ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 477 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 9521 - 9540 จากข้อมูลทั้งหมด 123986 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9521 | ผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน ครั้งที่ 24 การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน ครั้งที่ 6 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | กค. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอาเซียน
(ASEAN Finance Ministers’ Meeting : AFMM) ครั้งที่
๒๔ การประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN
Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting : AFMGM) ครั้งที่
๖ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล
เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยมีที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นผู้แทนกระทรวงการคลังเข้าร่วมประชุม
โดยมีประเด็นสำคัญ เช่น (๑) รับทราบสรุปสถานการณ์เศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียนและการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน
วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน การเงินสีเขียวและเศรษฐกิจดิจิทัล
และการสนับสนุนเงินทุนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในอาเซียน
โดยเน้นถึงการสร้างเศรษฐกิจที่มีภูมิต้านทานให้เป็นเป้าหมายหลักของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อเตรียมรับสภาวะความปกติใหม่หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสติดเชื้อโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) คลี่คลายลง (๒) รับทราบประเด็นหลักเพื่อเป็นกรอบการดำเนินการ ปี
๒๕๖๓ ในด้านความร่วมมือด้านการเงินการคลัง ได้แก่ การส่งเสริมการเงินที่ยั่งยืนในอาเซียน
และการส่งเสริมความเชื่อมโยงของระบบการชำระเงินในภูมิภาค และ (๓) การจัดทำแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจของอาเซียนที่ชัดเจน
ครอบคลุม และสามารถใช้ได้จริง เช่น การใช้นโยบายทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสามารถดำเนินต่อได้
การป้องกันความเสี่ยงด้านเครดิตในภาคการเงิน และการสนับสนุนโลจิสติกส์ เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9522 | รายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ปี 2563 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กค. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการประชุมประจำปีสภาผู้ว่าการธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
ปี ๒๕๖๓ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในรูปแบบการประชุมทางไกล ระหว่างวันที่
๑๕-๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๓ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมได้มีการกล่าวถ้อยแถลงในประเด็นต่าง
ๆ เช่น (๑) การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจโลก (๒) แนวนโยบายเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจาก
COVID-19 (๓) การสนับสนุนความช่วยเหลือทางการเงินของกลุ่มธนาคารโลก
เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจแก่ประเทศสมาชิกจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และ (๓) การสนับสนุนการขยายระยะเวลาโครงการพักชำระหนี้ (Debt
Service Suspension Initiative : DSSI) ตามข้อเรียกร้องของธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(International Monetary Fund : IMF) เพื่อเสริมสภาพคล่องทางการเงิน
และขีดความสามารถในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศรายได้น้อย เป็นต้น ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9523 | การยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคมกำหนดอัตราค่าผ่านทางพิเศษในวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษและเลื่อนวันหยุดชดเชยในช่วงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม พ.ศ. 2563 ตามมติคณะรัฐมนตรี | คค. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษตามประกาศกระทรวงคมนาคม
เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษสายบางนา-ชลบุรี)
ทางยกระดับด้านทิศใต้สนามบินสุวรรณภูมิเชื่อมทางพิเศษบูรพาวิถี
และทางเชื่อมต่อทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) กับทางพิเศษบูรพาวิถี
เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษ ประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ
และตามประกาศกระทรวงคมนาคม เรื่อง กำหนดให้ทางพิเศษกาญจนาภิเษก
(บางพลี-สุขสวัสดิ์) และทางพิเศษสายเชื่อมระหว่างถนนวงแหวนอุตสาหกรรม กับทางพิเศษกาญจนาภิเษก
(บางพลี-สุขสวัสดิ์)
เป็นทางต้องเสียค่าผ่านทางพิเศษประเภทของรถที่ต้องเสียหรือยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษ
โดยจะให้มีผลใช้บังคับในช่วงระยะเวลาวันหยุดต่อเนื่องพิเศษและการเลื่อนวันหยุดชดเชยตั้งแต่วันที่
๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ถึงวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๒๔.๐๐
นาฬิกา และตั้งแต่วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ถึงวันที่ ๑๔ ธันวาคม
๒๕๖๓ เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของทั้งสองเส้นทาง ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9524 | รายงานประจำปี 2561 และรายงานประจำปี 2562 ของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา | ศธ. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานประจำปี
๒๕๖๑ และรายงานประจำปี ๒๕๖๒ ของสำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ประกอบด้วย
ผลการดำเนินงานในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ และรอบปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
และรายงานของผู้สอบบัญชีและงบการเงิน สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๑
และสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒
ซึ่งสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบแล้วเห็นว่า
รายงานการเงินดังกล่าวถูกต้องตามที่ควรในสาระสำคัญตามมาตรฐานการบัญชีภาครัฐและนโยบายการบัญชีภาครัฐตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9525 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวัดป่า และตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... | คค. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลวัดป่า
และตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลวัดป่า และตำบลหนองไขว่ อำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์
เพื่อสร้างทางหลวงชนบทถนนสาย ค ตามโครงการผังเมืองรวมเมืองหล่มสัก
จังหวัดเพชรบูรณ์
เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด
รวมทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่งอันเป็นกิจการสาธารณูปโภค
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ก่อนการก่อสร้างทางหลวงชนบททุกเส้นทาง ขอให้กรมทางหลวงชนบทให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงชนบทกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทันและอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรืออุทกภัยต่อไปในอนาคต
รวมทั้งให้กระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาจัดลำดับความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งในพื้นที่ดังกล่าวตามความจำเป็นและเหมาะสม
เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดในพื้นที่เมืองหล่มสักเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงคมนาคมถือปฏิบัติเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนและการขยายถนนต้องสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีผลเป็นการกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติเพียงเท่าที่จำเป็น
และต้องสร้างระบบการระบายน้ำที่เพียงพอต่อการขยายตัวของชุมชนหรือเมืองในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอีก
๑๐-๑๕ ปี ข้างหน้าไปพร้อมกันด้วย
เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาถนนกีดขวางทางน้ำและทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว
ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9526 | ร่างพระราชบัญญัติกักพืช (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | กษ. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ถอนร่างพระราชบัญญัติกักพืช
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ไปพิจารณาทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9527 | ร่างปฏิญญาของประธานของการประชุมระดับรัฐมนตรีของกลุ่มวาระความมั่นคงด้านสุขภาพโลก ครั้งที่ 6 (The 6th GHSA Ministerial Meeting) | สธ. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาของประธานของการประชุมระดับรัฐมนตรีของกลุ่มวาระความมั่นคงด้านสุขภาพโลก
ครั้งที่ ๖ (The 6th GHSA Ministerial Meeting) ที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยวาระความมั่นคงด้านสุขภาพโลก
ครั้งที่ ๖ ผ่านทางประชุมเสมืองจริง (Virtual Meeting) ในวันที่
๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างปฏิญญาฯ
โดยร่างปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการสร้างความตระหนักถึงบทบาทสำคัญของกลไกวาระความมั่นคงด้านสุขภาพโลก
(Global Health Security Agenda : GHSA) ในการจัดการกับข้อจำกัดของสมรรถนะในการรับมือกับภัยคุกคามต่อความมั่นคงด้านสุขภาพโลก
การตระหนักถึงผลกระทบความเสียหายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ และการเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการเสริมสร้างขีดความสามารถทางด้านวิชาการของประเทศสมาชิกในการป้องกัน
ตรวจจับ และตอบโต้ภัยคุกคามจากโรคติดเชื้อ ผ่านกลไกวาระความมั่นคงด้านสุขภาพโลก
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9528 | ผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ ว่าด้วยการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-19 ผ่านระบบการประชุมทางไกล | พณ. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ
ว่าด้วยการตอบสนองต่อสถานการณ์โควิด-๑๙ ผ่านระบบการประชุมทางไกล เมื่อวันที่ ๒๙
กรกฎาคม ๒๕๖๓ ซึ่งที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและความเห็นต่อสถานการณ์โควิด-๑๙
ในอาเซียนและญี่ปุ่น รวมถึงกำหนดทิศทางการดำเนินความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
และที่ประชุมได้ร่วมรับรองแผนปฏิบัติการด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจอาเซียน-ญี่ปุ่น
ที่ได้มีการปรับปรุงจากร่างแผนปฏิบัติการฯ
เดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นการปรับปรุงในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
โดยได้เพิ่มเติมการดำเนินโครงการทางเศรษฐกิจซึ่งญี่ปุ่นขอเสนอเพิ่มเติม จำนวน ๗
โครงการ ได้แก่ (๑) การส่งเสริมความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญา (๒)
การดำเนินโครงการประกันสินเชื่อโดยองค์กรรับประกันแห่งประเทศญี่ปุ่น (Nippon
Export and Investment Insurance : NEXI) (๓)
ความร่วมมือด้านการรับประกันต่อระหว่าง NEXI กับองค์กรสินเชื่อเพื่อการส่งออก
(Export Credit Agency : ECA) ของอาเซียน
(๔) ความร่วมมือด้านการส่งเสริมเมืองอัจฉริยะระหว่างอาเซียนกับญี่ปุ่น (๕)
การจัดตั้งเครือข่ายนวัตกรรมการดูแลสุขภาพ (๖)
โครงการเสริมสร้างศักยภาพการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีพลังงานทดแทน
และ (๗) โครงการสาธิตเกี่ยวกับประสิทธิภาพการใช้พลังงานและเทคโนโลยีพลังงานทดแทนในประเทศสมาชิกอาเซียน
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ
เพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเพื่อพิจารณาดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ เกี่ยวกับ
(๑) ประเด็นการยอมรับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าไร้กระดาษในรูปแบบ Portable
Document Format (PDF) ร่วมกัน นั้น
ระเบียบในปัจจุบันของกรมศุลกากรยังไม่ยอมรับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าไร้กระดาษในรูปแบบ
PDF อย่างไรก็ตาม
กระทรวงการคลังไม่ขัดข้องที่จะร่วมหารือเพื่อส่งเสริมการยอมรับหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าไร้กระดาษในรูปแบบ
PDF โดยขึ้นอยู่กับกฎระเบียบของแต่ละประเทศ (๒)
ประเด็นแพลตฟอร์มการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (DXPE) นั้น
ควรพิจารณาให้มีระบบการติดตามความคืบหน้าการจับคู่ทางธุรกิจและการอำนวยความสะดวกหลังจากการขับคู่ทางธุรกิจเสร็จสิ้นแล้ว
และ (๓)
ประเด็นโครงการสนับสนุนทางการเงินของญี่ปุ่นเพื่อเร่งการขยายธุรกิจในต่างประเทศของธุรกิจเทคโนโลยีด้านการศึกษา
(Ed-Tech) นั้น
ขอเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนและพัฒนาพันธมิตรกับ Ed-tech
Startup ในท้องถิ่นของไทย
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9529 | การบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย 13 (Asian Development Fund 13: ADF 13) | กค. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการบริจาคเงินเพิ่มทุนในกองทุนพัฒนาเอเชีย ๑๓ (Asian
Development Fund 13: ADF 13) ของประเทศไทย
จำนวน ๒.๓๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น ๗๑,๒๑๙,๓๒๐ บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ๑
ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ ๓๐.๒๔ บาท โดยแบ่งชำระออกเป็น ๔ งวด ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔-๒๕๖๗ และมอบหมายให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ สำหรับภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔ เห็นควรให้กระทรวงการคลัง (สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง)
พิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ โอนเงินจัดสรร
หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรรแล้วแต่กรณี ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๒ ในโอกาสแรกก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายในปีต่อ ๆ ไป
เห็นควรจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9530 | ขอความเห็นชอบการรับรองเอกสาร Joint Statement of the Eleventh ASEAN Education Ministers Meeting | ศธ. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสาร
Joint Statement of the Eleventh ASEAN Education Ministers Meeting และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้แทนให้ความเห็นชอบและรับรองร่างเอกสารดังกล่าวในการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียน
ครั้งที่ ๑๑ (11th ASEAN Education Ministers’ Meeting
: ASED) ผ่านระบบการประชุมทางไกล ในวันที่ ๒๐
พฤศจิกายน ๒๕๖๓
โดยร่างเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารที่จะมีการรับรองโดยไม่มีการลงนามในการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียน
ครั้งที่ ๑๑
มีสาระสำคัญเป็นการสนับสนุนแนวคิดหลักเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนการศึกษาในวิถีอาเซียนเพื่อการเสริมสร้างความร่วมมือแบบหุ้นส่วนในยุคที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่าง
ๆ การเห็นพ้องว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฟื้นฟูภูมิภาคภายหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
การยินดีกับการก่อตั้งสภาการเทคนิคอาชีวศึกษาและการฝึกอบรมแห่งอาเซียน
และรับทราบความสำเร็จของการดำเนินการตามแผนงานด้านการศึกษาของอาเซียน ปี ๒๕๕๙-๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงศึกษาธิการได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9531 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | วธ. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร
(องค์การมหาชน) หอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)
และสำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับประเด็นตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเกี่ยวกับกรณีที่สำนักงานกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ตามร่างกฎกระทรวงฯ
เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์
จึงไม่อาจกำหนดให้เป็นหน่วยงานของรัฐตามมาตรา ๖๓/๑๕
แต่สามารถกำหนดให้กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ซึ่งเป็นนิติบุคคลและเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ
เป็นหน่วยงานของรัฐดตามมาตรา ๖๓/๑๕ แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
พ.ศ. ๒๕๓๙ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9532 | ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรฐานขั้นต่ำของสภาพการจ้างในรัฐวิสาหกิจ รวม 3 ฉบับ | รง. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
รวม ๓ ฉบับ ได้แก่ (๑) ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
ยกเลิกประกาศคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ว่าด้วยหลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
ค่าทำศพกรณีตาย อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ค่าช่วยเหลือบุตร
และค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร (๒)
ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง
หลักเกณฑ์การจ่ายค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย
อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายและการเบิกค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย
และกรณีเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤต อันมิใช่เนื่องจากการทำงานให้แก่ลูกจ้าง
ตลอดจนกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าทำศพให้แก่ทายาทของลูกจ้าง และ (๓)
ร่างประกาศคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ เรื่อง หลักเกณฑ์การจ่ายค่าช่วยเหลือบุตร
และค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราการจ่ายค่าช่วยเหลือบุตรและค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตรให้แก่ลูกจ้าง
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เกี่ยวกับการกำหนดให้ค่ารักษาพยาบาลกรณีที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่เกิดขึ้นก่อนวันที่
๑ เมษายน ๒๕๖๐ ให้ สปสช. มีสิทธิได้รับค่ารักษาพยาบาลแทนลูกจ้างเท่าที่ลูกจ้างนั้นมีสิทธิได้รับหรือไม่เกินสิทธิที่นายจ้างกำหนดไว้
นั้น ยังไม่สอดคล้องตามแนวทางการเรียกเก็บที่ สปสช. กำหนด และควรแก้ไขบทนิยาม
“เงินบำรุงการศึกษา” และ “เงินค่าเล่าเรียน”
ให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกาเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาของบุตร พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณที่เห็นควรพิจารณาประมาณการรายจ่ายที่จะเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงอัตราค่าใช้จ่าย
ค่ารักษาพยาบาลกรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย ค่าทำศพกรณีตาย
อันมิใช่เนื่องจากการทำงาน ตลอดจนการจ่ายค่าช่วยเหลือบุตรและค่าช่วยเหลือการศึกษาของบุตร
เพื่อให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งพิจารณาถึงฐานะทางการเงินและความสามารถในการจ่ายขององค์กร
โดยเฉพาะรัฐวิสาหกิจที่ใช้เงินงบประมาณจะต้องจัดทำแผนการบริหารจัดการอัตรากำลังให้มีขนาดที่เหมาะสม
และนำระบบสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการและวางแผนกำลังคนให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบบริหารจัดการภาครัฐ
รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานโดยการเพิ่มรายได้และลดรายจ่าย
เพื่อมิให้มีผลกระทบต่อฐานะทางการเงินขององค์กร และลดภาระงบประมาณในระยะยาว
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9533 | ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ 38 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง | พน. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
ครั้งที่ ๓๘ ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน+๓ (จีน
ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้) ครั้งที่ ๑๗ ร่างถ้อยแถลงร่วมของการประชุมสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานเอเชียตะวันออก
ครั้งที่ ๑๔ และร่างถ้อยแถลงร่วมว่าด้วยโครงการบูรณาการด้านไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาว
ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
(หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) เป็นผู้ให้การรับรองในร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
นี้ ร่วมกับรัฐมนตรีพลังงานของกลุ่มประเทศสมาชิกดังกล่าวได้ โดยร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
เป็นเอกสารที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีพลังงานอาเซียน ครั้งที่ ๓๘
และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ในรูปแบบออนไลน์
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในความร่วมมือด้านพลังงานของประเทศสมาชิกอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาในกรอบอาเซียน+๓
ประเทศคู่เจรจาในกรอบสุดยอดรัฐมนตรีพลังงานแห่งเอเชียตะวันออก และระหว่าง ๔ ประเทศ
ได้แก่ สปป.ลาว ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางพลังงาน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ โดยหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพลังงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงพลังงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9534 | การโอนเงินหรือสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้และดอกเบี้ย FIDF 1 และ FIDF 3 | กค. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้โอนเงินของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าบัญชีสะสมเพื่อการชำระคืนต้นเงินกู้ชดใช้ความเสียหายของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
ในปีงบประมาณ ๒๕๖๔ จำนวน ๒,๔๐๐ ล้านบาท โดยให้กองทุนฯ
ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าบัญชีสะสมฯ ตามปริมาณสภาพคล่องของกองทุนฯ
เนื่องจากจำนวนเงินดังกล่าวมีความเหมาะสมกับกระแสเงินสดรับ-จ่ายของกองทุนฯ
และจะทำให้กองทุนฯ มีเงินสดคงเหลือเพื่อสำรองเป็นค่าใช้จ่ายดำเนินการและภาระชดเชยที่อยู่ระหว่างดำเนินการในปีงบประมาณ
๒๕๖๕ จำนวน ๓,๔๒๐ ล้านบาท อย่างไรก็ดี หากกองทุนฯ
ได้รับเงินที่มีนัยสำคัญให้พิจารณาทบทวนเพื่อขออนุมัตินำส่งเงินเข้าบัญชีสะสมฯ
เพิ่มเติมต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9535 | การเร่งรัดร่างกฎหมายของรัฐบาล | ปสส. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
เพื่อให้การขับเคลื่อนร่างกฎหมายของรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีผลใช้บังคับโดยเร็ว
อันเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินและการพัฒนาประเทศ
จึงมีมติให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดการยืนยันร่างกฎหมายที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาในชั้นสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9536 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบคำขออนุญาต ใบอนุญาต ใบรับรอง คำสั่งและแบบหนังสือตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การออกใบรับรอง และการออกใบแทน ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ | มท. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวง
รวม ๒ ฉบับ ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดแบบคำขออนุญาต
ใบอนุญาต ใบรับรอง คำสั่งและแบบหนังสือตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงแบบคำขออนุญาต
แบบใบอนุญาต แบบใบรับรอง แบบคำสั่ง และแบบหนังสือตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๘ (พ.ศ.
๒๕๒๘) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
ให้สอดคล้องกับการปรับปรุงหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การออกใบรับรอง
และการออกใบแทนตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร ๒. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์
วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต
การออกใบรับรอง และการออกใบแทน ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคาร พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวง
ฉบับที่ ๑๐ (พ.ศ. ๒๕๒๘) ฉบับที่ ๒๙ (พ.ศ. ๒๕๓๔) ฉบับที่ ๔๕ (พ.ศ. ๒๕๓๘) ฉบับที่ ๕๖
(พ.ศ. ๒๕๔๓) และฉบับที่ ๕๗ (พ.ศ. ๒๕๔๔) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.
๒๕๒๒ โดยกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขออนุญาต การอนุญาต
การต่ออายุใบอนุญาต การโอนใบอนุญาต การออกใบรับรอง
และการออกใบแทนตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมอาคารให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9537 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สว. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาซึ่งเป็นส่วนราชการที่เป็นนิติบุคคลและมีอิสระในการบริหารงานบุคคล
การงบประมาณ และการดำเนินการอื่น ตามมาตรา ๖
แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ. ๒๕๕๔
เป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
เพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีในสังกัดกรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม
ดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำสั่งทางปกครองได้
อันจะทำให้การบังคับทางปกครองตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการฝ่ายรัฐสภา พ.ศ.
๒๕๕๔ มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตามที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9538 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลสันปูเลย ตำบลแม่คือ อำเภอดอยสะเก็ด ตำบลสันกลาง ตำบลต้นเปา ตำบลแม่ปูคา ตำบลสันกำแพง ตำบลร้องวัวแดง และตำบลทรายมูล อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... | คค. | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมืองเชียงใหม่ ตำบลสันปูเลย ตำบลแม่คือ
อำเภอดอยสะเก็ด ตำบลสันกลาง ตำบลต้นเปา ตำบลแม่ปูคา ตำบลสันกำแพง ตำบลร้องวัวแดง
และตำบลทรายมูล อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท สายเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท ชม. ๓๐๒๙
กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๐๖
เนื่องจากมีการเพิ่มขึ้นของประชากรในเขตอำเภอเมืองเชียงใหม่ อำเภอสันกำแพง
จังหวัดเชียงใหม่ และการเจริญเติบโตของเมือง ทำให้เกิดปัญหาทางด้านการจราจร
ซึ่งโครงการดังกล่าวจะทำให้การเดินทางของประชาชนมีความสะดวกและรวดเร็ว
รวมทั้งยกระดับความปลอดภัยในการคมนาคมและการขนส่งสินค้า
รองรับการเจริญเติบโตและการขยายตัวของชุมชนในอนาคต อันจะทำให้การจราจรและการขนส่งมีความสะดวกยิ่งขึ้น
ตลอดจนเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้ซึ่งได้รับมอบหมายจากเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่จะต้องเวนคืนที่แน่นอน
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า
ก่อนการก่อสร้างทางหลวงชนบททุกเส้นทาง
ขอให้กรมทางหลวงชนบทให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงชนบทกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทันและอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรืออุทกภัยต่อไปในอนาคต
และให้กรมทางหลวงชนบทจัดลำดับความสำคัญและแบ่งระยะการก่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท
สายเชื่อมระหว่างทางหลวงชนบท ชม. ๓๐๒๙ กับทางหลวงแผ่นดินหมายเลข ๑๐๐๖ ออกเป็นช่วง
ๆ ตามความจำเป็นโดยเฉพาะในบริเวณที่เป็นคอขวด เพื่อให้สามารถบรรเทาปริมาณการจราจรบนโครงข่ายถนนสายหลัก
รวมทั้งรองรับปริมาณความต้องการเดินทางที่มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นจากการขยายตัวของชุมชนในอนาคต
พร้อมทั้งประสานกับกรมทางหลวงเพื่อบูรณาการแผนพัฒนาโครงข่ายถนนในพื้นที่ร่วมกัน
ซึ่งจะช่วยให้การลงทุนของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมถือปฏิบัติเกี่ยวกับการก่อสร้างถนนและการขยายถนนต้องสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีผลเป็นการกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติเพียงเท่าที่จำเป็นละต้องสร้างระบบการระบายน้ำที่เพียงพอต่อการขยายตัวของชุมชนหรือเมืองในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องอีก
๑๐-๑๕ ปีข้างหน้าไปพร้อมกันด้วย
เพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาถนนกีดขวางทางน้ำและทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมอันส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว
ตามข้อสังเกตของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9539 | ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี 2563 และแนวโน้ม ปี 2563 - 2564 | นร.11 | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี
๒๕๖๓ และแนวโน้มปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. ภาวะเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่สามของปี
๒๕๖๓ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่สามของปี
๒๕๖๓ ปรับตัวลดลงร้อยละ ๖.๔ ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการลดลงร้อยละ
๑๒.๑ ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว
เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่สามของปี ๒๕๖๓ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่สองของปี ๒๕๖๓ ร้อยละ
๖.๕ รวม ๙ เดือนแรกของปี ๒๕๖๓ เศรษฐกิจไทยปรับตัวลดลงร้อยละ ๖.๗ ๒. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย
ปี ๒๕๖๓ คาดว่าจะลดลงร้อยละ ๖.๐ โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าปรับตัวลดลงร้อยละ ๗.๕
การบริโภคภาคเอกชน และการลงทุนรวมปรับตัวลดลงร้อยละ ๐.๙ และร้อยละ ๓.๒ ตามลำดับ
อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ -๐.๙ และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลร้อยละ
๒.๘ ของ GDP ๓. แนวโน้มเศรษฐกิจไทย ปี
๒๕๖๔ คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ ๓.๕-๔.๕ โดยมีแรงสนับสนุนจากการปรับตัวดีขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก
รวมทั้งแรงขับเคลื่อนจากภาครัฐจากการเบิกจ่ายภายใต้กรอบงบประมาณและมาตรการทางเศรษฐกิจ
และฐานการขยายตัวที่ต่ำผิดปกติในปี ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9540 | การแก้ไขปรับปรุงบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ [ร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (ความผิดฐานทำให้แท้งลูก)] | นร.09 | 17/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา
๓๐๑ โดยกำหนดอายุครรภ์เกินสิบสองสัปดาห์เป็นองค์ประกอบความผิดเพิ่มเติมสำหรับความผิดฐานทำให้แท้งลูก
ซึ่งมีผลทำให้หญิงสามารถทำให้ตนเองแท้งลูกหรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูกได้ในขณะมีอายุครรภ์ไม่เกินสิบสองสัปดาห์โดยไม่มีความผิด
รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา ๓๐๕ เพิ่มเหตุและเงื่อนไขสำหรับการกระทำความผิด
โดยยกเว้นความผิดฐานทำให้แท้งลูกให้ครอบคลุมกรณีต่าง ๆ ที่จำเป็น
โดยต้องเป็นการกระทำของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามหลักเกณฑ์ของแพทยสภาเพื่อความปลอดภัยของหญิงตั้งครรภ์
(ความผิดฐานทำให้แท้งลูก) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒. มอบหมายให้
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
ในฐานะที่ปรึกษาและกรรมการในคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรประสานคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาเร่งรัดร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ในชั้นการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรให้แล้วเสร็จตามคำบังคับของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่
๔/๒๕๖๓ ลงวันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
(ภายในสามร้อยหกสิบวันนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย ซึ่งจะครบกำหนดวันที่
๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔) ด้วย |