ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 478 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 9541 - 9560 จากข้อมูลทั้งหมด 123983 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9541 | ร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | คค. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษ หมายเลข ๗
และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ภายในระยะเวลาที่กำหนด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนตร์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข ๗
และทางหลวงพิเศษหมายเลข ๙ ในช่วงวันหยุดราชการต่อเนื่อง
เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนทางหลวงพิเศษดังกล่าว ตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา
ของวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
และตั้งแต่เวลา ๐๐.๐๑ นาฬิกา ของวันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงเวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกา
ของวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์การยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางในช่วงวันหยุดราชการดังกล่าว
พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-๑๙ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓. ให้กระทรวงคมนาคมได้รับการยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9542 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายศศิวัฒน์ ว่องสินสวัสดิ์ และ นางจุฬามณี ชาติสุวรรณ) | กต. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นายศศิวัฒน์ ว่องสินสวัสดิ์ ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก สหพันธรัฐรัสเซีย ๒. นางจุฬามณี
ชาติสุวรรณ ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมยุโรป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9543 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล พ.ศ. 2563 (ครบ 1 ปี) | ดศ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานของรัฐบาล
พ.ศ. ๒๕๖๓ (ครบ ๑ ปี) โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่
๑๘ ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน ๖,๙๗๐ คน ระหว่างวันที่ ๑-๑๕ สิงหาคม๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
การติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล พบว่า ประชาชนร้อยละ ๗๘.๖ ติดตามข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล
โดยแหล่งข้อมูลที่ติดตามมากที่สุดคือ โทรทัศน์ (ร้อยละ ๙๓.๗)
ในขณะที่ประชาชนร้อยละ ๒๑.๔ ไม่ได้ติดตามข้อมูลข่าวสาร โดยให้เหตุผล เช่น ไม่สนใจ
ไม่มีเวลา/ไม่ว่าง และไม่ชอบ ๒.
ความพึงพอใจในภาพรวมต่อการดำเนินงานของรัฐบาล พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด
(ร้อยละ ๓๓.๔) และในระดับปานกลาง (ร้อยละ ๔๘.๐)
ซึ่งนโยบายที่ประชาชนพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด คือ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
(ร้อยละ ๖๒.๒) ๓.
เรื่องที่ชุมชน/หมู่บ้านได้รับความเดือดร้อน ได้แก่ คนในชุมชนว่างงาน/ไม่มีอาชีพที่มั่นคง
(ร้อยละ ๒๙.๙) สินค้าอุปโภคบริโภคราคาแพง/ค่าครองชีพสูง (ร้อยละ ๑๘.๗)
สินค้าเกษตรราคาตกต่ำ/ต้นทุนการผลิตสูง (ร้อยละ ๑๘.๐) ภัยธรรมชาติ (ร้อยละ ๑๖.๗)
และปัญหายาเสพติด (ร้อยละ ๗.๓) ๔. เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือ
ได้แก่ ปัญหาการว่างงาน (ร้อยละ ๔๑.๒) ควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคไม่ให้มีราคาแพง
(ร้อยละ ๒๐.๔) ปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ (ร้อยละ ๑๙.๑) จัดหาแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค/แหล่งน้ำเพื่อการเกษตร
(ร้อยละ ๑๑.๕) และจัดสวัสดิการของรัฐให้เพียงพอและครอบคลุมทุกพื้นที่ (ร้อยละ ๘.๕) ๕.
ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล พบว่า ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่าง
ๆ ของประเทศในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ ๒๙.๘) เชื่อมั่นปานกลาง (ร้อยละ ๔๘.๗)
เชื่อมั่นน้อยและน้อยที่สุด (ร้อยละ ๑๘.๔) และไม่เชื่อมั่นเลย (ร้อยละ ๓.๑)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9544 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2563 | ดศ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในการสอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่
๑๘ ปีขึ้นไป ในชุมชน/หมู่บ้านเป้าหมายในการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั่วประเทศ จำนวน
๔๖,๐๐๐ คน ระหว่างวันที่ ๑-๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
สรุปได้ ดังนี้ ๑. การพบเห็นปัญหายาเสพติด
ประชาชนร้อยละ ๕๑.๖ ไม่พบเห็นและไม่ทราบว่าในชุมชน/หมู่บ้านมีปัญหายาเสพติด ร้อยละ
๔๒.๕ ไม่พบเห็นแต่ทราบว่าในชุมชน/หมู่บ้านมีปัญหายาเสพติด และร้อยละ ๕.๙
พบเห็นปัญหายาเสพติดในชุมชน/หมู่บ้านด้วยตนเอง ๒. การพบเห็นการซื้อขายยาเสพติด
ประชาชนร้อยละ ๖๕.๐ ไม่พบเห็นและไม่ทราบว่ามีการซื้อขายยาเสพติด ร้อยละ ๓๒.๒
ไม่พบเห็นแต่ทราบว่ามีการซื้อขายยาเสพติด ร้อยละ ๒.๕
พบเห็นการซื้อขายยาเสพติดได้ง่ายเพราะมีการซื้อขายแบบเปิดเผยและไม่เกรงกลัวกฎหมาย
และร้อยละ ๐.๓ พบเห็นการซื้อขายยาเสพติดได้ยากเพราะเจ้าหน้าที่เข้มงวดและต้องออกไปซื้อนอกชุมชน/หมู่บ้าน ๓. การพบเห็นผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด
ประชาชนร้อยละ ๕๒.๕ ไม่พบเห็นและไม่ทราบว่ามีผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด ร้อยละ ๔๒.๑
ไม่พบเห็นแต่ทราบว่ามีผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติด และร้อยละ ๕.๔ พบเห็นด้วยตนเอง ๔. ความพึงพอใจต่อผลการดำเนินงานโดยรวมของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
ประชาชนร้อยละ ๕๕.๖ พึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ ๓๘.๐ พึงพอใจปานกลาง
ร้อยละ ๖.๐ พึงพอใจน้อย-น้อยที่สุด และร้อยละ ๐.๔ ไม่พึงพอใจ ๕. ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจากสถานการณ์ปัญหายาเสพติด
ประชาชนร้อยละ ๖๖.๘ มีความปลอดภัยในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ ๒๙.๗
มีความปลอดภัยปานกลาง ร้อยละ ๓.๓ มีความปลอดภัยน้อย-น้อยที่สุด และร้อยละ ๐.๒
ไม่มีความปลอดภัย ๖.
แนวทางการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ประชาชนเห็นว่าควรมีการปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
การใช้กฎหมายลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด
การตั้งจุดตรวจหรือจุดสกัดเพื่อเฝ้าระวังในชุมชน/หมู่บ้าน
การเฝ้าระวังในชุมชน/หมู่บ้าน และการปลูกฝังให้ครอบครัวช่วยกันสอดส่องดูแล
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9545 | รายงานผลการเตรียมความพร้อมในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา 30 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 | กสทช. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการเตรียมความพร้อมในการตราพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา
๓๐ แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง
วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานจัดทำหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการตราพระราชกฤษฎีกา
จำนวน ๔ ฉบับ ได้แก่ (๑) การแก้ไขแผนแม่บทการบริหารคลื่นความถี่ (ภาคผนวก ก.
และตารางกำหนดคลื่นความถี่แห่งชาติ) (๒)
การจัดทำหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่โดยวิธีอื่นนอกเหนือจากวิธีประมูล
(๓) การจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการขออนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
หรือกิจการโทรคมนาคม เพิ่มเติมจากการประกอบกิจการที่ได้รับอนุญาต และ (๔)
การจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการโอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์
และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9546 | ขอถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน ในท้องที่ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. .... | กษ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้ถอนร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดิน
ในท้องที่ตำบลจะแนะ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9547 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 8 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๘ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าลาด จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๔๔.๓๐๐
ในท้องที่ตำบลปากน้ำ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา (๒) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองสียัด
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๕๖.๑๐๐ ในท้องที่ตำลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และ
(๓) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่ากระดาน
อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๒๘.๑๐๐ ในท้องที่ตำบลเกาะขนุน
อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนองนาค เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนองนาค จากกิโลเมตรที่
๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองยาว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ถึงกิโลเมตรที่
๒๘.๐๒๐ ในท้องที่ตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลนอกเมือง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๒๕.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าสว่าง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดมน้อย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโนนกลาง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่
๒๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคันไร่ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี และ (๒)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโนนกลาง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่
๖๕.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลกุดชมภู อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ
ในท้องที่ตำบลท่าโสม อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง ในท้องที่ตำบลด่านชุมพล
อำเภอบ่อไร่ และตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง ถึงกิโลเมตรที่ ๔๑.๕๖๒ ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา ในท้องที่ตำบลทุ่งผึ้ง
ตำบลปงดอน และตำบลแม่สุก อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9548 | ผลการสำรวจสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 | ดศ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑.
ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ได้แก่ ความพึงพอใจในชีวิต ประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในชีวิตอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด
(ร้อยละ ๗๒.๕) โดยเฉพาะด้านชีวิตครอบครัว ความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ประชาชนส่วนใหญ่มีความวิตกกังวลอยู่ในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ ๕๓.๐)
โดยเฉพาะประชาชนในภาคใต้ชายแดน ผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
(ร้อยละ ๙๐.๐) โดยมีรายได้ลดลงและรายจ่ายเพิ่มขึ้น ผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่ามีความรุนแรงอยู่ในระดับมาก-มากที่สุดต่อประเทศ (ร้อยละ
๘๑.๙) และความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
ประชาชนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด (ร้อยละ ๗๑.๗) ๒.
สำนักงานสถิติแห่งชาติได้มีข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เช่น การสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการรับมือและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙
การดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ อย่างต่อเนื่อง และการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือแรงงานในสภาวะวิกฤต
เป็นต้น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9549 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นางสาวธนพร ศรีวิราช) | นร.04 | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้ง
นางสาวธนพร ศรีวิราช เป็นข้าราชการการเมือง ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ (๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป
ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9550 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 8 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนองนาค เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ) | กษ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๘ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าลาด จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๔๔.๓๐๐
ในท้องที่ตำบลปากน้ำ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา (๒) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองสียัด
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๕๖.๑๐๐ ในท้องที่ตำลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และ
(๓) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่ากระดาน
อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๒๘.๑๐๐ ในท้องที่ตำบลเกาะขนุน
อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนองนาค เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนองนาค จากกิโลเมตรที่
๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองยาว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ถึงกิโลเมตรที่
๒๘.๐๒๐ ในท้องที่ตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลนอกเมือง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๒๕.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าสว่าง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดมน้อย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโนนกลาง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่
๒๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคันไร่ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี และ (๒)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโนนกลาง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่
๖๕.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลกุดชมภู อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ
ในท้องที่ตำบลท่าโสม อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง ในท้องที่ตำบลด่านชุมพล
อำเภอบ่อไร่ และตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง ถึงกิโลเมตรที่ ๔๑.๕๖๒ ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา ในท้องที่ตำบลทุ่งผึ้ง
ตำบลปงดอน และตำบลแม่สุก อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9551 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 8 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดมน้อย เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๘ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าลาด จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๔๔.๓๐๐
ในท้องที่ตำบลปากน้ำ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา (๒) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองสียัด
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๕๖.๑๐๐ ในท้องที่ตำลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และ
(๓) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่ากระดาน
อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๒๘.๑๐๐ ในท้องที่ตำบลเกาะขนุน
อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนองนาค เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนองนาค จากกิโลเมตรที่
๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองยาว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ถึงกิโลเมตรที่
๒๘.๐๒๐ ในท้องที่ตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลนอกเมือง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๒๕.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าสว่าง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดมน้อย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโนนกลาง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่
๒๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคันไร่ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี และ (๒)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโนนกลาง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่
๖๕.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลกุดชมภู อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ
ในท้องที่ตำบลท่าโสม อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง ในท้องที่ตำบลด่านชุมพล
อำเภอบ่อไร่ และตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง ถึงกิโลเมตรที่ ๔๑.๕๖๒ ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา ในท้องที่ตำบลทุ่งผึ้ง
ตำบลปงดอน และตำบลแม่สุก อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9552 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 8 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน จำนวน 4 ฉบับ) | กษ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรม เพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๘ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการชลประทานฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองท่าลาด จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๔๔.๓๐๐
ในท้องที่ตำบลปากน้ำ อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา (๒) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองสียัด
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าตะเกียบ อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถึงกิโลเมตรที่ ๕๖.๑๐๐ ในท้องที่ตำลเกาะขนุน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา และ
(๓) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองระบม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลท่ากระดาน
อำเภอสนามชัยเขต จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกิโลเมตรที่ ๒๘.๑๐๐ ในท้องที่ตำบลเกาะขนุน
อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนองนาค เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน
พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองหนองนาค จากกิโลเมตรที่
๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลหนองยาว อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ถึงกิโลเมตรที่
๒๘.๐๒๐ ในท้องที่ตำบลหนองแค อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำห้วยเสนง จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลนอกเมือง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ ถึงกิโลเมตรที่ ๒๕.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลท่าสว่าง
อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาโดมน้อย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโนนกลาง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่
๒๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลคันไร่ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี และ (๒)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลโนนกลาง อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ถึงกิโลเมตรที่
๖๕.๖๐๐ ในท้องที่ตำบลกุดชมภู อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำวังปลาหมอ
ในท้องที่ตำบลท่าโสม อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยแร้ง ในท้องที่ตำบลด่านชุมพล
อำเภอบ่อไร่ และตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๗.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งขวา
ของอ่างเก็บน้ำกิ่วลม จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง ถึงกิโลเมตรที่ ๔๑.๕๖๒ ในท้องที่ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๘. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา ในท้องที่ตำบลทุ่งผึ้ง
ตำบลปงดอน และตำบลแม่สุก อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9553 | การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการดำเนินการมาตรการที่มิใช่ภาษีสำหรับสินค้าจำเป็นภายใต้แผนปฏิบัติการฮานอยว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของอาเซียนให้เข้มแข็งในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโควิด-19 | พณ. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการดำเนินการมาตรการที่มิใช่ภาษีสำหรับสินค้าจำเป็นภายใต้แผนปฏิบัติการฮานอยว่าด้วยการส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของอาเซียนให้เข้มแข็งในการตอบสนองต่อการระบาดใหญ่ของโควิด-๑๙
(MOU on the Implementation of Non-Tariff Measures on Essential
Goods under the Hanoi Plan of Action on Strengthening ASEAN Economic
Cooperation and Supply Chain Connectivity in Response to the COVID-19 Pandemic)
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างกันเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการที่มิใช่ภาษีสำหรับรายการสินค้าจำเป็นในภาคผนวกของบันทึกความเข้าใจฯ
เช่น อาหาร ยา อุปกรณ์ทางการแพทย์
เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการค้าและการเคลื่อนย้ายสินค้าดังกล่าวระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนในช่วงสถานการณ์ระบาดใหญ่ของโรคโควิด-๑๙
ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานตามบันทึกความเข้าใจฯ
ของประเทศสมาชิกเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง
เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าและเยียวยาผู้ประกอบการไทยในสาขาที่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9554 | ผลการประชุมระดับสูงผ่านระบบการประชุมทางไกลว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง : การต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน | กต. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมระดับสูงผ่านระบบการประชุมทางไกลว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง
: การต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซี่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าร่วมการประชุมและได้ร่วมรับรองถ้อยแถลงร่วมของการประชุมระดับสูงผ่านระบบการประชุมทางไกลว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง
: การต่อสู้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ด้วยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ซึ่งมีสาระสำคัญไม่แตกต่างจากร่างถ้อยแถลงร่วมฯ
ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๖๓
แต่มีการเพิ่มเติมประเด็นต่าง ๆ ให้มีความครบถ้วนและสมบูรณ์ขึ้น ได้แก่ (๑)
การแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศในการตรวจและรักษาโรคโควิด-๑๙
การยกระดับขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข การส่งเสริมการวิจัย และการหารือระหว่างบุคลากรทางการแพทย์
(๒) การเข้าถึงผลิตภัณฑ์ด้านสาธารณสุขอย่างเท่าเทียมกัน (๓) การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพและการพัฒนาระบบการแพทย์ทางไกล
(๔) การพัฒนาช่องทางเร่งด่วนสำหรับนักธุรกิจ แรงงานมีฝีมือ และผู้เชี่ยวชาญ
และช่องทางสำหรับการค้าและขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (๕)
การสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีบนหลักการของการยึดมั่นในกฎกติการะหว่างประเทศ
ความเปิดกว้าง ความโปร่งใส และการไม่เลือกปฏิบัติ การแข่งขันที่ยุติธรรม
การปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา (๖) การส่งเสริมความร่วมมือในสาขาเศรษฐกิจดิจิทัล
การใช้ปัญญาประดิษฐ์และเทคโนโลยีฐานข้อมูลขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมด้านสุขภาพ
ความมั่นคงทางอาหาร (๗)
การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านยุทธศาสตร์และนโยบายการพัฒนาการส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทางกับยุทธศาสตร์การพัฒนาระดับชาติ
ภูมิภาค และระหว่างประเทศ การสนับสนุนนโยบายที่เป็นมิตรต่อการดำเนินธุรกิจ
การเริ่มฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
การปฏิบัติตามวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. ๒๐๓๐
และข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ (๘)
การระงับ/พักชำระหนี้ให้แก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุดเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการพัฒนาที่ยั่งยืน
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9555 | แนวทางการดำเนินการเพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน (MoU) ภายใต้บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement) ที่วาระการจ้างงานครบ 4 ปี อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ต่อไป | รง. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแนวทางการดำเนินการเพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงาน
(MoU) ภายใต้บันทึกข้อตกลงว่าด้วยการจ้างแรงงาน (Agreement)
ที่วาระการจ้างงานครบ ๔ ปี อยู่ในราชอาณาจักรและทำงานได้ต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การยกเว้นขอห้ามมิให้คนต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะเพื่อการทำงานสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านแรงงานภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9556 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563) | นร.04 | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ซึ่งพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (คณะรัฐมนตรี
เป็นผู้เสนอ) และพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒
ครั้งที่ ๓ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
และครั้งที่ ๔ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9557 | การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย ฤดูการผลิตปี 2560/2561 และฤดูการผลิตปี 2561/2562 | อก. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑
การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๐/๒๕๖๑ เป็นรายเขต ๙ เขต โดยราคาเฉลี่ยทั่วประเทศในอัตรา ๗๙๐.๖๒
บาทต่อตันอ้อย ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. และผลตอบแทนการผลิตและการจำหน่ายน้ำตาลทรายเท่ากับ
๓๓๘.๘๔ บาทต่อตันอ้อย ๑.๒
การกำหนดราคาอ้อยขั้นสุดท้ายและผลตอบแทนการผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายขั้นสุดท้าย
ฤดูการผลิตปี ๒๕๖๑/๒๕๖๒ เป็นรายเขต ๙ เขต ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศในอัตรา ตันอ้อยละ ๖๘๐.๗๗
บาท ณ ระดับความหวานที่ ๑๐ ซี.ซี.เอส. และกำหนดอัตราขึ้น/ลงของราคาอ้อยเท่ากับ
๔๐.๘๕ บาทต่อ ๑ หน่วย ซี.ซี.เอส. ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรม (สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย)
รับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
คณะกรรมการบริหารกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายควรพิจารณากำหนดแนวทางในการบริหารจัดการรายได้ของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายให้มีความเหมาะสม
และควรพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการสภาพคล่องและความเสี่ยงทางการเงินของกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเพื่อไม่ให้เป็นภาระต่องบประมาณแผ่นดินในอนาคต
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9558 | ร่างเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 31 และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 27 | กต. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๓๑ และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้ได้รับมอบหมาย
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว
รวมทั้งเห็นชอบร่างปฏิญญาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๗
และร่างปฏิญญาผู้นำว่าด้วยวิสัยทัศน์เอเปคภายหลังปี ค.ศ. ๒๐๒๐
และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารดังกล่าว
โดยเอกสารผลลัพธ์ทั้ง ๓ ฉบับ
เป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของผู้นำและรัฐมนตรีของเขตเศรษฐกิจเอเปคในการร่วมมือกันในด้านต่าง
ๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์โควิด-๑๙ บรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม
และฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูมิภาคในระยะยาว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนเอกสารผลลัพธ์ทั้ง
๓ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9559 | การรับรอง (ร่าง) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งในการปรับตัวรับภัยแล้ง | มท. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการรับรอง
(ร่าง) ปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการสร้างความเข้มแข็งในการปรับตัวรับภัยแล้ง (ASEAN
Declaration on Strengthening of Adaptation to Drought) เป็นเอกสารที่จะเสนอต่อรัฐมนตรีอาเซียนด้านการจัดการภัยพิบัติ
เพื่อพิจารณารับรองก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะมนตรีสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
ในวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และที่ประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๗ ในวันที่ ๑๓
พฤศจิกายน ๒๕๖๓
และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือผู้แทน
และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยหรือผู้แทน รับรอง (ร่าง) ปฏิญญาฯ
พร้อมกันในคราวเดียว โดย (ร่าง) ปฏิญญาฯ มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการดำเนินงานร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อรับมือกับภัยแล้ง
โดยกำหนดให้ประเทศสมาชิกอาเซียนดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ เช่น
การให้การสนับสนุนแนวทางการพัฒนาระยะยาวแบบองค์รวมเพื่อเสริมสร้างการปรับตัวและการบรรเทาปัญหาภัยแล้ง
การส่งเสริมความร่วมมือที่เข้มแข็งระหว่างองค์กรสาขาต่าง ๆ
ของอาเซียนเพื่อจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น
และการสนับสนุนให้ประเทศสมาชิกอาเซียนยอมรับนโยบายปรับตัวรับภัยแล้งควบคู่กับกฎหมาย
ระเบียบต่าง ๆ และวิสัยทัศน์ที่ยืดหยุ่นได้ เป็นต้น ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ
และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงมหาดไทยดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีการสื่อสารกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ได้รับทราบและมีความเข้าใจถึงสาระสำคัญของปฏิญญาฯ
รวมทั้งมีกระบวนการดำเนินการให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง
ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานตามปฏิญญาฯ
เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและภูมิภาคอย่างแท้จริง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9560 | ปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับออสเตรเลีย | กต. | 10/11/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับออสเตรเลีย
(Joint Declaration on the Strategic Partnership between the
Kingdom of Thailand and Australia) และอนุมัติให้นายกรัฐมนตรีประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-ออสเตรเลียสู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
โดยลงนามในปฏิญญาร่วมฯ ร่วมกับนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
ในห้วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๗ และการประชุมสุดยอดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ผ่านระบบวีดีทัศน์ทางไกล ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยร่างปฏิญญาร่วมฯ เป็นเอกสารวิสัยทัศน์ที่กำหนดทิศทางความสัมพันธ์และความร่วมมือของประเทศไทยและออสเตรเลียให้มีพลวัตรมากขึ้น
ทั้งในด้านการเมืองความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ และความร่วมมือรายสาขา อาทิ
วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม การศึกษา สาธารณสุข เกษตร สิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ตลอดจนการส่งเสริมการเชื่อมโยงประชาชน
ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-๑๙
และเสริมสร้างการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างปฏิญญาร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒. ให้กระทรวงการต่างประเทศได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|