ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 495 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9881 - 9900 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9881 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 19/2563 | นร.11 | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๙/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๓
ที่อนุมัติให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือ
เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ จากเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๓ เป็นเดือนกันยายน ๒๕๖๓
ภายใต้กรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ จำนวน ๒๐,๓๔๕.๖๔๓๐
ล้านบาท และอนุมัติให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปรับปรุงรายละเอียดโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
เพื่อส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวในวันธรรมดา เพิ่มความถี่การพักค้าง
และกระตุ้นการใช้จ่ายกลุ่มศักยภาพ ดึงกลุ่มผู้มีกำลังซื้อ เช่น ข้าราชการ พนักงาน
ลูกจ้าง พนักงานรัฐวิสาหกิจ ให้ออกเดินทางท่องเที่ยว โดยดำเนินการภายใต้กรอบวงเงินตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๖ และ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ จำนวน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท รวมทั้งเห็นชอบให้กรมหม่อมไหมใช้จ่ายจากเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับความชัดเจนของโครงการ/รายการ
ระยะเวลาดำเนินการ และความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามเกณฑ์ อัตรา และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น
ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
เป็นต้น ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง
เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9882 | รายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2559 | ทส. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งมีกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
จำนวน ๙ ฉบับ โดยยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น จำนวน ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑)
ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยการกำหนดค่าทดแทนสำหรับบุคคลที่ได้เสียสิทธิหรือเสื่อมประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ
พ.ศ. .... เนื่องจากการกำหนดค่าทดแทนต้องมีการจำแนกหลักเกณฑ์และการพิจารณาที่เหมาะสม
ซึ่งกรมป่าไม้ได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายหน่วยงาน
ทำให้ใช้เวลานานเพื่อให้การกำหนดหลักเกณฑ์การกำหนดค่าทดแทนเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับหน่วยงานอื่น
ๆ (๒) ร่างระเบียบกรมป่าไม้ ว่าด้วยการเก็บค่าบริการหรือค่าตอบแทนสำหรับการที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ให้บริการหรือให้ความสะดวกต่าง
ๆ แก่ประชาชนในเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. .... และ (๓) ร่างระเบียบกรมป่าไม้
ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเก็บ การรักษา และการใช้จ่ายเงิน
ค่าบริการหรือค่าตอบแทนเพื่อบำรุงรักษาป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. ....
โดยที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กรมป่าไม้กำหนดขึ้นใหม่ และอาจมีผลกระทบต่อประชาชน
จึงต้องพิจารณาโดยรอบคอบ ทำให้ใช้เวลานานในการพิจารณา
เพื่อให้ได้อัตราค่าบริการหรือค่าตอบแทนที่เหมาะสม ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเร่งรัดการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ
(ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๕๙ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาตามที่มาตรา ๒๒ วรรคสอง
ประกอบกับมาตรา ๓๙ (๑)
แห่งพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒ กำหนด ทั้งนี้ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ (เรื่อง
การดำเนินการเพื่อรองรับและขับเคลื่อนการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย
พ.ศ. ๒๕๖๒)
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9883 | การประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.12 | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่สำนักงาน
ก.พ.ร. เสนอ ดังนี้ ๑.๑
แนวทางการประเมินส่วนราชการตามมาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามมติคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ในการประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๓ โดยจะไม่มีการประเมินส่วนราชการ
แต่ให้ส่วนราชการรายงานผลการดำเนินงานตามตัวชี้วัดเดิมเพื่อใช้ในการติดตาม (monitoring)
และให้ถอดบทเรียนในการบริหารจัดการผลกระทบและการแก้ไขปัญหาในกรณีที่ส่วนราชการเสนอตัวชี้วัดใหม่
และให้สำนักงาน ก.พ.ร.
สรุปบทเรียนในภาพรวมของส่วนราชการเพื่อใช้เป็นแนวทางในการบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพหากเกิดสภาวะวิกฤติในอนาคต ๑.๒ กรอบและแนวทางการประเมินส่วนราชการฯ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ โดยมี ๒ องค์ประกอบในการประเมิน ได้แก่ (๑)
การประเมินประสิทธิผลการดำเนินงาน (Performance Base) และ (๒) การประเมินศักยภาพในการดำเนินงาน (Potential Base) ๒. ให้สำนักงาน
ก.พ.ร. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงาน ก.พ. รวมทั้งข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม และข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น ให้สำนักงาน ก.พ.ร.
