ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 483 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 9641 - 9660 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9641 | ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการให้สารสนเทศด้านน้ำของแม่น้ำล้านช้างตลอดทั้งปีโดยประเทศจีน แก่ประเทศสมาชิกคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำ ของกรอบความร่วมมือแม่โขง - ล้านช้าง และร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการแบ่งปันสารสนเทศความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำของแม่โขง - ล้านช้าง | นร.14 | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการให้สารสนเทศด้านน้ำของแม่น้ำล้านช้างตลอดทั้งปีโดยประเทศจีนแก่ประเทศสมาชิกคณะทำงานร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำ
(Joint Working Group on Water Resources : JWG) ของกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
(Mekong-Lancang Cooperation : MLC) รวมทั้งร่างหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยการจัดตั้งกลไกการแบ่งปันสารสนเทศความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำของแม่โขง-ล้านช้าง
และอนุมัติให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
และร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพยากรน้ำภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง
และตอบสนองความจำเป็นในการบรรเทาอุทกภัยและภัยพิบัติของประเทศบนแม่น้ำโขง
โดยคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำของฝ่ายจีนตกลงที่จะส่งข้อมูลด้านอุทกวิทยาของแม่น้ำล้านช้างตลอดปีให้กับคณะทำงานร่วมสาขาทรัพยากรน้ำของประเทศสมาชิกอีก
๕ ประเทศ ดำเนินการโดยยึดหลักความร่วมมือฉันท์มิตร ประโยชน์ร่วมกัน การไว้ใจซึ่งกันและกัน
และความเสมอภาคกัน
โดยฝ่ายจีนตกลงที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดหาข้อมูลด้านอุทกวิทยา รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งเกิดจากการจัดส่งข้อมูลดังกล่าวให้แก่คณะทำงานร่วมฯ
ส่วนร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนการสร้างแพลตฟอร์มการแบ่งปันข้อมูลความร่วมมือทรัพยากรน้ำแม่โขง-ล้านช้าง
ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
หรือร่างหนังสือแสดงเจตจำนงฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับข้อมูลอุทกวิทยาสำหรับแม่น้ำโขงซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการประเมินสถานการณ์และป้องกันภัยพิบัติต่าง
ๆ ที่อาจเกิดขึ้นแก่ประชาชนบริเวณแม่น้ำโขง
จึงควรพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะผลักดันให้มีการหารือในเรื่องนี้ระหว่างการประชุม MLC
ระดับรัฐมนตรี เพื่อยกระดับความร่วมมือให้มีสถานะเป็นสนธิสัญญา
ซึ่งหากมีการละเมิดพันธกรณีตามสนธิสัญญา ก็จะมีความรับผิดของรัฐ (State
Responsibility) ไปพิจารณาดำเนินการด้วย ๓.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9642 | แนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ พ.ศ. 2563-2565 | นร.10 | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๕ เพื่อเป็นกรอบแนวทางสำคัญให้บุคลากรภาครัฐ ส่วนราชการ
และหน่วยงานภาครัฐนำไปดำเนินการด้านการพัฒนาบุคลากรภาครัฐให้เป็นทิศทางเดียวกัน โดยมีสาระสำคัญครอบคลุม
๓ ประเด็น ได้แก่ (๑)
ระบบนิเวศในการทำงานส่งเสริมและสนับสนุนการเรียนรู้และการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
(๒) พัฒนากรอบทักษะ เพื่อการทำงานในยุคดิจิทัลและศตวรรษที่ ๒๑
และการสร้างนวัตกรรมที่ตอบสนองต่อการขับเคลื่อนภารกิจตามแผนการปฏิรูปประเทศ
แผนยุทธศาสตร์ชาติ ตลอดจนการพัฒนาระบบราชการในอนาคต และ (๓)
ปลูกฝังบุคลากรภาครัฐให้มีกรอบความคิดในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง การมุ่งเน้นประโยชน์ส่วนรวมและทำงานบนหลักคุณธรรม
ประยุกต์หลักสากลอย่างเหมาะสม
และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในบริบทที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ.ร. และฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
เช่น (๑) ควรพิจารณาจัดการพัฒนาที่เป็นส่วนกลางร่วมด้วย
เนื่องจากการมอบแนวทางให้แต่ละส่วนงานดำเนินการเองนั้น
อาจดำเนินการได้ไม่ครบถ้วนถูกต้องและไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน (๒) ควรพิจารณาบูรณาการหรือผสานแนวทางการดำเนินงานตามแนวทางพัฒนาบุคลากรภาครัฐฯ
ร่วมกับแนวทางการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ (พ.ศ.
๒๕๖๑-๒๕๖๕) (๓) ควรจัดทำคำอธิบายและคำนิยามของตัวชี้วัดส่วนราชการและหน่วยงานภาครัฐ
หลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินผล
รวมทั้งเครื่องมือการวัดผลที่สะท้อนการปฏิบัติงานตามตัวชี้วัดได้อย่างชัดเจน และ (๓)
แต่ละหน่วยงานควรเชื่อมโยงการประเมินผลการเรียนรู้และพัฒนาตนเองของบุคลากรกับระบบประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปี
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๓. สำหรับภาระงบประมาณที่เกิดจากการดำเนินงานตามแนวทางการพัฒนาบุคลากรภาครัฐฯ
ให้หน่วยงานภาครัฐจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ประกอบการขอรับจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9643 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ 13/2563 | นร.04 | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๑๓/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) สถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒)
ความคืบหน้าการพัฒนาและผลิตวัคซีนโรคโควิด-19 (๓)
การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามแนวชายแดน (๔) ความคืบหน้าการดำเนินมาตการผ่อนคลายการบังคับใช้กฎหมาย
และ (๕)
การพิจารณาขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
(คราวที่ ๗) (๖) การขอเพิ่มจำนวนที่นั่งสำหรับผู้ชมกีฬา (๗) การใช้ Smart
Band สำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
และ (๘) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ตามที่สำนักเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19
เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9644 | รายงานผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง ครั้งที่ 1/2563 | นร15 | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (คณะกรรมการ ป.ย.ป.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่
๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓
ซึ่งที่ประชุมได้มีมติพิจารณาแนวทางในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ
ได้แก่ (๑) เห็นชอบแนวทางการดำเนินงานของสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) (๒)
เห็นชอบในหลักการให้ยกเลิกคณะกรรมการ ๕ คณะ และ (๓)
เห็นชอบในหลักการในการปรับปรุงกลไกการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามมติคณะกรรมการ ป.ย.ป.
และประสานสำนักงาน ป.ย.ป. ต่อไป ตามที่สำนักงาน ป.ย.ป. เสนอ ทั้งนี้ ให้สำนักงาน
ป.ย.ป.
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อเสนอแนะของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงศึกษาธิการ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ เช่น
การเชื่อมโยงบูรณาการข้อมูลเรื่องร้องทุกข์จำเป็นต้องมีหน่วยงานหลักเป็นเจ้าภาพกำหนดแพลตฟอร์มกลางที่หน่วยงานจำเป็นต้องใช้ร่วมกันได้
รวมทั้งควรกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จของการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์
และควรให้แต่ละหน่วยงานสนับสนุนกลุ่มกำลังคนคุณภาพรุ่นใหม่ เช่น นักเรียนทุนรัฐบาล
ข้าราชการผู้มีผลสัมฤทธิ์สูง (HIPPs) และนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่
(นปร.) เข้าร่วมกลุ่มขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ
และการสร้างความสามัคคีปรองดอง เพื่อขับเคลื่อนงานด้านการปฏิรูปประเทศ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒. ให้สำนักงาน
ป.ย.ป. พิจารณาปรับปรุงแบบการรายงานข้อมูลผลการปฏิบัติงานและผลสัมฤทธิ์ของทุกส่วนราชการ
โดยจำแนกตามแต่ละด้านของยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐) และให้มีรายละเอียดที่ครบถ้วน
ชัดเจน และเป็นรูปธรรม เช่น เป้าหมาย แนวทาง/วิธีการ สถานที่ งบประมาณ ระยะเวลา
และกลุ่มผู้ได้รับประโยชน์ แล้วแจ้งให้ทุกส่วนราชการรายงานผลการปฏิบัติงานตามรูปแบบดังกล่าวอย่างเคร่งครัด
และให้สำนักงาน ป.ย.ป. รวบรวมผลการปฏิบัติงานในภาพรวมเสนอต่อคณะรัฐมนตรีทราบทุก ๆ
๓ เดือน รวมทั้งให้สำนักงาน ป.ย.ป.
เผยแพร่ข้อมูลผลการปฏิบัติงานดังกล่าวและสร้างการรับรู้แก่สาธารณชนให้ถูกต้องและทั่วถึงด้วย ๓. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพิจารณาปรับปรุงแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับการรับเรื่องร้องเรียน/ร้องทุกข์จากประชาชนของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าใช้งานได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
รวมทั้งเพื่อให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องสามารถประสานและเชื่อมโยงเพื่อนำข้อมูลการร้องเรียน/ร้องทุกข์ดังกล่าวไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง
เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างรวดเร็วและเกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
ทั้งนี้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเร่งรัดการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม
๒๕๖๓ ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9645 | การขยายระยะเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร | นร.08 | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร
ตั้งแต่วันที่ ๑-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ๒.
เห็นชอบและรับทราบร่างประกาศ รวม ๓ ฉบับ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๒.๑ เห็นชอบร่างประกาศ เรื่อง
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๗) และร่างประกาศ เรื่อง
การให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๒.๒ รับทราบร่างประกาศ เรื่อง การให้ข้อกำหนด
ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ๓.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9646 | ประกาศ เรื่อง ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่ กรุงเทพมหานคร ประกาศ ข้อกำหนด และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง | นร.05 | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบประกาศ
เรื่อง ยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร
ประกาศ ข้อกำหนด และคำสั่งที่เกี่ยวข้อง ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ เวลา ๑๒.๐๐ น. เป็นต้นไป
และได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ฉบับประกาศและงานทั่วไป เล่ม ๑๓๗ ตอนพิเศษ ๒๔๘ ง
วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ แล้ว ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9647 | รัฐบาลสาธารณรัฐฝรั่งเศสเสนอขอแต่งตั้งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทย (นายตีแยรี มาตู) | กต. | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นายตีแยรี มาตู (Mr.Thierry Mathou)
ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสประจำประเทศไทยคนใหม่
โดยมีถิ่นพำนัก ณ กรุงเทพมหานคร สืบแทน นายฌาก ลาปูฌ (Mr.
Jacques Lapouge) ซึ่งครบวาระการดำรงตำแหน่ง
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9648 | ผลการเจรจากับสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักร กรณีการจัดทำตารางข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลกของสหภาพยุโรป และสหราชอาณาจักร อันเป็นผลเนื่องมาจากการออกจากสมาชิกภาพสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) | พณ. | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างความตกลงระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหภาพยุโรป
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยน (Exchange of Letter) ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหราชอาณาจักร
รวม ๒ ฉบับ โดยร่างความตกลงฯ
เป็นการจัดสรรปริมาณโควตาของสินค้าโควตาภาษีที่สหภาพยุโรปจัดสรรให้แก่ไทย
ภายหลังระยะเวลาเปลี่ยนผ่านการออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร
ซึ่งแต่เดิมการจัดสรรปริมาณโควตาของสหภาพยุโรปได้รวมสัดส่วนของสหราชอาณาจักรอยู่ด้วย
ตารางการจัดสรรสัดส่วนใหม่นี้จะไม่รวมถึงปริมาณโควตาของสหราชอาณาจักร
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ
เป็นการจัดสรรปริมาณโควตาของสินค้าโควตาภาษีที่สหราชอาณาจักรจัดสรรให้แก่ไทยภายหลังระยะเวลาเปลี่ยนผ่านการออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร
โดยมีปริมาณโควตาเท่ากับสัดส่วนที่เหลือจากการจัดสรรของสหภาพยุโรป
และไทยตกลงจะถอนการคัดค้านตารางข้อผูกพันของสหราชอาณาจักรทั้งหมดอย่างเป็นทางการด้วยวิธีแจ้งเป็นจดหมายถึงสำนักเลขาธิการองค์การการค้าโลก
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
แล้วเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๗๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ๒.
อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกหรือผู้แทนลงนามย่อกำกับในร่างความตกลงฯ
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขร่างความตกลงฯ และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒
ฉบับดังกล่าว ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของไทย ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๓.
อนุมัติให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในความตกลงฯ
และหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ภายหลังจากที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบแล้ว ๔. ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม
(Full Powers) ให้เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกหรือผู้แทนลงนามในร่างความตกลงฯ
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว ๕. ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการแจ้งสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรว่าไทยได้ดำเนินการตามขั้นตอนภายในสำหรับการมีผลใช้บังคับร่างความตกลงระหว่างไทยกับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหภาพยุโรป
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยน (Exchange of Letter) ระหว่างไทยกับสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับการจัดสรรปริมาณสินค้าที่มีโควตาภาษีของสหราชอาณาจักร
รวม ๒ ฉบับ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว เมื่อรัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบร่างความตกลงฯ
และร่างหนังสือแลกเปลี่ยนฯ รวม ๒ ฉบับดังกล่าว แล้ว
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9649 | ขออนุมัติเพิ่มจำนวนกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคตามพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และแต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค | มท. | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอ
ดังนี้ ๑. ให้คณะกรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๕ คน (นับรวมประธานกรรมการ กรรมการ
และผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา ๖ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๑๘ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ๒. แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรรมการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
จำนวน ๑๑ คน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมติ (๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ดังนี้ ๒.๑ นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ประธานกรรมการ ๒.๒
นายยอดพจน์ วงศ์รักมิตร กรรมการ ๒.๓
นายดนุชา พิชยนันท์ กรรมการ ๒.๔
นายศักดิ์ เสกขุนทด กรรมการ ๒.๕
เรืออากาศโท กมลนัย ชัยเฉนียน กรรมการ ๒.๖
นายนิกร สุศิริวัฒนนนท์ กรรมการ ๒.๗
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ กรรมการ ๒.๘
นายเชวง ไทยยิ่ง กรรมการ ๒.๙
พลตำรวจตรี วิวัฒน์ ชัยสังฆะ กรรมการ ๒.๑๐
นายพนิต ธีรภาพวงศ์ กรรมการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9650 | การแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร | กค. | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้คณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
มีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๑๕ คน (นับรวมประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ กรรมการซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้ง
และผู้จัดการซึ่งเป็นกรรมการและเลขานุการโดยตำแหน่ง) ตามมาตรา ๖ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ๒๕๑๘
ที่แก้ไขเพิ่มเติม และแต่งตั้งรองประธานกรรมการและกรรมการในคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
จำนวน ๓ คน แทนรองประธานกรรมการและกรรมการเดิมที่ลาออก โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ทั้งนี้
ผู้ที่ได้รับแต่งตั้งแทนนี้อยู่ในตำแหน่งตามวาระของผู้ซึ่งตนแทน ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑. นายทองเปลว กองจันทร์
รองประธานกรรมการ ๒. นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง กรรมการ ผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ๓. นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ กรรมการ ผู้แทนกรมส่งเสริมสหกรณ์
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9651 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นายเสข วรรณเมธี ) | กต. | 28/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๖ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง สับเปลี่ยนหมุนเวียน และทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายเสข วรรณเมธี ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงบรัสเซลส์ ราชอาณาจักเบลเยียม ๒. นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต คณะผู้แทนถาวรไทย
ประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวา สมาพันธรัฐสวิส ๓. นายชาตรี อรรจนานันท์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงเฮก ราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ ๔. นายฉัตรชัย วิริยเวชกุล ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการกงสุล ๕. นางสาวภัทรัตน์
หงษ์ทอง ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต
ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ๖. นางอุรีรัชต์ เจริญโต ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9652 | ร่างกฎกระทรวงการแก้ไขอาคารที่มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย หรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญ หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. .... | มท. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงการแก้ไขอาคารที่มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นภยันตรายต่อสุขภาพ
ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัย หรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญ
หรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์
วิธีการ
และเงื่อนไขเกี่ยวกับการแก้ไขระบบความปลอดภัยเกี่ยวกับอัคคีภัยของอาคารเก่าที่มีสภาพหรือมีการใช้ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ชีวิต ร่างกาย
หรือทรัพย์สินหรืออาจไม่ปลอดภัยจากอัคคีภัยหรือก่อให้เกิดเหตุรำคาญหรือกระทบกระเทือนต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้มีความปลอดภัยต่อการใช้สอยอาคารมากยิ่งขึ้นและมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการณ์ในปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9653 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 [แก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522] | มท. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๕๕ (พ.ศ. ๒๕๔๓)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
โดยแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามและกำหนดระยะห่างจากเขตที่ดินของสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่นเป็นอาคาร
รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมบทนิยามและกำหนดระยะห่างจากเขตที่ดินของสิ่งที่สร้างขึ้นอย่างอื่นเป็นอาคาร
รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์บางประการเพื่อให้ห้องแถว ตึกแถว
หรือบ้านแถวซึ่งมีสภาพทรุดโทรมสามารถดัดแปลงหรือรื้อถอนอาคารเพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ทดแทนอาคารเดิมได้
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9654 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอ้นุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ พ.ศ. ๒๕๕๒ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อกำหนดปริญญาในสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ และอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา รวมทั้งสีประจำสาขาวิชาดังกล่าวเพิ่มขึ้น
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9655 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยลำพอก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | กษ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง รวม ๒ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยเสนง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยเสนง
จากศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลเฉนียง
และตำบลนอกเมือง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๒๔.๓๐๐
ในท้องที่ตำบลคอโค และตำบลท่าสว่าง อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยลำพอก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานห้วยลำพอก
จากศูนย์กลางเขื่อนดินอ่างเก็บน้ำห้วยลำพอก กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลยาง
และตำบลกุดหวาย อำเภอศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๒๖.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลเกาะแก้ว และตำบลสำโรงทาบ อำเภอสำโรงทาบ จังหวัดสุรินทร์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9656 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลบางใหญ่ ตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ ตำบลบางคูเวียง ตำบลปลายบาง ตำบลศาลากลาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... | คค. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบางใหญ่ ตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ ตำบลบางคูเวียง ตำบลปลายบาง
ตำบลศาลากลาง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล
จังหวัดนครปฐม พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลบางใหญ่ ตำบลบางม่วง อำเภอบางใหญ่ ตำบลบางคูเวียง ตำบลปลายบาง ตำบลศาลากลาง
อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และตำบลศาลายา อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม
เพื่อสร้างทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท นฐ. ๕๐๓๕ กับทางหลวงชนบท นบ.
๑๐๒๐ (ถนนนครอินทร์)
เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อให้ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องได้มาโดยแน่ชัด
อันจะเป็นการอำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่ง ซึ่งเป็นกิจการสาธารณูปโภค
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติทำให้ระบายน้ำไม่ทันและอาจเกิดอุทกภัยในอนาคต
รวมทั้งควรพิจารณาผลกระทบต่อปริมาณจราจรของโครงการทางหลวงพิเศษสายบางใหญ่-กาญจนบุรี
และปริมาณผู้โดยสารของโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา)
ตลอดจนจัดลำดับความสำคัญของการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่โครงการฯ
โดยสนับสนุนให้เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9657 | รายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์ ประจำเดือนมิถุนายน - สิงหาคม 2563 | นร.02 | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ของโฆษกกระทรวง
โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี และผลการดำเนินงานประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อของกรมประชาสัมพันธ์
ประจำเดือนมิถุนายน-สิงหาคม ๒๕๖๓ และมอบหมายให้โฆษกกระทรวง
โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี
แถลงข่าวและชี้แจงในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภารกิจของกระทรวงอย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ในประเด็นมาตรการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-๑๙
เช่น การเพิ่มเงินช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง การชดเชยรายได้ให้ผู้ประกันตน
การขยายเวลายกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ควบคู่ไปกับการเน้นการประชาสัมพันธ์การทำงานรูปแบบใหม่ (New Normal) ตามแนวคิด “รวมไทยสร้างชาติ” ผ่านสื่อในช่องทางต่าง
ๆ นอกจากนี้ กรมประชาสัมพันธ์ได้มอบหมายให้ Admin Pape และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตอบชี้แจงประเด็นข้อสงสัยของประชาชน
พร้อมดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้เข้าใจถึงความจำเป็นในการเปิดรับนักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติเข้าประเทศด้วย
ตามที่คณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9658 | ร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา
อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ
และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยปริญญาในสาขาวิชา อักษรย่อสำหรับสาขาวิชา
ครุยวิทยฐานะ เข็มวิทยฐานะ และครุยประจำตำแหน่งของมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง
พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติม
เพื่อกำหนดให้เพิ่มปริญญาในสาขาวิชาเทคโนโลยีและอักษรย่อสำหรับสาขาวิชา
รวมทั้งกำหนดสีประจำสาขาวิชาดังกล่าว ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9659 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยจากโรคติดต่อเชื้อโคโรนาไวรัส COVID-19 และข้อเสนอแนะเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาภาคเกษตรภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติตามสถานการณ์ ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา | สว. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไทยจากโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส COVID-19 และข้อเสนอแนะเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาภาคเกษตรภายใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติตามสถานการณ์
ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา สรุปผลการพิจารณาได้ว่า
การพัฒนาภาคเกษตรควรกำหนดแนวทางการดำเนินการต่าง ๆ ในระยะเฉพาะหน้าเร่งด่วน
โดยการสร้างความตระหนักเรื่องทำการเกษตรอย่างไรให้ปลอดภัยจากโควิด-๑๙
ในฤดูกาลใหม่เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของสินค้าเกษตร
และจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข่าวสารผ่านทางออนไลน์เกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติของเกษตรกรและแรงงานในภาคการเกษตรให้ปลอดภัยจากโควิด-๑๙
ด้วยรูปแบบที่สามารถเข้าใจและเข้าถึงได้ง่าย
ดูแลค่าเช่าที่ดินทำการเกษตรให้เป็นธรรมและช่วยเจรจาผ่อนผันการจัดเก็บค่าเช่าซื้อที่ดินตามความจำเป็น
และสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการผลิตในฤดูกาลใหม่อย่างเพียงพอและคิดดอกเบี้ยในอัตราผ่อนปรน
ส่วนแนวทางปฏิบัติในการดำเนินงานในระยะต่อไปที่ทำอย่างต่อเนื่อง คือ จัดทำ
“ฐานข้อมูลทางด้านการเกษตร” สนับสนุนการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่
และวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อนำไปสู่การใช้ประโยชน์ของรัฐในการกำหนดและบริหารนโยบายเศรษฐกิจการเกษตร
และจัดทำโครงสร้างระบบการสำรวจ ติดตาม เฝ้าระวังศัตรูพืชและศัตรูสัตว์
ทั้งที่มีอยู่เดิมในประเทศและอุบัติใหม่จากต่างประเทศให้สามารถพยากรณ์และแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ
รวมทั้งได้กำหนดแนวทางการปรับปรุงแผนการปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี
ที่เกี่ยวข้องกับด้านการเกษตร โดยมีนโยบายจัดทำ Big Data ภาคเกษตรส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกรสู่การเป็นเกษตรกรปราดเปรือง
เพื่อให้เกษตรกรทุกคนได้รับการพัฒนาเป็นเกษตรกรที่มีความพร้อมรับกับสถานการณ์ด้านการเกษตรที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ตลอดจนส่งเสริมและพัฒนาให้มีการผลิต/แปรรูปสินค้าที่มีคุณภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม
ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9660 | รายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้รับจัดสรรงบประมาณ จำนวน ๒,๐๓๐,๘๘๗,๐๐๐ บาท
และได้จัดทำรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๓ ตามหลักเกณฑ์การวัดของตัวชี้วัดตามแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณตามที่ได้ตกลงกับสำนักงบประมาณ
โดยมีผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ณ สิ้นสุดปีงบประมาณ
จำนวน ๑,๗๗๘,๗๙๕,๔๐๐ บาท คิดเป็นร้อยละ ๘๗.๕๙ ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
|