ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 492 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9821 - 9840 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9821 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 20/2563 และครั้งที่ 21/2563 | นร.11 | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๐/๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๑/๒๕๖๓
ซึ่งพิจารณาอนุมัติโครงการจัดหาครุภัณฑ์เครื่องฉายรังสีสำหรับแก้ปัญหาผลกระทบจาก COVID-19
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
และกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข โครงการค่าตอบแทน เยียวยา ชดเชย และเสี่ยงภัย
สำหรับการปฏิบัติงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการเฝ้าระวัง
ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ในชุมชน ของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
กระทรวงสาธารณสุข และโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับผู้จบการศึกษาใหม่โดยภาครัฐและเอกชน
ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการฯ
ดำเนินการ
และอนุมัติการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรทดแทนผู้เสียชีวิตที่มีสิทธิโครงการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จำนวน ๕,๒๗๘ ราย โดยดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ รวมทั้งรับทราบผลการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๔ สิงหาคม
๒๕๖๓ และวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓ ของสถาบันวิทยาลัยชุมชน กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จังหวัดสิงห์บุรี และจังหวัดยโสธร
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
สำหรับโครงการจัดหาครุภัณฑ์เครื่องฉายรังสี สำหรับแก้ปัญหาผลกระทบจาก COVID-19
ด้านการแพทย์และสาธารณสุข ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขและกรมการแพทย์
กระทรวงสาธารณสุข ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ทั้งนี้ ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งความชัดเจนของโครงการ/รายการ
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น
ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เพื่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับอย่างยั่งยืน
ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรี่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9822 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด ที่จังหวัดยะลา | อก. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี
เพื่อทำเหมืองแร่ของบริษัท ศิลาอุตสาหกรรม จำกัด เฉพาะในพื้นที่ตามประทานบัตรเดิม
ที่ ๑๒๓๓๘/๑๕๑๕๔ เนื้อที่ ๖๙ ไร่ ๑ งาน ๗๘ ตารางวา ทั้งนี้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ คณะกรรมการนโยบายป่าไม้แห่งชาติ
และข้อเสนอแนะของกระทรวงคมนาคม เช่น กระทรวงอุตสาหกรรมควรรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านอุปทานและความต้องการใช้แร่ในระยะปานกลางและระยะยาว
เพื่อใช้ประกอบกับการพิจารณาศักยภาพในการรองรับด้านสิ่งแวดล้อม
รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรทำการศึกษาเพื่อประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของพื้นที่ป่าต้นน้ำของประเทศไทยให้ชัดเจนทั้งระดับความจำเป็นที่ต้องรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำและความเพียงพอของพื้นที่ที่คงเหลืออยู่
พื้นที่ใดที่อยู่ในภาวะวิกฤติ
เพื่อนำไปสู่การตัดสินใจเชิงนโยบายที่ถูกต้องตามสภาพความเป็นจริง แล้วพิจารณาตามกฎหมายเพื่อคุ้มครองพื้นที่ป่าต้นน้ำต่อไป
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการในพื้นที่นอกเหนือจากที่ได้รับการอนุมัติตามข้อ
๑ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาความจำเป็นเหมาะสมให้ชัดเจนโดยให้คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและแหล่งโบราณคดีในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้ดำเนินการเพิ่มเติม ดังนี้ ๒.๑
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมพิจารณากำหนดเงื่อนไขให้ผู้ได้รับประทานบัตรดำเนินการเพื่อป้องกันผลกระทบจากการดำเนินการต่อแหล่งโบราณคดีในบริเวณโดยรอบหรือพื้นที่ใกล้เคียงไม่ให้ได้รับความเสียหายและให้ได้รับการอนุรักษ์อย่างเหมาะสมตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ (เรื่อง ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี
เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ธนบดีศิลา และห้างหุ้นส่วนจำกัด พีรพลศิลา
ที่จังหวัดยะลา) ๒.๒
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อเท็จจริงกรณีพื้นที่ทำเหมืองแร่บริเวณเขายะลา
และพิจารณากำหนดแผนผังการใช้พื้นที่ดังกล่าวในภาพรวมให้ชัดเจน เช่น
พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังหรือมีข้อจำกัด
พื้นที่ที่สามารถเสนอขอใช้ประโยชน์ได้เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดทางเลือกในการใช้ประโยชน์พื้นที่ที่เป็นข้อตกลงร่วมกันกับภาคประชาชนได้อย่างเหมาะสมและเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9823 | ร่างเอกสารผลลัพธ์การประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง - สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 10 | กต. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงของประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๑๐ และร่างแผนปฏิบัติการความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี ค.ศ.
๒๐๒๑-๒๐๒๕ ของการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๑๐ ซึ่งเป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศกรอบความร่วมมือลุ่มน้ำโขง-สาธารณรัฐเกาหลี
ครั้งที่ ๑๐ ที่จะจัดขึ้นในวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9824 | การดำเนินงานโครงการทุนการศึกษาต่อสำหรับนักเรียนทุนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยไปศึกษาต่อ ณ สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่น | ศธ. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการดำเนินงานโครงการทุนการศึกษาต่อสำหรับนักเรียนทุนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยไปศึกษาต่อ
ณ สถาบันโคเซ็น [National Institute of Technology (KOSEN)] ประเทศญี่ปุ่น
รวมถึงปัญหาอุปสรรคจากการดำเนินโครงการทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนทุนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย
ทั้งระยะที่ ๑ และ ๒ ในช่วงที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร.
เกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณ การปรับเงื่อนไขการชดใช้ทุน การขยายหลักสูตรโคเซ็นในสถาบันการศึกษาไทย
การเชื่อมโยงการจัดสรรทุนให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนากำลังคนและองค์ความรู้ของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
รวมทั้งให้พิจารณากำหนดสัดส่วนของนักเรียนทุนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยที่จะชดใช้ทุนในสถานที่ปฏิบัติงานต่าง
ๆ (หน่วยงานภาครัฐ กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของเอกชนในประเทศไทย
และสถาบันไทยโคเซ็น) ให้เหมาะสม
โดยให้ความสำคัญกับหน่วยงานภาครัฐและโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัยเป็นลำดับแรก
สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการดังกล่าวให้กระทรวงศึกษาธิการ
(สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน)
พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ เมื่อพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ประกาศใช้บังคับแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-๒๕๗๓
ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี
โดยจัดทำรายละเอียดประมาณการค่าใช้จ่ายเพื่อประกอบการพิจารณาของสำนักงบประมาณให้เหมาะสม
สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์เป็นสำคัญ
ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
สำหรับการปรับเงื่อนไขการชดใช้ทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานเพื่อใช้ทุนหลังสำเร็จการศึกษาของนักเรียนทุนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย
ทั้งระยะที่ ๑ และระยะที่ ๒
ให้กระทรวงศึกษาธิการรับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องให้ได้ข้อยุติที่ชัดเจน
และให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9825 | การกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสียเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทย ขององค์การจัดการน้ำเสีย | มท. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสียเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทย
ขององค์การจัดการน้ำเสีย
ซึ่งจะมีส่วนสำคัญในการเร่งรัดการพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำเสียของประเทศให้ดำเนินไปอย่างมีมาตรฐาน
และมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยและคุณภาพชีวิตชองประชาชน
เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของประเทศได้อย่างทันสถานการณ์ ๒.
และให้กระทรวงมหาดไทย (องค์การจัดการน้ำเสีย) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ เช่น องค์การจัดการน้ำเสียควรนำแนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำของกรมควบคุมมลพิษมาพิจารณาร่วมด้วย
และเมื่อดำเนินการกำหนดเขตพื้นที่จัดการน้ำเสียเพิ่มเติมให้ครอบคลุมทุกจังหวัดของประเทศไทยแล้ว
เห็นควรทบทวนเป้าหมายแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ๒๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐)
ต่อไปด้วย ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9826 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. .... | คค. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งส่ง จังหวัดนครศรีธรรมราช พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลชะมาย และตำบลปากแพรก
อำเภอทุ่งส่ง จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อสร้างทางหลวงชนบท
สายเชื่อมระหว่างทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๑๑๐ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๔๐๓
เพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
และเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9827 | การขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา | กค. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ได้แก่
ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอย่างต่อเนื่อง ได้แก่
ค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๓ ถึงเดือนกันยายน
๒๕๖๔ (ระยะเวลา ๑๒ เดือน) และอนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน ๑,๔๒๓,๕๐๐,๐๐๐ บาท
ให้แก่กองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมสำหรับการดำเนินมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน
ตามที่ประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมเสนอ ทั้งนี้
ให้กระทรวงการคลังกำหนดประเภทและกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม
คำนึงถึงความคุ้มค่า เหมาะสม ผลประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
รวมถึงการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์ของมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานผู้รับผิดชอบรายงานผลการใช้จ่ายค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปาของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เกิดขึ้นจริง
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของภาครัฐ
ซึ่งจะช่วยให้การใช้จ่ายเงินของภาครัฐเป็นไปอย่างคุ้มค่า
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้ประธานกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9828 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระยะที่ 4 | กห. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน
๔๖๐,๐๔๘,๗๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
ระยะที่ ๔
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State
Quarantine) ระยะที่ ๔ ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
และให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
และคำนึงถึงผลประโยชน์ของทางราชการตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด
พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของบุคลากรทั้งภาครัฐและเอกชนที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิดกับกลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเป็นสำคัญ
เพื่อให้ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไปดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9829 | ขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น | กค. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ในการดำเนินการลดยอดลูกหนี้รอการชดเชยของรัฐบาลของโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี
ปีการผลิต ๒๕๕๙/๒๕๖๐ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
ให้แก่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
และการดำเนินโครงการลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่และการจัดสรรสวัสดิการผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
จำนวน ๑๐,๐๐๐ ล้านบาท ให้แก่กองทุนประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒. ให้กระทรวงการคลังได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9830 | การให้สิทธิ (คืนสิทธิ) ขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิเด็กและบุคคลที่เรียนอยู่ในสถานศึกษา | สธ. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการการให้สิทธิ (คืนสิทธิ)
ขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขกับบุคคลที่มีปัญหาสถานะและสิทธิเด็กและบุคคลที่เรียนอยู่ในสถานศึกษาที่กระทรวงมหาดไทยได้ขึ้นทะเบียน
โดยมีเลขประจำตัว ๑๓ หลักเรียบร้อยแล้ว จำนวน ๓,๐๔๒ คน
ซึ่งครอบคลุมบริการด้านสาธารณสุข ได้แก่ การสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค
การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสมรรถภาพ นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติ
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้กระทรวงสาธารณสุข
(สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข) รับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบข้อมูลเพื่อยืนยันความถูกต้องและรับรองการขึ้นทะเบียนของกลุ่มบุคคลที่ยังไม่ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่เหลืออยู่ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9831 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่่นคง เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | ตช. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายในวงเงิน
๒,๕๒๑,๒๗๓,๒๐๐ บาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง
เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19)
ตั้งแต่วันที่ ๒๗ มีนาคม ถึงวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ รวม ๙๖ วัน
หรือจนกว่าสิ้นสุดระยะเวลาตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ
และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่เห็นควรจัดให้มีรายละเอียดงบประมาณในแต่ละรายการเพิ่ม
เพื่อจะได้มีข้อมูลเพียงพอประกอบการพิจารณาเรื่องดังกล่าวเป็นไปด้วยความโปร่งใส
เป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9832 | การแต่งตั้งกรรมการสภานโยบายผู้ทรงคุณวุฒิในสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ | อว. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติแต่งตั้งกรรมการสภานโยบายผู้ทรงคุณวุฒิในสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งใช้บังคับเมื่อวันที่ ๒
พฤษภาคม ๒๕๖๒ จำนวน ๑๐ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๒ กันยายน
๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมดำเนินการแต่งตั้งกรรมการสภานโยบายผู้ทรงคุณวุฒิในสภานโยบายการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙ (เรื่อง
การดำเนินการแต่งตั้งกรรมการในคณะกรรมการต่าง ๆ
ตามที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลาตามกฎหมาย)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9833 | ร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | ทส. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้เลื่อนการพิจารณาร่างประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ในท้องที่อำเภอคุระบุรี
อำเภอตะกั่วป่า อำเภอท้ายเหมือง อำเภอทับปุด อำเภอเมืองพังงา อำเภอตะกั่วทุ่ง
และอำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ออกไปก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9834 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์) | นร.01 | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย) เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9835 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 21 กันยายน 2563) | นร.04 | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพุธที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๓
และครั้งที่ ๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๓
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9836 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. .... | นร.02 | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีองค์กรสภาวิชาชีพสื่อมวลชนเพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและความเป็นอิสระของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนและส่งเสริมจริยธรรมสื่อมวลชน
เพื่อให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด ๑๖ การปฏิรูปประเทศ ตามนัยมาตรา
๒๗๐ วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี
โดยกรมประชาสัมพันธ์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามความในร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยกรมประชาสัมพันธ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9837 | รายงานผลการชดเชยส่วนต่างราคาหน้ากากอนามัย | พณ. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการชดเชยส่วนต่างราคาหน้ากากอนามัย
ซึ่งเป็นการดำเนินการตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ (๑๗ มีนาคม ๒๕๖๓)
โดยกระทรวงพาณิชย์ได้รับจัดสรรงบประมาณค่าชดเชยส่วนต่างราคาหน้ากากอนามัยให้ผู้ผลิต
๑๑ ราย จำนวน ๑๐๘ ล้านบาท และได้จัดสรรหน้ากากอนามัยจากบริษัทผู้ผลิตรวม ๓๙,๕๖๖,๕๐๐
ชิ้น โดยมีผู้ผลิต ๒ ราย ได้แก่ บริษัท เอ็น.เอ็น.สกายเทรด จำกัด และบริษัท ไทยฮอสพิทอล
โปรดักส์ จำกัด ที่ไม่ได้ผลิตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์
(เนื่องจากผลิตหน้ากากอนามัยชนิด 3D)
จึงเหลือผู้ผลิต ๙ ราย โดยผู้ผลิต ๒ รายดังกล่าว ได้ยื่นหนังสือขอรับการชดเชยส่วนเกินราคาหน้ากากอนามัย
แต่กรมการค้าภายในได้ตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการจ่ายเงินชดเชย
จึงไม่ได้จ่ายเงินชดเชยส่วนเกินราคาหน้ากากอนามัยให้โรงงานผู้ผลิตหน้ากากอนามัยให้แก่ผู้ผลิตทั้ง
๒ ราย ดังนั้น กระทรวงพาณิชย์จึงไม่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ จำนวน ๑๐๘ ล้านบาท
และได้ส่งคืนกรอบวงเงินงบประมาณกับสำนักงบประมาณตามขั้นตอนแล้ว
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9838 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษชดเชยวันหยุดราชการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2563 (วันที่ 4 และ 7 กันยายน 2563) จำนวน 2 ฉบับ | คค. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษชดเชยวันหยุดราชการในช่วงเทศกาลสงกรานต์
ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๓ (วันที่ ๔ และ ๗ กันยายน ๒๕๖๓) จำนวน ๒ ฉบับ ได้แก่ (๑) ประกาศกระทรวงคมนาคม
เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี)
ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี
เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษและอัตราค่าผ่านทางพิเศษ
(ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๓ และ (๒) ประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง
กำหนดให้ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์)
และทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรมกับทางพิเศษกาญจนาภิเษก
(บางพลี-สุขสวัสดิ์) เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ
ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ และอัตราค่าผ่านทางพิเศษ
(ฉบับที่ ๖) พ.ศ. ๒๕๖๓ ซึ่งการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษบูรพาวิถี
(ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี) และทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์)
ระหว่างวันที่ ๓-๘ กันยายน ๒๕๖๓ รวม ๖ วัน
ทำให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทยไม่ได้รับรายได้ประมาณ ๙๘,๕๖๙,๗๖๔ บาท
แต่จะได้ผลประโยชน์ตอบแทนทางด้านเศรษฐกิจประเมินเป็นมูลค่าเงินจำนวน ๑๑๔,๓๖๐,๘๑๖
บาท ซี่งประกอบด้วยมูลค่าจากการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้รถ
๔๓,๙๘๐,๘๑๐ บาท และมูลค่าจากการประหยัดเวลาในการเดินทาง ๗๐,๓๘๐,๐๐๖ บาท
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9839 | การมอบหมายผู้ชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย | นร. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๐ กันยายน ๒๕๖๒ [เรื่อง รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (เดือนเมษายน-มิถุนายน ๒๕๖๒)] โดยมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม)
หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายอนุชา นาคาศัย)
หรือรัฐมนตรีอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีมอบหมายเป็นคราว ๆ ไป เป็นผู้ชี้แจงความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการปฏิรูปประเทศตามมาตรา
๒๗๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ทุกสามเดือนต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
โดยให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและประธานกรรมการปฏิรูปประเทศแต่ละด้านที่มีอยู่หรือผู้แทนเข้าร่วมการชี้แจงด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9840 | รายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย - มาเลเซียประจำปี 2562 | พน. | 22/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปีและรายงานงบการเงินขององค์กรร่วมไทย-มาเลเซีย
ประจำปี ๒๕๖๒ ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชี (บริษัท
PricewaterhouseCoopers) และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการองค์กรร่วมฯ
ในการประชุมครั้งที่ ๑๓๐ และการประชุมสามัญประจำปี (Annual General Meeting
of MTJA : AGM) ครั้งที่ ๒๘ เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ แล้ว โดยผลการดำเนินงานในปี
๒๕๖๒ องค์กรร่วมฯ มีรายรับสุทธิ จำนวน ๖๖๐,๐๖๑,๕๖๙ ดอลลาร์สหรัฐ
สถานะกองทุนองค์กรร่วมฯ ณ วันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ มียอดรวมจำนวน ๘๗๔,๗๖๑,๖๓๐
ดอลลาร์สหรัฐ และในปี ๒๕๖๒ องค์กรร่วมฯ ได้นำส่งรายได้ให้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งมาเลเซีย
เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น ๑๐,๗๘๘.๙๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|