ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 293 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 5841 - 5860 จากข้อมูลทั้งหมด 123994 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
5841 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 24/2565 | นร.11 สศช | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
เห็นชอบและรับทราบตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ในคราวประชุมครั้งที่
๒๔/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๕ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ยุติโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าเกษตรสู่ผู้บริโภค
ทำให้กรอบวงเงินโครงการปรับลดลง จาก ๒๒๑.๓๘๒๐ ล้านบาท เป็น ๙.๐๕๐๐ ล้านบาท (๒)
มอบหมายให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เร่งดำเนินการคืนเงินกู้เหลือจ่ายจำนวน ๒๑๒.๓๓๒๐
ล้านบาท ตามขั้นตอนข้อ ๒๒ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยเร็ว
พร้อมทั้งดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์
และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อพิจารณาแนวทางการจัดทำฐานข้อมูลสินค้าเกษตรที่จะนำเข้าสู่ระบบแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ให้ชัดเจน
เพื่อให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์จากการพัฒนาระบบแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ (๓) รับทราบรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ราย ๓ เดือน ครั้งที่ ๔ (๑
พฤษภาคม–๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕)
พร้อมทั้งมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
และ (๔) รับทราบรายงานผลการคืนเงินกู้เหลือจ่ายของหน่วยงานรับผิดชอบโครงการจำนวน ๗
โครงการ รวม ๙,๙๙๒.๓๖๕๖ ล้านบาท
ที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอนข้อ ๒๒ ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ.
๒๕๖๔ แล้ว ทำให้กรอบวงเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ คงเหลือ ณ
วันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๖๕ เพิ่มขึ้นจาก ๒๕,๗๓๒.๐๕๔๓ ล้านบาท เป็น
๓๕,๗๒๔.๔๑๙๙ ล้านบาท ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓ เมื่อคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ยุติโครงการ
รวมทั้งโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
หากมีเงินกู้เหลือจ่ายของโครงการนั้น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ
และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังในโอกาสแรกเพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานรับผิดชอบโครงการควรปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ถูกต้องครบถ้วน รวมทั้งรับความเห็นของคณะกรรมการฯ
ไปดำเนินการอย่างเคร่งครัด ตลอดจนให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลโครงการ
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5842 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ. .... | ทส. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าสงวน พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้นกชนหิน (Rhinoplax
vigil) เป็นสัตว์ป่าสงวนเพิ่มเติม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นขององค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย
ที่เห็นว่าการอนุรักษ์นกชนหิน (Rhinoplax vigil) ให้คำนึงถึงการวางแผนด้านพื้นที่ป่าและธรรมชาติ
ให้มีความเหมาะสมต่อจำนวนนกชนหิน (Rhinoplax vigil) ในอนาคต
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5843 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. 2564 ในคราวประชุมครั้งที่ 25/2565 | นร.11 สศช | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ
และเห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
จากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๕/๒๕๖๕ เมื่อวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๕ ดังนี้ (๑) อนุมัติให้กรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เปลี่ยนแปลงรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญของโครงการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-๑๙) สำหรับบริการประชากรในประเทศไทย จำนวน ๓๐,๐๐๒,๓๑๐ โดส (Pfizer) โดยปรับกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มที่ ๕
เพิ่มกลุ่มเป้าหมายในการฉีด Pfizer (Maroon cap) สำหรับเด็กอายุ
๖ เดือน ถึงอายุน้อยกว่า ๕ ปี และขยายระยะเวลาสิ้นสุดโครงการจากเดิมเดือนกันยายน
๒๕๖๕ เป็น เดือนธันวาคม ๒๕๖๕ และ (๒) มอบหมายให้กรมควบคุมโรค เร่งแก้ไขข้อมูลโครงการในระบบ
eMENSCR ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงรายละเอียดโครงการโดยเร็ว
และรับความเห็นของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ภายใต้พระราชกำหนดฯ
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
ไปพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นควรให้กระทรวงต้นสังกัดติดตามหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการอย่างใกล้ชิด
และกำกับดูแลหน่วยงานเจ้าของโครงการดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จตามแผนงานที่กำหนดไว้
เร่งรัดปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔ ข้อ ๒๒ และ ๒๓
สำหรับโครงการที่ดำเนินโครงการเสร็จสิ้นแล้ว
หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินกู้ตามโครงการอีก
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการรายงานเงินกู้เหลือจ่ายให้กระทรวงการคลังทราบ และส่งคืนเงินกู้เหลือจ่ายเข้าบัญชีเงินฝากกระทรวงการคลังในโอกาสแรก
เพื่อให้การบริหารจัดการเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๖๔
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งควรเร่งการดำเนินโครงการฯ
ให้เป็นไปตามระยะเวลาที่ขอขยายอย่างเคร่งครัด และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน
เป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด พร้อมทั้งให้กรมควบคุมโรครับความเห็นเพิ่มเติมของคณะกรรมการฯ
ไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5844 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการ เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2565/2566 เพิ่มเติม | นร.14 | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใต้กรอบวงเงิน
๙๑๑.๗๑๒๐ ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี ๒๕๖๕ และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง
ปี ๒๕๖๕/๒๕๖๖ เพิ่มเติม จำนวน ๕๗๖ รายการ ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และหน่วยรับงบประมาณรับความเห็นของกระทรวงคมนาคม
ที่ควรให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดการดำเนินโครงการโดยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ หลักเกณฑ์ มติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และหลักธรรมาภิบาลให้ถูกต้องและครบถ้วนในทุกขั้นตอน ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5845 | ร่างพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีจราจร พ.ศ. .... | ศย. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่
๒๙ สิงหาคม ๒๕๖๕
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ.
.... ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5846 | การลงนามความตกลงของอาเซียนว่าด้วยกรอบการกำกับดูแลด้านยาแผนโบราณ (ASEAN Agreement on Regulatory Framework for Traditional Medicines ; TM Agreement) และความตกลงของอาเซียนว่าด้วยกรอบการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (ASEAN Agreement on Regulatory Framework for Health Supplements ; HS Agreement) | สธ. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบการลงนามความตกลงของอาเซียนว่าด้วยกรอบการกำกับดูแลด้านยาแผนโบราณ
(ASEAN Agreement on Regulatory Framework for
Traditional Medicines; TM Agreement) และความตกลงของอาเซียนว่าด้วยกรอบการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
(ASEAN Agreement on Regulatory Framework for Health Supplements; HS
Agreement) ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน ครั้งที่ ๕๔
ระหว่างวันที่ ๕-๑๑ กันยายน ๒๕๖๕ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา โดยร่างความตกลงทั้ง
๒ ฉบับ
มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแนวทางเกี่ยวกับข้อกำหนดคุณภาพของยาแผนโบราณและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
โดยประเทศสมาชิกอาเซียนต้องรับประกันว่า ยาแผนโบราณหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแล้วแต่กรณีที่เป็นไปตามความตกลงและภาคผนวกที่เกี่ยวข้องสามารถวางจำหน่ายในตลาดของประเทศสมาชิกอาเซียนได้
และการใช้บังคับร่างความตกลงทั้ง ๒ ฉบับ
ต้องได้รับการประกาศหรือได้รับการให้สัตยาบันหรือการยอมรับโดยประเทศสมาชิกทุกประเทศตามที่สอดคล้องกันกับข้อกำหนดภายในประเทศซึ่งจำเป็นสำหรับการบังคับ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่าร่างความตกลงทั้ง
๒ ฉบับ เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศและเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งน่าจะมีผลต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม
หรือการค้าหรือการลงทุนของประเทศอย่างกว้างขวางที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา
รวมทั้งเป็นหนังสือสัญญาเกี่ยวกับการค้าเสรีตามมาตรา ๑๗๘ วรรคสาม
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงทั้ง ๒ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ลงนามในความตกลงทั้ง
๒ ฉบับ และเมื่อลงนามแล้ว ให้กระทรวงสาธารณสุขส่งความตกลงทั้ง ๒ ฉบับ
ให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยก่อนแสดงเจตนาให้มีผลผูกพันต่อไป ทั้งนี้
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๒ (เรื่อง
แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับการเสนอหนังสือสัญญาตามบทบัญญัติมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย) ๓.
ให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในความตกลงทั้ง
๒ ฉบับ ๔.
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการจัดทำสัตยาบันสารสำหรับความตกลงทั้ง ๒ ฉบับ
ให้แก่เลขาธิการอาเซียน เมื่อรัฐสภาให้ความเห็นชอบความตกลงทั้ง ๒ ฉบับแล้ว
และกระทรวงสาธารณสุขได้มีหนังสือแจ้งยืนยันมายังกระทรวงการต่างประเทศว่า
ฝ่ายไทยได้ดำเนินกระบวนการต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการมีผลบังคับใช้ของความตกลงเสร็จสิ้นแล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5847 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์ร่วมรัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปค ครั้งที่ 28 และเอกสารที่เกี่ยวข้อง | สสว. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5848 | ร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี พ.ศ. 2565 และร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี พ.ศ. 2565 | พม. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕
และร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี พ.ศ.
๒๕๖๕ และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์พิจารณารับรองร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ หรือร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ในการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี พ.ศ.
๒๕๖๕ (ค.ศ. ๒๐๒๒) ในวันพุธที่ ๗ กันยายน ๒๕๖๕ โดยร่างแถลงการณ์ฯ ทั้ง ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนความเสมอภาคทางเพศ
และการเสริมพลังสตรีผ่านระบบทางเศรษฐกิจ ภายใต้หัวข้อ
“การเสริมพลังทางเศรษฐกิจของสตรีผ่านระบบเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน
และเศรษฐกิจสีเขียว” ผ่านการร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ปุตราจายา
ค.ศ. ๒๐๔๐ ของเอปค แผนปฏิบัติการอาทีโอรา และแผน ลา เซเรนา
เพื่อสตรีและการเจริญเติบโตที่ครอบคลุม ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ
และให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
ที่เห็นว่าร่างถ้อยแถลงการณ์ประชุมฯ และร่างถ้อยแถลงประธานฯ
ไม่มีถ้อยคำหรือบริบทใดที่มุ่งจะก่อให้เกิดพันธกรณีภายใต้บังคับของกฎหมายระหว่างประเทศ
ดังนั้น ร่างถ้อยแถลงฯ ทั้งสองฉบับจึงไม่เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา
๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๕
และร่างแถลงการณ์ประธานการประชุมรัฐมนตรีเอเปคด้านสตรีและเศรษฐกิจ ประจำปี พ.ศ.
๒๕๖๕ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5849 | ขอความเห็นชอบให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยอนุญาตให้การกีฬาแห่งประเทศไทยเช่าพื้นที่บริเวณศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวางของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย เพื่อก่อสร้างอาคารและสนามฝึกซ้อมกีฬาสำหรับเด็กและเยาวชน | คค. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5850 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับการปฏิบัติงานของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 รวม 59 วัน (ห้วงที่ 5-6) | ตช. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน ๑๔๖,๙๓๙,๗๐๐ บาท
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง
เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ระหว่างวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ รวม ๕๙ วัน
หรือจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ จะยุติลง ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาจัดอัตรากำลังพลในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19)
ให้มีความเหมาะสม
ประหยัดและสอดคล้องกับสถานการณ์การชุมนุมสาธารณะที่มีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้นด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5851 | มาตรการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา | ป.ย.ป. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบมาตรการเพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา
เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
ในประเด็นที่เกี่ยวกับการเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศของเยาวชนไทยด้วยมาตรการสนับสนุนอินเทอร์เน็ตและมาตรการสนับสนุนคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา
เพื่อการศึกษาซึ่งจะได้ดำเนินการในกลุ่มนักเรียนที่มีฐานะยากจนและยากจนพิเศษตามเกณฑ์ของกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
ในระดับชั้น ป.๑-ม.๖ และเทียบเท่า ตามที่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดองเสนอ ๒.
ให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง กระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมาตรการตามข้อ ๑
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยให้รับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณไปประกอบการพิจารณาดำเนินการด้วย โดยให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันปัญหาความซ้ำซ้อนในการดำเนินการ
เกิดการใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและสามารถแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาได้อย่างเหมาะสมและเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๓.
ให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งรัดการส่งเสริม พัฒนา
และฝึกอบรมครูผู้สอนให้มีความรู้ความสามารถในการนำอุปกรณ์เทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างเต็มศักยภาพ
รวมทั้งการพัฒนาทักษะให้ครูผู้สอนสามารถสร้างนวัตกรรมเพื่อนำมาใช้ในชั้นเรียนได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5852 | โครงการพัฒนาเมืองต้นแบบด้านศิลปวัฒนธรรม : เมืองเก่าสงขลา (Culture Smart City : Songkhla Old Town) | วธ. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบด้านศิลปวัฒนธรรม
: เมืองเก่าสงขลา (Culture Smart City : Songkhla Old Town) ในนามรัฐบาล โดยวงเงินงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองต้นแบบฯ
ปี พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๐ เป็นจำนวน ๖๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และในปีต่อ ๆ ไป ให้กระทรวงวัฒนธรรม
(กรมส่งเสริมวัฒนธรรม) ดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้กระทรวงวัฒนธรรม (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม)
รับความเห็นของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและข้อเสนอแนะของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ที่เห็นว่าหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการควรบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนทั้งในระดับส่วนกลางและท้องถิ่น
ในการขับเคลื่อนการพัฒนาและส่งเสริมวัฒนธรรมในพื้นที่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ประกอบกับโครงการเป็นการใช้งบประมาณผูกพันระยะยาว ๕ ปี
เห็นควรให้มีการติดตามประเมินผลและทบทวนถึงปัญหาอุปสรรคอย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการ
และให้มีการจัดทำบทเรียนกลไกความสำเร็จในการพัฒนาให้เกิดเป็นเมืองต้นแบบ
เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนของประเทศในภาพรวมด้านการพัฒนาพื้นที่เชิงวัฒนธรรมที่เชื่อมกับการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
บนฐานการเชื่อมต่อการทำงานกับกระทรวงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อีกทั้ง
ในส่วนของการผลักดันประเด็นเรื่อง soft power ของกระทรวงวัฒนธรรมควรมีการจัดทำแผนในลักษณะบูรณาการทุกมิติร่วมกันเป็นภาพใหญ่ของประเทศ
โดยกำหนดบทบาทของแต่ละหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
บนพื้นฐานของการสร้างความเข้าใจร่วมกันถึงความหมายและขอบเขตของการใช้ soft
power ในมิติการพัฒนาประเทศ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5853 | การร่วมรับรองเอกสารชุดเครื่องมือการกำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติในการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสตรีวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ในระดับชาติ (Strengthening Women's Entrepreneurship in National MSME Policies and Action Plans Toolkit for Policymakers) | นร.53 | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5854 | การพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | ยธ. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ในอัตราไม่เกิน ๑๒,๓๐๙ อัตรา
โดยแบ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง
และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด ดังนี้ ๑)
ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๒.๕
ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดโดยตรง ๓๔๓,๙๖๘
อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๘,๕๙๙ อัตรา ๒) ให้มีการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ระดับดีเด่นไม่เกินร้อยละ ๑.๕
ของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเกื้อกูลต่อการแก้ไขปัญหายาเสพติด จำนวน ๒๔๗,๓๒๗ อัตรา คิดเป็นอัตราไม่เกิน ๓,๗๑๐ อัตรา และ ๓)
สำหรับงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายดังกล่าว ให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของส่วนราชการต้นสังกัดเป็นลำดับแรกก่อน
หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้เบิกจ่ายจากงบกลางรายการเงินเลื่อนเงินเดือนและเงินปรับวุฒิข้าราชการเป็นลำดับต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
ที่ควรพิจารณากำหนดกรอบอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษฯ
อย่างเคร่งครัด โดยการทบทวนปรับลดการพิจารณาบำเหน็จความชอบเป็นกรณีพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดประเภทเกื้อกูลเท่าที่จำเป็น
รวมทั้งควรมีการพิจารณาคัดเลือก และจัดสรรอัตราบำเหน็จความชอบที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติดอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5855 | การเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปี 2566 ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย | พน. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบงบประมาณ
๕,๐๐๐,๐๐๐
ดอลลาร์สหรัฐ และแผนการดำเนินงานประจำปี ๒๕๖๖ ขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่ควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล และดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และเร่งรัดการเสนองบประมาณและแผนการดำเนินงานประจำปีขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ต่อคณะรัฐมนตรีตามกรอบระยะเวลาที่ข้อ ๓ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๓๖)
ออกตามความในพระราชบัญญัติองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
พ.ศ. ๒๕๓๓ กำหนด เพื่อให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๓
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5856 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2537 เรื่อง การตั้งโรงงานแปรรูปไม้ (โรงเลื่อย) เพื่อผลิตไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับ จากไม้ที่ปลูกขึ้นโดยเฉพาะ คือ ยูคาลิปตัส สะเดาเทียม สนทะเล สนประดิพัทธ์ กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ มะพร้าว มะขาม มะไฟบ้าน มะปรางบ้าน จามจุรี และไม้ตาล | ทส. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๕ มกราคม ๒๕๓๗ เรื่อง การตั้งโรงงานแปรรูปไม้ (โรงเลื่อย) เพื่อผลิตไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับ
จากไม้ที่ปลูกขึ้นโดยเฉพาะ คือ ยูคาลิปตัส สะเดาเทียม สนทะเล สนประดิพัทธ์
กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ มะพร้าว มะขาม มะไฟบ้าน มะปรางบ้าน จามจุรี
และไม้ตาล จากเดิม “เห็นควรให้ความเห็นชอบในหลักการอนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ (โรงเลื่อย)
เพื่อผลิตไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับ จากไม้ที่ปลูกขึ้นโดยเฉพาะ คือ ยูคาลิปตัส
สะเดาเทียม สนทะเล สนประดิพัทธ์ กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ มะพร้าว มะขาม
มะไฟบ้าน มะปรางบ้าน จามจุรี และไม้ตาล ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
โดยให้ทดลองดำเนินการในบางพื้นที่ก่อน
เช่นเดียวกับการแปรรูปไม้ยางพาราตามหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๒
พฤษภาคม ๒๕๒๔ ทั้งนี้ ในการอนุญาตให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และกระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกันพิจารณาตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการอนุญาตและมาตรการตรวจสอบควบคุมเช่นเดียวกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ มกราคม ๒๕๓๒” เป็น “อนุญาตให้ตั้งโรงงานแปรรูปไม้
(โรงเลื่อย) เพื่อผลิตไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับ จากไม้ที่ปลูกขึ้นโดยเฉพาะ คือ ยูคาลิปตัส สะเดาเทียม สนทะเล สนประดิพัทธ์
กระถินณรงค์ กระถินเทพา กระถินยักษ์ มะพร้าว มะขาม มะไฟบ้าน มะปรางบ้าน จามจุรี
ไม้ตาล และไม้ผลทุกชนิดที่ปลูกขึ้นในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน
โดยมีหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และมาตรการตรวจสอบควบคุมตามที่คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้กำหนด”
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่เห็นว่าการเพิ่มไม้ผลทุกชนิดที่ปลูกขึ้นอยู่ในที่ดินที่มีเอกสารสิทธิตามประมวลกฎหมายที่ดิน
ต้องมีกฎหมาย ระเบียบ มาตรการ หรือเงื่อนไขกำชับไว้ชัดเจน
ในการนำวัตถุดิบป้อนโรงงานแปรรูปไม้ (โรงเลื่อย) เพื่อผลิตไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับของโรงงาน
ให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามมติคณะรัฐมนตรี ระเบียบ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
และควรมีการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์จากไม้ที่ได้จากอุตสาหกรรมไม้แปรรูปหรือชิ้นไม้สับ
ให้ผู้บริโภคเกิดความมั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้มีที่มาจากการตัดไม้ทำลายป่า
ซึ่งเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น
และเป็นการส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์จากเนื้อไม้อย่างคุ้มค่า
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม
คณะกรรมการพิจารณาอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดมาตรการตรวจสอบที่มาของไม้ที่จะนำมาแปรรูปให้ชัดเจนและรัดกุม
เพื่อป้องกันปัญหาการลักลอบตัดไม้จากป่าธรรมชาติ หรือการนำไม้ที่ได้จากที่ดินที่ไม่มีเอกสารสิทธิมาแปรรูปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5857 | ขอยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชน ในพื้นที่ป่าชายเลน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ในท้องที่ 13 จังหวัดชายฝั่งทะเล | ทส. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ยกเว้นมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓
กรกฎาคม ๒๕๓๔ (เรื่อง
รายงานการศึกษาสถานภาพปัจจุบันของป่าไม้ชายเลนและปะการังของประเทศไทย) วันที่ ๒๒
สิงหาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ เรื่อง
การแก้ไขปัญหาการจัดการพื้นที่ป่าชายเลน) และวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ (เรื่อง
มติคณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๔๓ เรื่อง
การแก้ไขปัญหาจัดการพื้นที่ป่าชายเลน)
เพื่อดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชน ในพื้นที่ป่าชายเลน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ในท้องที่ ๑๓ จังหวัดชายฝั่งทะเล
เพื่อนำที่ดินที่เป็นป่าชายเลน เนื้อที่รวม ๕๗๓-๓-๗๘ ไร่
ไปดำเนินการจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และข้อเสนอแนะของกระทรวงคมนาคม
เช่น ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้ประโยชน์ในพื้นที่
และการคัดกรองคุณสมบัติของราษฎรว่าเป็นผู้ยากไร้หรือไม่มีที่ดินทำกิน
ตลอดจนการสงวนพื้นที่ที่ยังคงสภาพความเป็นพื้นที่ป่าชายเลนหรือป่าชายหาด
รวมถึงการกำหนดให้มีมาตรการป้องกันและคุ้มครองการบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติมภายหลังจากที่ได้ดำเนินการตามเป้าหมายการจัดการที่ดินทำกินให้ชุมชนดังกล่าว
ควรกำหนดให้ชุมชนที่ได้รับอนุญาตให้ทำกินในป่าชายเลนดังกล่าวมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนให้มากยิ่งขึ้นจากที่เป็นอยู่ด้วย
เพื่อให้การใช้ประโยชน์ป่าชายเลนเป็นไปอย่างยั่งยืน หน่วยงานดำเนินการตามมาตรา ๖๒
ห้ามมิให้ผู้ใดทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่จับสัตว์น้ำที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้ผิดไปจากสภาพที่เป็นอยู่เว้นแต่จะได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่
เพื่อให้การจัดที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยให้ชุมชนเป็นไปอย่างถูกต้องตามพระราชกำหนดการประมง
พ.ศ. ๒๕๕๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5858 | การร่วมลงนาม รับรอง และให้ความเห็นชอบเอกสาร รวมถึงท่าทีในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Minister: AEM) ครั้งที่ 54 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5859 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุม ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 | ตช. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน
๑๔๑.๔๒ ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุม
ระหว่างวันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๔ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการอย่างสุจริต โปร่งใส มีประสิทธิภาพ
ตรวจสอบได้
รวมทั้งให้พิจารณาจัดอัตรากำลังพลในการปฏิบัติภารกิจดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยการชุมนุมให้มีความเหมาะสม
ประหยัด และสอดคล้องกับสถานการณ์การชุมนุมสาธารณะที่มีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขและศูนย์ปฏิบัติการ
ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่เห็นว่าหากมีการพิจารณาตรวจสอบรายการ
กลุ่มเป้าหมายอย่างละเอียด จะทำให้การสนับสนุนงบประมาณเกิดประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
และการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องอยู่บนพื้นฐานการกระทำที่ได้สัดส่วนและการกระทำเท่าที่จำเป็น
โดยคำนึงถึงความสมดุลในการรักษาความมั่นคงของประเทศควบคู่กับการรักษาสิทธิและเสรีภาพของประชาชนให้เหมาะสมตามหลักนิติรัฐ
ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
5860 | ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค ประจำปี 2565 (Ministers Responsible for Trade Meeting 2022) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง | พณ. | 06/09/2565 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค
ประจำปี ๒๕๖๕ (Ministers
Responsible for Trade Meeting 2022) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่
๑๙-๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ณ กรุงเทพมหานคร โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน
และมอบหมายหน่วยงานต่าง ๆ ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
โดยที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความเห็นและดำเนินการในประเด็นสำคัญ เช่น (๑)
การหารือภาครัฐ-ภาคเอกชนระหว่างรัฐมนตรีการค้าเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (APEC
Business Advisory Council : ABAC) เกี่ยวกับการจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก
(Free Trade Area of the Asia-Pacific : FTAAP) จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ซึ่งที่ประชุมเห็นพ้องในประเด็นต่าง ๆ เช่น การใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
(Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) และความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก
(Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership : CPTPP)
เป็นแนวทางในการจัดทำเขตการค้าเสรีเอเชีย-แปซิฟิก (Free
Trade Area of the Asia-Pacific : FTAAP) และ (๒)
วาระการอยู่ร่วมกับโควิด-๑๙ และอนาคต
โดยมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นสำคัญที่จะเป็นแนวนโยบาย/มาตรการเพื่อส่งเสริมให้เขตเศรษฐกิจสามารถฟื้นตัวจากโควิด-๑๙
เป็นต้น ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับแก้ถ้อยคำภาษาไทยของแถลงการณ์ประธานรัฐมนตรีการค้าเอเปคในบางถ้อยคำ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
๒. ให้กระทรวงพลังงานรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับประเด็นการขจัดการอุดหนุนน้ำมันเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ไม่มีประสิทธิภาพในปี
๒๕๖๕ ไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามความเหมาะสมต่อไป |