ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 498 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9941 - 9960 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9941 | การแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ | พปส. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
จำนวน ๗ คน เนื่องจากคณะกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบวาระสามปี
และให้ดำรงตำแหน่งต่อไปอีกวาระหนึ่ง โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑
กันยายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑. นางปริศนา
พงษ์ทัดศิริกุล ประธานกรรมการ ๒. นายสุรนันท์
วงศ์วิทยกำจร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการเงิน ๓. นางจินตนา
พันธุฟัก กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านสื่อสารมวลชน ๔.
รองศาสตราจารย์ศุภกรณ์ ดิษฐพันธุ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปวัฒนธรรม ๕. นายสุรพล
ทิพย์เสนา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย ๖. รองศาสตราจารย์ลือชัย
ศรีเงินยวง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล ๗.
รองศาสตราจารย์นรีวรรณ จินตกานนท์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประเมินผล
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9942 | ร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ. .... และร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงพระราชบัญญัติว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น
พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยปรับปรุงกระบวนการการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่นเพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่นได้สะดวกและมีความเหมาะสมยิ่งขึ้น
และร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงวิธีการในการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นให้สอดคล้องกับมาตรา
๒๕๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9943 | การจัดหาเครื่องจักรกลและเครื่องมือทางการเกษตรให้แก่เกษตรกร | นร. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานหลักรับไปประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการจัดหาเครื่องจักรกลและเครื่องมือทางการเกษตรให้แก่เกษตรกรในท้องที่ที่ขาดแคลน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ทั้งนี้
ให้พิจารณากำหนดแนวทางการดำเนินการในรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจน
ถูกต้อง เช่น การกำหนดคัดเลือก กลั่นกรองเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย
ประเภท/ชนิดของเครื่องจักรกลหรือเครื่องมือที่ต้องการ การครอบครองและการบำรุงรักษา
เป็นต้น
โดยให้ยึดหลักความเหมาะสมเท่าที่จำเป็นสอดคล้องกับความต้องการและการใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนของเกษตรกร
แล้วดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9944 | ขออนุมัติเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายค้างเบิกปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | ศธ. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนเบิกจ่ายเงินอุดหนุนโครงการอาหารเสริม
(นม) จากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต โครงการพัฒนาคนตลอดช่วงวัย
รายการเงินอุดหนุนโครงการอาหารเสริม (นม) จำนวน ๒๔,๔๒๓,๕๐๐ บาท
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9945 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563) | นร.04 | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภา
ครั้งที่ ๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนี่ง) วันอังคารที่ ๑ กันยายน ๒๕๖๓
และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๒๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง)
วันพุธที่ ๒ กันยายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒๗ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) วันพฤหัสบดีที่
๓ กันยายน ๒๕๖๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9946 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work from Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ | กค. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
ในสัปดาห์ช่วงระหว่างวันที่ ๑๗-๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สรุปได้
ดังนี้ ๑. การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ
(ปฏิบัติงานที่บ้านหรือที่พักหรือสถานที่ตามที่รัฐวิสาหกิจกำหนด) มีรัฐวิสาหกิจ ๑๔
แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง โดยมีรัฐวิสาหกิจ ๔๑ แห่ง
ที่ให้พนักงานกลับมาปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งตามปกติแล้ว เท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓) ทั้งนี้
จากจำนวนพนักงานและลูกจ้างของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด จำนวน ๒๗๒,๕๗๔ คน
มีพนักงานและลูกจ้างปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง จำนวน ๑๒,๔๓๙ คน หรือคิดเป็นร้อยละ ๕ ๒.
การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของรัฐวิสาหกิจ (การปฏิบัติงานเหลื่อมเวลา)
มีรัฐวิสาหกิจ ๒๑ แห่ง ยังคงดำเนินนโยบายการปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาเท่ากับสัปดาห์ก่อนหน้า
(ช่วงระหว่างวันที่ ๑๐-๑๔ สิงหาคม ๒๕๖๓) โดยรัฐวิสาหกิจ ๒๖ แห่ง
มีช่วงเวลาเริ่มปฏิบัติงานเหลื่อมเวลาตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น.-๑๐.๐๐ น.
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9947 | รายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง (Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ รายสัปดาห์ ครั้งที่ 16 | นร.10 | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้ง
(Work From Home) และการเหลื่อมเวลาในการทำงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
รายสัปดาห์ ครั้งที่ ๑๖ (ข้อมูล ณ วันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓) ซึ่งได้รับข้อมูลจาก
๑๔๗ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๙๙ ของทั้งหมด (๑๔๘ ส่วนราชการ) ตามที่สำนักงาน ก.พ.
เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
มีส่วนราชการมอบหมายให้บุคลากรปฏิบัติงานในสถานที่ตั้งของส่วนราชการตามปกติเพิ่มมากขึ้น
(๘๒ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๕๖) เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา (๘๑ ส่วนราชการ
คิดเป็นร้อยละ ๕๕) และส่วนราชการกำหนดให้บุคลากรเหลื่อมเวลาในการทำงานเป็น ๓
ช่วงเวลาลดลง (๗๖ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๕๒) ๒.
การปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ (Work From Home) มีส่วนราชการมอบหมายให้บุคลากรปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการลดลง
(๖๕ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๔๔) ลดลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา (๖๖ ส่วนราชการ
คิดเป็นร้อยละ ๔๕) โดยในจำนวนนี้มี ๑๖ ส่วนราชการ คิดเป็นร้อยละ ๑๑ มอบหมายให้บุคลากรทุกคนปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งของส่วนราชการ
(ไม่เปลี่ยนแปลงจากสัปดาห์ที่ผ่านมา)
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9948 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระยะที่ 3 | กห. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ เพิ่มเติม งบกลาง
รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงิน ๘๘๓,๔๒๒,๕๐๐ บาท
ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการจัดทำพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State
Quarantine) สำหรับแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ระยะที่ ๓ ต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ
และให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กระทรวงกลาโหมและกระทรวงสาธารณสุขจัดให้มีพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐทางเลือก
(Alternative State Quarantine) เพิ่มเติมให้มากขึ้นสำหรับผู้ที่จะเดินทางกลับประเทศไทยที่มีความพร้อมทางด้านค่าใช้จ่าย
เพื่อเป็นการลดภาระงบประมาณของภาครัฐและเป็นการสนับสนุนรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการโรงแรมเอกชนได้อีกทางหนึ่ง
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
๒.
ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9949 | ขออนุมัติกู้เงินเพื่อใช้ในการดำเนินงาน วงเงิน 11,500.000 ล้านบาท และวงเงินกู้ระยะสั้น จำนวน 800.000 ล้านบาท (วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำปีงบประมาณ 2564 | คค. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการกู้เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
(รฟท.) ตามพระราชบัญญัติการรถไฟแห่งประเทศไทย พุทธศักราช ๒๔๙๔ มาตรา ๓๙ (๔)
โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน รวมทั้งพิจารณาวิธีการกู้เงิน เงื่อนไข
และรายละเอียดตามความเหมาะสม โดยในส่วนของการขอยกเว้นค่าธรรมเนียมการกู้เงิน ให้
รฟท. พิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับเงินกู้เพื่อบรรเทาการขาดสภาพคล่องในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ วงเงิน ๑๑,๕๐๐
ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ รฟท.
ดำเนินการกู้เงินได้ภายหลังจากวงเงินดังกล่าวได้รับการบรรจุไว้ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ ที่ผ่านความเห็นชอบตามขั้นตอนแล้ว
ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และเงินกู้ระยะสั้น
(วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) วงเงิน ๘๐๐ ล้านบาท
โดยให้ดำเนินการคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูล
ตามความเห็นของกระทรวงการคลัง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
โดย รฟท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการพิจารณาคัดเลือกสถาบันการเงินด้วยวิธีการประมูลวงเงินกู้ระยะสั้น
(วงเงินกู้เบิกเกินบัญชี) ดังกล่าว
เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านต้นทุนที่เหมาะสมและสอดคล้องกับอัตราดอกเบี้ยตลาด การเร่งรัดดำเนินการจัดทำแผนฟื้นฟูการแก้ไขปัญหาขององค์กรให้สอดคล้องและเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสากิจ
และมุ่งเน้นการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย โดยเฉพาะการสร้างรายได้จากการบริหารทรัพย์สิน
การจัดทำรายงานผลการให้บริการสาธารณะ (PSO) ตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด
และการพิจารณาเบิกใช้เงินกู้ในจำนวนและระยะเวลาที่เหมาะสม
รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารงานเท่าที่จำเป็น
และเร่งรัดการลงทุนโครงการต่าง ๆ เพื่อให้สามารถเพิ่มรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9950 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน กรณีอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ไม่อนุญาตให้รถเข้าไปรับ – ส่งนักเรียนจากศูนย์อพยพผู้หนีภัยการสู้รบบ้านถ้ำหิน อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี | สม. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะมาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
กรณีอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ไม่อนุญาตให้รถเข้าไปรับ-ส่งนักเรียนจากศูนย์อพยพผู้หนีภัยการสู้รบบ้านถ้ำหิน
อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ซึ่งได้มีการประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (กรมกิจการเด็กและเยาวชน)
กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครองและสำนักงานศูนย์ดำเนินการเกี่ยวกับผู้อพยพ)
กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ แล้ว เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม
๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9951 | ขอผ่อนผันการใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ 1 บี เพื่อทำเหมืองแร่ของห้างหุ้นส่วนจำกัด ศรีพุธศิลาทอง ที่จังหวัดตรัง | อก. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติการขอผ่อนผันให้ห้างหุ้นส่วนจำกัด
ศรีพุธศิลาทอง ใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้ำชั้นที่ ๑ บี เพื่อทำเหมืองแร่
ตามคำขอประทานบัตรที่ ๒/๒๕๕๗ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๓๒
และวันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๓๓ ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ๒. ให้กระทรวงอุตสาหกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น (๑)
ดำเนินมาตรการทางกฎหมายเพื่อให้ผู้ก่อมลพิษเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเสียหายแก่ผู้ได้รับผลกระทบสิ่งแวดล้อม
(๒) ดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
โดยเฉพาะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงหลักเกณฑ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ตุลาคม
๒๕๕๙ (๓) ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่กำหนดไว้ในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด
(๔) ทำการศึกษาเพื่อประเมินระดับความจำเป็นที่ต้องรักษาพื้นที่ป่าต้นน้ำและความเพียงพอของพื้นที่ป่าต้นน้ำที่คงเหลืออยู่ในปัจจุบัน
และเมื่อสามารถจำแนกพื้นที่ป่าต้นน้ำดังกล่าวแล้ว ควรพิจารณาตรากฎหมายเพื่อคุ้มครองพื้นที่ป่าต้นน้ำเพื่อไม่ให้มีการบุกรุกหรือนำไปใช้ประโยชน์ที่ไม่เหมาะสมอีกต่อไป
รวมทั้งการให้ข้อมูลและสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงการบริหารจัดการลุ่มน้ำที่มีการผ่อนผันในคราวต่าง
ๆ ด้วย และ (๕) พิจารณาถึงความจำเป็น ความคุ้มค่า ความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจและสังคมเมื่อเปรียบเทียบกับผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้น
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9952 | การสนับสนุนสินค้าและบริการของวิสาหกิจชุมชน | นร. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีพิจารณาเห็นว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม และ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ ให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการสนับสนุนและจัดซื้อจัดจ้างการผลิตสินค้าและบริการในเรื่องต่าง
ๆ จากวิสาหกิจชุมชน ชุมชน และท้องถิ่น
โดยให้แต่ละหน่วยงานพิจารณาจัดซื้อจัดจ้างในอัตราส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ ๓๐
ของมูลค่าความต้องการใช้ทั้งหมดของหน่วยงาน
รวมทั้งให้มีการเร่งรัดการขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
ให้ถูกต้องครบถ้วนโดยเร็ว ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อ SMEs ในการขอรับการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินกิจการ
รวมทั้งการจำหน่ายสินค้าและบริการของ SMEs ในแต่ละกลุ่มธุรกิจ/แต่ละพื้นที่
นั้น
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเร่งดำเนินการสนับสนุนและจัดซื้อจัดจ้างดังกล่าวข้างต้นให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง
และให้จัดทำรายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อการดังกล่าวให้นายกรัฐมนตรีทราบด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9953 | รายงานสภาพการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานในราชการพลเรือนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) | นร.10 | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสภาพการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการจ้างงานในราชการพลเรือนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) จำนวน ๒ เรื่อง ได้แก่ (๑)
รายงานสรุปเรื่องการดำเนินการสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) และ (๒)
แนวทางเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ด้วยระบบพนักงานราชการ
โดยคาดว่าการดำเนินการทั้งสองเรื่องดังกล่าวจะช่วยบรรเทาสภาพการณ์ว่างงานภายในประเทศ
โดยบรรจุบุคคลเข้ารับราชการประจำ
ทั้งจากผู้ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการว่างงาน/เลิกจ้างงาน
ซึ่งภายหลังจากการดำเนินการสอบภาค ก. ในช่วงเดือนกันยายน ๒๕๖๓ จำนวน ๕๒๑,๗๒๓ คน
แล้ว ส่วนราชการสามารถดำเนินการจัดสอบภาค ข. และภาค ค.
เพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการได้ ซึ่งจะมีตำแหน่งว่างรองรับการจ้างงาน ประกอบด้วย
อัตราข้าราชการตั้งใหม่ที่มีส่วนราชการได้รับการจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๓
ที่ยังไม่ได้บรรจุจำนวนประมาณ ๒๐,๐๐๐ อัตรา และอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการเมื่อสิ้นปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวนประมาณ ๘,๙๐๐ อัตรา
หรือพิจารณาใช้รูปแบบการจ้างงานแบบสัญญาจ้างเพื่อบรรจุเป็นพนักงานราชการในอัตราว่างตามกรอบอัตรากำลังปกติ
หรือกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการตามแนวทางที่คณะกรรมการบริหารพนักงานราชการเห็นชอบสำหรับการจ้างงานระยะสั้นไม่เกิน
๒ ปี ซึ่งอาจบริหารจัดการได้จำนวนประมาณ ๑๐,๐๐๐ อัตรา ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9954 | ร่างกฎกระทรวงผู้ดำเนินการสถานพยาบาลตามประเภทและลักษณะการให้บริการทางการแแพทย์ของสถานพยาบาล พ.ศ. .... | สธ. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงผู้ดำเนินการสถานพยาบาลตามประเภทและลักษณะให้บริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาล
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขปรับปรุงการกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการทางการแพทย์ของสถานพยาบาลตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของสถานพยาบาลและลักษณะการให้บริการของสถานพยาบาล
พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9955 | ขอขยายเวลาการควบรวมกิจการของบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) | ดศ. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบความคืบหน้าการดำเนินการควบรวมกิจการของบริษัท
ทีโอที จำกัด (มหาชน) (บมจ.ทีโอที) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) (บมจ.กสท
โทรคมนาคม) และการใช้ชื่อบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวมกิจการ
โดยเมื่อจดทะเบียนจะใช้ชื่อว่า “บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน)”
และชื่อภาษาอังกฤษว่า “National Telecom Public Company Limited : NT Plc.” รวมทั้งเห็นชอบการขอขยายเวลาการดำเนินการควบรวมกิจการออกไปอีกไม่เกิน
๖ เดือนนับจากวันที่ครบกำหนดตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๔ มกราคม ๒๕๖๓) (ครบกำหนด ๖
เดือนเมื่อวันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
และที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอเพิ่มเติมว่า
ขอถอนข้อเสนอที่ขอความเห็นชอบในการยกเว้นให้บริษัท NBN และบริษัท
NGDC ไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจำหน่ายกิจการหรือหุ้นที่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจเป็นเจ้าของ
พ.ศ. ๒๕๐๔ ทั้งนี้
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท
โทรคมนาคม
ควรตรวจสอบและหามาตรการรองรับในกรณีการขยายเวลาการควบรวมกิจการก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ระหว่าง
บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม หรือระหว่างบริษัททั้งสองกับคู่สัญญาฝ่ายเอกชนตามสัญญาหรือข้อตกลงที่บริษัททั้งสองมีคู่สัญญาฝ่ายเอกชน
ในขณะที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติรับทราบการขอขยายเวลาการควบรวมกิจการ
และการกำหนดให้บริษัทมหาชนจำกัดใช้ชื่อโดยมีคำว่า “แห่งชาติ” ประกอบอยู่นั้น
อาจต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้วย ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการ ดังนี้ ๒.๑ กำกับดูแลการควบรวมกิจการ บมจ.ทีโอที และ
บมจ.กสท โทรคมนาคม ให้เป็นไปตามแผนการดำเนินการควบรวมกิจการฯ
ที่เสนอในครั้งนี้อย่างเคร่งครัด
โดยเร่งหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นที่สำคัญต่อการควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัทให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว
เช่น การได้รับสิทธิที่ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม ได้รับตามมาตรา ๒๖
แห่งพระราชบัญญัติทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๔๒ และตามมติคณะรัฐมนตรี (๒๓ กรกฎาคม
๒๕๔๕) ไปยังบริษัทใหม่ที่เกิดจากการควบรวม เป็นต้น ๒.๒ หากมีความจำเป็นที่จะต้องขอขยายเวลาการดำเนินการควบรวมกิจการของ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม เพิ่มเติมอีกในอนาคต ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งรัดการดำเนินการเสนอเรื่องการขอขยายเวลาดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีล่วงหน้าก่อนครบกำหนดตามมติคณะรัฐมนตรี |
||||||||||||||||||||||||||||||
9956 | การออกกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทน [(ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง)] | ลต. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
เนื่องจากมีหน่วยงานของรัฐทยอยเสนอให้ออกกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทน
ดังนั้น เพื่อให้การออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
จึงมีมติให้หน่วยงานของรัฐที่ประสงค์จะเสนอร่างกฎกระทรวงกำหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนตามมาตรา
๖๓/๑๕ วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.
๒๕๖๒ ให้เสนอเรื่องไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนกันยายน
๒๕๖๓ เพื่อให้มีการออกกฎกระทรวงในเรื่องนี้รวมเป็นฉบับเดียวกัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9957 | ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 รายการโครงการปรับปรุงระบบห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ให้เข้าสู่ระบบมาตรฐานสากลเพื่อรองรับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ | ตช. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาบริการประชาชนและพัฒนาประสิทธิภาพภาครัฐ
โครงการปฏิรูประบบงานตำรวจ กิจกรรมการปฏิรูประบบงานสอบสวนและการบังคับใช้กฎหมาย
งบลงทุน ค่าที่ดินและสิ่งก่อสร้าง จากเดิม
“โครงการปรับปรุงระบบห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ให้เข้าสู่มาตรฐานสากล
เพื่อรองรับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ แขวงปทุมวัน
เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ๑ โครงการ” เป็น
“โครงการปรับปรุงระบบห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ให้เข้าสู่มาตรฐานสากล
เพื่อรองรับการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ
แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร ๑ โครงการ” ในวงเงินรวมทั้งสิ้น ๑๑๘.๒๖
ล้านบาท ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอ ส่วนงบประมาณในการดำเนินการให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ จำนวน ๑๘ ล้านบาท ที่ได้จัดสรรงบประมาณรายจ่ายให้แล้ว ส่วนที่เหลืออีก
จำนวน ๑๐๐.๒๖ ล้านบาท ผูกพันงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
แต่เนื่องจากในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ไม่ได้เสนอตั้งงบประมาณรองรับไว้
จึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ตามหลักเกณฑ์การบริหารวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่ตั้งไว้สำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณให้ครบวงเงินค่างานตามสัญญาต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
๒.
การจัดทำแผนงาน/โครงการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในครั้งต่อ ๆ ไป
ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบความพร้อมของการดำเนินการอย่างละเอียดรอบคอบ
ให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกมิติก่อน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๐
(เรื่อง การพิจารณาและตรวจสอบความพร้อมในการดำเนินการตามแผนงาน/โครงการของส่วนราชการและการตรวจสอบข้อมูลผู้ละทิ้งงานราชการ)
อย่างเคร่งครัดด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9958 | การแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักการที่บัญญัติไว้ในมาตรา 180 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....) | นร.10 | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับผู้ทรงคุณวุฒิ
โดยไม่ต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
และการออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญเพราะความตาย
เกษียณอายุหรือออกจากราชการเพราะถูกลงโทษ
โดยไม่ต้องนำความกราบบังคมทูลเพื่อมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง
เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรา ๑๘๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นั้น
เพื่อให้การแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่าง ๆ
สอดคล้องกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญดังกล่าว จึงลงมติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบกฎหมายในความรับผิดชอบ
หากมีกรณีที่จะต้องดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้เป็นไปตามหลักการที่บัญญัติไว้ในมาตรา
๑๘๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
ในทำนองเดียวกันกับพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. ๒๕๕๑
ให้เร่งรัดการพิจารณาเสนอแก้ไขกฎหมายดังกล่าวโดยด่วน |
||||||||||||||||||||||||||||||
9959 | การขอปรับแผนงานและงบประมาณในการดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศกิจกรรมที่ 2 การเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายอินเทอร์เน็ตระหว่างประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลของภูมิภาคอาเซียน (ASEAN Digital Hub) | ดศ. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
การขอปรับแผนงานปรับปรุงประสิทธิภาพโครงข่ายที่ออกแบบเพื่อทดแทนการยกเลิกระบบ Phetchaburi-Sriracha (PS) ภายใต้กิจกรรมย่อยที่
๑ และแผนงานก่อสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำ Asia Direct Cable (ADC) ภายใต้กิจกรรมย่อยที่ ๓ โดยงบประมาณการดำเนินการดังกล่าวคงอยู่ในวงเงิน
๕,๐๐๐ ล้านบาท ตามที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๙ ๑.๒ การปรับแผนการดำเนินโครงการ
ASEAN Digital Hub ในกิจกรรมย่อยที่
๑ ซึ่งได้รับผลกระทบจากโครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง
ระยะที่ ๓ ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ทำให้ระบบเคเบิลใต้น้ำ PS ไม่สามารถใช้งานได้ตามแผนที่ได้ออกแบบไว้
จึงมีความจำเป็นต้องปรับปรุงโครงข่ายซึ่งมีผลกระทบต่อวงเงินงบประมาณและระยะเวลาดำเนินงาน และกิจกรรมย่อยที่ ๓
การลงทุนก่อสร้างระบบโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำเส้นใหม่มีกรอบระยะเวลาตามสัญญาก่อสร้างระบบเคเบิลใต้น้ำ
ADC ที่แตกต่างจากที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบ
โดยขอขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการกิจกรรมย่อยที่ ๓ จากปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เป็น พ.ศ.
๒๕๖๕ ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสำนักงบประมาณที่เห็นว่า (๑)
ควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับดูแล
การดำเนินการโครงการดังกล่าวให้เป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่กำหนดไว้
เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด (๒)
การดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ควรดำเนินการอย่างระมัดระวัง
โดยคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ดำเนินการ
และควรกำหนดมาตรการและแนวทางในการป้องกันและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
รวมถึงแนวทางในการฟื้นฟูระบบนิเวศไว้ด้วย และ (๒)
การดำเนินโครงการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน กิจกรรมที่ ๒ (ASEAN
Digital Hub) จะสามารถรองรับความต้องการใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น
จึงเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ |
||||||||||||||||||||||||||||||
9960 | ขออนุมัติปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ จากรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ได้กันเงินไว้และไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทัน มาดำเนินรายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดินเพื่อการชลประทาน | กษ. | 01/09/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติให้กรมชลประทานปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
จากรายการที่ได้มีการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณและได้กันเงินไว้ตามระเบียบเกี่ยวกับการเบิกจ่ายเงินจากคลัง
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๒) ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันภายในวันที่ ๓๐ กันยายน
๒๕๖๓ จำนวน ๑๖ รายการ วงเงินรวม ๑,๐๕๙.๑๙๓๐ ล้านบาท มาดำเนินการในงบลงทุน
ที่ดินและสิ่งก่อสร้าง รายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดิน
จำนวน ๙ รายการ วงเงินรวม ๑,๐๕๙.๑๙๓๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กรมชลประทาน) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติที่เห็นควรปฏิบัติตามกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ มติคณะรัฐมนตรี และหนังสือเวียนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนมาตรฐานของทางราชการให้ถูกต้องครบถ้วนในทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ รวมทั้งควรดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ในการปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณจากรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่ได้กันเงินไว้และไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทัน
มาดำเนินรายการค่าซื้อที่ดิน ค่าทดแทน
ค่ารื้อย้ายในการจัดหาที่ดินเพื่อการชลประทาน และควรเร่งรัดดำเนินโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณให้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้
โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนตั้งแต่เริ่มโครงการ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |