ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 494 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9861 - 9880 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9861 | องค์กรร่วมไทย-มาเลเซียขอคความเห็นชอบร่างสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) แปลง B-17 & C - 19 เพื่อการเปลี่ยนแปลงอัตราการหักค่าใช้จ่ายตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย | พน. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในร่างสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) แปลง B-17 & C-19 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย
ระหว่างองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย กับบริษัทผู้ได้รับสัญญา คือ บริษัท PC JDA
Limited (PC JDAL) และบริษัท PTTEP
International Limited
โดยมีสาระสำคัญเป็นการเปลี่ยนแปลงอัตราการหักค่าใช้จ่ายตามสัญญาแบ่งปันผลผลิตปิโตรเลียม
(น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ) ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย
จากเดิมกำหนดให้ผู้รับสัญญาสามารถหักค่าใช้จ่ายในส่วนที่เป็นต้นทุนการประกอบกิจการได้ไม่เกินกว่าร้อยละ
๕๐ ของผลผลิตปิโตรเลียมทั้งหมด เป็นไม่เกินร้อยละ ๖๐ ของผลผลิตปิโตรเลียมทั้งหมด
เนื่องจากบริษัทผู้ได้รับสัญญาได้ดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมระยะที่ ๕
ของแปลง B-17 & C-19 ตามมติที่ประชุมองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย ทำให้ต้องมีการลงทุนเพิ่มขึ้น
บริษัทผู้ได้รับสัญญาจึงขอเปลี่ยนแปลงอัตราการหักค่าใช้จ่ายเพื่อให้สามารถหักค่าใช้จ่ายในการลงทุนทั้งหมดได้ครบเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการแบ่งปันผลผลิตสิ้นสุด
ณ วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๗๒ ๒. เห็นชอบให้องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ลงนามในร่างสัญญาแบ่งปันผลผลิตเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๒) แปลง B-17 & C-19 กับบริษัทผู้ได้รับสัญญา
เมื่อร่างสัญญาฯ ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9862 | การก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี ช่วง กม.4 + 100.000 - กม.9 + 000.000 (ช่วง 3) | คค. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่ที่มีวงเงินรวมตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป รายการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่-กาญจนบุรี
ช่วง กม.๔+๑๐๐.๐๐๐-กม.๙+๐๐๐.๐๐๐ (ช่วงที่ ๓) ระยะทางยาวประมาณ ๔.๙๐๐ กิโลเมตร
ในวงเงินค่าก่อสร้าง ๑,๔๗๙.๗๕ ล้านบาท กำหนดเวลาทำการ ๙๓๐ วัน
โดยก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๙-๒๕๖๖
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม
กำกับ ดูแลโครงการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายงบประมาณที่มีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด
ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9863 | รายงานผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม ระหว่างวันที่ 12 - 14 กันยายน 2563 ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม | ทส. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี
กาญจนบุรี และนครปฐม ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๔ กันยายน ๒๕๖๓
ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ซึ่งได้มีการประชุมร่วมระหว่างคณะทำงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม
เพื่อรับฟังสรุปสถานการณ์ ประเด็นปัญหา
รวมทั้งกำหนดแนวทางและแผนปฏิบัติการการแก้ไขปัญหาในพื้นที่
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9864 | การปรับแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร.12 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการปรับแนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยจะไม่มีการประเมินส่วนราชการ แต่ให้ส่วนราชการรายงานผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดเดิมเพื่อใช้ในการติดตาม
(monitoring) และให้ถอดบทเรียนในการบริหารจัดการผลกระทบและการแก้ไขปัญหาในกรณีที่ส่วนราชการเสนอตัวชี้วัดใหม่
ตามมติ ก.พ.ร. ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓
โดยมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม) เป็นประธาน ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
ทั้งนี้ ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักนายกรัฐมนตรี
(สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี) และสำนักงบประมาณ เช่น ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
รายงานผลการสรุปบทเรียนการบริหารจัดการผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19
ในภาพรวมของส่วนราชการต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
COVID-19 ในอนาคต เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9865 | ปฏิญญาการรำลึกถึงการครบรอบ 75 ปี สหประชาชาติ (Declaration for the Commemoration of the 75th Anniversary of the United Nations) | กต. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบปฏิญญาการรำลึกถึงการครบรอบ
75 ปี สหประชาชาติ (Declaration for the Commemoration of the 75th
Anniversary of the United Nations) และให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนให้การรับรองปฏิญญาฯ
โดยร่างปฏิญญาฯ เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในที่ประชุมระดับสูงเพื่อฉลองครบรอบ ๗๕
ปี สหประชาชาติ (High-level Meeting of the General Assembly to
Commemorate the 75th Anniversary of the United Nations) ในวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญเพี่อรำลึกถึงการครบรอบ ๗๕
ปีของการก่อตั้งสหประชาชาติ
เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองและความมุ่งมั่นของรัฐสมาชิกเพื่อเน้นย้ำความสำคัญของกลไกสหประชาชาติ
และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เพื่อรับมือกับความท้าทายที่โลกประสบอยู่ในปัจจุบันและอนาคต อาทิ ความไม่เท่าเทียม
ความยากจน ความหิวโหย ความขัดแย้งทางอาวุธ การก่อการร้าย ความไม่มั่นคงปลอดภัย
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และโรคระบาด
โดยมีกลไกของสหประชาชาติเป็นศูนย์กลางของความร่วมมือระหว่างประเทศ ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวนัที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9866 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน (เรื่อง สิทธิและสถานะบุคคลของกลุ่มชาติพันธุ์ กรณีขอให้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาสถานะบุคคล รวมทั้งที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินของกลุ่มชาติพันธุ์ซาไกหรือมานิ) | สม. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
(เรื่อง สิทธิและสถานะบุคคลของกลุ่มชาติพันธุ์
กรณีขอให้ตรวจสอบและแก้ไขปัญหาสถานะบุคคล
รวมทั้งที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินของกลุ่มชาติพันธุ์ซาไกหรือมานิ)
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งได้มีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9867 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง) | นร.04 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9868 | รัฐบาลสาธารณรัฐสโลวักเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสโลวักประจำประเทศไทย (นายยาโรสลัฟ เอาต์) | กต. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายยาโรสลัฟ เอาต์ (Mr. Jaroslav Auxt) ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐสโลวักประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายสตะนิสลาฟ อะปิลา (Mr.Stanislav
Opiela) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9869 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวพรรณประภา ยงค์ตระกูล) | นร.04 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นางสาวพรรณประภา ยงค์ตระกูล เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๕ กันยายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9870 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (พลตรี วิระ โรจนวาศ) | นร.04 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
พลตรี วิระ โรจนวาศ เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๑๕ กันยายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9871 | แต่งตั้งที่ปรึกษาและกรรมการในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (เพิ่มเติม) | นร.04 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
(นายอนุชา นาคาศัย) เป็นที่ปรึกษาและกรรมการในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
(วิปรัฐบาล) ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ ๒๕๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9872 | ขออนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องจักรกลเพื่อการเตรียมความพร้อมแก้ไขและบรรเทาอุทกภัย | กษ. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
(กรมชลประทาน) ใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๒๘๔,๘๖๐,๐๐๐ บาท
เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดหาเครื่องจักรกลเพื่อการเตรียมความพร้อมแก้ไขและบรรเทาอุทกภัย
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน)
รับความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด ไปดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9873 | ขออนุมัติยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง | นร15 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.)
ยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีเช่ารถยนต์มาใช้ในราชการน้อยกว่า ๕ ปี
โดยดำเนินการเช่ารถยนต์เพื่อใช้ในราชการ จำนวน ๔ คัน ระยะเวลา ๓ ปี ๒ เดือน
(ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๓-เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๖) ภายในวงเงิน ๔,๕๗๕,๒๐๐ บาท
ประกอบด้วย (๑) รถยนต์ส่วนกลาง (ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่เกิน ๑,๖๐๐ ซีซี) จำนวน ๒
คัน อัตราค่าเช่า ๑๘,๔๕๐ บาทต่อคันต่อเดือน และอัตราค่าจ้างพนักงานขับรถ ๘,๕๐๐
บาทต่อคันต่อเดือน จำนวน ๒ คน วงเงิน ๒,๐๔๘,๒๐๐ และ (๒) รถโดยสาร ๑๒ ที่นั่ง
(ดีเซล) (ขนาดปริมาตรกระบอกสูบไม่ต่ำกว่า ๒,๔๐๐ ซีซี) จำนวน ๒ คัน อัตราค่าเชา
๒๔,๗๕๐ บาทต่อคันต่อเดือน และอัตราค่าจ้างพนักงานขับรถ ๘,๕๐๐ บาทต่อคนต่อเดือน
จำนวน ๒ คน วงเงิน ๒,๕๒๗,๐๐๐ บาท โดยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๑,๔๔๔,๘๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๓,๑๓๐,๔๐๐ บาท
ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๗
โดยให้เสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ทั้งนี้
ในโอกาสต่อไปเมื่อสำนักงาน ป.ย.ป.
ได้รับการอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใดแล้ว
จะต้องเร่งดำเนินการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ทันต่อสถานการณ์อย่างเคร่งครัดในโอกาสแรก
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9874 | ขออนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เพื่อดำเนินโครงการเพื่อเตรียมการรับมือ บรรเทาปัญหาน้ำท่วม และเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในฤดูฝน ปี 2563 | นร.14 | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
วงเงินงบประมาณรวมทั้งสิ้น ๕,๐๘๒.๗๖๐๕ ล้านบาท
เพื่อดำเนินโครงการเพื่อเตรียมการรับมือ บรรเทาปัญหาน้ำท่วม
และเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักน้ำในฤดูฝน ปี ๒๕๖๓ ๑.๒ ยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๐๖
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณไม่สามารถดำเนินการได้ตามแนวทางปฏิบัติที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยให้สามารถกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีได้
เพื่อให้การดำเนินการเตรียมการแก้ไขปัญหา
การรับมือและบรรเทาปัญหาน้ำท่วมตามแผนงานที่วางไว้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ๒. ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควร
(๑) ให้หน่วยรับงบประมาณ ได้แก่ จังหวัด ๓๐ แห่ง
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และกรุงเทพมหานคร
มีฐานะเป็นหน่วยรับงบประมาณตามกฎหมายวิธีการงบประมาณ
และเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการดังกล่าวของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงกรมชลประทาน
กรมทรัพยากรน้ำ และกรมทรัพยากรน้ำบาดาล
เป็นผู้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
ตามขั้นตอนของระเบียบและแนวทางที่เคยปฏิบัติต่อไป (๒)
ให้หน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของแผนงาน/โครงการอย่างเคร่งครัด
และเร่งรัดการดำเนินการเข้าสู่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภายในเดือนกันยายน ๒๕๖๓
ตามหลักเกณฑ์และวิธีปฏิบัติที่กระทรวงการคลังกำหนด รวมทั้งจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ
เพื่อทำความตกลงในรายละเอียดกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป และ (๓)
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขากองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการ
รวมถึงสรุปผลสัมฤทธิ์ที่ได้รับจากการดำเนินโครงการ
และรายงานผลการดำเนินการต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบต่อไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
ทั้งนี้
ในส่วนของการยกเว้นการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง
การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอทำความตกลงกับกระทรวงการคลังต่อไป ๓.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9875 | ข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต กรณีศึกษาการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 | ปช. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต
กรณีศึกษาการใช้จ่ายงบประมาณตามพระราชกำหนดการเงินเพื่อแก้ไขปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑)
พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๓ (๒) พระราชกำหนดการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
พ.ศ. ๒๕๖๓ และ (๓) พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ประกอบวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
และให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงการคลัง
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ธนาคารแห่งประเทศไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติต่อไป
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ
เช่น การนำกลไกในการป้องกันการทุจริตในโครงการของรัฐมาประยุกต์ใช้
ควรบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปพิจารณาประกอบการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9876 | ขอยกเว้นหลักเกณฑ์ตามข้อ 7(2) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. 2558 ให้แก่บริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมภายใต้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 | พน. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ยกเว้นหลักเกณฑ์ตามข้อ
๗ (๒) แห่งกฎกระทรวงการขออนุญาตและการอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่า พ.ศ. ๒๕๕๘
แก่บริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด ผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ ๙/๒๕๔๖/๖๖
เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเป็นผู้ยื่นขออนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าเพื่อการสำรวจ ผลิต
เก็บรักษา ขนส่ง
หรือกิจการอันเกี่ยวเนื่องกับการสำรวจหรือผลิตปิโตรเลียมตามกฎหมายว่าด้วยปิโตรเลียมต่อกรมป่าไม้
ตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องแห่งพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช ๒๔๘๔
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
และให้กระทรวงพลังงานรับข้อเสนอแนะของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ขอให้กระทรวงพลังงานปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อมและมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9877 | การเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้ ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป (EU) | ทส. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการเจรจา
ท่าการเจรจา
และหลักการในการดำเนินการตามกรอบการเจรจาการจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ
(Voluntary Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้
ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป
(EU) รวมทั้งรับทราบองค์ประกอบคณะผู้แทนไทยสำหรับการเจรจาฯ
โดยกรอบเจรจาฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการเจรจา ครั้งที่ ๓
ระหว่างประเทศไทยและสหภาพยุโรป ในวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓
ซึ่งจะทำให้การจัดทำข้อตกลงเป็นหุ้นส่วนด้วยความสมัครใจ (Voluntary
Partnership Agreement : VPA) ในการบังคับใช้กฎหมายป่าไม้
ธรรมาภิบาล และการค้า (FLEGT) ระหว่างประเทศไทยกับสหภาพยุโรป
(EU) มีความก้าวหน้าและบรรลุผลโดยเร็ว ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายในการประชุมที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ และในปีต่อ ๆ ไป
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กรมป่าไม้)
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกรอบการเจรจาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9878 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. 2560 จำนวน 12 ฉบับ | ยธ. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์
พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๑๒ ฉบับ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังให้มีความเหมาะสมและเป็นไปตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์
พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยกำหนดให้มีมาตรการหรือกลไกเพื่อช่วยสนับสนุนด้านการควบคุม
การพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังเพื่อคืนคนดีสู่สังคม และเอื้ออำนวยต่อการบริหารงานตามภารกิจของกรมราชทัณฑ์ในปัจจุบันให้บรรลุตามวัตถุประสงค์
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภท ชนิด และขนาดของเครื่องพันธนาการที่ใช้แก่ผู้ต้องขัง
พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทหรือชนิดของอาวุธอื่นนอกจากอาวุธปืนที่เจ้าพนักงานเรือนจำจะพึงมีไว้ในครอบครองหรือใช้ในการปฏิบัติหน้าที่
พ.ศ. .... ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดสถานที่คุมขัง พ.ศ. .... ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดระบบการจำแนกลักษณะของผู้ต้องขัง
การควบคุมและการแยกคุมขังและการย้ายผู้ต้องขัง พ.ศ. .... ๕. ร่างกฎกระทรวงการร้องทุกข์
การยื่นเรื่องราวใด ๆ หรือการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาของผู้ต้องขัง พ.ศ. .... ๖.
ร่างกฎกระทรวงการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังซึ่งถูกล่วงละเมิดทางเพศ พ.ศ. .... ๗.
ร่างกฎกระทรวงการคำนวณรายได้เป็นราคาเงินและการจ่ายเงินรางวัลให้แก่ผู้ต้องขังซึ่งการงานที่ได้ทำนั้นก่อให้เกิดรายได้ซึ่งคำนวณเป็นราคาเงินได้
พ.ศ. .... ๘.
ร่างกฎกระทรวงการรับเงินทำขวัญของผู้ต้องขังซึ่งได้รับบาดเจ็บ เจ็บป่วย หรือตาย
เนื่องจากการทำงาน พ.ศ. .... ๙.
ร่างกฎกระทรวงการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. .... ๑๐.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินของผู้ต้องขังเป็นสิ่งของที่อนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เก็บรักษาไว้ในเรือนจำ
พ.ศ. .... ๑๑.
ร่างกฎกระทรวงการดำเนินการทางวินัยผู้ต้องขัง พ.ศ. .... ๑.๒
ร่างกฎกระทรวงการดำเนินการกับสิ่งของต้องห้ามตามมาตรา ๗๓
ในกรณีที่ไม่มีการดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมาย พ.ศ. ....
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9879 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร | คค. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม
ออกแบบเบื้องต้น ประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
และวิเคราะห์รูปแบบโมเดลการพัฒนาการลงทุน (Business Development
Model) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่ง
เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน
ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓-พ.ศ. ๒๕๖๖ ในวงเงิน ๖๘,๐๔๔,๐๐๐ บาท
เป็นกรณีเฉพาะราย สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ให้เร่งดำเนินการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องในทุกมิติอย่างเคร่งครัดเท่าที่จำเป็น
และขอทำความตกลงกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอน ส่วนงบประมาณที่เหลือ
ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-พ.ศ. ๒๕๖๖
โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรปรับหรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือใช้จ่ายจากงบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณแล้วแต่กรณี ตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่ขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี
หนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนมาตรฐานทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอนโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9880 | องค์กรร่วมไทย - มาเลเซียขอความเห็นชอบร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 3 สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติ แปลง B - 17 & C - 19 และแปลง B - 17 - 01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย - มาเลเซีย | พน. | 15/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
ดังนี้ ๑. ร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่
๓ สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และแปลง B-17-01 ในพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย
ซึ่งเป็นสัญญาระหว่างองค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย และบริษัทผู้ประกอบการ คือ บริษัท PC
JDA Limited และบริษัท PTTEP International Limited ในฐานะกลุ่มผู้ขายก๊าซ กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท เปโตรนาส
ในฐานะกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ ๒. ให้องค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ลงนามในร่างสัญญาแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ ๓ สัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติแปลง B-17 & C-19 และแปลง B-17-01
ฉบับดังกล่าว กับกลุ่มผู้ซื้อก๊าซ เมื่อร่างสัญญาฯ
ได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว |