ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 472 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 9421 - 9440 จากข้อมูลทั้งหมด 123983 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9421 | รายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 | นร.07 | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานและผลการใช้จ่ายงบประมาณ
(ไตรมาสที่ ๔) และผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้จ่ายงบประมาณ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9422 | การดำเนินโครงการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 ให้แก่ประชาชน | นร. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทุกส่วนราชการ
รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐเร่งพิจารณาแผนงาน/โครงการในความรับผิดชอบที่สมควรจะดำเนินการเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๔ ให้แก่ประชาชนดังเช่นทุกปีที่ผ่านมา
และให้นำเสนอแผนงาน/โครงการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนเพื่อพิจารณาความเหมาะสมและสอดคล้องในภาพรวม
โดยแผนงาน/โครงการดังกล่าวจะต้องสามารถดำเนินการให้มีผลในทางปฏิบัติต่อไปได้ทันในช่วงเวลาปีใหม่ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9423 | การออกพันธบัตรเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)
(สพพ.) ดำเนินการกู้ยืมเงินโดยการออกพันธบัตรเพื่อปรับโครงสร้างหนี้ของ สพพ.
วงเงิน ๑,๕๐๐ ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการก่อสร้างถนนจากเมืองหงสา-บ้านเชียงแมน
(เมืองจอมเพชร แขวงหลวงพระบาง) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
จากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จำนวน ๑,๕๔๙.๒๑ ล้านบาท อายุสัญญา ๕ ปี
(ครบกำหนดอายุสัญญา ๒๕ เมษายน ๒๕๖๕ ปัจจุบันอายุสัญญาเงินกู้คงเหลือประมาณ ๒ ปี)
อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ ๒.๙๐ ต่อปี ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง โดย สพพ. รับความเห็นของกระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น (๑) ให้ สพพ. จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
และหาก สพพ. มีเงินสะสมเหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการอื่น
เห็นควรให้นำเงินสะสมดังกล่าวมาชำระหนี้เงินกู้ เพื่อลดภาระงบประมาณและดอกเบี้ยเป็นลำดับแรก
และ (๒) ให้ สพพ.
ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในแต่ละช่วงเวลา
และคำนึงถึงความคุ้มค่า ความสามารถในการชำระหนี้ การกระจายภาระหนี้
รวมถึงเสถียรภาพ และความยั่งยืนทางการเงินของ สพพ. เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9424 | ขอเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 9 พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ | ศย. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติให้สำนักงานศาลยุติธรรมโอนวงเงินจากรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
จากรายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานศาลยุติธรรม พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ
จำนวน ๙๒,๑๘๕,๕๐๐ บาท ไปสมทบรายการค่าก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค ๙
พร้อมบ้านพักและสิ่งก่อสร้างประกอบ จำนวน ๙๒,๑๘๕,๕๐๐ บาท ในลักษณะการเปลี่ยนแปลงรายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
ตามนัยข้อ ๗ (๓) ของระเบียบว่าด้วยการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒
ทั้งนี้
เห็นควรที่สำนักงานศาลยุติธรรมจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี สำหรับรายการค่าก่อสร้างที่ทำการสำนักงานศาลยุติธรรม
พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9425 | แผนการดำเนินงาน งบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน | พน. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการดำเนินงาน การจัดเก็บรายได้ และการใช้จ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
และเห็นชอบแผนงบประมาณรายจ่าย และประมาณการรายได้ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ซึ่งคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานได้จัดทำแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับเป้าหมาย
ตัวชี้วัด และกลยุทธ์ตามวัตถุประสงค์หลัก ๙
วัตถุประสงค์ของแผนปฏิบัติการด้านการกำกับกิจการพลังงาน ระยะที่ ๔ (พ.ศ.
๒๕๖๓-๒๕๖๕) โดยมีกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่าย จำนวน ๘๙๒.๓๗๙ ล้านบาท สำหรับการดำเนินงานตามแผนการดำเนินงานดังกล่าว
และคาดว่าจะจัดเก็บรายได้ค่าธรรมเนียมการอนุญาตและการประกอบกิจการพลังงานรายปีตามระเบียบที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานกำหนด
จำนวน ๙๓๒.๔๑๙ ล้านบาท ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ ๒. ให้กระทรวงพลังงาน
(สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน) รับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และข้อสังเกตของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เช่น
ควรมีเป้าหมายและตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพไฟฟ้าและทบทวนข้อกำหนดคุณภาพไฟฟ้าที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่หรือผู้ใช้ไฟฟ้า
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9426 | การขอความเห็นชอบต่อร่างเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน - สหภาพยุโรป ครั้งที่ 23 | กต. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างแถลงการณ์ร่วมระดับรัฐมนตรีอาเซียน-สหภาพยุโรปว่าด้วยความเชื่อมโยง (Draft
ASEAN-EU Joint Ministerial Statement on Connectivity) และให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองเอกสารฯ
โดยร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
เป็นเอกสารผลลัพธ์ที่จะมีการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียน-สหภาพยุโรป ครั้งที่
๒๓ ในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล
มีสาระสำคัญเป็นการแสดงเจตนารมณ์ของประเทศสมาชิกอาเซียนและสหภาพยุโรปในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงระหว่างกัน
ทั้งในเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง การค้าการลงทุน
ความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล สิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน และการเชื่อมโยงระดับประชาชน
ผ่านการศึกษาและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รวมทั้งส่งเสริมการหารือกับสหภาพยุโรปเพื่อแบ่งปันความก้าวหน้าในการวิจัยเรื่องโควิด-๑๙
ความยั่งยืนด้านพลังงาน การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
และความร่วมมือด้านนวัตกรรมดิจิทัล ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9427 | การขอความเห็นชอบต่อร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ 14 และร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ครั้งที่ 7 รวมทั้งร่างเอกสารความร่วมมือในกรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน | กห. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน ครั้งที่ ๑๔ และร่างปฏิญญาร่วมของการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา
ครั้งที่ ๗ รวมทั้งร่างเอกสารความร่วมมือในกรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน รวม
๗ ฉบับ
และมอบหมายให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในร่างปฏิญญาร่วมฯ
และร่วมรับรองร่างเอกสารความร่วมมือฯ โดยร่างปฏิญญาร่วมฯ
เป็นการแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการส่งเสริมความแน่นแฟ้นและพร้อมตอบสนองของอาเซียนต่อการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิยุทธศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ของภูมิภาค
และร่างเอกสารความร่วมมือฯ เป็นการพัฒนาและส่งเสริมความร่วมมือให้อาเซียนสามารถรับมือและตอบสนองต่อภัยคุกคามด้านความมั่นคงของภูมิภาคในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมในทุกมิติ
รวมทั้งร่วมกันขับเคลื่อนความร่วมมือให้เป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน
ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และหากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารทั้ง ๗ ฉบับ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงกลาโหมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ทั้งนี้ ให้กระทรวงกลาโหมรับความเห็นของสำนักงบประมาณเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นตามร่างปฏิญญาร่วมฯ
และร่างเอกสารความร่วมมือฯ เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีของหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องตามความจำเป็นและเหมาะสมต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9428 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุมครั้งที่ 29/2563 | นร.11 | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๒๙/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ และพิจารณาความเหมาะสมของการปรับปรุงรายละเอียดของแผนงานหรือโครงการ
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ ๒.
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเร่งดำเนินการให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ครบถ้วนถูกต้องอย่างเคร่งครัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ไม่มีความซ้ำซ้อนกับโครงการอื่น ๆ ของภาครัฐ มีความโปร่งใส
สามารถตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอน
โดยให้ความสำคัญกับระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์
และภายหลังจากที่ดำเนินแผนงานหรือโครงการสิ้นสุดแล้ว
ต้องไม่ก่อให้เกิดภาระงบประมาณรายจ่ายในปีต่อ ๆ ไป
และเห็นควรให้หน่วยงานรับผิดชอบโครงการที่ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้ใช้จ่ายเงินกู้ตามพระราชกำหนดฯ
เร่งแก้ไขปรับปรุงข้อมูลของโครงการในระบบติดตามและประเมินผลแห่งชาติ (eMENSCR)
และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถเบิกจ่ายได้โดยเร็ว ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9429 | มาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ 9 และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ Micro Entrepreneurs ระยะที่ 4 | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบมาตรการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
(Small and Medium Enterprises : SMEs) ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ Portfolio Guarantee Scheme ระยะที่ ๙ (โครงการ PGS ระยะที่ ๙)
และมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อผู้ประกอบการ
Micro Entrepreneurs ระยะที่ ๔ (โครงการ Micro
Entrepreneurs ระยะที่ ๔) พร้อมทั้งอนุมัติงบประมาณวงเงินรวมไม่เกิน
๒๔,๐๐๐ ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการ PGS ระยะที่ ๙
และอนุมัติงบประมาณวงเงินรวมไม่เกิน ๕,๗๕๐ ล้านบาท สำหรับการดำเนินโครงการ Micro
Entrepreneurs ระยะที่ ๔ (รวม ๒ โครงการ
ขออนุมัติงบประมาณจำนวนทั้งสิ้น ๒๙,๗๕๐ ล้านบาท) จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
โดยมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้กระทรวงการคลัง
(บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) รับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย เช่น
การจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบเพื่อควบคุมสัดส่วนของภาระค้ำประกันที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
(Non-Performing Guarantee : NPG) โดยพิจารณาสัดส่วนการชดเชยภาระค้ำประกันและอัตราค่าธรรมเนียมการค้ำประกันสินเชื่อที่เหมาะสม
และจัดทำประมาณการต้นทุนทางการเงินและการบริหารจัดการที่รัฐจะต้องรับภาระทั้งหมดอย่างถูกต้องครบถ้วนและเป็นรูปธรรม
และการรายงานผลการดำเนินงานให้คณะรัฐมนตรีทราบเป็นระยะ ๆ
เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวบรรลุผลสัมฤทธิ์และมีความคุ้มค่าอย่างแท้จริง
รวมทั้งการสร้างความรับรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนเร่งรัดดำเนินมาตรการให้ทันต่อสถานการณ์อย่างรอบคอบ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป สำหรับภาระงบประมาณของโครงการฯ ให้กระทรวงการคลัง
(บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม) ดำเนินตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลัง (บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม)
หารือร่วมกับสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการฯ
เพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันไม่ให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non-Performing Guarantee : NPG)
เพิ่มขึ้นในระบบ และหากมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินโครงการในระยะต่อไปอีก ให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อมประเมินผลการดำเนินโครงการ
(ผลการค้ำประกันสินเชื่อ) ในช่วงที่ผ่านมา
รวมทั้งปัญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นเพื่อประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9430 | ขออนุมัติลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และขออนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน ไทย – เมียนมา ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2569 | ยธ. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา
ว่าด้วยความร่วมมือโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยังยืน โดยมอบหมายให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
(เลขาธิการ ป.ป.ส.) หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย
เป็นผู้แทนฝ่ายไทยในการลงนามบันทึกความเข้าใจฯ
และมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศจัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full
Powers) ให้แก่เลขาธิการ ป.ป.ส. เป็นผู้ลงนามในบันทึกความเข้าใจฯ
รวมทั้งอนุมัติในหลักการโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน
ไทย-เมียนมา ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙ ในกรอบวงเงิน ๓๒๐ ล้านบาท
โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อสานต่อและยืนยันความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายในการบรรลุเป้าหมายอาเซียนปลอดยาเสพติด
พ.ศ. ๒๕๖๘ และการแก้ไขปัญหาการปลูกพืชเสพติด การลักลอบผลิตและค้ายาเสพติดที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสองฝ่าย
โดย (๑) สร้างความรู้ความเข้าใจร่วมกับส่วนราชการในท้องถิ่นและชุมชน (๒)
ดำเนินกิจกรรมการพัฒนาระบบน้ำ และ (๓)
สนับสนุนองค์ความรู้ในการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะดำเนินโครงการฯ
ใน ๒ พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่หนองตะยา อำเภอพินเลา จังหวัดตองยี รัฐฉานใต้
และพื้นที่ตอนเหนือของท่าขี้เหล็ก อำเภอท่าขี้เหล็ก รัฐฉานตะวันออก ระยะเวลาดำเนินโครงการฯ
๖ ปี (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๙) งบประมาณรวมทั้งสิ้น ๓๒๐ ล้านบาท ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
และให้กระทรวงยุติธรรม โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (สำนักงาน
ป.ป.ส.)
รับข้อเสนอแนะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาผลกระทบของโครงการฯ โดยละเอียดและมีการประเมินผลอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากการพัฒนาตามโครงการฯ เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในภูมิภาค
ไม่อาจแก้ปัญหายาเสพติดในระยะสั้นได้ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๓.
สำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อดำเนินโครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ยั่งยืน
ไทย-เมียนมา จำนวน ๓๒๐ ล้านบาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
เห็นควรให้ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายของ สำนักงาน ป.ป.ส. แผนงานบูรณาการป้องกัน
ปราบปราม และบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติด โครงการพัฒนาทางเลือกเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามความจำเป็นและเหมาะสม
ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้สำนักงาน ป.ป.ส.
จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ
เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9431 | ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม จำนวน 5 ฉบับ | นร.09 | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการในกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน ๕ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีส่งร่างกฎกระทรวงจำนวน ๕ ฉบับ
ให้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมพิจารณาลงนาม
และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานรัฐมนตรี
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๒.
ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๓.
ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการภายในกรมวิทยาศาสตร์บริการ กระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๔.
ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ๕. ร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการแบ่งส่วนราชการภายในสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9432 | ร่างความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. .... | กค. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบความตกลงมาตรการริเริ่มเชียงใหม่ไปสู่การเป็นพหุภาคี [Chiang
Mai Initiative Multilateralisation (CMIM) Agreement] ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
พ.ศ. .... รวมถึงหนังสือแนบท้ายที่ต้องมีการลงนามเพิ่มเติมเมื่อมีการขอรับการช่วยเหลือรวม
๔ ฉบับ ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมความตกลง CMIM ฉบับปัจจุบันที่บังคับใช้ตั้งแต่วันที่
๒๓ มิถุนายน ๒๕๖๓ เพื่อให้กลไก CMIM มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยมีประเด็นสำคัญที่ทำการแก้ไข คือ (๑)
การเพิ่มสัดส่วนการให้ความช่วยเหลือกรณีที่ไม่เชื่อมโยงกับความช่วยเหลือทางการเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
จากร้อยละ ๓๐ เป็นร้อยละ ๔๐ ของวงเงินขอรับความช่วยเหลือสูงสุด (๒)
การยินยอมให้สามารถเลือกสมทบหรือขอรับความช่วยเหลือภายใต้กลไก CMIM เป็นเงินสกุลท้องถิ่นตามหลักความสมัครใจ และ (๓)
การเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเนื่องจากจะยกเลิกการใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงกรุงลอนดอน
(London Interbank Offered Rate : LIBOR) ในสิ้นปี ๒๕๖๔
และการแก้ไขประเด็นเชิงเทคนิคของกลไก CMIM อื่น ๆ เช่น
การปรับระยะเวลาการเบิกถอนเงินให้มีความยืดหยุ่นขึ้น เป็นต้น ๑.๒ อนุมัติการลงนามในความตกลง CMIM
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม และมอบหมายให้ ๑.๒.๑
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน
ลงนามในความตกลง CMIM ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ๑.๒.๒
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยหรือผู้แทน ลงนามในหนังสือยืนยันการสมทบเงิน (Schedule
3-Commitment Letter) ในวงเงิน ๙.๑๐๔ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ๑.๒.๓
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังหรือผู้แทน
ลงนามในหนังสือรับทราบการขอรับความช่วยเหลือ (Schedule 5-Letter of
Acknowledgement) และหนังสือยืนยันการปฏิบัติตามเงื่อนไขของความตกลง
(Schedule 6-Letter of Undertaking) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง
CMIM ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ๑.๒.๔
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาหรือผู้แทน ลงนามในหนังสือให้ความเห็นทางกฎหมาย (Schedule
7-Legal Opinion) เมื่อประเทศไทยขอรับความช่วยเหลือภายใต้ความตกลง CMIM
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่าความตกลง CMIM
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
รวมทั้งหนังสือแนบท้ายอาจเข้าข่ายเป็นสัญญาหรือเอกสารทางกฎหมายที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีอำนาจและหน้าที่ให้คำปรึกษาและตรวจร่าง
ตามมาตรา ๒๓ (๒) ของพระราชบัญญัติองค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๕๕๓
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๓.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนความตกลง CMIM ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงการคลังดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9433 | ร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ พ.ศ. .... | พน. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ
และเงื่อนไขในการประกอบกิจการระบบการขนส่งน้ำมันทางท่อ
เพื่อรักษาความปลอดภัยในการประกอบกิจการน้ำมันและป้องกันมิให้เกิดอัคคีภัยหรืออันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9434 | ร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 | มท. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ .. (พ.ศ. ....) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
พ.ศ. ๒๕๒๒ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ (พ.ศ. ๒๕๒๘)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒
เกี่ยวกับการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการออกใบอนุญาตและการต่ออายุใบอนุญาต ก่อสร้าง
ดัดแปลง รื้อถอน และเคลื่อนย้ายอาคารให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน
โดยไม่เป็นการสร้างภาระให้กับประชาชนมากเกินไป ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้พิจารณากำหนดอัตราค่าธรรมเนียมในเรื่องนี้ให้สอดคล้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒ มกราคม ๒๕๖๓ (เรื่อง แนวทางการทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมในการอนุมัติ อนุญาต
ของทางราชการ) แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมืองกำกับดูแลให้เจ้าพนักงานท้องถิ่นควบคุมการตรวจสอบการขออนุญาตก่อสร้าง
ดัดแปลงอาคารให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎกระทรวงดังกล่าวอย่างเข้มงวด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9435 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อสร้างอาคารพักพยาบาล 32 หน่วย (4 ชั้น ใต้ถุนโล่ง) เป็นอาคาร คสล. 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 2,358 ตารางเมตร โรงพยาบาลทุ่งสง ตำบลหนองหงส์ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช 1 หลัง | สธ. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข
เพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ รายการอาคารพักพยาบาล ๓๒ หน่วย (๔ ชั้น
ใต้ถุนโล่ง) เป็นอาคาร คสล. ๔ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ ๒,๓๕๘ ตารางเมตร
โรงพยาบาลทุ่งสง ตำบลหนองหงส์ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ๑หลัง จากวงเงิน
๒๗,๐๙๐,๐๐๐ บาท เป็นวงเงิน ๒๗,๙๓๑,๒๙๒ บาท โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๓
ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม
๒๕๖๔ จำนวน ๘,๕๗๒,๗๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๑๖,๔๐๘,๓๐๐ บาท
เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว
และอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าว จากปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๕๕ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๔-๒๕๖๔ เป็นกรณีเฉพาะราย
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดจ้างผู้รับจ้างใหม่ในการก่อสร้างอาคารส่วนที่เหลือในครั้งนี้
ควรมีการระบุข้อกำหนดและบทบังคับในสัญญาให้มีความรัดกุม รวมถึงมีการกำกับติดตาม
และตรวจสอบอยู่เป็นระยะ ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการละทิ้งงาน
และให้การดำเนินการก่อสร้างเป็นไปตามแผนและกรอบระยะเวลาที่กำหนด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9436 | ขออนุมัติเพิ่มวงเงินและขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก - อุบัติเหตุ เป็นอาคาร คสล. 5 ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ 8,250 ตารางเมตร โรงพยาบาลศีขรภูมิ ตำบลระแงง อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ 1 หลัง | สธ. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้กระทรวงสาธารณสุข
โดยสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มวงเงินก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ
รายการอาคารผู้ป่วยนอก-อุบัติเหตุ เป็นอาคาร คสล. ๕ ชั้น พื้นที่ใช้สอยประมาณ
๘,๒๕๐ ตารางเมตร โรงพยาบาลศรีขรภูมิ ตำบลระแงง อำเภอศรีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ๑
หลัง จากวงเงิน ๑๘๔,๐๗๗,๓๙๐ บาท เป็นวงเงิน ๑๘๕,๑๒๖,๘๖๖.๗๘ บาท
โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๓
ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีถึงวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม
๒๕๖๔ จำนวน ๒๘,๓๐๘,๑๐๐ บาท ส่วนที่เหลืออีก จำนวน ๓๔,๑๙๑,๑๐๐ บาท
เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ซึ่งได้ตั้งงบประมาณรองรับไว้แล้ว
และอนุมัติขยายระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณรายการดังกล่าว จากปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๐ เป็นปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๕๘-๒๕๖๔ เป็นกรณีเฉพาะราย
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับการจัดจ้างผู้รับจ้างใหม่ในการก่อสร้างอาคารส่วนที่เหลือในครั้งนี้
ควรมีการจัดทำกรอบระยะเวลาของขั้นตอนการดำเนินงานอย่างละเอียด และมีการกำกับ
ติดตาม และตรวจสอบอยู่เป็นระยะ ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดความล่าช้า
และให้การดำเนินการก่อสร้างเป็นไปตามแผนและกรอบระยะเวลาที่กำหนด
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9437 | บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง – ล้านช้าง ประจำปี 2563 ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย | สธ. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในโครงการภายใต้กองทุนพิเศษแม่โขง-ล้านช้าง
ประจำปี ๒๕๖๓ (Memorandum of Understanding on the Cooperation on Projects of the
Mekong-Lancang Cooperation Special Fund 2020) ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขและสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน
ประจำประเทศไทย และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม
ในบันทึกความเข้าใจฯ เพื่อรับมอบงบประมาณสำหรับการดำเนินโครงการ Strengthening
on HIV/AIDS Cooperation in the CCLM (Cambodia, China, Lao PDR, Myanmar)
Countries โดยให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขและกรมควบคุมโรค
กระทรวงสาธารณสุข เป็นหน่วยงานรับผิดชอบ วงเงิน ๑๙๘,๓๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ (๕.๙๘๐๗
ล้านบาท) จากสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยให้มีการพัฒนาแผนปฏิบัติการความร่วมมือด้านเอชไอวีและเอดส์
ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน เสริมสร้างศักยภาพบุคลากรสาธารณสุข
และช่วยส่งเสริมการดำเนินงานสาธารณสุขในพื้นที่ชายแดนในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน
ตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ
และให้กระทรวงสาธารณสุขรับความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เกี่ยวกับการระบุชื่อโครงการไว้ในชื่อของบันทึกความเข้าใจฯ
เพื่อให้บันทึกความเข้าใจแต่ละฉบับมีชื่อเฉพาะที่ชัดเจนขึ้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9438 | ขอเพิ่มวงเงินงบประมาณโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2563/64 รอบที่ 1 | พณ. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติปรับเพิ่มกรอบวงเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี ๒๕๖๓/๖๔
รอบที่ ๑ จำนวน ๑๘,๐๙๖.๐๖ ล้านบาท เป็น ๔๖,๘๐๗.๓๕ ล้านบาท และให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรทำความตกลงกับสำนักงบประมาณและขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และปีถัด ๆ ไป ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
และให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการคลัง
(ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งรัดและกำกับดูแลการจ่ายเงินให้แก่เกษตรกรให้รวดเร็ว
ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรมีการกำกับ ติดตาม
และตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณตามโครงการประกันรายได้ฯ ให้มีความถูกต้อง
โปร่งใส เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายเงินงบประมาณเป็นประโยชน์แก่เกษตรกรอย่างแท้จริง
ควรมีการติดตามการซื้อขายข้าวเปลือกให้เป็นไปตามคุณภาพข้าว
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่ส่งผลต่อราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง
และควรเร่งรัดการดำเนินงานตามมาตรการคู่ขนานต่าง ๆ
ให้มีผลต่อการยกระดับราคาข้าวเปลือกให้เพิ่มสูงขึ้น
เพื่อนำไปสู่การลดภาระงบประมาณในการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างตามโครงการประกันรายได้ฯ
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณากำหนดแนวทางและบูรณาการการดำเนินงานวิจัยเกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพข้าวหรือพัฒนาข้าวพันธุ์ใหม่ให้มีความเป็นเอกภาพ
รวมทั้งกำหนดแนวทางการบริหารจัดการข้าวทั้งระบบให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผล
โดยคำนึงถึงต้นทุนและงบประมาณค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น
แล้วให้รายงานผลการดำเนินงานดังกล่าวต่อคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติโดยเร็วต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9439 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้เป็นหน่วยงานอื่นของรัฐตามมาตรา 63/15 วรรคหก แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 | อว. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดให้เป็นหน่วยงานอื่นของรัฐตามมาตรา ๖๓/๑๕ วรรคหก
แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.
๒๕๖๒ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สถาบันอุดมศึกษาของรัฐในกำกับของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานในกำกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์
วิจัยและนวัตกรรม ซึ่งประกอบด้วย รัฐวิสาหกิจ
หน่วยงานที่จัดตั้งตามพระราชบัญญัติเฉพาะ และองค์การมหาชน เป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
ตามที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒. เห็นชอบให้เพิ่มเติมกรณีของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่เป็นส่วนราชการ
แต่ไม่มีฐานะเป็นกรมเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครองแทนได้
ตามความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9440 | ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 53 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง | กต. | 01/12/2563 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๕๓ และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เมื่อวันที่ ๙-๑๒ กันยายน
๒๕๖๓ ผ่านระบบการประชุมทางไกล ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเข้าร่วมการประชุมและร่วมหารือเกี่ยวกับการจัดทำวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียนภายหลัง
ค.ศ. ๒๐๒๕ และการทบทวนแผนงานประชาคมอาเซียนทั้ง ๓ เสา
การหารือเกี่ยวกับความร่วมมือกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) โดยย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความร่วมมือทั้งด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีนและยาต้านไวรัส
การจัดทำมาตรฐานวิธีปฏิบัติของอาเซียนสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข
และการใช้ประโยชน์จากกองทุนอาเซียนเพื่อรับมือกับโควิด-๑๙ การหารือเกี่ยวกับบทบาทของอาเซียนในการสนับสนุนการพัฒนาในอนุภูมิภาคต่าง
ๆ ในอาเซียน รวมทั้งการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ
และความสัมพันธ์กับภาคีภายนอกอาเซียน และมอบหมายให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ |