ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 452 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9021 - 9040 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9021 | ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership Agreement) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564)] | ปสส. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional
Comprehensive Economic Partnership Agreement) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนต่อไปแล้ว
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9022 | ผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 27 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง | กต. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบผลการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค
ครั้งที่ ๒๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล
ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓ โดยมาเลเซียเจ้าภาพจัดการประชุมฯ
ได้กำหนดหัวข้อหลักของการประชุมฯ คือ
“การใช้ประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพมนุษย์เพื่ออนาคตที่พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงและมุ่งสู่ความรุ่งเรืองร่วมกัน
การปรับเปลี่ยน การจัดลำดับความสำคัญ ความก้าวหน้า” โดยมีประเด็นสำคัญ ๓ ประเด็น
ได้แก่ การพัฒนาบริบทของการค้าและการลงทุน
การมีส่วนร่วมที่ครอบคลุมด้านเศรษฐกิจผ่านเศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยี
และการขับเคลื่อนความยั่งยืนรูปแบบใหม่ ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้ให้การรับรองเอกสารผลลัพธ์การประชุมที่สำคัญรวม
๓ ฉบับ ได้แก่ ปฏิญญาผู้นำเฃตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๗ (ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ ค.ศ.
๒๐๒๐) วิสัยทัศน์ปุตราจายาของเอเปค ค.ศ. ๒๐๔๐ และถ้อยแถลงร่วมรัฐมนตรีเอเปค
ครั้งที่ ๓๑ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้วเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ
ได้หารือในประเด็นสำคัญที่ส่งผลกระทบลต่อภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้แก่
การร่วมมือกันต่อสู้ บรรเทา และฟื้นฟูภูมิภาคจากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
อนาคตของเอเปคภายหลังการสิ้นสุดของเป้าหมายโบกอร์ การส่งเสริมการค้าและการลงทุนเสรี
เปิดกว้าง เป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ โปร่งใส และคาดการณ์ได้
การส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัล
และการสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและยั่งยืน
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาปรับปรุงตารางติดตามผลการประชุมฯ
โดยเพิ่มสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคมในกำกับของนายกรัฐมนตรีเป็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้ครอบคลุมในประเด็นการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย
ตามความเห็นของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ก่อนดำเนินการต่อไปด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9023 | การเตรียมการด้านงบประมาณสำหรับการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของไทย ปี 2565 | กต. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. เห็นชอบกรอบวงเงินงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๖ จำนวน ๓,๐๒๓,๑๗๕,๗๐๐ บาท
เพื่อเป็นเงินสนับสนุนให้แก่หน่วยสนับสนุนนโยบายของเอเปค (Policy
Support Unit : PSU) และเพื่อจัดการประชุมและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องในช่วงที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
(Asia Pacific Economic Cooperation : APEC) หรือเอเปค ในปี ๒๕๖๕ (ค.ศ. ๒๐๒๒) ประกอบด้วย
กรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ และ ๒๕๖๖ จำนวน ๒,๑๘๒,๔๐๙,๐๐๐
บาท และ ๘๔๐,๗๖๖,๗๐๐ บาท ตามลำดับ โดยค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นดังกล่าวขอให้กระทรวงการต่างประเทศและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็นตามภารกิจเพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณในปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ และ ๒๕๖๖ ตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป
โดยคำนึงถึงความประหยัดและประโยชน์สูงสุดของทางราชการเป็นสำคัญ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงการคลัง
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวัฒนธรรม เช่น
กระทรวงการต่างประเทศควรให้ความสำคัญในการควบคุม กำกับ ดูแล
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดจากการจัดประชุมดังกล่าว
สำหรับการตั้งคำของบประมาณขอให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9024 | มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในปี 2564 | กค. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบมาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่จะจัดเก็บตามกฎหมายว่าด้วยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
ในอัตราร้อยละ ๙๐ ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ.
๒๕๖๔ และมาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย
เพื่อสนับสนุนและบรรเทาภาระให้แก่ประชาชนที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่สร้างเสร็จพร้อมขายเป็นของตนเองในระดับราคาที่ไม่สูงมากและเหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม
รวมถึงช่วยรักษาระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเชื่อมโยงกับการจ้างงาน
และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ๒.
เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีสำหรับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบางประเภท (ฉบับที่
..) พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้ลดจำนวนภาษีในอัตราร้อยละเก้าสิบ
ของจำนวนภาษีที่คำนวณได้ ตามมาตรา ๔๒ หรือมาตรา ๙๕ แล้วแต่กรณี
สำหรับการจัดเก็บภาษีของปีภาษี พ.ศ. ๒๕๖๔ สำหรับที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ประโยชน์ในการประกอบเกษตรกรรม
ใช้เป็นที่อยู่อาศัย ใช้ประโยชน์อื่น และทิ้งไว้ว่างเปล่าหรือไม่ได้ทำประโยชน์ตามควรแก่สภาพ
โดยให้บังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๓.
เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน
กรณีอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ดินพร้อมอาคาร ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
และเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง
การเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด
กรณีห้องชุด ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด รวม ๒ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนอสังหาริมทรัพย์
จากเดิมร้อยละ ๒ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ และลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์
จากเดิมร้อยละ ๑ เหลือร้อยละ ๐.๐๑ เฉพาะการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ดังนี้ (๑)
ที่ดินพร้อมอาคารประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว หรืออาคารพาณิชย์
จากผู้จัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือ (๒)
ห้องชุดจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนอาคารชุด ในราคาไม่เกิน ๓ ล้านบาทต่อหน่วย
โดยการจดทะเบียนการโอนและการจำนองอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยต้องดำเนินการในคราวเดียวกัน
โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาถึงวันที่ ๓๑
ธันวาคม ๒๕๖๔ ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว และให้ดำเนินการต่อไปได้ ๔.
ให้กระทรวงมหาดไทย (กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น)
และกระทรวงการคลังเร่งรัดดำเนินการสำรวจผลการจัดเก็บภาษี ณ สิ้นปี พ.ศ. ๒๕๖๓
ในส่วนของภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างว่ามีการสูญเสียรายได้เป็นจำนวนเท่าใด
และความเป็นไปได้ในการเพิ่มรายได้ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)
ด้วยการนำเงินภาษีที่รัฐบาลจัดเก็บและแบ่งให้
เพื่อประกอบการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ ข้อบังคับ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
๕.
ให้กระทรวงการคลังและสำนักงบประมาณรับความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่เห็นควรมีแนวทางในการบริหารจัดการเพื่อรองรับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVID-19) ที่ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้ของ
อปท. และก่อให้เกิดภาระในการจัดสรรงบประมาณเพื่อชดเชยรายได้ให้แก่ อปท.
โดยอาจพิจารณาใช้การกำหนดอัตราการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้มีความแตกต่างกันตามประเภทการใช้ประโยชน์
ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบต่อการสูญเสียรายได้ของ อปท.
และลดภาระทางงบประมาณได้อีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ มาตรการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมสำหรับที่อยู่อาศัย
ควรพิจารณาให้ครอบคลุมกลุ่มถึงประชาชนและธุรกิจที่ประกอบการในรูปแบบบุคคลธรรมดาด้วย
ไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9025 | การกำหนดมูลค่าแผนงานและโครงการพัฒนาตามมาตรา 20 (8) แห่งพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ | นร.11 | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบแนวทางการกำหนดมูลค่าแผนงานและโครงการพัฒนาตามมาตรา
๒๐ (๘) แห่งพระราชบัญญัติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามมติสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในคราวประชุมครั้งที่ ๑๑/๒๕๖๓
เมื่อวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ ดังนี้ ๑.๑
การลงทุนแผนงาน/โครงการพัฒนาของส่วนราชการที่มีมูลค่าตั้งแต่ ๕,๐๐๐ ล้านบาท
และไม่ได้ใช้แหล่งเงินจากเงินงบประมาณ โดยการลงทุนจะใช้จ่ายจากแหล่งเงิน อาทิ เงินกู้
การให้เอกชนร่วมลงทุน และแหล่งเงินอื่น ๆ
เห็นควรมอบหมายให้ส่วนราชการโดยความเห็นชอบของกระทรวงเจ้าสังกัด
จัดทำข้อเสนอแผนงาน/โครงการที่มีรายละเอียดครบถ้วนเพียงพอเสนอให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาก่อนเสนอสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเพื่อพิจารณาเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามขั้นตอนต่อไป ๑.๒
การลงทุนแผนงาน/โครงการพัฒนาของรัฐวิสาหกิจ
เห็นควรให้รัฐวิสาหกิจโดยความเห็นชอบของกระทรวงเจ้าสังกัดต้องจัดทำงบลงทุนเต็มตามโครงการจัดส่งให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติพิจารณาตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ
พ.ศ. ๒๕๕๐ อย่างเคร่งครัด ๒.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเร่งสร้างความเข้าใจกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในการเสนอแผนงานและโครงการพัฒนาที่ชัดเจน
เพื่อให้หน่วยงานสามารถดำเนินการได้อย่างถูกต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ๓.
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติรับข้อสังเกตของกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับแนวทางที่สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติเสนอมาในครั้งนี้มีผลบังคับใช้แล้ว
สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติควรกำหนดองค์ประกอบของแผนงานและโครงการที่จำเป็นและเหมาะสม
เพื่อให้หน่วยงานรับผิดชอบแผนงานหรือโครงการปฏิบัติตามอย่างครบถ้วนเพียงพอ
และเป็นแนวทางเดียวกันได้อย่างชัดเจนและรวดเร็ว นอกจากนี้
หากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีข้อมูลเหตุผลการกำหนดวงเงินมูลค่าดังกล่าว
จะส่งผลให้เกิดความเข้าใจ ยอมรับจากหน่วยงานต่าง ๆ ดียิ่งขึ้น
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9026 | ผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 38 และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง | พน. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน
ครั้งที่ ๓๘ และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ ๑๗-๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ซึ่งประกอบด้วย (๑) การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ ๓๘ (๒)
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานบวกสาม ครั้งที่ ๑๗ (๓) การประชุมรัฐมนตรีพลังงานแห่งเอเชียตะวันออก
ครั้งที่ ๑๔ (๔)
การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานกับทบวงการพลังงานระหว่างประเทศ ครั้งที่
๖ (๕)
การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานกับทบวงการพลังงานหมุนเวียนระหว่างประเทศ ครั้งที่
๔ (๖) การหารือทวิภาคีและพหุภาคีอื่น ๆ และ (๗) การประชุมภาคธุรกิจพลังงานอาเซียน
ประจำปี ๒๕๖๓
ซึ่งจากการประชุมดังกล่าวไทยได้แลกเปลี่ยนข้อมูลและข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเสริมความร่วมมือด้านพลังงานในภูมิภาคกับประเทศสมาชิกอาเซียน
ประเทศคู่เจรจาและองค์การระหว่างประเทศ
อันนำไปสู่แนวทางในการพัฒนาภาคพลังงานของไทยต่อไป ตามที่กระทรวงพลังงานเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9027 | ร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. .... | ทส. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบในหลักการร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี
ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า พ.ศ. ๒๕๔๖ โดยเพิ่มพื้นที่กรุงรัตนโกสินทร์ จากเดิม ๓ บริเวณ เป็น ๔
บริเวณ โดยเพิ่มบริเวณที่ ๔ ได้แก่ พื้นที่ต่อเนื่องบริเวณกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นนอก
แก้ไขชื่อหน่วยงานและหัวหน้าหน่วยงานในคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์
และเมืองเก่า ให้เป็นปัจจุบัน ตลอดจนเพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์
พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา
แล้วดำเนินการต่อไปได้
๒. ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับความเห็นของสำนักงบประมาณและสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๖๔ เห็นควรใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับการจัดสรร หรือปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรรหรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร หรือใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ แล้วแต่กรณี ส่วนค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นในปีต่อ ๆ ไป ให้จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณเท่าที่จำเป็น โดยคำนึงถึงความครอบคลุมของทุกแหล่งเงิน ความประหยัด ความคุ้มค่า ผลสัมฤทธิ์หรือประโยชน์ที่จะได้รับ การบูรณาการของหน่วยงานหลักและหน่วยงานสนับสนุน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อเสนอขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามขั้นตอนต่อไป และเห็นควรให้ความสำคัญกับการบูรณาการใช้กรอบแนวทางการบริหารจัดการการอนุรักษ์และพัฒนาร่วมกับแนวทางการพัฒนาเมือง รวมทั้งภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9028 | ขออนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 | สปสช. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑.
อนุมัติงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕
ประกอบด้วย งบประมาณสำหรับกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ วงเงิน ๑๙๘,๘๙๑,๗๘๙,๔๐๐
บาท และงบประมาณบริหารงานของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) วงเงิน
๒,๒๐๓,๑๐๘,๖๐๐ บาท ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
มอบหมายให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดำเนินการและบริหารจัดการกองทุนฯ และควบคุมดูแล
สปสช. ให้บริหารกองทุนฯ ให้เป็นไปตามการมอบหมายดังกล่าว ตามที่ สปสช. เสนอ ๓.
ให้ สปสช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นเพิ่มเติมบางประการของกระทรวงสาธารณสุข
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
และมติคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข ในคราวประชุมครั้งที่
๑๐/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้งให้ สปสช. ดำเนินการเพิ่มเติม
ดังนี้ ๓.๑
เร่งศึกษาต้นทุนบริการที่แท้จริงของหน่วยบริการต่าง ๆ อาทิ ศูนย์บริการสาธารณสุข โรงพยาบาลสังกัดมหาวิทยาลัย
คลินิกและโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงต้นทุนบริการของการรักษาพยาบาลต่าง ๆ เพื่อให้การประมาณการค่าใช้จ่ายในการจัดทำงบประมาณสำหรับงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสอดคล้องกับข้อเท็จจริงมากยิ่งขึ้น ๓.๒ ในขั้นตอนการจัดทำคำของบประมาณในปีงบประมาณต่อ
ๆ ไป
ให้หารือร่วมกับสำนักงบประมาณเพื่อพิจารณาความจำเป็นและความเหมาะสมของรายการคำของบประมาณ
และปรับปรุงให้ถูกต้องก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ
หลักเกณฑ์ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องต่อไป ๔.
มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุขเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับ สปสช. สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ
สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ
กระทรวงมหาดไทย (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการ ดังนี้ ๔.๑ บูรณาการแนวทางการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
รวมถึงการฟื้นฟูสมรรถภาพที่เหมาะสมสำหรับดำเนินการในหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ
โดยให้จัดทำกลไกการติดตามและประเมินผลการดำเนินงานดังกล่าวที่สามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม
โดยกำหนดตัวชี้วัดแต่ละรายการให้มีความชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อน
และกำหนดให้ความสามารถในการลดภาระงบประมาณด้านการรักษาพยาบาลเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดการดำเนินงานด้วย ๔.๒ สำรวจ ศึกษา
และวิเคราะห์ขีดความสามารถของระบบสุขภาพปฐมภูมิ ทั้งในด้านบุคลากร
อุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็น และงบประมาณ เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาและยกระดับระบบสุขภาพปฐมภูมิให้สามารถรองรับความต้องการและขอบเขตในการให้บริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิตของคนไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ๔.๓
ประเมินความพร้อมของระบบสาธารณสุขในทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยคำนึงถึงมิติทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน
บริบทการถ่ายโอนภารกิจสาธารณสุขไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
รูปแบบกลไกการบริหารจัดการที่เหมาะสม มีความยั่งยืน และมีประสิทธิภาพและปัจจัยแวดล้อมต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดเป้าหมายและแผนการพัฒนาและยกระดับระบบสาธารณสุขที่สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์
รวมถึงสถานการณ์ฉุกเฉินอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของโรคระบาด โรคร้ายแรง
และโรคติดต่อที่อุบัติใหม่อย่างเป็นระบบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9029 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (1. นางเทพวัลย์ ภรณวลัย) | พม. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง
จำนวน ๓ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ ดังนี้ ๑. นางเทพวัลย์ ภรณวลัย ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายกันตพงศ์
รังษีสว่าง ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๓. นางจตุพร โรจนพานิช ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9030 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสอาด ตรีพงษ์กรุณา และนางสายจินต์ อิสีประดิฐ) (นายสอาด ตรีพงษ์กรุณา) | สธ. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายสะอาด ตรีพงษ์กรุณา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๓ ๒. นางสายจินต์ อิสีประดิฐ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา) โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9031 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสอาด ตรีพงษ์กรุณา และนางสายจินต์ อิสีประดิฐ) (นางสายจินต์ อิสีประดิฐ) | สธ. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ จำนวน ๒ ราย ตั้งแต่วันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเสนอ ดังนี้ ๑. นายสะอาด ตรีพงษ์กรุณา ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ
(ด้านเวชกรรม สาขาศัลยกรรม) โรงพยาบาลราชวิถี กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๓ ๒. นางสายจินต์ อิสีประดิฐ ดำรงตำแหน่งนายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านเวชกรรม สาขาจักษุวิทยา) โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กรมการแพทย์ ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9032 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับทรงคุณวุฒิ (นายสิทธินันท์ มานิตกุล) | นร.08 | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้ง นายสิทธินันท์ มานิตกุล
ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งผู้อำนวยการกอง (ผู้อำนวยการระดับสูง) กองความมั่นคงภายในประเทศ
สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการประสานกิจการความมั่นคง
(นักวิเคราะห์นโยบายและแผนทรงคุณวุฒิ)สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี
ตั้งแต่วันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
ซึ่งเป็นวันที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9033 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง ความเป็นไปได้และกำหนดแนวทางบูรณาการการพัฒนาเพื่อให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชนจากขยะเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน วุฒิสภา | สว. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง ความเป็นไปได้และกำหนดแนวทางบูรณาการการพัฒนาเพื่อให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชนจากขยะเพื่อความมั่นคงด้านพลังงานอย่างยั่งยืน
ของคณะกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณาข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
แล้ว เห็นชอบกับข้อเสนอแนะด้านนโยบาย ด้านเทคโนโลยี ด้านสังคม
ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมาตรการดำเนินการ
เพื่อส่งเสริมการปลูกจิตสำนึกของประชาชนในการจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง
การจัดตั้งศูนย์บริหารขยะและโรงไฟฟ้าชุมชนเบ็ดเสร็จจังหวัด
และเพื่อให้เกิดโรงไฟฟ้าชุมชนจากขยะ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาปริมาณขยะ
การบริหารจัดการขยะให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม และเป็นการส่งเสริมสนับสนุนการผลิต
และการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงทดแทน รวมทั้งเป็นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้ชุมชนและประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9034 | ข้อตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน (ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Type Approval for Automotive Products) [สรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วันจันทร์ที่ 25 มกราคม 2564)] | ปสส. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร
วันจันทร์ที่ ๒๕ มกราคม ๒๕๖๔ ซึ่งให้เสนอข้อตกลงยอมรับร่วมผลการตรวจสอบและรับรองผลิตภัณฑ์ยานยนต์ของอาเซียน
(ASEAN Mutual Recognition Arrangement on Type Approval for
Automotive Products) ต่อรัฐสภาเพื่อบรรจุระเบียบวาะเป็นเรื่องด่วน ตามที่ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9035 | ร่างพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. .... | นร.11 | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม
พ.ศ. .... ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมกำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอนให้ชัดเจน
เพื่อให้ประชาชนได้รับความยุติธรรมโดยไม่ล่าช้า
และให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบความคืบหน้าของกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวกและรวดเร็ว
ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ในฐานะสำนักงานเลขานุการคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสนอ
และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาก่อนเสนอรัฐสภาต่อไป
โดยให้แจ้งประธานรัฐสภาทราบด้วยว่าร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ตราขึ้นเพื่อดำเนินการตามหมวด
๑๖ การปฏิรูปประเทศ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย |
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9036 | ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายสุรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายยาสูบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... และร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายไพ่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม 3 ฉบับ | กค. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายสุรา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายยาสูบ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
และร่างกฎกระทรวงการอนุญาตขายไพ่ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... รวม ๓ ฉบับ มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดเพิ่มช่องทางการดำเนินการผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างผู้ยื่นคำขอกับเจ้าพนักงานสรรพสามิตในการยื่นคำขอ
แจ้งผลการตรวจสอบคำขอ แก้ไขเพิ่มเติมคำขอ การส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม
รวมถึงการแจ้งผลการพิจารณาคำขอสำหรับการขออนุญาตและการอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่
ให้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน อันเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการที่เห็นว่า (๑)
การยื่นคำขออนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่
ควรกำหนดแบบคำขอที่ยื่นต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิตให้รวมถึงคำขอในรูปแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์
(e-Form) เพื่อให้รองรับการพัฒนาระบบให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
(๒) รูปแบบการออกใบอนุญาตขายสุรา ยาสูบ และไพ่
ควรกำหนดให้รวมถึงการออกใบอนุญาตอิเล็กทรอนิกส์ด้วย และ (๓)
กรมสรรพสามิตควรปรับปรุงขั้นตอนและกระบวนการให้บริการเมื่อนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้
พัฒนาระบบฐานข้อมูลการอนุญาตและเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง
และติดตามประเมินผลการให้บริการ
รวมทั้งดำเนินการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างการรับรู้และสร้างความเชื่อมั่นในการใช้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ไปประกอบการตรวจพิจารณาด้วย แล้วดำเนินการต่อไปได้ ๒.
ให้กระทรวงการคลังรับความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9037 | ร่างพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | อก. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
พ.ศ. ๒๕๓๐ ในส่วนที่เกี่ยวกับบทนิยาม วัตถุประสงค์ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
หลักเกณฑ์เกี่ยวกับองค์ประกอบ การได้มา การดำรงตำแหน่ง
และการพ้นจากตำแหน่งของประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
และผู้ดำรงตำแหน่งอื่นซึ่งประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยแต่งตั้ง
เพื่อให้การดำเนินงานของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีความคล่องตัว และสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา
ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป ๒.
รับทราบแผนในการจัดทำกฎหมายลำดับรอง กรอบระยะเวลา
และกรอบสาระสำคัญของกฎหมายลำดับรองที่ออกตามร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว
ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9038 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา เรื่อง “การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในชั้นสอบสวน” ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษา
เรื่อง “การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทางอาญาในชั้นสอบสวน” ของคณะกรรมาธิการการกฎหมาย
การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้พิจารณารายงานพร้อมข้อสังเกตและข้อเสนอแนะของคณะกรรมาธิการฯ
เกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. ....
และร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ ..)
พ.ศ. .... โดยร่างพระราชบัญญัติทั้งสองฉบับมีหลักการใกล้เคียงกัน
แต่ร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. .... มีความครบถ้วนและเหมาะสมกว่า
โดยเฉพาะในเรื่องการให้พนักงานอัยการเข้าร่วมทำการสอบสวน
ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพิจารณาสั่งคดีของพนักงานอัยการ
อันจะทำให้การอำนวยความยุติธรรมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
และควรนำมาบัญญัติไว้ในร่างพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีอาญา พ.ศ. ....
เพียงแห่งเดียว เพื่อมิให้เกิดความซ้ำซ้อน
รวมทั้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาศึกษาข้อกฎหมายและแนวทางปฏิบัติร่วมกันในรูปแบบการบูรณาการ
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในด้านการรวบรวมพยานหลักฐาน
ซึ่งจะเป็นการสร้างหลักประกันให้กระบวนการยุติธรรมทางอาญาในชั้นสอบสวนมีการปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความสุจริตและมีประสิทธิภาพต่อไป
ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9039 | แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดตั้งทุนหมุนเวียน | นร. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีเห็นว่า
โดยที่พระราชบัญญัติการบริหารทุนหมุนเวียน พ.ศ. ๒๕๕๘ มีผลใช้บังคับแล้ว ดังนั้น
เพื่อให้การจัดตั้งและการบริหารเงินทุนหมุนเวียนมีความเป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพ
และเป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังของรัฐ จึงลงมติว่า
การจัดตั้งทุนหมุนเวียนให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการบริหารทุนหมุนเวียนเป็นหลักเท่านั้น
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
9040 | การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง (นายเชิดศักดิ์ วิสุทธิกุล และนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์) | รง. | 26/01/2564 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ
สังกัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน ๒ ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเสนอ
ดังนี้ ๑. นายเชิดศักดิ์ วิสุทธิกุล ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง ๒. นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวง
สำนักงานปลัดกระทรวง
|