ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 474 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 9461 - 9480 จากข้อมูลทั้งหมด 123983 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9461 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นางสาวภาสพร สังฆสุบรรณ์) | กต. | 01/12/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง
นางสาวภาสพร สังฆสุบรรณ์ ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ตำแหน่งเอกอัครราชทูต
คณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน
ณ กรุงจาการ์ตา สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก เพื่อทดแทนตำแหน่งที่จะว่าง ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9462 | แนวทางการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรและแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎร | นร. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบแนวทางการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรและแนวทางการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่ ๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๕
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๖ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๖
พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9463 | การแต่งตั้งข้าราชการการเมือง (นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ และนายวารุจ ศิริวัฒน์) | กค. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน ๒ ราย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ
(๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓) เป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑. นายณัฏฐชัย ศรีรุ่งสุขพินิจ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายสันติ พร้อมพัฒน์) ๒. นายวารุจ ศิริวัฒน์ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9464 | ร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี ครั้งที่ 26 แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย - ไทย (IMT - GT) | นร.11 | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๖ แผนงาน IMT-GT (Draft Joint Statement of the Twenty-Sixth Indonesia-Malaysia-Thailand
Growth Triangle Ministerial Meeting) มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันภายใต้แผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย
อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) รวมทั้งเปิดรับการสร้างความร่วมมือกับหุ้นส่วนการพัฒนาใหม่
ๆ ที่มีศักยภาพ และเห็นชอบให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีประจำแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย
อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) และเข้าร่วมการประชุมในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมระดับรัฐมนตรี
ครั้งที่ ๒๖ แผนงาน IMT-GT โดยผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ
พร้อมทั้งร่วมกับรัฐมนตรีของประเทศสมาชิกให้การรับรองร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมฯ
โดยไม่มีการลงนาม ในการประชุมดังกล่าวซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมของการประชุมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9465 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อว. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดค่าธรรมเนียมใบอนุญาตสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมสาขาธรณีวิทยาและสาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม
เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกากำหนดสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม
พ.ศ. ๒๕๖๓ ที่กำหนดให้สาขาธรณีวิทยาและสาขาอนามัยสิ่งแวดล้อมเป็นวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุมเพิ่มเติม
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งจัดทำร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
เพื่อให้มีผลบังคับใช้ภายในระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกากำหนดสาขาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีควบคุม
พ.ศ. ๒๕๖๓ รวมทั้งมอบหมายหน่วยงานรับผิดชอบดำเนินการประชาสัมพันธ์แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์ในทางปฏิบัติ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9466 | ขออนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 27 และการประชุมร่วมระหว่างคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 25 | นร.14 | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติกรอบการหารือสำหรับการประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ ๒๗
และการประชุมร่วมระหว่างคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนา
ครั้งที่ ๒๕ และเห็นชอบให้คณะผู้แทนไทยหารือกับประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงตามประเด็นในกรอบการหารือฯ
เพื่อสนับสนุนให้การดำเนินงานและความร่วมมือเป็นไปตามพันธกรณีของความตกลงว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาลุ่มแม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน
พ.ศ. ๒๕๓๘ โดยกรอบการหารือฯ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดท่าทีของไทยสำหรับการหารือร่วมกับประเทศสมาชิกคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงในการประชุมดังกล่าวที่จะจัดขึ้นในวันที่
๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ผ่านระบบทางไกล
ในประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินงานและความร่วมมือของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงภายใต้พันธกรณีของความตกลงฯ
ที่ไทยเป็นภาคีสมาชิก ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบการหารือฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการและเหตุผลที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว ๒.
