ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 484 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 9661 - 9680 จากข้อมูลทั้งหมด 123982 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9661 | ขออนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณสำหรับรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 | นร.07 | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. อนุมัติตามที่สำนักงบประมาณเสนอ ดังนี้ ๑.๑ อนุมัติให้หน่วยรับงบประมาณก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการใหม่
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ จำนวน ๑,๓๒๓ รายการ เป็นวงเงินภาระผูกพันรวมทั้งสิ้น ๒๒๓,๒๔๐.๒
ล้านบาท สำหรับรายการที่มีวงเงินรวมตั้งแต่ ๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป จำนวน ๓๒ รายการ วงเงิน
๕๕,๑๖๐.๙ ล้านบาท เมื่อทราบผลประกวดราคาแล้ว เห็นควรให้หน่วยรับงบประมาณนำเสนอนายกรัฐมนตรีทราบอีกครั้งหนึ่งก่อนดำเนินการต่อไป ๑.๒
รายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณที่จะต้องจ่ายในรูปของเงินตราต่างประเทศ เช่น รายการค่าเช่าบ้าน
ค่าเช่าอาคารสำนักงาน และค่าเช่าทรัพย์สินในต่างประเทศ ฯลฯ
ให้สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติวงเงินผูกพันที่เปลี่ยนแปลงไปจากที่ได้รับอนุมัติเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน
ในกรณีที่หน่วยรับงบประมาณสามารถปรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ๑.๓ เพื่อเป็นการเร่งรัดให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายหรือก่อหนี้ผูกพันสำหรับรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีที่เป็นรายจ่ายลงทุนรายการใหม่
ให้หน่วยรับงบประมาณจัดส่งรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ แบบรูปรายการสิ่งก่อสร้าง
ราคากลาง
และรายละเอียดประกอบที่เกี่ยวข้องให้สำนักงบประมาณพิจารณาความเหมาะสมของราคาควบคู่ไปกับการดำเนินกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
และเมื่อได้ผลจัดซื้อจัดจ้างแล้ว หากไม่เกินวงเงินที่สำนักงบประมาณให้ความเห็นชอบ
ให้แจ้งสำนักงบประมาณทราบและดำเนินการทำสัญญาก่อหนี้ผูกพันต่อไปได้
รวมทั้งจัดทำรายงานสถานะภาพการดำเนินงานรายจ่ายลงทุนรายการผูกพันใหม่เมื่อสิ้นไตรมาสที่
๑ ต่อสำนักงบประมาณด้วย ๒. ให้สำนักงบประมาณได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9662 | การขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย - มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย | คค. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบการขอเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการในรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี (PK01)
ขยับจากตำแหน่งเดิมไปทางขวา (ทิศตะวันออก) ประมาณ ๓๓๗ เมตร
มาอยู่บริเวณด้านหน้าซอยรัตนาธิเบศร์ ๔ เพื่อให้ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่อุทยานมกุฏรมยสราญ
และไม่บดบังด้านหน้าอุทยานมกุฏรมยสราญ โดยจะมีการก่อสร้างทางเดินยกระดับ (Skywalk)
พร้อมติดตั้งระบบทางเดินเลื่อนอัตโนมัติ (Walkalator) บนทางเดินยกระดับ ทั้งขาไปและขากลับ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสาร ๑.๒ สถานีนพรัตนราชธานี (PK26)
ขยับตำแหน่งสถานี PK26 จากตำแหน่งเดิมไปทางซ้าย
(ทิศตะวันตก) ของแนวเส้นทางโครงการประมาณ ๓๑๓ เมตร
มาอยู่บริเวณด้านหน้าสนามกีฬาไนติงเกล เนื่องจากกรมทางหลวงได้ดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามทางแยกบริเวณหน้าโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี
(ทางแยกจุดตัดถนนรามอินทรา) ซึ่งเป็นตำแหน่งของสถานี PK26 เดิม
ทำให้ตำแหน่งที่ตั้งของสถานี PK26 มีระยะห่างในแนวดิ่ง (Vertical
Clearance) จากผิวถนนถึงโครงสร้างใต้สถานีไม่เพียงพอตามมาตรฐานของกรมทางหลวงที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า
๕.๕ เมตร ๒. ให้กระทรวงคมนาคม
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
พ.ศ. ๒๕๖๒ อย่างเคร่งครัด เพื่อให้สามารถป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที
(๒)
ให้คำนึงถึงการอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเป็นสำคัญ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง
และระบบขนส่งมวลชนรูปแบบอื่น รวมถึงดำเนินการให้เป็นไปตามขั้นตอน กฎหมาย ระเบียบ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด และ (๓) ให้ความสำคัญกับการกำกับติดตามไม่ให้มีการก่อสร้างต่าง
ๆ ภายในพื้นที่ของโครงการเพิ่มเติม
เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐต่าง ๆ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9663 | การรับรองเอกสารผลการประชุมทางไกลรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ (AMCA) ครั้งที่ 9 และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา | วธ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
ครั้งที่ ๙ (Draft Joint Media Statement of the 9th AMCA) และเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน (The Narrative of ASEAN
Identity) ที่จะมีการรับรองในการประชุมทางไกลรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
(AMCA) ครั้งที่ ๙
และการประชุมที่เกี่ยวข้องกับประเทศคู่เจรจา ในวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองและนโยบายที่มีนัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ๑.๒
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมฯ
รับรองร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
(AMCA) ครั้งที่ ๙ และเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน ๑.๓
อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๔ ร่วมรับรองเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน (The
