ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 662 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13221 - 13240 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13221 | (ร่าง) แนวทางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (Geostationary - satellite orbit : GSO) ตามมาตรา 60 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 และ (ร่าง) นโยบายการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศ | ดศ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. เห็นชอบในหลักการตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ (ร่าง) แนวทางดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (Geostationary-satellite orbit : GSO) ตามมาตรา ๖๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดกรอบนโยบาย หลักเกณฑ์ วิธีการและแนวทางดำเนินการในกิจการดาวเทียมวงโคจรประจำที่ (Geostationary-satellite orbit : GSO) เพื่อการรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และรักษาสิทธิข่ายงานดาวเทียมที่ได้รับการจดทะเบียน (Notification) กับสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ ให้มีสิทธิใช้งานโดยสมบูรณ์ และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการดาวเทียมของไทยให้สามารถแข่งขันได้ รวมทั้งการบริหารเอกสารข่ายงานดาวเทียมของประเทศให้เกิดประสิทธิผล ๑.๒ (ร่าง) นโยบายการพิจารณาอนุญาตให้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การขออนุญาตการใช้ดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศในเชิงพาณิชย์ เพื่อส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากดาวเทียมสื่อสาร และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจดาวเทียมสื่อสารให้กว้างขวางยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นการสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศด้านโทรคมนาคมของประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๐ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงศึกษาธิการ เช่น ควรให้มีแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีและกำลังคนอย่างเป็นระบบ ควรให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากต่างประเทศอย่างเหมาะสม และการให้สิทธิดาวเทียมต่างชาติให้บริการในประเทศควรคำนึงถึงประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ รวมทั้งควรมีการกำกับดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายของประเทศไทย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13222 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมกราคม 2562 | นร02 | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมกราคม ๒๕๖๒ ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) ในฐานะประธานกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดลำปาง ระหว่างวันที่ ๑๔-๑๕ มกราคม ๒๕๖๒ เน้นการประชาสัมพันธ์การลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีและคณะ ในประเด็นดำเนินการแก้ไขปัญหาหมอกควันในพื้นที่ การมอบเอกสารที่ดินทำกินตามโครงการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน รวมไปถึงการเยี่ยมชมการดำเนินงานพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ (โทรทัศน์ สื่อวิทยุ และสื่อออนไลน์) โดยมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๑๕๖ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๘,๘๑๒,๒๑๙ คน จำนวนการกดไลท์ ๗๙๕ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๔๕ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๒๑ ครั้ง ๒. พายุปาบึก เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุปาบึก ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ (โทรทัศน์ สื่อวิทยุ และสื่อออนไลน์) โดยมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๓,๗๕๙ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๕๐๖,๘๐๙ คน จำนวนการกดไลท์ ๕๔,๒๓๔ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๑๐,๒๖๔ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๑,๔๐๓ ครั้ง ๓. เทศกาลปีใหม่ ปี ๒๕๖๒ เน้นการประชาสัมพันธ์ในประเด็นการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยด้านการจราจรช่วงเทศกาลปีใหม่ และการมอบของขวัญปีใหม่ให้แก่ประชาชน ผ่านสื่อในช่องทางต่าง ๆ (โทรทัศน์ สื่อวิทยุ และสื่อออนไลน์) โดยมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งหมด ๙๒๐ ครั้ง จำนวนการเข้าถึง ๑,๔๕๑,๐๖๘ คน จำนวนการกดไลท์ ๔๔,๒๓๐ ครั้ง จำนวนการแชร์ ๓,๓๑๔ ครั้ง และจำนวนการแสดงความคิดเห็น ๖๕๐ ครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13223 | ผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ 10 และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง | กต | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๑๐ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เข้าร่วมการประชุม ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๘-๙ ตุลาคม ๒๕๖๑ โดยผลการประชุมฯ มีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานภายใต้ยุทธศาสตร์กรุงโตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๕ (พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๑) และการรับรองยุทธศาสตร์กรุงโตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๘ เพื่อความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนความร่วมมือที่สำคัญในด้านต่าง ๆ เช่น การสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนญี่ปุ่นในอนุภูมิภาค รวมทั้งการแก้ไขปัญหาในภูมิภาคและโลก เช่น สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี ปัญหาทะเลจีนใต้ และสถานการณ์ในรัฐยะไข่ เป็นต้น ในการนี้ นายกรัฐมนตรีได้หารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (Japan External Trade Organization : JETRO) และประธานบริษัท Mitsui & Co. โดยมีประเด็นหารือที่สำคัญเกี่ยวกับการผลักดันการลงทุนของภาคเอกชนญี่ปุ่นในโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern EconomIc Corridor : EEC) และมอบหมายส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นต้น ดำเนินการตามผลการประชุมฯ และผลการหารือทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีกับฝ่ายญี่ปุ่น ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13224 | การแต่งตั้งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา (กระทรวงการต่างประเทศ) (นายหม่า เฟิ่งชุน) | กต | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายหม่า เฟิ่งชุน (Mr. Ma Fengchun) ให้ดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จังหวัดสงขลา โดยมีเขตกงสุลครอบคลุมจังหวัดสงขลา ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สตูล สุราษฎร์ธานี ตรัง และยะลา สืบแทน นายโจว ไห่เฉิง (Mr. Zhou Haicheng) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13225 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับผู้เชี่ยวชาญทักษะสูง นักลงทุน ผู้บริหารระดับสูง และผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น | รง | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับผู้เชี่ยวชาญทักษะสูง นักลงทุน ผู้บริหารระดับสูง และผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ให้แก่คนต่างด้าว ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทักษะสูง นักลงทุน ผู้บริหารระดับสูง และผู้ประกอบการวิสาหกิจเริ่มต้น รวมถึงผู้ติดตามที่ได้รับการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ (Smart Visa) เพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุน และดึงดูดบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถหรือทักษะสูงให้เข้ามาทำงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายตามนโยบายของรัฐบาล อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13226 | การจัดตั้งศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราว (The Temporary Data Collection Centre) | รง | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการจัดตั้งศูนย์จัดเก็บข้อมูลแรงงานเมียนมาชั่วคราว (The Temporary Data Collection Centre) ของทางการเมียนมา ณ จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อให้หน่วยงานที่รับผิดชอบของฝ่ายเมียนมาสามารถเข้ามาจัดเก็บข้อมูล (เอกสารที่จำเป็นในการจัดทำหนังสือเดินทาง) ของแรงงานเมียนมาที่ต้องการจัดทำหนังสือเดินทาง และพิจารณาออกหนังสือเดินทางให้แก่แรงงานเมียนมาได้โดยที่ยังไม่ต้องเดินทางกลับประเทศ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงแรงงานประสานงานกับหน่วยงานที่รับผิดชอบของเมียนมาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นไปอย่างรวดเร็ว โปร่งใส และเป็นธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13227 | ขออนุมัติดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน - ศิริราช ของการรถไฟแห่งประเทศไทย | คค | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติในหลักการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ในกรอบวงเงิน ๖,๖๔๕.๐๓ ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ ๗) (ปรับลดวงเงินค่าก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงใหม่เพื่อทดแทนโรงซ่อมบำรุงที่สถานีรถไฟธนบุรี วงเงินประมาณ ๘๒๔.๔ ล้านบาท) ระยะเวลาดำเนินการ ๕ ปี โดยดำเนินการประกวดราคาจ้างก่อสร้างตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการฯ เห็นควรให้รัฐบาลรับภาระการลงทุนค่างานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และ รฟท. รับภาระการลงทุนค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลและงานจัดหาตู้รถไฟฟ้า ตามความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ ให้ รฟท. ดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒. อนุญาตให้ รฟท. กู้เงินตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔) เพื่อดำเนินโครงการฯ และให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. ดำเนินการขอบรรจุแผนการกู้เงินไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ต่อไป ๓. ให้กระทรวงคมนาคม โดย รฟท. และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พิจารณากำหนดชื่อสถานีที่เชื่อมต่อกันของโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ให้เป็นชื่อเดียวกัน เพื่อป้องกันมิให้ผู้ใช้บริการเกิดความสับสนในการเดินทาง ๔. ให้กระทรวงคมนาคม รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการคลังและกระทรวงศึกษาธิการ เช่น (๑) กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการรื้อย้ายชุมชนที่บุกรุกและการย้ายผู้เช่าที่ในเขตทางรถไฟ โดยดำเนินการให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนด (๒) กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ควรกำหนดมาตรการที่ชัดเจนรองรับกรณีการซ้อนทับกันระหว่างแนวเส้นทางของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ช่วงบางขุนนนท์-ตลิ่งชัน กับโครงการนี้ ควรกำหนดโครงสร้างราคาค่าโดยสารให้สอดคล้องกับระบบตั๋วร่วม ควรศึกษาโครงสร้างต้นทุนในการใช้ทางร่วมกัน (Share Track) ในการเดินรถในช่วงสถานีศาลายาไปถึงสถานีธนบุรี-ศิริราช เพื่อใช้ประกอบการกำหนดค่าใช้ทางของผู้ให้บริการเดินรถทั้ง ๒ เส้นทางดังกล่าว (Access Charge) ควรกำหนดค่าโดยสารที่เหมาะสม ควรจัดทำแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ตามแนวเส้นทางและบริเวณสถานีรถไฟ (Transit-Oriented Development : TOD) และจัดทำแผนการเชื่อมต่อโครงข่ายคมนาคมขนส่งสาธารณะระบบต่าง ๆ และ (๓) กระทรวงคมนาคม โรงพยาบาลศิริราช รฟท. และ รฟม. ควรร่วมกันออกแบบโครงสร้างอาคารผู้ป่วยในของโรงพยาบาลศิริราช สถานีธนบุรี-ศิริราช ของโครงการฯ และสถานีศิริราช ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนตะวันตก ให้สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างกลมกลืน เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13228 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ตช | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานการแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดแบบเอกสารตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และวิธีการขอหลักฐานแจ้งออกไปนอกราชอาณาจักรเพื่อกลับเข้ามาอีก และการขอกลับเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามเดิม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยกำหนดให้มีการเพิ่มภาษาจีนและอินเดีย ลงในแบบ ตม.๖ เพื่ออำนวยความสะดวกและแก้ไขปัญหาด้านภาษาให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดียสามารถใช้และกรอกข้อมูลในแบบ ตม.๖ ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และครบถ้วน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ทั้งนี้ ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้ ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีมาตรการรองรับในอนาคตหากมีคนต่างด้าวสัญชาติอื่น ๆ เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยจำนวนเพิ่มขึ้นและอาจเกิดปัญหาด้านภาษา รวมทั้งควรส่งเสริมการจัดทำแบบ ตม.๖ ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดปัญหาความล่าช้าที่เกิดจากการกรอกข้อมูลแบบเดิม อีกทั้งการจัดทำข้อมูลดังกล่าวในระบบอิเล็กทรอนิกส์สามารถจัดทำได้ในหลายภาษา และสามารถเก็บข้อมูลด้านการท่องเที่ยวและนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้กระบวนการตรวจคนเข้าเมืองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับมีฐานข้อมูลคนเข้าเมืองที่ถูกต้องและแม่นยำมากยิ่งขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13229 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณ ขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ และขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกับกองทัพบกในการจัดหาอากาศยานปีกหมุน (Helicopter) เพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสาธารณภัย | มท | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
๑. รับทราบและอนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑.๑ รับทราบผลการประกวดราคาโครงการความร่วมมือระหว่างกระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกับกองทัพบกในการจัดหาอากาศยานปีกหมุน (Helicopter) เพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสาธารณภัย จำนวน ๒ ลำ วงเงิน ๑,๘๖๒,๔๗๕,๙๕๖ บาท ๑.๒ อนุมัติเพิ่มวงเงินงบประมาณ และขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าวข้างต้น จากปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒ วงเงิน ๑,๗๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๔ วงเงิน ๑,๘๖๒,๔๗๕,๙๕๖ บาท ๑.๓ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๔๐๐,๒๓๙,๔๘๖ บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายรายการดังกล่าวข้างต้น สำหรับจ่ายเงินล่วงหน้า และค่างานงวดที่ ๑ ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนที่เหลือผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13230 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเฉลิมชนม์ แน่นหนา) | ศธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายเฉลิมชนม์ แน่นหนา ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงศึกษาธิการ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13231 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาที่ดิน (จำนวน 5 คน 1. นายชัยวัฒน์ สิทธิบุศย์ ฯลฯ) | กษ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการพัฒนาที่ดิน จำนวน ๕ คน แทนกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิเดิมที่ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๕ มีนาคม ๒๕๖๒) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้
๑. นายชัยวัฒน์ สิทธิบุศย์ ๒. นายโสภณ ชมชาญ ๓. นายสิทธิพงษ์ ดิลกวณิช ๔. นายวุฒิชาติ สิริช่วยชู ๕. นายนพดล เภรีฤกษ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13232 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "สหกรณ์เข้มแข็ง เกษตรกรยั่งยืน" ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “สหกรณ์เข้มแข็ง เกษตรกรยั่งยืน” โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ไปแล้วบางส่วน โดยเสริมสร้างความรู้ให้แก่บุคลากรสหกรณ์ สมาชิกสหกรณ์และเกษตรกร ถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการผ่านการให้คำแนะนำปรึกษา/เอกสารเผยแพร่ เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสมาชิก มีการจัดตั้งทีมตรวจสอบและเข้าตรวจการสหกรณ์อย่างเข้มข้นทุกแห่ง เร่งรัดการแก้ไขข้อบกพร่องของสหกรณ์ อันเป็นการตรวจสอบและกำกับดูแลสหกรณ์และป้องกันการทุจริต ส่งเสริมการบริหารจัดการธุรกิจ ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตสินค้าเกษตร (พืช ประมง ปศุสัตว์) ให้ได้มาตรฐาน เพื่อเป็นการสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของสหกรณ์และการสนับสนุนด้านเงินทุนสำหรับการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ นั้น ในคราวประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แล้วลงมติเห็นสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว (ขณะนี้อยู่ระหว่างนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย) ส่วนการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและระบบสารสนเทศนั้น ได้จัดทำฐานข้อมูลเกษตรกรกลาง (Farmer One) เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ ใช้เป็นฐานข้อมูลกลางของภาครัฐร่วมกันในการบริหารจัดการเชิงนโยบาย ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13233 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง "การดูแลรักษาพยาบาลผู้สูงอายุ แบบครบวงจร" ของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ | สว | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการพิจารณาตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เรื่อง “การดูแลรักษาพยาบาลผู้สูงอายุแบบครบวงจร” โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ ทั้งข้อเสนอแนะทั่วไปและข้อเสนอแนะเชิงนโยบายแล้วบางส่วน เช่น การพัฒนารูปแบบสังคมสูงอายุที่มีความหลากหลาย การฝึกอบรมด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุสำหรับแพทย์กลุ่มเป้าหมาย การส่งเสริมให้เกิดงานวิจัยและนวัตกรรม การลดสิทธิบัตร หาผู้ลงทุน และเปิดโอกาสให้มีการแข่งขันเพื่อให้ราคาถูกลง การศึกษาให้มีการลงทุนสร้าง Senoir Complex, Day care ในชุมชน เป็นต้น ส่วนข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เช่น การเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้สังคมสูงอายุเป็นระเบียบวาระแห่งชาติ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๑ เห็นชอบในหลักการมาตรการขับเคลื่อนระเบียบวาระแห่งชาติ เรื่อง สังคมผู้สูงอายุ และให้หน่วยงานรับผิดชอบดำเนินงานด้านผู้สูงอายุนำไปสู่การปฏิบัติต่อไปแล้ว ด้านการจัดตั้งคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาลศูนย์ อยู่ระหว่างการพัฒนารูปแบบคลินิกผู้สูงอายุให้มีความเหมาะสม สำหรับโรงพยาบาลทั่วไปและโรงพยาบาลขนาด ๒๐ เตียงขึ้นไป นั้น ได้มีการผลักดันและสนับสนุนให้มีการดำเนินการแล้ว รวมทั้งได้ดำเนินนโยบายเกี่ยวกับการเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์และส่งเสริมสนับสนุนการจัดสร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงอายุด้วยแล้ว เป็นต้น ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13234 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการค่าก่อสร้าง อาคารเรียน แบบพิเศษ โรงเรียนสายน้ำผึ้ง ในพระอุปถัมภ์ฯ | ศธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณงานก่อสร้างอาคารเรียน แบบพิเศษ โรงเรียนสายน้ำผึ้งในพระอุปถัมภ์ฯ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ๑ หลัง จากวงเงิน ๓๗,๐๙๔,๒๐๗.๐๖ บาท เป็นวงเงิน ๔๔,๐๓๕,๒๕๓.๖๙ ล้านบาท ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗ (๓) โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ จำนวน ๒๔,๘๕๓,๑๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ จำนวน ๑๙,๑๘๒,๑๕๓.๖๙ บาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ต่อไป โดย สพฐ. จะต้องเสนอขออนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณต่อรัฐมนตรีเจ้าสังกัด ตามนัยระเบียบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๗ (๒) ทั้งนี้ การเพิ่มวงเงินรายการดังกล่าวอยู่ภายในกรอบสัดส่วนการก่อหนี้ผูกพันเกินกว่าหรือนอกเหนือไปจากที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย ที่กำหนดว่าต้องไม่เกินร้อยละ ๕ ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี อย่างไรก็ดี การก่อหนี้ผูกพันหรือจ่ายเงิน สพฐ. จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามนัยมาตรา ๓๗ ของพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ในการริเริ่มแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ในอนาคต ให้กระทรวงศึกษาธิการถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ) อย่างเคร่งครัดต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13235 | ผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย ครั้งที่ 18 ณ เมืองเดอร์บัน | กต | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสภารัฐมนตรีสมาคมแห่งมหาสมุทรอินเดีย (Indian Ocean Rim Association : IORA) ครั้งที่ ๑๘ ณ เมืองเดอร์บัน สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ ซึ่งมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมฯ โดยสาระสำคัญของการประชุมฯ ประกอบด้วย (๑) การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมฯ รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ แถลงการณ์เอเทควินี ปฏิญญาพิเศษเฉลิมฉลองครบรอบ ๑๐๐ ปี วันคล้ายวันเกิดนายเนลสัน แมนเดลา และปฏิญญาเพื่อเป็นแนวปฏิบัติในการเพิ่มพูนปฏิสัมพันธ์กับประเทศคู่เจรจาของ IORA โดยได้มีการปรับแก้ไขถ้อยคำเพียงเล็กน้อย เช่น การเพิ่มกิจกรรมและกำหนดการประชุมต่าง ๆ ที่ประเทศสมาชิก IORA เป็นเจ้าภาพ การตัดข้อความเกี่ยวกับการรับเมียนมาเข้าเป็นสมาชิกใหม่ และปรับแก้ถ้อยคำให้อ่อนลง จาก “ตกลงที่จะร่วมมือกัน (agreement)” เป็น “มีความเข้าใจ (understanding)” (๒) การแสดงวิสัยทัศน์ของประเทศสมาชิกที่จะขับเคลื่อนความร่วมมือระหว่างกัน (๓) ข้อเสนอของที่ประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสรอบครึ่งปีของ IORA ครั้งที่ ๘ ระหว่างวันที่ ๓๐-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ และการประชุมระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสของ IORA ครั้งที่ ๒๐ เมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ที่ให้รับมัลดีฟส์เป็นประเทศสมาชิกลำดับที่ ๒๒ และรับตุรกีและเกาหลีใต้เป็นประเทศคู่เจรจาลำดับที่ ๘ และ ๙ รวมถึงรับรองสมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งมหาสมุทรอินเดียตะวันตก (Western Indian Ocean Marine Science Association : WIOMSA) และเลื่อนการพิจารณาเรื่องการสมัครเข้าเป็นสมาชิก IORA ของเมียนมาออกไปจนกว่าจะหาฉันทามติได้ และ (๔) การแสดงวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนความร่วมมือ IORA ของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และมอบหมายหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวเนื่องตามผลการประชุมฯ เร่งดำเนินการให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป เช่น ความปลอดภัยและความมั่นคงทางทะเล การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การจัดการภัยพิบัติ และเศรษฐกิจภาคทะเล เป็นต้น ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13236 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม 2562) | นร | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันจันทร์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๒ และรับทราบข้อสังเกตของคณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยมอบหมายให้ประธานกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติรับข้อสังเกตดังกล่าวไปประสานงานกับคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13237 | สรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 47 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2561-31 ตุลาคม 2561) และสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ 48 (ระหว่างวันที่ 12 กันยายน 2561-30 พฤศจิกายน 2561) (ครั้งที่ 48) | นร04 | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๔๗ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑-๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๑) และสรุปรายงานการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล ครั้งที่ ๔๘ (ระหว่างวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๑-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑) ซึ่งมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ (๑) การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ เช่น การจัดกิจกรรมเพื่อสร้างบรรยากาศความปรองดองสมานฉันท์และส่งเสริมความสามัคคีสมานฉันท์ในพื้นที่ และการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียน ร้องทุกข์ ของศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ และ (๒) การบริหารราชการแผ่นดิน ประกอบด้วย ด้านความมั่นคง ด้านสังคมจิตวิทยา ด้านเศรษฐกิจ ด้านการพัฒนาและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้านการต่างประเทศ การรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร และการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์ กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน และด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ตามที่คณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13238 | แผนปฏิบัติการโครงการร้อยใจรักษ์ พ.ศ. 2562 - 2580 | ยธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการแผนปฏิบัติการโครงการร้อยใจรักษ์ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๘๐ มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยบูรณาการมาตรการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา การพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนตามแนวทางศาสตร์พระราชา การพัฒนาศักยภาพของคนในชุมชนให้สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนต่อไปได้ด้วยตนเอง แบ่งการดำเนินการออกเป็น ๓ ระยะ (ระยะเริ่มต้น พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๖๒ ระยะดำเนินงาน ปีงบประมาณ ๒๕๖๓-๒๕๗๒ และระยะรักษาสภาพความยั่งยืน ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๖๗๓-๒๕๘๐) หน่วยงานหลักรับผิดชอบดำเนินการ เช่น มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กองทัพบก จังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงาน ป.ป.ส. เป็นต้น งบประมาณดำเนินการรวมจำนวน ๑,๓๐๐,๗๘๔,๘๑๑ บาท เป้าหมายดำเนินงานในพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยเมืองงาม ครอบคลุม ๔ หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านเมืองงามเหนือ บ้านห้วยล้าน บ้านหัวเมืองงาม บ้านเมืองงานใต้ และ ๒๐ หมู่บ้านย่อยในตำบลท่าตอน อำเภอเม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ ๒. สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ สำนักงาน ป.ป.ส. ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด จำนวน ๒๔,๓๖๐,๕๑๑ บาท และหากยังมีภารกิจที่จำเป็นเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ เห็นควรให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ภายใต้แผนงานบูรณาการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด โดยให้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายสำหรับแผนงานบูรณาการ พ.ศ. ๒๕๕๙ และขอทำความตกลงในรายละเอียดด้านงบประมาณกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เห็นควรให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพหลักและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติในลักษณะบูรณาการด้านการป้องกัน ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๓. ให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงาน ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ที่มีต่อโครงการฯ และนำความเห็นดังกล่าวมาประกอบการจัดทำแผนงาน/กิจกรรมในระยะต่อไป รวมทั้งควรกำหนดตัวชี้วัดของการดำเนินงานที่สะท้อนถึงเป้าประสงค์ของแผนปฏิบัติการฯ เพื่อใช้ในการกำกับ ติดตามความก้าวหน้า และประเมินผลการดำเนินงานให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13239 | การพัฒนาโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยในช่วงระยะเวลาต่อไป | ศธ | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการดำเนินงานโครงการพัฒนาโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยให้เป็นโรงเรียนวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ซึ่งได้สิ้นสุดลงแล้ว และผลการดำเนินโครงการของกลุ่มโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยในช่วง พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๑ พบว่า ได้ผลดีเป็นอย่างยิ่ง มีวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ชัดเจนและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการเตรียมความพร้อมกำลังคนระดับสูงทางด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ตามยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และนโยบาย Thailand 4.0 สำหรับการดำเนินงานในช่วงระยะเวลาต่อไปคือ ให้การดำเนินงานของโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยเป็นสถานศึกษาที่มีการบริหารและการจัดการในสังกัดสำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีศูนย์พัฒนาโรงเรียนวิทยาศาสตร์เป็นหน่วยประสานงานภายใน ซึ่งต่อไปจะจัดตั้งหน่วยงานในสังกัด สพฐ. เป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินงานของโรงเรียนเพื่อให้งานมีประสิทธิภาพยิ่ง ๆ ขึ้นต่อไป ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ ข้อเสนอแนะของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงาน ก.พ. เช่น ควรมีการติดตามนักเรียนและจัดทำฐานข้อมูลนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย เนื่องจากเป็นผู้ได้รับการเตรียมความพร้อมทางด้าน STEM และเป็นผู้มีศักยภาพในการรับทุนต่าง ๆ ในระดับที่สูงขึ้น เพื่อต่อยอดองค์ความรู้ รวมทั้งการประกอบอาชีพ ความก้าวหน้าในอาชีพ และการใช้ศักยภาพของนักเรียนดังกล่าวเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13240 | การจัดทำบทเรียนการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ | นร | 05/03/2562 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่รองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เสนอว่า ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้เร่งรัดขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศจนสามารถบรรลุเป้าหมายในหลายเรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหามาตรฐานการบินพลเรือน การทำประมงผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์ การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การลักลอบค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืช การบุกรุกป่าไม้ การลักลอบนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์ และปัญหามลภาวะฝุ่นละออง ดังนั้น เพื่อให้สามารถนำแนวทางการแก้ไขปัญหาในเรื่องต่าง ๆ ดังกล่าวมาเป็นบทเรียนในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศ รวมทั้งสร้างความตระหนักรู้และทำความเข้าใจร่วมกัน เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาความผิดพลาดในลักษณะนี้ขึ้นอีก จึงเห็นควรมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม รับไปพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงของการดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในความรับผิดชอบ รวมทั้งปัญหาการดำเนินการของหน่วยงาน ข้อบกพร่อง/ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งในทางนโยบายและการปฏิบัติ ตลอดจนปัญหาการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ (ถ้ามี) แล้วให้จัดทำเป็นบทเรียนในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหานั้น ๆ ให้แล้วเสร็จโดยด่วน เพื่อนำเสนอคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ ๕ ต่อไป
|