รายงานผลการสรุปบทเรียนการบริหารจัดการผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19
ในภาพรวมของส่วนราชการต่อศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค
COVID-19 ในอนาคตด้วย เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9884 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์) | นร.08 | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติรับโอน
พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ ข้าราชการทหาร ตำแหน่งรองผู้บัญชาการทหารบก กองทัพบก
กระทรวงกลาโหม มาบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือนสามัญ
และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓
เป็นต้นไป ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9885 | แนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) | กก. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA
(STV) เพื่อให้คนต่างด้าวที่มีกำลังซื้อสูงที่มีความประสงค์ที่จะเดินทางพร้อมครอบครัวเข้ามาพำนักระยะยาว
(Long Stay) ภายในราชอาณาจักร ตั้งแต่ ๙๐-๒๗๐ วันได้
ซึ่งจะทำให้มีการนำเงินตราต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
ส่งผลให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และก่อให้เกิดรายได้
มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวม ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ ๒.
อนุมัติหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดคุณสมบัติของคนต่างด้าวที่มีสิทธิขอรับการตรวจลงตราประเภทนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ
Special Tourist Visa (STV) รวมทั้งกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขการขออนุญาตและการอนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว
ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ที่เห็นว่า (๑)
การใช้ถ้อยคำว่า “โรงแรมที่พักที่เป็นสถานที่กักตัว (ALSQ)” ในร่างข้อ
๑.๓.๑ และ ๑.๓.๒.๑ แตกต่างกัน จึงสมควรแก้ไขให้สอดคล้องกัน และถ้อยคำว่า
“โรงพยาบาลที่พัก (AHQ)” ซึ่งมีที่มาจากคำว่า “Alternative
Hospital Quarantine” จึงสมควรแก้ไขเป็น
“โรงพยาบาลที่พักที่เป็นสถานที่กักตัว (AHQ)” เพื่อให้เข้าใจความหมายได้อย่างชัดเจน
และ (๒) ควรพิจารณากำหนดเงื่อนไขเพิ่มเติม เช่น
บุคคลต่างด้าวที่ประสงค์จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยควรมาจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่ำ
(พื้นที่สีเขียว ๓๐ วัน) หรือควรเพิ่มหลักฐานผลการตรวจเชื้อโควิด-19
สำหรับการขอรับการตรวจลงตรา และควรคำนึงถึงความพร้อมทางด้านสาธารณสุขของประเทศไทย
และแนวทางในการบริหารจัดการ
กรณีที่พบว่ามีนักท่องเที่ยวติดเชื้อระหว่างอยู่ในราชอาณาจักรไทย เป็นต้น ไปปรับปรุงแก้ไขร่างประกาศฯ
และพิจารณาดำเนินการ ก่อนเสนอนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลงนาม
แล้วประกาศใช้บังคับต่อไป ๓.
ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9886 | การยกเลิกการจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก 2020 ณ ประเทศไทย | วธ. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเลิกการจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก
๒๐๒๐ ณ ประเทศไทย ซึ่งกรมส่งเสริมวัฒนธรรมร่วมกับสมาคมดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทสากลกำหนดเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก
๒๐๒๐ ณ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๒๘ กรกฎาคม-๒ สิงหาคม ๒๕๖๓ แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ในประชาคมโลกยังคงมีความไม่แน่นอน
ไม่สามารถประเมินสถานการณ์เพื่อวางแผนการจัดกิจกรรมที่เหมาะสมได้ ดังนั้น
ที่ประชุมวิสามัญโดยกรรมการบริหารของ World Association of Marching Show
Bands (WAMSB) ได้มีมติเมื่อวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ให้ยกเลิกการจัดการประกวดดนตรีและมาร์ชชิ่งอาร์ทชิงแชมป์โลก ๒๐๒๐ ณ ประเทศไทย ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9887 | ขออนุมัติแผนหลักการพัฒนาหนองหาร จังหวัดสกลนคร | นร14 | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบแผนหลักการพัฒนาหนองหาร
จังหวัดสกลนคร ประกอบด้วยแผนหลัก ๕ ด้าน ได้แก่ (๑)
แผนด้านการจัดการน้ำอุปโภคบริโภค (๒) แผนด้านการสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต
(๓) แผนด้านการจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย (๔)
แผนด้านการจัดการคุณภาพน้ำและอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ และ (๕) แผนด้านการบริหารจัดการ ระยะเวลาดำเนินการ
๑๐ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๗๒) จำนวน ๖๒ โครงการ วงเงินงบประมาณ ๗,๔๔๕.๒๒ ล้านบาท ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ
สำหรับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเพื่อขับเคลื่อนแผนหลักดังกล่าว
เห็นควรให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติร่วมกับหน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องพิจารณาจัดลำดับความสำคัญของโครงการ
ความจำเป็นเร่งด่วน ความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความคุ้มค่า
ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ และผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
รวมทั้งจัดเตรียมความพร้อมในทุกมิติ และจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ทั้งนี้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
หน่วยงานที่รับผิดชอบควรจะมีการควบคุมดูแล ตรวจสอบ ติดตาม
และรายงานผลการดำเนินการหรือความคืบหน้าของแผนงาน/โครงการเป็นระยะ ๆ
ให้คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติทราบ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้อง ครบถ้วน เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๒ (เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ เรื่อง
ทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ และระดับชาติของประเทศไทย
และมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ) ๒.
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม ๒๕๖๓ [เรื่อง การแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำธรรมชาติและแม่น้ำลำคลอง (แม่น้ำเจ้าพระยา
บึงบอระเพ็ด และบึงสีไฟ)] ให้กระทรวงมหาดไทยร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบูรณาการการทำงานและเร่งรัดการพัฒนาและฟื้นฟูสภาพของบึงบอระเพ็ด
จังหวัดนครสวรรค์ และบึงสีไฟ จังหวัดพิจิตร นั้น ขอให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งพิจารณากำหนดแนวทางแก้ปัญหาต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำดังกล่าวข้างต้น
รวมถึงแหล่งน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่อื่นของประเทศให้ครบถ้วนด้วยเช่น กว๊านพะเยา
จังหวัดพะเยา ทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง
เพื่อให้การปรับปรุงพัฒนาแหล่งน้ำดังกล่าวบรรลุผลได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีความยั่งยืนต่อไป
เช่น การแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของประชาชน
การช่วยเหลือเยียวยาแก่ประชาชนที่อาจได้รับผลกระทบจากการปรับปรุงพัฒนาพื้นที่
แนวทางใช้ประโยชน์หรือจัดเก็บมวลดินที่ขุดลอกออกจากแหล่งน้ำ ทั้งนี้
ให้พิจารณาดำเนินการให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9888 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าใช้เขตทางหลวง พ.ศ. .... | คค. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าใช้เขตทางหลวง
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าใช้เขตทางหลวงสำหรับการใช้พื้นที่เขตทางหลวงพิเศษ
ทางหลวงแผ่นดิน ทางหลวงชนบท และทางหลวงสัมปทาน เพื่อให้ผู้ได้รับอนุญาตกระทำการใด
ๆ ในเขตทางหลวงต้องชำระค่าใช้เขตทางตามอัตราที่กำหนด ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณาในประเด็นตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับบทเฉพาะกาลที่กำหนดให้ผู้ได้รับอนุญาตกระทำการใด
ๆ ในเขตทางหลวงก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
ต้องมาชำระค่าใช้เขตทางหลวงตามอัตราที่กำหนดใหม่ ซึ่งกรณีดังกล่าวใช้บังคับได้เฉพาะกับการชำระค่าใช้เขตทางหลวงภายหลังจากที่กฎกระทรวงฯ
ใช้บังคับแล้วเท่านั้น โดยไม่อาจมีผลย้อนหลังได้
เนื่องจากขัดกับหลักความมั่นคงทางกฎหมาย
และให้รับความเห็นของกระทรวงพลังงานและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยในฐานะเป็นรัฐวิสาหกิจเช่นเดียวกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวงมีวัตถุประสงค์ในการผลิต
จัดหาได้มา จัดส่ง หรือจำหน่ายซึ่งพลังงานไฟฟ้า
และกิจการเพื่อให้เป็นไปตามขอบวัตถุประสงค์
ทำให้มิอาจหลีกเลี่ยงการพาดสายไฟฟ้าในเขตพื้นที่ทางหลวงได้ หากจำเป็นต้องชำระค่าใช้เขตทางหลวงในลักษณะกิจกรรมตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงฯ
จะก่อให้เกิดภาระต้องชำระค่าใช้เขตทางหลวงทุก ๆ ปี
และต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นเพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่าย ซึ่งการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวงได้รับการยกเว้นตามบัญชีท้ายกฎกระทรวงฯ
ข้อ ๓ เป็น “กิจกรรมของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
และการไฟฟ้านครหลวง ให้ชำระค่าใช้เขตทางหลวง ในอัตรา ๕๐๐ บาท ต่อการอนุญาต ๑
ครั้ง” นอกจากนี้ ควรให้กระทรวงคมนาคมพิจารณากำหนดแนวทางในการปรับอัตราค่าใช้เขตทางหลวงสำหรับการขออนุญาตใช้พื้นที่ในการดำเนินกิจกรรมเพื่อมุ่งหวังผลประโยชน์ทางธุรกิจ
ให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในแต่ละช่วงเวลา
ซึ่งจะช่วยให้การจัดเก็บค่าใช้เขตทางหลวงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อภาครัฐสูงสุด
และให้มอบหมายกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทเร่งประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องถึงเจตนารมณ์ของร่างกฎกระทรวงฯ
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9889 | ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอว่า
การขยายอายุการใช้งานของรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน จาก ๙ ปี เป็น
๑๒ ปี นั้น
อาจทำให้รถดังกล่าวมีการระบายก๊าซไฮโดรคาร์บอนและก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ซึ่งเป็นมลพิษเกินมาตรฐานมากกว่ารถยนต์ประเภทอื่น
และส่งผลให้เกิดก๊าซโอโซนเป็นสารมลพิษทางอากาศและฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5)
ออกสู่บรรยากาศเพิ่มมากขึ้นด้วย
แต่เพื่อเป็นการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้างซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ดังนั้น ในระยะแรกเห็นควรขยายอายุการใช้งานของรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
จาก ๙ ปี เป็น ๑๒ ปี เป็นระยะเวลา ๓ ปี
แล้วให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาทบทวนขยายอายุการใช้งานของรถดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง ๒. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงว่าด้วยรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไม่เกินเจ็ดคน
พ.ศ. ๒๕๖๐ เพื่อกำหนดอุปกรณ์ ระบบ
หรือเทคโนโลยีติดตามรถที่สามารถนำมาใช้แทนเครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางของรถและขยายอายุการใช้งานของรถแท็กซี่
จาก ๙ ปี เป็น ๑๒ ปี เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านบริการและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่เจ้าของรถและผู้ประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้าง
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้แก้ไขร่างกฎกระทรวงตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรจัดให้มีมาตรการเพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการไว้ล่วงหน้าด้วย
และควรให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลการขยายระยะเวลาอายุการใช้งานของรถยนต์รับจ้างอย่างใกล้ชิด
โดยในกรณีที่เห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวอาจไม่สอดคล้องสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ สังคม
และสิ่งแวดล้อม รวมถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเขตเมือง
เห็นควรพิจารณาเสนอขอทบทวนกฎกระทรวงดังกล่าวตามขั้นตอนต่อไป ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9890 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวชมนาด ศรีสวาสดิ์) | นร.10 | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาวชมนาด ศรีสวาสดิ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการ ก.พ.
สำนักงาน ก.พ. สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9891 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองแห้ง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองแห้ง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำคลองแห้ง
ในท้องที่ตำบลกระบี่น้อย อำเภอเมืองกระบี่ จังหวัดกระบี่
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9892 | แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ | มท. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ
จำนวน ๑๓ คน ตามมาตรา ๗๑ วรรคหนึ่ง (๔) แห่งพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๕ กันยายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ดังนี้ ๑. ด้านการผังเมือง
จำนวน ๕ คน ๑.๑ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ๑.๒ นายรัชทิน ศยามานนท์ ๑.๓ นายจรูญเดช เจนจรัสสกุล ๑.๔ นายไพโรจน์ เผือกวิไล ๑.๕ นายพสุ โลหารชุน ๒. ด้านเศรษฐศาสตร์
จำนวน ๒ คน ๒.๑ นายชโยดม สรรพศรี ๒.๒ นายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ ๓. ด้านสังคมศาสตร์
จำนวน ๒ คน ๓.๑ ร้อยตำรวจโท อาทิตย์ บุญญะโสภัต ๓.๒ นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ๔. ด้านภูมิศาสตร์
จำนวน ๒ คน ๔.๑ นางสาวศิริวรรณ ศิลาพัชรนันท์ ๔.๒ นางสาวพันธ์ทิพย์ จงโกรย ๕.
สาขาวิชาการด้านอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จำนวน ๒ คน ๕.๑ นายเสรี ศุภราทิตย์ ๕.๒ พลอากาศเอก ชาญฤทธิ์ พลิกานนท์
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9893 | ร่างระเบียบว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้สิทธิประโยชน์อื่นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายในพื้นที่ที่มีการประกาศภาวะไม่ปกติ พ.ศ. .... และร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนผู้สุจริตซึ่งได้รับความเสียหายจากการใช้อำนาจของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวม 2 ฉบับ | นร.54 | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการให้สิทธิประโยชน์อื่นแก่พนักงานเจ้าหน้าที่
หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายในพื้นที่ที่มีการประกาศภาวะไม่ปกติ พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเพื่อให้ความช่วยเหลือพนักงานเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ภายในพื้นที่ที่มีการประกาศภาวะไม่ปกติ
และร่างหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนผู้สุจริตซึ่งได้รับความเสียหายจากการใช้อำนาจของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการชดเชยค่าเสียหายให้แก่ประชาชนผู้สุจริตซึ่งได้รับความเสียหายจากการใช้อำนาจของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
รวม ๒ ฉบับ ตามที่ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้น
เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลตามความจำเป็นและเหมาะสม
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9894 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ และนายทวี เกศิสำอาง) | คค. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายทวี เกศิสำอาง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9895 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์) | กษ. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๘ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายอำพันธุ์ เวฬุตันติ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายประยูร อินสกุล ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๔. นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๕. นายพิศาล พงศาพิชณ์ ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ๖. นายพิเชษฐ์
วิริยะพาหะ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ๗. นายปราโมทย์ ยาใจ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมหม่อมไหม ๘. นายฉันทานนท์ วรรณเขจร ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9896 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเด็นการปฏิรูปที่ 6 : การบริหารจัดการการประมงทะเล ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา | สว. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาติดตาม
เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ประเด็นการปฏิรูปที่ ๖ : การบริหารจัดการการประมงทะเล
ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา สรุปผลการพิจารณาได้ว่า
การพัฒนาการทำการประมง กรมประมงได้ดำเนินการบูรณะแหล่งน้ำ ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ
และได้ดำเนินโครงการจัดสร้างแหล่งอาศัยสัตว์ทะเลซึ่งได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
และได้ตรวจสอบเรือ IUU list ที่ผ่านเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านระบบ
Windward Intelligence โดยศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมงร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล
และมีการบูรณาการร่วมกันในการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนได้แต่งตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ/คณะอนุกรรมการในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเพื่อดำเนินงานในการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย
และแรงานในภาคประมงให้เห็นผลเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9897 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2563) | นร 05 | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๓๐ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ
วันพุธที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓๑ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง)
เป็นพิเศษ วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๓ ๒. มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี
(นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ
พร้อมพัฒน์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
(นายทรงศักดิ์ ทองศรี)
เป็นผู้ชี้แจงร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ต่อที่ประชุมวุฒิสภา
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9898 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสมฤทัย ช่วงโชติ) | สธ. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสมฤทัย ช่วงโชติ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาพยาธิวิทยา) สถาบันพยาธิวิทยา กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9899 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายถิระศักดิ์ ทองศิริ) | กษ. | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายถิระศักดิ์
ทองศิริ ข้าราชการพลเรือนสามัญ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมโยธา
(ด้านสำรวจและหรือออกแบบ) (วิศวกรโยธาทรงคุณวุฒิ) กรมชลประทาน
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9900 | ขอให้พิจารณาประกาศพื้นที่อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร | นร.51 | 15/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบสรุปผลการประเมินพื้นที่อำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี
ประกอบการพิจารณาประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ.
๒๕๕๑ ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างประกาศและร่างข้อกำหนด รวม ๔ ฉบับ
ตามที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.๑ ร่างประกาศ เรื่อง
พื้นที่ปรากฏเหตุการณ์อันกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ๒.๒ ร่างประกาศ เรื่อง
การให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นเจ้าพนักงานหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ๒.๓ ร่างประกาศ เรื่อง
กำหนดลักษณะความผิดอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามมาตรา ๒๑
แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑ ๒.๔ ร่างข้อกำหนดออกตามความในมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. ๒๕๕๑
|