Narrative of ASEAN Identity) ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ครั้งที่ ๒๔ [24th Meeting of the ASEAN Socio-Cultural Community
(ASCC) Council] ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงข่าวร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนที่กำกับดูแลงานด้านวัฒนธรรมและศิลปะ
(AMCA) ครั้งที่ ๙ และเอกสารว่าด้วยอัตลักษณ์อาเซียน
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
๓. ให้กระทรวงวัฒนธรรมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9664 | ขอความเห็นชอบต่อร่างแถลงการณ์การประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค เรื่อง การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ผ่านระบบการประชุมทางไกล | กษ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแถลงการณ์รัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค เรื่อง การแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเข้าร่วมรับรองร่างแถลงการณ์ฯ
ในการประชุมรัฐมนตรีความมั่นคงอาหารเอเปค ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๒๗
ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยร่างแถลงการณ์ฯ
เป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการดำเนินงานเกี่ยวกับความร่วมมือด้านความมั่นคงอาหารระหว่างสมาชิกเอเปค
และความมุ่งมั่นในการดำเนินมาตรการที่เป็นประโยชน์และมีประสิทธิผลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด
๑๙ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9665 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 8 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 5 ฉบับ) | กษ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
จากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา
หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรวม ๘ ฉบับ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกสมอเซ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกสมอเซ
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๗.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบางเตย อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคู้
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคู้ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่
๒.๒๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนึ่ง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนึ่ง
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร
อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกบางหมู
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกบางหมู จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคลองนครเนื่องเขต อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลหนามแดง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคัดซ้อน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคัดซ้อน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๔๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปราณบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปราณบุรี
จากกิโลเมตรที่ ๓.๔๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน และตำบลเขาจ้าว
อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงกิโลเมตรที่ ๖๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็นน้ำหนองกุง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองกุง ในท้องที่ตำบลส่องดาว
อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแซะ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแซะ
จากศูนย์กลางประตูระบายน้ำคลองท่าแซะ กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคุริง
อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ไปทางเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๑๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหงษ์เจริญ
อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9666 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายอารักษ์ โพธิทัต) | กค. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง
นายอารักษ์ โพธิทัต เป็นข้าราชการการเมือง
ตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๒๐ ตุลาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9667 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 รวม 3 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการประกอบกิจการสถานพยาบาล (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. ....] | สธ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติสถานพยาบาล
พ.ศ. ๒๕๔๑ รวม ๓ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติสถานพยาบาล
พ.ศ. ๒๕๔๑ เกี่ยวกับการกำหนดช่องทางในการยื่นคำขอหรือแจ้งในเรื่องต่าง ๆ
ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การเพิ่มช่องทางการบันทึกประวัติของสถานพยาบาลในสมุดทะเบียนสถานพยาบาลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
การกำหนดให้ยื่นคำขออนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต หรือการชำระค่าธรรมเนียมฯ ให้ยื่น
ณ กองสถานพยาบาลหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
รวมถึงการกำหนดให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการส่งรายงานประจำปีของสถานพยาบาลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการประกอบกิจการสถานพยาบาล (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดให้มีและรายงาน
หลักฐานเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลและผู้ป่วย
และเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9668 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 8 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปราณบุรี เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
จากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา
หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรวม ๘ ฉบับ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกสมอเซ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกสมอเซ
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๗.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบางเตย อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคู้
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคู้ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่
๒.๒๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนึ่ง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนึ่ง
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร
อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกบางหมู
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกบางหมู จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคลองนครเนื่องเขต อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลหนามแดง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคัดซ้อน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคัดซ้อน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๔๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปราณบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปราณบุรี
จากกิโลเมตรที่ ๓.๔๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน และตำบลเขาจ้าว
อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงกิโลเมตรที่ ๖๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็นน้ำหนองกุง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองกุง ในท้องที่ตำบลส่องดาว
อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแซะ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแซะ
จากศูนย์กลางประตูระบายน้ำคลองท่าแซะ กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคุริง
อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ไปทางเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๑๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหงษ์เจริญ
อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9669 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 8 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองกุง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
จากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา
หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรวม ๘ ฉบับ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกสมอเซ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกสมอเซ
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๗.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบางเตย อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคู้
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคู้ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่
๒.๒๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนึ่ง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนึ่ง
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร
อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกบางหมู
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกบางหมู จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคลองนครเนื่องเขต อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลหนามแดง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคัดซ้อน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคัดซ้อน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๔๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปราณบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปราณบุรี
จากกิโลเมตรที่ ๓.๔๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน และตำบลเขาจ้าว
อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงกิโลเมตรที่ ๖๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็นน้ำหนองกุง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองกุง ในท้องที่ตำบลส่องดาว
อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแซะ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแซะ
จากศูนย์กลางประตูระบายน้ำคลองท่าแซะ กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคุริง
อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ไปทางเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๑๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหงษ์เจริญ
อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9670 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 8 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแซะ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
จากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน การประปา
หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพรวม ๘ ฉบับ
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกสมอเซ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกสมอเซ
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๗.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบางเตย อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคู้
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคู้ จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่
๒.๒๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนึ่ง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนึ่ง
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๒.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร
อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกบางหมู
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองแพรกบางหมู จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคลองนครเนื่องเขต อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลหนามแดง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคัดซ้อน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองบึงคัดซ้อน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๓.๔๐๐ ในท้องที่ตำบลคลองอุดมชลจร อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปราณบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำปราณบุรี
จากกิโลเมตรที่ ๓.๔๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองพลับ อำเภอหัวหิน และตำบลเขาจ้าว
อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงกิโลเมตรที่ ๖๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็นน้ำหนองกุง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองกุง ในท้องที่ตำบลส่องดาว
อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแซะ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าแซะ
จากศูนย์กลางประตูระบายน้ำคลองท่าแซะ กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคุริง
อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร ไปทางเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๑๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหงษ์เจริญ
อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9671 | การประชาสัมพันธ์เผยแพร่ผลงานของหน่วยงานและของรัฐบาล | นร. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. การประชาสัมพันธ์ผลงานของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ
ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐนำเสนอข้อมูลผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานในเรื่องต่าง
ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ ผลสัมฤทธิ์
หรือประโยชน์ที่ประชาชนได้รับที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม
โดยอาจจัดทำในรูปแบบของวีดิทัศน์หรือสื่อรูปแบบอื่น ๆ ที่มีความทันสมัย
มีสาระสำคัญที่กระชับ เป็นที่น่าสนใจ และเข้าใจได้ง่าย ทั้งนี้
เรื่องที่จะนำมาเสนอให้พิจารณาเลือกเรื่องที่มีความสำคัญและมีผลกระทบต่าง ๆ
ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง เช่น การช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง การช่วยเหลือเกษตรกร
และการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน เป็นต้น ๒. การประชาสัมพันธ์ผลงานรัฐบาลของกรมประชาสัมพันธ์
ให้กรมประชาสัมพันธ์ประสานงานกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาปรับปรุงแนวทาง
รูปแบบ และสารัตถะของการเผยแพร่ข้อมูลผลงานของรัฐบาลผ่านช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ
ให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
สามารถสร้างการรับรู้ที่ถูกต้องแก่ประชาชนกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ
ได้อย่างรวดเร็วและเท่าทันสถานการณ์มากยิ่งขึ้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9672 | ความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่อง เจ้าท่าที่มีหน้าที่และอำนาจในการรื้อถอนอาคารหรือสิ่งอื่นใดล่วงล้ำลำแม่น้ำตามคำพิพากษาของศาล | นร.09 | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9673 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 รวม 3 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการสถานพยาบาล (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. ....] | สธ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติสถานพยาบาล
พ.ศ. ๒๕๔๑ รวม ๓ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติสถานพยาบาล
พ.ศ. ๒๕๔๑ เกี่ยวกับการกำหนดช่องทางในการยื่นคำขอหรือแจ้งในเรื่องต่าง ๆ
ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การเพิ่มช่องทางการบันทึกประวัติของสถานพยาบาลในสมุดทะเบียนสถานพยาบาลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
การกำหนดให้ยื่นคำขออนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต หรือการชำระค่าธรรมเนียมฯ ให้ยื่น
ณ กองสถานพยาบาลหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
รวมถึงการกำหนดให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการส่งรายงานประจำปีของสถานพยาบาลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการประกอบกิจการสถานพยาบาล (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดให้มีและรายงาน
หลักฐานเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลและผู้ป่วย
และเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9674 | ร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 รวม 3 ฉบับ [ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดให้มีและรายงาน หลักฐานเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลและผู้ป่วย และเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. ....] | สธ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติสถานพยาบาล
พ.ศ. ๒๕๔๑ รวม ๓ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงที่ออกตามความในพระราชบัญญัติสถานพยาบาล
พ.ศ. ๒๕๔๑ เกี่ยวกับการกำหนดช่องทางในการยื่นคำขอหรือแจ้งในเรื่องต่าง ๆ
ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ การเพิ่มช่องทางการบันทึกประวัติของสถานพยาบาลในสมุดทะเบียนสถานพยาบาลในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์
การกำหนดให้ยื่นคำขออนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต หรือการชำระค่าธรรมเนียมฯ ให้ยื่น
ณ กองสถานพยาบาลหรือผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
รวมถึงการกำหนดให้ผู้รับอนุญาตและผู้ดำเนินการส่งรายงานประจำปีของสถานพยาบาลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๑. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการประกอบกิจการสถานพยาบาล (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ๒. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการดำเนินการสถานพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ๓. ร่างกฎกระทรวงว่าด้วยการจัดให้มีและรายงาน
หลักฐานเกี่ยวกับผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลและผู้ป่วย
และเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการรักษาพยาบาล (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9675 | สรุปมติการประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ครั้งที่ 1/2563 | นร. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบสรุปมติคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช
ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๓ รวมทั้งเห็นชอบการเปิดตลาดและบริหารการนำเข้าสินค้ากากถั่วเหลือง
พิกัดอัตราศุลกากร ๒๓๐๔.๐๐.๙๐ รหัสย่อย ๐๒
เฉพาะที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเพื่อมนุษย์บริโภค (รหัสสถิติ ๐๐๒/KGM) และรหัสย่อย ๒๙ เฉพาะที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ (รหัสสถิติ ๐๙๐/KGM)
คราวละ ๓ ปี คือ ปี ๒๕๖๔-๒๕๖๖ และเห็นชอบมาตรการปกป้องพิเศษ
(Special Safeguard Measure :
SSG) ภายใต้ความตกลงองค์การการค้าโลก (World
Trade Organization : WTO) และความตกลงการค้าเสรีอาเซียน (ASEAN
Free Trade : AFTA) สำหรับสินค้ามะพร้าว ปี ๒๕๖๓
ตามที่รองนายกรัฐมนตรี (นายจุรินทร์ ลักษณ์วิศิษฏ์)
ประธานกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืชเสนอ ๒. ให้คณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช กระทรวงการคลัง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรกำกับดูแลการนำเข้าให้เป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่กำหนด
รวมทั้งเข้มงวดกับการป้องกันการลักลอบนำเข้ามะพร้าวและผลิตภัณฑ์มะพร้าวที่ผิดกฎหมาย
เพื่อมิให้กระทบกับเกษตรกรชาวสวนมะพร้าวในประเทศ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9676 | ผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.) ครั้งที่ 1/2563 | กษ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
รับทราบและเห็นชอบตามมติการประชุมคณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง
(กปส.) ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีมติรับทราบ จำนวน ๗
เรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาการใช้พื้นที่ตามแนวทางการดำเนินงานของโครงการหลวง
และการจัดประชุมวิชาการนานาชาติ ด้านการพัฒนาเกษตรที่สูงอย่างยั่งยืนตามพระราชปณิธานสืบสาน
รักษา และต่อยอดงานโครงการหลวง เป็นต้น และเรื่องพิจารณา จำนวน ๓ เรื่อง ได้แก่
การปรับแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง พ.ศ. ๒๕๕๐
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบของ กปส. เพื่อให้สอดคล้องกับระบบการบริหารงานและการดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวงในปัจจุบัน
การขอสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง
และกรอบคำของบประมาณของหน่วยงานต่าง ๆ
ที่สนับสนุนงานโครงการหลวงและโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามที่ กปส. เสนอ ๒. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องกับงานโครงการหลวง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
โดยระเบียบดังกล่าวเป็นการปรับปรุงแก้ไของค์ประกอบของ กปส. โดยเพิ่ม ๕ ตำแหน่ง และปรับออก ๒ ตำแหน่ง
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.
สำหรับการขอรับสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมสำหรับการก่อสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวงจากรัฐบาล
ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ผ่านสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๑๐๕,๗๐๐,๐๐๐ บาท
เห็นควรให้มูลนิธิโครงการหลวงจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
ตามแนวทางการจัดทำงบประมาณและปฏิทินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน และการบูรณาการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
พร้อมรายละเอียด
ส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามความจำเป็นและความเหมาะสม ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9677 | ขออนุมัติท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย ครั้งที่ 4 และการปรับปรุงแก้ไขบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซีย | พณ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการด้านการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจไทย-สหพันธรัฐรัสเซีย
ครั้งที่ ๔ และหากในการประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ ดังกล่าว มีผลให้มีการตกลงในเรื่องความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าในประเด็นอื่น
ๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าสองฝ่าย
โดยไม่มีการจัดทำเป็นความตกลงหรือหนังสือสัญญาขึ้นใหม่ ให้กระทรวงพาณิชย์และผู้แทนไทยที่เข้าร่วมการประชุมสามารถดำเนินการได้และนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ
รวมทั้งเห็นชอบและอนุมัติให้มีการลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการขยายความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกระทรวงพาณิชย์ของราชอาณาจักรไทยและกระทรวงการพัฒนาเศรษฐกิจของสหพันธรัฐรัสเซีย
(Memorandum of Understanding on Extension of Trade and Economic
Cooperation Between the Ministry of Economic Development of the Russian
Federation and the Ministry of Commerce of the Kingdom of Thailand) และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยท่าทีไทยสำหรับการประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท่าทีของไทยในด้านต่าง ๆ อาทิ
การส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน การขยายความร่วมมือในระดับพหุภาคีและภูมิภาค
และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน ส่วนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจ
การส่งเสริมกิจกรรมระหว่างภาคธุรกิจ
การพิจารณาแนวทางเพิ่มมูลค่าการค้าและลดอุปสรรคทางการค้า
ตลอดจนการอำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างสองประเทศ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์รับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่ควรเน้นย้ำการหารือในสี่ประเด็นหลัก
คือ (๑) การเร่งรัดการอำนวยความสะดวกและลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน
โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าเกษตรสำคัญของไทยที่มีศักยภาพในตลาดรัสเซีย อาทิ
สินค้าประมงและปศุสัตว์ (๒)
การเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้แก่กลุ่ม SMEs
ของทั้งสองฝ่าย เพื่อเพิ่มโอกาสในการดำเนินธุรกิจ
รวมถึงการแลกเปลี่ยนข้อมูลเชิงลึกโดยเฉพาะด้านกฎระเบียบ (๓)
การส่งเสริมกิจกรรมการท่องเที่ยวระหว่างกันที่สอดรับกับวิถีชีวิตใหม่ (New
Normal) และ (๔) การเพิ่มโอกาสในการพัฒนาความร่วมมือด้านอื่น ๆ
ที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพ อาทิ การพัฒนาพลังงานทดแทน
และการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ ซึ่งอาจขยายไปสู่การพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคอุบัติใหม่ร่วมกัน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
ให้กระทรวงพาณิชย์ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9678 | มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2563 (ครั้งที่ 150) | พน. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
รับทราบและเห็นชอบมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ (ครั้งที่
๑๕๐) เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๓
ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติในเรื่องเชิงนโยบายที่สำคัญและได้รับรองมติการประชุมเรียบร้อยแล้ว
จำนวน ๑๐ เรื่อง ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ พิจารณา จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑)
ร่างแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ (Alternative
Energy Development Plan 2018 : AEDP2018) (๒)
ร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐ ฉบับปรับปรุงครั้งที่ ๑ (Power
Development Plan : PDP2018 Rev.1) (๓) ร่างแผนอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.
๒๕๖๑-๒๕๘๐ (Energy Efficiency Plan : EEP2018) (๔) ร่างแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑-๒๕๘๐
(Gas Plan 2018) (๕)
แผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิงและแผนยุทธศาสตร์กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
พ.ศ. ๒๕๖๓-๒๕๖๗ ซี่งเป็นแผนระดับ ๓ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ เรื่อง แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี ๑.๒ รับทราบ
จำนวน ๕ เรื่อง ได้แก่ (๑) แนวทางการส่งเสริมพื้นที่ติดตั้งสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้า
(EV Charging Station Mapping) (๒)
การศึกษาอัตราค่าไฟฟ้าและการจัดการระบบจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าของยานยนต์ไฟฟ้า
(๓) โครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (ERC
Sandbox) (๔)
การกำหนดอัตราส่งเงินเข้ากองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และ (๕)
ขอปรับปรุงหลักการและรายละเอียดโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ๒. ให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ข้อเสนอแนะของกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น
ควรให้กระทรวงพลังงานจัดทำแผนแบบบูรณาการให้เป็นแผนพัฒนาด้านพลังงานของประเทศไทย
๑ แผน รวมทั้งกำหนดเป้าหมายในช่วงระยะ
๕ ปี ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาของแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
และนำผลการพิจารณาทบทวนแผนดังกล่าวเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติภายใน
๖ เดือน เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงพลังงานรับไปพิจารณาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สามารถบูรณาการแผนด้านพลังงานต่าง
ๆ ให้เป็นเอกภาพและนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นแผนเดียว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9679 | ร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2503 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2522 จำนวน 4 ฉบับ | พณ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงที่ออกตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก
พ.ศ. ๒๕๐๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.
๒๕๒๒ จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน
และเงื่อนไขในการปฏิบัติของผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน พ.ศ. .... (๒) ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอรับอนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า
และเงื่อนไขในการปฏิบัติของผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า พ.ศ. .... (๓)
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอรับอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า
และเงื่อนไขในการปฏิบัติของผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า พ.ศ. .... และ (๔)
ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าธรรมเนียม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอรับอนุญาตเป็นผู้ประกอบธุรกิจตรวจสอบมาตรฐานสินค้า
หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการขอรับอนุญาตเป็นผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า
เพื่อยกระดับการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ตลอดจนยกเว้นค่าธรรมเนียมคำร้องขอและค่าแบบพิมพ์คำร้องขอเพื่อรองรับระบบอิเล็กทรอนิกส์
รวมทั้งเป็นการอำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เช่น ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการขอจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซี่งสินค้ามาตรฐานและเงื่อนไขในการปฏิบัติของผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน
พ.ศ. .... ข้อ ๓ วรรคท้าย กรณียกเว้นคุณสมบัติของผู้ยื่นจดทะเบียนเป็นผู้ทำการค้าขาออกซึ่งสินค้ามาตรฐาน
ในข้อ ๓ (๑) (๒) และ (๓) หากยกเว้นให้ผู้ประกอบการ SME เช่นเดียวกับวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจเพื่อสังคมจะเป็นประโยชน์อย่างมาก
ซึ่งจะมีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล และมีขนาดแตกต่างกันตามจำนวนรายได้และจำนวนการจ้างงานตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.
๒๕๔๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้น ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงพาณิชย์รับข้อคิดเห็น
ข้อสังเกต และข้อเสนอแนะเพิ่มเติมบางประการของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรมไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9680 | (ร่าง) แผนขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ พ.ศ. 2562 - 2565 | ศธ. | 20/10/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบ (ร่าง) แผนขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ
พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ ประกอบด้วย ๕ กลยุทธ์ ได้แก่ (๑)
เร่งสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญและประโยชน์ของการนำกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ
(๒) จัดทำต้นแบบการผลิตและพัฒนากำลังคนตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ (๓) เสริมสร้างความร่วมมือและความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงานตามกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ
(๔)
เชื่อมโยงคุณวุฒิในสาขาอาชีพที่จำเป็นสำหรับการพัฒนากำลังคนของประเทศไทยกับประเทศอาเซียนและระดับสากล
และ (๕) จัดทำ ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบ และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
และให้กระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงาน
ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงาน ก.พ.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ เช่น
ควรเพิ่มสาขาอาชีพต้นแบบที่มีความจำเป็นและจัดทำต้นแบบการผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีความชัดเจน
ควรติดตามประเมินผลการดำเนินการเพื่อให้สามารถปรับแนวทางการผลิตและพัฒนากำลังคนได้อย่างเหมาะสมกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงไป
ควรสร้างความรู้ความเข้าใจกับหน่วยงานต่าง ๆ
เพื่อให้เกิดการบูรณาการในทิศทางเดียวกัน รวมทั้งกำหนดเป้าประสงค์และตัวชี้วัดที่สะท้อนให้เห็นผลสัมฤทธิ์ในภาพรวมทั้งระบบ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
ให้กระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งนำแผนขับเคลื่อนกรอบคุณวุฒิแห่งชาติสู่การปฏิบัติ
พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕ ไปปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
เพื่อให้สามารถยกระดับคุณภาพการศึกษาและพัฒนากำลังคนคุณภาพของประเทศได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ |