ค้นหาข้อมูลมติคณะรัฐมนตรี
ค้นหาเพิ่มเติม
หน้าที่ 456 จากทั้งหมด 6199 หน้า แสดงรายการที่ 9101 - 9120 จากข้อมูลทั้งหมด 123972 รายการ
ลำดับ | ชื่อเรื่อง | ส่วนราชการ เจ้าของเรื่อง |
วันที่มีมติ | ||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
9101 | ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่ พ.ศ. 2563 | ดศ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตวิถีใหม่
พ.ศ. ๒๕๖๓ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติได้สอบถามประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ ๑๕
ปีขึ้นไปทั่วประเทศ จำนวน ๖,๙๗๐ คน ระหว่างวันที่ ๕-๙ ตุลาคม ๒๕๖๓
ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ สรุปได้ ดังนี้ ๑. การปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตเมื่อออกนอกบ้าน
พบว่า ประชาชนสวมหน้ากากเมื่อออกจากบ้านมากที่สุด (ร้อยละ ๙๖.๗) รองลงมาคือ
สวมหน้ากากเมื่อต้องพูดคุยกับบุคคลอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ญาติ/พี่น้อง (ร้อยละ ๙๔.๘)
และตรวจวัดไข้ก่อนเข้าไปยังสถานที่ต่าง ๆ (ร้อยละ ๙๑.๗) ๒.
การใช้เทคโนโลยีทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อลดการสัมผัสเชื้อโรค พบว่า
ประชาชนใช้แอปพลิเคชันไทยชนะสแกนเข้าออกห้าง/ร้านมากที่สุด (ร้อยละ ๖๒.๒) รองลงมาคือ
ชำระเงินผ่านทางออนไลน์แทนเงินสด (ร้อยละ ๔๕.๗) และซื้อสินค้าออนไลน์ (ร้อยละ
๔๔.๔) ๓. มาตรการ/แนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่าควรสนับสนุนให้คนไทยเที่ยวภายในประเทศ
(ร้อยละ ๕๘.๓) รองลงมาคือ
ปิดประเทศเพื่อไม่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวหรือทำธุรกิจได้เลยจนกว่าสถานการณ์จะสงบ
(ร้อยละ ๔๗.๓)
และให้ประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะหมดไป
(ร้อยละ ๔๐.๓) ๔. ผลกระทบด้านรายได้จากการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่าได้รับผลกระทบด้านรายได้ (ร้อยละ ๗๑.๒)
โดยประชาชนในกรุงเทพมหานครได้รับผลกระทบมากที่สุด (ร้อยละ ๗๖.๗) รองลงมาคือ
ภาคใต้ชายแดน (ร้อยละ ๗๕.๓) และภาคใต้ (ร้อยละ ๗๓.๕) ทั้งนี้
เรื่องที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือมากที่สุด ๓ อันดับแรก ได้แก่
การลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน (ร้อยละ ๖๗.๘)
การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพสูง (ร้อยละ ๕๑.๑) และการช่วยเหลือจากภาครัฐ (ร้อยละ ๓๓.๒) ๕.
ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการดำเนินมาตรการ/การป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ ประชาชนให้คะแนนความเชื่อมั่นฯ
เฉลี่ย ๗.๑๘ คะแนน (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน) และความสุขในการดำรงชีวิต ประชาชนให้คะแนนความสุขฯ
เฉลี่ย ๗.๒๒ คะแนน (คะแนนเต็ม ๑๐ คะแนน)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9102 | รายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี 2563 | นร.53 | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี
๒๕๖๓ โดยมีสาระสำคัญประกอบด้วย (๑)
สถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี ๒๕๖๓ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี
๒๕๖๒ ดัชนีความเชื่อมั่นของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี ๒๕๖๒
จำนวนและการจ้างงานในวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี ๒๕๖๒ และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) รวมทั้งการเผยแพร่และการใช้ประโยชน์จากรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปี
๒๕๖๓ เป็นต้น และ (๒) สถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในช่วง ๙
เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) ของปี ๒๕๖๓ ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9103 | รายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ของการยางแห่งประเทศไทย | กษ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบรายงานงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
๒๕๖๔ ของการยางแห่งประเทศไทย ในส่วนงบทำการ จำนวนทั้งสิ้น ๑๔,๐๗๓.๖๔๗๙ ล้านบาท
ประกอบด้วย ทุน กยท. จำนวน ๓,๑๐๐.๕๒๘๔ ล้านบาท และกองทุนพัฒนายางพารา จำนวน
๑๐,๙๗๓.๑๑๙๕ ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9104 | การต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร (นายสุรสีห์ กิตติมณฑล) | กษ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต่อไปอีก ๑ ปี (ครั้งที่
๑) ตั้งแต่วันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๔
ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9105 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... | สขค | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดหน่วยงานของรัฐที่สามารถขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับทางปกครอง
(ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเป็นหน่วยงานของรัฐตามกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง
เพื่อให้สามารถยื่นคำขอต่อศาลให้ออกหมายบังคับคดีและขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีทางปกครองแทนได้
อันจะทำให้การบังคับทางปกครองเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าเสนอ
และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา
โดยให้รวมพิจารณาร่างกฎกระทรวงในเรื่องนี้กับร่างกฎกระทรวงฯ
ที่เป็นเรื่องทำนองเดียวกันซึ่งอยู่ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาให้เป็นฉบับเดียวกัน
แล้วดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9106 | การเร่งรัดดำเนินการสรรหา การสอบคัดเลือก และการบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการ/ปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐ | นร. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติให้สำนักงาน
ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร.
รวมทั้งส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการสรรหา
การสอบคัดเลือก
และการบรรจุแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการหรือปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐเพื่อทดแทนอัตราว่างจากการเกษียณและอัตราตั้งใหม่ที่ได้รับการจัดสรรไว้แล้วแต่ยังไม่ได้มีการบรรจุแต่งตั้ง
แล้วเสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงานของประชาชนและบรรเทาผลกระทบของการว่างงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (โควิด-๑๙) ด้วย
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9107 | การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ซึ่งจะต้องมีการก่อหนี้ผูกพันมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ | มท. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
เห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทยทบทวนการยื่นเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ กรณีการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่าหนึ่งปีงบประมาณสำหรับรายการที่มีวงเงินตั้งแต่
๑,๐๐๐ ล้านบาทขึ้นไป ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นหน่วยรับงบประมาณ จำนวน ๒
โครงการ วงเงินทั้งสิ้น ๒,๒๔๖.๗๔๐๐ ล้านบาท ประกอบด้วย (๑) ของโครงการจัดหาน้ำดิบเพื่อผลิตน้ำประปาที่โรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่า
จากแหล่งน้ำลำตะคองมายังโรงกรองน้ำบ้านมะขามเฒ่าของเทศบาลนครนครราชสีมา
จังหวัดนครราชสีมา วงเงิน ๑,๐๔๖.๗๔๐๐ ล้านบาท และ (๒)
โครงการก่อสร้างอุทยานการเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติของเทศบาลนครยะลา จังหวัดยะลา
วงเงิน ๑,๒๐๐.๐๐๐๐ ล้านบาท โดยให้ใช้จ่ายจากแหล่งเงินอื่น เช่น
เงินรายได้หรือเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เงินกู้
เอกชนร่วมลงทุนหรือดำเนินการทั้งหมด แล้วแต่กรณี ทั้งนี้
ให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ
และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วน โดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ประหยัด
การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒. ให้กระทรวงมหาดไทยได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9108 | การทบทวนหลักเกณฑ์การจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา | นร.10 | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติการแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์การจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในมาตรการบริหารจัดการกำลังคนภาครัฐ
(พ.ศ. ๒๕๖๒-๒๕๖๕) ตามมติคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ
ในการประชุมครั้งที่ ๒/๒๕๖๓ เมื่อวันที่ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๖๓
โดยให้เพิ่มเติมตำแหน่งที่เห็นควรจัดสรรคืนทั้งหมด
เพื่อให้ส่วนราชการสามารถแต่งตั้งบุคคลได้อย่างต่อเนื่องทันที
เฉพาะตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น ตามมาตรา ๓๘ ค. (๒) ประเภทอำนวยการ ได้แก่ (๑)
ตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัดและตำแหน่งรองศึกษาธิการจังหวัด (๒)
ตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้และตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานและบริหารการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้
และ (๓) ตำแหน่งผู้อำนวยการภายในสถาบันการอาชีวศึกษา
สำหรับการทดแทนอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น ให้คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาพิจารณาจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุของตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่น
ตามมาตรา ๓๘ ค. (๒) เฉพาะตำแหน่งที่คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษากำหนดเป็นตำแหน่งประเภทวิชาการและตำแหน่งประเภททั่วไป
ในหน่วยงานการศึกษาสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ด้วยการจ้างงานรูปแบบอื่น ร้อยละ ๑๐
โดยให้พิจารณาในภาพรวมของอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุทั้งหมดของหน่วยงานในปีงบประมาณนั้น
ๆ ตามที่สำนักงาน ก.พ.
ในฐานะฝ่ายเลขานุการร่วมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐเสนอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9109 | มาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมาตรการด้านการเงินเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (COVIC-๑๙) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้ ๑.
มาตรการเสริมสภาพคล่อง (สินเชื่อและค้ำประกันสินเชื่อ)
เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส
COVID-๑๙
ให้มีสภาพคล่องสำหรับการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันและการดำเนินธุรกิจ
กระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยและสถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ดำเนินมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการและประชาชน ๒.
มาตรการบรรเทาภาระหนี้สิน (พักชำระหนี้)
สถาบันการเงินเฉพาะกิจแต่ละแห่งได้มีการจัดกลุ่มลูกหนี้ แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม ได้แก่
(๑) กลุ่มสีเขียว คือกลุ่มที่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ปกติ (๒) กลุ่มสีเหลือง
คือกลุ่มที่กลับมาชำระหนี้ได้บางส่วนไม่เต็มจำนวนที่ต้องจ่าย และ (๓) กลุ่มสีแดง
คือกลุ่มที่มีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะมีการพิจารณามาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้แต่ละรายเพิ่มเติมเป็นการเฉพาะ
ไม่ว่าจะเป็นการขยายระยะเวลาชำระหนี้ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้
และการให้สินเชื่อเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง รวมถึงมีการติดต่อลูกค้าเพื่อช่วยเหลือในเชิงรุก
สำหรับลูกค้าที่อยู่ในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
๒๐๑๙ (ศบค.)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9110 | ขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ระยะที่ 5 | กห. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ งบกลาง
รายการค่าใช้จ่ายในการบรรเทา แก้ไขปัญหา
และเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ วงเงิน
๔๗๓,๑๕๐,๐๐๐ บาท ให้สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (COVID-19) ระยะที่ ๕
สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการพื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ (State
Quarantine) ในส่วนของสถานที่เอกชนต่อไป ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ๒.
ให้กระทรวงกลาโหมได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9111 | ร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. .... | ทส. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ
ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช
เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. ....
ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว
มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้บริเวณหมู่เกาะกระ ตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก
อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่คุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
รวมทั้งกำหนดมาตรการคุ้มครอง เพื่อสงวนไว้ให้คงอยู่ในสภาพทางธรรมชาติ
เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและขยายพันธุ์ของปะการังและสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์
และส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่อย่างยั่งยืน ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ
และให้ดำเนินการต่อไปได้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9112 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สำหรับโครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ที่จัดซื้อในโครงการระยะที่ 5 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 - พ.ศ. 2569 | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑.
อนุมัติในหลักการให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรนำรายการที่มีวงเงินตั้งแต่ ๑,๐๐๐
ล้านบาทขึ้นไป โครงการบำรุงรักษาและซ่อมแซมแก้ไขระบบตรวจสอบตู้คอนเทนเนอร์สินค้าด้วยเครื่องเอกซเรย์ที่จัดซื้อในโครงการระยะที่
๕ วงเงินทั้งสิ้น ๑,๕๐๐,๙๙๔,๐๕๖ บาท เพื่อเสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ตามนัยมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติวิธีการงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑
โดยเบิกจ่ายจากงบประมาณ จำนวน ๘๒๕,๕๔๖,๗๐๐ บาท
เสนอเป็นคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕ จำนวน ๑๖๕,๑๐๙,๔๐๐ บาท
ผูกพันปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๕-พ.ศ. ๒๕๖๙ จำนวน ๖๖๐,๔๓๗,๓๐๐ บาท ส่วนที่เหลือ ๖๗๕,๔๔๗,๓๕๖
บาท เบิกจ่ายจากเงินนอกงบประมาณสมทบ ทั้งนี้ ให้กรมศุลกากรพิจารณานำเงินนอกงบประมาณมาสมทบกับงบประมาณในสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ
๔๕ พร้อมทั้งจัดทำแผนงานให้สอดคล้องกับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
และให้ยืนยันความพร้อมของโครงการ โดยมีรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะ ผลการสอบราคา
ประมาณการราคา และสถานที่/พื้นที่พร้อมที่จะดำเนินการให้ครบถ้วน
โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าและประหยัด การพิจารณาเป้าหมาย ประโยชน์ที่จะได้รับ
ประสิทธิภาพและผลสัมฤทธิ์ที่จะเกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ
ตามนัยพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑
และคำนึงถึงภาระผูกพันในแต่ละปีงบประมาณให้เป็นไปตามสัดส่วนของรายจ่ายลงทุนที่กำหนด
ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ซี่งสำนักงบประมาณจะพิจารณาความเหมาะสม
จำเป็นตามวงเงินงบประมาณประจำปีต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ ๒.
ให้กระทรวงการคลังได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน
๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี) ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9113 | การจัดทำคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานศาลปกครอง | ศป. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ของสำนักงานศาลปกครอง จำนวน ๓,๕๙๑,๗๘๗,๖๐๐ บาท
และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9114 | ผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง | กต. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการประชุมสุดยอดอาเซียน
ครั้งที่ ๓๗ และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง รวม ๑๔ การประชุม
ซี่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ในฐานะประธานอาเซียน ปี ๒๕๖๓
ได้จัดการประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล ระหว่างวันที่ ๑๒-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๓
โดยภาพรวมของการประชุมฯ
ประเด็นสำคัญที่มีการหารือกันอย่างกว้างขวางและทุกประเทศให้ความสำคัญ ได้แก่
การขับเคลื่อนประชาคมอาเซียน
การรับมือกับการแพร่ระบาดและผลกระทบของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)
การฟื้นฟูและสร้างอนาคตที่เข้มแข็งและยั่งยืนในยุคหลังโควิด-๑๙ และสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ
โดยมีเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมในครั้งนี้รวมทั้งสิ้น ๒๐ ฉบับ
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมฯ
ไปปฏิบัติและติดตามความคืบหน้าต่อไป ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ
และให้กระทรวงการต่างประเทศรับความเห็นของกระทรวงพาณิชย์ที่เสนอขอปรับปรุงตารางติดตามผลการประชุมฯ
ไปพิจารณาดำเนินการด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9115 | คำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา | สว. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ของสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จำนวน ๒,๕๕๑,๑๒๔,๗๐๐ บาท
และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9116 | การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) | กค. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ๑. เห็นชอบการทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเพื่อดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ได้แก่
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ
ปี ๒๕๖๓ มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๓ เรื่อง มาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม
ระยะที่ ๒ และมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๓ เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีและเสนอมาตรการช่วยเหลือ
SMEs เพิ่มเติม
และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
ดังนี้ ๑.๑
การปรับปรุงการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) และขยายระยะเวลาโครงการสินเชื่อเพิ่มเสริมพลังฐานราก
โดยจัดสรรวงเงินที่เหลือประมาณ ๒,๙๘๗ ล้านบาท
จากการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีรายได้ประจำที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) ให้ธนาคารออมสินดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก
พร้อมทั้งขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเสริมพลังฐานราก
จากเดิมสิ้นสุดวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ เป็นสิ้นสุดวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๒
ขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา
(COVID-19) วงเงินสินเชื่อรวม
๔๐,๐๐๐ ล้านบาท แบ่งเป็น ธนาคารออมสิน วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน ๒๐,๐๐๐ ล้านบาท
ให้แก่ประชาชนที่มีอาชีพอิสระไม่มีรายได้ประจำหรือเกษตรกรรายย่อย
คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) ไม่เกินร้อยละ ๐.๑๐
ต่อเดือน ระยะเวลากู้ไม่เกิน ๒ ปี ๖ เดือน (ระยะเวลาปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ๖
เดือน) สิ้นสุดรับคำขอสินเชื่อถึงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๓ โดยอนุมัติสินเชื่อไปแล้ว
รวมจำนวน ๒๕,๖๓๕ ล้านบาท (ธนาคารออมสิน ๑๗,๐๑๐ ล้านบาท และ ธ.ก.ส. ๘,๖๒๕ ล้านบาท)
ยังมีวงเงินคงเหลือภายใต้โครงการดังกล่าวอีก จำนวน ๑๔,๓๖๕ ล้านบาท ดังนั้น
เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการช่วยเหลือประชาชน
จึงขอขยายระยะเวลารับคำขอสินเชื่อออกไปเป็นวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔ ๑.๓
ขยายระยะเวลามาตรการสินเชื่อเพื่อการลงทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย
(ธสน.) ภายใต้มาตรการการเงินการคลังเพื่อสนับสนุนการลงทุนในประเทศ ปี ๒๕๖๓
วงเงินรวม ๕,๐๐๐ ล้านบาท สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการส่งออกและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
รวมถึงผู้นำเข้าเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อพัฒนาประเทศ โดยคิดอัตราดอกเบี้ย ปีที่
๑-๒ ร้อยละ ๒ ต่อปี ในปีที่ ๓-๕ คิดอัตรา Prime Rate-ร้อยละ
๒ ต่อปี และปีที่ ๖-๗ คิดอัตรา Prime Rate ต่อปี
(ปัจจุบันอัตรา Prime Rate ของ ธสน. อยู่ที่ร้อยละ ๖) ณ
วันที่ ๓ ธันวาคม ๒๕๖๓ ธสน. อนุมัติสินเชื่อไปแล้ว จำนวน ๒,๘๕๘ ล้านบาท
ยังคงมีวงเงินคงเหลืออีก จำนวน ๒,๑๔๒ ล้านบาท
จึงขอขยายระยะเวลาดำเนินมาตรการดังกล่าว
จากเดิมสิ้นสุดการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไม่เกินวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๖๓
ออกไปเป็นสิ้นสุดการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อไม่เกินวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๔
๒. ให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการและโครงการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในโอกาสแรก
รวมทั้งจัดทำประมาณการรายได้เพื่อกำหนดไว้ในแผนการคลังระยะปานกลางให้ถูกต้องครบถ้วน
และใช้เป็นกรอบในการวางแผนการดำเนินการทางการเงินการคลังและงบประมาณของประเทศ
ตลอดจนติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการและโครงการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดำเนินการ
และดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย |
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9117 | เอกสารที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล ครั้งที่ 1 | ดศ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ
ดังนี้ ๑. เห็นชอบร่างเอกสารที่จะมีการรับรองในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัล
ครั้งที่ ๑ (The 1st ASEAN Digital Ministers Meeting :
ADGMIN ครั้งที่ ๑) ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๘-๒๒ มกราคม
๒๕๖๔ ผ่านระบบการประชุมทางไกล และอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจสังคม
หรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายร่วมรับรองร่างเอกสารดังกล่าว ได้แก่ ร่างแผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล
ค.ศ. .๒๐๒๕ (ASEAN Digital Masterplan 2025 : ADM
2025) ร่างแนวทางการดำเนินงานสำหรับกรอบการจัดการข้อมูลอาเซียนและกลไกการไหลเวียนข้อมูลข้ามพรมแดนของอาเซียน
(Implementing Guidelines for ASEAN Data Management Framework and ASEAN
Cross Border Data Flows Mechanism) ร่างปฏิญญาปุตราจายา (Putrajaya
Declaration) และร่างข้อริเริ่มอาเซียนในการอำนวยความสะดวกเพื่อให้เกิดระบบนิเวศโอทีทีที่ยั่งยืน
(ASEAN Initiative for Facilitating Sustainable Over-the-Top OTT Ecosystem) ตามที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเสนอ
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างเอกสารดังกล่าว
ในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมดำเนินการได้
โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง
พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวด้วย ๒. ให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า
(๑) แผนแม่บทอาเซียนด้านดิจิทัล ค.ศ. ๒๐๒๕ ควรผลักดันให้การดำเนินการเป็นไปในแนวทางที่จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายตามแผนยุทธศาสตร์สำคัญต่าง
ๆ ของอาเซียน อาทิ วิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕ แผนงานประชาคมอาเซียนทั้ง ๓
เสา และแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. ๒๐๒๕
ตลอดจนสนับสนุนการฟื้นฟูและการสร้างความเข้มแข็งของภูมิภาคอาเซียนหลังการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙
ตามกรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน และ (๒)
ร่างแนวทางการดำเนินงานสำหรับการจัดการข้อมูลอาเซียนและกลไกการไหลเวียนข้อมูลข้ามพรมแดนของอาเซียน
ในส่วนของความร่วมมือกับภาคีภายนอกเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของอาเซียนในด้านการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
ควรคำนึงถึงความละเอียดอ่อนในประเด็นเรื่องการแข่งขันของภาคีภายนอกที่มีผลประโยชน์ในเชิงพาณิชย์จากระบบหรือเทคโนโลยีในด้านดังกล่าว
ซึ่งในเรื่องนี้ อาเซียนควรพิจารณาถึงความต้องการ ความพร้อม
และผลประโยชน์ของประเทศสมาชิกเป็นสำคัญ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9118 | มาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจในระยะเร่งด่วน (เดือนมกราคมถึงมีนาคม 2564) จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระลอกใหม่ | นร.11 | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติ ดังนี้ ๑. รับทราบการดำเนินมาตรการบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา
2019 ที่ดำเนินการอยู่
และเห็นชอบในหลักการมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและผู้ประกอบการธุรกิจในระยะเร่งด่วน
(เดือนมกราคมถึงมีนาคม ๒๕๖๔) จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระลอกใหม่ ตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอ
และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไปให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้
ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับความเห็นของสำนักงบประมาณที่เห็นควรเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ทันต่อสถานการณ์
โดยคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมและเป็นธรรม
และตรวจสอบข้อมูลให้มีความชัดเจน ถูกต้องครบถ้วน ครอบคลุมในทุกพื้นที่
รวมทั้งติดตามประเมินผลสัมฤทธิ์และรายงานการดำเนินงานตามมาตรการดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดเวลาดำเนินการ
ไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ๒. ให้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้รับยกเว้นการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ (เรื่อง การเสนอเรื่องเร่งด่วนต่อคณะรัฐมนตรี)
ในการเสนอเรื่องนี้
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9119 | ผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 สภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบผลการพิจารณารายงานการพิจารณาศึกษาปัญหา
หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช
๒๕๖๐ ของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์
และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณารายงานและข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ
แล้ว สรุปความเห็นในภาพรวม เช่น
การกำหนดหลักการเกี่ยวกับสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยได้มีการคำนึงถึงสิทธิต่าง
ๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอยู่แล้ว โดยในมาตรา ๒๕
ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐
ได้กำหนดหลักประกันสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยไว้ในรัฐธรรมนูญ
และหากไม่มีการห้ามหรือจำกัดโดยรัฐธรรมนูญหรือโดยกฎหมาย
บุคคลย่อมมีสิทธิและเสรีภาพที่จะกระทำได้ทุกเรื่องแลได้รับการคุ้มครอง
การจะจำกัดสิทธิและเสรีภาพในเรื่องใดย่อมจะต้องพิจารณาโดยรอบคอบและเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวม
ในส่วนของบทบัญญัติในมาตรา ๕๐ เป็นพื้นฐานอันเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทย
และไม่จำเป็นต้องแยกว่ากรณีใดเป็นสิทธิหรือหน้าที่ อย่างไรก็ตาม
หากมีการศึกษาในภายหน้าแล้วเห็นว่าควรมีการปรับปรุงในการกำหนดให้กรณีใดควรเป็นสิทธิหรือหน้าที่ก็สามารถจะกระทำได้
สำหรับการบัญญัติหน้าที่ของรัฐตามหมวด ๕ หน้าที่ของรัฐ
เป็นการให้หลักประกันการทำหน้าที่ของรัฐซึ่งรัฐธรรมนูญได้บัญญัติให้รัฐมีหน้าที่ต้องดำเนินการ
แต่ในการดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติดังกล่าว หน่วยงานของรัฐจะเป็นกลไกสำคัญในการดำเนินการซี่งควรมีกฎหมายเฉพาะที่กำหนดรายละเอียดของหน้าที่และอำนาจในการดำเนินการด้วย
แต่หากกลไกการดำเนินการตามกฎหมายเฉพาะยังไม่เพียงพอก็สามารถพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายนั้นให้ชัดเจนได้
เช่น การฟ้องคดีศาล
ก็สมควรเพิ่มเติมกฎหมายดังกล่าวเพื่อกำหนดกรอบให้ชัดเจนในการให้อำนาจแก่ประชาชน
และในการกำหนดให้นโยบายการบริหารราชการแผ่นดินต้องสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ
ไม่เป็นข้อจำกัดของคณะรัฐมนตรีในการบริหารราชการแผ่นดิน
เพราะคณะรัฐมนตรีกำหนดให้ยุทธศาสตร์ชาติเป็นแผนระดับที่ ๑
ซึ่งเป็นกรอบการพัฒนาที่มีความยืดหยุ่นตามบริบทการเปลี่ยนแปลงทั้งของโลกและประเทศที่ครอบคลุมทุกมิติซึ่งเป็นแนวทางที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฯ
การพัฒนาประเทศ รวมทั้งเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นต้น
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
และแจ้งให้สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรทราบต่อไป
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||
9120 | คำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร | สผ. | 12/01/2564 | ||||||||||||||||||||||||||||||
คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบคำของบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. ๒๕๖๕ ของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประกอบด้วย
คำของบประมาณของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน ๘,๙๗๙,๓๑๙,๒๐๐ บาท และคำของบประมาณของกองทุนเพื่อผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา
จำนวน ๒๑๐,๓๘๐,๔๐๐ บาท และให้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ตามความเห็นของสำนักงบประมาณ
|