ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 479 จากทั้งหมด 6200 หน้า แสดงรายการที่ 9561 - 9580 จากข้อมูลทั้งหมด 123983 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9561 | ร่างบันทึกความเข้าใจการดำเนินการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงเศรษฐกิจและการจ้างงานแห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ | อก. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างบันทึกความเข้าใจการดำเนินการด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน
(Memorandum of Understanding on
Circular Economy) ระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมแห่งราชอาณาจักรไทย กับกระทรวงเศรษฐกิจและการจ้างงาน (Ministry of Economic Affairs and
Employment) แห่งสาธารณรัฐฟินแลนด์ และอนุมัติให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนามในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ของฝ่ายไทย [จะมีการลงนามในช่วงไตรมาสที่ ๔ ของปี พ.ศ. ๒๕๖๓
(เดือนธันวาคม ๒๕๖๓)] โดยร่างบันทึกความเข้าใจฯ
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความเข้าใจและเสริมสร้างความร่วมมือทวิภาคีด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนในสาขาต่าง
ๆ เช่น การหารือเกี่ยวกับการออกแบบ การวางแผน และการดำเนินการตามกลยุทธ์
การออกกฎหมาย นโยบาย การติดตาม และการวิจัยในสาขาที่มีความสนใจร่วมกัน
การแลกเปลี่ยนกลยุทธ์เกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศของเศรษฐกิจหมุนเวียนในสาขาสำคัญ
และการเสริมสร้างศักยภาพในการถ่ายทอดและแบ่งปันความรู้และเทคโนโลยีผ่านวิธีการที่เหมาะสม
เป็นต้น ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความเข้าใจฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๓๐ มิถุนายน ๒๕๕๘ (เรื่อง
การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ)
ด้วย ๒.
ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรพิจารณาปรับแก้ถ้อยคำในร่างบันทึกความเข้าใจฯ
คู่ฉบับภาษาไทย จากคำว่า “มาตรา” เป็น “วรรค” ในทุกแห่งที่ปรากฏ
เพื่อให้สอดคล้องกับเอกสารที่มิใช่สนธิสัญญา
และควรพิจารณาความเชื่อมโยงที่คำนึงถึงหลักการของแนวทางการพัฒนา Bio-Circular-Green
Economy : BCG และความพร้อมในรายละเอียดของการดำเนินการ
เพื่อให้การขับเคลื่อนมีความสอดคล้องกับทิศทางและนโยบายรัฐบาล ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||
9562 | ร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. .... | กค. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน
การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมระเบียบกระทรวงการคลัง
ว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน
และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. ๒๕๖๒
โดยกำหนดให้หน่วยงานผู้เบิกสามารถเปิดบัญชีกับธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งได้ด้วย
นอกเหนือจากธนาคารที่เป็นรัฐวิสาหกิจแล้ว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับร่างระเบียบดังกล่าวให้กับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔
พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9563 | ร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันในท้องที่ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... | มท. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาถอนสภาพที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
ในท้องที่ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการถอนสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์ของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน
แปลงที่ ๑ “ที่จับสัตว์น้ำลาดขะโมยฯ” บางส่วน และแปลงที่ ๒ “ลาดชะโดสาธารณประโยชน์”
ในท้องที่ตำบลโคกโคเฒ่า อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
เพื่อมอบหมายให้มหาวิทยาลัยสวนดุสิตใช้เป็นที่ตั้งมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
วิทยาเขตสุพรรณบุรี ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9564 | รายงานผลการประชุม High – level Ministerial Conference on Human Resources Development for the Changing World of Work ผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ (Video Conference) | รง. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบ เห็นชอบ
และอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑.๑
รับทราบผลการประชุมระดับรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน
(High-level Ministerial Conference on Human
Resources Development for the Changing World of Work) ผ่านระบบการประชุมทางไกลผ่านจอภาพ
(Video Conference) เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ ณ
กระทรวงแรงงาน ซึ่งที่ประชุมได้รับรองร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน
ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน ครั้งที่ ๒๘ ในวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓
และที่ประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน
๒๕๖๓ และจะได้นำเสนอผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนรับทราบในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่
๓๗ ระหว่างวันที่ ๑๑-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ต่อไป โดยร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ มีสาระสำคัญเกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ตลอดช่วงวัยในด้านการศึกษา
การฝึกอบรมทักษะฝีมือและการจ้างงาน การพัฒนาการศึกษาอย่างมีส่วนร่วมและการจ้างงานสำหรับทุกคน
และการเข้าถึงโอกาสในการจ้างงาน การจ้างงาน งานที่มีคุณภาพ
และความสามารถในการแข่งขันของสถานประกอบกิจการ เป็นต้น ๑.๒
เห็นชอบร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนว่าด้วยการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์สำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลงไปของงาน
และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานหรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายรับรองร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ ๑.๓ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในฐานะประธานคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ
ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ ๑.๔ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับทราบ
(for notation) ร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ
ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๗ ๒.
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแผนสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๓. ให้กระทรวงแรงงานและกระทรวงศึกษาธิการรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงการอุดมศึกษา
วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่เห็นควรมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะเพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคดิจิทัล
ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก ทั้งในระหว่างและหลังการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ และเป็นการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของแรงงานไทย
อันจะเพิ่มโอกาสในการได้รับการจ้างงานอย่างยั่งยืน
รวมทั้งเห็นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาแรงงานในระบบและการเข้าถึงการจ้างงานสำหรับทุกคนมากกว่าการผลิตกำลังคนเพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดแรงงาน
ซี่งจะทำให้แผนและกิจกรรมสำหรับปฏิญญาอาเซียนฯ ไม่ซ้ำซ้อนกับแผนและกิจกรรมภายใต้ความร่วมมือด้านการศึกษาในกรอบการประชุมรัฐมนตรีศึกษาอาเซียน |
||||||||||||||||||||||||||||||
9565 | รายงานการออกกฎหมายลำดับรองของพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 | ทส. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานผลการตรากฎหมายลำดับรองตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน
พ.ศ. ๒๕๖๒ จำนวน ๒๘ ฉบับ โดยดำเนินการเสร็จแล้ว จำนวน ๖ ฉบับ
และอยู่ระหว่างการดำเนินการ จำนวน ๒๒ ฉบับ เนื่องจากพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ.
๒๕๖๒ เป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรง ดังนั้น การออกกฎหมายลำดับรอง
จึงจำเป็นต้องอาศัยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนและการรับฟังความคิดเห็นจากภาคประชาชนโดยรอบด้าน
ประกอบกับพระราชบัญญัติป่าชุมชนฯ เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นใหม่
จึงจำเป็นต้องมีการสร้างความรู้ ความเข้าใจให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน
เพื่อให้การออกกฎหมายลำดับรองมีความเหมาะสมกับบริบทในการจัดทำป่าชุมชน
และเป็นไปตามเจตนารมณ์ที่กฎหมายกำหนด
ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9566 | มาตรการการคลังด้านการใช้จ่ายภาครัฐ | กค. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ มาตรการการคลังด้านการใช้จ่ายภาครัฐ มีวัตถุประสงค์เพื่อเร่งรัดสนับสนุนให้มีเม็ดเงินจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ โดยกำหนดเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้หน่วยรับงบประมาณเร่งรัดการใช้จ่าย ทั้งรายจ่ายประจำปีและรายจ่ายลงทุน
และเร่งรัดการเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรม ประชุม สัมมนา ประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ภายในไตรมาสที่ ๑ ของปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔
ให้มากที่สุดหรือไม่น้อยกว่าร้อยละ ๕๐ ของวงเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรร
โดยให้พิจารณาสนับสนุนโรงแรมขนาดกลางและขนาดเล็กในเมืองท่องเที่ยวภายในประเทศโดยเฉพาะเมืองรองเป็นลำดับแรก
และมอบหมายให้หน่วยรับงบประมาณถือปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว ๑.๒
การแต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ
โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานกรรมการ
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังเป็นรองประธานกรรมการ มีกรรมการประกอบด้วย
หน่วยรับงบประมาณที่มีงบลงทุนอยู่ในระดับสูง โดยมีที่ปรึกษาหรือรองอธิบดีที่อธิบดีกรมบัญชีกลางมอบหมาย
ที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจมอบหมาย
และที่ปรึกษาหรือรองผู้อำนวยการที่ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะมอบหมาย
เป็นกรรมการและเลขานุการร่วม
และให้มีการติดตามและประชุมหารือเพื่อเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของหน่วยรับงบประมาณ
รวมทั้งติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐอื่น ๆ เช่น
โครงการใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา
และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เป็นต้น ๒.
ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงคมนาคมและสำนักงบประมาณที่เห็นควรจัดทำประมาณการรายรับให้สอดคล้องกับเป้าหมายการใช้จ่ายงบประมาณที่กำหนดไว้
และใช้ประโยชน์จากเครื่องมือหรือระบบการติดตามผลการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยรับงบประมาณ
รวมทั้งผลการใช้จ่ายภาครัฐอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้วเพื่อให้การติดตามและเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐมีประสิทธิภาพและเกิดผลสัมฤทธิ์อย่างทันต่อเหตุการณ์และให้เกิดประโยชน์สูงสุด
โดยคำนึงถึงการจัดทำแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติในรูปแบบเฉพาะกิจเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-๑๙
ในช่วงระหว่างปี ๒๕๖๔-๒๕๖๕ ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๓
และให้มีการรายงานผลการติดตามเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ ปัญหาอุปสรรคการดำเนินการ
และข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขต่อคณะรัฐมนตรีอย่างสม่ำเสมอ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9567 | ร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวบาล พ.ศ. .... | กษ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวบาล พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการสัตวบาลขึ้น
โดยมีสภาการสัตวบาลเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่และอำนาจในการรับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ขอเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการสัตวบาล
เพื่อส่งเสริมการประกอบวิชาชีพการสัตวบาล ควบคุมและกำหนดมาตรฐานการประกอบวิชาชีพการสัตวบาล
เพื่อให้การประกอบวิชาชีพการสัตวบาลเป็นไปในมาตรฐานเดียวกัน ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9568 | การเข้าเป็นภาคีความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) | พณ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9569 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. .... | ศธ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ
คุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ
วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.
.... มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงกฎกระทรวงกำหนดจำนวนกรรมการ คุณสมบัติ หลักเกณฑ์
วิธีการสรรหา การเลือกประธานกรรมการและกรรมการ
วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.
๒๕๔๖ ในเรื่องคุณสมบัติ หลักเกณฑ์ วิธีการสรรหา การเลือกกรรมการ
และวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานให้มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน
ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9570 | รายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 | ปปง. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบรายงานผลการปฏิบัติงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ ซึ่งเป็นการรายงานเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานในด้านต่าง ๆ
ตลอดจนปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะในการปฏิบัติงาน
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินเสนอ ๒.
เห็นชอบให้นำข้อสังเกตของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการแก้ไขข้อจำกัดด้านโครงสร้างและอัตรากำลัง
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินควรพิจารณาทบทวนโครงสร้างและอัตรากำลังให้สอดคล้องกับขั้นตอน
กระบวนงานในแต่ละภารกิจที่สามารถนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือทดแทนกำลังคน
ตลอดจนปรับเกลี่ยอัตรากำลังที่มีอยู่เดิมให้สอดคล้องกับภารกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และขยายผลการนำ
Digital Technology มาใช้ในการปฏิบัติงานและการเชื่อมโยงหรือบูรณาการข้อมูลที่ไม่กระทบความมั่นคงของประเทศกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งมีการติดตามการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดังกล่าว
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและยกระดับรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government)
และส่งเสริมจริยธรรมและการเสริมสร้างวินัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน
โดยอาจจัดทำข้อกำหนดจริยธรรมที่ควรกระทำหรือไม่ควรกระทำ
สำหรับใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการประพฤติปฏิบัติตน
ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการทุจริตและประพฤติมิชอบ เป็นข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรี
และให้นำรายงานดังกล่าวพร้อมข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาต่อไป ๓. ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการตามข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีต่อไป ๔. ให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพิจารณาทบทวนภารกิจให้ครอบคลุมถึงกรณีที่มีสนับสนุนทางการเงินจากองค์กรไม่แสวงหากำไรของต่างประเทศอันอาจจะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9571 | ขอความเห็นชอบการรับรองเอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน | รง. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ดังนี้ ๑.๑ เห็นชอบเอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน
จำนวน ๔ ฉบับ ซึ่งเป็นร่างเอกสารผลลัพธ์ที่ได้รับการรับรองในการประชุมรัฐมนตรีแรงงานอาเซียน
ครั้งที่ ๒๘ เมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๖๓ ได้แก่ (๑) ร่างแนวทางอาเซียนว่าด้วยการเดินทางกลับประเทศมาตุภูมิและการคืนสู่สังคมของแรงงานต่างด้าวอย่างมีประสิทธิภาพ
(๒)
ร่างแผนงานอาเซียนว่าด้วยการขจัดรูปแบบที่เลวร้ายที่สุดของการใช้แรงงานเด็กภายในปี
ค.ศ. ๒๐๒๕ (๓) ร่างแนวทางอาเซียนว่าด้วยการบูรณาการเพศภาวะให้เป็นกระแสหลักในนโยบายด้านแรงงานและการจ้างเพื่อมุ่งสู่งานที่มีคุณค่าสำหรับทุกคน
และ (๔) ร่างแนวทางอาเซียนว่าด้วยการประเมินความเสี่ยงอาชีวอนามัยและความปลอดภัยสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศสมาชิก
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดแนวทางปฏิบัติเพื่อส่งเสริมการดำเนินงานด้านต่าง ๆ
เกี่ยวกับแรงงานที่ประเทศสมาชิกอาเซียนยังประสบปัญหา ๑.๒ อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ในฐานะประธานคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมาย ร่วมรับรองเอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานทั้ง ๔ ฉบับ
ในการประชุมคณะมนตรีประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ครั้งที่ ๒๔ ๑.๓ อนุมัติให้นายกรัฐมนตรีหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายรับทราบ
(for notation) เอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานทั้ง ๔ ฉบับ
ร่วมกับผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๓๗ ๒. หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารผลลัพธ์ด้านแรงงานภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียน
จำนวน ๔ ฉบับ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้กระทรวงแรงงานดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
๓.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9572 | รายงานผลการดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ครั้งที่ 2 | ทส. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน
๒๕๖๒ ที่ได้เคยมีมติเห็นชอบโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร
ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๕
โดยกำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน คือ
หากเป็นเงินกู้เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย และปรับพื้นที่ปลูกอ้อย
กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๔ ปี
และหากเป็นเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร
กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี โดยเห็นชอบขยายระยะเวลาชำระคืนหนี้เงินกู้
ได้แก่ (๑) กู้เงินเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย หรือเพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย
เดิม กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๔ ปี เป็น กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี
แต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๐ และ (๒)
กู้เงินเพื่อจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร เดิม กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี
เป็น กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๘ ปี แต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๒ ๑.๒
เห็นชอบการพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย งวดชำระหนี้ที่ถึงกำหนดระหว่างวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ของโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี
๒๕๖๒-๒๕๖๔ เป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยให้นำต้นเงินงวดชำระดังกล่าวขยายต่อท้ายงวดชำระสุดท้ายตามงวดชำระหนี้เดิม
สำหรับดอกเบี้ยให้ชำระหนี้ในงวดชำระหนี้ในบัญชี ๒๕๖๔ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔-๓๑
มีนาคม ๒๕๖๕) ทั้งนี้ กรณีมีงวดชำระต้นเงินค้างชำระก่อนวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓
ที่ถูกจัดหนี้เป็นหนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน (NPLs) .งวดชำระหนี้ดังกล่าวไม่สามารถพักชำระหนี้ได้ ๑.๓
เห็นชอบการพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย งวดชำระหนี้ที่ถึงกำหนดระหว่างวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ของโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี
๒๕๕๙-๒๕๖๑ เป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยให้นำต้นเงินงวดชำระดังกล่าวขยายต่อท้ายงวดชำระสุดท้ายตามงวดชำระหนี้เดิม
สำหรับดอกเบี้ยให้ชำระหนี้ในงวดชำระหนี้ในบัญชี ๒๕๖๔ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔-๓๑
มีนาคม ๒๕๖๕) ซึ่งกรอบวงเงินงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยที่เคยได้รับการจัดสรรตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่
๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ มีเพียงพอ ทั้งนี้ กรณีมีงวดชำระต้นเงินค้างชำระก่อนวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ที่ถูกจัดหนี้เป็นหนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน (NPLs) งวดชำระหนี้ดังกล่าวไม่สามารถพักชำระหนี้ได้ ๒.
ในส่วนของการขอรับการจัดสรรกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี
๒๕๖๒-๒๕๖๔ ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่มเติม
ให้ดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่ ๑๑
มิถุนายน ๒๕๖๒ วงเงิน ๕๙๙.๔๓ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม
ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น ควรติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ
อย่างใกล้ชิด
ควรพิจารณาว่าการดำเนินการเป็นไปตามเงื่อนไขว่าด้วยการอุดหนุนและมาตรการตอบโต้และความตกลงว่าด้วยการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก
(WTO) หรือไม่
และควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการผลิตและการตลาดให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ภัยแล้ง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9573 | ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ 4/2563 | สกพอ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ครั้งที่ ๔/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๓ ซึ่งได้พิจารณาและมีมติเกี่ยวกับเรื่อง
แนวทางการเชื่อมโยงท่าเรือแหลมฉบังกับนานาชาติ ประกอบด้วย โครงการท่าเรือบก (Dry
Port) โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน
โครงการสะพานไทย และได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกกำกับดูแลบูรณาการโครงการต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการเชื่อมโยงแหลมฉบังกับนานาชาติ
และโครงการเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) ซึ่งคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกได้มีมติเห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เรื่อง แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... และร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ : เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ ๒.
อนุมัติร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เรื่อง
แผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดิน
และแผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... และร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
เรื่อง การเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ : เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(ฉบับที่ ๒) พ.ศ. .... รวม ๒ ฉบับ
มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเปลี่ยนแปลงประเภทการใช้ประโยชน์ที่ดิน
โดยกำหนดแผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน
แผนผังการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค และรายการประกอบแผนผังใหม่
พื้นที่ประมาณ ๑๕๒ ไร่ บริเวณตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง จากเดิม
“ที่ดินประเภทชุมชนชนบท” (สีเหลืองอ่อน) เป็น
“ที่ดินประเภทเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพื่อกิจการพิเศษ” (สีน้ำตาล)
และเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ : เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก
(EECi) โดยขยายพื้นที่ดังกล่าวเพิ่มเติม ในบริเวณวังจันทร์วัลเลย์
ตำบลป่ายุบใน อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง รวมเป็นพื้นที่ประมาณ ๓,๔๕๔ ไร่
โดยเป็นพื้นที่อยู่ติดกันและต่อเนื่องกับพื้นที่เดิม
เพื่อรองรับการเข้าใช้พื้นที่ในกิจกรรมที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง
รวมทั้งพื้นที่ชุมชน (Community Zone) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
ให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกรับความเห็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
เช่น ควรควบคุมดูแลและติดตามผลการอนุมัติการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างต่อเนื่อง
เพื่อกำกับให้การใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ :
EECi เป็นไปตามเจตนารมณ์ของการจัดทำแผนผัง
และควรมีช่องทางที่สะดวกในการติดตาม ตรวจสอบ และรับข้อเสนอแนะหรือข้อร้องเรียนต่าง
ๆ จากภาคประชาชนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งการประชาสัมพันธ์แก่นักลงทุนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องถึงการเปลี่ยนแปลงเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษดังกล่าว
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9574 | ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2562 เรื่อง โครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี 2562 - 2564 และการพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี 2559 - 2561 และปี 2562 - 2564 | อก. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ ดังนี้ ๑.๑ ทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๑
มิถุนายน ๒๕๖๒ ที่ได้เคยมีมติเห็นชอบโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร
ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๔
โดยกำหนดระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นตามวัตถุประสงค์การกู้เงิน คือ
หากเป็นเงินกู้เพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย
และปรับพื้นที่ปลูกอ้อย กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๔ ปี
และหากเป็นเงินกู้เพื่อซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร
กำหนดชำระคืนเงินกู้เสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี โดยเห็นชอบขยายระยะเวลาชำระคืนหนี้เงินกู้
ได้แก่ (๑) กู้เงินเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย
หรือเพื่อปรับพื้นที่ปลูกอ้อย เดิม กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๔ ปี เป็น
กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี แต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๐ และ (๒)
กู้เงินเพื่อจัดซื้อเครื่องจักรกลการเกษตร เดิม กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๖ ปี
เป็น กำหนดชำระคืนเสร็จสิ้นไม่เกิน ๘ ปี แต่ไม่เกินวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๗๒ ๑.๒ การพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย
งวดชำระหนี้ที่ถึงกำหนดระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ของโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี
๒๕๖๒-๒๕๖๔ เป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยให้นำต้นเงินงวดชำระดังกล่าวขยายต่อท้ายงวดชำระสุดท้ายตามงวดชำระหนี้เดิม
สำหรับดอกเบี้ยให้ชำระหนี้ในงวดชำระหนี้ในบัญชี ๒๕๖๔ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔-๓๑
มีนาคม ๒๕๖๕) ทั้งนี้ กรณีมีงวดชำระต้นเงินค้างชำระก่อนวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓
ที่ถูกจัดหนี้เป็นหนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน (NPLs) งวดชำระหนี้ดังกล่าวไม่สามารถพักชำระหนี้ได้ ๑.๓ การพักชำระหนี้ต้นเงินพร้อมดอกเบี้ย
งวดชำระหนี้ที่ถึงกำหนดระหว่างวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๔
ของโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร ปี
๒๕๕๙-๒๕๖๑ เป็นระยะเวลา ๑ ปี โดยให้นำต้นเงินงวดชำระดังกล่าวขยายต่อท้ายงวดชำระสุดท้ายตามงวดชำระหนี้เดิม
สำหรับดอกเบี้ยให้ชำระหนี้ในงวดชำระหนี้ในบัญชี ๒๕๖๔ (วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๔-๓๑
มีนาคม ๒๕๖๕)
ซึ่งกรอบวงเงินงบประมาณชดเชยดอกเบี้ยที่เคยได้รับการจัดสรรตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่
๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ มีเพียงพอ ทั้งนี้ กรณีมีงวดชำระต้นเงินค้างชำระก่อนวันที่ ๑
เมษายน ๒๕๖๓ ที่ถูกจัดหนี้เป็นหนี้ต่ำกว่ามาตรฐาน (NPLs) งวดชำระหนี้ดังกล่าวไม่สามารถพักชำระหนี้ได้ ๒.
ในส่วนของการขอรับการจัดสรรกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อชดเชยดอกเบี้ยตามโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปี
๒๕๖๒-๒๕๖๔ ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพิ่มเติม
ให้ดำเนินการภายใต้กรอบงบประมาณเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติไว้เมื่อวันที่
๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๒ วงเงิน ๕๙๙.๔๓ ล้านบาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ และให้กระทรวงอุตสาหกรรม
ธ.ก.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงบประมาณ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น
ควรติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการฯ อย่างใกล้ชิด ควรพิจารณาว่าการดำเนินการเป็นไปตามเงื่อนไขว่าด้วยการอุดหนุนและมาตรการตอบโต้และความตกลงว่าด้วยการเกษตรภายใต้องค์การการค้าโลก
(WTO) หรือไม่
และควรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวางแผนการผลิตและการตลาดให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ภัยแล้ง
เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||
9575 | สรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ "ชิมช้อปใช้" | กค. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการดำเนินมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ
“ชิมช้อปใช้” และมาตรการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ประกอบด้วย (๑)
ผลการดำเนินมาตรการฯ ระหว่างวันที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๒-๓๑ มกราคม ๒๕๖๓ (๒)
ผลการประเมินผลความคุ้มค่าและแบบสำรวจความพึงพอใจของมาตรการฯ
ในส่วนของความคุ้มค่าและความพึงพอใจ และ (๓) สรุปภาพรวมการดำเนินการ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9576 | ร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน 2563)] | นร. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9577 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นางสาววรวรรณ อัศวกุล) | สธ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นางสาววรวรรณ อัศวกุล ข้าราชการพลเรือนสามัญ
ตำแหน่งทันตแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านทันตสาธารณสุข) กรมอนามัย ให้ดำรงตำแหน่งทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านทันตสาธารณสุข) กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9578 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (1. นายชัยณรงค์ องอาจวาณิชย์) | คค. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงคมนาคม ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๓ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเสนอ ดังนี้ ๑. นายชัยณรงค์
องอาจวาณิชย์ ดำรงตำแหน่งวิศวกรใหญ่ที่ปรึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านวิศวกรรมโยธา
(ด้านสำรวจและออกแบบ) (วิศวกร โยธาทรงคุณวุฒิ) กรมทางหลวงชนบท ตั้งแต่วันที่
๒๙ เมษายน ๒๕๖๓ ๒. นายธงชัย พงษ์วิชัย ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางน้ำ (นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ)
สำนักงาน ปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่
๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ๓. นายสถาพร
อังคณาวรกุล ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางอากาศ (นักวิชาการขนส่งทรงคุณวุฒิ) สำนักงานปลัดกระทรวง ตั้งแต่วันที่
๖ สิงหาคม ๒๕๖๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||
9579 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน รวม 6 ฉบับ (ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแควน้อยบำรุงแดนเป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....) | กษ. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทาน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทานจากผู้ใช้น้ำที่นำน้ำไปใช้เพื่อกิจการโรงงาน
การประปา หรือกิจการอื่นนอกจากภาคเกษตรกรรมเพื่อประโยชน์ในการควบคุมดูแลปริมาณน้ำ
และให้การใช้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวม ๖ ฉบับ
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ดังนี้ ๑. ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานในเขตโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแควน้อยบำรุงแดน
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญ (๑)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานแม่น้ำแควน้อย จากศูนย์กลางเขื่อนแควน้อย กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลคันโช้ง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก ถึงกิโลเมตรที่ ๘๗.๒๖๐
ในท้องที่ตำบลจอมทอง และตำบลปากโทก อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน (๒)
กำหนดให้ทางน้ำชลประทานเขื่อนทดน้ำพญาแมน จากศูนย์กลางเขื่อนทดน้ำพญาแมน
กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก
ไปทางเหนือน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๕๐๐ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง อำเภอวัดโบสถ์
จังหวัดพิษณุโลก ไปทางท้ายน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๔๗๗ ในท้องที่ตำบลบ้านยาง
อำเภอวัดโบสถ์ จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน และ
(๓) กำหนดให้ทางน้ำชลประทานฝายมะขามสูง จากศูนย์กลางฝายมะขามสูง กิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐
ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ไปทางเหนือน้ำ
ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๐๘๐ ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก
ไปทางท้ายน้ำ ถึงกิโลเมตรที่ ๐.๑๒๐ ในท้องที่ตำบลมะขามสูง อำเภอเมืองพิษณุโลก
จังหวัดพิษณุโลก เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำหนองทะลอก
ในท้องที่ตำบลนางรอง อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๓.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเมฆา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยเมฆา
ในท้องที่ตำบลปราสาท และตำบลบึงเจริญ อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยตะโก
ในท้องที่ตำบลจันทบเพชร อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานอ่างเก็บน้ำห้วยยาง
ในท้องที่ตำบลดอนอะราง อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ และตำบลสุขไพบูลย์
อำเภอเสิงสาง จังหวัดนครราชสีมา เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ทางน้ำชลประทานคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายของอ่างเก็บน้ำห้วยลิงโจน
จากกิโลเมตรที่ ๐.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
ถึงกิโลเมตรที่ ๕.๐๐๐ ในท้องที่ตำบลห้องแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดยโสธร
เป็นทางน้ำชลประทานที่จะเรียกเก็บค่าชลประทาน |
||||||||||||||||||||||||||||||
9580 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สม. | 10/11/2563 | |||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานอัยการสูงสุด
สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) เสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รวมพิจารณาร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้ให้เป็นฉบับเดียว แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๑.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ๒.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ๓. ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ๔.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานอัยการสูงสุดเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ๕.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง ๖.
ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน)
เป็นหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการทางปกครองแทนได้ตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง |