๘ ค. ด้านกฎหมาย (๑) ของรัฐธรรมนูญ และจะเป็นช่องทางในการเยียวยาผลร้ายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน
|