ให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาที่เห็นว่า
ในการพิจารณาเงื่อนไขการดำเนินการตามระเบียบปฏิบัติคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง เรื่อง
การแจ้งการปรึกษาหารือล่วงหน้า และข้อตกลงโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเขื่อนสานะคาม
สปป.ลาว และท่าทีฝ่ายไทย
เห็นควรที่ผู้แทนฝ่ายไทยจะพิจารณาประเด็นผลกระทบด้านเขตแดน
เนื่องจากที่ตั้งของเขื่อนมีระยะหางจากเขตแดนไทยเพียง ๑.๔ กิโลเมตร
ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำและตะกอนท้ายเขื่อน
รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการเกิดข้อขัดแย้งของประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9467 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) (ศบค.) ครั้งที่ 14/2563 | นร.04 | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) (ศบค.) ครั้งที่ ๑๔/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการประชุมที่สำคัญ
ได้แก่ (๑) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดและผู้ติดเชื้อ (๒) ความคืบหน้าการพัฒนาและผลิตวัคซีนโรคโควิด-19
(๓) การป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ตามแนวชายแดน (๔)
รายงานความคืบหน้าการดำเนินมาตรการผ่อนคลายการบังคับใช้กฎหมาย (๕)
การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่
๘) (๖) การขยายเวลาในการปิดห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ฯลฯ
ในเวลาภายหลัง ๒๒.๐๐ น. (๗) การขยายเวลาปิดสถานบันเทิง สถานบริการ
ให้เป็นไปตามเวลาปกติของแต่ละกิจการตามที่กฎหมายกำหนด (๘) การเพิ่มจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมในการประชุม
การอบรม การสัมมนา การจัดนิทรรศการ การจัดแสดงสินค้า การจัดเลี้ยง งานพิธี หรือการจัดกิจกรรมต่าง
ๆ (๙) การเพิ่มจำนวนผู้ชมการแสดงคอนเสิร์ต ดนตรี การแสดงนาฏศิลป์ และโรงภาพยนตร์
(๑๐) การกำหนดมาตรการด้านสาธารณสุขสำหรับสถานที่กักกันตัวในรูปแบบ Area
Quarantine (๑๑) การผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวบริเวณชายแดนเข้ารับการกักกันตัวใน
Organizational Quarantine เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
และ (๑๒) ข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี
ตามที่สำนักงานเลขาธิการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9468 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 5/2563 | นร.11 | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) ครั้งที่ ๕/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ประกอบด้วย (๑)
เรื่องเพื่อทราบ ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ ๓ ปี ๒๕๖๓ และแนวโน้มปี
๒๕๖๓ ความคืบหน้ามาตรการที่สำคัญ อาทิ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs มาตรการคนละครึ่ง
และผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนมาตรการบริหารเศรษฐกิจ ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ และ (๒)
เรื่องเพื่อพิจารณา ได้แก่
มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
มาตรการส่งเสริมการจัดสัมมนาของภาครัฐในจังหวัดที่ได้รับผลกระทบรุนแรง และข้อเสนอโครงการบริหารเศรษฐกิจระยะปานกลางและระยะยาว
ชุดที่ ๒ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (โควิด-19) เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9469 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนตุลาคม 2563 | นร.11 | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ณ เดือนตุลาคม ๒๖๗๓ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การขับเคลื่อนการปฏิบัติที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
การจัดทำร่างแผนแม่บทเฉพาะกิจภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติอันเป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-๑๙
พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๕ และการจัดทำร่างแผนการปฏิรูปประเทศ (ฉบับปรับปรุง) รวมทั้งประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
คือ การจัดสรรงบประมาณที่สอดคล้องกับการดำเนินการที่สามารถขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทฯ
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9470 | ความตกลงทางการเงินระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป เพื่อดำเนินโครงการ Smart Green ASEAN Cities | ทส. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างความตกลงทางการเงินระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป เพื่อดำเนินโครงการ Smart
Green ASEAN Cities
และอนุมัติให้เลขาธิการอาเซียนหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงฯ
รวมทั้งให้กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งความเห็นชอบต่อร่างความตกลงฯ
ในนามประเทศไทย ไปยังสำนักเลขาธิการอาเซียนผ่านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำอาเซียน ณ
กรุงจาการ์ตา โดยร่างความตกลงฯ มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมความเป็นเมืองที่ยั่งยืนในอาเซียน
ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และเพิ่มคุณภาพชีวิตสำหรับพลเมืองอาเซียน โดยสนับสนุนให้เมืองต่าง
ๆ ในอาเซียนใช้ประโยชน์จากแนวทางเมืองอัจฉริยะ โดยมีผลผลิต ๓ ข้อ ได้แก่
การยกระดับการออกแบบ วางแผน
และดำเนินการเพื่อมุ่งสู่เมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะสำหรับเมืองที่เข้าร่วมดำเนินโครงการฯ
การเสริมสร้างศักยภาพระดับประเทศเพื่อการพัฒนาเมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะ
(ผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างสหภาพยุโรปและอาเซียน)
และการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนแนวปฏิบัติที่ดีด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองสีเขียวและเมืองอัจฉริยะระหว่างสหภาพยุโรปและภายในภูมิภาคอาเซียน
ซึ่งสหภาพยุโรปจะสนับสนุนงบประมาณ ๕ ล้านยูโร เพื่อดำเนินโครงการฯ เป็นเวลา ๗๒
เดือน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างความตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9471 | แนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการงานด้านการทำงานของคนต่างด้าว | รง. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการแนวทางการปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพการให้บริการงานด้านการทำงานของคนต่างด้าว
โดยการจ้างเหมาเอกชนดำเนินการให้บริการรับคำขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน
และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (e-WorkPermitOS) ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และให้กระทรวงแรงงานดำเนินการ (๑)
คัดเลือกผู้รับจ้างในการให้บริการรับคำขออนุญาตทำงาน การออกใบอนุญาตทำงาน
และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (e-WorkPermitOS) ตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ
(๒) เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานประกันสังคม
และกรุงเทพมหานคร และ (๓) แต่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยมีปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธาน
เพื่อให้การดำเนินการดังกล่าวราบรื่นและจะแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
๒. ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน)
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงาน ก.พ.ร. เช่น ควรคำนึงถึงหลักการความคุ้มค่า
ตามมาตรา ๘ (๑) ของพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.
๒๕๖๐ ด้วย กล่าวคือ ราคาในการออกใบอนุญาตทำงานให้กับคนต่างด้าว
ไม่ควรจะสูงกว่าราคาที่ใช้อยู่ปัจจุบัน
และควรเป็นราคาที่เหมาะสมเมื่อเทียบกับค่าธรรมเนียมจากการให้บริการออกใบอนุญาตดังกล่าว
และการดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด |
||||||||||||||||||||||||||||||
9472 | รายงานการประเมินความคุ้มค่าของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 | นร.12 | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติและข้อสังเกตของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน
(กพม.) เรื่อง รายงานการประเมินความคุ้มค่าของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒ ตามที่ กพม. เสนอ
และให้สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) (บจธ.) เร่งรัดการดำเนินการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานการประเมินความคุ้มค่าของ
บจธ. ที่ฝ่ายเลขานุการ กพม. ดำเนินการสำหรับรอบการประเมินวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๓
ในเบื้องต้น เพื่อเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓
และเห็นควรให้ บจธ. ส่งข้อมูลที่ยังขาดความครบถ้วนสมบูรณ์ตามกรอบการประเมินที่
กพม. กำหนด ให้สำนักงาน ก.พ.ร. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กพม. นำมาใช้สำหรับการประเมินต่อเนื่องในปีถัดไป
ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๒. ด้วยนโยบายของรัฐที่ส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินของเอกชนแทนที่การถือครองไว้แล้วปล่อยให้รกร้างว่างเปล่า
จึงเป็นโอกาสที่ บจธ. จะมีบทบาทเป็นตัวกลางระหว่างเจ้าของที่ดินเอกชนกับเกษตรกรหรือผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่ดินทำกินหรือมีแต่ไม่เพียงพอในการเช่าที่ดินของเอกชน
เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างคุ้มค่า ๓. บจธ. ควรเร่งดำเนินการเสนอกฎหมายจัดตั้งธนาคารที่ดินให้แล้วเสร็จโดยเร็วเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน
(องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๖๒
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9473 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 28/2563 | นร.11 | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๘/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงาน/โครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามมาตรา
๘ (๑) ของพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และมาตรา ๔ (๑) แห่งพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี
พ.ศ. ๒๕๔๘ ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ และที่เสนอเพิ่มเติมว่า
ขอแก้ไขข้อความในหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ด่วนที่สุด ที่ นร
๑๑๐๖/(คกง.) ๓๙๑ ลงวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ หน้า ๒๓ ข้อ ๔.๑.๒ โดยตัดคำว่า “และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน
(ประเทศไทย)” ออก และให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณ
เช่น เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ให้ครบถ้วนถูกต้องอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส
สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
และภายหลังจากที่ดำเนินแผนงานหรือโครงการสิ้นสุดแล้ว ต้องไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณรายจ่ายในปีต่อ
ๆ ไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
||||||||||||||||||||||||||||||
9474 | รายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน กรณีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการรับเข้าทำงานกับบริษัทเอกชน | สม. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสรุปผลการพิจารณาต่อข้อเสนอแนะในการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชน
กรณีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการรับเข้าทำงานกับบริษัทเอกชน
ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งได้มีการประขุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๓ โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับหลักสิทธิมนุษยชนกรณีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวีในการรับเข้าทำงานกับบริษัทเอกชน
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9475 | การนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ฉบับที่ 3) | ยธ. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ
สังคม และวัฒนธรรม ซึ่งเป็นการนำเสนอข้อมูลภาพรวมของการดำเนินงานตามกติกาฯ
ตามข้อเสนอแนะที่ได้รับจากคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม
และวัฒนธรรม ในด้านนโยบาย ด้านกฎหมาย และด้านการปฏิบัติ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบความถูกต้องของรายงานฯ ฉบับภาษาอังกฤษ
และจัดส่งไปยังคณะกรรมการสหประชาชาติว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
ต่อไป ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และให้กระทรวงยุติธรรม (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ)
รับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
และกระทรวงสาธารณสุขที่ขอแก้ไขเพิ่มเติมรายงานฯ ในบางประเด็น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9476 | ขอความเห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบางซื่อระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย กับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น และองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองของญี่ปุ่น | คค. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบางซื่อระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย
และการรถไฟแห่งประเทศไทย กับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง
และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น และองค์กรพัฒนาและฟื้นฟูเมืองของญี่ปุ่น [
Memorandum of Cooperation (MoC) on the Bang Sue Project between the Ministry of
Transport of the Kingdom of Thailand, the State Railway of Thailand, the
Ministry of Land, Infrastructure, Transport and Tourism of Japan, and the Urban
Renaissance Agency of Japan] และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงคมนาคมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว
โดยร่างบันทึกข้อตกลงฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดขอบเขตและกระชับความร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น
เพื่อส่งเสริมความร่วมมือในการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
โดยการแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดและประสบการณ์ซึ่งกันและกัน
เพื่อผลักดันแผนการพัฒนาไปสู่การปฏิบัติต่อไปในการพัฒนาพื้นที่บางซื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกข้อตกลงฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงคมนาคมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เช่น (๑)
ให้กระทรวงคมนาคมผลักดันแผนการพัฒนาเชิงพื้นที่ของโครงการบางซื่อไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
โดยกำหนดให้มีกลไกการมีส่วนร่วมของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหน่วยงานภาครัฐ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ภาคประชาชน
เพื่อบูรณาการการพัฒนาให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และ (๒)
ค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินการตามร่างบันทึกข้อตกลงฯ ในปีงบประมาณ พ.ศ.
๒๕๖๔
ให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรและการรถไฟแห่งประเทศไทยปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
โอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณี
ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ หรือใช้จ่ายจากเงินรายได้ในโอกาสแรก
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9477 | ขอความเห็นชอบการรับรองเอกสาร Joint Statement “Conference on Digital Transformation of the Education Systems throughout ASEAN” | ศธ. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบร่างเอกสาร
Joint Statement “Conference on Digital
Transformation of the Education Systems
throughout ASEAN” เป็นเอกสารซึ่งที่ประชุมรัฐมนตรีศึกษาของอาเซียนได้รับรองในหลักการแล้วเมื่อวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๓ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการส่งเสริมทักษะความเข้าใจและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล (digital literacy) และทักษะที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน
(transferable skills) ในระบบการศึกษาของอาเซียน
มุ่งเน้นการเป็นหุ้นส่วนกับภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย
และการให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมในกระบวนการการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลและเข้าถึงสื่อดิจิทัลอย่างปลอดภัย
๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการลงนามในหนังสือเห็นชอบ/รับรอง
(Adoption) ร่างเอกสารดังกล่าว ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าวในส่วนที่ไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9478 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. .... | มท. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการรับน้ำหนัก
ความต้านทาน ความคงทนของอาคาร
และพื้นดินที่รองรับอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว และกำหนดประเภทอาคารที่การออกแบบและคำนวณโครงสร้างอาคารให้มีการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวเพิ่มเติม
รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดการรับน้ำหนักความต้านทาน และความคงทนของอาคารในการต้านทานแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวใหม่
ให้มีความทันสมัยและมีความปลอดภัยแก่ประชาชนในการเข้าใช้อาคารมากยิ่งขึ้น
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9479 | รับพระราชทานที่ดินเพื่อเป็นสถานที่ทำงานและเพื่อประโยชน์ของทางราชการ | นร. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบตามที่นายกรัฐมนตรีรายงานว่า
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เวลา ๑๘.๐๐ น. ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน
นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ และหัวหน้าสถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้อง
ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับพระราชทานที่ดินในพระปรมาภิไธย
เพื่อเป็นสถานที่ทำงานและเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ได้แก่ (๑)
มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เนื้อที่ ๖๐ ไร่ ๑ งาน ๘๐ ตารางวา (๒)
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เนื้อที่ ๑๔ ไร่ ๑ งาน ๗๒.๗๐ ตารางวา (๓)
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เนื้อที่ ๙ ไร่ ๓ งาน ๙๒.๓๐ ตารางวา (๔)
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เนื้อที่ ๓๗ ไร่ ๑ งาน ๑๐ ตารางวา (๕) โรงเรียนราชวินิตประถม
เนื้อที่ ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๖๕.๗๐ ตารางวา (๖) โรงเรียนราชวินิตมัธยม เนื้อที่ ๖ ไร่ ๓
งาน ๒๒ ตารางวา (๗) กองทัพบก ที่จังหวัดปทุมธานี เนื้อที่ ๑,๐๕๙ ไร่ ๑ งาน ๓๖.๗๐
ตารางวา ที่จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ ๔๙๓ ไร่ ๑ งาน ๖๓ ตารางวา (๘) พระรามราชนิเวศน์
(วังบ้านปืน) จังหวัดเพชรบุรี เนื้อที่ ๑๗๓ ไร่ ๔.๘๐ ตาราวา (๙)
พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จังหวัดเพชรบุรี เนื้อที่
๒๕ ไร่ ๘๔ ตารางวา (๑๐) ตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายพระราม ๖ จังหวัดเพชรบุรี เนื้อที่
๒๗๕ ไร่ ๓ งาน ๕๗.๒๐ ตารางวา (เป็นส่วนที่พระราชทานเพิ่มเติม) และ (๑๑)
ตำรวจตระเวนชายแดน ค่ายนเรศวร จังหวัดเพชรบุรี เนื้อที่ ๑๘๕ ไร่ ๑ งาน ๘๕.๒๐
ตารางวา (เป็นส่วนที่พระราชทานเพิ่มเติม) ๒.
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามขั้นตอนให้ถูกต้อง ครบถ้วนต่อไป ๓. ให้กระทรวงกลาโหม
กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ใช้ประโยชน์ในที่ดินที่ได้รับพระราชทานให้เหมาะสมและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9480 | ร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” (พ.ศ. 2563) และแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง | ทส. | 23/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง
ซึ่งเป็นแผนที่จะต้องเร่งรัดให้มีการดำเนินการเพื่อเตรียมการสำหรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี
๒๕๖๔ (เดือนธันวาคม ๒๕๖๓-เมษายน ๒๕๖๔) รวม ๑๒ ข้อ มีรายละเอียด เช่น
การเร่งขับเคลื่อนโครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า
ภายใต้ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน โดนกำหนดเป้าหมาย ๑๒ จังหวัด ภายในปี ๒๕๖๓
และครบ ๗๖ จังหวัด ภายในปี ๒๕๗๐
และการเร่งรัดการเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนภารกิจการควบคุมไฟป่าให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
เป็นต้น ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแผนเฉพาะกิจฯ ต่อไป
โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปี ๒๕๖๓
เห็นควรให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร
หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร
หรือใช้จ่ายจากเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ
ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. สำหรับร่างแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ
“การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” (พ.ศ. ๒๕๖๓)
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณากลั่นกรองนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๖๐ (เรื่อง
แนวทางการเสนอแผนเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี)
ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
๓.
ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งข้อสังเกตของกระทรวงคมนาคม เช่น
ควรมีมาตรการรองรับเพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม
และควรให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้ การมีส่วนร่วม และคำนึงถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตของภาคประชาชน
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |