ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 500 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9981 - 10000 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9981 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน และร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 71 ตรี วรรคสาม รวม 2 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. .....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 71 ตรี วรรคสาม] | กค. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงรวม
๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดลักษณะการดำเนินการด้านการพาณิชย์หรือการเงินที่เชื่อได้ว่ามีการถ่ายโอนกำไรระหว่างกันของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน
และกำหนดหลักเกณฑ์ให้เจ้าพนักงานประเมินดำเนินการปรับปรุงรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน ๒. ร่างกฎกระทรวง
ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการกำหนดจำนวนรายได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา ๗๑ ตรี
วรรคสาม มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีรายได้ต่อรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกินสองร้อยล้านบาทไม่ต้องรายงานข้อมูลและมูลค่ารวมของธุรกรรมระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กันในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9982 | รายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน | นร.01 | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินการโครงการจิตอาสาพระราชทาน
ประจำเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. การจัดฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(อปท.) ได้จัดตั้งชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติฯ ครบเรียบร้อยแล้ว
และมีการบันทึกรายชื่อผู้สมัครในระบบรายงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Report) ของกรมการปกครองแล้ว ๔๒๙,๕๔๑ คน
และมีการฝึกอบรมชุดปฏิบัติการจิตอาสาภัยพิบัติประจำ อปท. ๖๑ จังหวัด ๑,๒๘๖ อปท.
โดยมีผู้ผ่านการอบรม ๖๖,๗๓๒ คน ๒.
การสำรวจข้อมูลความต้องการได้รับความช่วยเหลือด้านเครื่องอุปโภคและบริโภคของวัดที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลหรือขาดแคลน
และข้อมูลความต้องการถุงยังชีพของประชาชน มีวัดในพื้นที่ได้รับผลกระทบและต้องการความช่วยเหลือ
๖๗ จังหวัด ในพื้นที่ ๕๕๓ อำเภอ จำนวน ๘,๑๕๕ วัด และพระสงฆ์ ๕๓,๖๔๑ รูป รวมทั้งมีประชาชนที่ต้องการรับความช่วยเหลือถุงยังชีพ
๓๐๙,๐๒๖ คน ๓.
โครงการฟาร์มตัวอย่างต้านภัย โควิด-๑๙ ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องนำโครงการฟาร์มตัวอย่างในพระราชดำริ
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง จำนวน ๓๐ ฟาร์ม
(จาก ๖๑ ฟาร์ม) มาสนับสนุนการจ้างงาน ๑,๑๐๔ คน ๔. กิจกรรม
“จิตอาสาต้านภัยแล้ง การประสานความร่วมมือการแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างยั่งยืน” ศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทานได้ดำเนินการจัดกิจกรรมฯ
ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา (จังหวัดต้นแบบ) และจังหวัดที่มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน
(ภัยแล้ง) แล้ว ๒,๐๕๔ ครั้ง ๕.
ข้อมูลจำนวนจิตอาสาและกิจกรรมจิตอาสา ณ วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓
มีจิตอาสาลงทะเบียน ๖,๖๔๙,๒๕๕ คน จัดกิจกรรมจิตอาสาพัฒนา ๔๘,๐๗๖ ครั้ง และกิจกรรมจิตอาสาภัยพิบัติ
๖๐๕ ครั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9983 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายวิชัย ไชยมงคล) | ยธ. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายวิชัย ไชยมงคล ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9984 | มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2563 และครั้งที่ 3/2563 | ทส. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ
ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม [โครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติบนบกเส้นที่ ๕ ครั้งที่ ๓ ของบริษัท ปตท. จำกัด
(มหาชน)] (๒) โครงการอาคารเช่าสำหรับผู้มีรายได้น้อยจังหวัดภูเก็ต
(กะทู้) ของการเคหะแห่งชาติ (๓) โครงการอาคารพักอาศัยแปลง A โครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง
ของการเคหะแห่งชาติ (๔) โครงการอาคารพักอาศัยแปลง D1 โครงการพื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง
ของการเคหะแห่งชาติ และ (๕) โครงการโรงไฟฟ้าวังน้อย (ทดแทนชุดที่ ๑-๒)
ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ๒.
มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ จำนวน ๖ เรื่อง ได้แก่ (๑)
โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม
ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (๒)
โครงการทำเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูนและหินดินดาน เพื่ออุตสาหกรรมปูนซีเมนต์
ของบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (๓)
โครงการเหมืองแร่หินอุตสาหกรรมชนิดหินปูน เพื่ออุตสาหกรรมก่อสร้าง ของนายประสาน
ยุวานนท์ คำขอประทานบัตรที่ ๑/๒๕๖๑ ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ ๑ ตำบลหนองน้ำแดง
อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา (๔) การกำหนดขั้นตอนการเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำเข้าร่วมเป็นพื้นที่เครือข่ายนกอพยพในโครงการความร่วมมือพันธมิตรสำหรับการอนุรักษ์นกอพยพ
และการใช้ประโยชน์ถิ่นที่อยู่อาศัยของนกอพยพอย่างยั่งยืนในเส้นทางการบินเอเชียตะวันออก-ออสเตรเลีย
(๕) การกำหนดอัตราค่าบริการบำบัดน้ำเสียของระบบบำบัดน้ำเสียที่ใช้เงินกองทุนสิ่งแวดล้อม
ตามมาตรา ๘๘ แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.
๒๕๓๕ และ (๖)
การครบกำหนดระยะเวลาการใช้บังคับประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เรื่อง กำหนดเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมในบริเวณพื้นที่เมืองโบราณศรีมโหสถ อำเภอศรีมโหสถ
จังหวัดปราจีนบุรี พ.ศ. ๒๕๕๘
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9985 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายนิยม เติมศรีสุข ฯลฯ รวม 5 ราย) | ยธ. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงยุติธรรม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๕ ราย
เพื่อทดแทนผู้ดำรงตำแหน่งที่จะเกษียณอายุราชการ และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้
ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายนิยม เติมศรีสุข ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ ดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. พันตำรวจโท วรรณพงษ์ คชรักษ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ๔. พันตำรวจเอก ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ๕. นายอายุตม์
สินธพพันธุ์ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9986 | การแต่งตั้งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า | พณ. | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง
นายเกรียงศักดิ์ ประทีปวิศรุต ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า
ตามมติคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า ในการประชุมลับครั้งที่ ๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๙
กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ลงนามในสัญญาจ้างเป็นต้นไปแต่ไม่ก่อนวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9987 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายรณภพ ปัทมะดิษ) | นร.04 | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายรณภพ ปัทมะดิษ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9988 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์) | นร.04 | 01/09/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์ เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้ง
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9989 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายจำเริญ โพธิยอด ฯลฯ รวม 4 ราย) | กค. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ถอนเรื่อง
การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง คืนไปก่อน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9990 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 15 | นร.10 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
รายสัปดาห์ ครั้งที่ ๑๕ (ข้อมูล ณ วันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓) ซึ่งได้รับข้อมูลจาก
๑๔๗ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๙๙ ของส่วนราชการทั้งหมด (๑๔๘ ส่วนราชการ)
ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
มีส่วนราชการได้มอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการตามปกติเพิ่มมากขึ้น
(๘๑ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๕๕) โดยเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา (๗๘ ส่วนราชการ
คิดเป็นร้อยละ ๕๓)
และส่วนราชการกำหนดให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่เหลื่อมเวลาในการทำงานเป็น ๓
ช่วงเวลาเพิ่มมากขึ้น (๗๙ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๕๔) ๒. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
(Work From Home) มีส่วนราชการมอบหมายให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการลดลง
(๖๖ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๔๕) โดยในจำนวนนี้มีส่วนราชการ ๑๖ ส่วนราชการ
(คิดเป็นร้อยละ ๑๑) มอบหมายให้ทุกคนปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9991 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 17/2563 | นร.11 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๗/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓
ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของแผนงาน/โครงการ
รวมถึงการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานและการใช้จ่ายเงินกู้ของแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของพระราชกำหนดฯ
และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการดำเนินการตามแผนงานหรือโครงการภายใต้พระราชกำหนดฯ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒.
สำหรับแหล่งเงินที่จะนำมาใช้จ่ายของโครงการพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำและเตรียมความพร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) และโครงการของจังหวัดภายใต้แผนงาน ๓.๒
จำนวน ๕๓ โครงการ
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับโครงการพัฒนาวัคซีนต้นแบบตั้งแต่ต้นน้ำและเตรียมความพร้อมรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ควรมีการกำหนดข้อตกลงร่วมกันของสถาบันวัคซีนแห่งชาติและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนและชัดเจนในการวางแผนการดำเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินกู้
รวมทั้งควรกำหนดราคาจำหน่ายวัคซีนที่ได้จากการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้อยู่ในราคาที่เหมาะสม
เป็นธรรม เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
นอกจากนี้ ในส่วนการขยายฐานการใช้สิทธิสำหรับบริษัท (Corporate) ภายใต้โครงการเราเที่ยวด้วยกัน ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ควรพิจารณาขอความร่วมมือบริษัทให้ดำเนินการใช้สิทธิผ่านผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศเพื่อให้มาตรการดังกล่าวก่อให้เกิดการกระจายรายได้และเสริมสภาพคล่องแก่กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวในประเทศและผู้ประกอบการรายย่อยที่เป็นเครือข่ายของผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวในประเทศด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9992 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย 35.7 ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... | กษ. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองซอย
๓๕.๗ ซ้าย ของคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในท้องที่ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9993 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง
(สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) จำนวน ๕๕ แห่ง ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่
๑๐-๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
(ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) รัฐวิสาหกิจ ๑๔
แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๔๑ แห่ง
ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๓-๗ สิงหาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้
จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสากิจทั้งหมดจำนวน ๒๗๒,๕๔๐ คน
มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๑๑,๗๗๗ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๔ ๒. การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
(การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา) รัฐวิสาหกิจ ๒๖ แห่ง
ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๓-๗ สิงหาคม ๒๕๖๓) โดยรัฐวิสาหกิจ ๒๖ แห่ง
มีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๐๐ น.
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9994 | การแต่งตั้งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายสำราญ รอดเพชร ) | นร.04 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายสำราญ รอดเพชร
เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่นายกรัฐมนตรีลงนามในประกาศแต่งตั้งและมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9995 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายเจตน์ โศภิษฐ์พงศธร) | ศธ. | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายเจตน์
โศภิษฐ์พงศธร เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9996 | ขออนุมัติกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 - 2565 ตามแผนปฏิบัติการบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2564 - 2565) ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ และสถานบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ | นร.01 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบผลการดำเนินงานของมูลนิธิปิดทองหลังพระ
สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ
สืบสานแนวพระราชดำริ ในช่วงแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ระยะที่ ๑-๒ (พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๒) ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
และเห็นชอบสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
ตามแผนปฏิบัติการบูรณการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ระยะที่ ๓
(พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕)
โดยมอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีในหมวดเงินอุดหนุนตามแผนดังกล่าว
ภายในกรอบวงเงิน ๕๗๒.๕๘ ล้านบาท ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการบูรณาการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ระยะที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕) ของมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ
เห็นควรให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบปะมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
๒. ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับไปประสานกับมูลนิธิปิดทองหลังพระ
สืบสานแนวพระราชดำริ และสถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ
สืบสานแนวพระราชดำริ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินโครงการภายใต้แผนปฏิบัติการดังกล่าว
โดยมุ่งเน้นให้เกิดการจ้างงาน/สร้างรายได้ให้แก่นักศึกษาและประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงมหาดไทยที่เห็นควรกำหนดแนวทางการจัดทำโครงการบนพื้นฐานความต้องการของประชาชนและสภาพภูมิสังคมของพื้นที่เป็นสำคัญ
โดยมุ่งเน้นให้ประชาชนและชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน นอกจากนี้
ควรมีระบบการติดตามและประเมินผลความสำเร็จของโครงการเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงประโยชน์ที่ประชาชน/ชุมชนได้รับอย่างเป็นรูปธรรม
สำหรับนำไปใช้ในการสรุปบทเรียนการพัฒนาของประเทศและขยายผลในพื้นที่อื่น ๆ ต่อไป
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9997 | การประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 12 และผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง - ญี่ปุ่นด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ 13 | นร.11 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐมนตรีและภาคเอกชนกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น
ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๑๗
กรกฎาคม ๒๕๖๓
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย
และปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีประจำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น
ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไทย
ในการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น
ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๒ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๒๗
สิงหาคม ๒๕๖๓ รวมทั้งเห็นชอบประเด็นหารือของไทย
และร่างแถลงข่าวร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น
ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๒
เพื่อให้รัฐมนตรีประจำกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น
ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของไทย ร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงให้การรับรองร่างแถลงข่าวร่วมฯ
โดยไม่มีการลงนาม
ในการประชุมระดับรัฐมนตรีของกรอบความร่วมมือลุ่มแม่น้ำโขง-ญี่ปุ่น
ด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ครั้งที่ ๑๒ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๒๗
สิงหาคม ๒๕๖๓ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกยาน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรี่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9998 | สรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า ครั้งที่ 3/2563 | นร.10 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า
ครั้งที่ ๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการประชุมฯ โดยมีประเด็นข้อสั่งการสำคัญที่มอบหมายให้คณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่ารับไปดำเนินการ
อาทิ (๑) ให้กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการให้ระบบ E-VISA
สามารถให้บริการได้ครบกระบวนการ
ทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและการปรับปรุงกฎระเบียบให้รองรับระบบดังกล่าว
เพื่อประโยชน์ในการให้บริการชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศ (๒)
ให้ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการผ่อนคลายในระยะต่อไป
เช่น การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ Medical และ Wellness
Program และการกำหนด Travel Bubble กับประเทศที่สามารถควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาฯ
ได้ และ (๓) ให้สำนักงาน ก.พ. และสำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกันปรับปรุงระบบการทำงานใหม่
เช่น โครงสร้างราชการ การจัดองค์กร กำลังคนภาครัฐ
การลดจำนวนข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ โดยนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการทำงาน
เพื่อให้เกิดระบบราชการใหม่ที่เหมาะสมกับอนาคตของประเทศ เป็นต้น ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9999 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 11/2563 | นร.04 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) การรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
ความคืบหน้าการพัฒนาและผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 (๓)
การพิจารณาความเหมาะสมในการขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(๔) การพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้กฎหมายภายหลังการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทั่วท้องที่ราชอาณาจักร
(๕) ความคืบหน้าการจัดทำข้อตกลงพิเศษ (Special Arrangement) (๖)
การเร่งเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและลดความเหลื่อมล้ำด้วยการขยายการให้บริการอินเทอร์เน็ตอย่างทั่วถึงและส่งเสริมการใช้ประโยชน์
และ (๗) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
10000 | การขอความเห็นชอบต่อร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนว่าด้วยการลดผลกระทบเชิงลบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) | นร.02 | 25/08/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียน่วาด้วยการลดผลกระทบเชิงลบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (Draft) Joint Statement of the ASEAN Ministers Responsible for
Information to Minimise the Negative Effects of Coronavirus Disease 2019
(COVID-19) และอนุมัติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในฐานะรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนของ ไทย รับรองร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
แบบเวียน (Ad-referendum) โดยกรมประชาสัมพันธ์จะประสานสำนักเลขาธิการอาเซียนเพื่อแจ้งยืนยันการรับรอง ของไทย
โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ เป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ของรัฐมนตรีที่กำกับดูแลภารกิจด้านสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์จาก ๑๐
ประเทศสมาชิกอาเซียน โดยสาระสำคัญคือ การส่งเสริม บทบาท สนับสนุน และยกระดับการดำเนินงานร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียน
ในการ พัฒนาการสื่อสารประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤติจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ให้มีประสิทธิภาพ ประชาชนได้รับ ข้อมูลอย่างถูกต้อง
ทันต่อสถานการณ์ และพัฒนาความร่วมมือในการจัดการกับข่าวลวงและข้อมูลบิดเบือนเกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระ สำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอ คณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|