ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 451 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9001 - 9020 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9001 | การแต่งตั้งโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม และรองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม | วธ. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบการแต่งตั้งโฆษกกระทรวงวัฒนธรรมและรองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ
ดังนี้ ๑. นายประสพ เรียงเงิน โฆษกกระทรวงวัฒนธรรม ๒. นางสาวเพชรรัตน์
สายทอง รองโฆษกกระทรวงวัฒนธรรม
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9002 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | รง. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
เป็นระยะเวลา ๒ เดือน โดยลดอัตราเงินสมทบฝ่ายผู้ประกันตนมาตรา ๓๓ จากเดิมร้อยละ ๓
ของค่าจ้างผู้ประกันตน เหลือร้อยละ ๐.๕ ของค่าจ้างผู้ประกันตน สำหรับฝ่ายนายจ้าง ส่งเงินสมทบอัตราเดิม
ร้อยละ ๓ ของค่าจ้างผู้ประกันตน สำหรับฝ่ายรัฐบาล ส่งเงินสมทบอัตราเดิม ร้อยละ
๒.๗๕ ของค่าจ้างผู้ประกันตน และสำหรับผู้ประกันตนตามมาตรา ๓๙
ให้ปรับลดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคมตามมาตรา ๔๖ วรรคสาม
เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของผู้ประกันตนซึ่งได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับประโยน์ที่ผู้ประกันตนจะได้รับ
รวมทั้งวางแผนการดำเนินการทางการเงินของกองทุนประกันสังคมอย่างเหมาะสมทั้งในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว โดยคำนึงถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสภาพคล่องและเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคม
รวมถึงภาระการเงินการคลังที่อาจเกิดขึ้นแก่รัฐในอนาคต ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9003 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564) | ปสส. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔ ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
ดังนี้ ๑.
ที่ประชุมพิจารณาเรื่องที่คณะรัฐมนตรีส่งมาให้วิปรัฐบาลพิจารณา ได้แก่ (๑)
ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive
Economic Partnership Agreement) (๒) ข้อตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน
(ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Type Approval for Automotive
Products) (๓) ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม
พ.ศ. .... (๔) ร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเสนอข้อบัญญัติท้องถิ่น พ.ศ. .... และ
(๕) ร่างพระราชบัญญัติการเข้าชื่อเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
พ.ศ. .... ๒.
ที่ประชุมพิจารณาระเบียบวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ ๒๕ ปีที่ ๒ ครั้งที่
๑๕ (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพุธที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๔ ครั้งที่ ๑๖
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๔ และครั้งที่ ๑๗
(สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) เป็นพิเศษ วันศุกร์ที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๖๔
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9004 | ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ. .... [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผุ้แทนราษฎร (วันจันทรที่ 25 มกราคม 2564)] | นร.04 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔
ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ประโยชน์ผลงานวิจัยและนวัตกรรม พ.ศ.
.... ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน
ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9005 | ทบทวนแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ และการบริหารจัดการผู้ต้องกัก | รง. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบการทบทวนแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ ๒.
อนุมัติในหลักการร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย รวม ๒ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน
แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.๑ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การผ่อนผันให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ...
มกราคม ๒๕๖๔ ๒.๒ ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวซึ่งเป็นผู้ต้องกักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
เพื่อรอการส่งกลับภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ...
มกราคม ๒๕๖๔ ๓.
เห็นชอบในหลักการร่างประกาศกระทรวงแรงงาน รวม ๔ ฉบับ ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้รับความเห็นของกระทรวงสาธารณสุขที่ขอแก้ไขข้อความในส่วนของการตรวจโรคโควิด-19 โดยให้คนต่างด้าวสามารถเข้ารับการตรวจโรคดังกล่าวกับโรงพยาบาลของรัฐ
หรือโรงพยาบาลเอกชนที่ได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
และเป็นไปตามที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกำหนด สำหรับค่าใช้จ่ายในการตรวจให้เป็นไปตามอัตราที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด
ไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๓.๑ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ฉบับที่ ..) ๓.๒ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
และเมียนมา ซึ่งได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามมาตรา ๖๔ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 (ฉบับที่ ..) ๓.๓ รางประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ...
มกราคม ๒๕๖๔ ๓.๔ ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง
การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นการเฉพาะสำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา
ลาว และเมียนมา ซึ่งเป็นผู้ต้องกักอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ
เพื่อรอการส่งกลับ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ...
มกราคม ๒๕๖๔ ๔.
ให้กระทรวงแรงงานรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรเร่งประชาสัมพันธ์และให้ความรู้แก่คนต่างด้าว
เรื่อง มาตรการรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลทั้งในสถานประกอบการ
ตลอดจนยกระดับสภาพชีวิตความเป็นอยู่ในบริเวณที่พักอาศัย
และในชุมชนโดยรอบให้มีความเหมาะสม
เพื่อลดโอกาสการเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในวงกว้าง
รวมทั้งควรดำเนินการจัดเก็บข้อมูลแรงงานต่างด้าวในรูปแบบดิจิทัaลเป็นรายบุคคล และบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อการติดตามตัวแรงงานต่างด้าว
และประโยชน์ในการบริหารจัดการในระยะต่อไปอย่างมีประสิทธิภาพทั้งในมิติเศรษฐกิจ
สังคม และความมั่นคง ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
๕.
ให้กระทรวงแรงงานได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9006 | ร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลคลองหลวงแพ่ง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... | คค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลคลองหลวงแพ่ง
อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง
จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน
ในท้องที่แขวงขุมทอง เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร ตำบลคลองหลวงแพ่ง
อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง
จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสร้างและขยายทางหลวงชนบท
สายเชื่อมระหว่างถนนขุมทอง-ลำต้อยติ่งกับทางหลวงชนบท สป. ๑๐๐๖ เพื่อให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีสิทธิเข้าไปทำการสำรวจเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องได้มาโดยแน่ชัด
รวมทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกและความรวดเร็วแก่การจราจรและการขนส่ง
อันเป็นกิจการสาธารณูปโภค ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงคมนาคมรับความเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑) ก่อนการก่อสร้างทางหลวงชนบททุกเส้นทาง
ขอให้กรมทางหลวงชนบทให้ความสำคัญและตระหนักถึงแนวทางในการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดจากการก่อสร้างทางหลวงชนบทกีดขวางการไหลของน้ำตามธรรมชาติ
เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาการระบายน้ำไม่ทันและอาจก่อให้เกิดน้ำท่วมหรือเกิดอุทกภัยต่อไปในอนาคต
(๒) การเวนคืนที่ดินต้องดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส
และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการและประชาชนจะได้รับเป็นสำคัญ (๓) ให้กรมทางหลวงชนบทพิจารณาศึกษาปริมาณการจราจรในพื้นที่
เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนของการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมที่อยู่ในความรับผิดชอบ
และ (๔) ให้กระทรวงคมนาคมถือปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓) เรื่อง
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการตราร่างพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนเพื่อก่อสร้างหรือขยายถนน
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9007 | การขอรับความเห็นชอบต่อร่างกรอบความร่วมมือเพื่อพัฒนาความพร้อมด้านดิจิทัลสำหรับพลเมืองอาเซียน (Framework for Developing Digital Readiness among ASEAN Citizens) | นร.02 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบต่อร่างกรอบความร่วมมือเพื่อพัฒนาความพร้อมด้านดิจิทัลสำหรับพลเมืองอาเซียน
(Framework for Developing Digital Readiness among ASEAN Citizens) และอนุมัติให้รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ในฐานะรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียนของประเทศไทยรับรองร่างกรอบความร่วมมือฯ ในที่ประชุมรัฐมนตรีสารนิเทศอาเซียน
ครั้งที่ ๑๕ ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพและประธานการประชุมฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
ผ่านการประชุมระบบทางไกลผ่านจอภาพ โดยร่างกรอบความร่วมมือฯ
มีสาระสำคัญเป็นการส่งเสริมการเสนอแนวความคิดร่วมกันต่อการพัฒนาความพร้อมด้านดิจิทัลสำหรับพลเมืองอาเซียน
เพื่อเป็นพื้นฐานในการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวต่อไป
ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) เสนอ ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างกรอบความร่วมมือฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักนายกรัฐมนตรี (กรมประชาสัมพันธ์) ดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9008 | หลักเกณฑ์การกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานาน | นร.08 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติให้ยกเลิกหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะกลุ่มเป้าหมายตามยุทธศาสตร์การจัดการสถานะและสิทธิบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ (เรื่อง
ขออนุมัติหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะกลุ่มเป้าหมายตามยุทธศาสตร์การจัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคล)
และอนุมัติหลักเกณฑ์การกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานาน
เพื่อใช้ทดแทนหลักเกณฑ์ข้างต้น ซึ่งหลักเกณฑ์ฯ ที่จัดทำขึ้นในครั้งนี้เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับสถานะเป็นคนต่างด้าวเข้าเมืองโดยชอบด้วยกฎหมายและมีถิ่นที่อยู่ถาวรในราชอาณาจักร
รวมทั้งการให้สิทธิต่าง ๆ โดยยังคงยึดกรอบหลักการเดิมตามมติคณะรัฐมนตรี (๗ ธันวาคม
๒๕๕๓) เช่น
บุคคลที่อพยพเข้ามาจะต้องไม่สามารถกลับประเทศต้นทางหรือไม่มีจุดเกาะเกี่ยวใด ๆ
กับประเทศต้นทาง
และมีความจงรักภักดีต่อประเทศไทยและเลื่อมใสการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แต่ได้ปรับปรุงเงื่อนไขบางประการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
เช่น การปรับเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย การปรับระยะเวลา จาก
อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่องติดต่อกัน ๑๐ ปี เป็น ไม่น้อยกว่า ๑๕ ปี
และการประกอบอาชีพสุจริตจะต้องมีใบอนุญาตทำงาน/หนังสือรับรองจากนายอำเภอ เป็นต้น
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ ๒.
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นและข้อสังเกตของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงสาธารณสุข สำนักข่าวกรองแห่งชาติ
และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นว่า (๑)
ควรพิจารณาให้กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับการกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่นาน
ที่ได้ตรวจสอบ คัดกรองข้อมูล ยืนยันความถูกต้อง และรับรองการขึ้นทะเบียนเรียบร้อยแล้ว
ให้ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานด้านสาธารณสุข
พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้กับกระทรวงสาธารณสุข
โดยไม่ต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง (๒)
ควรให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการจัดทำรายละเอียดของรูปแบบและวิธีการสำหรับใช้ตรวจสอบหลักเกณฑ์ฯ
ที่ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหลักเกณฑ์ฯ
ที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศ แต่มีลักษณะเป็นนามธรรม
เพื่อให้สามารถตรวจสอบสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่มานานได้ตรงตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ได้อย่างแท้จริง
รวมทั้งจะต้องมีมาตรการควบคุมตรวจสอบเพื่อป้องกันปัญหาการสวมสิทธิ์และการแสวงหาผลประโยชน์จากบุคคลที่ไม่เข้าหลักเกณฑ์อย่างเคร่งครัด
และ (๓) หลักเกณฑ์การกำหนดสถานะและสิทธิของบุคคลที่อพยพเข้ามาและอาศัยอยู่นาน
(ประเภทกลุ่มที่ได้รับการจัดทำทะเบียนประวัติตามมาตรา ๑๙/๒ และมาตรา ๓๘ วรรคสอง
แห่งพระราชบัญญัติการทะเบียนราษฎร พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม)
อาจส่งผลให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายการอพยพของบุคคลต่างด้าวต่อไป
และเงื่อนไขของกลุ่มดังกล่าวไม่มีถ้อยคำกำหนดว่า ต้องมีความประพฤติดี
และไม่มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งแตกต่างจากกลุ่มอื่น ๆ ที่มีถ้อยคำลักษณะดังกล่าว
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย ๓.
ให้กระทรวงมหาดไทยและสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเร่งตรวจสอบข้อมูลบุคคลที่ยังไม่ได้รับการกำหนดสถานะและสิทธิเพื่อยืนยันความถูกต้องและรับรองการขึ้นทะเบียนของบุคคลกลุ่มดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9009 | ผลการสรรหากรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (1. นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์) | สขค | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการในคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า จำนวน ๓ คน แทนรองประธานกรรมการและกรรมการเดิมที่พ้นจากตำแหน่งโดยวิธีจับฉลาก
(ตามมาตรา ๑๓ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า
พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามที่คณะกรรมการสรรหาได้คัดเลือกแล้ว ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เสนอ
ดังนี้ ๑. นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ ๒. นางปัทมา
เธียรวิศิษฎ์สกุล ๓ นายรักษเกชา แฉ่ฉาย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9010 | การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. รับทราบการขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม
เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19
ระลอกใหม่ ให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการโดยทั่วไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.๑ การขยายกำหนดเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับแบบแสดงรายการภาษี
ภ.ง.ด. ๙๐ และ ภ.ง.ด. ๙๑ ของปีภาษี ๒๕๖๓ ที่ยื่นผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
จากเดิมภายในเดือนมีนาคม ๒๕๖๔ ออกไปเป็นภายในวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๒ การขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการ นำส่ง
และชำระภาษีของเดือนมกราคม ๒๕๖๔ ถึงเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๔
ที่ต้องยื่นและนำส่งหรือชำระในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๔
แล้วแต่กรณี ออกไปเป็นภายในวันสุดท้ายของเดือนนั้น ๆ เฉพาะการยื่นแบบแสดงรายการ
นำส่ง และชำระภาษีผ่านระบบอินเทอร์เน็ต สำหรับแบบแสดงรายการดังต่อไปนี้ ๑.๒.๑
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๑) ๑.๒.๒
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๒) ๑.๒.๓
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๕๙ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๓) ๑.๒.๔
แบบยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา ๓ เตรส และมาตรา ๖๙ ทวิ
และการเสียภาษีตามมาตรา ๖๕ จัตวา แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๕๓) ๑.๒.๕
แบบยื่นรายการนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคล และการจำหน่ายเงินกำไร ตามมาตรา ๗๐
และตามมาตรา ๗๐ ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร (ภ.ง.ด. ๕๔) ๑.๒.๖
แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร (ภ.พ. ๓๐) ๑.๒.๗.
แบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร (ภ.พ. ๓๖)
๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9011 | ขอความเห็นชอบการปรับวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2563 และวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบการปรับวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ และกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔
ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) โดยปรับปรุงวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๓ จากวงเงินเดิม ๑,๗๗๕.๖๕๓ ล้านบาท เป็นวงเงิน ๑,๙๑๗.๓๘๐
ล้านบาท (เพิ่มขึ้น ๑๔๑.๗๒๗ ล้านบาท) และกรอบวงเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ประจำปีงบประมาณ ๒๕๖๔ จำนวน ๒,๓๓๘.๒๖๖ ล้านบาท ตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ
ในคราวประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๓ และครั้งที่ ๒/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๓ โดยให้ ขสมก. รายงานให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังทราบในโอกาสแรกด้วย
เพื่อสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะได้จัดเก็บข้อมูลยอดคงค้างให้เป็นไปตามข้อเท็จจริงต่อไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
ความคุ้มค่า และภาระการเงินการคลังที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ
รวมทั้งเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ
พ.ศ. ๒๕๖๑ อย่างเคร่งครัด ไปพิจารณาดำเนินการด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9012 | รายงานผลการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 - 2562 และแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และการต่อต้านการทุจริต | นร.10 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. รับทราบรายงานผลการปฏิบัติตามประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน
ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐-๒๕๖๒
และเห็นชอบในหลักการแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรม และการต่อต้านการทุจริต ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยข้อเสนอแนวทางฯ
สรุปได้ ดังนี้ ๑.๑ ปรับบทบาท
ภารกิจของศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.) ระดับกระทรวง
โดยกำหนดให้รับผิดชอบภารกิจที่ครอบคลุมงานด้านส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
การเสริมสร้างวินัย การส่งเสริมธรรมาภิบาล และการต่อต้านการทุจริต
และเปลี่ยนชื่อจาก “ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต (ศปท.)” เป็น
“ศูนย์ส่งเสริมจริยธรรมและต่อต้านการทุจริต (ศจท.)” ๑.๒ ปรับบทบาท
ภารกิจของกลุ่มงานคุ้มครองจริยธรรมให้เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงานด้านการส่งเสริมคุณธรรม
จริยธรรม การเสริมสร้างวินัย การส่งเสริมธรรมาภิบาล และการต่อต้านการทุจริต
โดยเสนอให้จัดตั้งเป็นส่วนราชการ ใช้ชื่อว่า “ศจท.” และเสนอให้มีการกำหนดกรอบอัตรากำลังในเบื้องต้น
๒-๕ อัตรา และให้ อ.ก.พ. กระทรวง หรือ อ.ก.พ. กรม
พิจารณาเกลี่ยอัตรากำลังเพื่อปฏิบัติงานในเบื้องต้น ๒-๕ อัตรา
โดยพิจารณาตามความเหมาะสม ๒. ให้สำนักงาน ก.พ.
รับความเห็นของกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
กระทรวงพลังงาน กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานขับเคลื่อนการปฎิรูปประเทศ
ยุทธศาสตร์ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง
สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เช่น (๑)
การกำหนดบทบาทภารกิจอำนาจหน้าที่และกรอบอัตรากำลังผู้ปฏิบัติงานด้านจริยธรรมยังไม่ชัดเจน
(๒)
ส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรพิจารณาและเร่งรัดดำเนินการให้สอดคล้องตามนัยมติคณะรัฐมนตรี
(๑๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙) (๓) กรณีที่กล่าวถึง ศปท. ระดับกระทรวง
ควรระบุให้ชัดเจนว่าหมายถึงส่วนราชการหรือหน่วยงานใด (๔) การให้ ศปท.
รับผิดชอบภารกิจการเสริมสร้างวินัยจะทำให้เกิดความซ้ำซ้อน และ (๕) การใช้ชื่อ
“ศปท.” มีความเหมาะสมและสะท้อนแนวนโยบายของรัฐบาลแล้ว เป็นต้น ไปพิจารณาปรับปรุงแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพฯ
ให้เหมาะสมและชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก่อนแจ้งเวียนให้ส่วนราชการถือปฏิบัติต่อไป |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9013 | ผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ในคราวประชุม ครั้งที่ 3/2564 | นร.11 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอขอแก้ไขข้อความในหนังสือคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ด่วนที่สุด ที่ นร ๑๑๐๖/(คกง.) ๐๒๔ ลงวันที่ ๒๕ มกราคม๒๕๖๔ ข้อ ๔.๕ หน้า ๑๒
จากเดิม “อนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินที่ได้รับสนับสนุนจากรัฐภายใต้โครงการเราชนะในส่วนของการใช้ชำระค่าบริการเพิ่มเติมให้ครอบคลุมถึงการชำระค่าบริการในระบบขนส่งสาธารณะ
(ไม่รวมระบบขนส่งทางอากาศ)...” เป็น “อนุมัติให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง
กระทรวงการคลัง
กำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินที่ได้รับสนับสนุนจากรัฐภายใต้โครงการเราชนะในส่วนของการใช้ชำระค่าบริการเพิ่มเติมให้ครอบคลุมถึงการชำระค่าบริการในระบบขนส่งสาธารณะของผู้ประกอบการที่เป็นนิติบุคคล
ได้แก่ รถไฟฟ้าในเขตเมือง รถไฟ รถโดยสารประจำทางสาธารณะ และเรือโดยสารสาธารณะ
(ไม่รวมระบบขนส่งทางอากาศ)...” ๒.
รับทราบและอนุมัติตามผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
ในคราวประชุมครั้งที่ ๓/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๒๒ มกราคม ๒๕๖๔
ซึ่งได้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการยกระดับเกษตรกรแปลงใหญ่ด้วยเกษตรกรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด
ของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
อนุมัติการยกเลิกและเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของโครงการภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนของจังหวัดที่ได้รับอนุมัติให้ใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา
เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ พ.ศ. ๒๕๖๓ ของจังหวัดหนองคาย
และอนุมัติการกำหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงินที่ได้รับสนับสนุนจากรัฐภายใต้โครงการเราชนะ
ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
รวมทั้งรับทราบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์และเงื่อนไขรายละเอียดของโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
ตามที่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้เสนอ
และให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้
หน่วยงานรับผิดชอบโครงการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เช่น
ให้หน่วยงานเจ้าของโครงการเตรียมความพร้อมให้ทันต่อสถานการณ์
และปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ให้ถูกต้องครบถ้วนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเหมาะสมของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในทุกมิติ
ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ อัตราค่าใช้จ่าย และมาตรฐานของทางราชการอย่างประหยัด
ตลอดจนให้ความสำคัญกับศักยภาพและความสามารถของหน่วยงานเจ้าของโครงการ
โดยจัดให้มีระบบการติดตามและประเมินผลให้ทันต่อสถานการณ์ เป็นต้น
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
๓.
ให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ประธานกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9014 | การปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานและลูกจ้างของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ | กค. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.๑ ยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙
มิถุนายน ๒๕๑๙ เรื่อง เงินบำเหน็จ (โบนัส)
ประจำปีของพนักงานและลูกจ้างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ๑.๒
เห็นชอบการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานและลูกจ้างประจำของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจ
โดยปรับให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล จากเดิมที่เป็นรัฐวิสาหกิจในกลุ่มที่ ๕
ประเภทจ่ายโบนัสพนักงานคงที่ เป็นรัฐวิสาหกิจในกลุ่มที่ ๒
รัฐวิสาหกิจประเภทที่จัดสรรโบนัสให้พนักงานได้เมื่อมีกำไรเพื่อการจัดสรรโบนัส
เนื่องจากมีกำไรจากการดำเนินงานตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖
ที่เห็นชอบการปรับปรุงระบบแรงจูงใจในส่วนค่าตอบแทนที่เป็นตัวเงินของรัฐวิสาหกิจ
ทั้งนี้
ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่ผลการประเมินผลการดำเนินงานรัฐวิสาหกิจประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ เป็นต้นไป
๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณ
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงาน ก.พ. เช่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งพิจารณาแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ่ายโบนัสพนักงานของรัฐวิสาหกิจที่ยังคงใช้หลักเกณฑ์จ่ายโบนัสพนักงานคงที่ให้เชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานตามระบบประเมินผลการดำเนินงานที่รัฐวิสาหกิจ
ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ (เรื่อง ผลการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ
ครั้งที่ ๔/๒๕๕๖) ต่อไป เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9015 | ความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ณ เดือนธันวาคม 2563 | นร.11 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบความก้าวหน้าของยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ
ณ เดือนธันวาคม ๒๕๖๓ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การพิจารณาแผนระดับที่ ๓
ของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในช่วงที่ผ่านมา การขับเคลื่อนกิจกรรมปฏิรูปที่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ
(Big Rock) การพัฒนาแพลตฟอร์มวิเคราะห์ข้อมูลและปัญญาประดิษฐ์
(Super eMENSCR) และประเด็นที่ควรเร่งรัดเพื่อการบรรลุเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ
คือ การสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน เป็นต้น
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติและคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9016 | รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 เพื่อเร่งรัดการสรรหาและบรรจุบุคคล เข้ารับราชการ | นร.10 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๑๒ มกราคม ๒๕๖๔ เพื่อเร่งรัดการสรรหาและบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ตามที่สำนักงาน
ก.พ. เสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การเร่งรัดการดำเนินการสอบเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ ได้แก่ (๑)
แนวทางการเพิ่มโอกาสและช่องทางการสมัครสอบเพื่อวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค
ก.) ประจำปี ๒๕๖๔ (๒) แนวทางการเรียกบรรจุบุคคลเข้ารับราชการจากบัญชีผู้สอบแข่งขันได้
(๓) การสนับสนุนการบรรจุบุคคลเข้ารับราชการโดยวิธีอื่น
นอกเหนือจากวิธีการสอบแข่งขัน และ (๔) การสำรวจสถานะอัตราว่างของทุกส่วนราชการ ๒.
แนวทางเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ของส่วนราชการ
ได้แก่ (๑) การจ้างพนักงานราชการตามกรอบอัตรากำลังพนักงานราชการ รอบที่ ๕
(ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๗) และ (๒)
แนวทางเพิ่มโอกาสการจ้างงานผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ด้วยระบบพนักงานราชการ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9017 | ขออนุมัติดำเนินงานโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 (เพิ่มเติม) | กษ. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
เห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ ดังนี้ ๑.๑
เห็นชอบค่าบริหารจัดการโครงการสำหรับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ครัวเรือนละ ๗ บาท
กรณีถ้ามีครัวเรือนเกษตรกรเพิ่มเติมจากที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว ๒๐๐,๐๐๐
ครัวเรือน เพื่อให้ครอบคลุมการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างทั่วถึง
โดยเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณเดิมจากโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย
ปี ๒๕๖๓ ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๓
วงเงินงบประมาณ จำนวน ๓,๔๔๐.๐๕ ล้านบาท ๑.๒ มอบหมายให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดำเนินการโอนเงินให้เกษตรกรได้ตั้งแต่วันถัดจากวันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบ ๑.๓
เห็นชอบขยายระยะเวลาโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี ๒๕๖๓ จากเดิมสิ้นสุดวันที่
๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๖๔ ๒.
ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์และสำนักงบประมาณ เข่น เห็นควรจัดทำรายงานการติดตามและประเมินผลสัมฤทธิ์และประโยชน์ที่เกษตรกรชาวสวนลำไยได้รับจากการดำเนินโครงการฯ
เพื่อให้มีข้อมูลประกอบการกำหนดแนวทางการพัฒนาและบริหารจัดการลำไยที่เหมาะสม
เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการบริหารจัดการ เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9018 | สรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) ครั้งที่ 2/2563 | นร.52 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
รับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
(กพต.) ครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ เฉพาะในส่วนของเรื่อง (๑)
โครงการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นกรณีเร่งด่วน
และการจัดทำปะการังเทียมพื้นที่ชายฝั่งทะเลจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ (๒)
แผนปฏิบัติการช่วยเหลือและพัฒนาแรงงานไทยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลุ่มที่เดินทางกลับจากต่างประเทศภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19)
๒.
ให้ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้นำเรื่องที่ขอถอนคืนทั้ง ๔ เรื่อง
ได้แก่ (๑) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการปรับผังเมืองเพื่อรองรับเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต
อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา (๒) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการจัดสรรโควตาพลังงานไฟฟ้า
๑,๗๐๐ เมกะวัตต์
เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินการพัฒนาตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๗ พฤษภาคม
๒๕๖๒ (๓) รายงานความคืบหน้าการดำเนินการพิจารณามาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต
อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ตามแผนการลงทุนของภาคเอกชน ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๑ มกราคม ๒๕๖๓ และ (๔) แผนพัฒนาระบบสาธารณสุข ๔ อำเภอชายแดนของจังหวัดสงขลาและงานสาธารณสุขต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
รองรับการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตอำเภอจะนะ
จังหวัดสงขลา (พ.ศ. ๒๕๖๔-๒๕๖๗) ไปหารือในรายละเอียดร่วมกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ให้ละเอียดรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9019 | การรับรองแถลงการณ์ร่วมจากการประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายและความมั่นคงข้ามชาติ (The Sub - Regional Meeting on Counter Terrorism and Transnational Security) ครั้งที่ 3 | นร.08 | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแถลงการณ์ร่วม
(Joint Statement) การประชุมระดับอนุภูมิภาคว่าด้วยการต่อต้านการก่อการร้ายและความมั่นคงข้ามชาติ
(The Sub-Regional Meeting on Counter Terrorism and
Transnational Security) ครั้งที่ ๓ โดยมีสาระสำคัญของแถลงการณ์ฯ
มีรายละเอียด เช่น
การแสวงประโยชน์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของกลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่งที่นิยมความรุนแรง
การแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายอย่างยั่งยืน การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามและแนวปฏิบัติที่ดี
และความร่วมมือในการจัดตั้งเวทีหารือระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านนโยบายการต่อต้านการก่อการร้าย
เพื่อหาแนวทางและแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีในการบริหารจัดการประเด็นทางนโยบายที่เกี่ยวกับการต่อต้านการก่อการร้าย
รวมถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของนักรบก่อการร้ายต่างชาติ เป็นต้น
ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมความร่วมมือกับต่างประเทศด้านความมั่นคงและข้อริเริ่มต่าง
ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันภัยคุกคามและแก้ไขปัญหาความมั่นคงทั้งของไทยและของภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้
หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างแถลงการณ์ร่วมฯ ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติดำเนินการได้ โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9020 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางชนิดา กมลนาวิน) | กต. | 26/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๓ ราย
เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเสนอ ดังนี้ ๑. นางชนิดา กมลนาวิน ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงซันติอาโก สาธารณรัฐชิลี ๒. นางรุยาภรณ์ สุคนธทรัพย์ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นายปิยภักดิ์ ศรีเจริญ ให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
|