ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 665 จากทั้งหมด 6201 หน้า แสดงรายการที่ 13281 - 13300 จากข้อมูลทั้งหมด 124013 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
13281 | ขอความเห็นชอบในการแต่งตั้งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร) | คค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย โดยให้ได้รับค่าตอบแทนคงที่ในอัตราเงินเดือน ๓๐๐,๐๐๐ บาท รวมทั้งค่าตอบแทนพิเศษประจำปีและสิทธิประโยชน์อื่นที่ผู้รับจ้างจะได้รับตามที่กระทรวงการคลังให้ความเห็นชอบแล้ว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ตามมติคณะกรรมการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในการประชุมครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๑ เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๑ และครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๒ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้าง แต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ และให้ เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ลาออกจากการเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจก่อนลงนามในสัญญาจ้างด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13282 | การแต่งตั้งข้าราชการให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง ในกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (จำนวน 4 คน 1. นายทวีศักดิ์ วาณิชย์เจริญ ฯลฯ) | กก | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๔ ราย ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ดังนี้
๑. นายทวีศักดิ์ วาณิชย์เจริญ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการท่องเที่ยว ๒. นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายสันติ ป่าหวาย ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพลศึกษา ๔. นายปัญญา หาญลำายวง ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13283 | ผลการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ | กห | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ และการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๑๔ ของรองนายกรัฐนมตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การเข้าเยี่ยมคำนับสมเด็จอัคคมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเพื่อหมุนเวียนและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจระหว่างกัน อันมีแนวโน้มเติบโตและต้องพึ่งพาอาศัยกันมากขึ้น โดยเห็นถึงความจำเป็นที่ต้องเพิ่มโอกาสและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการสนับสนุนการค้า การลงทุน และการไปมาหาสู่ระหว่างกันมากขึ้น ซึ่งจำเป็นต้องจัดสร้างและเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมขยายและเปิดจุดผ่านแดนร่วมกันเพิ่มขึ้น และเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างกัน ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นถึงความสำคัญของกลไกการประชุมในทุกระดับ เพื่อเพิ่มพูนความสัมพันธ์และความร่วมมือเพื่อผลประโยชน์ของชาติที่มีร่วมกัน ๒. การเข้าเยี่ยมคำนับ สมเด็จพิชัยเสนา เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมราชอาณาจักรกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างสองประเทศมีความใกล้ชิดแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งในระดับรัฐบาลและกองทัพ และเห็นพ้องที่จะพัฒนาความร่วมมือระหว่างกองทัพในประเด็นด้านการรักษาความมั่นคงทางบกและทางทะเลให้มากยิ่งขึ้น โดยกำหนดให้มีการประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประจำทุกปี พร้อมทั้งเปลี่ยนพื้นที่ที่เคยเป็นพื้นที่ขัดแย้งให้กลับมาเป็นพื้นที่ที่พัฒนาร่วมกัน โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนจันทบุรี และตราด-โพธิสัตว์ ไพลิน และพระตะบอง ซึ่งจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) อันเป็นกลไกสำคัญที่จะนำไปสู่พรมแดนแห่งมิตรภาพ เสถียรภาพ และผลประโยชน์ร่วมกัน ๓. การประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๑๔ ที่ประชุมได้หารือและทบทวนผลการปฏิบัติงานตามบันทึกการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ ๑๓ โดยทั้งสองฝ่ายตระหนักและยึดมั่นถึงความตกลงระหว่างกันในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน พร้อมทั้งยืนยันเจตนารมณ์ที่จะไม่นำปัญหาเขตแดนมามีผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ และงดการกระทำที่จะละเมิดเขตแดน รวมทั้งได้เห็นชอบที่จะขยายความความร่วมมือด้านความมั่นคงและการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ชายแดนและพัฒนากลไกใหม่ร่วมกันทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี พร้อมทั้งเร่งรัดเชื่อมต่อทางรถไฟ ไทย-กัมพูชา และยกระดับจุดผ่านแดนที่ตกลงร่วมกัน ๔ จุด ในพื้นที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี บ้านท่าเส้น จังหวัดตราด ช่องสายตะกู จังหวัดบุรีรัมย์ และบ้านเขาดิน จังหวัดสระแก้ว รวมถึงผลักดันการยกระดับกลไกความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อยุติแหล่งผลิตยาเสพติด และทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดระหว่างประเทศ การก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ และการจับกุมผู้กระทำผิดที่หลบหนีของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นพ้องที่จะสนับสนุนการเชื่อมโยงเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษบริเวณจังหวัดสระแก้วกับจังหวัดบันเตียเมียนเจย และจังหวัดตราดกับเกาะกง การผลักดันการค้าชายแดนให้ได้ตามเป้าหมายมูลค่า ๑๕,๐๐๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี ๒๕๖๓ และการร่วมมือพัฒนาคุณภาพชีวิตทั้งในด้านสาธารณสุข การศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมของประชาชนในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13284 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี 2561 ทั้งปี 2561 และแนวโน้มปี 2562 | นร11 | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๑ ทั้งปี ๒๕๖๑ และแนวโน้มปี ๒๕๖๒ โดยภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๑ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๑ ขยายตัวร้อยละ ๓.๗ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๓.๒ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูการออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๖๑ ขยายตัวจากไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๑ ร้อยละ ๐.๘ (QoQ_SA) รวมทั้งปี ๒๕๖๑ เศรษฐกิจไทยขยายตัวร้อยละ ๔.๑ เร่งขึ้นจากการขยายตัวร้อยละ ๔.๐ ในปี ๒๕๖๐ และเป็นการขยายตัวสูงสุดในรอบ ๖ ปี สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี ๒๕๖๒ คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ ๓.๕-๔.๕ โดยมีแรงสนับสนุนจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การปรับตัวดีขี้นอย่างต่อเนื่องของการลงทุนภาคเอกชน การเร่งตัวขึ้นของการลงทุนภาครัฐ การเพิ่มขึ้นของแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยว และการเปลี่ยนแปลงทิศทางการค้า การผลิต และการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งช่วยลกผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของไทยให้ถูกต้อง ชัดเจน และต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเกี่ยวกับโครงสร้างของระบบเศรษฐกิจและกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13285 | ข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี | นร | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในคราวประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการด้านเศรษฐกิจ โดยให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งพิจารณาร่วมกับกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลังและฝ่ายความมั่นคง เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาค่าเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมีอัตราสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13286 | ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐเร่งรัดเสนอหนังสือสัญญาที่่ต้องเสนอขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติตามมาตรา 178 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (แนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ 14/2562 เป็นพิเศษ ครั้งที่ 15/2562 เป็นพิเศษ และครั้งที่ 16/2562 เป็นพิเศษ) | นร | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบแนวทางการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๔/๒๕๖๒ เป็นพิเศษ วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ครั้งที่ ๑๕/๒๕๖๒ เป็นพิเศษ วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ และครั้งที่ ๑๖/๒๕๖๒ เป็นพิเศษ วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ ๒. ให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐเร่งรัดเสนอหนังสือสัญญาที่ต้องเสนอขอความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อคณะรัฐมนตรีภายในวันอังคารที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ เพื่อให้การเสนอหนังสือสัญญาดังกล่าวต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13287 | การดำเนินงานเกี่ยวกับข้อพิพาทของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย | นร | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๑ (เรื่อง แนวทางดำเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาทของหน่วยงานของรัฐ) ให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติว่า ในกรณีหน่วยงานของรัฐที่มีข้อพิพาทตามสัญญาอนุญาโตตุลาการหรือถูกฟ้องคดีต่อศาลปกครองเป็นคดีเดียวหรือหลายคดีในประเด็นเดียวกันหรือเกี่ยวเนื่องกัน เช่น กรณีคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงคมนาคม (การทางพิเศษแห่งประเทศไทย) แล้วมีคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ซึ่งนำไปสู่การฟ้องคดีในศาลปกครองสูงสุด โดยผลของคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ นั้น ให้หน่วยงานของรัฐต้องชดใช้ค่าเสียหายหรืออื่นใด ให้หน่วยงานของรัฐนั้นอาจดำเนินการเจรจาต่อรองกับคู่พิพาทเพื่อบรรเทาความเสียหายของรัฐและให้เกิดความเป็นธรรมแก่ราษฎรได้ นั้น ในกรณีของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยซึ่งมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการชำระเงินค่าชดเชยรายได้ให้แก่บริษัทเอกชน จึงมีมติให้กระทรวงคมนาคม (การทางพิเศษแห่งประเทศไทย) เร่งรัดการเจรจากับคู่กรณีให้เป็นที่ยุติโดยเร็ว ทั้งนี้ ให้รองนายกรัฐมนตรี (นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) และรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) กำกับดูแลด้วย และให้กระทรวงคมนาคม (การทางพิเศษแห่งประเทศไทย) รายงานความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13288 | มาตรการและข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณาข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง มาตรการและข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติทราบต่อไปด้วย ดังนี้
๑. ข้อเสนอแนะเพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการเพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต เรื่อง “การบูรณาการป้องกันการทุจริตของโครงการภาครัฐ (โดยการติดตามประเมินผลการดำเนินงาน)” โดยเห็นควรให้มีการประเมินผลโครงการออกเป็น ๓ ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นวางแผนก่อนดำเนินโครงการ ขั้นการดำเนินโครงการ และขั้นสรุปผลหลังการดำเนินโครงการ โดยประเมินผลกระทบและผลสำเร็จของงานว่าเป็นไปตามเป้าหมายการป้องกันการทุจริตหรือไม่ กรณีนี้ได้มีพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๐ แล้ว โดยพระราชบัญญัติดังกล่าวได้มีมาตรการกีดกันหรือปราบปรามการทุจริตของโครงการภาครัฐ เช่น มาตรา ๑๑ บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐจัดทำแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปี และประกาศเผยแพร่ในระบบเครือข่ายสารสนเทศของกรมบัญชีกลางและหน่วยงานของรัฐ และให้ปิดประกาศโดยเปิดเผย ณ สถานที่ปิดประกาศของหน่วยงานของรัฐนั้น และมาตรา ๖๖ บัญญัติให้หน่วยงานของรัฐประกาศผลผู้ชนะการจัดซื้อจัดจ้างหรือผู้ได้รับการคัดเลือกและเหตุผลสนับสนุน เป็นต้น ๒. มาตรการป้องกันการทุจริตจากการใช้ระบบการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) โดยเห็นควรยกเว้นมิให้นำการจัดจ้างด้วยวิธีการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. ๒๕๔๙ มาใช้ในงานก่อสร้างทุกประเภท ไม่ว่างานก่อสร้างนั้นจะมีลักษณะของงานซับซ้อนหรือมีเทคนิคเฉพาะหรือไม่ก็ตาม โดยที่ระเบียบดังกล่าวได้ถูกยกเลิกตามความในมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้ว โดยกรมบัญชีกลางได้พัฒนาระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐทุกขั้นตอนต้องดำเนินการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานของรัฐให้มีความทันสมัย ทัดเทียมมาตรฐานสากล เพิ่มความโปร่งใส ลดโอกาสในการสมยอมราคากันในการเสนอราคาของผู้ค้า และก่อให้เกิดการแข่งขันอย่างแท้จริง ๓. ข้อเสนอแนะจากงานศึกษาวิจัย เรื่อง โครงการศึกษาประเด็นทางกฎหมายที่เป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตที่มีผลกระทบในภาพรวม โดยเฉพาะของเอกชน เช่น ควรกำหนดมาตรการเสริมเพื่อป้องกันการทุจริตเชิงนโยบาย โดยเฉพาะให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง และควรมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัยและรองรับต่อการจัดซื้อจัดจ้างต่าง ๆ เป็นต้น โดยกรมบัญชีกลางได้นำข้อเสนอแนะดังกล่าวมาบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ แล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13289 | รัฐบาลราชอาณาจักรกัมพูชาเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็ม แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย (นายอูก ซอร์พวน) | กต | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้ง นายอูก ซอร์พวน (Mr. Ouk Sorphorn) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาประจำประเทศไทย คนใหม่ โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายลง วิซาโล (Mr. Long Visalo) ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13290 | การปรับโอนพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ จากระบบ HS 2012 เป็นระบบ HS 2017 ของบัญชีกฎถิ่นกำเนิดสินค้า เฉพาะรายสินค้า ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี อาเซียน - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ | พณ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบการปรับโอนพิกัดศุลกากรระบบฮาร์โมไนซ์ จากระบบ HS 2012 เป็นระบบ HS 2017 ของบัญชีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules : PSRs) ภายใต้ความตกลงการค้าเสรี อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ (ASEAN-Australia-New Zealand Free Trade Area : AANZFTA) เพื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้ดำเนินการให้กฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า ภายใต้ AANZFTA ในระบบ HS 2017 มีผลใช้บังคับภายในประเทศต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงอุตสาหกรรมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการปรับโอนพิกัดควรยึดตามพันธกรณีภายใต้ข้อตกลงเดิม โดยหากมีการเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมพิกัดจำเป็นต้องกำหนดให้มีกระบวนการในการเจรจากับคู่ภาคีใหม่ เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันก่อนการดำเนินการตามกระบวนการภายในประเทศตามพันธกรณีของความตกลงการค้าเสรีนั้น ๆ และควรมีการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการรับทราบอย่างทั่วถึง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13291 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแก้ไขระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๕๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้ส่วนราชการมีวงเงินทดรองราชการในการให้ความช่วยเหลือหรือสนับสนุนการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วนที่ไม่สามารถรอการเบิกเงินจากงบประมาณได้ ซึ่งสอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำหรือความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน เพื่อให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และสำนักงบประมาณที่เห็นควรขยายห้วงระยะเวลาการสนับสนุนเงินทดรองราชการให้สอดคล้องกับการดำเนินการช่วยเหลือด้านสังคมสงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ประสบภัยของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมทั้งควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับเงินทดรองราชการดังกล่าวให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13292 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... | นร11 | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. รับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการ รวมทั้งหน้าที่และอำนาจของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพงานที่เปลี่ยนแปลงไป อันจะทำให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการแบ่งส่วนราชการดังกล่าวภายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ส่วนภาระงบประมาณที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และปีงบประมาณต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งการดำเนินการตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13293 | รายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ตามพระราชบัญญัติสัตว์ เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2558 | นร | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเสนอ สรุปได้ ดังนี้
๑. การดำเนินการตามพระราชบัญญัติสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่เริ่มมีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๐ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ และสถาบันพัฒนาการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ได้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ สรรหาและแต่งตั้งกรรมการจรรยาบรรณการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ จัดทำอนุบัญญัติต่าง ๆ ตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติฯ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับพระราชบัญญัติฯ รับคำขอรับใบอนุญาตใช้สัตว์และใบอนุญาตผลิตสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ รับแจ้งสถานที่ดำเนินการ และรับแจ้งการดำเนินการต่าง ๆ ตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติฯ ๒. ตั้งแต่พระราชบัญญัติเพื่องานทางวิทยาศาสตร์ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลบังคับใช้จนถึงสิ้นปีงบประมาณ ๒๕๖๐ มีการจดแจ้งสถานที่ดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์แล้ว จำนวน ๒๗๔ สถานที่ดำเนินการ จาก ๕๓ องค์กร มีผู้ยื่นขอรับใบอนุญาตใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์มากกว่า ๗,๐๐๐ คน มีการใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์หลากหลายชนิด โดยในช่วงปี ๒๕๖๐ มีการใช้สัตว์จำนวนกว่า ๕๐๐,๐๐๐ ตัว ซึ่งมาจากแหล่งผลิตสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ๓. ประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งพัฒนาเพื่อให้การดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์เพื่อรองรับการพัฒนาประเทศ ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพของสัตว์ทดลอง การส่งเสริมการผลิตสัตว์ทดลองเพื่อทดแทนการนำเข้า การสนับสนุนให้มีหน่วยงานกลางเพื่อตรวจประเมินและรับรองมาตรฐานพันธุกรรมและมาตรฐานสุขภาพ การพัฒนาสถานที่เลี้ยงและใช้สัตว์ให้ได้มาตรฐาน การพัฒนาบุคลากร การพัฒนาคณะกรรมการกำกับดูแลการดำเนินการต่อสัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ของสถานที่ดำเนินการ และการสร้างความเข้มแข็งให้หน่วยงานกลางที่กำกับดูแลพระราชบัญญัติฯ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13294 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... | สว | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. .... โดยกระทรวงการคลังได้ดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ได้แก่ การกำหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างโดยคำนึงถึงความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะกรรมการดังกล่าว การจัดทำหลักเกณฑ์สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรมตามมาตรา ๓๗ วรรคสอง และยกร่างกฎหมายลำดับรองตามมาตรา ๘ มาตรา ๕๕ และมาตรา ๕๖ เพื่อยกเว้นหรือบรรเทาภาระภาษีตามความจำเป็นและความเหมาะสม การกำหนดแผนงานในการจัดส่งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์และระบบออนไลน์ รวมถึงการเชื่อมโยงฐานข้อมูลของหน่วยงานดังกล่าว โดยให้กรมที่ดิน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกำหนดแนวทางการจัดส่งข้อมูลหรือแนวทางดำเนินการระหว่างหน่วยงาน และสำรวจข้อมูลที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่มีราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อแจ้งกรมธนารักษ์ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจัดโครงการประชาสัมพันธ์ข่าว การอบรม และการจัดทำสื่อวีดิทัศน์ และอื่น ๆ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองท้องถิ่น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13295 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ พ.ศ. .... | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้
๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อใช้จ่ายกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นในการรักษาความมั่นคงของประเทศ พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยมีการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ และพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมทั้งแก้ไขถ้อยคำหรือข้อความที่ยังไม่ชัดเจนให้ถูกต้องและมีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติที่เห็นควรมีการประสานงานและบูรณาการการดำเนินงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดเอกภาพและประสิทธิภาพในการรักษาความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อให้มีผลใช้บังคับภายในกำหนดระยะเวลา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13296 | รายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... เกี่ยวกับการพิจารณาปรับปรุงอัตราค่าตอบแทนของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐในอนาคต รัฐบาลควรพิจารณาโครงสร้างและอัตราเงินเดือนทั้งระบบ โดยคำนึงถึงหลักการยึดโยงกันของทั้งสามองค์อำนาจอธิปไตยหลักของประเทศไปพร้อมกันนั้น สำนักงาน ก.พ. ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาโครงสร้างหน่วยงานและระบบค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐได้มีการเตรียมการเกี่ยวกับการปรับปรุงค่าตอบแทนผู้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหาร (ข้าราชการการเมือง) และฝ่ายนิติบัญญัติไว้ในระดับหนึ่งแล้ว ส่วนข้อสังเกตเกี่ยวกับการพิจารณายกเลิกระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว สำนักงานศาลยูติธรรม สำนักงานศาลปกครอง และสำนักงานอัยการสูงสุดอยู่ระหว่างดำเนินการยกเลิกระเบียบดังกล่าว ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ปฏิบัติหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13297 | รายงานตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ประจำปี 2560 | พม | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี ๒๕๖๐ ประกอบด้วย (๑) รายงานข้อมูลสถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว ปี ๒๕๖๐ ที่รวบรวมจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง (๒) รายงานความรุนแรงในครอบครัวตามมาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ประจำปี ๒๕๖๐ และ (๓) บทวิเคราะห์สถานการณ์ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และความรุนแรงในครอบครัว และข้อเสนอแนะเชิงมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและต่อการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ ในปี ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้เสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13298 | ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. .... | รง | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน ในท้องที่ประสบภัยพิบัติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบรายการแสดงการส่งเงินสมทบและการนำส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตน ในท้องที่ที่ประสบภัยพิบัติ กรณีพายุโซนร้อน “ปาบึก” “(PABUK)” ที่ทำให้เกิดวาตภัยและอุทกภัยอันเป็นเหตุสุดวิสัย ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับการอ้างอิงบทอาศัยอำนาจในการออกประกาศกระทรวงแรงงานฉบับนี้ สมควรแก้ไขเป็น “อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๘๔/๒ แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ ๒๑/๒๕๖๐ เรื่อง การแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ลงวันที่ ๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๐..” เพื่อให้ถูกต้อง เนื่องจากมาตรา ๘๔/๒ ถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับดังกล่าว ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13299 | รายงานประจำปี 2560 ของกองทุนการออมแห่งชาติ | กค | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี ๒๕๖๐ ของกองทุนการออมแห่งชาติ ประกอบด้วยผลการปฏิบัติงานของกองทุนการออมแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๖๐ และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงินของกองทุนการออมแห่งชาติ สิ้นสุด ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๐ ซึ่งผ่านการตรวจสอบและรับรองจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
13300 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายวิทยา นันทิยกุล) | สธ | 18/02/2562 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายวิทยา นันทิยกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาอายุรกรรม) กลุ่มงานอายุรกรรม โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุพรรณบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
.....